Mary Kay Inc. เฉลิมฉลองการปลูกต้นไม้มากกว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–9 พฤศจิกายน 2022

เมื่อผู้นำระดับโลกมาประชุมกันที่การประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ UN (COP 27) ในเดือนนี้ Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนระดับโลกด้านความยั่งยืนขององค์กรและการให้บริการดูแล ได้ประกาศความสำเร็จของโครงการปลูกป่าขนาด 69 เอเคอร์ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่การจัดการสัตว์ป่า Econfina Creek ในรัฐฟลอริดา โดยร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation จนถึงปัจจุบัน Mary Kay Inc. ได้ปลูกต้นไม้มากกว่า 1.2 ล้านต้นกับพันธมิตรทั่วโลก

(Graphic: Mary Kay Inc.)

(ภาพกราฟิก: Mary Kay Inc.)

มูลนิธิ Arbor Day Foundation และ Mary Kay ร่วมมือกับเขตการจัดการน้ำทางตะวันตกเฉียงเหนือของฟลอริดาเพื่อปลูกต้นสนใบยาวจำนวน 43,000 ต้น ซึ่งจะช่วยปกป้องแหล่งน้ำที่สำคัญในเบย์เคาน์ตี รัฐฟลอริดา ประโยชน์หลัก ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพของโครงการ ได้แก่

  • ฟื้นฟูและรักษาแหล่งน้ำดื่มหลักสำหรับเบย์เคาน์ตี รัฐฟลอริดา
  • ปลูกทดแทนพันธุ์ไม้พื้นเมืองเพื่อให้พื้นที่นี้กลับคืนสู่สภาวะตามธรรมชาติ
  • ปรับปรุงที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในพื้นที่ เช่น กวาง นกกระทาบ็อบไวท์ สุนัขจิ้งจอกเชอร์แมน และเต่าโกเฟอร์

“พันธมิตรอย่าง Mary Kay ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในระดับโลกซึ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนให้เกิดผลกระทบที่มีความสำคัญผ่านต้นไม้” กล่าวโดย Dan Lambe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมูลนิธิ Arbor Day Foundation “เรารู้สึกขอบคุณที่พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในภารกิจของเรา และหวังว่าจะได้แก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น การตัดไม้ทำลายป่าและการฟื้นฟูระบบนิเวศร่วมกันในอนาคต”

Arbor Day Foundation ประมาณการ* ว่าผลกระทบตลอด 40 ปีจะส่งผลดังนี้

  • กักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ 57,387.3 เมตริกตัน
  • กำจัดมลพิษทางอากาศ 165.6 ตัน
  • สกัดกั้นปริมาณน้ำฝน 2,455,300 แกลลอน

"ต้นไม้เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับฮีโร่มากที่สุดที่โลกของเรามี" Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว "ต้นไม้เหล่านี้ดูดซับคาร์บอน ปรับปรุงคุณภาพน้ำ และผลิตออกซิเจนที่จำเป็น พลังของต้นไม้ไม่มีที่เปรียบ ซึ่งเป็นเหตุผลให้ Mary Kay Inc. ลงทุนอย่างหนักในโครงการปลูกป่าทั่วโลก”

เมื่อต้นปีนี้ Mary Kay ได้เผยแพร่รายงานที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation โดย Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Arbor Day Foundation ร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบที่มากพอจนประเมินได้ต่อระบบนิเวศป่าไม้ที่สำคัญ

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน

โปรดไปที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ในหัวข้อ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow

*การประเมินผลกระทบโดยใช้ i-Tree ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัยและได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญจาก USDA Forest Service ที่ให้บริการเครื่องมือวิเคราะห์และประเมินผลป่าไม้ในเขตเมืองและในชนบท

เกี่ยวกับ Arbor Day Foundation

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นองค์กรสมาชิกไม่แสวงหากำไรที่ใหญ่ที่สุดที่อุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้ โดยมีสมาชิก ผู้สนับสนุน และพันธมิตรที่มีคุณค่ามากกว่าหนึ่งล้านคน ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา มีการปลูกต้นไม้เกือบ 500 ล้านต้นในละแวกบ้าน ชุมชน เมือง และป่าไม้ทั่วโลก วิสัยทัศน์ของเราคือการนำไปสู่โลกที่นำต้นไม้มาใช้ในการแก้ปัญหาที่สำคัญต่อการอยู่รอด

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในมูลนิธิอนุรักษ์ที่ดำเนินงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลนิธิ Arbor Day Foundation ได้ให้ความรู้และดึงดูดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนทั่วโลกให้มีส่วนร่วมในภารกิจการปลูกต้นไม้ บำรุงเลี้ยง และเฉลิมฉลองต้นไม้ผ่านทางสมาชิก พันธมิตร และโครงการต่าง ๆ โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ arborday.org

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash หนึ่งในผู้ผลิตฝ้าเพดานกระจกรุ่นดั้งเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือทำให้ชีวิตผู้หญิงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในเส้นทางเดินของพวกเธอผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย ​​เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรจากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้บน FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้บน Twitter

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/20221108005288/en/

ข้อมูลติดต่อ

Mary Kay Inc.
Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.





Gradiant ได้รับสัญญามูลค่ามากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายนเพื่อให้บริการแก่อุตสาหกรรมที่สำคัญทั่วโลก

Logo

ลูกค้าอุตสาหกรรมโลกทั่วโลกกำลังใช้ชุดเทคโนโลยีเต็มรูปแบบของ Gradiant เพื่อนำความยั่งยืนมาสู่ห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา

บอสตัน–(บิสิเนส ไวร์)–11 พฤศจิกายน. 2565

Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชั่นน้ำระดับโลก ประกาศสัญญามูลค่ารวมกว่า 30 ล้านดอลลาร์ เงินทุนนี้มาจากสัญญากับลูกค้าเจ็ดรายที่ได้รับในเดือนกันยายน ประกอบด้วยบริษัทข้ามชาติด้านในเซมิคอนดักเตอร์ (สำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์) บริษัทอุปกรณ์ป้องกันทางอุตสาหกรรม (ออสเตรเลีย) อาหารและเครื่องดื่ม (เบลเยียมและสหรัฐอเมริกา) เภสัชกรรม (อินเดีย) และโครงสร้างพื้นฐาน (ออสเตรเลีย)  Gradiant จะปรับใช้โซลูชันด้านการบริหารน้ำขั้นสูงและการบำบัดน้ำเสียเพื่อให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเหล่านี้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ลดต้นทุนการดำเนินงาน และรับรองความต่อเนื่องทางธุรกิจ

Gradiant จะออกแบบ-สร้างโรงบำบัดน้ำเสียสำหรับโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ในสิงคโปร์ โดยจะจัดส่งตามกำหนดการเร่งรัดเพื่อให้การผลิตชิปสามารถเริ่มต้นได้ในต้นปี 2566 โปรเจ็กต์นี้รวม RO Infinity สำหรับน้ำบริสุทธิ์พิเศษและการสกัดสารปนเปื้อน Selective Contaminant เพื่อบำบัดและแยกของเสียที่ซับซ้อนเพื่อให้ได้การกู้คืนมากกว่า 80% ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมสำหรับโรงงานผลิตแผ่นเวเฟอร์ของสิงคโปร์มีอัตราการรีไซเคิลที่ 43%

โครงการที่สองมีไว้สำหรับผู้ผลิตอุปกรณ์ป้องกันอุตสาหกรรมชั้นนำ โครงการนี้ตั้งอยู่ที่พื้นที่สีเขียวในอินเดีย ซึ่ง Gradiant จะส่งระบบบำบัดน้ำเสียและกำจัดของเสียเป็นศูนย์ (ZLD)  โรงงานดังกล่าวจะมีคุณลักษณะ Carrier Gas Extraction (CGE) ของ Gradiant สำหรับ ZLD และ SmartOps สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพแบบเมมเบรน (membrane biological reactor – MBR) สำหรับการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง  นอกเหนือจากวิศวกรรมและการจัดหาระบบแล้ว Gradiant จะจัดให้มีการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานอย่างครอบคลุมให้แก่พนักงานลูกค้าก่อนที่โรงงานเริ่มดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 2566

"เราภูมิใจที่ลูกค้าจำนวนมากขึ้นทั่วโลกกำลังนำโซลูชันของ Gradiant มาใช้เพื่อปรับปรุง ประสิทธิภาพการดำเนินงานและต้นทุนของสิ่งอำนวยความสะดวก และการลดการปล่อยคาร์บอนและน้ำ” Prakash Govindan ซีโอโอของ Gradiant กล่าว “รางวัลโครงการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่น่าสนใจของเทคโนโลยีเต็มรูปแบบของ Gradiant เรายังคงเติบโตต่อไปด้วยการนำเสนอโซลูชั่นที่สมบูรณ์สำหรับแอพพลิเคชั่นอุตสาหกรรมที่หลากหลายและมีคุณภาพสูง”

Gradiant ยังได้รับสัญญาสำหรับ:

  • การบำบัดน้ำที่โรงเบียร์ในแอฟริกาสำหรับลูกค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ติดอันดับ Fortune 500
  • การบำบัดน้ำที่โรงงานผลิตยาในมาเลเซียสำหรับลูกค้าที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • การบำบัดน้ำเสียและการกำจัดสารอินทรีย์ในอัตราสูงที่โรงงานผลิตส่วนผสมอาหารในประเทศมาเลเซียสำหรับลูกค้าที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • โครงการบำบัดน้ำเสียสองโครงการสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่โดยหน่วยงานรัฐบาลของรัฐนิวเซาท์เวลส์ (ออสเตรเลีย)

“ด้วยการร่วมมือกับ Gradiant ลูกค้าอุตสาหกรรมทั่วโลกสามารถนำความยั่งยืนมาสู่การดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา” Govind Alagappan ประธานฝ่ายปฏิบัติการระดับโลกของ Gradiant กล่าว “เรามุ่งเน้นที่การบำบัด เพิ่มประสิทธิภาพ และการจัดการน้ำทุกอย่าง Gradiant จะพยายามช่วยเหลืออุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลกเพื่อทำให้ชีวิตของผู้คนปลอดภัยขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น และดีขึ้น”

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นระดับโลกสำหรับการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง ด้วยชุดโซลูชั่นแบบ end-to-end ที่แตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gradiant ที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ  Gradiant ให้บริการแก่ลูกค้าในการดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจในอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก  Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำใครในการจัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นของโลกที่เกิดจากอุตสาหกรรม การเติบโตของประชากร และความต้องการทางน้ำ  ปัจจุบัน Gradiant มีพนักงานมากกว่า 450 คน ดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ระดับโลกในบอสตัน มีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค และห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานใน 12 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยม www.gradiant.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220927005112/en/

ติดต่อองค์กร:
Felix Wang
รองประธานฝ่ายการตลาด Gradiant
fwang@gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Aurora, Bangkok Bank, Farmhouse, Café Amazon ร่วมรับรางวัลแบรนด์ ออฟ เดอะ เยียร์ อวอร์ด ประจำปี 2022

Logo

ลอนดอน –(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2022

ในการประกาศรางวัล World Branding Awards ครั้งที่ 15 มีแบรนด์มากกว่า 3,500 แบรนด์จากประเทศต่างๆ มากกว่า 45 ประเทศได้รับการประกาศชื่อให้เป็น “แบรนด์ ออฟ เดอะ เยียร์” ในจำนวนนี้ มีน้อยกว่า 250 แบรนด์ที่ได้รับการประกาศรางวัล มีแขกผู้เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล 100 คนจากทั่วโลกมาร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก ณ พระราชวังเค็นซิงตัน ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีมอบรางวัล

Lurpak, Club Med, Yakult, Spotify, CoCo, Ikea, Amazon, Netflix, Neutrogena, Lego, Cadbury, Johnnie Walker, Hennessy ได้รับการประกาศให้เป็นแบรนด์ที่ได้รับรางวัลระดับโลกในพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติดังกล่าว

แบรนด์จากไทยที่ได้รับรางวัล ได้แก่ Aurora, Bangkok Bank, Farmhouse, Café Amazon, Gems Pavillion, King Power, PTT Station, Siam Paragon, Thai Life Insurance, True Online, Mk Suki, M-150, Twelve Plus สำหรับแบรนด์อื่นๆ ที่ได้รับรางวัลระดับประเทศ ได้แก่ Alibaba (จีน), Dior (ฝรั่งเศส), Haribo (เยอรมนี), Janji Jiwa (อินโดนีเซีย), Sprite (เคนย่า), Toast Box (สิงคโปร์), Sparco (อิตาลี) เป็นต้น

มีเพียง 17 แบรนด์ที่ได้รับรางวัลระดับภูมิภาคปีนี้ ได้แก่ Bosch, Media Markt, Sennheiser, SoundCloud, Al Abraaj Restaurants, Huawei, Carrefour, Optical 88, MR. D.I.Y., Elkjøp, BreadTalk, Naturgy, H&M, Walrus Pump, Gems Pavilion และ CBRE โดยแบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์โปรดของผู้บริโภคในอย่างน้อย 4 ประเทศของพื้นที่ในภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ 3 แห่งขึ้นไป

“พิธีนี้เป็นการเฉลิมฉลองแบรนด์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก รางวัลดังกล่าวเป็นเสมือนการยอมรับในความอุตสาหะที่ทีมงานของแต่ละแบรนด์ได้ทุ่มเทอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยในการทำงาน เพื่อสร้างและรักษาแบรนด์ของตนเองไว้ในตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด” คุณ Danny Pek กรรมการบริหาร World Branding Forum กล่าว

“ปีนี้มีผู้บริโภคเข้าร่วมกระบวนการเสนอชื่อมากกว่า 150,000 คนจากทั่วโลก โดยเฉลี่ยแล้วจะมีแบรนด์ที่ได้รับรางวัลในแต่ละประเทศอยู่เพียง 5 แบรนด์ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นต่อไปอีกว่าการได้รับรางวัล World Branding Awards นั้นเป็นความสำเร็จอันโดดเด่นอย่างแท้จริง” คุณ Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

งานนี้ดำเนินรายการโดย Jemma Forte พิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกสุดพิเศษเกี่ยวกับผู้บริโภคในอนาคตโดย Chris Sanderson ผู้ร่วมก่อตั้ง 'The Future Laboratory' ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเชิงลึกด้านผู้บริโภคและการให้คำปรึกษาด้านการพยากรณ์แนวโน้มชื่อดัง

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อแบรนด์ทั้งหมดที่ได้รับรางวัล โปรดไปที่ awards.brandingforum.org

###

เกี่ยวกับรางวัล World Branding Awards

รางวัล World Branding Awards เป็นรางวัลชั้นนำของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จดทะเบียน โดยรางวัลดังกล่าวจะมอบเพื่อยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://awards.brandingforum.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Media Team
media@brandingforum.org
+44(0)2037439880

ที่มา: World Branding Awards

upGrad เปิดตัว 10 วิทยาเขตทั่วโลก ตั้งเป้าจ้างดุษฎีบัณฑิต 1,000 คน

Logo

บริษัทตั้งเป้าที่จะพิชิต Indian Edtech Global โดยการสร้างสถาบันเทคโนโลยีอุบัติใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ATLANTA–(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2022

Edtech major และบริษัทการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย upGrad ได้ประกาศย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการศึกษาระดับอุดมศึกษาแบบออฟไลน์ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ UGDX” ซึ่งย่อมาจาก upGrad ที่ผลักดันเทคโนโลยีดิจิทัลอุบัติใหม่อย่างมหาศาล ปัจจัย "X" ของ UGDX ได้รับการเพิ่มเข้ามาโดย Data Science ที่เพิ่งได้รับมา, AI, สถาบันออฟไลน์ที่เน้น ML – INSOFE

ด้วยการลงทุน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ UGDX จะเปิดสถาบัน 10 แห่งในปีหน้า โดยมี 3 แห่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสถาบันในซานฟรานซิสโกจะเปิดให้บริการในเดือนมกราคม ปี 2023 และ 5 แห่งในอินเดียทั่วเดลีและเจนไนเพื่อเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ในมุมไบ ไฮเดอราบัด และบังกาลอร์ ส่วนในสิงคโปร์และตะวันออกกลางจะมีที่ละ 1 สถาบัน

UGDX มีกำหนดจะถึงจุดคุ้มทุนในการดำเนินงานใน 5 (ห้า) ไตรมาสจากการเปิดตัว แผนดังกล่าวยังมีการรับสมัครคณาจารย์ในพื้นที่ต่าง ๆ และจะต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อรวมวิทยาเขต คณาจารย์ และองค์กรเข้าด้วยกันอย่างราบรื่นภายในระบบนิเวศเดียว UGDX เชี่ยวชาญในด้าน AI, Machine Learning, Cybersecurity, Blockchain, Connected Devices, IOT, Quantum Computing, Digital Management, Leadership courses และ The Cloud และจะนำเสนอหลักสูตรประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกในสาขาเหล่านี้

“ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของเราที่จะกลายเป็นบริษัท Higher Edtech แบบบูรณาการเต็มรูปแบบแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งครอบคลุมผู้เรียนในวิทยาลัยและผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานตั้งแต่อายุ 18 ถึง 60 ปีขึ้นไป นี่เป็นการขยับขยายตามธรรมชาติเมื่อเราเปลี่ยนไปใช้ระบบออฟไลน์และออนไลน์ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวภายใต้แบรนด์ upGrad ของเราเอง” กล่าวโดย Ronnie Screwvala ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน upGrad

“โปรแกรม Work-Integrated Education ของ UGDX มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแตกต่างจากมหาวิทยาลัยทั่วไป DNA ของเราจะเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรม และเรากำลังสร้างโปรแกรมที่จะเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาช่วยพลิกโฉมองค์กรต่าง ๆ การมีส่วนร่วมที่หลากหลายกับการเชื่อมต่อในอุตสาหกรรมจะช่วยให้ผู้เรียนของเรามีประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงตั้งแต่วันแรก โปรแกรมทั้งหมดของเรามีจำนวนโครงการรวบยอดความรู้จากการปฏิบัติเข้ากับหลักฐานเชิงประจักษ์ (capstone) และงานโครงการอย่างน้อยสองเท่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมดั้งเดิม” กล่าวโดย ดร. Dakshinamurthy Kolluru ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ upGrad INSOFE ผู้ที่จะเป็นผู้นำของ UGDX ทั้งนี้ เขากล่าวเพิ่มเติมว่า "UGDX ทุกแห่งจะมีหน่วยบ่มเพาะเพื่อลงทุนในทรัพย์สินทางปัญญาและส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่เพื่อกำหนดแนวคิดและสร้างสิทธิบัตรซึ่งจะได้รับการพัฒนาและเลี้ยงดูภายในสถาบันเอง"

ดร. Sridhar Pappu ประธาน UGDX กล่าวว่า "ในฐานะสถาบันชั้นนำ ผลกระทบต่อผู้เรียนและสังคมโดยรวมนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเรา ดังนั้น คณาจารย์ที่ UGDX จะทำงานร่วมกับวิทยาลัยหลายแห่งในพื้นที่ใกล้เคียง และออกแบบโปรแกรมพัฒนาคณาจารย์ โปรแกรมอบรมเพื่อจุดประสงค์เฉพาะ (bootcamp) และโรงเรียนภาคฤดูร้อนฟรีสำหรับนักศึกษาที่ด้อยโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในทุกระดับ”

เกี่ยวกับ upGrad

upGrad เริ่มต้นในปี 2015 เป็นผู้บุกเบิกการปฏิวัติการศึกษาออนไลน์ โดยมุ่งเน้นที่การขับเคลื่อนความสำเร็จในอาชีพให้กับคนทำงานทั่วโลกกว่า 1.3 พันล้านคน เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) แบบบูรณาการไม่กี่แห่งในโลก ซึ่งครอบคลุมผู้เรียนในระดับวิทยาลัยไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานตั้งแต่กลุ่มอายุ 18-50 ปีและข้ามหลักสูตรระดับปริญญาตรี, หลักสูตร Campus & Job Linked, การศึกษาต่อต่างประเทศ, หลักสูตรระยะสั้นสำหรับหลักสูตรผู้บริหาร ไปจนถึงระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ด้วยฐานผู้เรียนมากกว่า 3 ล้านคนในกว่า 100 ประเทศและพันธมิตรมหาวิทยาลัยมากกว่า 300 รายและธุรกิจองค์กรที่แข็งแกร่งพร้อมฐานลูกค้ากว่า 1,000 บริษัททั่วโลก

Global Learning Engine ของ upGrad ตั้งอยู่บนสี่เสาหลักดังนี้ (ก) พื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ของเนื้อหาต้นฉบับที่เป็นเจ้าของและ IP, (ข) แพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน, (ค) บริการจัดส่งแบบไฮทัชที่นำโดยคน ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยโค้ชและพี่เลี้ยง และ (ง) สถิติความสำเร็จของหลักสูตร 85% โดยได้รับการสนับสนุนจากผลงานอีก 80% ที่รับประกันประสิทธิภาพ

เรียกได้ว่าเป็นผู้นำด้าน EdTech ระดับสูงของเอเชียแล้ว โดยมีสำนักงานในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง อินเดีย สิงคโปร์ และเวียดนาม และมีสำนักงานอยู่ในอีกหลายประเทศ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Pragya Jha, upGrad, pragya.jha@upgrad.com

แหล่งข้อมูล: upGrad

Azbil เปิดตัวตัวควบคุมแบบ Single Loop ที่มีความแม่นยำสูงพร้อมการตอบสนองที่รวดเร็ว – ลดภาระของบุคลากร ตั้งแต่การติดตั้งไปจนถึงการบำรุงรักษา –

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2022

Azbil Corporation (TOKYO:6845) ได้เริ่มจำหน่ายตัวควบคุมแบบ single loop รุ่น C1A ซึ่งมีความแม่นยำสูงและตอบสนองรวดเร็ว และลดภาระของบุคลากร ตั้งแต่การติดตั้งไปจนถึงการบำรุงรักษา

Tokyo-based Azbil Corporation has launched the model C1A single loop controller for use in the factory automation market (Photo: Business Wire)

Azbil Corporation ในโตเกียวได้เปิดตัวตัวควบคุมแบบ single loop รุ่น C1A สำหรับใช้ในตลาดโรงงานผลิตด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ (ภาพ: Business Wire)

แม้จะมีขนาดแผงด้านหน้าที่กะทัดรัด 48×48 มม. แต่ C1A ก็มีความแม่นยำสูงถึง ±0.1% ของค่าที่อ่านได้ (สำหรับเทอร์โมคัปเปิลหรือ Pt100 RTD) และการตอบสนองที่รวดเร็วด้วยรอบการสุ่มตัวอย่าง 25 มิลลิวินาที และมาพร้อมกับฟังก์ชันช่วยทุ่นแรงที่หลากหลายสำหรับแหล่งผลิต

ตัวควบคุมแบบ single loop จะเปรียบเทียบสัญญาณจากเซ็นเซอร์ด้วยค่าที่ตั้งไว้ ดำเนินการควบคุม PID*1 ตามค่าเบี่ยงเบน และสัญญาณควบคุมเอาต์พุตไปยังหัวขับเพื่อรักษาเป้าหมายการควบคุม (อุณหภูมิ ความดัน อัตราการไหล ฯลฯ) ให้อยู่ในระดับที่ถูกต้อง ตัวควบคุมเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในโรงงานและโรงงานผลิต Azbil มีตัวควบคุมแบบ single loop พร้อมฟังก์ชันต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการใช้งานในตลาดโรงงานผลิตด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ

ตามที่ระบุโดยโรงงานผลิตสารกึ่งตัวนำ (semiconductor) อุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดและมีประสิทธิภาพสูงนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเพิ่มผลผลิตในพื้นที่โรงงานที่จำกัด ความต้องการสำหรับอุปกรณ์ เช่น ตัวควบคุมแบบ single loop ที่รวมอยู่ในอุปกรณ์อื่น ๆ กำลังเพิ่มขึ้นสำหรับขนาดที่เล็กลงและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังถือเป็นสิ่งสำคัญในขณะที่อุปกรณ์กำลังทำงาน เพื่อลดช่วงเวลาที่เครื่องไม่ทำงานโดยการรักษาความเข้าใจเกี่ยวกับสถานะของกระบวนการอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันปัญหา อีกทั้งเพื่อรับมือกับปัญหา เช่น การลดลงของแรงงานที่มีทักษะและการขาดแคลนแรงงาน อุตสาหกรรมการผลิตได้หันไปใช้วิธีการปรับ PID ที่ใช้งานง่ายและสะดวกกว่า แทนที่จะใช้วิธีที่ต้องใช้คนงานที่มีประสบการณ์

แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่ C1A ก็มีความแม่นยำสูงและตอบสนองด้วยความเร็วสูง ตัวบ่งชี้หลายสถานะช่วยให้บุคลากรในสถานที่สามารถเข้าใจสถานะกระบวนการควบคุมได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการสื่อสารกับลอจิกคอลโทรลเลอร์ที่สามารถตั้งค่าโปรแกรมได้ (PLC) ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้โปรแกรมพิเศษ ทำให้ง่ายต่อการสร้างระบบสำหรับการตรวจสอบกระบวนการระยะไกล เช่น การใช้ระบบโฮสต์ แผงสัมผัส และอุปกรณ์ภายนอกอื่น ๆ

การใช้งานหลัก ๆ ของตัวควบคุมคือ การควบคุมอุณหภูมิโดยใช้อุปกรณ์ให้ความร้อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่ามีวันเสื่อมสภาพและมีอายุการใช้งานที่จำกัด วิธีที่มีประสิทธิภาพในการหาสาเหตุการเสื่อมสภาพคือ การตรวจสอบความต้านทานของฮีตเตอร์ C1A คำนวณแรงดัน กระแส และความต้านทานของฮีตเตอร์โดยใช้หม้อแปลงแรงดัน (VT) และอินพุตของหม้อแปลงกระแสไฟฟ้า (CT) ค่าเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้ที่แผงด้านหน้าของ C1A หรือใช้เพื่อส่งสัญญาณแจ้งเตือนหากเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การตรวจสอบความต้านทานและอุณหภูมิที่ควบคุมทำให้เข้าใจสภาพของฮีตเตอร์ได้ง่ายและป้องกันฮีตเตอร์ร้อนจัดโดยไม่คาดคิด

นอกจากนี้ Smart Loader Package ของ C1A ยังรวมถึงโปรแกรมจำลอง PID ที่ใช้เทคโนโลยีการจำลอง Azbil ที่เป็นกรรมสิทธิ์เป็นคุณสมบัติมาตรฐาน เครื่องจำลอง PID ใช้ข้อมูลการทำงานเพื่อสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่สร้างลักษณะเฉพาะของวัตถุควบคุม ให้ผู้ใช้จำลองการควบคุม PID บนพีซีและลดเวลาในการปรับแต่ง

คุณสมบัติ

  • ความแม่นยำสูงถึง ±0.1% ของค่าที่อ่านได้ (สำหรับเทอร์โมคัปเปิลหรือ Pt100 RTD) และการตอบสนองที่มีความเร็วสูงด้วยรอบการสุ่มตัวอย่าง 25 มิลลิวินาที
  • จอแสดงผลตัวเลข 4.5 หลักที่แสดงค่าตั้งแต่ -19999 ถึง 19999 ในหน่วย 0.01°C ทำให้สามารถตรวจสอบเงื่อนไขของกระบวนการได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น
  • ตัวบ่งชี้หลายสถานะ นอกจากการตั้งค่าและค่าอินพุตของเซ็นเซอร์แล้ว ยังสามารถแสดงกราฟแท่งของ % เอาต์พุต MV และข้อมูลการทำงานอื่น ๆ ได้อีกด้วย ทำให้เข้าใจสถานะการควบคุมได้ง่าย
  • ฟังก์ชันการสื่อสารการเชื่อมต่อ PLC สำหรับการสื่อสารกับ PLC โดยไม่ต้องใช้โปรแกรม
  • การตรวจสอบแผงด้านหน้าหรือเอาต์พุตแจ้งเตือนความต้านทานของฮีตเตอร์ที่คำนวณจากอินพุต CT/VT เพื่อให้เข้าใจสภาพของฮีตเตอร์
  • Smart Loader Package พร้อมฟังก์ชันการจำลอง PID ที่เป็นเหมือนคุณสมบัติมาตรฐาน ช่วยให้สามารถควบคุมได้ดีขึ้นผ่านการทำงานที่ใช้งานง่ายจากพีซี

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ต่อไปนี้
https://www.azbil.com/products/factory/factory-product/controller-recorder-communication-gateway/controller/c1a/index.html

ตามปรัชญาของ Azbil Group ในเรื่อง "ระบบควบคุมอัตโนมัติที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง" Azbil ตั้งเป้าหมายที่จะให้การสนับสนุน "ตามลำดับ" ให้กับสังคมที่ยั่งยืนและรับประกันการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้บริการแก้ไขปัญหาที่แหล่งผลิตที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า

*1 การควบคุมแบบป้อนกลับที่ทำงานบนพื้นฐานของการวัดเซ็นเซอร์เพื่อให้อุณหภูมิ ความดัน และตัวแปรอื่น ๆ ภายในอุปกรณ์การผลิตหรือการประมวลผลอยู่ในระดับที่ต้องการ ซึ่ง PID ขึ้นอยู่กับค่าสัดส่วน ปริพันธ์ และอนุพันธ์

เกี่ยวกับ Azbil Corporation

Azbil Corporation เดิมชื่อ Yamatake Corporation เป็นบริษัทชั้นนำในด้านการสร้างและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีการวัดและการควบคุมเพื่อจัดหาโซลูชันที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้กับลูกค้าเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น Azbil ก่อตั้งขึ้นในปี 1906 ให้บริการลูกค้าทั่วโลกในหลากหลายอุตสาหกรรมและมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในความปลอดภัย ความสะดวกสบายและการบรรลุผลสำเร็จของผู้คน รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลก เมื่อสิ้นเดือนมีนาคม ปี 2022 Azbil จ้างงานกว่า 10,000 คนทั่วโลกและสร้างรายได้กว่า 256 พันล้านเยน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.azbil.com/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52962270/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Azbil Corporation
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Robert Jones
โทร: +81-3-6810-1006
r.jones.j7@azbil.com

แหล่งข้อมูล: Azbil Corporation

2022 New Silk Road Story Exchange·Keqiao Forum และการประชุมการค้าเกี่ยวกับสินค้าสิ่งทอโลกครั้งที่ 5 จะมีการจัดขึ้นที่เคอเฉียว มณฑลเจ้อเจียง ในวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน

Logo

SHAOXING, ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–6 พฤศจิกายน 2022

วันที่ 3 เดือนพฤศจิกายน รองเลขาธิการรัฐบาลมณฑลเจ้อเจียงประกาศในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับงาน 2022 New Silk Road Story Exchange·Keqiao Forum และการประชุมการค้าเกี่ยวกับสินค้าสิ่งทอโลกครั้งที่ 5 ที่จะมีการจัดขึ้นที่เขตเคอเฉียว เมืองเช่าซิง มณฑลเจ้อเจียง ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 20 เดือนพฤศจิกายน

Site of the press conference (Photo: Business Wire)

เว็บไซต์งานแถลงข่าว (ภาพถ่าย: Business Wire)

เขตเคอเฉียวเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรมสินค้าสิ่งทอที่มีชื่อเสียงระดับโลก เนื่องด้วยมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าสิ่งทอน้ำหนักเบาที่นี่ทุกปีประมาณ 1/4 ของโลก โดยมีปริมาณการส่งออกสินค้าสิ่งทอกว่า 100 พันล้านหยวนในแต่ละปี ครอบคลุม 192 ประเทศและภูมิภาค

2022 New Silk Road Story Exchange·Keqiao Forum ประกอบด้วยหัวข้อหลักและสามหัวข้อย่อย ผู้เข้าร่วมกว่า 100 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวง ผู้นำทางด้านธุรกิจ ผู้บริหารมีเดียต่าง ๆ และนักวิจัย จะมารวมตัวกันที่เจ้อเจียง เพื่อแบ่งปันเรื่องราวและเทคนิคต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงการ "the Belt and Road"

การประชุมการค้าเกี่ยวกับสินค้าสิ่งทอโลกครั้งที่ 5 และกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะมีการจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 20 เดือนพฤศจิกายน โดยกิจกรรมหลักจะเป็นการประชุมตามหัวข้อหลัก การประชุมโต๊ะกลม งาน Keqiao Fashion Week งานแสดงสินค้าสิ่งทอฤดูใบไม้ร่วง และการประชุมหัวข้อย่อยอื่น ๆ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งกิจกรรมอื่น ๆ นั้นรวมถึงงานรางวัล Merit Award ครบรอบ 30 ปี ของเมืองสินค้าสิ่งทอแห่งประเทศจีน และการเผยแพร่สมุดปกขาวเกี่ยวกับอุตสาหกรรมงานพิมพ์และการย้อมสี

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Wang Na
โทร: +86137 1855 9535
อีเมล: 476270532@qq.com
URL: https://h.xinhuaxmt.com/vh512/share/11186510?d=1348cb0&channel=weixin

แหล่งข้อมูล: Xinhua Daily Telegraph

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52962026/en

กลุ่มสะสมศิลปะ teamLab นำเสนอประสบการณ์ศิลปะยามค่ำคืนที่สามารถดื่มด่ำได้ที่สวนพฤษศาสตร์ในเมืองโอซาก้า

Logo

teamLab Botanical Garden Osaka พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งใหม่ล่าสุดของกลุ่มสะสมศิลปะ โดยเป็นโลกแห่งศิลปะที่สร้างขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและพันธุ์ดอกไม้ตามฤดูกาล

OSAKA, Japan–(BUSINESS WIRE)–5 พฤศจิกายน 2022 

teamLab Botanical Garden Osaka เป็นสวนพฤษศาสตร์ในช่วงกลางวัน และเป็นแหล่งแสดงงานศิลปะในช่วงกลางคืน สร้างขึ้นโดยกลุ่มสะสมศิลปะ teamLab ในโตเกียว ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักกันในกลุ่ม teamLab Borderless โดยมีการเปิดตัวในช่วงฤดูร้อนที่สวนพฤษศาสตร์ที่นากาอิในเมืองโอซาก้า teamLab Botanical Garden เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งใหม่ล่าสุดของกลุ่มสะสมศิลปะที่จะเริ่มส่องแสงสว่างเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน

When an ovoid is pushed by a person, blown by the wind, or hit by rain, it shines brightly and produces a tone as it rises back up on its own. The surrounding ovoids also respond one after another, resonating and emitting the same tone and light color. (teamLab, Resonating Microcosms in the Common Camellia Garden / Photo: teamLab)

แสดงแรงผลักคอสมอสของผู้คน แรงพัดของลม หรือความแรงจากฝน ส่องแสงเจิดจ้าและส่งเสียงออกไป คอสมอสโดยรอบจะสะท้อนซึ่งกันและกัน ส่งเสียงและสะท้อนแสงสีอ่อน (teamLab, Resonating Microcosms in the Common Camellia Garden / ภาพถ่าย: teamLab)

สวนพฤษศาสตร์ที่นากาอิมีพื้นที่มากกว่า 240,000 ตร.ม. พร้อมทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง รวมถึงเป็นบ้านของนกป่าหลากหลายชนิดและพันธุ์ดอกไม้ตามฤดูกาล โดยมีการสร้างงานศิลปะและจัดขึ้นรูปโดยใช้พืช ต้นไม้ และนกในสวนนี้ ซึ่ง teamLab ได้ผสานรวมองค์ประกอบทางธรรมชาติผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลตามธรรมชาติ จากการตรวจจับ เครือข่าย แสงสว่าง และเสียง โดยจะมีการผสานรวมงานศิลปะจากอิทธิพลลม ฝน และการเยือนของผู้เข้าชม

teamLab Botanical Garden เปิดตัวผลงานใหม่หลายชิ้นโดย teamLab รวมถึง Sculptures of Dissipative Birds in the Wind งานแสดงขนาดยักษ์ที่แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหว หรือการกระจายของพลังงาน โดยสายลมโดยรอบและนกที่บินผ่านมาในชีวิตจริง ซึ่งจะสร้างงานศิลปะที่คงอยู่ตลอดไป

งานนิทรรศการซึ่งมีการเปลี่ยนทัศนียภาพไปตามฤดูกาล พร้อมแสดงงานศิลปะที่ใช้พันธุ์ดอกไม้ตามฤดูกาล ตลอดเดือนพฤศจิกายน จะมีการแสดงนิทรรศการที่ใช้ดอกไม้แห่งจักรวาลที่มีชีวิต Life is Flickering Light Floating in the Dark – Cosmos ทั่วทั้งทุ่งกว้างขนาด 2,000 ตร.ม. คอสมอสส่องสว่างในความมืด เมื่อผู้คนยืนใกล้คอสมอส จะยิ่งส่องแสงเจิดจ้าและส่งเสียงออกมา พร้อมทั้งการแผ่กระจายแสงสว่างไปยังคอสมอสที่อยู่ใกล้เคียง และมีการสะท้อนเสียงเดียวกัน

“งานศิลปะในนิทรรศการนี้ได้รับอิทธิพลจากต้นไม้และนกที่อาศัยอยู่ในสวน หากสัตว์ป่าสูญหายไป งานศิลปะก็จะหายไปด้วยเช่นกัน เราไม่สามารถแยกต้นไม้และนกออกจากระบบนิเวศ เช่น ป่าไม้หรือทะเลสาบในสวน ได้ ดังนั้น หากสภาพแวดล้อมไม่ยั่งยืน ต้นไม้และนกก็จะหายไป และด้วยเหตุนี้ งานศิลปะก็หายไปด้วยเช่นกัน โดยไม่มีการกำหนดการคงอยู่ของงานศิลปะตามขอบเขตพื้นผิวทางกายภาพ แต่จะมีความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องกันและครอบคลุมโดยสภาพแวดล้อมโดยรอบ

งานศิลปะจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ด้วยอิทธิพลจากลม ฝน และพฤติกรรมของผู้คน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและผู้คนเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงาน ผู้คนและงานศิลปะ ต้นไม้ ป่าไม้ และทะเลสาบ ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องโดยไม่มีขอบเขต

teamLab มุ่งมั่นที่จะสำรวจสเปซเพื่อขยายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษยชาติจากงานศิลปะเข้าไปยังสภาพแวดล้อม” teamLab กล่าว

เกี่ยวกับ teamLab

teamLab (f. 2001) เป็นกลุ่มงานศิลปะระดับนานาชาติ พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อนำเสนอศิลปะ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโลกธรรมชาติ ผ่านงานศิลปะ โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญสหวิทยาการ รวมถึงศิลปิน โปรแกรมเมอร์ วิศวกร ผู้สร้างแอนิเมชั่น CG นักคณิตศาสตร์ และสถาปนิก มุ่งมั่นเพื่อสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษยชาติและโลก และชีวิตรูปแบบใหม่

teamLab มีการจัดนิทรรศการ teamLab ขึ้นทั่วโลก รวมถึงในนิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส สิงคโปร์ ซิลิคอนวัลเลย์ ปักกิ่ง และเมลเบิร์น เป็นต้น พิพิธภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ teamLab รวมถึง teamLab Borderless และ teamLab Planets ในโตเกียว teamLab Borderless Shanghai และ teamLab SuperNature Macao โดยมีการเปิดให้เข้าชมในเมืองต่างๆ อีกมากมาย เช่น อาบูดาบี ปักกิ่ง ฮัมบูร์ก เจดดาห์ และอูเทรกต์ teamLab.art

teamLab นำเสนอโอย Pace GalleryMartin Browne Contemporary และ Ikkan Art

teamLab ที่สวนพฤษศาสตร์ เมืองโอซาก้า

Permanent Open-Air Museum
Nagai Botanical Garden (1-23 Nagaikoen, Higashisumiyoshi Ward, Osaka)
https://www.teamlab.art/e/botanicalgarden/
#teamLabBotanical #teamLab

สำหรับมีเดีย

Press Kit
วิดีโอไฮไลท์: https://youtu.be/zkD4DbvYQyM

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52961075/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Sakurako Naka, teamLab
lab-pr-info@team-lab.com
+81-3-6811-0529

แหล่งข้อมูล: teamLab


Huawei เสนอโซลูชันที่เน้นนวัตกรรม F5.5G เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการบรรลุการเติบโตของธุรกิจใหม่

Logo

กรุงเทพฯ ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–4 พฤศจิกายน 2022

ในการประชุมสุดยอด Green All-Optical Network ของ Ultra-Broadband Forum (UBBF 2022) ครั้งที่ 8 Kim Jin รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ออปติคัลของ Huawei ได้กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ "นวัตกรรมที่มุ่งเน้น F5.5G ขับเคลื่อนการเจริญเติบโต" ในการบรรยาย Kim Jin ได้อธิบายถึงโอกาสและความท้าทายในด้านการสื่อสารด้วยแสงในระหว่างการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้กับทุกภาคส่วนของธุรกิจทั่วโลก อีกทั้งเขายังนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมที่สำคัญของ Huawei เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จทางธุรกิจในตลาดภายในประเทศและองค์กรในช่วงวิวัฒนาการสู่ F5.5G นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ทั้งอุตสาหกรรมคว้าโอกาสแห่งยุคดิจิทัล เริ่มปรับใช้โซลูชันที่เป็นนวัตกรรม และเปิดรับการเติบโตใหม่ในอุตสาหกรรมการสื่อสาร

 Kim Jin รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ออปติคัลของ Huawei ci5.googleusercontent.com/proxy/2-ff8iT0alAZZivS2F–sgIZZgw1MP6hArNF29Nm4Ej8u8v5WfgOMAnzkq1JToAZNsuk7MkEC01bpUnoeSJcXQT2Bp41VDrCp_1vyStm4SMA0xhA-TzCf3I-Kija=s0-d-e1-ft#https://mms.businesswire.com/… ” />

Kim Jin รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ออปติคัลของ Huawei (ภาพ: Business Wire)

เนื่องจากการพัฒนาของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมแบบดั้งเดิมนั้นช้าลง จึงจำเป็นต้องมีจุดที่ทำให้เติบโตใหม่ อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของอุตสาหกรรมโฮมบรอดแบนด์ทั่วโลกยังไม่ได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความครอบคลุมบรอดแบนด์ภายในบ้านและประสบการณ์เครือข่ายภายในบ้าน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมจะครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นสำหรับการเติบโตของตลาดโทรคมนาคม การบริการสำหรับบ้านและองค์กรระดับพรีเมียมคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 10% ทุกปีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อเทียบกับฉากหลังนี้ การเตรียมความสามารถของเครือข่ายล่วงหน้าจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ให้บริการในการคว้าโอกาสทางดิจิทัลในคลื่นลูกถัดไป ด้วยเหตุนี้ Huawei จึงได้พัฒนาโซลูชันการสร้างเครือข่าย CO+X ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ FTTR สำหรับโซลูชันภายในบ้าน โซลูชัน Super Site แบบออปติคัลทั้งหมด โซลูชัน OptiX Alps-WDM และโซลูชันเครือข่ายแกนหลักแบบตาข่าย 3 มิติ 400G OXC เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จทางธุรกิจในอนาคต

โซลูชันการสร้างเครือข่าย CO+X: เร่งการปรับใช้บรอดแบนด์ประจำที่

เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ประจำที่เพื่อให้บ้านแต่ละหลังได้รับความเร็วที่เร็วขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง Huawei จึงได้พัฒนาโซลูชันการสร้างเครือข่าย CO+X ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ในโซลูชันนี้ OLT หลายสาขาได้ขยายจาก OLT ในห้องอุปกรณ์ CO ซึ่ง OLT ของสาขาเหล่านี้สามารถติดตั้งในตู้ข้างถนนหรือติดตั้งบนผนังหรือเสาได้ และสามารถจัดการในลักษณะบูรณาการได้ โซลูชันนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้ทรัพยากรห้องอุปกรณ์ CO น้อยลง เร่งการสร้างเครือข่าย FTTH อย่างมีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการก่อสร้างโดยรวมลง 23% นอกจากนี้ Huawei ได้เปิดตัวโซลูชัน DQ-ODN ที่ใช้โหมดการเชื่อมต่อล่วงหน้าเพื่อแทนที่โหมดการสร้างเครือข่ายแบบดั้งเดิมที่ไม่มีประสิทธิภาพซึ่งอาศัยการสไปซ์สายไฟเบอร์ โซลูชัน DQ-ODN เพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง 30% และลดต้นทุนการก่อสร้าง ODN ของผู้ให้บริการได้อย่างมาก

FTTR สำหรับโซลูชันภายในบ้าน: นิยามใหม่ของประสบการณ์โฮมบรอดแบนด์

ด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดโฮมบรอดแบนด์ การมอบประสบการณ์คุณภาพที่แตกต่างจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของผู้ให้บริการ Huawei ได้เปิดตัว FTTR นวัตกรรมสำหรับโซลูชันภายในบ้านที่ขยายเครือข่ายกิกะบิตไปยังห้องต่างๆ โดยใช้การเชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โซลูชันนี้ใช้ใยแก้วนำแสงแบบโปร่งใสที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษเพื่อขยายไปยังแต่ละห้องในบ้าน โดยให้สัญญาณ Wi-Fi ความเร็วสูงครอบคลุมในแต่ละห้อง ด้วยการควบคุมแบบรวมศูนย์และการประสานสัญญาณ Wi-Fi โซลูชันนี้ช่วยลดการรบกวน เพิ่มความเร็วในการโอนย้ายโรมมิ่ง และทำให้ได้รับประสบการณ์บรอดแบนด์กิกะบิตที่ราบรื่นทั่วทุกมุมของบ้าน

โซลูชัน Super Site แบบออปติคัลทั้งหมด: ปรับปรุงคุณภาพการเชื่อมต่อ

เพื่อให้บริการแก่องค์กรได้ดียิ่งขึ้น Huawei ได้พัฒนาโซลูชันการปรับใช้เว็บไซต์ร่วม OLT+OTN ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยโซลูชันนี้ Huawei ได้สร้างเครือข่ายการเข้าถึงแบบออปติคัล ODN เพื่อจัดเตรียมรูปแบบเครือข่ายสี่ประเภทในการเชื่อมต่อองค์กรขนาดใหญ่ องค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง องค์กรขนาดเล็กและขนาดไมโคร และบ้านตามลำดับ ผู้ให้บริการสามารถเลือกคุณภาพการเชื่อมต่อเฉพาะตามความต้องการของการบริการในสถานการณ์เฉพาะได้ โดยลด TCO ลงประมาณ 50% ซึ่งบนพื้นฐานของความครอบคลุมในทุกสถานการณ์ โซลูชันเส้นทางส่วนตัวของ OSU ยังสามารถใช้การเชื่อมต่อเส้นทางส่วนตัวระดับองค์กรที่รวดเร็วในโหมด end-to-end รองรับการปรับแบนด์วิดท์ตามความต้องการจาก 2 Mbps ถึง 100 Gbps และให้บริการเส้นทางการสื่อสารส่วนตัวที่ยืดหยุ่นและมีคุณภาพสำหรับองค์กรต่างๆ

โซลูชัน OptiX Alps-WDM: ทำให้เครือข่ายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

Huawei ยังได้เปิดตัวโซลูชัน OptiX Alps-WDM เพื่อจัดการกับความต้องการแบนด์วิดท์ที่ไม่สม่ำเสมอของเครือข่ายเมโทร ตลอดจนข้อกำหนดสำหรับการปรับแต่งทรัพยากรความยาวคลื่นที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โซลูชันนี้ใช้เทคโนโลยีทรัพยากรร่วมสำหรับความยาวคลื่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ด้วยเทคโนโลยีนี้ จำเป็นต้องมีส่วนประกอบน้อยลงในแต่ละโหนดการรวมกลุ่มของเมโทร และสามารถใช้ทรัพยากรความยาวคลื่นร่วมกันและปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่นระหว่างวงแหวนการเข้าถึงที่เชื่อมต่อ ด้วยวิธีนี้ สามารถจัดสรรแหล่งข้อมูลสำหรับการส่งได้อย่างยืดหยุ่น ลดต้นทุนการบำรุงรักษาเครือข่ายได้มากกว่า 20% อีกทั้งโซลูชันนี้ยังรองรับพัฒนาการที่ราบรื่นจาก 100G เป็น 400G

โซลูชันเครือข่ายแกนหลักแบบตาข่าย 3 มิติ 400G OXC: สร้างเครือข่ายแกนหลักแบบอัลตราบรอดแบนด์

ด้วยการถือกำเนิดของคลื่นดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ เครือข่ายจะต้องเผชิญกับการเพิ่มขึ้น 10 เท่าทั้งในด้านปริมาณการเชื่อมต่อและปริมาณการรับส่งข้อมูล เครือข่ายของผู้ให้บริการต้องมีความสามารถอันทรงพลังที่สร้างขึ้นล่วงหน้าเพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาต่อยอดธุรกิจในอุตสาหกรรม เพื่อจัดการกับความท้าทายนี้ Huawei ได้เปิดตัวโซลูชันเครือข่ายแกนหลักแบบตาข่าย 3 มิติ 400G พร้อมสเปกตรัมออปติคัลกว้างพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสเปกตรัมของไฟเบอร์ออปติก 50% และลดต้นทุนต่อบิตลง 30% โซลูชันนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการสร้างเครือข่ายแกนหลักที่มีแบนด์วิดท์สูงพิเศษและมีความน่าเชื่อถือสูง

ในงาน HUAWEI CONNECT ที่จัดขึ้นในเดือนกันยายนปีนี้ Huawei ได้เปิดตัวเอกสารข้อมูลชุด "Striding Towards the Intelligent World" ซึ่งรวมถึงเอกสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายออปติคัล F5.5G เอกสารนี้ชี้ให้เห็นทิศทางการพัฒนาในอนาคตและแนวโน้มเทคโนโลยีของเครือข่าย F5.5G โซลูชันนวัตกรรมที่สำคัญของ Huawei จะส่งเสริมวิวัฒนาการ F5.5 ของอุตสาหกรรมต่อไป Kim Jin กล่าวว่า "Huawei ยินดีที่จะทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรเพื่อก้าวไปสู่ ​​F5.5G และสร้างการเชื่อมต่อแบบออปติคัลที่แพร่หลายและ OTN เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเปิดรับการเติบโตรูปแบบใหม่"

ตั้งแต่วันที่ 27-28 ตุลาคมปีนี้ การประชุม Ultra-Broadband Forum (UBBF) ครั้งที่ 8 ซึ่งร่วมเป็นเจ้าภาพโดย UN Broadband Commission และ Huawei จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งการประชุมนี้รวบรวมผู้ประกอบการชั้นนำระดับโลก ผู้นำในอุตสาหกรรม หน่วยงานกำกับดูแล องค์กรมาตรฐาน พันธมิตรในอุตสาหกรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย และมุ่งเน้นไปที่หัวข้อ "ก้าวสู่อัลตร้าบรอดแบนด์ 5.5G" โดยจะวิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจที่เครือข่ายอัลตราบรอดแบนด์นำมาสู่การพัฒนาบ้านและอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างละเอียดถี่ถ้วน และสำรวจวิวัฒนาการและทิศทางการพัฒนานวัตกรรมของอุตสาหกรรมเครือข่ายแบบประจำที่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52955044/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Huawei, Rita Peng, +8613120012305, pengqiuyu1@huawei.com

Black & Veatch แต่งตั้ง Ruturaj Govilkar ให้เป็นผู้นำธุรกิจอินเดียในฐานะลูกค้ารุ่นใหม่ผู้มองหาโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดคาร์บอน ยั่งยืน และมีความยืดหยุ่น

Logo

เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย–(BUSINESS WIRE)–4 พฤศจิกายน 2022

Black & Veatch ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ ได้แต่งตั้ง Ruturaj Govilkar ให้เป็นผู้จัดการประจำประเทศและเป็นกรรมการผู้จัดการของอินเดีย เพื่อคุมการเติบโตของบริษัท เขาจะมาดูแลธุรกิจทุกด้านของ Black & Veatch ภายในประเทศ

ข่าวดังกล่าวเป็นไปตามคำมั่นสัญญามูลค่า 100 ล้านล้านรูปีของอินเดียเมื่อไม่นานมานี้ (ประมาณ 1.35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) คำมั่นที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 25 ปีต่อจากนี้ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างงาน และสามารถพึ่งพาตนเองในด้านพลังงานภายในปี 2047 ด้วยผู้เชี่ยวชาญในประเทศที่มีมากกว่า 800 คนประจำอยู่ที่เมืองมุมไบและเมืองปูเน่ โดยทีมจะใช้ผลงานทั้งหมดในด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลกของบริษัทในการมอบโซลูชันที่เข้ากับท้องถิ่นแบบผสานรวมสำหรับลูกค้าชาวอินเดีย

"มีนักพัฒนาชาวอินเดียรุ่นใหม่และธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และผลประโยชน์ที่ยั่งยืนมากขึ้นจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เริ่มตั้งแต่การปรับใช้โซลูชันด้านพลังงานใหม่ ไปจนถึงการออกแบบ การสร้างศูนย์ข้อมูลและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอุตสาหกรรมและการประมวลผลอื่นๆ” กล่าวโดย Govilkar “การใช้ประโยชน์จากมาตรฐานและเทคโนโลยีระดับโลกขั้นสูงของ Black & Veatch ทำให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะลดต้นทุนการดำเนินงาน ปรับปรุงให้น่าเชื่อถือและยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงตอบสนองความคาดหวังใหม่ๆ เพื่อผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าเดิม”

การดำเนินงานในอินเดียของ Black & Veatch ได้ให้โซลูชันโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าในอินเดีย ตลอดจนทรัพยากรด้านวิศวกรรมที่เชี่ยวชาญและมีคุณภาพสูงสำหรับโครงการ Black & Veatch ที่ส่งไปทั่วโลก

“Ruturaj นำประสบการณ์มากมายจากโครงการระดับนานาชาติในยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย และประสบการณ์จากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น น้ำมัน ก๊าซ น้ำ และพลังงาน” Hoe Wai Cheong ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าว “เขาเหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่งที่จะต้องแนะนำลูกค้าชาวอินเดียผู้กำลังสำรวจหาโอกาสต่างๆ อันเป็นผลมาจากเมกะเทรนด์ระดับโลก เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้า เชื้อเพลิงสะอาด การทำให้คาร์บอนเป็นศูนย์ การแปลงเป็นดิจิทัล และความยืดหยุ่น”

Govilkar ทำงานให้ Black & Veatch มาหลายบทบาทตั้งแต่ที่เข้ามาในปี 2010 เขามีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลก อีกทั้งยังสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมเคมีจากมหาวิทยาลัย Nagpur

คลิกที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดรูปประกอบเสริม

ข้อความจากบรรณาธิการ:

• Black & Veatch ให้การสนับสนุนชุมชนในอินเดียมาตั้งแต่ปี 1969 และสืบทอดสิ่งต่างๆ มาจากหน่วยงานที่เข้าครอบครองก่อนหน้านี้ซึ่งมีความเป็นมาย้อนหลังนานขึ้นไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 800 คนจากสถานที่สองแห่งในอินเดียทำโครงการด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างทั่วโลกและภายในอินเดีย โครงการล่าสุดได้แก่ สถานีเติมก๊าซธรรมชาติแห่งแรกทางชายฝั่งตะวันออกของอินเดีย ซึ่งเป็นสถานีจัดเก็บและเติมก๊าซธรรมชาติแบบลอยน้ำแห่งแรกในรัฐคุชราตของอินเดีย และอีกโครงการคือการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ของ Adani Power โดยลดต้นทุนการดำเนินงานและการปล่อยมลพิษ

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม จัดซื้อ ให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมผลงานด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนซึ่งมีมานานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกด้วยการแก้ปัญหาเรื่องความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ในรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2021 มีมากกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางโซเชียลมีเดีย

ติดต่อ

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SMART Modular Technologies ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ DuraMemory ด้วยหน่วยความจำโพลไฟล์ต่ำรุ่นใหม่ DDR5 VLP ECC UDIMM

Logo

รายการผลิตภัณฑ์ที่ขยายใหม่นี้คือหน่วยความจำรุ่น DDR5 VLP UDIMM ที่ออกแบบมาสำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ที่ใช้ในแอปพลิเคชันระบบเครือข่าย แอปพลิเคชันการคำนวณ และแอปพลิเคชันจัดเก็บข้อมูล

นครไทเปใหม่ ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–3 พฤศจิกายน 2022

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”), หน่วยงานของ SGH (Nasdaq: SGH) และผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลชนิดไฮบริด, ชนิด Solid-state drives, และโซชูชันหน่วยความจำชั้นนำของโลกได้ประกาศออกมาวันนี้ว่าจะมีการเพิ่มรายการผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นโมดูลหน่วยความจำชนิด Unbuffered Dual In-Line รหัสการแก้ไขข้อผิดพลาด โพรไฟล์ต่ำ แรม DDR5 ขนาด 16GB และ 32GB (VLP ECC UDIMM) เสริมจากรายการผลิตภัณฑ์มอดูลหน่วยความจำโพลไฟล์ต่ำ (VLP) สำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์

SMART’s new DuraMemory DDR5 VLP ECC UDIMMs are designed for embedded 1U blade networking, telecom, compute and storage applications. (Photo: Business Wire)

DDR5 VLP ECC UDIMM หน่วยความจำรุ่นใหม่จาก DuraMemory ของ SMART ออกแบบมาเพื่อใช้ฝังในแอปพลิเคชันระบบเครือข่าย แอปพลิเคชันโทรคมนาคม แอปพลิเคชันการคำนวณ และแอปพลิเคชันการจัดเก็บข้อมูลบนเบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U (ภาพ: Business Wire)

DDR5 VLP ECC UDIMM รุ่นใหม่จาก DuraMemory ของ SMART ออกแบบมาสำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์และระบบตัวล้อมเบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ที่ใช้ในแอปพลิเคชันระบบเครือข่าย แอปพลิเคชันโทรคมนาคม แอปพลิเคชันการคำนวณ และแอปพลิเคชันจัดเก็บข้อมูล ซึ่งได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพโดยการลดขนาดพื้นที่และใช้พลังงานน้อยลง  DDR5 VLP ECC UDIMM ออกแบบมาให้ตรงกับข้อมูลจำเพาะด้านความสูง ความหนาแน่น พลังงาน และประสิทธิภาพที่จำเป็นต่อการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันหน่วยความจำรุ่นใหม่ๆ

“CPU ในหน่วยความจำขนาด DDR5 รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวนี้ จะมีโมดูล DDR5 VLP หลากหลายแบบให้ลูกค้าได้เลือกสรรตามความต้องการเฉพาะตัวสำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์รุ่นต่างๆ ที่ใช้ในแอปพลิเคชัน Edge, IIoT และแอปพลิเคชันในตระกูลที่คล้ายกันนี้ โดยจะมีการประมวลผลข้อมูลที่จำเป็นตั้งแต่ต้นทาง” Arthur Sainio ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ DRAM ที่ SMART กล่าว

โมดูล DDR5 นี้จะมอบสถาปัตยกรรมการจัดการพลังงานและช่องทางการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง ทำงานได้รวดเร็วขึ้น และสามารถเพิ่มความหนาแน่นให้สูงขึ้นได้เมื่อเทียบกับโมดูล DDR4 โดยที่โมดูลหน่วยความจำ VLP ECC UDIMM โพลไฟล์ต่ำของ SMART (ความสูง 18.75 มม.) นี้มอบพื้นที่การจัดวางโมดูลหน่วยความจำ DIMM แนวตั้งในพื้นที่เบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ได้และช่วยประหยัดพื้นที่ได้มาก รวมทั้งความจุความหนาแน่นที่สูงจะช่วยเพิ่มความจุหน่วยความจำได้สูงสุด 384GB ในระบบการคำนวณและการจัดเก็บข้อมูลของเบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ด้วยช่องเสียบสำหรับโมดูลหน่วยความจำ DIMM 12 ช่อง ปัจจุบันโมดูลนี้รองรับหน่วยความจำขนาด DDR5-4800 ขณะที่หน่วยความจำขนาด DDR5-5600 กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา

นอกจากนี้ SMART ยังมอบ VLP ECC UDIMM ที่ทนทานด้วยเกรดอุณหภูมิระดับอุตสาหกรรม (-40° ถึง +85°C) สำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ที่ใช้ในแอปพลิเคชัน Edge และแอปพลิเคชันอื่นๆ อีกด้วย โดยสามารถใช้งานในสภาวะแวดล้อมที่หนาวหรือร้อนจัดได้อย่างไรกังวล SMART ยังมอบคุณสมบัติเพิ่มเติมด้วย อาทิ อุปกรณ์ต้านทานซัลเฟอร์ การเคลือบผิวแบบ Underfill และแบบ Conformal และคลิปการเก็บข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์จะทำงานได้ดีในทุกสภาพการณ์

VLP ECC UDIMM สำหรับแรม DDR5 ขนาด 16GB และ 32GB จาก SMART มีวางจำหน่ายแล้ว หากต้องการทราบข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคและวิธีสั่งซื้อ โปรดไปหน้าผลิตภัณฑ์ VLP UDIMM ที่ smartm.com

*รูปแบบของตัว “S” และ “SMART” เช่นเดียวกับ “SMART Modular Technologies” และ “DuraMemory” เป็นเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Modular Technologies, Inc. เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่นๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies

เป็นเวลากว่า 30 ปีมาแล้วที่ SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าจากทั่วโลกด้วยการคำนวณที่ถูกต้องแม่นยำผ่านการออกแบบ พัฒนา และบรรจุภัณฑ์สุดล้ำสำหรับโซลูชันหน่วยความจำประสิทธิภาพสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ยืนยงของเรามีตั้งแต่เทคโนโลยีสุดล้ำในปัจจุบันไปจนถึงผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล DRAM และ Flash แบบมาตรฐานกับแบบดั้งเดิม เราคือผู้จัดหาโซลูชันจัดเก็บข้อมูลและโซลูชันหน่วยความจำที่ได้มาตรฐาน ทนทาน และปรับแต่งได้ตามความปรารถนาของลูกค้าเพื่อให้ตรงตามความต้องการของแอปพลิเคชันที่หลากหลายในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52958418/en

ข้อมูลการติดต่อ

ติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์
Arthur Sainio
ผู้อำนวยการการตลาดผลิตภัณฑ์ DRAM
SMART Modular Technologies
39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583
+1 (510) 364-3647
arthur.sainio@smartm.com

ติดต่อฝ่ายสื่อ
APAC
Morris Yang
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
+886 (2) 7705 2770
apac@smartm.com

แหล่งข้อมูล: SMART Modular Technologies, Inc.

The Bangkok Reporter