APO ยังคงให้ความสนับสนุน สปป.ลาว ในการเพิ่มผลผลิต

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–28 พฤศจิกายน 2023

Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการ Asian Productivity Organization (APO) เยือน สปป.ลาว เมื่อวันที่ 23 และ 24 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 เพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง และเปิดงานเทศกาลการเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ

APO Secretary-General Dr. Indra Pradana Singawinata (L) with Deputy Prime Minister and Minister of Foreign Affairs, H.E. Saleumxay Kommasith. (Photo: Business Wire)

Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการ APO (ซ) พร้อมด้วย H.E. Saleumxay Kommasith รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ภาพถ่าย: Business Wire)

ในระหว่างการเยือน Dr. Indra เลขาธิการ ได้พบกับ H.E. Saleumxay Kommasith รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ H.E. Malaythong Kommasith รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ เพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายด้านการผลิตและโอกาสที่ สปป.ลาว กำลังเผชิญ และการสนับสนุนจาก APO สำหรับกลยุทธ์การผลิตระดับชาติ รองนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณต่อ APO สำหรับการสนับสนุนการขับเคลื่อนการผลิตของประเทศอย่างต่อเนื่อง และชื่นชมประสิทธิผลของการให้ความช่วยเหลือจาก APO ต่อ SME และภาครัฐของ สปป.ลาว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวง Kommasith เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างผลกระทบโดยตรงในวงกว้าง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยตลาดที่เปิดเสรีมากขึ้นในภูมิภาค ความสามารถในการแข่งขันจึงเป็นเป้าหมายหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยหวังว่า จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและมากยิ่งขึ้นจาก APO ต่อความคืบหน้าในการผลิตของ สปป.ลาว

Dr. Indra เลขาธิการ แสดงความยินดีกับ สปป.ลาว สำหรับความคืบหน้าที่โดดเด่นในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตนับตั้งแต่เข้าร่วม APO ในปี 2002 ซึ่งบรรลุระดับการเติบโตของแรงงานได้เร็วที่สุดในกลุ่มประเทศสมาชิกอื่นๆ ในระหว่างปี 2011–17 นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ สปป.ลาว จะต้องกระจายโครงสร้างทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการเติบโตของผลิตภาพในภาคส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งสร้างงานและรายได้ การปรับปรุงการจัดการด้านกฎระเบียบที่สนับสนุนการผลิต และการดำเนินธุรกิจที่ง่ายดายยิ่งขึ้นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปรับใช้งานได้  Dr. Indra กล่าวเสริม

เลขาธิการ APO เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ APO ในการทำงานร่วมกันกับ สปป.ลาว ในการผลิต โดยให้บริการที่ปรึกษาด้านนโยบาย โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถ โครงการริเริ่มที่ชาญฉลาด และแพลตฟอร์มการแบ่งปันความรู้ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ สปป.ลาว ใช้ประโยชน์จากการเป็นสมาชิกใน APO และรับประโยชน์จากแนวทางปฏิบัติและประสบการณ์ที่ดีของสมาชิกอื่นๆ

Dr. Indra เลขาธิการ ยังเปิดงาน National Productivity Festival และ Exhibition on Innovations for Higher Quality ซึ่งจัดโดย Department of Small and Medium Enterprise of the Ministry of Industry and Commerce ของ สปป.ลาว โดยกล่าวยกย่องความคิดสร้างสรรค์และพลวัตของชาวลาวและองค์กรที่มุ่งมั่นปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพในด้านต่างๆ รวมถึงเยาวชน และหวังว่างานมหกรรมและนิทรรศการนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมและความร่วมมือมากยิ่งขึ้นระหว่างผู้ถือหุ้นระดับประเทศ รวมถึง สปป.ลาว และสมาชิก APO รายอื่นๆ

เกี่ยวกับ APO

Asian Productivity Organization (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่อุทิศตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือกัน โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่เลือกปฏิบัติ APO ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกร่วมก่อตั้งแปดคน ปัจจุบันประกอบด้วยประเทศสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย อิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย เตอร์กิเย และเวียดนาม

APO กำหนดอนาคตของภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิก ผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ ทำหน้าที่เป็นคลังความคิด โครงการริเริ่มในการสร้างขีดความสามารถของสถาบัน และการแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิต

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53863386/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
Digital Information Unit, APO:
pr@apo-tokyo.org
โทร: +81-3-3830-0411
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

แหล่งข้อมูล: Asian Productivity Organization

Kirin iMUSE Immune Care และ Healthya Visceral Fat Down จะวางจำหน่ายในวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน!

Logo

ผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชันแบบดูอัลแคร์พิเศษจาก iMUSE ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลภูมิคุ้มกันของเรา และ Healthya ที่เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลไขมันในช่องท้อง

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–27 พฤศจิกายน 2023

Kirin Holdings Company, Limited (TOKYO:2503) จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฟังก์ชันแบบดูอัลแคร์ในชื่อผลิตภัณฑ์ Kirin iMUSE Immuno-Care และ Healthya Visceral Fat Down ในวันที่ 28 พฤศจิกายน (วันอังคาร) ผลิตภัณฑ์นี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Kirin iMUSE แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลภูมิคุ้มกันแห่งแรก*1 ของญี่ปุ่น และ Kao Healthya แบรนด์เครื่องดื่มดูแลไขมันภายในร่างกายแบรนด์แรก*1 ของญี่ปุ่นจาก Kao Corporation (TOKYO:4452) และจะวางจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วประเทศและผ่านการสั่งซื้อทางไปรษณีย์ Kirin Kyowa Hakko Bio

Figure 1: Area of health concern (Graphic: Business Wire)

รูปที่ 1: ประเด็นปัญหาด้านสุขภาพ (กราฟิก: Business Wire)

ในวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม Kao จะวางจำหน่าย “Healthya Green Tea Plus Immunity Care” ในจำนวนจำกัดในร้านขายยาที่กำหนด

*1

Kirin iMUSE เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลภูมิคุ้มกันแบรนด์แรกของญี่ปุ่นในด้านอาหารฟังก์ชัน (อ้างอิงจากงานวิจัยของเราผ่านการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับอาหารฟังก์ชันที่ได้รับการจดทะเบียน)

Kao Healthya คือแบรนด์ชาเขียวดูแลไขมันภายในร่างกายแบรนด์แรกของญี่ปุ่นในหมวดอาหารจำเพาะเพื่อสุขภาพ (ได้รับการอนุมัติให้ติดฉลากว่าเป็นหมวดอาหารจำเพาะเพื่อสุขภาพซึ่งมีสารคาเทชินในชาจากการวิจัยของ Kao)

ความพยายามของทั้งสองบริษัทในการรับมือกับปัญหาด้านสุขภาพ

[งานวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาของ Kirin]

ภูมิคุ้มกันคือระบบป้องกันของร่างกายที่ต่อสู้กับศัตรูภายนอกเพื่อรักษาสุขภาพและสามารถเรียกได้ว่าเป็น “รากฐานของสุขภาพ” แม้ว่าระบบภูมิคุ้มกันที่ล้มเหลวอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ ภูมิคุ้มกันเป็นเรื่องยากสำหรับแต่ละคนที่จะเฝ้าติดตาม ดังนั้นความล่าช้าในการรับมือกับปัญหานี้จึงเป็นปัญหาสังคมที่สำคัญ (รูปที่ 1)

ในระยะเวลากว่า 35 ปีของการวิจัยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน Kirin ได้ค้นพบ “พลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus lactis” เป็นครั้งแรกในโลก*2 โดยออกฤทธิ์โดยตรงกับเซลล์ Plasmacytoid Dendritic (pDCs) ซึ่งเป็นศูนย์กลางภูมิคุ้มกัน ด้วยการรวบรวมผลการวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis ทำให้แบรนด์ “iMUSE” กลายเป็นแบรนด์แรกในญี่ปุ่น*3 ที่ได้รับการยอมรับให้จดแจ้งต่อหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในปี 2020 ว่าเป็นอาหารที่อ้างอิงสรรพคุณด้านการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

เรากำลังพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชันที่หลากหลายซึ่งอ้างอิงสรรพคุณเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าแก้ไขปัญหาสุขภาพ ด้วยการเปิดตัวอาหารเสริมตัวนี้และ "Healthya Green Tea Plus Immuno-Care" ทำให้จำนวนบริษัทพาร์ทเนอร์และจำนวนอาหารที่มีการอ้างอิงสรรพคุณรวม 57 ผลิตภัณฑ์

*2

มีการรายงานถึงพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis ซึ่งออกฤทธิ์ต่อ pDCs ในมนุษย์เป็นครั้งแรกในโลก (ตามข้อมูลที่เผยแพร่ใน PubMed และเว็บไซต์ Japan Medical Abstracts Society)

*3

แบรนด์แรกในญี่ปุ่นที่ได้รับการรายงานต่อสาธารณะว่าเป็นอาหารที่มีการอ้างอิงสรรพคุณเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน

[งานวิจัยของ Kao เกี่ยวกับการเผาผลาญของไขมัน]

ไขมันเกิดการสะสมเนื่องจากความไม่สมดุลในการออกกำลังกาย รวมถึงพฤติกรรมการกินในแต่ละวันรวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสะสมของไขมันในช่องท้องถือเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญสำหรับชาวญี่ปุ่น และการปรับปรุงพฤติกรรมการกินและการสร้างพฤติกรรมการออกกำลังกายถือเป็นมาตรการที่จำเป็น

Kao ทำการวิจัยเกี่ยวกับการเผาผลาญไขมันในร่างกายและไขมันในช่องท้องมาเป็นเวลากว่า 30 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 โดยค้นพบว่าสารโพลีฟีนอล 2 ชนิด ได้แก่ สารคาเทชินในชาเขียวและกรดคลอโรจีนิกที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟต่างมีประสิทธิภาพในการลดไขมันในช่องท้อง Kao ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้สารคาเทชินจากชาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2003 บริษัทได้เปิดตัว “Healthya Green Tea” ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องดื่มดูแลไขมันในร่างกายแบรนด์แรกของญี่ปุ่น ให้เป็นอาหารจำเพาะเพื่อสุขภาพ (Tokuho) จากความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายได้ทุกวัน Kao ได้สนับสนุนการพัฒนาพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวัน รวมถึงพฤติกรรมการกิน บริษัทจึงมีส่วนช่วยรักษาสุขภาพของผู้คนเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีได้อย่างยืนยาว

ความเป็นมาของการพัฒนาร่วมกัน

ด้วยการรวมการวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาของ Kirin เข้ากับความรู้ของ Kao ในด้านการวิจัยการเผาผลาญไขมัน ทั้งสองบริษัทจึงตระหนักว่าสามารถมอบคุณค่าด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าได้ ดังนั้นในเดือนพฤศจิกายน 2022 ทั้งสองบริษัทจึงได้เข้าร่วมโครงการวิจัย “Wakayama Health Promotion Study” เพื่อเริ่มการวิจัยร่วมกันในด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและไขมันในช่องท้อง

“Kirin iMUSE Immunity Care และ Healthya Visceral Fat Down” ที่กำลังจะวางจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการร่วมโครงการวิจัย การร่วมมือกันของแบรนด์ชั้นนำของทั้งสองบริษัทนี้ จะทำให้เกิดการเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับไขมันในช่องท้องและภูมิคุ้มกันในวงกว้าง และจะนำไปสู่การเติบโตต่อไปของทั้งแบรนด์ Kirin iMUSE และแบรนด์ Healthya

คุณสมบัติของ Kirin iMUSE Immuno-Care และ Healthya Visceral Fat Down

  • แคปซูลหกแคปซูลประกอบด้วยพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus lactis นับแสนล้านตัว ซึ่งเป็นวัสดุที่เป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่มบริษัท Kirin และกรดคลอโรจีนิกจากเมล็ดกาแฟ 267 มก. ซึ่งช่วยลดไขมันในช่องท้อง
  • ทั้งการ “การดูแลภูมิคุ้มกัน” และ “การลดไขมันในช่องท้อง” นับเป็นอาหารสองฟังก์ชัน

อาหารที่อ้างอิงสรรพคุณ

[การติดฉลากแจ้งเตือน]

ผลิตภัณฑ์นี้มีพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis ซึ่งออกฤทธิ์กับ pDCs (เซลล์ Plasmacytoid Dendritic) และมีรายงานว่าสามารถช่วยรักษาการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในคนที่มีสุขภาพดีได้
ผลิตภัณฑ์นี้มีกรดคลอโรเจนิกจากเมล็ดกาแฟ ซึ่งมีรายงานว่าสามารถลดไขมันในช่องท้องในผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงได้

  • คุณควรรับประทานอาหารอย่างสมดุลซึ่งประกอบด้วยอาหารหลัก อาหารจานหลัก และเครื่องเคียง
  • ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล
  • ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัย รักษา หรือป้องกันโรค

พลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis คืออะไร

สายพันธุ์พลาสมา Lactococcus Lactis เป็นแบคทีเรียกรดแลคติกที่ช่วยรักษาภูมิคุ้มกันในคนที่มีสุขภาพดี มีรายงานทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นพลาสสายพันธุ์แรกที่ตรวจพบว่าทำงานบน pDCs (เซลล์ Plasmacytoid Dendritic) ซึ่งเป็นศูนย์กลางภูมิคุ้มกัน Kirin, Koiwai Nyugyo และ Kyowa Hakko Bio ได้ทำการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ และได้ตีพิมพ์บทความจำนวนมาก รวมถึงนำเสนอในการประชุมวิชาการด้วยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในญี่ปุ่นและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับรางวัลมามากมาย ซึ่งรวมถึงรางวัล National Commendation for Invention และ Imperial Invention ปี 2023 โดยเป็นการยกย่องการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ในฐานะอาหารมื้อแรกของญี่ปุ่นที่มีการอ้างอิงสรรพคุณและได้รับการยืนยันว่าประสบความสำเร็จในการบ่งชี้ถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

กรดคลอโรจีนิกจากเมล็ดกาแฟคืออะไร

เมล็ดกาแฟมีสารโพลีฟีนอลหลายชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกรดคลอโรจีนิก ซึ่งมีรายงานว่าสามารถลดไขมันในช่องท้องในผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงได้ Kao ได้คัดเลือกกรดคลอโรจีนิกที่เป็นผลจากการวิจัยเกี่ยวกับการเผาผลาญไขมันมาเป็นเวลาประมาณ 30 ปี ซึ่งบริษัทได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยและการนำเสนอผลงานในการประชุมจำนวนมาก

1. ชื่อผลิตภัณฑ์

Kirin iMUSE Immuno-Care/Healthya Visceral Fat Down

2. ปริมาตรยา

(1) รับประทานสำหรับ 7 วัน (42 แคปซูล) (2) รับประทานสำหรับ 15 วัน (90 แคปซูล) *วันละ 6 แคปซูล

3. แหล่งจำหน่าย

1) ร้านขายยาทั่วประเทศ

2) การสั่งซื้อทางไปรษณีย์ Kirin Kyowa Hakko Bio

(https://kirin-kyowahakko-bio.kirin.co.jp/)

(โทร: 0120-80-7733, แฟกซ์: 0120-80-2227)

4. วันที่เผยแพร่

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2023

5. ราคา (ราคาขายปลีกที่แนะนำไม่รวมภาษีเพื่อการบริโภค) 

(1) รับประทานสำหรับ 7 วัน: 1,780 เยน (2) รับประทานสำหรับ 15 วัน: 3,685 เยน

6. จำหน่ายโดย

Kirin Holdings Company, Limited

7. เลขที่จดแจ้ง

I208

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ดำเนินงานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) อุตสาหกรรมเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานบริษัทมาจาก Japan Brewery ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยใช้การหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชภัณฑ์ในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ถูกก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งเต็มรูปแบบ และในปัจจุบันได้มุ่งเน้นไปที่การขยายอุตสาหกรรมสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้  Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในมูลค่าองค์กร
* การสร้างคุณค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/53862598/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Kirin Holdings Company, Limited

Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku โตเกียว
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

ฝ่ายประชาสัมพันธ์องค์กร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, โตเกียว
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งที่มา: Kirin Holdings Company, Limited



Walmart Foundation ทุ่มเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา

Logo

คำแถลงจาก Donna Morris ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Walmart

BENTONVILLE, Ark.–(BUSINESS WIRE)–26 พฤศจิกายน 2023

Walmart, Inc. และ Walmart Foundation ยังคงมองหาวิธีอย่างต่อเนื่องที่จะช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่สร้างความเสียหายอย่างมากในอิสราเอลและฉนวนกาซา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา ภายหลังการโจมตีของผู้ก่อการร้ายโดยกลุ่มฮามาส เมื่อมีการหยุดต่อสู้ชั่วคราว Walmart Foundation ทุ่มเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุน Direct Relief ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในการช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินแก่พลเรือนในฉนวนกาซาตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต

การบริจาคนี้มาจากเงินลงทุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐของ Walmart Foundation ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าในงานบริการฉุกเฉินของ Magen David Adom ในอิสราเอล

พวกเราร่วมส่งกำลังใจไปยังผู้ร่วมงานของเรา ลูกค้า และสมาชิก ผู้ซึ่งได้รับผลกระทบเป็นการส่วนตัว รวมถึงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์นี้ เรามาร่วมกันส่งกำลังใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความเมตตาสู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราดำเนินงานกันอย่างแข็งขันที่ Walmart และ Sam’s Club เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ไม่มีใครทอดทิ้งใคร

เกี่ยวกับ Walmart

Walmart Inc. (NYSE: WMT) เป็นธุรกิจค้าปลีกหลายช่องทางที่ขับเคลื่อนโดยผู้คนและการใช้เทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถประหยัดเงินและมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น – ในทุกที่และทุกเวลา – ไม่ว่าจะเป็นในร้านค้า ทางออนไลน์ และผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ในแต่ละสัปดาห์ ลูกค้าและสมาชิกประมาณ 240 ล้านคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยที่ร้านค้ากว่า 10,500 แห่งของเรา และเว็บไซต์ eCommerce มากมายใน 19 ประเทศ ด้วยรายรับในปีงบประมาณ 2023 มูลค่า 611 พันล้านเหรียญสหรัฐ Walmart มีการว่าจ้างพนักงานโดยประมาณ 2.1 ล้านคนทั่วโลก Walmart ยังคงเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน เป็นองค์กรการกุศล และโอกาสในการจ้างงาน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Walmart ได้ที่ corporate.walmart.com ติดตามเราบน Facebook ได้ที่ facebook.com/walmart บน X (เดิมชื่อ Twitter) ได้ที่ twitter.com/walmart และบน LinkedIn ได้ที่ linkedin.com/company/walmart/

เกี่ยวกับองค์กรการกุศลของ Walmart

Walmart.org เป็นตัวแทนองค์กรการกุศลของ Walmart และ Walmart Foundation โดยมีการมุ่งเน้นที่จุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจ Walmart.org ดำเนินการเพื่อจัดการากับปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ และทำงานร่วมกันกับผู้อื่น เพื่อจุดประกายการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบที่ยั่งยืน Walmart มีร้านค้าอยู่ใน 19 ประเทศ มีการว่าจ้างพนักงานกว่า 2 ล้านคน และดำเนินธุรกิจร่วมกับซัพพลายเออร์นับพันราย ซึ่งเป็นผลให้ทางซัพพลายเออร์ก็มีการจ้างงานพนักงานหลายล้านคนด้วยเช่นกัน Walmart.org ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยสนับสนุนโครงการสร้างโอกาสการเติบโตในงานสำหรับพนักงานแรวหน้า เพิ่มความเท่าเทียม เสริมสร้างงานเพื่อลดอัตราความอดอยาก สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมสำหรับกลุ่มคนในห่วงโซ่อุปทาน ปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติ ลดขยะของเสียและการปล่อยมลพิษ และสร้างชุมขนที่แข็งแกร่ง สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.walmart.org หรือติดตามบน X (เดิมชื่อ Twitter) @Walmartorg

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: Walmart Media Relations (https://corporate.walmart.com/news/contact-media-relations)

แหล่งข้อมูล: Walmart Inc.

การค้นพบครั้งแรกของญี่ปุ่น*1 เกี่ยวกับการทำงานของไขมันในอวัยวะภายในและภูมิคุ้มกันในการวิจัยร่วมกันของ Kirin Holdings และ Kao

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–27 พฤศจิกายน 2023

Kirin Holdings Company, Limited (TOKYO:2503) และ Kao Corporation (TOKYO:4452) จะเข้าร่วมในการศึกษาเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama ซึ่งเป็นการศึกษาตามรุ่น*2 ซึ่งนำโดย Wakayama Medical University และจัดขึ้นโดย Health Promotion Research Center (HPRC) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Kao และ Kirin Holdings ทำการศึกษาร่วมกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2022 เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในกับการทำงานของเซลล์พลาสมาไซตอยด์เดนไตรติก (pDC*3)*4 ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการสร้างภูมิคุ้มกัน

Joint Research Results (Summary) (Graphic: Business Wire)

ผลการวิจัยร่วม (สรุป) (กราฟิก: Business Wire)

ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการมุ่งเน้นความสนใจไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีรายงานว่า โรคอ้วนทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงมากขึ้น*5 การศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรกในญี่ปุ่น*1 เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของคุ้มภูมิกัน และยืนยันว่าระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงมีความสัมพันธ์กับการทำงานของ pDC ที่ต่ำ (การทำงานของภูมิคุ้มกันต่ำ) และระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่ การค้นพบนี้ยังไม่มีการรายงานในเอกสารใดๆ ในโลก*6 จะมีการแสดงผลลัพธ์ในการประชุมประจำปีครั้งที่ 44 ของสมาคมญี่ปุ่นเพื่อการศึกษาเรื่องโรคอ้วน และการประชุมประจำปีครั้งที่ 41 ของสมาคมญี่ปุ่นเพื่อการรักษาโรคอ้วน ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในจังหวัดมิยางิ ในวันที่ 25 (เสาร์) และ 26 (อาทิตย์) เดือนพฤศจิกายน ปี 2023

*1 อ้างอิงจากบทความและข้อมูลบทคัดย่อที่ตีพิมพ์ใน Pubmed และ Journal of Health Care and Society Web (ณ วันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ตามข้อมูลจาก KnowledgeWire)
*2 หนึ่งในวิธีการวิจัยเชิงสังเกตทางระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ โดยการสร้างกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเฉพาะของโรคและกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้อง และการคำนวณอัตราอุบัติการณ์ของโรคเป้าหมายภายในแต่ละกลุ่ม ช่วยให้สามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยของโรคและการระบาดได้
*3 เซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมเมื่อมีแบคทีเรียหรือไวรัสเข้าสู่ร่างกาย การทำให้ pDC ทำงานจะช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันต่างๆ เช่น เซลล์ NK ทีเซลล์ และบีเซลล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส
*4 เปอร์เซ็นต์ของ pDC ที่สร้างปัจจัยต้านไวรัสตามการกระตุ้นที่เลียนแบบการติดเชื้อไวรัส
*5 Ghilotti F et al. J Epidemiol. 2019; 48(6): 1783-1794
Popkin BM et al. Obes Rev. 2020; 21(11): e13128
*6 อ้างอิงจากข้อมูลบทความที่ตีพิมพ์ใน Pubmed และ Journal of Health Care and Society Web (ณ วันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ตามข้อมูลจาก KnowledgeWire)

ผลลัพธ์การวิจัยร่วม (บทสรุป)

การค้นพบครั้งแรกของญี่ปุ่น*1
(1) มีการค้นพบว่า การทำงานของ pDC จะลดลงในบุคคลที่มีไขมันในอวัยวะภายในสูง
(2) มีเปอร์เซ็นต์สูงที่ผู้มีไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่และไข้หวัดใหญ่ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีไขมันในอวัยวะภายในสูง

ผลกระทบที่ได้รับ
ขอแนะนำว่า การรักษามวลไขมันในอวัยวะภายในต่ำและการทำงานของ pDC สูงนั้น มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่

ผลการวิจัยร่วม

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์

มีการระบุโรคอ้วนโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่า เป็น “ภาวะที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการสะสมไขมันที่ผิดปกติหรือมากเกินไป” และมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดโรคเรื้อรัง มีการศึกษาผลกระทบจากโรคอ้วนที่มีต่อสุขภาพในหลายประเทศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิคุ้มกันได้รับความสนใจ เนื่องจากมีการรายงานว่า โรคอ้วนนำไปสู่การติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงยิ่งขึ้น*7

การวิจัยนี้จัดทำขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama โดยมีการตั้งเป้าไปที่ผู้อยู่อาศัยใน Wakayama มาตั้งแต่ปี 2011 Kao ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยเรื่องโรคอ้วนจากไขมันในอวัยวะภายใน ซึ่งถือว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับโรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต และ Kirin Holdings ซึ่งมีการวิจัยในสาขาภูมิคุ้มกันวิทยามานานกว่า 35 ปี ได้ร่วมมือกันเพื่อชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC
*7 Pranata R et al. Clin Nutr ESPEN. 2021; 43: 163-168

การศึกษาเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama คืออะไร

นี่เป็นการศึกษาตามรุ่นที่นำโดย Wakayama Medical University ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการร่วมกับ HPRC เพื่อระบุปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของโรคต่างๆ ในหมู่ประชากรที่อาศัยอยู่ใน Wakayama

ในปัจจุบัน มีการวิจัยที่ดำเนินการในโครงการเกี่ยวกับวิถีชีวิต โรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต และมวลกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดการค้นพบมากมาย รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและการพัฒนาของหลอดเลือด และความสัมพันธ์ระหว่างประวัติในการหกล้อมและการทำงานด้านกายภาพโดยสมัครใจ นี่เป็นครั้งแรกที่โครงการทำการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

Kirin Holdings และ Kao ดำเนินงานร่วมกันเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างมวลไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ในการศึกษาการส่งเสริมสุขภาพใน Wakayama เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคในอนาคต

วิธีการวิจัย

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 มีการจัดการตรวจสุขภาพเฉพาะสำหรับ Wakayama ที่มีผู้อยู่อาศัย 223 คน ช่วงอายุ 50–55 ปี จากการดำเนินการนี้ ช่วยให้ Kao ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมตามวิถีชีวิตและบริเวณไขมันในอวัยวะภายใน ในขณะที่ Kirin มีการวัดข้อมูลจากการทำงานของ pDC ในเลือด จะมีการแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ระหว่างทั้งสองทีม และมีการศึกษาและวิเคราะห์ร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC มีการแบ่งกลุ่มที่ศึกษาออกเป็นดังนี้

บริเวณไขมันในอวัยวะภายใน: จากค่ามัธยฐานที่ 77 ซม.2 สำหรับค่าทั้งหมด จะมีการกำหนดให้ระดับไขมันในอวัยวะภายในที่น้อยกว่า 77 ซม.2 ให้เป็นกลุ่มไขมันในอวัยวะภายในต่ำ และกลุ่มที่มีระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงกว่า 77 ซม.2 จะถือว่าเป็นกลุ่มไขมันในอวัยวะภายในสูง

การทำงานของ pDC: ขึ้นอยู่กับค่ามัธยฐานที่ 9.52% สำหรับค่าทั้งหมด จะมีการกำหนดให้กลุ่มที่มีการทำงานของ pDC อยู่ที่ 9.52% หรือน้อยกว่าเป็นกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC ต่ำ และกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC อยู่ที่ 9.52% หรือสูงกว่าเป็นกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC สูง

ผลลัพธ์

ผลลัพธ์ที่ 1: ความสัมพันธ์ระหว่างบริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC
กลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงจะมีการทำงานของ pDC ต่ำกว่ากลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในต่ำอย่างมีนัยสำคัญ (ภาพที่ 1)

ผลลัพธ์ที่ 2: ผลกระทบของบริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ต่อการติดโรคติดเชื้อ
กลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงมีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีค่าต่ำ โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 7 เท่า*8 ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่มีการทำงานของ pDC ต่ำมีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีการทำงานของ pDC สูง โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 5 เท่า (ภาพที่ 2)

ยังมีการแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็นสี่กลุ่ม เพื่อยืนยันผลเสริมฤทธิ์สำหรับบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงหรือต่ำ และการทำงานของ pDC และพบว่า กลุ่มที่มีบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำ มีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อไวรัสโคโรนนาสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีบริเวณไขมันอวัยวะภายในต่ำและการทำงานของ pDC สูง โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 20 เท่า และมีการตรวจพบผลลัพธ์เช่นเดียวกันสำหรับไข้หวัดใหญ่ (ภาพที่ 3)
*8 อัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นเป็นค่าที่ใช้เพื่อแสดงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น อัตราส่วนโอกาสที่จะเหิดขึ้นและความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นมีความสัมพันธ์เชิงบวก

ผลการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน

นับเป็นครั้งแรกในโลกที่การทำงานร่วมกันนี้ มีการวิจัยพบว่า ผู้ที่มีระดับบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงมีการทำงานของ pDC ต่ำ นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำว่า บริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ตามลำดับ ส่งผลต่อความไวในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่ และผู้ที่มีบริเวณไขมันอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำ จะมีความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้เป็นพิเศษ

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำเพื่อการจัดการมวลไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระดับโลกที่ดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery ได้เปลี่ยนเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจเกี่ยวกับการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในปี 1980 โดยยังคงเป็นศูนย์กลางระดับโลกที่ยังคงเติบโตอยู่ ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้ง และปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตภาคส่วนวิทยาสาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการบริหารระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV*9 เพื่อสร้างมูลค่าในโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงภาคส่วนเภสัชกรรม นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในคุณค่าขององค์กร
*9 การสร้างคุณค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

เกี่ยวกับ Kao Corporation

Kao สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งนำเสนอการดูแลและเติมเต็มให้กับชีวิตของผู้คนทั้งหมดและโลกใบนี้ Kao เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนในเอเชีย โอเชียเนีย อเมริกาเหนือ และยุโรป ผ่านผลงานของแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 แบรนด์ เช่น Attack, Bioré, Goldwell, Jergens, John Frieda, Kanebo, Laurier, Merries, และ Molton Brown เมื่อมีการรวมเข้ากับธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีส่วนช่วยในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย Kao สร้างรายได้ประมาณ 1,420 พันล้านเยนจากยอดขายต่อปี Kao มีพนักงานประมาณ 33,500 คนทั่วโลก และมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 135 ปีในด้านนวัตกรรม โปรดเข้าชมข้อมูลที่อัปเดตในเว็บไซต์ของ Kao Group https://www.kao.com/global/en/

Kao มีการก่อตั้งกลยุทธ์ ESG คือ Kirei Lifestyle Plan ในเดือนเมษายน ปี 2019 ตั้งแต่ปี 2021 Kao มีการส่งเสริมแผนระยะกลางตาม “การปกป้องขีวิตในอนาคต” และส่งเสริม “ความยั่งยืนเป็นหลัก” เป็นวิสัยทัศน์ Kao จะยังคงบูรณาการมุมมอง ESG เข้ากับการบริหารจัดการบริษัท โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจและจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภคและสังคม และทำงานตามจุดประสงค์ “เพื่อสร้างโลก Kirei เพื่อทุกชีวิตสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53862302/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Corporate PR, Corporate Strategy
Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, Tokyo
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited




Mori Building เฉลิมฉลองการเปิดตัว Azabudai Hills อย่างเป็นทางการ

Logo

การพัฒนาเมืองใหม่จะช่วยสร้างย่านใหม่ระดับโลกใจกลางกรุงโตเกียว
เป็นเมืองภายในเมือง ซึ่งผู้คนสามารถอยู่อาศัย ทำงาน และสนุกสนานได้ในระยะที่เดินถึงได้
มุ่งเน้นเรื่อง ธรรมชาติ & สุขภาพด้วยพื้นที่เขียวขจีขนาด 24,000 ม.2
ทำเลที่ตั้งดีเยี่ยม และฟังชันการทำงานแบบผสมผสานจะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันระดับนานาชาติของโตเกียว

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–24 พฤศจิกายน 2023

Mori Building Co., Ltd. นักพัฒนาภูมิทัศน์เมืองชั้นนำของญี่ปุ่น มีการประกาศเปิดตัว Azabudai Hills อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นย่านคอมเพล็กซ์แบบผสมผสานและเป็นย่านใหม่ระดับโลกใจกลางกรุงโตเกียว Embracing the concept of “Modern Urban Village – Green & Wellness”, Azabudai Hills ยึดถือแนวคิด Modern Urban Village – Green & Wellness” เป็นสถานที่สำคัญที่อุดมด้วยธรรมชาติ พร้อมฟังก์ชันการช้านแบบผสมผสานในเมือง เช่น ศูนย์ธุรกิจชั้นนำ ที่พักอาศัย ร้านค้าปลีก ศูนย์วัฒนธรรม สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์ สถาบันการศึกษา และพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความเขียวขจีที่รวบรวมผู้คนมารวมกัน

©DBOX for Mori Building Co., Ltd - Azabudai Hills (Graphic: Business Wire)

©DBOX สำหรับ Mori Building Co., Ltd – Azabudai Hills (กราฟิก: Business Wire)

วิสัยทัศน์ของ Mori Building สำหรับ Azabudai Hills คือการปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นชุมชนแนวคิด "Green & Wellness" ตามมาตรฐานแห่งทศวรรษที่ 21 โดยผู้คนสามารถใช้ชีวิตร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน  Azabudai Hills ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 8.1 เฮกตาร์ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 861,700 ม.² รวมถึงพื้นที่สำนักงาน 214,500 ม.² พื้นที่สีเขียว 24,000 ม.² ที่พักอาศัย 1,400 ยูนิต ห้องพักในโรงแรม 122 ห้อง ตลอดจนร้านค้าปลีกและร้านอาหารประมาณ 150 แห่ง Mori JP Tower เพิ่มสูงขึ้นอีก 330 เมตร ทำให้กลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ย่าน “เมืองภายในเมือง” ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่นี้จะต้อนรับพนักงานออฟฟิศประมาณ 20,000 คน และผู้อยู่อาศัย 3,500 คน เมื่อคนเต็ม และคาดว่าจะต้อนรับผู้มาเยือน 30 ล้านคนต่อปี

“Mori Building ทุ่มเทให้กับการสร้างและรักษาความมีชีวิตชีวาของเมืองผ่านโครงการพัฒนาเมืองขนาดใหญ่” Shingo Tsuji ประธานและ CEO ของ Mori Building Co., Ltd. กล่าว “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรายังคงประเมินทิศทางของเมืองในอนาคตต่อไป เมื่อสังคมพัฒนาขึ้น เมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่า สิ่งที่ผู้คนต้องการจากการใช้ชีวิตในเมืองในอนาคตคือ ความสามารถในการเข้าถึงฟังก์ชันการใช้งานแบบผสมผสาน พร้อมการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และเพลิดเพลินไปกับความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราต้องการสร้างพื้นที่ที่คุณค่าเหล่านี้ในใจกลางกรุงโตเกียว Azabudai Hills แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเราตามหลักการ ‘Green & Wellness’ สำหรับชีวิตในเมือง เช่นเดียวกับความตั้งใจของเราที่จะสนับสนุนความสามารถเทียบเท่าระดับนานาชาติของเมืองโตเกียว”

การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Green & Wellness

Azabudai Hills สะท้อนวิสัยทัศน์ของ Mori เกี่ยวกับ Modern Urban Village – Green & Wellness ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแมกไม้เขียวขจีที่รวบรวมผู้คนมารวมตัวกันเพื่อสร้างชุมชนแห่งใหม่ในใจกลางกรุงโตเกียว

การออกแบบสถาปัตยกรรมของ Azabudai Hills เริ่มต้นขึ้นโดยการเน้นการสัญจรไปมาของผู้คนและภูมิทัศน์จตุรัสกลางเมือง Central Green จากนั้น จึงพิจารณาสถานที่สำหรับอาคารสูง โดยผสมผสานไปกับแมกไม้เขียวขจี ซึ่งเป็นแนวคิดที่ตรงกันข้ามกับทิศทางในการวางผังสร้างอาคารแบบดั้งเดิม

นอกเหนือจากนี้ การใช้งานอาคารสูงขนาดกะทัดรัดยังเอื้อให้สามารถพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ให้กับพื้นที่ได้ โดยการรวบรวมที่ดินขนาดเล็กจำนวนมาก จากนั้น สร้างตึกระฟ้าสามแห่งในบริเวณนั้น Mori Building มีการสร้างพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของหมู่แมกไม้ในระดับชั้นฐาน นี่เป็นพื้นฐานแนวคิดเมืองสวนแบบแนวตั้งที่ Mori Building นำไปใช้ในโครงการที่โดดเด่นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา รวมถึง ARK Hills, Roppongi Hills และ Toranomon Hills

Azabudai Hills ดึงผู้คนให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นด้วยพืชพรรณนานาชนิดกว่า 320 สายพันธุ์ที่เปลี่ยนพื้นที่ในแต่ละฤดูกาล จะมีการสร้างสวนผลไม้ขนาดประมาณ 200 ม.² บนพื้นที่สีเขียวโดยมีไม้ผล 11 ชนิด เปิดโอกาสให้ชาวเมืองได้มีโอกาสใกล้ชิดกับธรรมชาติที่หาได้ยาก

การจัดแสดงงานศิลปะสาธารณะทั่วบริเวณคอมเพล็กซ์ช่วยสร้างพื้นที่ศิลปะในเมืองผสมผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว และผู้คนสามารถจินตนาการความเชื่อมโยงกับโลกธรรมชาติได้ หอศิลป์ Azabudai Hills จะเป็นแหล่งส่งเสริมวัฒนธรรมหลักใน Azabudai Hills ซึ่งจะมีการพัฒนาตามแนวคิดที่ว่า “ทุกแห่งหนในเมืองคือพิพิธภัณฑ์”

ทีมงานสถาปัตยกรรมและการออกแบบชั้นนำ ประกอบด้วย Pelli Clarke & Partners และ Heatherwick Studio รวมตัวกันเพื่อสร้างแลนด์มาร์กที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบญี่ปุ่น โดยคำนึงถึงความงามของท้องถิ่น ภูมิประเทศ และองค์ประกอบตามฤดูกาล พร้อมกันนั้น ก็มีการนำเสนอแนวคิดใหม่ในการใช้ชีวิตในเมืองที่เน้นความเขียวขจี ความเป็นอยู่ที่ดี และกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติในวงกว้าง

“เมืองต่างๆ เป็นสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ และ Azabudai Hills มีการขับเคลื่อนวิวิฒนการเป็นอย่างมาก โดยผสมผสานสถาปัตยกรรม ธรรมชาติ และชุมชนเข้าด้วยกัน ด้วยการประสานงานร่วมมือโดยตรงกับ Mr. Minoru Mori และ Mr. Shingo Tsuji ช่วยให้เราสามารถสร้างเมืองภายในเมืองที่มีชีวิตชีวา มีความหลากหลาย และมีวัฒนธรรม” Fred Clarke ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนของ Pelli Clarke & Partners กล่าว “โดยการคำนึงถึงพลเมืองเป็นอันดับแรก Mori Building และทีมออกแบบสร้างสรรค์การมีส่วนร่วมในศิลปะและวิทยาศาสตร์ในการสร้างอนาคตให้เมืองของเรา และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ!”

“เราได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างย่านเมืองที่เชื่อมโยงอารมณ์ของผู้คนในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป” Thomas Heatherwick ผู้ก่อตั้ง Heatherwick Studio กล่าว “โดยการผสมผสานเชื่อมโยงวัฒนธรรมและสังคมเข้ากับภูมิทัศน์แบบสามมิติที่ไม่เหมือนใคร พร้อมภูมิทัศน์ตามวิสัยทัศน์ ช่วยให้สามารถเชื่อมโยงผู้มาเยือนกับชุมชนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน และสามารถเพลิดเพลินกับพื้นที่สาธารณาสีเขียวแบบเปิดได้ ที่นี่เป็นพื้นที่สาธารณะที่มีความสนุกสนานและไม่เหมือนใครในกรุงโตเกียว และได้รับการออกแบบมาเพื่อตราตรึงในใจตลอดไป”

บ้านสำหรับธุรกิจชั้นนำและสถาบันระดับโลก

Azabudai Hills ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันตามแนวคิด Green & Wellness ในบรรดาพันธมิตรอันทรงเกียรติเหล่านี้ ประกอบด้วย Keio University Center for Preventive Medicine; The British School in Tokyo ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในใจกลางเมือง, Janu Tokyo เปิดตัวครั้งแรกในโลกกับแบรนด์พี่น้องของ Aman และเป็นโรงแรมแห่งเดียวที่อยู่ระหว่างการพัฒนา, Aman Residences ในโตเกียว นำเสนอมาตรฐานการครองชีพแนวใหม่ด้วยจำนวนเพียง 91 ยูนิต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ Aman ที่มีความครบครัน, Tokyo Venture Capital Hub ซึ่งรวบรวมบริษัทร่วมลงทุนในญี่ปุ่นกว่า 70 แห่ง ร้านค้าปลีกประมาณ 150 แห่ง รวมถึงแบรนด์หรูระดับโลก, Azabudai Hills Marke ซึ่งส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และ MORI Building DIGITAL ART MUSEUM : EPSON teamLab Borderless ซึ่งเดิมมีที่ตั้งอยู่ที่ Odaiba, Tokyo สถานประกอบการอันโดดเด่นหลายแห่งเหล่านี้ได้เปิดให้บริการแล้วใน Azabudai Hills โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมายที่จะเปิดให้บริการหลังเดือนธันวาคม ปี 2023

กำหนดการเปิดตัวที่กำลังจะมาถึง

  • ปลายเดือนมกราคม ปี 2024 – Azabudai Hills Market
  • ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 – MORI Building Digital Art Museum: EPSON teamLab Borderless
  • เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 – Janu Tokyo
  • ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 – Garden Plaza (แบรนด์หรู)
     

35 ปีแห่งการสร้างสรรค์

โครงการ Azabudai Hills เริ่มขึ้นในปี 1989 ด้วยการก่อตั้ง Council of Redeveloping Cities โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่แนวยาว เป็นเนินเขาและหุบเขาที่มีภูมิประเทศที่ซับซ้อน ก่อนการพัฒนาใหม่ ย่านต่างๆ มีความกระจัดกระจายเต็มไปด้วยบ้านไม้และอาคารขนาดเล็ก จึงมีการปรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและปรับปรุงการใช้งานในเมือง

นับจากนั้นเป็นต้นมา Mori Building Co. มีการร่วมมือกันกับเจ้าของที่ดินกว่า 300 รายที่มีภูมิหลังที่หลากหลายมาเป็นเวลาเกือบ 35 ปี เพื่อสร้างสรรค์ Azabudai Hills โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากเจ้าของที่ดินและผู้คนในท้องถิ่น ในปี 2017 ผังเมืองได้รับการอนุมัติและการก่อสร้างได้เริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม ปี 2019

“ผมกำลังจะมีอายุครบ 99 ปีในเดือนธันวาคมนี้ และโครงการ Azabudai Hills ได้เริ่มขึ้นในช่วงอายุกลาง 60 ปีของผม เรามีการวางแนวทางอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่า ทุกคนไปในทิศทางเดียวกันกับแผนการพัฒนาใหม่นี้ เมื่อตัดสินใจกันได้ โครงการก็มีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว จนแทบไม่น่าเชื่อว่า เรากำลังจะมาถึงเส้นชัยแล้ว Mori Building มีบทบาทสำคัญการเป็นผู้นำการพัฒนาและทำให้โครงการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเป็นจริงได้” Kenichi Magatani ประธาน Azabudai Hills Urban Redevelopment Association กล่าว

“ฉันอาศัยอยู่ในละแวกนี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ไม่เคยเห็นโครงการพัฒนาเมืองที่มีพลวัตเช่นนี้ในใจกลางเมืองมาก่อน ฉันมั่นใจว่า ผู้คนจะประทับใจไม่เพียงแค่ตึกสูงตระการตาเท่านั้น แต่ยังตื่นตาตื่นใจไปกับความเขียวขจีที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอันน่าทึ่ง เช่น ตลาดและร้านอาหาร ร้านค้าปลีก พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การแพทย์ และโรงเรียนนานาชาติ ฉันเชื่อมั่นว่า ย่านนี้จะเป็นแหล่งใหม่ที่ทำให้โตเกียวและญี่ปุ่นจะเป็นที่จดจำไปอีกนาน” Magatani กล่าว

นวัตกรรมความอำนวยความสะดวก/ระบบนิเวศ VC

Azabudai Hills เป็นบ้านสำหรับ Tokyo Venture Capital Hub (TVCH) ซึ่งเป็นศูนย์กลางร่วมลงทุนขนาดใหญ่แห่งแรกในญี่ปุ่น TVCH ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมกลุ่มสตาร์ทอัพในประเทศ แลกเปลี่ยนแนวคิดทางธุรกิจระหว่าง VC และผู้ประกอบการ และสร้างสรรค์ระบบนิเวศที่ฟื้นฟูเศรษฐกิจนวัตกรรมของญี่ปุ่น

TVCH ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 และชั้น 5 ของ Garden Plaza B โดยมีการนำเสนอพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ที่สามารถใช้ในการทำงานร่วมกันที่ดีที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเสนอการลงทุน การสัมมนา เวิร์กช็อป และกิจกรรมงานสร้างเครือข่ายต่างๆ TVCH จะเป็นเจ้าภาพรวมองค์กร VC กว่า 70 องค์กร และ VC อิสระชั้นนำ ได้แก่ Drone Fund, Incubate Fund, Spiral Capital รวมถึง Japan Venture Capital Association และ University of Tokyo Edge Capital Partners (UTEC)

นอกจากนี้ กลุ่มสตาร์ทอัพ VC และองค์กรต่างๆ ที่ TVCH จะได้รับการส่งเสริมให้ร่วมทีมกับผู้ทำงานในศูนย์เสริมสร้างนวัตกรรมอื่นๆ เช่น ARCH and CIC Tokyo และ Japan Innovation Campus ในซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่อื่นๆ ของ Mori ในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ

ผู้นำด้านความยั่งยืน

Azabudai Hills เป็นผู้นำในการส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนและรีไซเคิลทรัพยากร นับตั้งการก่อสร้างแล้วเสร็จ ไฟฟ้า 100% ที่จ่ายให้กับคอมเพล็กซ์จะมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน และบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ผ่านโครงการริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมระบบนานาชาติด้านพลังงานงานทดแทน (Renewable Energy 100% – RE100) ซึ่งนำโดย Climate Group จาก UK โดยมีการปรับใช้เทคโนโลยี AI ในศูนย์พลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการการใช้พลังงานแบบผสมผสานของคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่แห่งนี้

นอกจากนี้ Azabudai Hills ยังมีการปรับใช้มาตรการทั่วทั้งบริเวณคอมเพล็กซ์แห่งนี้ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้พลังงานทดแทน การนำน้ำฝนกลับมาใช้ใหม่ในการรดน้ำ และการรีไซเคิลพลาสติก

Azabudai Hills ได้รับการเสนอรางวัลอันทรงเกียรติด้านสิ่งแวดล้อมหลายรางวัล รวมถึงได้รับการรับรอง LEED Neighborhood Development ระดับสูงสุดสำหรับการพัฒนาแบบผสมผสาน การรับรอง LEED’s BD+C (Building Design/Core and Shell Development) รวมถึงการรับรอง WELL

สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับ Azabudai Hills และแนวคิดต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ด้านล่างนี้:
https://onl.tw/VYcx5TJ

Mori Building คือนักพัฒนาเมืองเชิงนวัตกรรมซึ่งมีสำนักงานที่ตั้งอยู่ในโตเกียว บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มศักยภาพของเมืองให้สูงสุดด้วยการสร้างและดูแลรักษาศูนย์กลางเมืองที่ปลอดภัย ยั่งยืน และเป็นสากลตามแนวคิด Vertical Garden City อันเป็นเอกลักษณ์ของบริษัท ประกอบด้วยศูนย์กลางอาคารสูงสำหรับธุรกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว และที่พักอาศัย แนวคิดนี้มีการปรับใช้ในโครงการระดับแนวหน้าต่างๆ ของบริษัท รวมถึง ARK Hills, Roppongi Hills และ Toranomon Hills ในโตเกียว และ Shanghai World Financial Center Mori Building ยังดำเนินการธุรกิจด้านการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ การบริหารโครงการ และบริการให้คำปรึกษา โดยสามารถเข้าดูรายละเอียดและแนวคิดของบริษัทได้ที่ www.mori.co.jp/en

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53861780/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามเกี่ยวกับสื่อนานาชาติ

Weber Shandwick
Mayuko Harada (Japan)
moribldg@webershandwick.com

Shiwei Yin (Outside Japan)
moribldgnyc@webershandwick.com

แหล่งข้อมูล: Mori Building Co., Ltd.












การประชุมนวัตกรรม ECI International Eco-Village ครั้งที่ 2 (ยูคุน ประเทศจีน) ประจำปี 2023 Yucun Dream Gala ได้เริ่มขึ้นแล้ว

Logo

HUZHOU, China–(BUSINESS WIRE)–23 พฤศจิกายน 2023

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2023 การประชุมนวัตกรรม ECI International Eco-Village (หยูคุน ประเทศจีน) ประจำปี 2023 Yucun Dream Gala จัดโดย IECIA (International Entrepreneurs, Creatives and Innovators Association) ที่ยูคุน เมืองเทียนหวงผิง อำเภออันจี๋ ได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากทั่วทุกมุมโลกร่วมกันหารือเกี่ยวกับประสบการณ์ระหว่างประเทศเกี่ยวกับนวัตกรรมและการพัฒนาชนบทสีเขียว และร่วมกันเปิดตัวโครงการริเริ่มการพัฒนาอารยธรรมระบบนิเวศในชนบทระดับโลกในหัวข้อ "ความปรารถนาสร้างอนาคตสีเขียว"

Group photo of participating guests (Photo: Business Wire)

ภาพถ่ายกลุ่มของแขกที่เข้าร่วม (รูปภาพ: Business Wire)

ที่งานกาล่า หมู่บ้านต้าหยู ได้ลงนามในสัญญากับ สถาบันวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยชิงหวา คณะธุรกิจระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง สถาบันอุตสาหกรรมไม้ไผ่ของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง A&F และโรงเรียนการออกแบบของวิทยาลัยหูโจวซึ่งเชื่อมโยงการฝึกอบรมผู้มีความสามารถในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้ากับการฟื้นฟูความสามารถในชนบท สถาบันวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยชิงหวาจะร่วมกันสร้างเวิร์กสเตชันการศึกษาด้านสุนทรียศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิงหวา(สถานีอันจี๋) และพิพิธภัณฑ์ศิลปะชีวิตใหม่ในหมู่บ้านต้าหยู และร่วมกันจัดงาน "Anji Mountain and River Art Season" และ "International Young Artists Forum" เพื่อปรับโฉมสุนทรีภาพในชนบทตามหมู่บ้านต้าหยู คณะธุรกิจระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง จะจัดตั้ง "สํานักงานตัวแทนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี" และ "ฐานปฏิบัติสําหรับนักศึกษาต่างชาติ" เพื่อร่วมมือกับหมู่บ้านต้าหยูในการส่งผู้มีความสามารถระดับนานาชาติเข้าฟื้นฟูชนบทและช่วยส่งเสริมแบรนด์ระดับสากล โรงเรียนการออกแบบของวิทยาลัยหูโจวมุ่งเน้นไปที่ "การออกแบบสีเขียว" เพื่อส่งเสริมการพัฒนาหมู่บ้านต้าหยู การฟื้นฟูชนบท และวางแผนที่จะสร้างระบบการเรียนรู้ร่วมกันแบบ "สี่ในหนึ่งเดียว" ของ "การเรียนรู้ทฤษฎีร่วมกัน การทํากิจกรรมร่วมกัน การสร้างตําแหน่งร่วมกัน และการแก้ปัญหาร่วมกัน" สถาบันอุตสาหกรรมไม้ไผ่ของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง A&F จะช่วยหมู่บ้านหลิวเจียถัง เมืองซางซู ในการสร้าง "หมู่บ้านแรกของการท่องเที่ยวไม้ไผ่ในประเทศจีน" และร่วมกันสร้างเวิร์กสเตชันระดับปริญญาเอก และฐานการฝึกอบรมระดับสูงกว่าปริญญาตรีของสถาบันวิจัยไม้ไผ่ และมุ่งเน้นส่งเสริมการศึกษาธรรมชาติ และการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไม้ไผ่

ในระหว่างงานกาล่าได้มีการเปิดตัว "Global Village Chief Forum" อย่างเป็นทางการ ในอนาคตหมู่บ้านต้าหยูมีแผนที่จะเชิญ "หัวหน้าหมู่บ้านระดับโลก" มาพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้สำหรับหมู่บ้านยุคใหม่ และส่งเสริมภูมิปัญญาในการสร้างอารยธรรมระบบนิเวศในชนบทระดับโลก

ติดต่อ

ติดต่อ: Lijun Jia
อีเมล: seven@eci-academy.com
โทรศัพท์: +86130 6264 6939
เว็บไซต์: https://global.eciawards.org/#/

แหล่งข้อมูล: IECIA (International Entrepreneurs, Creatives and Innovators Association)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53861895/en

Mary Kay Inc. ประกาศความร่วมมือกับ Global Shea Alliance เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนและการเสริมสร้างพลังของผู้หญิง

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2023

Mary Kay Inc. ผู้เป็นแบรนด์ความงามระดับโลกและยังสนับสนุนการเสริมสร้างพลังของผู้หญิง รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Global Shea Alliance (GSA) ซึ่งเป็นสมาคมอุตสาหกรรมที่ไม่แสวงหาผลกำไร ดำเนินการออกแบบ พัฒนา และมอบกลยุทธ์อันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเชียร์ที่สามารถแข่งขันได้และมีความยั่งยืนทั่วโลก ความร่วมมือครั้งใหม่นี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืนและภารกิจในการเสริมสร้างพลังให้กับผู้หญิงทั่วโลก

“This partnership marks a significant step in our journey to promote sustainable beauty practices. By collaborating with the Global Shea Alliance, we aim to further harness the transformative potential of shea in skincare and cosmetics," said Deborah Gibbins, Chief Operating Officer at Mary Kay. (Credit: Mary Kay Inc.).

“การเป็นพาร์ทเนอร์ในครั้งนี้เป็นก้าวที่สำคัญสำหรับการส่งเสริมข้อปฏิบัติด้านความงามที่มีความยั่งยืน ด้วยความร่วมมือกับ Global Shea Alliance เราตั้งเป้าหมายที่จะสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากน้ำมันเชียร์ (shea) ให้มากขึ้น ซึ่งมีศักยภาพนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง” Deborah Gibbins กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท Mary Kay กล่าว (แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.)(Credit: Mary Kay Inc.).

ค่านิยมหลักของ GSA ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการส่งเสริมห่วงโซ่คุณค่าที่ครอบคลุม การส่งเสริมอุตสาหกรรมก่อนการแข่งขันและอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจโดยรับประกันความยั่งยืนและรักษาความลับในทุกธุรกรรมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

“เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เข้าร่วม Global Shea Alliance” Deborah Gibbinsประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของเราเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติด้านความงามที่ยั่งยืน ด้วยความร่วมมือกับ GSA เรามุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไป ควบคุมศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงของน้ำมันเชียร์ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง”

Mamatou Djaffo ประธาน Global Shea Alliance แสดงความกระตือรือร้นเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนครั้งใหม่ “เราขอต้อนรับ Mary Kay Inc. ด้วยใจจริง” Mamatou Djaffo กล่าว “ชื่อเสียงอันโดดเด่นของพวกเขาในฐานะตัวแทนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืนขององค์กรสอดคล้องกับภารกิจของเราอย่างสมบูรณ์แบบ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสร่วมมือกับ Mary Kay เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่สำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เรามุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่สำหรับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกหนือจากความงามเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับแต่ละบุคคล ยังส่งเสริมความยั่งยืน และส่งเสริมให้อนาคตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สำหรับผู้หญิงหลายล้านคนที่ต้องพึ่งพาเชียร์”

ความร่วมมือที่น่าตื่นเต้นระหว่าง Mary Kay Inc. และ Global Shea Alliance ในปีที่กำลังจะมาถึงนี้จะเป็นหัวหอกการริเริ่มที่มุ่งเป้าไปที่การยกระดับความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของผู้สะสมและผู้แปรรูปเชียร์ ตลอดจนความพยายามในการดำเนินการที่สำคัญในการฟื้นฟูพื้นที่สวนสาธารณะที่เสื่อมโทรมในแอฟริกาตะวันตกอีกด้วย

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Mary Kay ให้การต้อนรับ Aaron Adu กรรมการผู้จัดการ GSA และ Olawunmi Osholake รองกรรมการผู้จัดการ GSA ที่โรงงานผลิต Richard R. Rogers (R3) Manufacturing / R&D Center ในเมืองลูอิสวิลล์ รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ ตามด้วยการประชุมเพื่อสำรวจความร่วมมือและโอกาสในการมีส่วนร่วม

เกี่ยวกับ Mary Kay

อดีต ปัจจุบัน และตลอดไป Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกดั้งเดิม เธอได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของตัวเองในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ เพื่อทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางตกแต่งสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ที่ FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราใน X (ชื่อเดิมคือ Twitter)

เกี่ยวกับ Global Shea Alliance

GSA เป็นสมาคมอุตสาหกรรมที่ไม่แสวงหากำไรซึ่งมีสมาชิก 919 รายจาก 39 ประเทศ รวมถึงผู้รวบรวมและพัฒนาสตรี แบรนด์และผู้ค้าปลีก ซัพพลายเออร์ส่วนผสม ภาคประชาสังคม สถาบันการวิจัย และผู้กำหนดนโยบาย GSA ส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรม แนวปฏิบัติที่มีคุณภาพ ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน และมาตรฐานและความต้องการเชียร์ในอาหารและเครื่องสำอาง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://globalshea.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53861266/en

ติดต่อ
Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.




AstraZeneca เปิดตัว Evinova ธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมในภาคส่วนวิทยาศาสตร์ชีวภาพ การนำเสนอการทดลองทางคลินิก และผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น

Logo

Evinova จะดำเนินการธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพแยกต่างหากภายใต้ AstraZeneca

โซลูชันสุขภาพดิจิตัลระดับโลกของ Evinova ขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์ของมนุษย์และอิงหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อให้บริการผู้สนับสนุนการทดลองทางคลินิก องค์กรวิจัยทางคลินิก (CROs) ทีมงานดูแลสถานีทดลองทางคลินิก และผู้ป่วย

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งแรกกับ CROs Parexel และ Fortrea ชั้นนำระดับโลก ช่วยให้สามารถนำเสนอโซลูชันสุขภาพดิจิทัลของ Evinova แก่ฐานลูกค้าในวงกว้างขึ้น

WILMINGTON, Del.–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2023

AstraZeneca เปิดตัว Evinova วันนี้ โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันสุขภาพดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ หน่วยงานกำกับดูแล และผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการสนับสนุนระยะยาวจาก AstraZeneca และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Parexel และ Fortrea ช่วยให้ Evinova สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลระดับโลกแก่ภาคส่วนวิทยาศาสตร์ชีวภาพและการดูแลสุขภาพ

Evinova จะให้ความสำคัญกับการนำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นที่ยอมรับในตลาด ซึ่ง AstraZeneca มีการใช้อยู่แล้วทั่วโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบและนำเสนอการทดลองทางคลินิก โดยจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการพัฒนายาใหม่ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลได้ใกล้ขึ้น และลดภาระด้านระบบการดูแลสุขภาพ Evinova ยังแสวงหาโอกาสในการติดตามผู้ป่วยจากระยะยาวแบบดิจิทัลและการบำบัดรักษาแบบดิจิทัลด้วยเช่นกันด้วยนวัตกรรมระบบดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้

ด้วยประสบการณ์ที่มีมายาวนานของ AstraZeneca ในการพัฒนาการบำบัดรักษาโรคใหม่ๆ และด้วยข้อมูลเชิงลึกจากผู้ป่วยและนักวิจัยทางคลินิกนับพันราย ช่วยให้ Evinova สามารถจัดหาโซลูชันเทคโนโลยีที่เป็นที่ยอมรับสำหรับเภสัชภัณฑ์ เทคโนโลยีชีวภาพ และ CRO เพื่อรองรับงานวิจัยทางคลินิกทั่วโลก และมีการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการนำเสนอการทดลองทางคลินิกต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก AstraZeneca ในกว่า 40 ประเทศ

Pascal Soriot ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ AstraZeneca กล่าวว่า: “เราสามารถเร่งการพัฒนายาในอนาคตให้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้นได้ด้วยโซลูชันดิจิทัล เราเชื่อมั่นว่า การผสมผสานความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลบันทึกของ Evinova ในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใช้ AI ในวงกว้าง มอบโอกาสที่แท้จริงในการปรับปรุงการดูแลผู้ป่วยขั้นพื้นฐาน ขับเคลื่อนการปรับแปลงด้านการดูแลสุขภาพ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน”

Cristina Duran ประธานของ Evinova กล่าวว่า: “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำเสนอผลงานโซลูชันดิจิทัลระดับโลกที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนายาของ AstraZeneca สู่ชุมชนวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตในวงกว้าง เราเชื่อมั่นว่า ผลงานนี้จะช่วยขับเคลื่อนภาคส่วนนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าสำหรับสุขภาพดิจิทัล ดังที่เราทราบกันดีว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและหน่วยงานกำกับดูแลต้องการโซลูชันดิจิทัลที่ใช้ได้กับเภสัชภัณฑ์และให้การสนับสนุนผู้ป่วยในวงกว้าง จากภายในภาคส่วนนี้ และด้วยประสบการณ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว Evinova เป็นบริษัทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการนำเสนอโซลูชันที่อิงตามผลทางวิทยาศาสตร์ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ และขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์ของมนุษย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงประสบการณ์และผลัพธ์ของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น”

CROs Parexel และ Fortrea ชั้นนำระดับโลกได้ทำข้อตกลงเพื่อนำเสนอโซลูชันสุขภาพดิจิทัลของ Evinovaข สำหรับฐานลูกค้าในวงกว้าง เพื่อให้มีการยอมรับในอุตสาหกรรมที่ดียิ่งขึ้น มีความยั่งยืน และขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ดิจิทัลได้ทั่วโลก Evinova จึงร่วมมือกับ Accenture และ Amazon Web Services

Evinova จะผสานรวมประสบการณ์ทางเทคนิคและการกำกับดูแลจาก AstraZeneca เข้ากับความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในกลยุทธ์และการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล วิทยาศาสตร์เชิงข้อมูลและ AI การออกแบบประสบการณ์ของลูกค้าและวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรม นอกเหนือจากโซลูชันดิจิทัล Evinova จะนำเสนอโซลูชันเชิงวิทยาศาสตร์ที่กำหนดได้เอง รวมถึงการติดตามผู้ป่วยจากระยะไกลและโซลูชันพื้นฐาน รวมถึงการออกแบบการทดลองและบริการให้คำปรึกษา

หมายเหตุ

ผลิตภัณฑ์และโซลูชันของ Evinova

Evinova ร่วมสร้างสรรค์ชุดการพัฒนายา Evinova ร่วมกับผู้ป่วย โดยเป็นชุดโซลูชันดิจิทัลที่สร้างประโยชน์ให้กับผู้เข้าร่วมทุกคน ทั้งผู้ป่วย ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และนักวิจัย โดยชุดจะประกอบด้วย:

โซลูชันการทดลองแบบครบวงจรของ Evinova: โซลูชันระดับโลกที่ได้รับการตรวจสอบแบบ GxP สำหรับผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ในสถานที่ทดลองทางคลินิก และสปอนเซอร์การทดลองทางคลินิก เพื่อปรับปรุงการนำเสนอการทดลองทางคลินิก เพื่อปรับปรุงการนำเสนอการทดลองทางคลินิก ช่วยให้สามารถนำเสนอการทดลองทางคลินิกแบบดั้งเดิม แบบผสมผสาน และแบบกระจายศูนย์ พร้อมยกระดับประสบการณ์ของผู้ป่วย โซลูชันการทดลองแบบรวมศูนย์รองรับการรวบรวมข้อมูลปลายทางหลักและรองโดยตรง รวมถึงอุปกรณ์ปลายทางที่เปิดใช้งานดิจิทัลแบบใหม่ และอุปกรณ์ทางการแพทย์และเซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อทั้งสถานีทดลองและที่บ้านของผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังรองรับบริการเยี่ยมเยือนเสมือนจริง เช่น การส่งยาถึงผู้ป่วยโดยตรง การดูแลสุขภาพจากระยะไกล การติดตามผู้ป่วยจากระยะไกล และการติดตามตัวอย่างทางชีวภาพของมนุษย์ การโต้ตอบกับผู้ป่วยสามารถทำได้ผ่านแอปที่ใช้งานง่ายและมีส่วนร่วม โดยให้บริการในกว่า 40 ประเทศ และ 80 ภาษา การโต้ตอบกับไซต์งานสามารถทำได้ผ่านพอร์ทัลการลงชื่อเข้าใช้ระบบเพียงครั้งเดียว

การออกแบบและการวางแผนการศึกษาของ Evinova: ใช้ AI และอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อช่วยทีมในการพัฒนาทางคลินิก และปฏิบัติการออกแบบการศึกษาที่เหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาตัวแปรในการออกแบบที่สำคัญ ทีมงานสามาถออกแบบการศึกษา รับการคิดต้นทุนอัตโนมัติ และประเมินความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน โดยอิงตามข้อมูลจริงจากตัวบ่งชี้ในระดับประเทศและระดับไซต์งาน สามารถดูข้อมูลในอดีตและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้ โมดูลนี้ยังมีแบบจำลองเพื่อประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของการศึกษา และผลกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ป่วย ทีมงานสามารถนำเสนอการตัดสินใจผ่านการทำงานร่วมกันและความสามารถในการเปรียบเทียบสถานกรณ์

การจัดการพอร์ตโฟลิโอของ Evinova: รองรับโปรแกรมทางคลินิกและการจัดการการทดลอง การรายงานและการกำกับดูแล ผ่านข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ที่โปร่งใส และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ โดยแสดงภาพรวมที่สมบูรณ์ของพอร์ตโฟลิโอในทุกระยะ และช่วยให้สามารถติดตามโปรแกรมทางคลินิกและการทดลองในระดับโลก ภูมิภาค ประเทศ และไซต์งาน ใช้อัลกอริทึมการคาดการณ์เพื่อกำหนดเหตุการณ์สำคัญในอนาคต ช่วยให้ผู้นำการศึกษาสามารถเข้าใจความแตกต่างกันจากแผนการและรองรับการแทรกแซงที่เหมาะสม

สุขภาพดิจิทัล

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสุขภาพดิจิทัลถือเป็นการแก้ไขปัญหาในการลดต้นทุนด้านการรักษาพยาบาล ขณะเดียวกัน ก็ช่วยในการปรับปรุงประสบการณ์และผลลัพธ์ของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เริ่มจากประมาณ 6%ของ GDP ในปี 2006-10 ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขและการดูแลในระยะยาวรวมกันสำหรับประเทศ OECD คาดว่าจะสูงถึงอย่างน้อย 9.5% ในปี 2060 ในประเทศ BRIICS อัตราส่วนการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยอยู่ที่ประมาณ 10% ของ GDP ภายในปี 2060 เว้นแต่จะมีการนำนโยบายการควบคุมต้นทุนมาใช้1 จากข้อมูลการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพในปี 2018 McKinsey ประเมินว่าการแทรกแซงด้านสุขภาพดิจิทัลเพียงรายการเดียวมีศักยภาพที่จะช่วยรักษาระบบการดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกาได้เกือบ 500 พันล้านเหรียญสหรัฐ หากมีการนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ2

สุขภาพดิจิทัลเป็นตลาดที่ใหญ่ (+900 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2032) และกำลังเติบโต (13.6% CAGR 2022-2032) ตลาดสำหรับการดูแลสุขภาพดิจิทัล R&D และการดูแลพร้อมการติดตามผลผู้ป่วยจากระยะไกล รวมกันคิดเป็นประมาณ 60% ของตลาดสุขภาพดิจิทัลโดยรวม3 ส่วนที่เหลืออีก 40% ประกอบด้วยการตรวจคัดกรองและการวินิจฉัย สุขภาพและการป้องกันการเกิดโรค การจัดหาวิธีการรักษา และร้านขายยาดิจิทัล

เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพดิจิทัลและการวิจัยทางคลินิก

ส่วนสำคัญของต้นทุนและเวลาของกระบวนการพัฒนายาอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก มากกว่าเพียงการออกแบบระดับโมเลกุล อย่างไรก็ตาม ส่วนสำคัญเหล่านี้มีความสำคัญต่อกระบวนการพัฒนาและอนุมัติยาก และมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงยาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้ การศึกษาประเมินว่า ขณะนี้มีค่าใช้จ่ายในการนำยาใหม่ออกสู่ตลาดสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ4 และจากการศึกษางานวิจัยระยะเวลาเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มต้นการทดสอบทางคลินิกจนถึงการอนุมัติอยู่ที่ 7.1 ปี5 เกือบ 80% ของการทดลองทางคลินิกทั่วทั้งอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถดำเนินการตามเวลาในการรับสมัคร6 และมีเพียง 3-5% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เข้าเกณฑ์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าร่วมการทดลองทางคลินิก7 กลุ่มต่างๆ รวมถึงกลุ่มเชื้อชาติและชาติพันธุ์ ผู้หญิง และประชากรอื่นๆ มีบทบาทน้อยในการทดลองทางคลินิก8

บทความล่าสุดของ AstraZeneca ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine จากผู้เขียน Cristina Duran แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีสุขภาพดิจิทัลทางคลินิกมาเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้นด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้นและลดต้นทุนลง9

AstraZeneca

AstraZeneca เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ โดยมุ่งเน้นที่การค้นพบ การพัฒนา และการจำหน่ายยาตามใบสั่งโดยแพทย์ในด้านเนื้องอกวิทยา โรคหายาก และเภสัชภัณฑ์ชีวภาพ รวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือด ไตและระบบเผาผลาญ และระบบทางเดินหายใจและวิทยาภูมิคุ้มกัน AstraZeneca มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร มีการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ใช้ยาซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของบริษัท โปรดเข้าเยี่ยมชม astrazeneca.com และติดตามบริษัทได้บนโซเชียลมีเดีย @AstraZeneca

Evinova

Evinova เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพที่นำเสนอผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยการขับเคลื่อนภาควิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้าในส่วนสุขภาพดิจิทัลจากภายใน โดยการประยุกต์ใช้ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ หลักฐานเชิงประจักษ์ และข้อมูลเชิงลึกตามประสบการณ์ของมนุษย์ โซลูชันดิจิทัลของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นร่วมกัน Evinova เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพภายใน AstraZeneca Group

ติดต่อ

สามารถดูรายละเอียดวิธีการติดต่อทีมงานนักลงทุนสัมพันธ์ได้ ที่นี่ หากต้องการติดต่อสำหรับสื่อ โปรดคลิก ที่นี่

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. OECD. What future for health spending? Available at: https://www.oecd.org/economy/health-spending.pdf ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  2. McKinsey & Company. Healthtech in the fast lane: What is fueling investor excitement? Available at: https://www.mckinsey.com/industries/life-sciences/our-insights/healthtech-in-the-fast-lane-what-is-fueling-investor-excitement ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  3. Precedence Research​. Digital Health Market (By Component: Software, Hardware, and Services; By Technology: Telehealthcare [Telehealth and Telecare], mHealth [Apps and Wearables], Digital Health Systems [E-prescribing Systems and Electronic Health Records], and Health Analytics) – Global Market Size, Trends Analysis, Segment Forecasts, Regional Outlook 2023 – 2032. Available at: https://www.precedenceresearch.com/digital-health-market ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  4. Deloitte. Deloitte pharma study: Drop-off in returns on R&D investments. Available at: https://www2.deloitte.com/ch/en/pages/press-releases/articles/deloitte-pharma-study-drop-off-in-returns-on-r-and-d-investments-sharp-decline-in-peak-sales-per-asset.html ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  5. Deloitte. Deloitte pharma study: Drop-off in returns on R&D investments. Available at: https://www2.deloitte.com/ch/en/pages/press-releases/articles/deloitte-pharma-study-drop-off-in-returns-on-r-and-d-investments-sharp-decline-in-peak-sales-per-asset.html ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  6. Clinical Trials Arena. Clinical trial delays: America’s patient recruitment dilemma. Available at: https://www.clinicaltrialsarena.com/features/featureclinical-trial-patient-recruitment/ ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  7. Baquet, C.R., Commiskey, P., Daniel Mullins, C., Mishra, S.I., Recruitment and participation in clinical trials: socio-demographic, rural/urban, and health care access predictors. Cancer Detect Prev. 2006;30(1):24-33. Available at: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3276312/ ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  8. Schwartz, A.L, Aslan, M., Morris, A.M., Halpern, S.D., Why diverse clinical trial participation matters. N Engl J Med 2023; 388:1252-1254. Available at: https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMp2215609#article_references ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  9. Durán, C.O., Bonam, M., Björk, E. et al. Implementation of digital health technology in clinical trials: the 6R framework. Nat Med (2023). Available at: https://doi.org/10.1038/s41591-023-02489-z ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023

ดูรายละเอียดแหล่งข้อมูลได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20231120504578/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Brendan McEvoy
1-302-885-2677

แหล่งข้อมูล: AstraZeneca

LTIMindtree ใช้ประโยชน์การบูรณาการ Low-Code ของ Boomi เพื่อเสริมสร้างการยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

Logo

บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระดับโลกใช้ประโยชน์จากฟังก์ชันการ drag-and-drop เพื่อรวมระบบและแปลงข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว

MUMBAI, India & CHESTERBROOK, Pa.–(BUSINESS WIRE)–21 พฤศจิกายน 2023

Boomi™ ผู้นำระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศในวันนี้ว่า LTIMindtree ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและโซลูชันดิจิทัลระดับโลก มีการผลักดันการตัดสินใจที่ใช้ข้อมูลเป็นแรงดันขับเคลื่อนหลัก โดยการเชื่อมต่อสถาปัตยกรรมไอทีที่หลากหลายแบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มการบูรณาการระดับชั้นนำของ Boomi ในฐานะบริการ (iPaaS)

LTIMindtree Leverages Boomi's Low-Code Integration To Strengthen Customer Centricity (Graphic: Business Wire)

LTIMindtree ใช้ประโยชน์การบูรณาการ Low-Code ของ Boomi เพื่อเสริมสร้างการยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (กราฟิก: Business Wire)

LTIMindtree เป็นพันธมิตรด้านการปรับแปลงทางดิจิทัลระดับโลกสำหรับองค์กรทั่วโลกกว่า 700 แห่งในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยการช่วยกำหนดรูปแบบธุรกิจใหม่ เร่งสร้างนวัตกรรม และเพิ่มการเติบโตสูงสุด LTIMindtree นำเสนอความเชี่ยวชาญด้านโดเมนและเทคโนโลยีแก่ลูกค้า โดยมีการดำเนินงานในกว่า 30 ประเทศ

เพื่อให้แน่ใจว่า พนักงานสามารถให้การสนับสนุนลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ LTIMindtree จำเป็นต้องเชื่อมต่อระบบที่หลากหลายและสนับสนุนรูปแบบการบูรณาการต่างๆ แบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถใช้งานข้อมูลได้อย่างเต็มที่จากระบบคลาวด์และสภาพแวดล้อมภายในองค์กร หลังจากผ่านการประเมินตัวเลือกต่างๆ อย่างละเอียด LTIMindtree ตัดสินใจเลือก Boomi ในการบูรณาการสถาปัตยกรรมด้านดิจิทัล ขจัดอุปสรรคในโฟลว์ข้อมูล และรับประกันการเข้าถึงข้อมูลในทันที

"เรามีการปรับปรุงคุณภาพของระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามระบบผ่าน แพลตฟอร์ม Boomi ซึ่งช่วยให้เราสามารถได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถใช้ในการดำเนินการและทันท่วงที นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Boomi ยังอำนวยความสะดวกระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ ซึ่งช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาได้เป็นอย่างมาก เราหวังว่า จะสามารถบรรลุความสำเร็จในการลดช่วงระยะเวลาการบูรณาการได้ถึง 60%” Rajesh Kumar R ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ (CIO) ของ LTIMindtree กล่าว

และยังกล่าวเสริมว่า "นอกจากนี้ iPaaS ของ Boomi ยังช่วยให้เราสามารถมีมุมมองข้อมูลของเราที่เป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น และผลักดันให้เราเป็นองค์กรที่ใช้ข้อมูลเป็นแรงดันขับเคลื่อนหลักอย่างแท้จริง มีการปรับปรุงรายงานข้อมูลทางธุรกิจและการตัดสินใจ พร้อมกันนี้ ก็ส่งเสริมศักยภาพทีมงานของเราในการให้บริการ และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในทุกจุด"

"ความคล่องตัวทางธุรกิจและประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้นั้นเป็นส่วนสำคัญสำหรับองค์กรต่างๆ เช่น LTIMindtree" Thomas Lai รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว "โดยการช่วยให้ทีมงานของ LTIMindtree สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถดำเนินงานอย่างมั่นใจบนพื้นฐานมุมมองข้อมูลลูกค้าแบบครบวงจร Boomi ช่วยให้บริษัทสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้อง สมบูรณ์ และนำไปใช้งานได้ โดยมุ่งเน้นความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และสามารถนำเสนอโซลูชันที่เหนือความคาดหมาย”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi มีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่งจากทุกที่ เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการบนระบบคลาวด์ในฐานะการบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟต์แวร์แบบบริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก Boomi มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการแพลตฟอร์มบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย – รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลนี้ของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานข้อมูล ในขณะเดียวกัน ก็มีการเชื่อมต่อใบสมัคร กระบวนการ และผู้คนเข้าด้วยกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘B’, และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทในเครือ หรือบริษัทสาขา สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53830636/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
Head of Media and Analyst Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi

AIT Worldwide Logistics วางแผนเพิ่มขอบข่ายการให้บริการด้วยการควบรวมกับ Lubbers Logistics Group

Logo

การดีลเชิงกลยุทธ์จะทำให้ AIT อยู่ในบทบาทผู้เล่นสำคัญของการขนส่งทางบกและเซกเมนต์พลังงาน

ITASCA Ill–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2023

AIT Worldwide Logistics ผู้นำที่ให้บริการโซลูชันซัพพลายเชนระดับโลกได้เข้าร่วมในข้อตกลงซื้อกิจการ Lubbers Logistics Group ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์สัญชาติยุโรปที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านบริการขนส่งมูลค่าสูง ซับซ้อน และเน้นเรื่องเวลา การซื้อขายนี้จะนับเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับ AIT ที่จะขยายขอบข่ายระดับโลกต่อไป รวมถึงยกระดับข้อเสนอต่าง ๆ ของการขนส่งทางบก ตัวแทนบริการขนส่งสินค้าต่างประเทศ และบริการโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในเซกเมนต์พลังงาน

Once the acquisition of Lubbers is finalized, more than 350 new teammates in 18 offices will join AIT's European network. (Graphic: Business Wire)

เมื่อการควบรวม Lubbers เสร็จสิ้น เพื่อนร่วมทีมใหม่กว่า 350 คน จาก 18 สำนักงาน จะมาเข้าร่วมอยู่ในเครือข่ายยุโรปของ AIT (Graphic: Business Wire)

ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา Lubbers ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในชโคเนอะเบก เนเธอร์แลนด์ ได้สถาปนาตัวเองเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของโซลูชันการขนส่งระดับสูงสุดสำหรับเซกเมนต์มูลค่าสูง มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการขนส่งทางบก สินค้าขนาดใหญ่ และบริการตัวแทนขนส่งสินค้าต่างประเทศ บริษัทมีพนักงาน 377 คน ทำงานทั่วฮับขนส่งทางบกทั้งเก้าฮับ และฮับส่งสินค้าอีกเก้าแห่ง Lubbers ประกาศได้ว่ามีเครื่องข่ายขยายของแหล่งอำนวยความสะดวกที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทั่วทั้งยุโรป

“วิธีการแบบวันสตอปชอปที่มั่นคงของ Lubbers และความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าชั้นนำของอุตสาหกรรมทำให้บริษัทนี้เหมาะสำหรับ AIT” Greg Weigel เจ้าหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบริหารของ AIT กล่าว “เราเห็นศักยภาพสำคัญของเครือข่ายที่กว้างขวาง โดยเราจะทำให้การดำเนินงานด้านตัวแทนบริการขนส่งสินค้าต่างประเทศและความเชี่ยวชาญในเซกเตอร์พลังงานเติบโตขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าระดับโลกของ AIT เรายังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พัฒนาโซลูชันจากต้นจนจบด้วยบริการมิดเดิลไมล์ในยุโรป ให้คู่กันไปกับ U.S. Middle Mile Network ที่เราเพิ่งเริ่มไปเมื่อไม่นานนี้”

เครือข่ายของ Lubbers จะเพิ่มสำนักงานใหม่ 18 แห่ง ให้เครือข่ายที่มีอยู่แล้วทั่วโลกของ AIT มากกว่า 125 แห่ง ขณะเดียวกันก็ขยายเขตสัญญาณบริการไปยังสี่ประเทศใหม่ได้แก่ เดสมาร์ก นอร์เวย์ โรมาเนีย และตุรกี Lubbers ยังมีแหล่งอำนวยความสะดวกในเยอรมนี อิตาลี และ สหราชอาณาจักร

“การรวมพลังกันกับ AIT Worldwide Logistics เป็นการเดินกลยุทธ์ที่จะช่วยให้เราสามารถมอบบริการสุดพิเศษให้ลูกค้าเราได้ต่อไป ขณะเดียวกันก็ขยายขอบข่ายของเราในระดับโลก” Gary Roche ซีอีโอของ Lubbers กล่าว “ประวัติผลงานที่แข็งแรงของ AIT และการอุทิศต่อบริการลูกค้านั้นสอดคล้องกับคุณค่าของเรา และเราก็มองหาอนาคตอันสดใสไปด้วยกัน”

 “เรากำลังเตรียมที่จะต้อนรับ Lubbers ให้มาเข้าร่วมเครือข่าย AIT” Vaughn Moore ประธานและซีอีโอของ AIT กล่าว “ดีลนี้จะยกระดับบทบาทของเราในยุโรปและทำให้เราเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้นในเซกเตอร์พลังงาน ช่วยให้เราบริการลูกค้าปัจจุบันไปพร้อมกับสร้างโอกาสใหม่ ๆ วิธีการที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางธุรกิจของ Lubbers รวมถึงชื่อเสียงด้านคุณภาพอันยอดเยี่ยมสอดคล้องกับวัฒนธรรม AIT อย่างสมบูรณ์แบบ”

การควบรวม Lubbers ของ AIT คาดว่าจะได้ข้อสรุปตอนสิ้นปี 2023 และต่อไปจะต้องขอการอนุมัติตามกฏข้อบังคับตามธรรมเนียม ยังไม่มีการเปิดเผยข้อตกลงในตอนนี้

Kirkland & Ellis LLP และ NautaDutilh N.V. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ AIT ทั้งคู่เกี่ยวกับเรื่องการควบรวม Nielen Schuman B.V. กำลังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้ Lubbers ส่วน Loyens & Loeff N.V. กำลังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้ Lubbers

เกี่ยวกับ AIT Worldwide Logistics

AIT Worldwide Logistics เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระดับที่ช่วยบริษัทเติบโตด้วยการขยายการเข้าถึงตลาดทั่วโลก ที่พวกเขาสามารถขายและ/หรือ จัดซื้อวัตถุดิบ ส่วนประกอบ และสินค้าสำเร็จรูปได้ เป็นเวลากว่า 40 ปี ที่ผู้นำโซลูชันซัพพลายเชนที่ตั้งอยู่ในชิคาโกนี้ได้พึ่งพิงวิธีการที่มีการให้คำปรึกษาในการสร้างเครือข่ายทั่วโลกและความเป็นพาร์ตเนอร์ที่เชื่อใจได้ในเกือบทุกอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ยานบิน ยานยนต์ การค้าปลีกให้ลูกค้า อาหาร รัฐบาล การดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีขั้นสูง วิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมและชีวิต ที่ได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และปรับสเกลได้ โมเดลธุรกิจอันยืดหยุ่นของ AIT ช่วยปรับแต่งการขนส่งตั้งแต่ต้นจนถึงประตูบ้านผ่านทะเล อากาศ ทางบก และราง — ตามเวลาและตามงบ ด้วยเพื่อนร่วมทีมผู้เชี่ยวชาญที่ประจำอยู่ทั่วโลกทั้งใน เอเชีย, ยุโรป และอเมริกาเหนือ ตัวเลือกบริการแบบครบของ AIT ยังมีเรื่องการจัดการเรื่องศุลกากร คลังสินค้า และบริการนำเสนอสินค้าถึงบ้านลูกค้าโดยตรง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aitworldwide.com

ภารกิจของเรา

ที่ AIT เรามองหาโอกาสอย่างแข็งขันที่จะซื้อความเชื่อใจลูกค้าด้วยการมอบโซลูชันโลจิสติกส์ทั่วโลกสุดพิเศษ รวมถึงให้คุณค่าเพื่อนร่วมงาน พันธมิตร และชุมชนของเราด้วย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53859335/en

ติดต่อ

Matt Sanders
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
+1 (630) 766-8300
msanders@aitworldwide.com

แหล่งที่มา: AIT Worldwide Logistics

The Bangkok Reporter