Tim Liu CTO ของ Hillstone Networks แชร์แนวโน้มความปลอดภัยทางไซเบอร์ประจำปี 2024

Logo

CTO’s Corner: การนำทางภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่กำลังพัฒนากับ Tim Liu

ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–22 ธันวาคม 2023

Hillstone Networks ภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2024 นั้นถูกเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งนำเสนอทั้งความท้าทายและโอกาส ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกำลังติดตามแนวโน้มสำคัญหลายประการอย่างใกล้ชิดซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงกลยุทธ์ด้านไอทีที่เป็นนวัตกรรมเพื่อรับมือกับพวกมัน Tim Liu CTO แบ่งปันแนวโน้มสูงสุดของเขาในปี 2024:

ผลกระทบของ AI ต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์

การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยได้รับแรงกระตุ้นจากการเปิดตัว ChatGPT และเทคโนโลยี AI อื่นๆ ในปี 2023 ทั้งยังได้เปลี่ยนรูปแบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า AI จะสัญญาว่าจะปรับปรุงความคิดสร้างสรรค์ ประสิทธิภาพการทำงาน และการปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ทั่วไป แต่ก็ยังนำมาซึ่งเวกเตอร์ภัยคุกคามใหม่แบบใหม่อีกด้วย ธรรมชาติของ 'wild West' ในขอบเขตของ AI ร่วมกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ความอ่อนแอของ AI ต่อการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตและการหาประโยชน์ทางวิศวกรรมสังคมที่มีการเสริมพลังด้วยกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เป็นผลให้เกิดความซับซ้อนอีกชั้นต่อภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ เมื่อ AI เข้าถึงได้มากขึ้น ยิ่งก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ทั้งในวัตถุประสงค์ด้านดีและด้านที่เป็นอันตราย อีกทั้งเราต้องยังคงตื่นตัวเสมอเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมา

ความท้าทายด้านความปลอดภัยบนคลาวด์

การนำระบบคลาวด์มาใช้ยังคงไม่หยุดยั้งโดยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการริเริ่มด้าน AI ขององค์กร อย่างไรก็ตาม รูปแบบความรับผิดชอบร่วมกันด้านความปลอดภัยบนคลาวด์และการปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นไม่เป็นที่เข้าใจในระดับสากลโดยเฉพาะในระดับผู้บริหารระดับสูงและระดับคณะกรรมการ ปัญหาต่างๆ เช่น ข้อกังวลด้านความปลอดภัยของอินสแตนซ์บนคลาวด์ที่มีการจัดการแบบระบบไอทีเงาและการขาดการดูแลโดยทีมไอทีที่มีประสบการณ์ มีส่วนทำให้เกิดความท้าทายด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ที่ยังคงอยู่

การขยายพื้นที่โจมตี

การแพร่หลายของอุปกรณ์ Edge รวมถึงอุปกรณ์ IoT สิ่งอำนวยความสะดวกที่เชื่อมต่อกับ 5G และยานพาหนะไฟฟ้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายกำลังขยายขอบเขตภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้นอย่างรวดเร็ว การป้องกันเครือข่ายแบบดั้งเดิมจะต้องพัฒนาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ของการโจมตีใหม่ ๆ และจุดเข้าใช้งานใหม่เหล่านี้โดยต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมสู่ความปลอดภัยทางไซเบอร์

ปัจจัยมนุษย์ในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

ท่ามกลางการมุ่งเน้นไปที่ AI Cloud และอุปกรณ์ปลายทาง ปัจจัยมนุษย์ยังคงเป็นเวกเตอร์การโจมตีที่แพร่หลาย เหตุการณ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์มักเกิดจากการกระทำของมนุษย์โดยเน้นน้ำหนักไปที่ของการปฏิบัติด้านความปลอดภัยพื้นฐาน การอัปเดตการฝึกอบรมพนักงานและการจัดการอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงภัยคุกคามทางไซเบอร์ และทำให้ชัดเจนว่าการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นเป็นปัญหาของผู้คนมากพอ ๆ กับเทคโนโลยี

การแปลงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยดิจิตอล

ในขณะที่ธุรกิจพึ่งพาการทำธุรกรรมดิจิตอลมากขึ้นการสร้างและการรักษาความไว้วางใจดิจิทัลจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น กลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีส่วนทำให้ความไว้วางใจดิจิทัลโดยเน้นที่ท่าทางความปลอดภัยแบบองค์รวมและการพัฒนาที่พัฒนาเช่นการดำเนินงานด้านความปลอดภัย (SECOPS) เครื่องมือเช่น SIEM และ XDR มีบทบาทสำคัญในการย้ายจากการรื้อล่วงหน้าไปยังท่าโพสต์ที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจจับการตอบสนองและการบรรเทา แนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่เช่น SASE และ SSE เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับวิธีการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรและแบบบูรณาการ

ภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2024 ต้องการการปรับตัวและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการไปอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนองค์กรจะต้องระมัดระวังการจัดลำดับความสำคัญของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เน้นผู้คนเป็นศูนย์กลางและยอมรับกลยุทธ์ความปลอดภัยแบบองค์รวมเพื่อนำทางภูมิทัศน์การคุกคามที่พัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

สุขสันต์วันหยุดจาก Hillstone Networks

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ส่งมอบทั้งความลึกและความกว้างของการป้องกันให้กับบริษัททุกขนาดตั้งแต่ Edge ไปจนถึง Cloud ตลอดจนทั่วทั้งภาระงาน แนวทางการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แบบบูรณาการของ Hillstone Networks นำมาซึ่งความครอบคลุม การควบคุมและการรวมเข้าด้วยกันให้กับองค์กรกว่า 26,000 แห่งทั่วโลกwww.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งที่มา: Hillstone Networks

Nippon Steel Corporation (NSC) เตรียมซื้อกิจการของ U. S. Steel เพื่อผนึกกำลังร่วมสร้าง ‘ผู้ผลิตเหล็กที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’

Logo

NSC เข้าซื้อกิจการของ U. S. Steel ในราคา 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นสำหรับธุรกรรมเงินสดทั้งหมด โดยคิดเป็น 40% พรีเมี่ยม สำหรับมูลค่าที่กำหนดและมีผลทันทีสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ U. S. Steel

เป็นการควบรวมสองบริษัทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคม

ผสมผสานเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และความสามารถในการผลิตเพื่อให้สามารถบริการลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น

เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่มีความหลากหลายและพร้อมในการแข่งขันในสหรัฐอเมริกา เพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่ลูกค้าผ่านความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านเหล็กกล้าระดับโลกสองราย

NSC ได้รับเกียรติเข้าร่วมข้อตกลงการเจรจาต่อรองร่วมกับ United Steelworkers Union ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ถือหุ้น

ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล็กกล้าทั่วไปไปสู่การลดคาร์บอนและโลกที่ยั่งยืน

U. S. Steel จะยังคงชื่อเสียงที่โดดเด่นและสำนักงานใหญ่ยังคงอยู่ที่ Pittsburgh, PA

การทำธุรกรรมจะเป็นไปตามกระบวนการทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของ U. S. Steel

สร้างมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ถือหุ้นของทั้ง NSC และ U. S. Steel

จะมีการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกันในเวลา 8:00 น. โซนเวลา ET เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของการทำธุรกรรม

TOKYO & PITTSBURGH–(BUSINESS WIRE)–22 ธันวาคม 2023

Nippon Steel Corporation (NSC) (TSE: 5401) ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำของโลก และ United States Steel Corporation (NYSE: X) ("U. S. Steel”) ผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านแร่เหล็กต้นทุนต่ำ การผลิตเหล็กกล้าแบบโรงถลุงขนาดเล็ก และความสามารถในการตกแต่งเหล็กกล้าขั้นสุดท้ายที่หาที่เปรียบมิได้ ประกาศร่วมกันในวันนี้ว่า มีการตกลงขั้นสุดท้ายตามที่ NSC จะเข้าซื้อกิจการของ U. S. Steel ทั้งหมดโดยเป็นการทำธุรกรรมด้วยเงินสดที่ 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหุ้นประมาณ 14.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ บวกกับภาระหนี้ รวมเป็นมูลค่ากิจการโดยรวม 14.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ราคาซื้อต่อหุ้นมีมูลค่าเท่ากับ 55.00 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 40% พรีเมี่ยมสำหรับราคาปิดของหุ้น U. S. Steel เมื่อวันที่ 15 เดือนธันวาคม ปี 2023 ธุรกรรมดังกล่าวได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการบริหารของทั้ง NSC และ U. S. Steel

การเข้าซื้อกิจการ U. S. Steel ของ NSC จะช่วยเสริมขีดความสามารถด้านการผลิตและเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และช่วยให้สามารถขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ที่ NSC สามารถให้บริการแก่ผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงลูกค้าและสังคมโดยรวม ธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นการกระจายขอบเขตการดำเนินงานทั่วโลกของ NSC โดยการขยายการผลิตในปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ โดยขยายเพิ่มพื้นที่ทางภูมิศาสตร์หลักในญี่ปุ่น อาเซียน และอินเดีย ผลจากการเข้าซื้อกิจการ U. S. Steel ของ NSC จะส่งผลให้กำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบโดยรวมต่อปีตามที่คาดการณ์ไว้ขึ้นสูงถึง 86 ล้านตัน – เอื้อให้สามารถเร่งความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ NSC เพื่อเพิ่มกำลังในการผลิตเหล็กกล้าดิบทั่วโลกให้ถึง 100 ล้านตันต่อปี

Eiji Hashimoto ประธาน NSC กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ธุรกรรมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของสองบริษัทที่มีความสามารถในการผลิตและมีเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ซึ่งแสดงความมุ่งมั่นของเราเพื่อให้สามารถนำเสนอบริการแก่ลูกค้าได้ทั่วโลก รวมถึงความตั้งใจที่จะสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้นโดยการลดคาร์บอนในการผลิตเหล็กกล้า NSC มีความชื่นชมใน U. S. Steel และเคารพในเทคโนโลยีชั้นนำมาตลอด รวมถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน และบุคลากรที่มีความสามารถสูง เราเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถร่วมกันรับมือกับความท้าทายในการยกระดับแรงบันดาลใจของเราให้สูงยิ่งขึ้น ธุรกรรมนี้จะเสริมสร้างภาพลักษณ์ของเราในสหรัฐอเมริกา และเรามุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามสัญญาสหภาพแรงงานที่มีอยู่ทั้งหมดของ U. S. Steel เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้ดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทีมงานของ U. S. Steel เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองบริษัทและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’

Takahiro Mori รองประธานบริหารของ NSC กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่า ธุรกรรมครั้งนี้เป็นประโยชน์สูงสุดของทั้งสองบริษัท โดยเพิ่มมูลค่าหุ้นเพื่อผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel และขณะเดียวกัน ก็เพิ่มโอกาสในการเติบโตในระยะยาวของ NSC เรามีงบดุลที่ดี และเรามั่นใจในความสามารถของเราที่จะปลดล็อกศักยภาพในการร่วมมือกันของ NSC และ U. S. Steel เพื่อเสริมสร้างความก้าวล้ำในการผลิตเหล็กกล้า สร้างมูลค่าในระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท รวมถึงลูกค้า พนักงาน ซัพพลายเออร์ ชุมชน และผู้ถือหุ้น”

David B. Burritt ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ U. S. Steel กล่าวว่า “NSC มีประวัติที่ดีซึ่งสามารถพิสูจน์ได้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ การดำเนินงาน และการลงทุนในโรงงานถลุงเหล็กทั่วโลก และเรามีความมั่นใจ เช่นเดียวกับกลยุทธ์ของเราว่า การรวมตัวในครั้งนี้จะเป็นผลดีเยี่ยมสำหรับทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง การทำธุรกรรมในครั้งนี้จะเป็นการทำให้เราสามารถตระหนักถึงมูลค่าอันมหาศาลของบริษัทในปัจจุบัน และเป็นผลมาจากกระบวนการทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมของคณะกรรมการบริหารของเรา สำหรับพนักงาน U. S. Steel ของเรา ซึ่งเราขอบคุณในการดำเนินงานกันมาตลอด การดำเนินธุรกรรมในครั้งนี้ เป็นการผสมผสานบริษัทผลิตเหล็กกล้าที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน ทั้งการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไม่เคยเปลี่ยน การมีเป้าหมายร่วมกัน ค่านิยม และกลยุทธ์ที่มีการสนับสนุนจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน สำหรับลูกค้า U. S. Steel และ NSC ร่วมกันสร้างบริษัทผลิตเหล็กกล้าระดับโลกอย่างแท้จริง โดยการผสมผสานความสามารถและนวัตกรรมซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาของลูกค้าได้ การประกาศควบรวมกิจการในวันนี้ ยังเป็นการเอื้อประโยชน์แก่สหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน โดยรับประกันการแข่งขันในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าภายในประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในภาพลักษณ์ของเราทั่วโลก การมุ่งเน้นการลดคาร์บอนร่วมกันของเรานั้น คาดว่าจะสามารถเพิ่มความสามารถของเราที่จะจัดหาโซลูชันนวัตกรรมการผลิตเหล็กกล้าให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน”

ผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์

  • ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในฐานะผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลกการทำธุรกรรมในครั้งนี้เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยทั้งจาก NSC และ U. S. Steel เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยและนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าคุณภาพสูง เช่น เหล็กกล้าสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้า และเหล็กแผ่นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สำหรับลูกค้าทั่วโลก NSC และ U. S. Steel จะร่วมพัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกและความสามารถด้านการผลิต เพื่อเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการปรับแปลงด้านดิจิทัลในการผลิตเหล็กกล้า เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้า U. S. Steel เป็นนักพัฒนานวัตกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ด้วยการดำเนินการ Big River Steel ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงถลุงเหล็กกล้าที่ยั่งยืนและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ ในการดำเนินธุรกรรมร่วมกันนี้จะได้รับการขับเคลื่อนโดยการรวบรวมเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและความรู้ความชำนาญจากทั้ง U. S. Steel และ NSC เข้าด้วยกัน รวมถึงการดำเนินงานอย่างคุ้มทุน มีการประหยัดพลังงาน และการรีไซเคิล เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของ NSC จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถทางเทคนิคในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากเหมืองแร่ การหลอม และการผลิตในสหรัฐอเมริกาของ U. S. Steel ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในสหรัฐอเมริกาได้ดียิ่งขึ้น
  • เสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองความต้องการเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก U. S. Steel เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาอันยาวนาน ในขณะที่ NSC ประสบความสำเร็จในการให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐอเมริกามานานหลายทศวรรษเช่นกัน การร่วมมือกันกับ U. S. Steel จะช่วยเสริมให้ NSC มีความพร้อมยิ่งขึ้นในการรองรับความต้องการเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเหล็กกล้าสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และระบบไฟฟ้า รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ นอกเหนือจากนี้ NSC ยังมีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าประสิทธิภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับการใช้งานทุกประเภท
  • ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล็กกล้าระดับโลกไปสู่การลดคาร์บอนและสร้างโลกที่ยั่งยืน NSC และ U. S. Steel มีความมุ่งมั่นเดียวกันที่จะลดคาร์บอนภายในปี 2050 และตระหนักว่า การแก้ไขปัญหาความท้าทายด้านความยั่งยืนเป็นเสาหลักพื้นฐานในการดำรงอยู่และการเติบโตของผู้ผลิตเหล็กกล้า ประเด็นสำคัญของความร่วมมือหลังการทำธุรกรรมนี้คือ การดำเนินการตามเป้าหมายนี้ต่อไปและขับเคลื่อนเทคโนโลยีทางเลือกในการลดคาร์บอน NSC มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสามประการเพื่อมุ่งบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางของคาร์บอนภายในปี 2050 รวมถึงเทคโนโลยีการฉีดไฮโดรเจนเข้าในเตาถลุงเหล็กกล้า การผลิตเหล็กกล้าคุณภาพสูงในเตาอาร์คไฟฟ้าขนาดใหญ่ และการใช้ไฮโดรเจนในกระบวนการลดปริมาณเหล็กโดยตรง U. S. Steel มีการมุ่งเน้นการลดระดับคาร์บอนในทำนองเดียวกัน รวมถึงการใช้พลังงานให้น้อยลงอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานปัจจุบัน การบูรณาการความสามารถของเตาอาร์คไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนการลดคาร์บอน และการสร้างโรงถลุงจขนาดเล็กที่ล้ำสมัยแห่งที่สองที่ Arkansas
  • เคารพข้อตกลงทั้งหมดระหว่าง U. S. Steel และ United Steelworkers Union: NSC มีประวัติที่ดีเยี่ยมด้านความปลอดภัยในที่ทำงานและการทำงานร่วมกันกับสหภาพแรงงาน จะมีการดำเนินกาตามข้อตกลงทั้งหมดของ U. S. Steel ที่มีต่อพนักงาน รวมถึงข้อตกลงการเจรจาต่อรองทั้งหมดกับสหภาพแรงงาน และ NSC มีความมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้อย่างเหนียวแน่น
  • ความมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นอย่างเหนียวแน่น รวมทั้งความสัมพันธ์กับพนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ และชุมชน การผสานรวมพนักงานมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ภายหลังการปิดข้อตกลงสำหรับการทำธุรกรรมนี้  U. S. Steel จะยังคงชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ แบรนด์ และยังคงมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Pittsburgh, PA NSC มุ่งมั่นที่จะสานต่อความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับซัพพลายเออร์ ลูกค้า ชุมชนโดยรอบ และบุคลากรของ U. S. Steel ที่สนับสนุนการดำเนินงานของ U. S. Steel มาตลอด และมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่มีประสิทธิผลสำหรับชุมชนเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
  • สร้างมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งของ NSC และ U. S. Steel ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของ NSC ในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’ ซึ่งพร้อมรองรับการเติบโตที่สูงขึ้น เสริมสร้างความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น และมูลค่าระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้นของ NSC ข้อเสนอเงินสดทั้งหมดนี้ยังสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นและมีความเสถียรสำหรับผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel ธุรกรรมนี้ถือเป็นผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและเสถียรซึ่งดำเนินการโดย U. S. Steel และคณะกรรมการบริหาร โดยราคาซื้อ 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นคิดเป็นพรีเมียม 40% จากราคาปิดของหุ้น U. S. Steel ในวันที่ 15 เดือนธันวาคม ปี 2023

รายละเอียดการทำธุรกรรม

คาดการณ์ว่าจะสามารถปิดธุรกรรมนี้ได้ในช่วงไตรมาสที่สองหรือสามของปีปฎิทิน 2024 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel และได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบการกำกับดูแลและเงื่อนไขการปิดตามข้อกำหนดอื่นๆ ที่กำหนดไว้ NSC วางแผนที่จะสนับสนุนเงินทุนสำหรับการทำธุรกรรมโดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาการกู้ยืมจากธนาคารญี่ปุ่นบางแห่ง และมีภาระผูกพันทางการเงินตามหลักประกันอยู่แล้ว การทำธุรกรรมนี้จะไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขทางการเงินใดๆ

ที่ปรึกษา

Citi ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับ NSC Ropes & Gray LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายสำหรับ NSC Barclays Capital Inc., Goldman Sachs & Co. LLC และ Evercore ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับ U. S. Steel Milbank LLP and Wachtell, Lipton, Rosen & Katz ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายสำหรับ U. S. Steel

การประชุมทางโทรศัพท์

NSC และ U. S. Steel จะมีการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการพร้อมนักวิเคราะห์และนักลงทุนในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 18 เดือนธันวาคม ปี 2023 เวลา 8:00 น. โซนเวลา EST ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา (22:00 น. โซนเวลา JST ตามเวลาในญี่ปุ่น) สามารถเข้าฟังการประชุมที่จะมีการเผยแพร่ออกอากาศและเข้าดูการนำเสนอสไลด์ได้ในเว็บไซต์ของ U. S. Steel www.ussteel.com และคลิกที่ส่วน “นักลงทุน” และสามารถรับชมย้อนหลังหลังการประชุมได้ที่เว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของ U. S. Steel ได้ที่: https://investors.ussteel.com/

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกรรมที่นำเสนอได้ที่ www.BestDealforAmericanSteel.com

เกี่ยวกับ NSC

NSC เป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นในของโลก NSC มีกำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 66 ล้านตัน และมีพนักงานประมาณ 100,000 คนทั่วโลก ฐานการผลิตของ NSC อยู่ที่ญี่ปุ่น และบริษัทมีการดำเนินงานใน 15 ประเทศนอกเหนือจากในญี่ปุ่น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินเดีย ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม บราซิล เม็กซิโก สวีเดน จีน และอื่นๆ NSC มีการก่อตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว และมุ่งเน้นในการสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีกับพนักงาน สหภาพแรงงาน ซัพพลายเออร์ ลูกค้า และชุมชน ในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’ NSC แสวงหาเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิตชั้นนำของโลก และมีส่วนช่วยเหลือสังคม โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.nipponsteel.com

เกี่ยวกับ U. S. Steel

U. S. Steel เป็นผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำ มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1901 ด้วยการมุ่งเน้นอย่างแน่วแน่ด้านความปลอดภัย จึงมีการพัฒนากลยุทธ์ Best for All® ซึ่งมุ่งเน้นลูกค้าของบริษัทเป็นสำคัญ โดยมุ่งเน้นอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับ U. S. Steel และผู้ถือหุ้น ในการเน้นย้ำด้านนวัตกรรม U. S. Steel ให้บริการแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ การก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า พลังงาน ภาชนะบรรจุ และบรรจุภัณฑ์ ด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง บริษัทยังมีการคงไว้ซึ่งการผลิตแร่เหล็กขั้นสูงและมีความสามารถในการผลิตเหล็กกล้าดิบต่อปีเป็นปริมาณ 22.4 ล้านตันสุทธิ U. S. Steel มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Pittsburgh, Pennsylvania และมีการดำเนินงานระดับโลกทั่วสหรัฐอเมริกาและในยุโรปกลาง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.ussteel.com

ข้อมูลเพิ่มเติม และแหล่งข้อมูล

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอระหว่าง United States Steel Corporation (ซึ่งจะเรียกว่า บริษัท”) และ NSC ในการดำเนินธุรกรรมที่นำเสนอนี้ บริษัทจะยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (“SEC”) รวมถึงหนังสือมอบฉันทะของบริษัทตามตาราง 14A (ซึ่งเรียกว่า “หนังสือมอบฉันทะ”) ข้อมูลในหนังสือมอบฉันทะฉบับร่างนี้จะยังไม่สมบูรณ์และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ จะมีการนำส่งหนังสือมอบฉันทะฉบับสมบูรณ์ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท บริษัทยังอาจมีการยื่นเอกสารอื่นๆ ต่อ SEC ที่เกี่ยวเนื่องการทำธุรกรรมที่นำเสนอนี้ด้วยเช่นกัน ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ถือเป็นเอกสารทดแทนสำหรับหนังสือมอบฉันทะ หรือสำหรับเอกสารอื่นๆ ที่อาจมีการยื่นต่อ SEC ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ จะมีการนำส่งธุรกรรมที่นำเสนอดังกล่าวไปยังผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อพิจารณา ก่อนดำเนินการตัดสินใจลงคะแนนเสียงใดๆ ผู้ถือหุ้นของบริษัทควรอ่านเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีการยื่นหรือจะมีการยื่นต่อ SEC รวมถึงหนังสือมอบฉันทะ ตลอดจนการแก้ไขหรือเอกสารเพิ่มเติมใดๆ สำหรับเอกสารเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และหากหรือเมื่อใดที่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท, NSC, และการทำธุรกรรมที่นำเสนอ

ผู้ถือหุ้นของบริษัทจะสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะฉบับร่างและหนังสือมอบฉันทะฉบับสมบูรณ์ได้ฟรี (ในแต่ละกรณี หากและเมื่อมีผลบังคับใช้) รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท, NSC และการทำธุรกรรมที่นำเสนอ เมื่อมีการยื่นเอกสารดังกล่าวต่อ SEC โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่เว็บไซต์ของ SEC (www.sec.gov) นอกจากนี้ ยังสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะและเอกสารอื่นๆ ที่ทางบริษัทยื่นต่อ SEC ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสามารถส่งคำขอไปยัง United States Steel Corporation, 600 Grant Street, Pittsburgh, Pennsylvania 15219 ติดต่อ: เลขานุการบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ 412-433-1121 หรือได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท www.ussteel.com

ผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรม

NSC, บริษัทและคณะกรรมการ, และเจ้าหน้าที่บริหารและพนักงานบางคน อาจเป็นผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรม โดยเป็นผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อดำเนินการธุรกรรมที่นำเสนอ ข้อมูลเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทที่อาจถือเป็นผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรมสำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทตามหลักเกณฑ์ของ SEC ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่นำเสนอ รวมถึงคำจำกัดความเกี่ยวกับผลประโยชน์โดยตรงหรือโดยอ้อม โดยการถือหลักทรัพย์ ซึ่งมีการระบุไว้ในหนังสือมอบฉันทะที่มีการยื่นต่อ SEC ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้จะมีการระบุรวมไว้ในหนังสือมอบฉันทะประจำปีของแต่ละบริษัทและเอกสารอื่นๆ ที่มีการยื่นต่อ SEC และจะมีการรวมไว้ในหนังสือมอบฉันทะเมื่อยื่นต่อสำนักงาน สามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะและเอกสารอื่นๆ ตามที่กล่าวถึงในข้างต้นนี้ได้ฟรี

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัทและ NSC ซึ่งอาจมีการใช้เป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามคำนิยามที่กำหนดไว้ภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์เอกชนปี 1995 และกฎหมายหลักทรัพย์อื่นๆ ที่อาจมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน เรากำหนดให้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์นี้ครอบคลุมภายใต้ข้อกำหนดด้านความคุ้มครองสำหรับแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ในแต่ละส่วนดังกล่าว โดยทั่วไปแล้ว เรามีการระบุแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า โดยใช้คำว่า “เชื่อว่า” “คาดหวังว่า” “ตั้งใจ” “ประเมินการ” “มุ่งหมาย” “โครงการ” “เป้าหมาย” “คาดการณ์” “กำหนด” “ควร” “วางแผน” “จุดมุ่งหมาย” “อนาคต” “จะ” “อาจจะ” และข้อความที่คล้ายคลึงกัน หรือโดยการใช้วันที่ในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการหารือใดๆ ที่แสดงถึงมุมมองทั่วไปเกี่ยวกับการดำเนินงานในอนาคตหรือผลทางการเงิน ผลการดำเนินงานหรือทางการเงิน แนวโน้ม เหตุการณ์หรือการพัฒนาที่เราคาดหวังหรือคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต การประหยัดต้นทุนตามคาดการณ์ เงินทุนที่ต้องใช้และการปรับปรุงกระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงาน และการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงแถลงการณ์เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ และระยะเวลาที่ธุรกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การไม่มีคำเหล่านี้หรือข้อความที่คล้ายคลึงไม่ได้หมายความว่า จะไม่ถือเป็นแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์จะเป็นแถลงการณ์ทั้งหมดที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต แต่เป็นการแสดงถึงความเชื่อของบริษัทในเป้าหมายอนาคต แผนการ และความคาดหวังเกี่ยวกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเหตุการณ์อื่นๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หลายๆ ข้อความดังกล่าวอาจมีความไม่แน่นอน และอยู่เหนือการควบคุมของบริษัทหรือของ NSC โดยมีความเป็นไปได้ที่ผลลัพธ์ตามจริงและสถานะทางการเงินของบริษัทหรือของ NSC อาจมีความแตกต่างจากผลลัพธ์ที่คาดหารร์ไว้ในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ ฝ่ายบริหารของบริษัทหรือของ NSC เชื่อว่า แถลงการณ์เชิงคาดการณ์เหล่านี้มีความสมเหตุสมผล ณ จุดเวลาที่จัดทำขึ้น อย่างไรก็ตาม จะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีการระบุข้อความคาดการณ์ที่เกินความจริง เนื่องจากข้อความแถลงการณ์ดังกล่าวจะระบุถึงสถานการณ์ ณ วันที่จัดทำขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์นี้ ยังประกอบด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจเป็นเหตุให้ผลลัพธ์ตามจริงแตกต่างจากประสบการณ์ในอดีตของบริษัทหรือของ NSC และความคาดหวังหรือการคาดการณ์ของเราในปัจจุบัน ความเสี่ยงและความแน่นอน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ความสามารถของทุกฝ่ายในการดำเนินธุรกรรมที่นำเสนอให้เสร็จสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนดหรือทันเวลา ระยะเวลา การรับตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลสำหรับธุรกรรมที่นำเสนอ ซึ่งอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายยุติข้อตกลงฉบับสมบูรณ์และแผนการควบรวมกิจการตามที่ระบุไว้ในการทำธุรกรรมที่นำเสนอ (“ข้อตกลงควบรวมกิจการ”) การเกิดขึ้นของเหตุการณ์ การเปลี่ยนแปลงหรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่อาจทำให้ยุติข้อตกลงควบรวมกิจการ ความเป็นไปได้ที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทอาจไม่อนุมัติสำหรับธุรกรรมที่นำเสนอ ความเสี่ยงและความแน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติของผู้ถือหุ้น ความเสี่ยงที่คู่สัญญาในข้อตกลงควบรวมกิจการอาจไม่สามารถตอบสนองเงื่อนไขของธุรกรรมที่นำเสนอได้ทันเวลาหรือไม่ได้เลย ความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่สามารถจัดการเวลาในการดำเนินการธุรกิจ เนื่องจากธุรกรรมที่นำเสนอ ข้อจำกัดบางประการในระหว่างการทำธุรกรรมที่นำเสนอ ซึ่งอาจมีผลกระต่อความสามารถของบริษัทในการติดตามโอกาสทางธุรกิจหรือธุรกรรมเชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงที่การประกาศใดๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่นำเสนออาจมีผลกระทบทางลบต่อราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัทหรือของ NSC หรือของ American Depositary Receipts ความเสี่ยงของต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ไม่คาดคิดอันเป็นผลมาจากธุรกรรมที่นำเสนอ ความเสี่ยงของการดำเนินคดีใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ และความเสี่ยงที่ธุรกรรมที่นำเสนอและการประกาศอาจมีผลกระทบต่อความสามารถของบริษัทของของ NSC ในการรักษาลูกค้าและรักษาหรือว่าจ้างบุคลากรที่สำคัญ และคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ต่อลูกค้า ซัพพลายเออร์ พนักงาน ผู้ถือหุ้น และความสัมพันธ์ทางธุรกิจอื่นๆ และผลการดำเนินงานและธุรกิจโดยทั่วไป และความเสี่ยงในการที่ธุรกรรมที่นำเสนอกำลังรอดำเนินการและมีผลกระทบต่อการบริหารของบริษัท บริษัทขอแนะนำให้อ่านข้อมูลเพิ่มเติมใน Form 10-K สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2022 และรายงานไตรมาสใน Form 10-Q สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 เดือนกันยายน ปี 2023 และเอกสารอื่นๆ ที่มีการยื่นต่อ SEC เกี่ยวกับความเสี่ยงอื่นๆ ที่มีผลต่อการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท เอกสารเหล่านี้ประกอบด้วยและมีการระบุถึงปัจจัยสำคัญที่อาจมีผลทำให้ผลลัพธ์ตามจริงมีความแตกต่างจากแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ ความเสี่ยงเกี่ยวกับแถลงการณ์เชิงคาดการ์ของ NSC รวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ การเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจมหภาคระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา กำลังการผลิตส่วนเกินและอุปทานส่วนเกินในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า แนวทางการปฏิบัติด้านการค้าและราคาที่ไม่เป็นธรรมในตลาดระดับภูมิภาคของ NSC ความเป็นไปได้ที่ราคาเหล็กกล้าตกต่ำ หรือมีอุปทานในแร่เหล็กสูงเกิน ความเป็นไปได้ที่ราคาตลาดของวัตถุดิบที่สำคัญจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความเป็นไปได้ที่ค่าเงินเยนญี่ปุ่นจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐและสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ ที่สำคัญ การสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับวัสดุทดแทน ความสามารถของ NSC ในการลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ความเป็นไปได้ที่การดำเนินงานอาจไม่เป็นไปตามแผนพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการ หรือการลงทุน หรือการเป็นพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการหรือการลงทุนอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ภัยพิบัติทางธรรมชาติและอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของ NSC รวมถึงเหตุการณ์อื่นๆ ที่อาจมีผลเสียต่อการดำเนินการธุรกิจของ NSC ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และความท้าทายในการทำให้ระดับคาร์บอนให้เป็นกลางสำหรับ NSC ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง สังคม และกฎหมาย ต่อการดำเนินธุรกิจในระบบเศรษฐกิจแบบควบรวม ความเป็นไปได้ที่จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์ของเรา หรือก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและมีความเสียหายอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตเหล็กกล้ารายอื่น ความเป็นไปได้เราอาจไม่สามารถปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา หรือเผชิญกับการเรียกร้องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาโดยบุคคลที่สาม การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและข้อบังคับของประเทศที่เราดำเนินธุรกิจ รวมถึงกฎหมายการค้าและอัตรา รวมถึงกฎหมายภาษี สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย และความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและธุรกิจของเรา อันเนื่องมาจากการละเมิดข้อมูลและการโจรกรรมข้อมูล ข้อมูลทั้งหมดในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นข้อมูล ณ วันที่ที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทหรือ NSC จะไม่มีหน้าที่ใดๆ ในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อความสำหรับผลลัพธ์ตามจริง หรือาการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ของบริษัทหรือ NSC ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ยกเว้นตามกฎหมายกำหนด

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53872312/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

NSC Contacts
สื่อ
pr_contact@jp.nipponsteel.com
Kayo Kikuchi / +81-3-6867-2977 / kikuchi.26s.kayo@jp.nipponsteel.com
Masato Suzuki / +81-3-6867-2135 / suzuki.s4f.masato@jp.nipponsteel.com

ผู้ลงทุน
ir@jp.nipponsteel.com
Yuichiro Kaneko / +81-80-9022-6867 / kaneko.yc3.yuichiro@jp.nipponsteel.com
Yohei Kato / +81-80-2131-0188 / kato.rk5.yohei@jp.nipponsteel.com

สอบถามทั่วไป (U.S.)
Nippon Steel North America, Inc. / +1 (713) 654 7111

U.S. Media Contacts
NSCMedia@teneo.com
Robert Mead / +1 (917) 327 9828 / Robert.Mead@teneo.com
Monika Driscoll / +1 (929) 388 9442 / Monika.Driscoll@teneo.com
Tucker Elcock / +1 (917) 208 4652 / Tucker.Elcock@teneo.com

U. S. Steel Contacts
สื่อ
Tara Carraro
Senior Vice President, Chief Communications Officer
T- 412-433-1300
E- media@uss.com

Kelly Sullivan / Ed Trissel
Joele Frank, Wilkinson Brimmer Katcher
T- 212-355-4449

ผู้ลงทุน
Emily Chieng
Investor Relations Officer
T – (412) 618-9554
E – ecchieng@uss.com

แหล่งข้อมูล: United States Steel Corporation and Nippon Steel Corporation

Dr. Akira Yoshino ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะได้รับรางวัล Grand Prize ของ VinFuture Prize

Logo

TOKYO & HANOI, Vietnam–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2023

Dr. Akira Yoshino ผู้ทรงคุณวุฒิกิตติมศักดิ์ของ Asahi Kasei ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะได้รับรางวัล Grand Prize สำหรับ VinFuture Prize ประจำปี 2023 เพื่อยกย่องการมีส่วนร่วมในการประดิษฐ์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LIB)

Dr. Yoshino at the Award Ceremony (Photo: Business Wire)

Dr. Yoshino ในงานเฉลิมฉลองรางวัล (ภาพถ่าย: Business Wire)

Dr. Yoshino ได้มีการคิดค้นวิธีการผสมผสานคาร์บอนใหม่สำหรับอิเล็กโทรดเชิงลบ และ LiCoO2 (ลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์) สำหรับอิเล็กโตรดขั้วบวก พัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับ LIB ซึ่งใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุสำหรับสะสมกระแสบวก และสร้างเซลล์ LIB เซลล์แรกของโลก นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์สำหรับ LIB รวมถึงเทคโนโลยีสำหรับการผลิตอิเล็กโตรด เทคโนโลยีสำหรับการประกอบแบตเตอรี่ และเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งเสริมให้ LIB เป็นแบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่ได้ขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา

Dr. Akira Yoshino ผู้ทรงคุณวุฒิกิตติมศักดิ์ของ Asahi Kasei กล่าวว่า "รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่คิดค้นขึ้นนี้ไม่เพียงทำให้ไอทีระบบเคลื่อนที่สามารถเป็นไปได้ในสังคมเท่านั้น แต่ยังสร้างความยั่งยืนสำหรับอนาคตอีกด้วย LIB จะมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในการใช้พลังงานทดแทนสำหรับการขนส่งและการใช้งานอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น"

รางวัล VinFuture Prize ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นในปี 2020 โดยมูลนิธิ VinFuture ในเวียดนาม เป็นรางวัลที่เชิดชูนักประดิษฐ์และนักวิจัยที่มีความสามารถโดดเด่นจากสถาบันการศึกษา ศูนย์การวิจัย และภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกย่องการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวล้ำและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่นำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเชิงบวกสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก

LIB มีส่วนในการนำอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับข้อมูลและการสื่อสารไปใช้งานทั่วโลกเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีการใช้ยานพาหนะระบบไฟฟ้าและระบบจัดเก็บพลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนความยั่งยืนระดับโลก

พิธีมอบรางวัล VinFuture Prize ประจำปี  2023 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เดือนธันวาคม ปี 2023 ที่กรุงฮานอย เวียดนาม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://vinfutureprize.org/

เกี่ยวกับ Asahi Kasei

Asahi Kasei Group มีส่วนร่วมในการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1922 เนื่องโดยธุรกิจแอมโมเนียและเส้นโยเซลลูโลส โดย Asahi Kasei มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการปรับแปลงพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจในเชิงรุก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของคนในทุกยุคทุกสมัย ด้วยพนักงานกว่า 48,000 คนทั่วโลก บริษัทมีส่วนสนับสนุนสังคมที่ยั่งยืนด้วยการจัดหาแนวทางแก้ไขปัญหาความท้าทายของโลกผ่านสามภาคส่วนของธุรกิจ ได้แก่ วัสดุ บ้าน และการดูแลสุขภาพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.asahi-kasei.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53873584/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Asahi Kasei Corp.
Ryo Kobayashi
อีเมล: ak-houdou@om.asahi-kasei.co.jp

แหล่งข้อมูล: Asahi Kasei

ไทยประกันชีวิต, สถานี PTT, คิง เพาเวอร์, คาเฟ่ อเมซอน, Royal Umbrella, Aurora, VISTRA, TrueOnline, ฟาร์มเฮ้าส์, VITADAY, M-150 และ TOPS เป็นหนึ่งในผู้ชนะได้รับรางวัล World Branding Awards ประจำปี 2023 – 2024

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2023

งานประกาศรางวัล World Branding Awards ครั้งที่ 17 มีความยินดีประกาศความสำเร็จและผลประกอบการของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลกบางส่วน ในฐานะผู้ชนะระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก รางวัล World Branding Awards ประจำปี 2023 – 2024 มีแบรนด์มากกว่า 1,500 แบรนด์จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “แบรนด์แห่งปี” ในจำนวนนี้ มีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศน้อยกว่า 200 แบรนด์

พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้มีการจัดขึ้นอีกครั้งที่พระราชวังเคนซิงตัน กรุงลอนดอน ได้ให้การต้อนรับแขกมากกว่า 100 คน และดำเนินรายการโดย David Croft ผู้จัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง

ผู้ชนะระดับโลกที่ได้รับยกย่องในความเป็นเลิศและมีการสร้างแบรนด์ที่ไร้ที่ติภายในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Sunsilk (สหราชอาณาจักร), LURPAK (เดนมาร์ก), Marriott International (สหรัฐอเมริกา) และ IKEA (สวีเดน)

ผู้ชนะได้รับรางวัลจากประเทศ ได้แก่ ไทยประกันชีวิต, สถานี PTT, คิง เพาเวอร์, คาเฟ่ อเมซอน, Royal Umbrella, Aurora, VISTRA, TrueOnline, ฟาร์มเฮ้าส์, VITADAY, M-150 และ TOPS ผู้ชนะระดับประเทศอื่นๆ ได้แก่ FERN- D (ฟิลิปปินส์), Frank & Co. (อินโดนีเซีย), Chow Tai Fook (ฮ่องกง), Sokos Hotels (ฟินแลนด์), Airland (ฮ่องกง) และ Getha (มาเลเซีย) เป็นต้น

มีเพียง 14 แบรนด์ที่ได้รับเลือกให้เข้ารับรางวัล Regional Tier ในปีนี้ ได้แก่ Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น), GIG (คูเวต), MR.DIY (มาเลเซีย), M-150 (ไทย) และ HECOM (ฮ่องกง) แบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นรายการโปรดจากผู้บริโภคใน 4 ประเทศขึ้นไปจากมากกว่า 3 พื้นที่ในภูมิภาคเชิงภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองสำหรับการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น เพื่อคงความตระหนักรู้ในฐานะแบรนด์ แบรนด์จะต้องสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและเสถียร นั่นหมายถึงไม่เพียงเฉพาะการสร้างวัฒนธรรมและชุมชนแบรนด์ผ่านทางการตลาดเท่านั้น แต่ยังรับประกันว่า แบรนด์จะมีความน่าสนใจสำหรับทุกคนทุกเจเนอเรชั่น” Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

มีผู้บริโภคมากกว่า 150,000 รายเข้าร่วมกระบวนการนำเสนอชื่อทั่วโลกในปีนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว แต่ละประเทศมีแบรนด์ที่ชนะได้รับรางวัลเพียง 5 แบรนด์เท่านั้น ซึ่งได้รับการพิสูจน์ได้ว่า การได้รับรางวัล World Branding Award ถือเป็นความสำเร็จอันน่าจดจำ

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลพรีเมียร์ของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีการจดทะเบียน รางวัลนี้ยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

โซเชียลมีเดีย

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/
Twitter: https://twitter.com/WorldBranding
Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/
LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

อีเมล: editorial@brandingforum.org

แหล่งข้อมูล: World Branding Awards

เส้นทางจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) ไปยังสนามบินสิงคโปร์ชางงี (SIN) เป็นเส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในโลก ตามข้อมูลที่เปิดเผยโดย OAG

Logo

เอเชียครองเส้นทางภายในประเทศและระหว่างประเทศทั่วโลก สนามบินลอนดอนฮีทโธร์วเป็นหนึ่งใน 5 สนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลก

ข้อค้นพบที่สำคัญ:

  • เส้นทางจากสนามบินไคโร (CAI) ไปยังสนามบินเจดดาห์ (JED) เป็นเส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านเป็นอันดับ 2 ของโลก รองลงมาคือ เส้นทางจากสนามบินฮ่องกง (HKG) ไปยังสนามบินไทเป (TPE) เป็นอันดับ 3
  • เส้นทางจากสนามบินลอนดอนฮีทโธร์ว (LHR) ไปยังสนามบินนิวยอร์ก (JFK) เป็นเส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านอันดับ 8 ของโลก
  • เส้นทางจากสนามบินดูไบ (DXB) ไปยังสนามบินลอนดอนฮีทโธร์ว (LHR) และสนามบินลิสบอน (LIS) ไปยังสนามบินมาดริด (MAD) อยู่ในอันดับ 5 และอันดับ 10 สำหรับเส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดใน EMEA

LONDON–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2023

วันนี้ OAG แพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก มีการเปิดเผยข้อมูลสำหรับเส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดในโลกประจำปี 2023 โดยการวิเคราะห์นี้มีการขับเคลื่อนโดยข้อมูลตารางเที่ยวบินสำหรับสายการบินทั่วโลกของ OAG และมีการแสดงภาพรวมประสิทธิภาพและแนวโน้มของเส้นทางการบินทั้งระหว่างประเทศและภายในประเทศ

อีกครั้งที่เอเชียแปซิฟิกมีเส้นทางการเดินทางที่พลุกพล่านที่สุดในโลก โดยติดอันดับ 7 ใน 10 เส้นทางระหว่างประเทศระดับโลก และใน 9 เส้นทางภายในประเทศ เส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในโลกคือ เส้นทางจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) ไปยังสนามบินสิงคโปร์ชางงี (SIN) ด้วยจำนวนที่นั่ง 4.9 ล้านที่นั่ง เส้นทางทางสนามบินไคโร (CAI) ไปยังสนามบินเจดดาร์ (JED) อยู่ในอันดับ 2 ด้วยจำนวนที่นั่ง 4.8 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้นจาก 3.4 ล้านที่นั่งในปี 2019

สมาบินลอนดอนฮีทโธร์ว (LHR) เป็นสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลกอันดับ 4 ในปีนี้ด้วยจำนวนที่นั่ง 49,370,859 ที่นั่ง สนามบินนานาชาติ Atlanta Hartsfield-Jackson (ATL) อยู่ในอันดับ 1 และสนามบินนานาชาติดูไบ (DXB) อยู่ในอันดับ 2

สำหรับเส้นทางภายในประเทศที่พลุกพล่านที่สุด เส้นทางจากสนามบินปักกิ่ง (PEK) ไปยังสนามบินเซี่ยงไฮ้หงเฉียว (SHA) อยู่ในอันดับ 1 ในประเทศจีน และเส้นทางจากสนามบินโฮโนฮูลู (HNL) ไปยังสนามบินคาฮูลุย (OGG) เป็นเส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดในสหรัฐอเมริกา

“เอเชียยังคงมีเส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดในโลก เนื่องจากได้รับความนิยมมากในฐานะจุดท่องเที่ยวยอดนิยม” John Grant หัวหน้านักวิเคราะห์ของ OAG กล่าว “แม้ว่า จำนวนที่นั่งจะไม่เท่าระดับในปี 2019 สนามบินลอนดอนฮีทโธร์วยังคงเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับการเดินทางทางอากาศทั่วโลก”

สามารถดูข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมได้จากข้อมูลการวิเคราะห์ฉบับเต็มได้ที่นี่

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมีการขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศมาตั้งแต่ปี 1929 โดยมีเครือข่ายอิสระที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในโลกสำหรับตารางเที่ยวบินและข้อมูลสถานะเที่ยวบินต่างๆ ในโลก OAG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหราชอาณาจักร และมีการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.oag.com และติดตามเราได้ที่ Twitter @OAG Aviation

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ
Chrissy Azevedo, Corporate Ink for OAG
pressoffice@oag.com

แหล่งข้อมูล: OAG

TSUBURAYA PRODUCTIONS จะเริ่มโรดโชว์ ULTRAMAN CARD GAME ในปี 2024

Logo

เกมแรกมีกำหนดเปิดตัวในญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2023

บริษัท Tsuburaya Productions จำกัด (สำนักงานใหญ่ในโตเกียว) ได้ประกาศในงาน Anime Festival Asia Singapore 2023 (AFA23) ว่าบริษัทจะโรดโชว์เพื่อจัดแสดงชุดต่างๆ ของ ULTRAMAN CARD GAME ที่กำลังจะออกสู่ตลาดทั่วโลกในปี 2024

Ultraman Card Game scheduled to launch in 2024. (Graphic: Business Wire)

การ์ดเกม Ultraman มีกำหนดเปิดตัวในปี 2024 (กราฟิก: Business Wire)

AFA23 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ถึง 26 พฤศจิกายน ได้รับเลือกให้เป็นงานแรกที่จะนำ ULTRAMAN CARD GAME มาสู่แฟนๆ และพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ ผู้เข้าชมจะได้เพลิดเพลินกับบททดสอบและการแสดงสดบนเวทีเพื่อแนะนำเกม

“เกมนี้ออกแบบมาสำหรับคนทุกรุ่น ตั้งแต่แฟนๆ Ultraman ไปจนถึงผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับตัวละครและเรื่องราว” Takayuki Kawai รองผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ Tsuburaya Productions กล่าว เขากล่าวเสริมว่า "เราหวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับ ULTRAMAN CARD GAME กับครอบครัวและเพื่อนฝูง และนี่เป็นโอกาสในการเรียนรู้และชื่นชอบผลงานของ Tsuburaya Productions ให้มากขึ้น"

โปรโมชั่นจะเริ่มในปี 2024 หลังจากเปิดตัวซึ่งมีกำหนดในช่วงฤดูร้อนปี 2024 การแข่งขันระดับท้องถิ่นและระดับโลกจะมีการวางแผนสำหรับผู้เล่นทั่วโลก ULTRAMAN CARD GAME มีกำหนดเปิดตัวในญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน และบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รายละเอียดและการอัพเดตของเกมสามารถดูได้ที่:
https://www.facebook.com/ultramancardgame

ULTRAMAN CARD GAME คืออะไร

ULTRAMAN CARD GAME เป็นการ์ดเกมที่ผสมผสานการสร้างโลกของซีรีส์ Ultraman เข้ากับรูปแบบการเล่นและของสะสมที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเพลิดเพลินได้

การ์ดได้รับการออกแบบด้วยงานศิลปะคุณภาพสูงเพื่อแสดงองค์ประกอบที่น่าดึงดูดของรูปลักษณ์ การเพิ่มพลัง ท่าพิเศษ และระบบประเภทของ Ultraman
ภายใต้ประโยชน์ของ Tsuburaya Productions เกม ULTRAMAN CARD GAME มีกำหนดการเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับผลงาน บริการ และการถ่ายทอดสดที่เกี่ยวข้องกับ Ultraman ตลาดที่เปิดตัวครั้งแรกมีกำหนดคือญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน และบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ความร่วมมือเป็นพิเศษ: Shanghai Character License Administrative Co.,Ltd. (SCLA), Zhejiang Kayou Animation Co., Ltd. (Kayou).

เกี่ยวกับบริษัท Tsuburaya Productions จำกัด

Tsuburaya Productions ก่อตั้งในปี 1963 โดย Eiji Tsuburaya หรือที่เรียกกันว่า "เทพเจ้าแห่งสเปเชียลเอฟเฟกต์" และได้สร้างภาพยนตร์สเปเชียลเอฟเฟกต์คนแสดงหลายเรื่อง ซึ่งซีรีส์ Ultraman มีชื่อเสียงที่สุด รวมถึง Ultra Q และ Ultraman ที่ออกอากาศทางทีวีของญี่ปุ่นในปี 1966 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Ultraman ได้ขยายขอบเขตไปไกลกว่าทีวีไปยังโรงภาพยนตร์ บริการสตรีมมิ่ง การแสดงสด สวนสนุก และมีจำหน่ายในรูปแบบสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลก
Tsuburaya Productions ฉลองครบรอบ 60 ปีในปี 2023

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53869667/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การติดต่อ

ทีมงานประชาสัมพันธ์ Tsuburaya Productions
global_pr@tsuburaya-prod.co.jp 

แหล่งที่มา: บริษัท Tsuburaya Productions จำกัด




แบรนด์แซนด์วิชไข่ระดับพรีเมียม EGGDROP เตรียมเปิดร้านค้าทั่วโลกในฟิลิปปินส์

Logo

  • ร้าน EGGDROP 5 แห่งจะเปิดในสถานที่สำคัญๆ ในฟิลิปปินส์เริ่มตั้งแต่ปี 2024
  • Golden Hind แสวงหาพันธมิตรแฟรนไชส์หลักระดับโลกในฟิลิปปินส์และประเทศไทย

กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2023

EGGDROP แบรนด์แซนด์วิชไข่เกาหลีระดับพรีเมียมของเกาหลี โดย Golden Hind Co., Ltd (ซีอีโอ Young-woo Noh) ประกาศเปิดร้านค้าระดับโลกแห่งที่สองในฟิลิปปินส์ รองจากกรุงเทพฯ ประเทศไทย

การเข้าสู่ฟิลิปปินส์ของ EGGDROP เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงร้านค้า 10 สาขาในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศแรกของแบรนด์ในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก บรรลุข้อตกลงสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจได้หลายแห่งเพื่อเปิดร้านค้า 5 แห่งในฟิลิปปินส์ EGGDROP จะเปิดตัวร้านค้า 2 แห่งในฟิลิปปินส์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ตามด้วยร้านค้าเพิ่มเติมอีก 3 แห่งในช่วงครึ่งหลังของปีในสถานที่สำคัญต่างๆ

Official Poster, EGGDROP Philippines (Photo: EGGDROP)

โปสเตอร์อย่างเป็นทางการจาก EGGDROP ฟิลิปปินส์ (รูปภาพ: EGGDROP)

การเข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์ของ EGGDROP เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เชิงรุกในการขยายธุรกิจในต่างประเทศของ Golden Hind ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ได้รับประสบการณ์การกินแบบใหม่ที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ

เริ่มต้นด้วยร้านแรกในปี 2017 และเสร็จสิ้นการเปิดสาขาที่ 298 ในเกาหลีใต้ (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2023) EGGDROP มียอดขายที่เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะเวลาอันสั้น ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์อันน่าทึ่ง แนวคิด "อาหารจากไข่" ที่ดีต่อสุขภาพและอร่อย และการออกแบบอาหารและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถลงอินสตาแกรมได้

จากการเติบโตนี้ในเกาหลี EGGDROP จึงได้รับการสอบถามเกี่ยวกับแฟรนไชส์จากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินเดีย

“เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ประกาศการขยายธุรกิจในต่างประเทศครั้งที่สองของ EGGDROP” Youngwoo Noh ซีอีโอของ Golden Hind กล่าว “เราตั้งตารอที่จะมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานให้กับผู้บริโภคในฟิลิปปินส์” Mr. Noh. กล่าว “นอกเหนือจากประเทศไทยและฟิลิปปินส์แล้ว EGGDROP ยังกระตือรือร้นการแสวงหาพันธมิตรแฟรนไชส์หลัก ในประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในระดับโลก”

EGGDROP
ไข่ทำให้ดีขึ้น EGGDROP
EGGDROP เป็นแบรนด์แซนด์วิชไข่ระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไข่ "อาหารสมบูรณ์" ซึ่งปรุงอาหารเพื่อสุขภาพโดยใช้ไข่คนที่ทำจากไข่เกรด 1 และวัตถุดิบสดใหม่

Golden Hind
Golden Hind เป็นบริษัทน้องใหม่และมีนวัตกรรมที่สนับสนุน “Food Venture” ในฐานะบริษัทแฟรนไชส์ร้านอาหารที่ก่อตั้งในปี 2017 ในกรุงโซล ปัจจุบัน EGGDROP ถือเป็นธุรกิจชั้นนำและบ่มเพาะแบรนด์อื่นๆ มากมาย

EGGDROP อินสตาแกรม: http://instagram.com/eggdrop.official
EGGDROP ยูทูป: https://www.youtube.com/@eggdrop.official
EGGDROP แฟรนไชส์ทั่วโลก: https://eggdrop.co.kr/en/franchise/process.php
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://eggdrop.co.kr/en/

[EGGDROPTHAILAND Bangkok Flagship Store OPEN TH] บน EGGDROP YouTube

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53872930/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การติดต่อ

Golden Hind
ทีมสื่อสาร
Hundo Lee
+82 1670-4809
anchor@goldenhind.co.kr

แหล่งที่มา: Golden Hind

เส้นทางการเสริมพลังของ Mary Kay ยังคงดำเนินต่อไป : แบรนด์เข้าร่วมหลักการเสริมพลังของผู้หญิงในเอเชียแปซิฟิก

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2023

Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนระดับโลกสำหรับการเสริมสร้างพลังของผู้หญิง ได้ประกาศในวันผู้ประกอบการสตรี (Women's Entrepreneurship Day) ว่า บริษัทได้กลายเป็นผู้ลงนามอย่างเป็นทางการใน Women's Empowerment Principles (WEPs) แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในเดือนมีนาคม 2019 ก้าวแรกของ Mary Kay Inc. ในการเดินทางของ WEP โดยกลายเป็นผู้ลงนามระดับโลกในระหว่างการประชุม WEPs ซึ่งจัดขึ้นนอกรอบของ Commission on Status of Women (CSW63)

"At Mary Kay, we lead by enabling women from all walks of life with the right tools, mentorship, and education so they can make choices leading to a fulfilling and meaningful life for themselves, their families, and communities,” said Wendy Wang, President, Mary Kay Asia Pacific Region. (Photo credit: Mary Kay Inc.).

"ที่ Mary Kay เราเป็นผู้นำโดยช่วยส่งเสริมผู้หญิงจากทุกสาขาอาชีพด้วยเครื่องมือที่ถูกต้อง การให้คำปรึกษา และการศึกษาที่เหมาะสม เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเลือกที่นำไปสู่ชีวิตที่เติมเต็มและมีความหมายสำหรับตนเอง ครอบครัว และชุมชน” Wendy Wang ประธาน Mary Kay ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าว (เครดิตภาพ: Mary Kay Inc.)

ในขณะที่ Mary Kay ฉลองครบรอบ 60 ปี บริษัทได้เข้าร่วม WEP เพื่อแสดงตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้นำด้านผู้ประกอบการสตรีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสื่อความถึงโอกาสทางธุรกิจที่ไม่มีใครเทียบได้ พร้อมส่งเสริมสถานที่ทำงานที่สนับสนุน และตอบแทนชุมชนผ่านโครงการริ่เริ่มกิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กร (CSR)

WEP จัดทำกรอบการทำงานแบบองค์รวมสำหรับบริษัทต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมพลังของผู้หญิงในสถานที่ทำงาน ตลาด และชุมชน ทั้งยังขับเคลื่อนผลลัพธ์เชิงบวกสำหรับสังคมและธุรกิจ WEP เปิดตัวในปี 2010 โดย UN Women และ UN Global Compact WEP ได้รับแจ้งจากแรงงานระหว่างประเทศ และมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีพื้นฐานมาจากการยอมรับว่าธุรกิจต่างๆ มีส่วนได้ส่วนเสียและมีความรับผิดชอบต่อความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมอำนาจของสตรี

ในแถลงการณ์ Wendy Wang ประธาน Mary Kay ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า:

“จากการแสวงหาเส้นทาง WEP ระดับโลกที่ Mary Kay ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 ในวันนี้ ณ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทได้ยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นสัญญาที่จะช่วยเร่งปิดช่องว่างระหว่างเพศในสถานที่ทำงาน ตลาด และชุมชน 'การเสริมพลังของผู้หญิง' เป็นมากกว่าความสำเร็จในอาชีพของผู้หญิง – มันต้องมีมุมมองแบบองค์รวม แผนงานไปสู่ความก้าวหน้าและผลกระทบที่วัดได้ เช่นเดียวกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด รวมถึงภาคเอกชน – และ WEP ก็กำลังทำเช่นนั้น ที่ Mary Kay เราเป็นผู้นำโดยช่วยส่งเสริมผู้หญิงจากทุกสาขาอาชีพด้วยเครื่องมือที่ถูกต้อง การให้คำปรึกษา และการศึกษาที่เหมาะสม เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเลือกที่นำไปสู่ชีวิตที่เติมเต็มและมีความหมายสำหรับตนเอง ครอบครัว และชุมชน”

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญของ WEP สำหรับ Mary Kay ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Mary Kay China เพิ่งเปิดตัวรายงาน Mary Kay China Empowering Women Impact Report ครั้งแรกในหัวข้อ "Thinking Like A Woman" (คิดเหมือนกับผู้หญิง) รายงานดังกล่าวได้ปฏิบัติตามหลักการที่ 7 ว่าด้วย “การวัดผลและการรายงาน” ” และหลักการที่ 6 ว่าด้วย “การริเริ่มและการสนับสนุนของชุมชน”

การดำเนินการของ WEP:

รายงานดังกล่าวเปิดเผยผลงานของ Mary Kay China และผลลัพธ์ในการเสริมพลังของผู้หญิงเพื่อให้บรรลุความสำเร็จผ่านแนวทางที่หลากหลาย ทั้งในการเป็นผู้นำ ตลาด สถานที่ทำงาน และงานชุมชน ส่วนรายงานฉบับต่อๆ ไปจะครอบคลุมถึงคำมั่นสัญญาและอิทธิพลของ Mary Kay ในประเทศอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ ความสำเร็จบางส่วนต่อไปนี้ ได้ครอบคลุมหลักการ WEPs ทั้ง 7 ประการซึ่งถูกเน้นย้ำในรายงาน:

ผู้นำมายาวนานและผู้สนับสนุนระดับโลกเพื่อการเสริมพลังสตรี

  • Mary Kay ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกลายเป็นผู้ลงนาม WEPs
  • ใช้กลยุทธ์การพัฒนา "All For Her" เพื่อให้การสนับสนุนรอบด้านสำหรับที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ

เพิ่มขีดความสามารถของสตรีผ่านธุรกิจ

  • ตั้งแต่ปี 2022 ถึงเดือนมีนาคม 2023 มีที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ 1,327,082 คนเข้าร่วมการฝึกอบรม

ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2022 Mary Kay ได้ลงทุนมากกว่า 80 ล้านหยวน (หยวนจีน) ในการเพิ่มศักยภาพทางดิจิทัลเพื่อพัฒนาเครื่องมือทางธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์สำหรับที่ปรึกษาด้านความงาม

สถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้หญิงในการทำงาน

  • ในปี 2022 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงในทีมผู้บริหารและพนักงานของ Mary Kay China ทั้งคู่อยู่ที่ 57% ในขณะที่ 64% ของพนักงานที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้หญิงด้วย
  • ในปี 2022 พนักงานของ Mary Kay China 93% ได้เข้าร่วมการฝึกอบรมเกี่ยวกับการจัดการโปรเจ็ค แนวโน้มของตลาด และความเป็นผู้นำ โดยมีเซสชันการฝึกอบรมเฉลี่ย 1.6 ครั้งต่อคน เวลาการฝึกอบรม 6 ชั่วโมง และเงินลงทุนในการฝึกอบรม 1,500 หยวน

การให้กลับคืนสู่ชุมชน

  • ณ เดือนเมษายน 2023 ผู้หญิงทั้งหมด 257,117 คนได้รับประโยชน์จากโครงการ CSR ของ Mary Kay China
  • ในปี 2022 ที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของ Mary Kay China และพนักงาน 1,267 คนได้บริจาคเงินในการให้บริการอาสาสมัครมากกว่า 9,000 ชั่วโมงในความสามารถที่หลากหลาย: ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครที่ไม่ใช่แพทย์ในศูนย์ศัลยกรรมปากแหว่งเพดานโหว่ ช่วยทำความสะอาดชุมชนของพวกเขา หรือจัดชั้นเรียนความงามฟรีเพื่อการกุศล

เกี่ยวกับ Mary Kay

Then. Now. Always. (ตั้งแต่ก่อนนั้น ตอนนี้และตลอดไป) Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกเดิม เธอได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของตัวเองในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ เพื่อทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางตกแต่งสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com ค้นหาเกี่ยวกับเราใน  Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราใน X (ชื่อเดิมคือ Twitter)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53871013/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.



NIQ กระตุ้นการเติบโตด้วยการแต่งตั้งผู้นําเชิงกลยุทธ์ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมใน Consumer Panel Services

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–19 ธันวาคม 2023

NIQ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านข่าวกรองผู้บริโภคและตลาด มีความภูมิใจที่จะประกาศแต่งตั้ง Kris Ewing เป็นประธานระดับโลกฝ่าย Consumer Panel Services (CPS) เพื่อกระตุ้นการเติบโต ส่งเสริมนวัตกรรมและนำเสนอโซลูชันที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การแต่งตั้งผู้นําครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของ NIQ ในการขยายการวัดผลที่มาจากผู้บริโภคผ่านช่องทาง และหมวดหมู่ที่หลากหลาย ซึ่งตอกย้ำบทบาทสําคัญของบริษัทในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค (CPG) เนื่องจาก NIQ ถือเป็นก้าวสำคัญครบรอบหนึ่งร้อยปี การแต่งตั้งครั้งนี้แสดงถึงความทุ่มเทในการขับเคลื่อนธุรกิจ Consumer Panel ไปสู่ยุคใหม่ที่แข็งแกร่ง ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับความสําเร็จของอุตสาหกรรม CPG

การเลื่อนฐานะของ Ewing สู่ตําแหน่งประธานระดับโลกฝ่าย Consumer Panel Services เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ NIQ ในการยกระดับข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลให้สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน Ewing ได้รับมอบหมายให้รายงานตรงต่อ Tracey Massey ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ NIQ เพื่อขับเคลื่อนการขยายกิจกรรม Consumer Panel ของบริษัทไปทั่วโลก ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การนําเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างเทคโนโลยีที่ทันสมัย และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านนักช้อปและผู้บริโภคที่มีทักษะ ความเป็นผู้นําของ Ewing มีเป้าหมายที่จะสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่

โดย 76% ของผู้นําอาวุโสจากอุตสาหกรรม FMCG ระบุว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคและคนรุ่นใหม่ ถือเป็นความท้าทายและโอกาสในการเติบโตในอนาคต NIQ มุ่งเน้นไปที่การส่งมอบความมุ่งมั่นให้กับลูกค้า ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคในอนาคต ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างการเติบโตในระยะยาว

"ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อเกี่ยวกับโอกาสที่จะเป็นผู้นําในภูมิทัศน์ที่ไม่หยุดนิ่งนี้" Kris Ewing ประธานระดับโลกฝ่าย Consumer Panel Services ของ NIQ กล่าว "ความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนา และเพิ่มขีดความสามารถของเราเป็นสิ่งสําคัญยิ่งในการให้บริการลูกค้าของเราให้ดีขึ้น และบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยานของเรา ผมตั้งตารอที่จะเป็นหัวหอกในการเดินทางแห่งนวัตกรรมและการเติบโตนี้ เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ของเราสอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของลูกค้าและอุตสาหกรรมของเรา"

NIQ กําลังจัดลําดับความสําคัญของความก้าวหน้าของ Consumer Panel Services ทั่วทั้งองค์กรอย่างมีกลยุทธ์ โดยริเริ่มการดําเนินการที่สําคัญหลายประการ:

  • ส่งเสริมความชัดเจนให้กับลูกค้ามากขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของบริการการวัดผลการค้าปลีก และบริการแผงผู้บริโภคผ่านมุมมองแบบบูรณาการแบบไดนามิกบน NIQ Discover (เปิดตัวในปี 2024)
  • เสริมสร้างความครอบคลุม การเป็นตัวแทน และคุณภาพของข้อมูล CPS ในตลาดทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มตัวอย่างชั้นนําในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เยอรมนี ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และแคนาดา
  • ให้การสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นผ่านการฝึกอบรม การประชุมเชิงปฏิบัติการ และความเป็นผู้นําทางความคิดโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านชั้นนําของอุตสาหกรรม เพื่อเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต โดยใช้ประโยชน์จากการวัดผลการค้าปลีก และข้อมูลเชิงลึกของแผงผู้บริโภคที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน
  • นําเสนอการอ่านแนวโน้มที่แม่นยําและเชื่อถือได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางการเติบโตที่สําคัญ รวมถึงการขยายความครอบคลุม Omnichannel หมวดหมู่ และลักษณะเฉพาะ

NIQ กําลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าในการวัดผลอย่างรวดเร็ว โดยได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สําคัญ ในด้านความครอบคลุมและเทคโนโลยี บริษัทได้ใช้แนวทางการคิดล่วงหน้า  โดยระบุความคิดริเริ่มที่สําคัญเพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างมีนัยสําคัญ โดยมี CPS ทําหน้าที่เป็นเสาหลักในการดำเนินตามกลยุทธ์นี้ NIQ ยึดมั่นในพันธกิจในการบุกเบิกข้อมูลเชิงลึกและนวัตกรรมภายในขอบเขตข่าวกรองผู้บริโภคและตลาด ขับเคลื่อนเราไปสู่อนาคตของความก้าวหน้าที่ไม่มีใครเทียบได้และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม

เกี่ยวกับ NIQ
NIQ เป็นบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนําของโลก ซึ่งนำเสนอความเข้าใจที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเผยให้เห็นเส้นทางใหม่สู่การเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้ควบรวมกิจการกับ GfK โดยนําผู้นําอุตสาหกรรมทั้งสองมารวมกันพร้อมการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยการอ่านข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวม และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งส่งมอบด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ําสมัย-NIQ จึงมอบ Full ViewTM

NIQ เป็น บริษัทในเครือ Advent International ที่มีการดําเนินงานในตลาดมากกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมประชากรมากกว่า 90% ของโลก สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม NIQ.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media
Gillian Mosher
รองประธานฝ่ายสื่อสาร
(gillian.mosher@NIQ.com)

ที่มา: NIQ

พันธมิตรความร่วมมือระหว่าง ADIO และ Gradiant ในโครงการรักษ์น้ำ

Logo

  • Gradiant บริษัทบำบัดน้ำและน้ำเสียที่ก่อตั้งโดย MIT ได้เข้าร่วมศูนย์รวมนักพัฒนานวัตกรรมของ Abu Dhabi ซึ่งเป็นหัวหอกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศระดับโลก
  • Gradiant ตัดสินใจเลือก Abu Dhabi เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ใน EMEA และร่วมมือกันกับ ADIO สำหรับ CleanTech และเป้าหมายด้านการรักษ์น้ำ
  • ข้อตกลงลงนามใน COP28 ระหว่างการประชุมด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จัดขึ้นโดยสหประชาชาติ

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2023

สำนักงานการลงทุนอาบูดาบี (Abu Dhabi Investment Office ADIO) ประกาศในวันนี้ว่า Gradiant ยูนิคอร์นด้านโซลูชันน้ำและน้ำเสียที่ก่อตั้งโดย MIT ได้ตัดสินใจเลือกเมืองหลวงของ UAE เป็นที่ตั้งของสำหนักงานใหญ่และศูนย์นวัตกรรมระดับโลกแห่งใหม่ของ EMEA ADIO และ Gradiant มีการร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือใน COP28 ระหว่างการประชุมด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จัดขึ้นโดยสหประชาชาติ โดยบริษัทได้เข้าร่วมศูนย์รวมนักพัฒนานวัตกรรมของ Abu Dhabi ซึ่งเป็นหัวหอกในการพัฒนาและการจำหน่ายโซลูชันด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลก

The partnership between ADIO and Gradiant underscores their joint commitment to advancing water security and climate change solutions, marking a significant step in establishing Abu Dhabi as a pivotal center for global environmental innovation. (Graphic: Business Wire)

“ความร่วมมือระหว่าง ADIO และ Gradiant ตอกย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาความมั่นคงทางน้ำและโซลูชันการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นก้าวสำคัญในการจัดตั้งให้ Abu Dhabi เป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก (กราฟิก: Business Wire)”

ADIO สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจใน Abu Dhabi โดยการดึงดูดบริษัทที่มีการพัฒนานวัตกรรมในภาคส่วนเศรษฐกิจที่มีการเติบโตสูง ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของ Emirate ในความร่วมมือกับ Gradiant ซึ่งมีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ Abu Dhabi ก้าวสู่แนวหน้าของอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มูลค่าของตลาดการบำบัดน้ำและน้ำเสียทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030

ADIO ให้การสนับสนุนการเติบโตของ Gradiant อย่างครอบคลุม และเชื่อมโยงกับระบบนิเวศของ Abu Dhabi รวมถึงโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Boston มีพนักงานทั่วโลกกว่า 900 คน ปัจจุบันมีความโดดเด่นในการรับมือกับความท้าทายด้านน้ำที่เพิ่มขึ้นของโลก ซึ่งเกิดจากการพัฒนาอุตสาหกรรม การเติบโตของประชากร และปริมาณน้ำที่ขาดแคลนมากขึ้น เทคโนโลยีของบริษัทช่วยส่งเสริมตสาหกรรมที่สำคัญต่างๆ ของโลก รวมถึงเซมิคอนดัคเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม พลังงานหมุนเวียน การกลั่นและเคมีภัณฑ์ และพลังงาน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานตามภารกิจที่สำคัญ และลดปริมาณการใช้น้ำ

Badr Al-Olama ผู้อำนวยการทั่วไปของ ADIO กล่าวว่า "การเพิ่มบริษัทมูลค่าพันล้านเหรียญสหรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภารภิจสำคัญระดับโลก ถือเป็นการส่งเสริมอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบนิเวศนวัตกรรมของ Emirate และความมุ่งมั่นใน net zero Gradiant ให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าทั่วทุกภาคส่วนหลัก โดยสอดคล้องกับลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจของ Abu Dhabi และการดำเนินธุรกิจใน Emirate จะเป็นตัวเร่งการเติยโตในหลายๆ ด้าน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านการรักษ์น้ำในวงกว้าง UAE มุ่งมั่นที่จะมีการนำน้ำหลังการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ ADIO มีความภูมิใจที่ได้สนับสนุนผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้ดำเนินการหลักระดับโลกอย่าง Gradiant”

Gradiant นำเสนอกระบวนการและโซลูชันดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมน้ำและน้ำเสีย และปัจจุบันมีสิทธิบัตรถึง 250 ฉบับโดยประมาณซึ่งครอบคลุมเทคโนโลยีต่างๆ บริษัทรวบรวมเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมเข้ากับพลังของ AI เพื่อสร้างโซลูชันแบบครบวงจรเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านน้ำที่สำคัญที่สุดของโลก โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีขื่อว่า SmartOps สำหรับการปรับเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงานและการจัดการทรัพย์สินของระบบบำบัด โดยใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักรและปัญญาประดิษฐ์

Prakash Govindan, COO ของ Gradiant กล่าว "ความร่วมมือของเรากับ ADIO ขยายความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาโซลูชันน้ำอย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาค EMEA ในการต่อยอดความสำเร็จที่ผ่านการพิสูจน์แล้วใน Singapore เราตั้งเป้าที่จะทำให้ Abu Dhabi และ UAE ก้าวสู่แถวหน้าด้านนวัตกรรมในเทคโนโลยีน้ำ แนวทางของเราสอดคล้องกับวิสัยทัศน์เศรษฐกิจของ Abu Dhabi ในปี 2030 และเราทุ่มเทเพื่อยกระดับความเพียงพอของน้ำและพลังงานในภูมิภาคผ่านโซลูชันที่ล้ำสมัยของเรา"

ศูนย์นวัตกรรมระดับโลกของ Gradiant ใน Abu Dhabi จะพัฒนาและจำหน่ายเทคโนโลยีการบำบัดน้ำใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังมีการทำงานกับ Khalifa University, Masdar และสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงระบบนิเวศของ Abu Dhabi ความร่วมมือกันนี้จะช่วยกระตุ้นและเสริมความก้าวล้ำในเทคโนโลยี RO Infinity และ Carrier Gas Extraction (CGE) ของ Gradiant และโซลูชันการบำบัดน้ำที่พัฒนาขึ้นใหม่อื่นๆ

ADIO มีส่วนร่วมในการพัฒนาโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืนใน Abu Dhabi รวมถึงการร่วมมือกับ Siemens Energy AG ในการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมเพื่อลูกค้าตะวันออกกลางใน Emirate ศูนย์นี้เป็นหนึ่งในสี่ศูนย์นวัตกรรมระดับโลกที่จะช่วยสนับสนุนการจำหน่ายโซลูชันเชิงนวัตกรรมเพื่อก้าวสู่ net zero ใน UAE และทั่วโลก

เกี่ยวกับ ADIO

สำนักงานการลงทุนอาบูดาบี (Abu Dhabi Investment Office — ADIO) ช่วยเอื้อให้นักลงทุนท้องถิ่น ภูมิภาค และนานาชาติประสบความสำเร็จและธุรกิจเติบโตในเมืองหลวงของ UAE ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรภาครัฐ นักลงทุนภาครัฐ และนักลงทุนระดับประเทศ ADIO เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของ Abu Dhabi ที่เสริมการเติบโตให้กับภาคเอกชน พันธมิตร และสามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ระดับโลกได้ โดยส่งเสริมโอกาสในการเติบโต มีการร่วมมือกันเชิงกลยุทธ์ และเปิดตลาดใหม่ๆ ทั่วภาคส่วนหลักตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน จนถึงอุตสาหกรรมและธุรกิจการเกษตร และยกระดับการลงทุนในประเทศทั้งความสามารถ นวัตกรรม และความยั่งยืน ด้วยเครือข่ายสำนักงานทั่วโลกที่กำลังเติบโต นักลงทุนสามารถติดต่อ ADIO ได้โดยสามารถไปที่สำนักงานใหญ่ใน Abu Dhabi หรือสำนักงานในต่างประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ที่ปักกิ่ง แฟรงก์เฟิร์ต ลอนดอน นิวยอร์ก ปารีส ซานฟรานซิสโก โซล และเทลอาวีฟ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.investinabudhabi.gov.ae/

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการด้านโซลูชันระดับโลกเกี่ยวกับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ด้วยชุดโซลูชันแบบครบวงจรเต็มรูปแบบที่แตกต่างและมีเอกสิทธิ์เต็มรูปแบบ ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำระดับแนวหน้า บริษัทให้บริการเพื่อการดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่างๆ ของโลก รวมถึงน้ำมันและก๊าซ เซมิคอนดัคเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุสำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและปล่อยน้ำเสีย เรียกคืนทรัพยากรอันมีค่า และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืดได้ บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Boston ก่อตั้งโดย MIT และมีพนักงานทั่วโลกกว่า 1000 คน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53867804/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Felix Wang
Gradiant, VP of Marketing
fwang@gradiant.com

แหล่งข้อมูล: Gradiant

The Bangkok Reporter