จากความมุ่งมั่นไปสู่การปฏิบัติ: Mary Kay เผยแพร่ภาพรวมของความร่วมมือเชิงการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก

Logo

รายงานครบรอบสี่ปีที่ Women's Entrepreneurship Accelerator เน้นย้ำถึงผลกระทบของ WEA ในการแก้ปัญหาความต้องการที่สำคัญที่สุดของผู้ประกอบการสตรี: การเข้าถึงการศึกษา เงินทุน เครือข่ายและตลาด และการสนับสนุนระดับโลก

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–6 มีนาคม 2024

Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการเสริมพลังสตรี ได้ประกาศเปิดตัวรายงานพิเศษในหัวข้อ "Advancing Women's Entrepreneurship: จากความมุ่งมั่นไปสู่การปฏิบัติ (from Commitment to Action.)รายงานดังกล่าวให้รายละเอียดถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของบริษัทในการสนับสนุนประเด็นของผู้หญิงทั่วโลกผ่านความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่บริษัทได้ทำในช่วงสี่ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งเครือข่ายความร่วมมือหลายฝ่ายที่มีผู้มีส่วนได้เสียหลายภาคส่วนอย่าง Women’s Entrepreneurship Accelerator (WEA) อันล้ำสมัย

The Women’s Entrepreneurship Accelerator Fourth Anniversary Report Highlights WEA’s Impact on Solving the Most Critical Needs of Women Entrepreneurs: Access to Education, Funding, Networks and Markets and Global Advocacy. (Photo: Mary Kay Inc.)

รายงานครบรอบสี่ปีของ Women's Entrepreneurship Accelerator เน้นย้ำถึงผลกระทบของ WEA ในการแก้ปัญหาความต้องการที่สําคัญที่สุดของผู้ประกอบการสตรี: การเข้าถึงการศึกษา เงินทุน เครือข่ายและตลาด และการสนับสนุนทั่วโลก (ภาพ: Mary Kay Inc.)

ในปี 2019 Mary Kay ก่อตั้ง WEA ขึ้นด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานสหประชาชาติ 6 แห่งเพื่อเป็นแรงผลักดันในการส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีและการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจทั่วโลก รายงานพิเศษปี 2023 ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการสำคัญต่างๆ และสถิติผลกระทบของ WEA โดยเน้นการเข้าถึงทั่วโลกและแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ในการจัดการกับความท้าทายหลักที่ผู้ประกอบการผู้หญิงต้องเผชิญ

“ด้วย Women’s Entrepreneurship Accelerator เราได้สร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งซึ่งไม่เพียงแต่สนับสนุน แต่ยังเฉลิมฉลองจิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิงทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “เป้าหมายของเราคือการเสริมพลังให้กับผู้หญิงห้าล้านคนภายในปี 2030 และเรากำลังดำเนินการไปอย่างดี จนถึงขณะนี้เราได้มีส่วนร่วมกับผู้หญิงมากกว่า 600,000 คนในโครงการและกิจกรรมของเรา และปี 2024 จะเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์อีกปีหนึ่ง”

รายงานนี้แสดงให้เห็นถึงแนวทางแบบองค์รวมของ Mary Kay ในการเสริมพลังของผู้หญิงผ่านความร่วมมือแบบหลายฝ่ายของ WEA ซึ่งครอบคลุมการเข้าถึงการศึกษา ทุน เครือข่ายและตลาด การสนับสนุน และนโยบาย ประกอบด้วยความสำเร็จอันน่าทึ่ง อาทิ:

  • การลดอัตราส่วนความยากจนในโครงการหมู่บ้านนำร่อง SDG ในชนบทของจีน โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นผู้ประกอบการสตรีและการพัฒนาความเป็นผู้นำ;
  • การเปิดตัวงาน Women’s Entrepreneurship Regional EXPO และกิจกรรมดาวเทียมในประเทศในยุโรปและภูมิภาคเอเชียกลางที่รวบรวมผู้ประกอบการสตรี นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ งานประจำปี 2023 ซึ่งจัดร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่น 33 ราย มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 15,308 ราย รวมถึงผู้ประกอบการ 1,047 ราย และนักลงทุน 75 ราย รวมถึงงานสัมมนา/แผง และพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ 27 แห่ง;

  • ความสำเร็จในการดำเนินการตามโปรแกรมการฝึกอบรมและการให้คำปรึกษาต่างๆ ที่ดำเนินการโดยพันธมิตรระดับสูงทั่วโลก เช่น โครงการใบรับรองผู้ประกอบการสตรีออนไลน์ (Women’s Entrepreneurship Certificate Programme);
  • WEA Digital Innovation Challenge สำหรับผู้ประกอบการสตรีได้รับใบสมัคร 250 ใบจากสตาร์ทอัพที่นำโดยผู้หญิงจาก 54 ประเทศ
  • การวิจัยผู้ประกอบการสตรี เพื่อแนะนำนโยบายเพื่อความเท่าเทียมทางเพศในการพัฒนาองค์กรในภูมิภาคละตินอเมริกา

ความพยายามที่โดดเด่นของบริษัทในการส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างและการลงทุนที่คำนึงถึงความเสมอภาคทางเพศ (GRPI) ยังมีส่วนสำคัญต่อการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจและการเสริมอำนาจของสตรีอีกด้วย

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Women’s Entrepreneurship Accelerator และอ่านรายงานพิเศษปี 2023 ฉบับเต็ม โปรดคลิกที่นี่ click here

เกี่ยวกับ Mary Kay

จากตอนนั้นถึงตอนนี้และตลอดไป (Then. Now. Always.) หนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกแบบเดิม Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทเพื่อความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการทำให้ชีวิตผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่โอกาสโดย Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางที่มีสี อาหารเสริม รวมไปถึงน้ำหอมที่ทันสมัย Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้คนรุ่นอนาคต ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการทารุณกรรมในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com หรือค้นหาเราได้ใน FacebookInstagram, และ LinkedIn, หรือติดตามเราใน X (ชื่อเดิมคือTwitter)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Mary Kay Inc. การสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.


Xsolla เปิดตัว Web Shop 2.0 ซึ่งเป็นโซลูชันชั้นนำสำหรับการซื้อผ่านเว็บ เพื่อให้ผู้พัฒนาเกมเพิ่มผลกำไรจากการขายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคโดยตรง

Logo

Web Shop เป็นร้านค้าดิจิทัลไวท์เลเบลที่ผู้เล่นซื้อสินค้าในเกม สกุลเงิน และเติมเงินในบัญชี ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้จากเว็บไซต์สำหรับแบรนด์ของผู้พัฒนา

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–5 มีนาคม 2024

Xsolla ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายวิดีโอเกมได้เปิดตัว Xsolla Web Shop 2.0 นับตั้งแต่ Xsolla ให้ความสนใจกับการสร้างรายได้จากเว็บในปี 2021 บริษัทก็ได้เปิดตัว Web Shop มากกว่า 210 แห่งสำหรับสตูดิโอเกมมือถือชั้นนำทั่วโลกในหลายประเภท จากประสบการณ์อันกว้างขวางนี้ Xsolla จึงได้พัฒนาเวอร์ชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของโซลูชันเรือธงอย่าง Web Shop ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาเกมบนมือถือสามารถสร้างกลยุทธ์การสร้างรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคโดยตรง เพื่อเพิ่มรายได้ด้วยการจูงใจเกมเมอร์ให้ชำระเงินบนเว็บ

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

“Xsolla Web Shop 2.0 เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะพัฒนาไปตามความต้องการของอุตสาหกรรมเกมบนมือถือ นวัตกรรมนี้เป็นผลมาจากการเปิด Web Shop มากกว่า 200 แห่ง รวมถึงเกมบนมือถือที่ทำรายได้สูงสุด 40 อันดับแรกจาก 100 อันดับแรกทั่วโลก การนำประสบการณ์จริงมาประยุกต์ใช้ร่วมกับความคิดเห็นของลูกค้าถือเป็นส่วนสำคัญในการขยายโซลูชัน Web Shop สำหรับเกมบนมือถือ เรายังคงให้ความสำคัญกับความต้องการที่แท้จริงของตลาดและมอบโซลูชันที่ปรับตามความต้องการ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เราแตกต่างในอุตสาหกรรม” David Stelzer ประธาน Xsolla กล่าว “Xsolla Web Shop เป็นนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ของเราเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของอุตสาหกรรมเกมบนมือถือ การเน้นการปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลในระดับผู้ใช้และการเปิดตัว Instant Web Shop ทำให้เรายกระดับวิธีที่ผู้พัฒนามีส่วนร่วมกับผู้เล่นและเพิ่มรายได้ให้สูงสุด”

สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ Xsolla จะเปิดตัว Instant Web Shop ซึ่งเป็นร้านค้าออนไลน์แบบมีเทมเพลต โดยใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเพื่อใช้ในการซื้อผ่านเว็บ เครื่องมือการใช้งานที่รวดเร็วสำหรับการเริ่มต้นสร้างรายได้ในทันทีนี้ช่วยให้ผู้ใช้รับรู้ข้อดีของการซื้อบนเว็บ ในขั้นถัดไป เมื่อสมมติฐานด้านมูลค่าได้รับการพิสูจน์แล้ว ผู้พัฒนาก็จะสามารถสร้างระบบ LiveOps ที่ครอบคลุมด้วยเครื่องมือ Web Shop LiveOps สำหรับการจัดการการขายได้

คุณสมบัติของ Xsolla Web Shop 2.0:

  • เครื่องมือ LiveOps ขั้นสูง: ประกอบด้วยการทดสอบ A/B, ข้อเสนอพิเศษ, ข้อเสนอการซื้อครั้งแรก, โปรโมชันร้านค้าลับ, คูปอง, รหัสโปรโมชัน และข้อเสนอทั้งแบบจำกัดเวลาและจำนวนจำกัด เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถสร้างประสบการณ์ผู้เล่นที่มีคุณค่าอย่างยิ่งได้
  • การปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลและการมีส่วนร่วมผู้พัฒนาสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมและความภักดีของผู้เล่นได้อย่างมากผ่านข้อเสนอเฉพาะบุคคล โปรโมชันส่วนลด โปรโมชันโบนัส โปรแกรมสะสมคะแนน และระบบการให้รางวัล
  • คำแนะนำและการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ: Xsolla ให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการรับมือกับความซับซ้อนในการจัดการ Web Shop ซึ่งช่วยให้พันธมิตรได้รับรายได้สูงสุด
  • ขั้นตอนสำหรับผู้ใช้ที่ดียิ่งขึ้นการชำระเงินที่ราบรื่นเพียงคลิกเดียวด้วย Xsolla Wallet, PWA (Progressive Web Application) และ Deeplink Authentication

กฎหมายตลาดดิจิทัล (DMA) ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 6 มีนาคมถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงของตลาดสู่เสรีภาพอีคอมเมิร์ซดิจิทัล สถานการณ์ปัจจุบันของทางเลือกการเรียกเก็บเงินในแอปไม่ได้เสนอความยืดหยุ่นและอัตราส่วนลดที่แท้จริงสำหรับผู้พัฒนาเกม ซึ่งทำให้ Web Shop เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้เกมบนมือถือประสบความสำเร็จ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xsolla Web Shop 2.0 และคุณสมบัติต่างๆ ได้ที่xsolla.pro/webshop-2

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทจำหน่ายวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือที่แข็งแกร่งและทรงพลัง รวมถึงบริการที่ออกแบบมาสำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือผู้พัฒนาเกมและผู้เผยแพร่ทุกขนาดนับหลายพันรายในการจัดหาเงินทุน ทำการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมทั่วโลกในหลายแพลตฟอร์ม ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในการจำหน่ายเกม ภารกิจของ Xsolla จึงเป็นการแก้ปัญหาความซับซ้อนโดยธรรมชาติของการจัดจำหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับเกมเมอร์ทั่วโลก บริษัทมีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานในลอนดอน เบอร์ลิน โซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla สนับสนุนเกมสำคัญๆ เช่น Valve, Twitch, Roblox, Epic Games, Take- Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo และอีกมากมาย

ดูข้อมูลและเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่: xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53905440/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Derrick Stembridge
Global Director of Public Relations, Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

แหล่งข้อมูล: Xsolla

Xsolla เปิดตัวกลยุทธ์ Cross-Play และ Cross-Pay สำหรับการสร้างรายได้มัลติแพลตฟอร์มที่ปรับปรุงสำหรับเกมบนมือถือ

Logo

เสริมศักยภาพให้กับนักพัฒนาเกมบนมือถือในการสร้างรายได้ข้ามแพลตฟอร์ม นอกเหนือจาก App Stores แบบดั้งเดิม

LOS ANGELES–(BUSINESS WIRE)–5 มีนาคม 2024

Xsolla บริษัทจำหน่ายเกมวิดีโอระดับโลกเปิดตัว Cross-Play และ Cross-Pay ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการสร้างรายได้จากเกมบนมือถือ เพื่อตอบสนองต่อภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป ชุดโซลูชันของ Xsolla ช่วยให้นักพัฒนาเกมบนมือถือสามารถเปลี่ยนเกมจากมือถือไปยังเว็บ เดสก์ท๊อป และระบบคลาวด์ได้อย่างง่ายดายและราบรื่น ในขณะเดียวกัน ก็มีการนำเสนอรูปแบบการสร้างรายได้ที่หลากหลายนอกกรอบ เพื่อเสริมผลกำไรจากการขายตรงถึงผู้บริโภคสำหรับนักพัฒนาเกม

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

ในขณะที่อุตสาหกรรมวิดีโอเกมมีการพัฒนามากขึ้น ผู้เล่นก็ความหวังที่จะมีส่วนร่วมกับเกมโปรดของตนได้ในทุกแพลตฟอร์ม ฟอร์มแฟคเตอร์ และวิธีการควบคุม ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ Cross-Play เป็นที่นิยมสำหรับกลยุทธ์การพัฒนาเกมสมัยใหม่ ปัจจุบันนี้ นักพัฒนาเกมบนมือถือสามารถปรับใช้เกมของตนได้ทั้งบนมือถือ พีซี คอนโซล คลาวด์ และเว็บได้อย่างง่ายดายด้วย Xsolla Launcher และ Xsolla Cloud Gaming

Xsolla Launcher ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถของคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น รวมถึงกราฟิกที่ได้รับการปรับแต่ง มิติในการเล่นเกม และเซสชั่นการเล่นที่ยาวนานยิ่งขึ้น เมื่อย้ายเกมบนมือถือไปยังพีซี

ในทางกลับกัน Cloud Gaming สำหรับเกมบนมือถือเป็นส่วนขยายเชิงกลยุทธ์ของโซลูชันหลักใน Xsolla Cloud Gaming ช่วยให้นักพัฒนาวิดีโอเกมบนมือถือสามารถขยายข้ามแพลตฟอร์ม โดยการปรับใช้บิลด์เกมบนแพลตฟอร์มคลาวด์ได้โดยตรงจากแลนดิ้งเพจที่เป็นแบรนด์ของนักพัฒนาเอง ช่วยให้สามารถนำเสนอกลไกการสร้างรายได้ที่มีความยืดหยุ่นสำหรับผู้ใช้มือถือ

ประสบการณ์ Cross-Play ช่วยให้มั่นใจได้ในกลยุทธ์การสร้างรายได้ที่เสถียรและยุติธรรมในทุกแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาทั่วโลก แนวทางนี้ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงเนื้อหาเกมได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การเล่นโดยรวม ในขณะเดียวกันก็มีการปฏิบัติตามกฎและแนวทางการปฏิบัติของแพลตฟอร์ม Xsolla Web Shop โซลูชันชั้นนำสำหรับการซื้อทางเว็บ เป็นพื้นฐานสำหรับกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงสำหรับนักพัฒนาเกมบนมือถือ

Web Shops เป็นร้านค้าออนไลน์พร้อมแบรนด์ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมีอุปกรณ์ครบครันเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อภายในเกมบนเว็บ โซลูชัน Xsolla Web Shop ถัดไปประกอบด้วยการอัปเดตเชิงนวัตกรรมที่มุ่งเน้นความเชี่ยวชาญจาก Xsolla ซึ่งได้รับจากการเปิดตัว Web Shops กว่า 210 ร้าน และเกมบนมือถือยอดนิยม 40 เกมจาก 100 เกมยอดนิยมที่ทำรายได้สูงสุดทั่วโลก Xsolla Web Shop นำเสนอเครื่องมือขั้นสูง LiveOps ฟีเจอร์ที่ปรับตามแต่ละบุคคลและการมีส่วนร่วมเพิ่มเติม และโฟลว์ผู้ใช้ที่ผ่านการปรับปรุงเพื่อการซื้ออย่างราบรื่น นอกเหนือจากการปรับแต่งเหล่านี้แล้ว ผู้เชี่ยวชาญของ Xsolla ยังพร้อมให้คำแนะนำและการสนับสนุน โดยให้คำปรึกษาแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดในการดำเนินงานและการจัดการร้านค้าบนเว็บ

“ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นกับ Cross-Play Cross-Pay นี้เป็นจุดมุ่งเน้นในนวัตกรรมของเราตลอดปีที่ผ่านมา หลังจากร่วมมือกับพันธมิตรมากมาย และเปิดตัวร้านค้าบนเว็บกว่า 200 ร้านในปี 2023 แอปพลิเคชันในโลกแห่งความเป็นจริงที่ยอดเยี่ยมพร้อมคำติชมจากลูกค้าเหล่านี้ช่วยให้นักพัฒนาเกมบนมือถือสามารถทำการตลาดเกมของพวกเขาออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยดำเนินการตามแนวทางของแพลตฟอร์ม” David Stelzer ประธานของ Xsolla กล่าว “Cross-Play Cross-Pay เป็นนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ของเราเพื่อตอบสนองความต้องการที่มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมเกมบนมือถือที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ด้วยการนำเสนอโซลูชันหลายแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาเกมบนมือถือ ทำให้เราสามารถช่วยให้นักพัฒนาเข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้น และทำให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโตยิ่งขึ้น”

ชุดโซลูชัน Cross-Play Cross-Pay ที่ครอบคลุมนี้ช่วยให้นักพัฒนาเกมบนมือถือสามารถมั่นใจได้ว่า เกมของพวกเขาจะสามารถเข้าถึงผู้เล่นได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยการสร้างการเชื่อมต่อกับผู้เล่นทั่วโลกที่เสถียรและยั่งยืน

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xsolla Web Shop 2.0 และฟีเจอร์ได้ที่xsolla.pro/web-shop2

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xsolla Cloud Gaming สำหรับมือถือและฟีเจอร์ได้ที่xsolla.pro/cloud-gaming

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xsolla Launcher ได้ที่xsolla.pro/xsolla-launcher

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทจำหน่ายวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่เสถียรและทรงพลัง ซึ่งได้รับการออกแบบมาสำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 Xsolla ได้ห้ความช่วยเหลือนักพัฒนาเกมและผู้เผยแพร่ทุกขนาดหลายพันราย ทั้งการระดมทุน ทำการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของพวกเขาทั่วโลก และบนหลายแพลตฟอร์ม ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในการจำหน่ายเกม ภารกิจของ Xsolla คือ การแก้ไขปัญหาความซับซ้อนในการจัดจำหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราสามารถเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์มากขึ้น สร้างรายได้สูงขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับนักเล่นเกมทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานในลอนดอน เบอร์ลิน กรุงโซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว และเมืองอื่นๆ ทั่วโลก Xsolla สนับสนุนเกมสำคัญต่างๆ เช่น Valve, Twitch, Roblox, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo และอื่นๆ อีกมากมาย

สามารถดูและเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53905439/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Derrick Stembridge
Global Director of Public Relations, Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

แหล่งข้อมูล: Xsolla

MethaneSAT ขึ้นสู่วงโคจรแล้ว หลัง SpaceX เริ่มภารกิจล้ำสมัยเพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ

Logo

ดาวเทียมดวงแรกที่พัฒนาโดยองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงผลกำไรจะมองเห็นการปล่อยก๊าซมีเทนที่ไม่มีดาวเทียมดวงไหนมองเห็น ซึ่งจะนำไปสู่ความรับผิดชอบที่มากขึ้นและลดการปล่อยก๊าซได้เร็วขึ้น

VANDENBERG SFB, LOMPOC, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–5 มีนาคม 2024

วันนี้ หลัง 16:00 น. ที่ผ่านมาตามเวลาแปซิฟิก MethaneSAT ได้แยกตัวออกจาก SpaceX Transporter-10 ที่นำดาวเทียมติดตามการปล่อยก๊าซดังกล่าวขึ้นสู่อวกาศสำเร็จ ดาวเทียมล้ำสมัยนี้ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยปกป้องสภาพภูมิอากาศของโลกด้วยการเร่งการลดมลพิษจากก๊าซเรือนกระจกที่กำลังสร้างปัญหาอย่างรุนแรง โดยมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและก๊าซซึ่งเป็นต้นกำเนิดหลักของก๊าซมีเทนก่อนเป็นอันดับแรก

MethaneSAT (Photo: Business Wire)

MethaneSAT (รูปภาพ: Business Wire)

คุณสามารถดูชุดข้อมูลสื่อดิจิทัลซึ่งประกอบด้วยรูปถ่าย วิดีโอ และกราฟิกได้ที่นี่

MethaneSAT ซึ่งพัฒนาโดยหน่วยงานในเครือขององค์กรไม่แสวงหากำไรระดับโลกอย่าง Environmental Defense Fund จะมองเห็นและวัดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนทั้งหมดในบริเวณกว้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดาวเทียมดวงอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ และระบุตัวการสำคัญที่ปล่อยก๊าซในสถานที่ที่ไม่มีดาวเทียมดวงไหนเฝ้ามอง ข้อมูลที่ได้จาก MethaneSAT จะช่วยให้ทั้งบริษัทต่างๆ และหน่วยงานกำกับดูแลสามารถสืบสาวต้นตอของการปล่อยก๊าซ และเปิดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ประชาชน หน่วยงานรัฐ และนักลงทุนเข้าถึงข้อมูลแบบเกือบเรียลไทม์ได้ฟรี อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบผลลัพธ์กับเป้าหมายและหน้าที่ด้านการปล่อยก๊าซได้เป็นที่แรกอีกด้วย

“การลดมลพิษจากก๊าซมีเทนซึ่งได้จากการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงฟอสซิล เกษตรกรรม และภาคส่วนอื่นๆ เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยชะลออัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกได้เร็วที่สุด ร่วมกับความพยายามกำจัดคาร์บอนจากระบบพลังงานของเราอย่างต่อเนื่อง” Fred Krupp ประธาน EDF กล่าว “การจะทำเช่นนั้นได้จำเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับมลพิษนี้ที่ครอบคลุมทั่วโลก MethaneSAT จะแสดงให้เราเห็นโอกาสแบบภาพรวมด้วยการสืบสาวการปล่อยก๊าซไปจนถึงแหล่งที่มา”

Krupp ประกาศเปิดตัว MethaneSAT ใน TED Talk ปี 2018 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ TED Audacious Project EDF เป็นผู้นำระดับโลกด้านวิทยาศาสตร์และการแก้ปัญหาเกี่ยวกับก๊าซมีเทนมานานกว่าทศวรรษ โดยเป็นองค์กรแรกที่ชี้ให้เห็นความสำคัญของปัญหานี้ด้วยการดำเนินการศึกษาวิจัยอิสระ 16 ชิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซมีเทนในห่วงโซ่อุปทานน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ สูงกว่าการประมาณการของ EPA ถึง 60% ซึ่ง MethaneSAT คือผลลัพธ์จากความพยายามเหล่านี้โดยตรง

“MethaneSAT มีความพิเศษอยู่ที่ความสามารถในการวัดระดับก๊าซมีเทนในบริเวณกว้างได้อย่างแม่นยำและมีความละเอียดสูง รวมถึงแหล่งกำเนิดที่มีขนาดเล็กและกระจัดกระจายซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการปล่อยก๊าซมากที่สุดในหลายภูมิภาค” Steven Hamburg หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ EDF และหัวหน้าโปรเจ็กต์ MethaneSAT กล่าว “การได้รู้ว่าก๊าซมีเทนมาจากไหนในปริมาณเท่าใดและมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการปล่อยก๊าซมากน้อยเพียงใดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง”

MethaneSAT ซึ่งโคจรรอบโลก 15 ครั้งต่อวันจะวัดการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของก๊าซมีเทนได้ละเอียดถึง 3 ในหนึ่งพันล้านส่วน เมื่อการตรวจจับความไวสูงทำงานร่วมกับการมองเห็นที่มีระยะการมองที่กว้างและมีความละเอียดสูงก็จะทำให้ MethaneSAT มองเห็นภาพการปล่อยก๊าซทั้งหมด (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่)

ความสามารถพิเศษเหล่านี้ช่วยเปิดศักราชด้านความโปร่งใสให้กับอุตสาหกรรม ทุกคนสามารถดูข้อมูลการปล่อยก๊าซที่สามารถโต้ตอบได้โดยตรงที่ www.MethaneSAT.org และบน Google Earth Engine ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศชั้นนำที่มีผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์กว่า 100,000 รายใช้งาน

MethaneSAT เกิดขึ้นได้ด้วยการสนับสนุนจากผู้ที่บริจาคให้กับ EDF และความร่วมมือระหว่างเรากับรัฐบาลนิวซีแลนด์ โดยมี Bezos Earth Fund, Arnold Ventures, Robertson Foundation และ TED Audacious Project เป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมในการสร้าง MethaneSAT รายใหญ่ที่สุด

“การปล่อยก๊าซมีเทนเป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามและตรวจพบได้ยากมาเป็นเวลานานมากๆ” ดร. Kelly Levin หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ ข้อมูล และการเปลี่ยนแปลงระบบของ Bezos Earth Fund กล่าว “MethaneSAT ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสมการ โดยให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์และข้อมูลเป็นอันดับแรก มันเห็นสิ่งที่ดาวเทียมดวงอื่นๆ มองไม่เห็นจากอวกาศ คอยช่วยเหลือคนดีและทำให้ผู้ร้ายต้องรับผิดชอบ Bezos Earth Fund รู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมมือในการผจญภัยครั้งนี้”

ในเดือนธันวาคม EDF ได้ร่วมมือกับ Bloomberg Philanthropies, International Energy Agency, RMI และ International Methane Emission Observatory ภายใต้โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ในโครงการริเริ่มใหม่โครงการแรกที่กำหนดให้บริษัทและรัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นในการจัดการก๊าซมีเทนของตน

“คุณไม่สามารถจัดการสิ่งที่คุณไม่สามารถวัดได้ คำกล่าวนี้ยิ่งเป็นความจริงเมื่อพูดถึงการลดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีอิทธิพลที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” Michael R. Bloomberg ผู้แทนพิเศษด้านความมุ่งมั่นและการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศของเลขาธิการสหประชาชาติ และผู้ก่อตั้ง Bloomberg LP และ Bloomberg Philanthropies กล่าว “ข้อมูลจากดาวเทียมนี้จะช่วยให้เราวัดการปล่อยก๊าซมีเทนและระบุแหล่งที่มาได้ดีขึ้น ช่วยให้เข้าใจปัญหาได้ง่ายขึ้น ทำให้บริษัทและนักลงทุนได้รับข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการแก้ไข และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้สาธารณชนกดดันให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบได้”

นอกเหนือจากการระบุแหล่งที่มาและอัตราการปล่อยก๊าซในภูมิภาคนั้นๆ แล้ว MethaneSAT ยังช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบอัตราการลดการปล่อยก๊าซในภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันและก๊าซหลักๆ ทั่วโลก ตลอดจนประสิทธิภาพเมื่อผ่านไประยะหนึ่งได้อีกด้วย การวิเคราะห์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับภารกิจนี้เป็นพิเศษจะสืบสาวการปล่อยก๊าซดังกล่าวกลับไปจนถึงแหล่งที่มาภายในภูมิภาคเป้าหมายเหล่านั้น

“เราพบว่าข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือสูงส่งผลให้เกิดมาตรการป้องกันด้านระเบียบข้อบังคับที่เข้มแข็ง และมีแนวทางปฏิบัติในการดำเนินงานในอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ดีคือรากฐานที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น” Mark Brownstein รองประธานอาวุโสฝ่าย Energy Transition ของ EDF กล่าว

ในเดือนมกราคม รัฐบาลไบเดนได้เสนอกฎการเก็บค่าธรรมเนียมการปล่อยก๊าซมีเทนส่วนเกิน ซึ่งจะกำหนดให้ต้องมีการรายงานการปล่อยก๊าซที่ถูกต้อง กฎหมายของสหภาพยุโรปเห็นชอบในเดือนพฤศจิกายนให้จัดทำแผนภูมิแนวทางในการกำหนดให้ผู้นำเข้าก๊าซต้องให้ข้อมูลการปล่อยก๊าซเชิงประจักษ์ ในขณะที่ญี่ปุ่นและเกาหลีซึ่งเป็นชาติที่ซื้อก๊าซ LNG รายใหญ่ที่สุดสองราย ก็ได้ออกแผนการที่จะเริ่มขอข้อมูลการปล่อยก๊าซจากซัพพลายเออร์

เมื่อมีการนำมาตรฐานเกี่ยวกับก๊าซมีเทนมารวมไว้ในนโยบายระดับชาติและข้อตกลงทางการค้า MethaneSAT จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีการดำเนินการตรงตามเป้าหมาย และให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าการลดการปล่อยก๊าซที่กล่าวอ้างนั้นบกพร่องในจุดใด

ประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศได้ลงนามในประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยการปล่อยก๊าซมีเทน เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนโดยรวมให้ได้อย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์จากระดับปี 2020 ภายในปี 2030 ในขณะที่การประชุม COP 28 บริษัทต่างๆ กว่า 50 บริษัทได้ออกกฎบัตรการลดคาร์บอนจากน้ำมันและก๊าซ โดยมุ่งมั่นที่จะกำจัดการปล่อยก๊าซมีเทนและการปล่อยก๊าซส่วนเกินซึ่งเกิดจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมอย่างยั่งยืน

นอกเหนือจาก EDF ซึ่งเป็นองค์กรแม่แล้ว พันธมิตรของ MethaneSAT ยังประกอบด้วยคณะวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หอดูดาวฟิสิกส์ดาราศาสตร์สมิธโซเนียน และองค์การอวกาศนิวซีแลนด์ โดยทีมภารกิจร่วมนี้มีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 70 คนจากทั่วโลกที่มีประสบการณ์ในการบินอวกาศ การสำรวจระยะไกล และการวิเคราะห์ข้อมูล

ดาวเทียมดวงนี้สร้างขึ้นในโคโลราโดโดยหน่วย Space & Mission Systems ของบริษัท BAE Systems, Inc. (เดิมชื่อ Ball Aerospace) และ Blue Canyon Technologies

MethaneSAT, LLC เป็นบริษัทในเครือของ Environmental Defense Fund, Incorporated ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่แสวงผลกำไรชั้นนำ EDF เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย ตลอดจนความร่วมมือภาคเอกชนเชิงนวัตกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างแนวทางแก้ไขเชิงปฏิรูปต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุด ติดตามเราทาง Twitter ได้ที่ @MethaneSAT หรือติดต่อเราที่ www.MethaneSat.org ลิขสิทธิ์ © 2024 MethaneSAT, LLC สงวนลิขสิทธิ์

Environmental Defense Fund (edf.org) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่แสวงผลกำไรระดับโลก สร้างสรรค์แนวทางแก้ไขเชิงปฏิรูปต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุด โดย EDF เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย และความร่วมมือภาคเอกชนเชิงนวัตกรรมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์แนวทางเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ นักกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายของ EDF ซึ่งมีสำนักงานและสมาชิกมากกว่า 3 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา จีน เม็กซิโก อินโดนีเซีย และสหภาพยุโรป ทำงานใน 28 ประเทศเพื่อให้แนวทางแก้ไขของเราปฏิบัติได้จริง ติดต่อเราทาง Twitter ที่ @EnvDefenseFund

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: http://www.businesswire.com/news/home/53905350/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Lexie Michel, Sun Public Relations, lexie@sunpr.com หรือ 952-457-1418
Lauren Whittenberg, Environmental Defense Fund, lwhittenberg@edf.org หรือ 512-784-2161

แหล่งข้อมูล: Environmental Defense Fund

King Power Corporation ขับเคลื่อนการลดต้นทุนการดำเนินงานและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าด้วย 8×8

Logo

ผู้ค้าปลีกปลอดภาษีปรับมาใช้ 8×8 SMS API เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอีคอมเมิร์ซและลดต้นทุนการดำเนินงานลง 30%

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–6 มีนาคม 2024

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT), ซึ่งเป็นศูนย์ติดต่อบนคลาวด์ครบวงจรชั้นนำ การสื่อสารแบบครบวงจร และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการสื่อสารในฐานะบริการ (CPaaS) ได้ประกาศในวันนี้ว่า  ได้นำโซลูชั่น SMS API ของ 8×8 มาบูรณาการเข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนการดำเนินงานลง 30% ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลุ่มบริษัทKing Power Corporation เป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกปลอดภาษีรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ค้นหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอีคอมเมิร์ซด้วยการยกระดับประสบการณ์การสื่อสารกับลูกค้าและพนักงาน นอกจากนี้ บริษัทยังต้องการโซลูชันการสื่อสารที่รองรับการปรับขนาดได้และมีความคุ้มค่า King Power Corporation ได้เลือก 8×8 SMS API ซึ่งช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพทุกที่ทุกเวลาด้วยการแจ้งเตือนอัตโนมัติ รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว การเตือนความจำ และการแจ้งเตือน

นับตั้งแต่ใช้ 8×8 SMS API กลุ่มบริษัท King Power Corporation พบว่ามีอัตราการส่ง SMS ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท King Power Corporation ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้วยการอำนวยความสะดวกในการประมวลผลคำสั่งซื้อ การตรวจสอบลูกค้า และการแจ้งเตือนทาง SMS ที่ตรงเวลาผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

“ปัจจุบันกลุ่มบริษัท King Power Corporation ส่งข้อความ SMS ให้กับลูกค้ามากกว่า 850,000 รายต่อปี” คุณ Boonthavee Jarudomrongsak รองประธานฝ่าย Digital Delivery Management กลุ่มบริษัท King Power Corporation กล่าว “ด้วย 8×8 เราสามารถมอบประสบการณ์อีคอมเมิร์ซที่ยกระดับให้กับลูกค้าที่ตามที่พวกเขาต้องการและคาดหวังจากกลุ่มบริษํท King Power Corporation ทั้งบนเว็บไซต์และแอพของเรา”

“ลูกค้านั้นคาดหวังการบริการลูกค้าในระดับสูงเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการที่เรามอบเครื่องมือสื่อสารที่จำเป็นให้กับบริษัทต่างๆ เพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก” คุณ Stephen Hamill ผู้จัดการทั่วไป CPaaS ของ 8×8, Inc. กล่าวว่า “ที่ 8×8 เรายังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นการสื่อสารที่ทันสมัย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ บรรลุวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนความคิดริเริ่มในการประหยัดต้นทุนที่น่าประทับใจ อย่างที่ กลุ่มบริษัท King Power Corporation สามารถทำสำเร็จได้”

8×8 CPaaS ซึ่งรวมถึง SMS, messaging apps, voice, และ video interaction ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการสื่อสารทางธุรกิจและประสบการณ์ของลูกค้าในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา 8×8 CPaaS เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ติดต่อบนคลาวด์แบบบูรณาการของ 8×8 และแพลตฟอร์มการสื่อสารแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึง contact center, business phone, team chat, video meetings และความสามารถด้าน SMS

เกี่ยวกับ 8×8 Inc.

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT) กำลังเปลี่ยนแปลงอนาคตของการสื่อสารทางธุรกิจในฐานะซอฟต์แวร์ชั้นนำเเละในฐานะผู้ให้บริการ 8×8 XCaaS™ (Experience Communications as a Service™) ซึ่งเป็นศูนย์ติดต่อแบบครบวงจร การสื่อสารด้วยเสียง วิดีโอ แชท และ โซลูชัน SMS ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มการสื่อสารบนคลาวด์ระดับโลกแห่งเดียว 8×8 กำจัดไซโล (ไซโล) ทําไห้ยังคงบริการสื่อสารแบบครบวงจร (Unified Communications as a Service:UCaaS) และ Contact Center as a Service (CCaaS) สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในการควบคุมด้านการสื่อสารของพนักงานทุกคนทั่วโลกในปัจจุบัน เพื่อเป็นการให้ประสบการณ์แก่ลูกค้าของเรา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.8×8.com หรือติดตาม 8×8 ได้ใน LinkedIn, X และ Facebook

8×8®, 8×8 XCaaS™, Experience Communications as a Service™, Experience Communications Platform™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ 8×8, Inc.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อ:
PR@8×8.com

นักลงทุนสัมพันธ์:
Investor.relations@8×8.com

ที่มา: 8×8, Inc.

ETT | iByond™ Asia ลงนามข้อตกลงมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์กับ Knightsbridge ในการนำระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีทางด้านการเงินมาสู่เอเชียและทั่วโลก

Logo

ปาล์มบีช, ฟลอริด้า–(BUSINESS WIRE)–5 มีนาคม 2024

ETT | iByond™ และกลุ่ม Knightsbridge ได้บรรลุข้อตกลงใหญ่ที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนโซลูชั่นดิจิทัลและเทคโนโลยีทางด้านการเงินที่ก้าวหน้าไปทั่วโลก ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่างๆ

Christopher Condon | Chairman and CEO of ETT | iByond™ (USA + Asia) (Photo: Business Wire)

คุณ Christopher Condon | ประธานและ CEO ของ ETT | iByond™ (สหรัฐอเมริกา + เอเชีย) (รูปภาพ: Business Wire)

ภายใต้ข้อตกลง ETT | iByond™ และกลุ่ม Knightsbridge จะผนึกกำลังกันเพื่อเป็นหัวหอกในการริเริ่มด้านดิจิทัลและปฏิวัติการนำเสนอเทคโนโลยีทางการเงิน ด้วยการใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ iByond™ ในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังขยายตัว รวมถึงเครือข่ายและทรัพยากรทั่วโลกของ Knightsbridge ความร่วมมือดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะนำเสนอโซลูชั่นที่ไม่มีใครเทียบเคียงซึ่งปรับแต่งให้ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของธุรกิจและผู้บริโภคทั่วโลก การร่วมทุนครั้งนี้จะใช้ประโยชน์จากการจัดการข้อมูลที่ทันสมัยและโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ของ ETT

เทคโนโลยีการปฏิรูปเศรษฐกิจ“ETT | iByond™” (ETT) แผนก Asia ได้ทำข้อตกลงการให้บริการซอฟต์แวร์และใบอนุญาตระยะเวลาห้าปีกับ Knightsbridge ซึ่งมีมูลค่า $683 ล้านดอลลาร์สำหรับ ETT และมากกว่า $500 ล้านดอลลาร์สำหรับ Knightsbridge ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมบริการทางการเงินผ่านโซลูชั่นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ล้ำสมัย

บริษัทร่วมทุนจะใช้ประโยชน์จากการจัดการข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ล้ำสมัยของ ETT และเทคโนโลยีตลาดขั้นสูงของกลุ่ม Knightsbridge เพื่อส่งมอบแพลตฟอร์มเทคโนโลยีทางการเงินที่ครอบคลุมซึ่งนำเสนอประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการปรับขนาดที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยการควบคุมพลังของปัญญาประดิษฐ์ แพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปรับปรุงการดำเนินงาน ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนในตลาดที่มีพลวัตในปัจจุบันได้ ความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การขยายธุรกิจของ Knightsbridge และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการเติบโตในภูมิภาค

การเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ในเอเชียกำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในอัตราก้าวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ เอเชียจึงกลายเป็นแหล่งรวมนวัตกรรมและการลงทุนในโซลูชั่น AI และเทคโนโลยีทางด้านการเงิน จากการบุกเบิกบริการทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไปจนถึงการปฏิวัติแนวทางการธนาคารและการลงทุนแบบดั้งเดิม ประเทศในเอเชียกำลังควบคุมพลังของ AI และเทคโนโลยีทางด้านการเงินเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปรับปรุงการรวมทางการเงิน และเพิ่มประสิทธิภาพในตลาดการเงิน ด้วยกรอบการกำกับดูแลที่สนับสนุน ระบบนิเวศของสตาร์ทอัพที่มีชีวิตชีวา และจำนวนผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น เอเชียจึงพร้อมที่จะเป็นผู้นำการปฏิวัติด้าน AI และเทคโนโลยีทางด้านการเงินระดับโลกต่อไป เพื่อปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ และขับเคลื่อนนวัตกรรมทั่วทั้งภาคส่วน

คุณ Christopher Condon ประธานและซีอีโอของ ETT แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือครั้งนี้ว่า "ความร่วมมือกับ Knightsbridge ครั้งนี้เน้นย้ำถึงความทุ่มเทของ ETT ในการเป็นผู้นำในเชิงรุกในแนวหน้าของนวัตกรรมดิจิทัล และเสริมสร้างจุดยืนของตนต่อการเติบโตระดับโลกและตลาดเอเชียที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว"

คุณ David Chlapowski ผู้เป็นประธานของ ประธานภูมิภาคอเมริกาและตลาดเกิดใหม่ (EM) กล่าวเสริมว่า “ข้อมูลที่ถูกนำเสนอในลักษณะที่สามารถปรับขนาดได้และบริโภคได้คือน้ำมันใหม่และเป็นเชื้อเพลิงของนวัตกรรมดิจิทัล การทำงานร่วมกันของแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันรวมกับความสามารถในการเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์จะให้ประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน – จนถึงปัจจุบัน ผมกล้าที่จะประกาศว่ าETT/Knightsbridge FinTech Platform คือกาวที่นำทั้งหมดนี้มารวมกัน โดยรวมแล้ว เรากำลังเปิดตัวยุคใหม่ของ Web 4.0 ซึ่งเป็นยุคที่ซอฟต์แวร์ โครงสร้างพื้นฐาน และการเงินมารวมกันที่จุดตัดของการเปิดใช้งานและการสร้างความมั่งคั่ง และขับเคลื่อนด้วย AI"

คุณ Issaree Suwunnavid กล่าวว่า “ในฐานะกรรมการผู้จัดการของกลุ่ม Knightsbridge ฉันมีความยินดีที่จะประกาศให้ทราบถึงการร่วมทุนกับ ETT เพื่อนำโซลูชั่นเทคโนโลยีทางด้านการเงินที่ล้ำสมัยมาสู่เอเชีย มันทำให้ฉันมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้สร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจและบุคคลทั่วภูมิภาคด้วยบริการทางการเงินที่เป็นนวัตกรรมใหม่”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม ettworld.com หรือ knightsbridgelaw.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบนbusinesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20240304917175/en/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53904948/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากต้องการสอบถามข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:

J. Czelusniak
jczelusniak@ettworld.com

ที่มา: Economic Transformation Technologies

 

ผู้นําตลาดด้านสุขภาพผนึกกําลังกัน: The DRIPBaR ซึ่งขับเคลื่อนโดย REVIV

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–5 มีนาคม 2024

การที่ The DRIPBaR ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นแฟรนไชส์เกี่ยวกับการบําบัดด้วย IV ที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ร่วมมือกับ REVIV ผู้นําด้านการบําบัดด้วย IV ระดับโลกนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมดังกล่าว จากความร่วมมือนี้ทำให้เกิดข้อเสนอที่ไม่มีใครเทียบได้ เนื่องจากเป็นการรวมเอาความเชี่ยวชาญพิเศษของยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมที่มีที่ตั้งมากกว่า 200 แห่งใน 6 ทวีป โดยมีแผนเพิ่มที่ตั้งอีกหลายพันแห่งในไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อเร็ว ๆ นี้มีความต้องการการบําบัดด้วย IV เพิ่มขึ้นจึงทำให้เกิดโอกาสมหาศาลแก่บริษัททั่วโลกในการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่และเป็นผู้นำของการบําบัดด้วย IV ในยุคต่อไป

Ben Crosbie, CEO of The DRIPBaR and Sarah Lomas, Founder and CEO of REVIV Global, announce their exciting partnership. (Photo: Business Wire)

Ben Crosbie ซีอีโอของ The DRIPBaR และ Sarah Lomas ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ REVIV Global ประกาศความร่วมมือที่น่าตื่นเต้นของพวกเขา (ภาพ: Business Wire)

ด้วยระบบการวางแผนการขายมูลค่าสูงที่มีแฟรนไชส์มากกว่า 450 แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา The DRIPBaR ตัดสินเข้าร่วมเทคโนโลยี REVIV X ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ REVIV อันเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการจัดหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านโภชนาการเฉพาะบุคคลและที่มีความแม่นยําสำหรับลูกค้าของบริษัท ความร่วมมือนี้ช่วยให้ The DRIPBaR ได้ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาและวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตของ REVIV ที่มีมาตลอดระยะเวลา 10 ปี โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายด้วยการตรวจเลือดและการวิเคราะห์ดีเอ็นเอเพื่อปรับการรักษาด้วย IV ให้สอดคล้องกับตามความต้องการของแต่ละบุคคล The DRIPBaR นั้นจะปฏิวัติภูมิทัศน์ด้านสุขภาพในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยอาศัย REVIV X ซึ่งจะนําเสนอการแก้ไขปัญหาที่มุ่งเน้นไปที่ผู้ป่วยแต่ละคนโดยจะเพิ่มประสิทธิภาพด้านสุขภาพที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทในฐานะผู้นําด้านนวัตกรรม

Ben Crosbie ซีอีโอของ The DRIPBaR ตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้ในการร่วมมือกันในครั้งนี้ โดยยืนยันว่า "การเลือก REVIV เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเรานั้น เรากําลังปลดล็อกความสามารถส่วนบุคคลและความแม่นยําเพื่อการนําเสนอผลิตภัณฑ์ขั้นสูงและประสบการณ์ของลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น ผมมั่นใจว่าการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและความเชี่ยวชาญของ REVIV จะช่วยเร่งให้แฟรนไชส์ของเราเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น รวมถึงทำให้พวกเขานําหน้าบรรทัดฐานของอุตสาหกรรมอีกด้วย การเสนอ REVIV X ควบคู่ไปกับหลักสูตรการฝึกอบรม IV ที่ได้รับการรับรองนั้นจะกำหนดมาตรฐานระดับโลกในความเป็นเลิศสำหรับวงการของเรา และยิ่งผนึกกำลังให้เราสามารถรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ไว้ได้”

Sarah Lomas ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ REVIV Global เน้นย้ำถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของความเป็นหุ้นส่วนนี้ โดยระบุว่า "ทั้ง The DRIPBaR กับ REVIV เน้นย้ำถึงการอุทิศตนร่วมกันเพื่อนวัตกรรมและความปลอดภัยในตลาดของการบําบัดด้วย IV ในฐานะผู้นําในอุตสาหกรรม เรากําลังพลิกโฉมอนาคตด้านสุขภาพด้วยการนําเสนอการแก้ไขปัญหาด้านโภชนาการเฉพาะบุคคลและที่มีความแม่นยําซึ่งจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เราจะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ SaaS ของเราต่อไปเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทั่วโลก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาและการลงทุนที่สำคัญในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นความสำเร็จและการนํา REVIV X ไปใช้”

พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่าง REVIV และ The DRIPBaR ทำให้เกิดช่วงเวลาสำคัญในอุตสาหกรรมการบําบัดด้วย IV และในหลายภาคส่วน โดยการพัฒนาการจัดหาการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับลูกค้าทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริการวมถึงที่อื่น ๆ ในขณะที่ตลาดการบําบัดด้วย IV ยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนดในระดับชั้นนำ REVIV X จึงกลายเป็นทางเลือกสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่สร้างโอกาสทางธุรกิจในหลายรูปแบบที่มีอยู่ในการเข้าถึงนวัตกรรมของ REVIV และการดำรงตำแหน่งบริษัทในระดับแนวหน้าแห่งนวัตกรรมด้านสุขภาพและมาตรฐานอุตสาหกรรม

สำหรับการสอบถามของสื่อ:

REVIV Global: Emma Robertson, erobertson@revivme.com

The DRIPBaR: Marketing@thedripbar.com“>Marketing@thedripbar.com

เกี่ยวกับ REVIV Global

REVIV Global คือผู้เชี่ยวชาญอันดับต้น ๆ ของโลกในด้านการบำบัดด้วย IV ซึ่งเป็นวิธีการให้สารอาหารส่วนบุคคลที่มีความแม่นยำสูง ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในอุตสาหกรรมนี้ พวกเขาช่วยส่งมอบ IV กว่า 2 ล้านเส้นอย่างปลอดภัยใน 40 กว่าประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่สนใจในการดูแลสุขภาพ รวมถึงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและเชิงรุกอีกด้วย REVIV ได้พัฒนาระบบการดูแลสุขภาพที่มีความแม่นยำขั้นสูงเป็นระบบแรกและระบบเดียวที่ดึงข้อมูลด้านชีววิทยาและจีโนมิกส์มาใช้ประโยชน์เพื่อมอบการบำบัดด้วย IV ส่วนบุคคลและมีความแม่นยำสูง REVIV เปิดตัวผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีในช่วงปลายปี 2023 ซึ่งได้ขยายขอบเขตของแบรนด์ไปพร้อม ๆ กับยกระดับการควบคุม ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของการบำบัดด้วย IV ไปทั่วโลก

เกี่ยวกับ The DRIPBaR

The DRIPBaR เป็นผู้บุกเบิกในวงการสุขภาพที่พร้อมที่จะกำหนดภูมิทัศน์ด้านสุขภาพและชีวิตผ่านความก้าวหน้าในการบําบัดด้วยวิทยาศาสตร์ที่ล้ำสมัยและให้ความสำคัญกับความปลอดภัย The DRIPBaR นําเสนอแนวทางการเปลี่ยนแปลงเพื่อสุขภาพของเซลล์และการดูแลเฉพาะบุคคล มุ่งเน้นไปที่การรักษาที่พัฒนาตลอดเวลาและการแพทย์ที่มีความก้าวหน้า The DRIPBaR นำไปสู่ยุคสมัยใหม่แห่งการฟื้นฟู ความมีชีวิตชีวาและการมีสุขภาพที่ดี

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53903816/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ที่มา: REVIV

NIQ เพิ่มศักยภาพให้กับลูกค้าและพันธมิตรด้วยการเปิดตัว Global Media Division

Logo

CHICAGO–(BUSINESS WIRE)–29 กุมภาพันธ์ 2024

NIQ บริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนำของโลก มีความยินดีที่จะประกาศเปิดตัว Media Division ใหม่ ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ที่มีการออกแบบมาเพื่อเสริมมูลค่าที่ผู้ลงโฆษณาจะได้รับจากการดำเนินการด้านการตลาด และช่วยให้พันธมิตรสามารถสนับสนุนลูกค้าผู้ลงโฆษณาของเรา การเคลื่อนไหวครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ NIQ ในการให้บริการลูกค้าพร้อม Full View™ อย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างความสามารถทางการตลาด

หัวหน้าของ Global Media Division คือ Lana Busignani ซึ่งเป็นมืออาชีพที่มีประสบการณ์และมีประวัติที่น่าประทับใจในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ในผลิตภัณฑ์สื่อต่างๆ Lana เคยร่วมงานกับ Quotient Technology Inc. โดยนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมาเป็นผู้นำโครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์นี้ สั่งสมประสบการณ์เป็นเวลาเจ็ดปีจาก Nielsen Media และเริ่มต้นจากการเป็นผู้นำด้าน Marketing Effectiveness ระดับโลก และจากนั้นดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการสื่อต่างประเทศ ด้วยประสบการณ์มากมายด้านการวิจัยตลาด รวมถึงประสบการณ์ 15 ปีจาก IPSOS ในการเป็นผู้นำด้านข่าวกรองการโฆษณาระดับโลก Lana จึงมีคุณสมบัติดีเยี่ยมเหมาะในการขับเคลื่อนความสำเร็จเพื่อ Media Division ของ NIQ

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เปิดตัว Media Division ของเรา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราในการบริการ พร้อม Full View™ แก่ลูกค้าของเรา โดยความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์นี้รวมความสามารถของ NIQ, GfK และ MRI-Simmons เข้าด้วยกัน เพื่อเสริมเพิ่มมูลค่าสำหรับลูกค้า และถือเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตของอุตสาหกรรมที่น่าตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา” Lana Busignani ผู้จัดการทั่วไปของ Global Media ที่ NIQ กล่าว “ด้วยการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งร่วมกันของเรา เรามีการกำหนดแนวทางอนาคตของธุรกิจต่างๆ โดยสามารถตัดสินใจด้วยความรอบรู้ในการลงทุนด้านการตลาดและการดำเนินการ เสริมความแข็งแกร่งให้กับจุดยืนของเราในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรม”

Media Division มุ่งเน้นประเด็นหลักสามประการในอุตสาหกรรม นั่นคือ การกำหนดกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์ การนำเสนอบริการสำหรับกลุ่มลูกค้า และการรับรองด้านประสิทธิภาพ โดยการบูรณาการพลังของ NIQ, GfK และ MRI-Simmons เข้าด้วยกัน

“ด้วยการเปิดตัว Media Division ภายใต้การนำของ Lana เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ใช้บริการต่างๆ ของ NIQ” Susan Dunn ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ NIQ กล่าว “ความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์นี้เป็นการประสานความสามารถของเราเข้าไว้ด้วยกัน โดยนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมแก่ลูกค้า เพื่อใช้ในการตัดสินใจโดยมีข้อมูลสนับสนุนทางการตลาด ประสบการณ์ที่สั่งสมมาและวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของ Lana สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการลูกค้าพร้อม Full View ซึ่งตอกย้ำจุดยืนของ NIQ ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้เพื่อการขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจ”

About NIQ 
NIQ เป็นบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนำของโลก นำเสนอความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และนำเสนอทิศทางการเติบโตใหม่ ในปี 2023 NIQ ได้รวมตัวกับ GfK เพื่อรวบรวมผู้นำด้านอุตสาหกรรมทั้งสองที่สามารถเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบ ด้วยข้อมูลด้านการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมสูงสุด พร้อมนำเสนอการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย NIQ นำเสนอ Full ViewTM

NIQ เป็นบริษัทในเครือของ Advent International ที่มีการดำเนินงานในตลาดกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมประชากรโลกมากกว่า 90% สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NIQ.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media
Gillian Mosher (Gillian.Mosher@NIQ.com)

แหล่งข้อมูล: NIQ

NTT Com เริ่มเปิดจำหน่าย Active Multi-access SIM™ เพื่อรองรับเครือข่ายผู้ให้บริการอุปกรณ์ IoT ที่หลากหลาย

Logo

ผู้ใช้จะต้องซื้อซิมการ์ดของผู้ให้บริการที่สามารถสลับเปลี่ยนได้โดยอัตโนมัติเพียงใบเดียว

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–29 กุมภาพันธ์ 2024

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งเป็นโซลูชัน ICT และธุรกิจการสื่อสารระหว่างประเทศภายในกลุ่ม NTT ประกาศว่า จะเริ่มเปิดจำหน่าย Active Multi-access SIM™1 ซึ่งนำเสนอในการทดลองใช้ตั้งแต่วันที่ 28 เดือนมีนาคม ปี 2023 จากวันที่ 31 เดือนมกราคม โดยซิมการ์ดใหม่และบริการที่เกี่ยวข้องนี้จะช่วยให้อุปกรณ์ IoT ที่หลากหลายสามารถสลับการทำงานระหว่างผู้ให้บริการหลักและผู้ให้บริการย่อยในกรณีที่เครือข่ายล้มเหลว ช่วยให้สามารถใช้งานเครือข่ายต่างๆ ด้วยซิมเดียวโดยอัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเครือข่ายหรือสลับเทอร์มินอลของอุปกรณ์

บริการนี้ให้คุณประโยชน์ที่สำคัญสามประการ โดยเริ่มจากการตรวจจับข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติ และการสลับผู้ให้บริการ โดยทั้งสองบริการนี้อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร หากการสื่อสารล้มเหลว แอพเล็ต3 ในซิมจะตรวจจับข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติ จากนั้น จะสลับไปใช้เครือข่ายของผู้ให้บริการย่อย และกลับไปใช้เครือข่ายของผู้ให้บริการหลักหลังผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่ง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ด้วยตัวเอง หรือไม่ต้องกำหนดการตั้งค่าที่ซับซ้อน

ประโยชน์ประการที่สองคือ การปฏิบัติตามมาตรฐาน European Telecommunications Standards Institute (ETSI) และตามมาตรฐาน 3rd Generation Partnership Project (3GPP) เพื่อความเข้ากันได้กับอุปกรณ์หลากหลายประเภท โดยใช้ชุด SIM Toolkit มาตรฐาน ซึ่งช่วยให้แอพเล็ตของซิมสามารถส่งคำสั่งไปยังอุปกรณ์เหล่านี้ได้

ประโยชน์ข้อที่สามคือ ความสะดวกและความสามารถในการใช้งาน:

  • สัญญาแบบรวมศูนย์ การสนับสนุน เป็นต้น
    ผู้ให้บริการหลักและผู้ให้บริการย่อยนั้นให้บริการโดย NTT Com ซึ่งมีความซับซ้อนน้อยกว่าและสมเหตุสมผลมากกว่าการทำสัญญากับผู้ให้บริการย่อยแยกต่างหาก
  • ต้นทุนที่มีการปรับอย่างเหมาะสม
    ผู้ให้บริการหลักนำเสนอแผนที่หลากหลายตามการใช้งานข้อมูล นอกจากนี้ ยังรองรับการแชร์ความจุและการจัดการการใช้งาน SIM5 เพื่อลดต้นทุนระหว่างการสต็อกสินค้าคงคลังรองรับความต้องการของตลาดและของขาดตลาด
  • การจัดการรายการแบบรวมศูนยผ่านพอร์ทัล/API
    สามารถซื้อซิมการ์ดที่รองรับผู้ให้บริการหลายรายโดยใช้การ์ดใบเดียว และสามารถจัดการการดำเนินการ (การสั่งซื้อ การเปิดใช้งาน การระงับ และการยกเลิก) ได้ผ่านเว็บ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ข้อมูลและสร้างธุรกิจผ่าน Smart Data Platform6
    บริการนี้พร้อมใช้งานบน Smart Data Platform ในรูปแบบ IoT Connect Mobile® Type S เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ข้อมูล บริษัทต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากวงจรที่พร้อมใช้งานสูงเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานการใช้ข้อมูลบนแพลตฟอร์ม บริษัทที่นำเสนอการบริการที่รวมอุปกรณ์ IoT และซิมสำหรับลูกค้าจะสามารถจัดการสัญญาและสิทธิพิเศษของผู้ใช้ผ่านพอร์ทัลได้อย่างสะดวกสบาย

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการใช้งานได้ที่ https://sdpf.ntt.com/services/icms/pricing/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น) หากต้องการเรียนรู้วิธีการสมัคร ผู้ใช้โปรดติดต่อ NTT Com ผ่านแบบฟอร์มสอบถามออนไลน์ หรือติดต่อตัวแทนฝ่ายขายของ NTT Com

หลังจากนี้ NTT Com กำลังวางแผนในการขยายบริการ Active Multi-access SIM™ พร้อมคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การเชื่อมต่อในพื้นที่ปิด

ในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทต่างๆ ได้นำโซลูชัน IoT มาใช้เพื่อการขยายธุรกิจมากขึ้น ความต้องการเครือข่ายที่เชื่อถือได้สูงเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ให้บริการหลากหลาย เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการดังกล่าว NTT Com ได้พัฒนาบริการที่บรรลุความต้องการเครือข่ายในระดับสูงโดยไม่ขึ้นกับอุปกรณ์ IoT โดยมีการนำเสนอแบบทดลองใช้ตั้งแต่วันที่ 28 เดือนมีนาคม ปี 2023 จากการตอบรับจากลูกค้าในช่วงระยะเวลาทดลองใช้ NTT Com ได้มีการปรับปรุงฟังก์ชันต่างๆ และเปิดตัวการบริการแล้วในขณะนี้

ลูกค้ากลุ่มหนึ่งของ NTT Com ให้การรับรองการบริการนี้ ดังต่อไปนี้

CENTURY SYSTEMS Co.,Ltd.
Mr. Susumu Tanaka กรรมการฝ่ายเจ้าหน้าที่ตัวแทน
“บริษัทของเรายินดีต้อนรับ Active Multi-access SIM™ ของ NTT Com เพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ เทคโนโลยีของซิมที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเราเตอร์ LTE และเกตุเวย์ IoT เป็นอย่างมาก โดยให้บริการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้ ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ซิมขั้นสูงนี้จะนำเสนอความเป็นได้ใหม่ๆ โดยเพิ่มความสามารถในการสื่อสารและประสิทธิภาพในส่วน IoT”

Fibocom Wireless Inc.
Mr. Ronald Chan, รองประธานฝ่ายการขายของ APAC
“การเชื่อมต่อเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับการปรับแปลงทางดิจิทัลโดยใช้ประโยชน์จาก IoT และโซลูชันซิมที่เป็นนวัตกรรมของ NTT Com ช่วยปรับปรุงความสามารถในการใช้งานการเชื่อมต่อไร้สาย ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันไร้สายระดับโลก Fibocom มีความมั่นใจว่า เราสามารถให้บริการเชื่อมต่อไร้สายที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพสำหรับลูกค้าของเรา พร้อมโซลูชันที่รวมซิมเข้ากับโมดูลเซลลูล่าของเรา”

MeiLink Co., Ltd
Mr. Turbo Fukazawa ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย
“มีการนำ IoT ไปใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนั้น เราคิดว่า จะมีความต้องการในการสร้างการสื่อสารที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เราหวังว่า Active Multi-access SIM™ ที่ NTT Com ให้บริการจะเป็นโซลูชันสำหรับปัญหานี้และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดต่อไป”

สำหรับการสื่อสารข้อมูลเท่านั้น (แต่ไม่มีบริการเสียงหรือ SMS) บริษัทที่กำลังมองหาผู้ให้บริการที่หลากหลายซึ่งรวมบริการเสียงสำหรับสมาร์ทโฟน เป็นต้น ควรพิจารณาบริการย่อย
2 นอกเหนือจากสายบริการล้มเหลว รวมถึงเงื่อนไขที่ทำให้การสื่อสารข้อมูลเป็นไปไม่ได้ เช่น อยู่นอกขอบเขตครอบคลุม เป็นต้น
โปรแกรมขนาดเล็กที่เขียนด้วยภาษา Java และรวมเข้ากับแอปพลิเคชันอื่นเพื่อการดำเนินการ
4 สามารถเข้าไปที่ Smart Data Platform Knowledge Center(เฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น) สำหรับอุปกรณืที่ผ่านการทดสอบความเข้ากันได้ (โดยจะมีการอัปเดตเป็นระยะ) เราขอแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบความเข้ากันได้กับบริการนี้ตามแต่ละอุปกรณ์ โปรดติดต่อ NTT Com เพื่อขอรับซิมชั่วคราวเพื่อยืนยันความเข้ากันได้
การจัดการสถานะสายเครือข่าย เช่น การเปิด การระงับ การดำเนินการต่อ และการยกเลิก
6 Smart Data Platform ช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถเสริมการปรับแปลงดิจิทัลด้วยฟังก์ชันครบวงจรสำหรับการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บ การจัดการ และการวิเคราะห์ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน โปรดไปที่ https://www.ntt.com/business/sdpf/
7 บริการสื่อสารเคลื่อนที่ IoT พร้อมให้บริการในญี่ปุ่นและทั่วโลกที่ใช้ eSIMs และโครงสร้างพื้นฐาน MVNO เต็มรูปแบบ

"IoT Connect Mobile® " เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ NTT Communications
"Active Multi-access SIM™ " เป็นเครื่องหมายการค้าของ NTT Communications

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับลูกค้า
5G & IoT Service Department IoT Service Division
Platform Services Division
NTT Communications Corporation
อีเมล: m2m-sales-dps@ml.ntt.com

สำหรับสื่อ
Public Relations Office
NTT Communications Corporation
อีเมล: pr-cp@ntt.com

แหล่งข้อมูล: NTT Communications Corporation

ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพการประชุมสัมมนาเพื่อส่งเสริมการเติบโตและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูเครน

Logo

เจ้าหน้าที่ภาคส่วนรัฐบาลและตัวแทนภาคธุรกิจสามร้อยคนรวมตัวกันเพื่อแสดงการสนับสนุนการฟื้นตัวของยูเครนจากญี่ปุ่น

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–29 กุมภาพันธ์ 2024

วันที่ 19 เดือนกุมภาพันธ์ ตัวแทนภาคส่วนรัฐบาลญี่ปุ่นและยูเครน รวมถึงองค์กรธุรกิจต่างๆ รวมตัวกันที่โตเกียวเพื่อเข้าร่วมการประชุมสัมมนาญี่ปุ่น-ยูเครน เพื่อส่งเสริมการเติบโตและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

Prime Minister Kishida Fumio emphasized how Japan can contribute to Ukraine’s post-war reconstruction. (Photo by: Cabinet Public Affairs Office)

นายกรัฐมนตรี Kishida Fumio เน้นย้ำเกี่ยวกับญี่ปุ่นจะสามารถมีส่วนร่วมในการฟื้นตัวหลังสงครามของยูเครนได้อย่างไร (ภาพถ่ายโดย: Cabinet Public Affairs Office)

คณะผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่น นำโดย Kishida Fumio นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ให้คำมั่นว่า จะให้การสนับสนุนการฟื้นตัวของยูเครนในระยะยาวผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน คณะผู้แทนยูเครน นำโดย Denys Shmyhal นายกรัฐมนตรียูเครน กล่าวขอบคุณญี่ปุ่นสำหรับความช่วยเหลือ และเรียนเชิญภาคส่วนธุรกิจของญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเพื่อการฟื้นตัวของยูเครน คณะผู้แทนแต่ละคณะประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ภาครัฐและองค์กรมากกว่า 100 คน มีผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งหมดประมาณ 300 คนและบริษัท 130 แห่ง รัฐบาลทั้งสองเห็นพ้องในการร่วมกันในเจ็ดประเด็นหลัก ได้แก่ การดำเนินการปรับพื้นที่กับระเบิดและการกำจัดขยะ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการฟื้นฟูวิถีชีวิต การพัฒนาด้านการเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีดิจิทัลและสารสนเทศ โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและพลังงาน และมาตรการต่อต้านการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล

ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ นายกรัฐมนตรี Kishida กล่าวถึงการสนับสนุนการฟื้นตัวของยูเครนจากสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ว่า เป็น "การลงทุนเพื่ออนาคต" และเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศมีส่วนร่วม “ภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นจะทำงานร่วมกันผ่านแนวทางแบบญี่ปุ่น โดยใช้ความรู้ที่ได้รับจากความพยายามในการฟื้นฟูหลังสงครามและภัยพิบัติของญี่ปุ่น” เขากล่าวในสุนทรพจน์ของเขา “การส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนในญี่ปุ่นและทั่วโลกด้วยเช่นกัน” มีการร่างโครงการริเริ่มใหม่สำหรับภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นเพื่อการสนับสนุนยูเครน Kishida ยังประกาศอีกด้วยว่า ญี่ปุ่นจะผ่อนปรนข้อกำหนดวีซ่าเข้าประเทศสำหรับพลเมืองยูเครนที่เกี่ยวข้องกับโครงการความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น-ยูเครน

นายกรัฐมนตรี Shmyhal กล่าวขอบคุณญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง และขอบคุณนายกรัฐมนตรี Kishida สำหรับการเยือนยูเครนในปี 2023 เขากล่าวเสริมว่า “การประชุมสัมมนาในวันนี้จะเป็นก้าวต่อไปในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างต่อเนื่อง” Shmyhal กล่าวถึงความสำเร็จทางการเงินของบริษัทญี่ปุ่นในยูเครนจนถึงขณะนี้ และมีการเชิญชวนภาคส่วนธุรกิจต่างๆ ให้เข้ามาลงทุนใน “ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของยูเครน” ที่จะมีขึ้น เขายังเน้นย้ำภาคส่วนหลักต่างๆ เช่น พลังงาน การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นการนำเสนอโอกาสในการลงทุนที่สำคัญ และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ผู้นำทั้งสองเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในความร่วมมือกันตลอดจนความสำคัญของภาคเอกชนในการฟื้นตัวของยูเครน

การประชุมสัมมนาดังกล่าวส่งผลให้มีการประกาศเอกสาร 56 ฉบับ รวมถึงข้อตกลงระหว่างรัฐบาล โดยรัฐบาลทั้งสองมีการลงนามในอนุสัญญาการจัดการเก็บภาษีซ้ำซ้อน โดยจะสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นในยูเครน ยังได้ลงนามในข้อตกลงด้านการให้สินเชื่อทวิภาคี แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูฉุกเฉิน และให้คำมั่นว่า จะร่วมมือกันด้านการศึกษาและเทคโนโลยี

เอกสารอื่นๆ ได้แก่ ข้อตกลงระหว่างหน่วยงานรัฐบาลและภาคส่วนธุรกิจแต่ละรายและองค์กรธุรกิจ บริษัทญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงกับบริษัทยูเครนและหน่วยงานรัฐบาลเพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงาน สร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ กำจัดกับระเบิด และอื่นๆ อีกมากมาย

นับตั้งแต่การรุกรานของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและความช่วยเหลือด้านอื่นๆ แก่ยูเครนมาโดยตลอด โดยการประกาศความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการประชุมสัมมนาครั้งนี้ ญี่ปุ่นวางแผนที่จะใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีและประสบการณ์ในการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนเพื่อการฟื้นตัวสำหรับยูเครน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53903285/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Ministry of Foreign Affairs
+81-(0)3-3580-3311

แหล่งข้อมูล: Ministry of Foreign Affairs of Japan


The Bangkok Reporter