ปฏิวัติข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดจำหน่าย: NielsenIQ (NIQ) เปิดตัวข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายทั่วโลกขั้นสูงบนแพลตฟอร์มข้อมูลตลาด gfknewron®

Logo

ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายขั้นสูงของ NIQ พร้อมให้บริการแล้วบน gfknewron ®

แพลตฟอร์มแบบบูรณาการที่นำเสนอข้อมูลการจัดจำหน่าย การค้าปลีก และตลาดตัวแทนจำหน่าย ควบคู่ไปกับข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคและความสามารถในการคาดการณ์

นูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี–(BUSINESS WIRE)–07 เมษายน 2025

NielsenIQ (NIQ) บริษัทชั้นนำด้านการวิเคราะห์ตลาด ประกาศเปิดตัวห่วงโซ่อุปทาน gfknewron® ทั่วโลกในวันนี้ โดยใช้แพลตฟอร์ม gfknewron® ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย ในการใช้งานครั้งแรก แพลตฟอร์มที่ใช้งาน AI ตลอดเวลาและใช้งานง่ายจะนำเสนอข้อมูลการขายของผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก ที่จะช่วยให้ลูกค้าด้านเทคโนโลยีและสินค้าคงทนสามารถจัดการธุรกิจการจัดจำหน่ายและช่องทางการจัดจำหน่ายได้ โดยเครื่องมือนี้จะช่วยให้ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ซัพพลายเออร์ และช่องทางจำหน่ายสามารถรับมือกับความซับซ้อนในการจัดการห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกแบบครบวงจรได้ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมในเพียงไม่กี่คลิก

“ปัจจุบันลูกค้าและพันธมิตรของเราสามารถกำหนดทิศทางห่วงโซ่อุปทานและช่องทางการจัดจำหน่ายได้อย่างแม่นยำ ด้วยการผสานรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายทั่วโลกเข้ากับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาด ณ จุดขาย ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค และความสามารถในการคาดการณ์ที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มของเรา โดยเรากำลังก้าวไปอีกขั้นในการช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรของเราประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น” กล่าวโดย Tatjana Wismeth หัวหน้าฝ่ายการจัดจำหน่ายและการวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานของ NIQ โดย Tatjana กล่าวเสริมอีกว่า “NIQ สามารถนำชุดข้อมูลที่ซับซ้อนเหล่านี้มาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ทำให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายและห่วงโซ่อุปทานก้าวไปสู่อีกระดับ”

ห่วงโซ่อุปทาน gfknewron® จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกแก่ผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนและผู้ใช้รายอื่นๆ เพื่อทราบข้อมูลตลาดการขายโดยอิงจากข้อมูลยอดขายของผู้จัดจำหน่ายจากผู้จัดจำหน่ายประมาณ 300 รายในตลาดทั่วโลกกว่า 45 แห่ง โดยข้อมูลจะได้รับการอัปเดตทุกสัปดาห์สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ 200 กลุ่มครอบคลุมทั้งกลุ่มไอที อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค สำนักงาน โทรคมนาคม และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดเล็ก โดยผู้ใช้จะได้รับมุมมองที่ไม่มีใครเทียบได้เกี่ยวกับตลาดการจัดจำหน่ายจากช่องทางการขายส่วนบุคคล 24 ช่องทาง

NIQ ได้ร่วมมือกับ Global Technology Distribution Council (GTDC) และสมาชิก เพื่อให้เห็นภาพรวมของตลาดได้อย่างครอบคลุม “GTDC เป็นพันธมิตรที่ภาคภูมิใจของ NIQ และสมาชิกของเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีส่วนสนับสนุนความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เนื่องจากเครื่องมือนี้สามารถช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายได้อย่างแท้จริง โดยเครื่องมือนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการขายของผู้จัดจำหน่ายได้อย่างง่ายดายและมีความยืดหยุ่นสูงในทุกตลาด ผู้จัดจำหน่ายและผู้ขายของเราต่างตั้งตารอที่จะแนะนำให้ทีมงานใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดการขาย” Peter van den Berg ผู้จัดการทั่วไปของ GTDC EMEA กล่าว

เครื่องมือนี้จะช่วยให้เข้าถึงและสลับไปมาระหว่างโมดูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจปัจจัยการเติบโตในตลาดการจัดจำหน่าย ไดนามิกของแบรนด์และช่องทางการขาย การพัฒนาราคา ตลอดจนการระบุสินค้าขายดีในระดับ SKU เดียวได้ทันท่วงที ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสามารถกำหนดช่องทางและการจัดการการขายได้ รวมถึงปรับราคาให้เหมาะสมในตลาดการจัดจำหน่ายได้ ด้วยขอบเขตทางภูมิศาสตร์ของ NIQ ทำให้ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายได้รับประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายทั่วโลกที่ครอบคลุมในทุกตลาด โดยเครื่องมือนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการทำงานร่วมกัน เนื่องจากสามารถรวมและแบ่งปันข้อมูลการวิเคราะห์ระหว่างทีมต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อใช้ข้อมูล ณ จุดขายและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคร่วมกัน ทำให้สามารถตัดสินใจทางการตลาดได้อย่างลึกซึ้ง โดยโมดูลการคาดการณ์ข้อมูล ณ จุดขายของ NIQ จะช่วยเสริมมุมมองของผู้ใช้โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความคาดหวังของตลาดในอนาคต

เครื่องมือแรกนี้จะเปิดตัวในวันนี้ วันที่ 7 เมษายน หากต้องการรับชมการสาธิตเครื่องมือแบบสด ข้อมูลเพิ่มเติม และรายละเอียดการติดต่อ โปรดคลิกที่นี่: https://nielseniq.com/global/en/products/gfknewron-supply-chain-for-manufacturers.

เกี่ยวกับ gfknewron®

gfknewron เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อตลอดเวลาที่รวมข้อมูลตลาด ผู้บริโภค และแบรนด์เข้าด้วยกันพร้อมคำแนะนำที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่จะช่วยให้บริษัทต่างๆ ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปดำเนินการได้และเชื่อมโยงกัน และสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วเพื่อจุดประกายการเติบโตอย่างยั่งยืน แพลตฟอร์มนี้มีโมดูลเฉพาะสามโมดูล ได้แก่ “gfknewron Market” สำหรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดและคู่แข่ง “gfknewron Consumer” สำหรับความเข้าใจผู้บริโภคในเชิงลึก และ “gfknewron Predict” ที่ให้คำแนะนำสำหรับบริษัทต่างๆ โดยอิงจากข้อมูลตลาดและ AI

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคที่ให้คุณได้เข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคโดยครบถ้วนรอบด้านที่สุดและเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต โดย NIQ ร่วมมือกับ GfK ในปี 2023 ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้นำอุตสาหกรรมสองรายที่มีขอบเขตการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ การเข้าถึงทั่วโลกของเรากว้างไกลไปถึงกว่า 90 ประเทศ ครอบคลุมประชากรประมาณ 85% ของประชากรโลก และข้อมูลค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลกรวมกว่า 7.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งนำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย ทำให้ ​​NIQ ส่งมอบบริการแบบ Full View™ ได้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.niq.com.

© 2025 Nielsen Consumer LLC. สงวนลิขสิทธิ์

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

Hytera ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการสื่อสารระดับมืออาชีพอย่างเป็นทางการสำหรับ China Pavilion ที่งาน Osaka World Expo

Logo

โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น –(BUSINESS WIRE)–01 เมษายน 2025

Hytera Communications (SZSE: 002583) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการสื่อสารระดับมืออาชีพอย่างเป็นทางการสำหรับ China Pavilion ในงาน Osaka World Expo ที่จะถึงนี้

Hytera Named Official Professional Communications Technology Provider for China Pavilion at Osaka World Expo

Hytera ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการสื่อสารระดับมืออาชีพอย่างเป็นทางการสำหรับ China Pavilion ที่งาน Osaka World Expo

Hytera ได้จัดหาโซลูชันการสื่อสารและการทำงานร่วมกันแบบทันทีล่าสุดให้แก่คณะกรรมการจัดงานของ China Pavilion โดยได้รับการสนับสนุนจาก General Trading Japan Co., Ltd. ซึ่งเป็นพันธมิตรในพื้นที่ของ Hytera ทีมงานของ Pavilion กำลังใช้ระบบ Hytera HyTalk PoC ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งที่นำเสนอฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การโทรแบบส่วนตัวและแบบกลุ่ม การระบุตำแหน่งด้วย GPS และการสื่อสารแบบเข้ารหัสแบบครบวงจร นอกจากนี้ Hytera ยังให้การสนับสนุนทางเทคนิคที่ครอบคลุมเพื่อให้แน่ใจว่าการประสานงานกิจกรรมของ Pavilion ตลอดทั้งงาน Expo จะราบรื่นแบบเรียลไทม์

China Pavilion ซึ่งเป็นหนึ่งในศาลาแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในงาน Osaka World Expo คาดว่าจะต้อนรับผู้เข้าชมงานจำนวนมากจากจำนวนที่คาดการณ์ไว้ 28 ล้านคน วิทยุสื่อสาร POC และระบบขั้นสูงของ Hytera จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนทีมงานที่รับผิดชอบในการดำเนินการงาน การแสดงทางวัฒนธรรม นิทรรศการ ความปลอดภัย และการให้บริการแขก ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าการสื่อสารจะรวดเร็ว เชื่อถือได้ และประสานงานกันได้ดี

ตั้งแต่ปี 2005 Hytera ได้ส่งมอบโซลูชันวิทยุสองทางขั้นสูงให้กับผู้ใช้ในอุตสาหกรรมเป็นวงกว้างในตลาดญี่ปุ่น รวมถึงภาคส่วนต่างๆ ที่ต้องการการรับรองความปลอดภัยภายใน (IS) ที่เข้มงวด

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สนับสนุน China Pavilion ในงาน Osaka World Expo ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของ Hytera งานนี้เป็นเวทีระดับโลกสำหรับนวัตกรรมและความร่วมมือ ซึ่งถือเป็นคุณค่าที่สอดคล้องกับภารกิจของเราในตลาด เรามุ่งหวังที่จะกระชับความร่วมมือกับธุรกิจในท้องถิ่นและผู้ใช้ปลายทางให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของโซลูชันของเรา” กล่าวโดย Ning Ma ผู้อำนวยการฝ่ายขายของ Hytera Eastern Asia

การปรากฏตัวของ Hytera ในงาน Osaka World Expo ถือเป็นการสานต่อมรดกแห่งการสนับสนุนงานระดับนานาชาติที่สำคัญ ก่อนหน้านี้ Hytera เคยให้บริการโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพสำหรับศาลาที่งาน Astana World Expo ในปี 2017 และงาน Dubai World Expo ในปี 2021 และ 2022 มาแล้ว ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการเชื่อมต่ออย่างราบรื่นในงานระดับโลกขนาดใหญ่

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เราจึงสามารถมอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัย และหลากหลายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ทางธุรกิจและผู้ใช้งานที่มีความสำคัญต่อภารกิจ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุผลสำเร็จมากขึ้นทั้งในการดำเนินงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.hytera.com/en/home.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250331774330/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

lele.yao@hytera.com

ที่มา: Hytera Communications

NIQ เปิดเผยรายงานแนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคประจำปี 2025: ยอดขายทั่วโลกจะแตะ 1.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Logo

มุ่งเน้นไปในส่วนที่มีการเติบโตที่ประกอบด้วยความบันเทิงและการเล่นเกมในบ้าน สมาร์ทโฟน เทคโนโลยีด้านสุขภาพ และเทคโนโลยีในสถานที่ทำงาน

  •  การเติบโตของมูลค่าทั่วโลกจะนำโดยตลาดเกิดใหม่ รวมถึงการเติบโต +5% ที่คาดการณ์ไว้สำหรับจีน
  •  AI มีศักยภาพที่จะขับเคลื่อนการเพิ่มคุณภาพระดับพรีเมียม แต่ต้องเน้นในการสร้างความตระหนักรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ที่ “มองเห็นได้” ให้มากขึ้น
  •  ผู้บริโภคยังคงใช้จ่ายได้ตามวัตถุประสงค์

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–02 เมษายน 2025

NielsenIQ (NIQ) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ผู้บริโภคชั้นนำ ได้เปิดตัวรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภคประจำปี 2025 ในวันนี้ โดยคาดการณ์ว่ายอดขายสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนสำหรับผู้บริโภคทั่วโลกจะสูงถึง 1.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดเกิดใหม่ ที่มาทำการเปลี่ยนทดแทน และนวัตกรรมระดับพรีเมียมในปีหน้า

“ในการเติบโตในปี 2025 และในปีต่อๆ ไป ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกจะต้องใช้คุณค่าด้านนวัตกรรมที่แท้จริงเป็นตัวนำที่สะท้อนถึงวัตถุประสงค์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน” กล่าวโดย Julian Baldwin ประธานระดับโลกฝ่าย Tech & Durables ของ NIQ “โอกาสจะตกอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ พร้อมช่วยพัฒนาประสบการณ์ในแต่ละวัน และให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างชัดเจน การเพิ่มคุณภาพระดับพรีเมียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่าน AI จะถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโต แต่ต้องใช้งานง่าย เข้าถึงได้ และมีประโยชน์ที่ชัดเจนเท่านั้น”

 แนวโน้มเทคโนโลยียอดนิยมปี 2025:

  •  ความบันเทิงและการเล่นเกมในบ้าน: ชัยชนะที่สัมผัสได้อย่างเต็มอารมณ์  พร้อมความสำคัญของจังหวะเวลา
  1. การอัปเกรดทีวีจะล่าช้าไปจนถึงปี 2026 โดยนวัตกรรมและการเปลี่ยนทีวีที่เสียจะเป็นปัจจัยสำคัญในปี 2025
  2. ความต้องการทีวีขนาด 70 นิ้วขึ้นไปพุ่งสูงขึ้น 25% ในปี 2024 ซึ่งถือเป็นแรงผลักดันต่อเนื่องในการสร้างประสบการณ์ภายในบ้านที่ดื่มด่ำ
  3. พีซีสำหรับเล่นเกมกำลังเข้าสู่รอบในการเปลี่ยนทดแทน โดยการซื้อจากช่วงล็อกดาวน์ ดังนั้นปี 2025  เป็นปีที่จำเป็นต้องได้รับการอัปเกรด
  4. กลุ่มผลิตภัณฑ์เสียงเติบโตขึ้น 3% ทั่วโลก โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการในตลาดเกิดใหม่ ควบคู่ไปกับความนิยมของหูฟังแบบคาดศีรษะไร้สาย รวมถึงหูฟังแบบเปิดหู
     
  •  สมาร์ทโฟน: การเพิ่มคุณภาพระดับพรีเมียมอย่างมีความหมาย
  1. ผู้บริโภคส่วนใหญ่ (71%) ใช้สมาร์ทโฟนนานกว่า 3 ปีขึ้นไป ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 52% ในปี 2020
  2. ยอดขายสมาร์ทโฟนราคา > 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป เพิ่มขึ้น 6% ขณะที่ความต้องการโทรศัพท์ราคาถูกลดลง 1%
  3. AI ยังคงเป็นตัวแยกความแตกต่างที่แฝงอยู่ ผู้ซื้อทั่วโลกเพียง 7.8% เท่านั้นที่ระบุว่า AI เป็นตัวกระตุ้นการซื้อ แม้ว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายปี (จาก 6% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2024)
  4. ยอดขายเครื่องสำรองไฟฟ้าเติบโตขึ้น 7% โดยส่วนใหญ่ขับเคลื่อนจากความต้องการในยุโรป
     
  •  เทคโนโลยีด้านสุขภาพ: ผู้ที่ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมและมีศักยภาพในระดับพรีเมียม
  1. อุปกรณ์สวมใส่มีการเติบโต 4% ในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตเร็วขึ้นในปี 2025
  2. ฟีเจอร์การพยากรณ์สุขภาพเชิงคาดการณ์และการปรับแต่งส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะเป็นแรงผลักดันการเติบโตสำหรับอุปกรณ์พรีเมียมในหมวดหมู่นี้
  •  เทคโนโลยีพื้นที่ทำงาน : ถึงเวลาในการเปลี่ยนทดแทน
  1. กำลังมีการเปลี่ยนพีซี/แล็ปท็อปใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อของเพื่อรับมือกับโรคระบาดในปี 2020
  2. ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับหน่วยความจำ (55%) ระบบปฏิบัติการ (50%) และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ (49%) เมื่อทำการอัปเกรด
  3. ยอดขายแล็ปท็อปในวัน Black Friday ปี 2024 เติบโตขึ้น 173% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในตลาดสำคัญ เช่น บราซิล, เช็ก, กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป EU5, ฮังการี, เนเธอร์แลนด์ และตุรกี
  •  กิจกรรมส่งเสริมการขาย: ข้อเสนอพิเศษเป็นตัวขับเคลื่อนการซื้อเทคโนโลยีต่างๆ
  1. เหตุการณ์ที่มีความสำคัญ: ยอดขายด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 33% ในปี 2024 ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างมี 7 โปรโมชันสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นจาก 29% ในปี 2021
  2. คาดการณ์ว่านักช้อปในปี 2025 จะวางแผนซื้อตามข้อเสนอสุดพิเศษตามฤดูกาลมากกว่าที่เคย
  •  แนวโน้มระดับภูมิภาค: ตลาดเกิดใหม่จะเป็นผู้นำในการเติบโต
  1. จีน (+5%) และเอเชียเกิดใหม่ (+4%) จะเป็นผู้นำการเติบโตของโลก รองลงมาคือตะวันออกกลางและแอฟริกา และอเมริกาเหนือ

เหตุใดแนวโน้มเหล่านี้จึงมีความสำคัญในปี 2025

รายงานแนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคของ NIQ ในปี 2025 จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีแผนงานเชิงรุกในการปลดล็อกการเติบโตในหมวดหมู่ต่างๆ กำหนดเป้าหมายส่วนบุคคลที่มีวิวัฒนาการ และเพิ่มรายได้ผ่านนวัตกรรมที่รองรับด้วยข้อมูลได้

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มเพื่อสำรวจส่วนที่น่าสนใจที่สุดและสิ่งสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคที่ให้คุณได้เข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคโดยครบถ้วนรอบด้านที่สุดและเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต โดย NIQ ร่วมมือกับ GfK ในปี 2023 ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้นำอุตสาหกรรมสองรายที่มีขอบเขตการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ การเข้าถึงทั่วโลกของเรากว้างไกลไปถึงกว่า 90 ประเทศ ครอบคลุมประชากรประมาณ 85% ของประชากรโลก และข้อมูลค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลกรวมกว่า 7.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งนำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย ทำให้ ​​NIQ ส่งมอบบริการแบบ Full View™ ได้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.niq.com

© 2025 Nielsen Consumer LLC. สงวนลิขสิทธิ์

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ: Sweta Patra (sweta.patra@nielseniq.com)

ที่มา: NielsenIQ

Street Fighter 6 และ Kunitsu-Gami: Path of the Goddess ของ Capcom ที่กำลังจะมาบน Nintendo Switch 2 ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้!

Logo

– เปิดตัวพร้อมกับฮาร์ดแวร์ใหม่ตามกลยุทธ์มัลติแพลตฟอร์มของ Capcom –

โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–03 เมษายน 2025

Capcom Co., Ltd. (TOKYO:9697) ประกาศวันนี้ว่า Street Fighter 6 และ Kunitsu-Gami: Path of the Goddess บน Nintendo SwitchTM 2 ที่เป็นฮาร์ดแวร์ใหม่ล่าสุดของ Nintendo Co., Ltd. จะวางจำหน่ายพร้อมกันในวันที่ 5 มิถุนายนนี้

Street Fighter 6 is coming to Nintendo Switch 2 on June 5th!

Street Fighter 6 กำลังจะมาบน Nintendo Switch 2 ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้!

Street Fighter 6 เป็นเกมต่อสู้รุ่นใหม่ที่ผู้เล่นหลากหลายประเภทสามารถเพลิดเพลินได้ โดยมีตัวเลือกแบบอินพุตคอนโทรลเลอร์ที่เหมาะกับทั้งผู้เล่นมือใหม่และผู้เล่นที่มีประสบการณ์ รวมถึงการตั้งค่าการเข้าถึงเสียงที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อเสริมประสบการณ์ในการเล่นเกม นอกจากนี้ ยังมีการจัดการแข่งขันอีสปอร์ตอย่างเป็นทางการ อาทิ Capcom Pro Tour และ Street Fighter League ที่ทำให้เกมนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยซีรีส์นี้มียอดขายรวมเกินกว่า 56 ล้านชุดแล้ว*1Nintendo Switch 2 มีโหมดและฟีเจอร์เฉพาะ เช่น โหมดใหม่ที่ใช้ฟังก์ชันไจโรของ Joy-Con รวมถึงโหมดต่อสู้แบบโลคัลที่ให้ผู้เล่นสนุกกับการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นได้ทุกที่ทุกเวลากับทุกๆ คน

Kunitsu-Gami: Path of the Goddess เป็นเกมเล่นคนเดียวที่มีเอกลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Kagura (คากุระ)*2เกมแนววางแผนแอ็กชัน โดยเกมมีฉากหลังเป็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรก โดยผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นตัวละครเอกชื่อ Soh ในตอนกลางวัน ผู้เล่นจะต้องชำระล้างหมู่บ้านและเตรียมตัวสำหรับพระอาทิตย์ตกดิน โดยในตอนกลางคืน ผู้เล่นจะต้องปกป้องเหญิงสาวจากกองทัพของ Seethe เกมดังกล่าวได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเกมมากมายและได้รับคำชมเชยจากสื่อ รวมถึงแฟนๆ ทั้งในและต่างประเทศถึงความคิดสร้างสรรค์และฝีมือชั้นยอด โดยในเวอร์ชันนี้รองรับการควบคุมด้วยเมาส์ ช่วยให้ผู้เล่นเพลิดเพลินไปกับการควบคุมที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น และยังเพิ่มเนื้อหาเพิ่มเติมอย่าง Otherworldly Venture ที่ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับแอ็กชันและกลยุทธ์จากมุมมองใหม่ๆ

Capcom ยังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้ทุกคนโดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการพัฒนาเกมชั้นนำของอุตสาหกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่น่าสนุกสนานอย่างยิ่ง

*1 ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024
*2 คำว่า “Kagura (คากุระ)” หมายถึงการเต้นรำในพิธีกรรมตามประเพณีญี่ปุ่น

เกี่ยวกับ CAPCOM
Capcom เป็นผู้พัฒนา ผู้จัดพิมพ์ และผู้จัดจำหน่ายเกมความบันเทิงแบบโต้ตอบชั้นนำระดับโลกสำหรับคอนโซลเกม พีซี อุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์ไร้สาย บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1983 โดยสร้างเกมมาแล้วหลายร้อยเกม รวมถึงแฟรนไชส์ที่ก้าวล้ำอย่าง Resident Evil™, Monster Hunter™, Street Fighter™, Mega Man™, Devil May Cry™ และ Ace Attorney™ Capcom มีการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และโตเกียว โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Capcom ได้ที่ https://www.capcom.co.jp/ir/english/  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250403987850/en

Contacts

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ของ Capcom
+81-6-6920-3623

ที่มา: Capcom Co., Ltd.


Lone Star Funds ประกาศขาย Tokyo β ที่เป็นพอร์ตโฟลิโออสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าในประเทศญี่ปุ่น

Logo

ดัลลาส & นิวยอร์ก & ลอนดอน & โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–02 เมษายน 2025

Lone Star Funds (“Lone Star”) ประกาศวันนี้ว่าบริษัทในเครือของ Lone Star Real Estate Fund VI, L.P. ได้ดำเนินการขาย Tokyo β (“Tokyo Beta”) ซึ่งเป็นสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียวสำเร็จแล้ว

Tokyo Beta ก่อตั้งโดย Lone Star หลังจากเข้าซื้อสินเชื่อด้อยคุณภาพในญี่ปุ่นสำเร็จกว่าหนึ่งพันรายการระหว่างต้นปี 2020 ถึงปลายปี 2022 หลังจากการซื้อกิจการ Lone Star ได้ปรับโครงสร้างการจัดการแชร์เฮ้าส์เกือบ 1,200 ห้องจากผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์รายบุคคลมากกว่า 200 ราย เพื่อปรับกระบวนการทำงานบนแพลตฟอร์มเดียวที่ประสานงานกันสำหรับหน่วยเช่าราคาไม่แพงที่ออกแบบและใช้งานโดยคนทำงานรุ่นใหม่และนักศึกษา

ปัจจุบัน จำนวนห้องให้เช่าทั้งหมดในพอร์ตโฟลิโอ Tokyo Beta ที่รีแบรนด์แล้วมีมากกว่า 16,000 ห้อง ซึ่งประกอบด้วยสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว บริการใหม่ที่เปิดตัวเมื่อไม่นานนี้ ได้แก่ แอปให้เช่าบนสมาร์ทโฟน การเช็คอินและเช็คเอาท์ที่ง่ายขึ้น สาธารณูปโภคและอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อการเดินทาง ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อดึงดูดผู้เช่ารุ่นใหม่ในภูมิภาค

“การประกาศในวันนี้เป็นผลจากการทำงานหลายปีในการปรับโครงสร้างและฟื้นฟูพอร์ตโฟลิโอนี้ให้ประสบความสำเร็จ เพื่อทำให้ที่นี่กลายเป็นชุมชนการเช่าที่น่าดึงดูดใจที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว” กล่าวโดย Jérôme Foulon หัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ระดับโลกของ Lone Star

“พอร์ตโฟลิโอนี้ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความเต็มใจและความสามารถของ Lone Star ในการพัฒนาธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มดี โดยไม่เพียงแต่ให้บริการแก่ผู้ลงทุนของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับการปรับปรุง” Mitsuo Matsunaga หัวหน้า Lone Star ในญี่ปุ่นกล่าวเสริม

แพลตฟอร์มการลงทุนของ Lone Star ในญี่ปุ่นได้ลงทุนอย่างแข็งขันในประเทศมาเป็นเวลากว่า 28 ปี ในช่วงเวลาดังกล่าว Lone Star ได้ทุ่มทุน 9.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อสินทรัพย์ในภูมิภาคจากการลงทุนเกือบ 90 ครั้ง ทำให้ Lone Star เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่กระตือรือร้นที่สุดในภูมิภาค

เกี่ยวกับ Lone Star

Lone Star เป็นบริษัทไพรเวทอิควิตี้ชั้นนำที่ให้คำปรึกษาแก่กองทุนที่ลงทุนในหุ้นของบริษัท สินเชื่อ อสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ ทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนแรกในปี 1995 บริษัท Lone Star ได้จัดตั้งกองทุนไพรเวทอิควิตี้ 25 กองทุน โดยมีเงินทุนรวมประมาณ 95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทจัดกองทุนเป็น 3 ชุด ได้แก่ ชุด Opportunity Fund ชุด Commercial Real Estate Fund และชุด U.S. Residential Mortgage Fund โดย Lone Star ลงทุนในนามของหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งรวมถึงนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งของรัฐ รวมถึงมูลนิธิและเงินบริจาคที่สนับสนุนการวิจัยทางการแพทย์ การศึกษาระดับสูง และสาเหตุการกุศลอื่นๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Lone Star Funds โปรดไปที่ www.lonestarfunds.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

mediarelations@lonestarfunds.com

ที่มา: Lone Star Funds

“Timee presents LANDCON” — บัตรสตรีมมิ่งระหว่างประเทศวางจำหน่ายแล้วบน ZAIKO!

Logo

เพิ่มการแสดงสดของศิลปินหน้าใหม่: May J., Noa Sato, KCM และ HAJIN!

เปิดการแสดงด้วย Rain Tree และ Vivid Tokyo! รวมถึงมี Ayumi Ichihara (≒JOY) ที่ยืนยันว่าจะมาร่วมงานด้วย!

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–02 เมษายน 2025

ZAIKO Inc. เปิดให้ซื้อบัตรสตรีมมิ่งระหว่างประเทศของงานอีเวนต์ “Timee presents LANDCON” ที่จัดโดย LAND Inc.

Timee presents LANDCON

Timee presents LANDCON

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ LANDCON เทศกาลวัฒนธรรมสำหรับคนรุ่น Gen Z ผ่านการสตรีมสดทั่วโลกผ่าน ZAIKO! LANDCON เป็นการผสมผสานแบบไดนามิกของ J-POP, K-POP, แฟชั่น และวัฒนธรรมอินฟลูเอนเซอร์ โดยรวมเทรนด์ฮิตสุดฮอตของคนรุ่น Gen Z ไว้ด้วยกัน พร้อมไลน์อัพสุดเร้าใจอย่าง JU-NE (iKON), May J., HAJIN และอีกมากมาย นอกจากนี้ ในงานยังมีการแสดงของไอดอลและศิลปินชั้นนำรุ่นใหม่อีกด้วย

อย่าพลาดงานเฉลิมฉลองที่ผสมผสานแนวเพลง แฟชั่น และดนตรีเข้าด้วยกัน สตรีมสดจากทุกที่ในโลกกับ ZAIKO!

[รายละเอียดงาน]
ชื่องาน: Timee presents LANDCON
วันที่: วันอังคารที่ 1 เมษายน 2025
เวลา: เริ่ม 18:00 น. / จบ 21:30 น. (JST)
เก็บสตรีมมิ่งจนถึง: วันอังคารที่ 8 เมษายน 2025 เวลา 23:59 น. JST

การซื้อบัตรสตรีมมิ่ง (ZAIKO):
หมายเหตุ: สำหรับผู้ชมนอกประเทศญี่ปุ่น โปรดอย่าลืมซื้อสตรีมมิ่งจากลิงก์นี้

หน้าบัตร LAWSON (ออฟไลน์เท่านั้น):
หมายเหตุ: ซื้อบัตรเข้าชมงานในประเทศญี่ปุ่นได้จากลิงก์นี้ โปรดทราบว่าบัตรนี้ไม่รวมการสตรีมมิ่งนอกประเทศญี่ปุ่น

[การแสดงสดของศิลปิน]
JU-NE (iKON) / DK (iKON) / MADEIN / KCM / HAJIN / May J. / Ai Tomioka / Takane no Nadeshiko / Noa Sato / Hina Kawago & YONAKA Band / ginjiro & Ruu / Mori-ke no Nichijou
เปิดการแสดง: Rain Tree / Vivid Tokyo

[ผู้เข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์]
Nagomi / MASHIRO (MADEIN) / YESEO (MADEIN) / MiU (MADEIN) / NAGOMI (MADEIN) / SUHYE (MADEIN) / SERINA (MADEIN) / Yui Kanno / Noa Sato / Maikichi / Tsukushi Sasaki
Hina Kawago / Iori Sagara / Momona Matsumoto (Takane no Nadeshiko) / Himeri Momiyama (Takane no Nadeshiko) / Ami / Amichi。 / Kotori Ayase (Rain Tree) / HARUHO TAMAKI / Miina / Komeo / Hiroyuki / Hikari Aiko / Ui Mihara
Suzuka Sagasu / Ginjiro / Mori-ke no Nichijou's “Musume。” / Ku-chan (Mori-ke no Nichijou) / Ayumi Ichihara (≒JOY)

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ LANDCON
 https://landcon.jp

โซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของ LANDCON
[X] https://x.com/weareland_
[Instragram] https://instagram.com/weareland_
[Tiktok] https://www.tiktok.com/@weareland_
[YouTube] https://www.youtube.com/@weareland_

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250331308465/en

Contacts

สำหรับการสอบถามเกี่ยวกับงานอีเวนต์ โปรดติดต่อตามด้านล่างนี้
ทีมประชาสัมพันธ์ LAND
อีเมล: info@weare.land

ที่มา: ZAIKO PTE Ltd.

Sei Foundation ก่อตั้งมูลนิธิไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ และเปิดสำนักงานในนิวยอร์กเพื่อกระตุ้นการยอมรับและการเติบโตในอเมริกา

Logo

ขอแนะนำ Sei Development Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ได้รับทุนจาก Sei Foundation ซึ่งกำลังปูทางไปสู่อนาคตแบบกระจายอำนาจในสหรัฐฯ

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–03 เมษายน 2025

Sei Foundation เป็นองค์กรอิสระที่อุทิศตนเพื่อการกำกับดูแลโปรโตคอล Sei ซึ่งเป็นบล็อคเชน Layer-1 ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ประกาศในวันนี้ว่าได้ให้ทุนแก่ Sei Development Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นการเติบโตและการรับรู้เกี่ยวกับโปรโตคอล Sei และโครงการซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สอื่นๆ โดยมูลนิธิดังกล่าวตั้งอยู่ในสหรัฐฯ มูลนิธิแห่งใหม่นี้จะให้การสนับสนุนและทรัพยากรที่มั่นคงแก่ผู้สร้างและนักพัฒนา ส่งเสริมการเติบโตของระบบนิเวศ และช่วยวางตำแหน่งให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำระดับโลกในด้านสกุลเงินดิจิทัล โดยอาศัยแรงผลักดันเชิงบวกล่าสุดสำหรับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลที่กว้างขึ้นในสหรัฐฯ Sei Development Foundation จะจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในแมนฮัตตันเพื่อเร่งสร้างนวัตกรรมและส่งเสริมศักยภาพให้กับผู้สร้างชาวอเมริกัน

ในขณะที่เขตอำนาจศาลระหว่างประเทศจำนวนมากยังคงดึงดูดผู้สร้างและผู้ริเริ่มด้านคริปโตอย่างต่อเนื่อง สหรัฐฯ จำเป็นต้องทำงานเพื่อฟื้นคืนความได้เปรียบทางการแข่งขันในการส่งเสริมนวัตกรรมและดึงดูดผู้มีความสามารถระดับสูง เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะทุ่มเทให้กับการสร้างในอเมริกาเป็นสองเท่าหลังจากที่บังคับใช้กฎหมาย ความไม่แน่นอนสำหรับผู้สร้าง และแนวทางนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์กันมาหลายปี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของตน ทาง Sei Development Foundation ไม่เพียงแต่ร่วมมือกับผู้สร้างและผู้ก่อตั้งโดยตรงเท่านั้น แต่ยังพยายามใช้ประโยชน์จากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้กำกับดูแลและผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ เพื่อช่วยสร้างประเทศให้เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับผู้ประกอบการด้านคริปโต การจัดตั้งมูลนิธิและสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กของสหรัฐฯ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศ Sei ในอเมริกาและเสริมสร้างอนาคตที่กระจายอำนาจให้มากยิ่งขึ้น

ด้วยการยอมรับที่เพิ่มขึ้นและการปฏิรูปกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง และตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก สหรัฐฯ กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านคริปโตระดับโลก เราตื่นเต้นที่ได้เห็น Sei Development Foundation อยู่ในตำแหน่งหลักท่ามกลางกระแสใหม่ของการนำระบบไปใช้งานในสหรัฐฯ นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Sei ที่จะกำหนดอนาคตแบบกระจายอำนาจและขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่อไป โดยทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมีความซับซ้อนน้อยลงและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคนในสหรัฐฯแชร์โดย Gerald Gallagher ที่ปรึกษาทั่วไปของ Sei Labs และสมาชิกคณะกรรมการของ Sei Development Foundation

ที่ Sei Development Foundation เรามุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์รุ่นต่อไป โดยการสร้างสถานะที่แข็งแกร่งในพื้นที่ เราสามารถสานต่อภารกิจนี้ต่อไปได้พร้อมกับจุดประกายความหวังและทัศนคติเชิงบวกให้กับผู้ก่อตั้งคริปโตทั่วประเทศ” กล่าวโดย Justin Barlow ผู้อำนวยการบริหาร Sei Development Foundation

Sei Foundation ทุ่มเทความพยายามเป็นสองเท่าให้กับโครงการริเริ่มในสหรัฐฯ และเมื่อไม่นานมานี้ยังได้เปิดตัว Crypto in America ซึ่งเป็นพอดแคสต์และจดหมายข่าวรายสัปดาห์ใหม่ที่รวบรวมบทสนทนากับผู้กำหนดนโยบายที่มีอิทธิพล เช่น กรรมาธิการ SEC Hester Peirce และผู้อำนวยการบริหารของคณะที่ปรึกษาประธานาธิบดีด้านสินทรัพย์ดิจิทัล Bo Hines

เกี่ยวกับ Sei:

Sei เป็นบล็อคเชน Layer 1 ที่ผสมผสานข้อดีของ Ethereum และ Solana: มาตรฐานการพัฒนาที่โดดเด่นของ Ethereum กับประสิทธิภาพของ Solana โดย Sei เปิดตัวเมนเน็ตในปี 2023 และดำเนินการธุรกรรมหลายพันล้านรายการในกระเป๋าสตางค์มากกว่า 18 ล้านใบ ในปัจจุบันบน Devnet การอัปเดต Giga V3 ของ Sei จะทำให้ Sei มีประสิทธิภาพมากกว่าเชน EVM ที่มีอยู่ทั้งหมด 50 เท่า โดยทำหน้าที่เป็นแนวทางการปรับขนาดใหม่ที่ล้ำสมัยสำหรับระบบนิเวศ Ethereum ทีมงานได้รับการสนับสนุนจาก Multicoin, Jump, Coinbase Ventures และอื่นๆ อีกมากมาย

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sei โปรดไปที่ https://www.seifdn.org

เกี่ยวกับ Sei Development Foundation:

Sei Development Foundation เป็นองค์กรอิสระไม่แสวงหากำไรของสหรัฐฯ ที่อุทิศตนเพื่อพัฒนาและนำโปรโตคอลโอเพ่นซอร์สที่ไม่ต้องขออนุญาตอย่าง Sei มาใช้ ซึ่งเป็นบล็อคเชน EVM Layer-1 ที่เร็วที่สุดที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจระดับโลก ผ่านการศึกษา เงินทุน และการสนับสนุนระบบนิเวศ โดยมูลนิธิทำงานร่วมกับชุมชนผู้สร้างและผู้ใช้ทั่วโลกเพื่อส่งเสริมและขยายประโยชน์ของ Sei และโครงการที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jessica Graber
SCRIB3
jessica@scrib3.co

ที่มา: Sei Foundation

รายงานระดับโลกของ NIQ เผยความท้าทายและโอกาสสำหรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์

Logo

เมื่ออคติที่ผู้คนมีต่อผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตลดลงไปเรื่อยๆ ยอดขายทั่วโลกก็เติบโตขึ้นถึง 4.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

10 แบรนด์ชั้นนำของโลกมียอดขายเติบโตแซงหน้าผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตถึงกว่า 4.8%

ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตที่ต่างต้องแข่งกันช่วงชิงความสนใจจากผู้บริโภคอาจหันมาร่วมมือกันเพื่อเติบโตไปด้วยกันได้

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–27 มีนาคม 2025

ในวันนี้ NielsenIQ (NIQ) เผยแพร่รายงาน Finding Harmony on the Shelf: 2025 Global Outlook on Private Label & Branded Products (หาจุดร่วมในตลาดไปด้วยกัน: มุมมองทั่วโลกเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์ในปี 2025) เป็นรายงานฉบับใหม่ที่ให้การวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับทัศนคติของผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไปต่อผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์ ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ผลักดันแนวโน้มเหล่านี้ในระดับโลกและระดับภูมิภาค และข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญที่ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิต CPG ควรคำนึงถึง เพื่อให้สามารถวางกลยุทธ์เข้าถึงผู้บริโภคภายในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็วได้

จากรายงานของ NIQ พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลกกว่าครึ่ง (53%) ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตมากขึ้น ในขณะเดียวกัน 10 แบรนด์ชั้นนำของโลกก็มียอดขายทั่วโลกที่ฟื้นตัวขึ้นในปี 2024 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ค้าปลีกและผู้ผลิต CPG จะยังคงแข่งกันช่วงชิงความสนใจจากผู้บริโภคบนชั้นวางสินค้าในร้านขายของชำและร้านค้าปลีกทั้งเล็กและใหญ่ต่อไป

“ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้ออย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดปัจจุบัน รายงานของเราย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกจะต้องร่วมมือกันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของ CPG ระลอกต่อไปและดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ” Marta Cyhan-Bowles หัวหน้าฝ่ายการสื่อสารและหัวหน้าทีม COE ฝ่ายการตลาดระดับโลกจาก NIQ กล่าว “ในการค้นหาวิธีทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ทั้งสองฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้เพื่อปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ และเพิ่มภาพจำในตลาด”

แนวโน้มสำคัญที่กำหนดทิศทางการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์

การรับรู้ที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่แบรนด์ระดับโลกก็มีผลการดำเนินธุรกิจที่ดีเช่นกัน แนวโน้มสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์ ได้แก่:

  •  การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าที่รับรู้: อคติต่อผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตกำลังลดลงไปเรื่อยๆ โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 68% มองว่าผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตเป็นทางเลือกที่ดีที่ทดแทนแบรนด์ที่มีชื่อเสียงได้ และ 69% มองว่าผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตมีความคุ้มค่า
  •  ความต้องการที่เพิ่มขึ้น: ด้วยเหตุผลข้างต้น ผู้บริโภคทั่วโลก 60% จึงกล่าวว่าตนจะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตมากขึ้น หากมีสินค้าให้เลือกหลากหลายกว่าเดิม
  •  การรักษาเสถียรภาพผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิต: สัดส่วนยอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1.4 จุด แต่มีสัญญาณการเติบโตที่ชะลอตัวในทุกภูมิภาค ในยุโรป การเติบโตชะลอตัวลงจากเกือบ 12% ในปี 2023 เหลือเพียงต่ำกว่า 4% ในปี 2024
  •  ความพิเศษ: ผู้บริโภคทั่วโลกกว่าครึ่ง (54%) กล่าวว่าตนมีแนวโน้มที่จะให้รางวัลกับตัวเองด้วยหันไปใช้ผลิตภัณฑ์แบรนด์พรีเมียม โดยคนรุ่นใหม่ อันได้แก่ กลุ่มมิลเลนเนียล (61%) และกลุ่ม Gen Z (58%) มีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวเกินกว่าค่าเฉลี่ย
  •  ​ ความเปิดกว้างในการสำรวจ: ผู้ตอบแบบสำรวจกว่าครึ่ง (58%) ยังระบุด้วยว่าตนกำลังขยายการซื้อสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ ไปยังหลายหมวดหมู่ ผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลกอีก 58% ระบุว่าสินค้ามีแบรนด์หรือสินค้าตราห้างนั้นไม่ต่างกัน โดยเลือกผลิตภัณฑ์ตามความจำเป็นแทน

“ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะที่สุดที่องค์กรต่างๆ จะร่วมมือกันค้นหาวิธีขับเคลื่อนการเติบโตในแง่ผลกำไรโดยรวมจากผู้บริโภค การเติบโตไม่ใช่เรื่องที่เกินเอื้อมเลยสำหรับหลายๆ บริษัทในตลาดที่มีความหลากหลายเกินคาดแห่งนี้ ผู้ค้าปลีกควรเพิ่มปริมาณการเข้าชมตามหมวดหมู่ให้สูงสุดด้วยการวางกลยุทธ์ผสมผสานระหว่างผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตอย่างสมดุลกัน และพิจารณาโปรแกรมส่งเสริมการขายร่วมกันเพื่อกระตุ้นการเติบโตตามหมวดหมู่โดยรวม ในทางกลับกัน ผู้ผลิตจำเป็นต้องปกป้องและขยายส่วนแบ่งการตลาดของตนด้วยการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีแรงจูงใจทางการค้า ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามรักษาคุณค่าโดยรวมที่แบรนด์ของตนจะให้ได้เอาไว้ด้วย” กล่าวโดย Lauren Fernandes รองประธานฝ่ายผู้นำความคิดระดับโลกจาก NIQ

ความรู้สึกในเชิงบวกของผู้บริโภคสะท้อนให้เห็นได้จากข้อมูลยอดขายทั่วโลกที่น่าประทับใจ โดย NIQ Retail Measurement Services รายงานว่ายอดขายของแบรนด์ชั้นนำ 10 อันดับแรกของโลกเพิ่มขึ้น 4.8% ซึ่งแซงหน้าการเติบโตของยอดขายประจำปีของผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตไปเล็กน้อยที่ 4.3% อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความแตกต่างในแต่ละภูมิภาคอยู่ กล่าวคือ ชาวอียิปต์มีแนวโน้มที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตมากกว่า ในขณะที่ชาวเกาหลีใต้มีแนวโน้มน้อยกว่าที่จะมองว่าผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตเป็นทางเลือกที่ทดแทนแบรนด์ที่มีชื่อเสียงได้

การหาจุดร่วมในความสำเร็จระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์

กลยุทธ์ที่ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตจะใช้ในการประสานงานเพื่อการเติบโตร่วมกันได้ ได้แก่:

  •  สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิต:
    •  ฮาโลเอฟเฟกต์ของแบรนด์: การอยู่ใกล้แบรนด์ที่มีชื่อเสียงช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจให้กับผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตได้ แบรนด์ต่างๆ หล่อเลี้ยงธุรกิจผ่านความภาคภูมิใจ (30%), ความเหนือกว่า (37%) และชื่อเสียง (48%) แต่ผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตจะได้รับความไว้วางใจเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อมีคุณภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้
    •  การเปรียบเทียบราคา: โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์จากแบรนด์จะขายในราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตในหมวดหมู่ CPG ทั่วโลกถึง 26% ช่องว่างด้านราคาสามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสินค้าจากความคุ้มค่าได้ เพื่อลองสินค้าใหม่หรือสินค้าที่ทัดเทียมกัน
  •  สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์:
    •  เพิ่มปริมาณการเข้าชม: ผู้บริโภคทั่วโลกเกือบสองในสาม (60%) ไว้วางใจสินค้าตราห้างเนื่องจากตนเชื่อใจในตัวผู้ค้าปลีก ข้อมูลของ NIQ แสดงให้เห็นว่าผู้ค้าปลีกชั้นนำในสหราชอาณาจักรกระตุ้นยอดขายทั้งผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิต และผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์ได้ โดยในปี 2024 ผู้ค้าปลีกในสหราชอาณาจักรสามรายผลักดันการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตกว่า 70% และผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์กว่า 86% ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่าชื่อเสียงของผู้ค้าปลีกจะส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้วย
    •  การขยายตลาด: ผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตกว่าครึ่งหนึ่งในหมวดหมู่สินค้า เช่น กาแฟพร้อมดื่มและสแน็กบาร์ ซึ่งสร้างโอกาสให้กับทุกแบรนด์ ในช่วงแรก ผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตช่วยสร้างการรับรู้ในหมวดหมู่สินค้าและส่งเสริมการยอมรับในแบรนด์ที่มีชื่อเสียงได้ แบรนด์ต่างๆ จึงควรเน้นให้ความสำคัญกับภาคส่วนที่ผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตจะสร้างโอกาสในหมวดหมู่สินค้าได้

เกี่ยวกับ Finding Harmony on the Shelf: 2025 Global Outlook on Private Label & Branded Products Report

รายงานที่มีลักษณะเฉพาะนี้มุ่งเน้นไปที่แนวโน้มที่ขับเคลื่อนการเติบโตทั่วโลกนี้ประเมินพลวัตการพึ่งพาและแข่งขันกันระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าจ้างผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์และระบุโอกาสสำหรับผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตในการขับเคลื่อนความร่วมมือและการเติบโต เพื่อทำความเข้าใจว่าแนวโน้มเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อตลาดในท้องถิ่นของคุณอย่างไร ดาวน์โหลดสำเนารายงานฟรี

ระเบียบวิธีการวิจัย

แบบสำรวจทั่วโลกของรายงาน NIQ 2025 Private Label & Branded Products จัดทำขึ้นระหว่างเดือนธันวาคม 2024 ถึงมกราคม 2025 โดยสำรวจผู้บริโภคออนไลน์กว่า 17,000 รายใน 25 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลางและแอฟริกา และอเมริกาเหนือ ผู้ตอบแบบสำรวจได้แก่ผู้บริโภคที่มักเป็นผู้ตัดสินใจเลือกซื้อของเข้าบ้านและตกลงที่จะเข้าร่วมการสำรวจนี้ กลุ่มตัวอย่างสำหรับแต่ละประเทศได้มาจากผู้คนในกลุ่มอายุและเพศในสัดส่วนที่สอดคล้องกับข้อมูลสำมะโนของพื้นที่นั้นๆ โดยมีการรับรองแล้วว่ากลุ่มประชากรแต่ละกลุ่มนั้นมีจำนวนตามขนาดพื้นฐานที่จะให้ผลที่เชื่อถือได้ทางสถิติ

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคที่ให้คุณได้เข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคโดยครบถ้วนรอบด้านที่สุดและเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต โดย NIQ ร่วมมือกับ GfK ในปี 2023 ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้นำอุตสาหกรรมสองรายที่มีขอบเขตการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ การเข้าถึงทั่วโลกของเรากว้างไกลไปถึงกว่า 90 ประเทศ ครอบคลุมประชากรประมาณ 85% ของประชากรโลก และข้อมูลค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลกรวมกว่า 7.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งนำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย ทำให้ ​​NIQ ส่งมอบบริการแบบ Full View™ ได้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.niq.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

Zema Global เสริมความแข็งแกร่งให้กับการนำเสนอด้านการวิเคราะห์ด้วยการซื้อกิจการ cQuant.io

Logo

  •  David Leevan ซีอีโอของ cQuant.io ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานของ Zema Global เพื่อช่วยขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมในธุรกิจรวม
  •  cQuant.io จะดำเนินการในฐานะบริษัทย่อยภายใต้แบรนด์ “A Zema Global Company” ที่สะท้อนถึงแนวทางเชิงกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ร่วมกันของทั้งสองบริษัท

เดนเวอร์–(BUSINESS WIRE)–02 เมษายน 2025

Zema Global ผู้ให้บริการโซลูชันการจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ชั้นนำสำหรับบริษัทที่ประกอบธุรกิจในภาคพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์ และการเงิน ประกาศเข้าซื้อกิจการ cQuant.io ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโซลูชันการวิเคราะห์สำหรับบริษัทพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก FTV Capital ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายเดิมของ Zema Global โดยถือเป็นก้าวสำคัญในพันธกิจของบริษัทในการส่งมอบข้อมูลเชิงลึกระดับองค์กรแบบเรียลไทม์ที่เปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานของบริษัทพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์

Andrea Remyn Stone ซีอีโอของ Zema Global กล่าวว่า “นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับ Zema Global และลูกค้าของเรา การนำ cQuant.io เข้ามาถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งมอบความสามารถด้านข้อมูลและการวิเคราะห์แบบครบวงจรอย่างแท้จริง โดยการนำเสนอแบบผสมผสานของเราจะช่วยให้ภาคส่วนพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์มีความแม่นยำ ความเร็ว และความอัจฉริยะที่จำเป็นต่อการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในปัจจุบัน”

การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้จะผสมผสานข้อมูลองค์กรและความสามารถในการจัดการแบบเส้นโค้งของ Zema Global เข้ากับแพลตฟอร์มวิเคราะห์ขั้นสูงของ cQuant.io ช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้นในตลาดที่มีความซับซ้อนและผันผวนสูง

ซึ่งทั้งสองธุรกิจมีความเสริมซึ่งกันและกันอย่างลงตัว โดยแต่ละธุรกิจจะนำเสนอแพลตฟอร์มคลาวด์เนทีฟที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งขณะนี้สามารถครอบคลุมทุกแง่มุมของการรวบรวม การประเมินค่า การคาดการณ์ และการเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอข้อมูล

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง David Leevan, อดีตซีอีโอของ cQuant.io จะดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Zema Global และเป็นผู้นำในการขยายบริษัทไปสู่การวิเคราะห์ขั้นสูง cQuant.io จะดำเนินการในฐานะบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมด ภายใต้แบรนด์ “A Zema Global Company”

David Leevan อดีต CEO ของ cQuant.io และประธานของ Zema Global กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ Zema Global การผสมผสานระหว่างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลชั้นนำของตลาดของ Zema Global กับโครงสร้างพื้นฐานการวิเคราะห์ของเราถือเป็นการนำเสนอที่ทรงพลังอย่างยิ่งสำหรับตลาด เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรให้กับลูกค้าซึ่งตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขา ตั้งแต่การรวบรวมข้อมูลไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอและความเสี่ยง”

Robert Anderson หุ้นส่วนของ FTV Capital กล่าวว่า “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ร่วมกันระหว่าง Zema Global และ cQuant.io ในการกำหนดอนาคตของการตัดสินใจด้านพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์เป็นพื้นฐาน” Brent Fierro หุ้นส่วนของ FTV Capital กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยวางตำแหน่งองค์กรที่ขยายตัวใหม่ให้เป็นผู้นำตลาดที่ชัดเจนในด้านข้อมูลเชิงลึกและข่าวกรองด้านการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล”

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Zema Global ในการแก้ไขปัญหาสำคัญที่บริษัทพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ต้องเผชิญ เช่น ความซับซ้อนของข้อมูลที่เพิ่มขึ้นและการเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ในทุกๆ ธุรกิจทั่วโลก ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากความสามารถในการทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น เวลาในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่เร็วขึ้น และเวิร์กโฟลว์จากข้อมูลสู่การวิเคราะห์ที่ราบรื่นในทุกๆ ประเภทสินทรัพย์และทุกพื้นที่ทางภูมิศาสตร์

ด้วยลูกค้ามากกว่า 200 รายทั่วโลก ทำให้ปัจจุบัน Zema Global มีทีมวิเคราะห์ระดับโลกที่ขยายตัวมากขึ้น และมีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างแบบจำลองเชิงปริมาณ การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ การพยากรณ์พลังงานหมุนเวียน และการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น Zema Global และ cQuant.io จะยังคงดำเนินงานต่อไปในฐานะหน่วยงานที่มีความสอดคล้องกันอย่างใกล้ชิด โดยลงทุนด้านนวัตกรรม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสนับสนุนระดับโลก เพื่อมอบโซลูชันระดับองค์กรที่เชื่อถือได้สำหรับผู้เข้าร่วมตลาดที่มีความซับซ้อนที่สุดในโลก

โดย Massumi + Consoli และ KPMG ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับ Zema Global และ FTV Capital โดย D.A. Davidson และ Foley & Lardner LLP จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับ cQuant โดยไม่มีการเปิดเผยเงื่อนไขทางการเงิน

เกี่ยวกับ Zema Global

Zema Global Data Corporation เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูล การวิเคราะห์ และโซลูชันเส้นโค้ง ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้พลังของข้อมูลเพื่อการตัดสินใจอย่างรอบรู้และการเติบโตเชิงกลยุทธ์ ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและความสำเร็จของลูกค้า Zema Global จึงมอบคุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ให้กับลูกค้าทั่วโลก

เกี่ยวกับ cQuant.io

cQuant.io ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านโซลูชันการวิเคราะห์สำหรับบริษัทพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์พอร์ตโฟลิโอทั้งหมด โซลูชันคลาวด์เนทีฟของ cQuant จำลองปัจจัยความเสี่ยงทั้งหมด คาดการณ์ประสิทธิภาพของพอร์ตโฟลิโอ และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม ลูกค้าของบริษัท ได้แก่ บริษัทสาธารณูปโภค IPP ผู้ค้า และผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำสำหรับพอร์ตโฟลิโอของตน

เกี่ยวกับ FTV Capital

FTV Capital เป็นบริษัทลงทุนด้านหุ้นเพื่อการเติบโตที่เน้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งระดมทุนได้มากกว่า 10,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตสูงและมีนวัตกรรมใหม่ๆ ครอบคลุมเทคโนโลยีและบริการระดับองค์กร รวมถึงเทคโนโลยีและบริการทางการเงิน FTV ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 และได้พัฒนาโมเดลหุ้นเพื่อการเติบโตที่แตกต่างและมีวินัยสูง ซึ่งใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในโดเมนที่ล้ำลึกของบริษัทและแนวทางการลงทุนตามแนวคิดเพื่อช่วยให้บริษัทในพอร์ตโฟลิโอเติบโตได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ FTV ยังให้บริษัทต่างๆ เข้าถึง Global Partner Network® ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารเชิงกลยุทธ์มากกว่า 600 คนจากบริษัทบริการทางการเงินชั้นนำของโลกหลายแห่ง และ FTV Propel® ซึ่งเป็นทีมผู้นำด้านการดำเนินงานที่มีประสบการณ์ซึ่งให้คำแนะนำและทรัพยากรในฟังก์ชันทางธุรกิจที่สำคัญต่างๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.ftvcapital.com และติดตามบริษัทได้ที่ LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Prosek Partners ในนามของ FTV Capital
pro-ftvcapital@prosek.com
โทร.: 646-818-9051

ที่มา: Zema Global

GCCA Concrete in Life 2024/25 เผยภาพอันน่าทึ่งจากทั่วทุกมุมโลก และประกาศรายชื่อผู้ชนะในการแข่งขันถ่ายภาพระดับโลก

Logo

  • ภาพถ่าย Concrete in Life แห่งปีจาก Venice Beach คว้ารางวัลชนะเลิศมูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
  • จากผลงานจากช่างภาพมืออาชีพและผู้ใช้สมาร์ทโฟนมือสมัครเล่นจากทั่วโลกกว่า 20,000 ราย
  • คอนกรีตเป็นสสารที่ใช้มากที่สุดในโลก รองจากน้ำ

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–01 เมษายน 2025

ภาพถ่ายอันน่าทึ่งของนักเล่นสเก็ตบอร์ดที่ Venice Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้รับการยกย่องให้เป็นภาพถ่าย Concrete in Life แห่งปี 2024/25 โดยภาพถ่ายดังกล่าวได้รับการคัดเลือกจากผลงานที่ส่งเข้าประกวดกว่า 20,000 ชิ้น เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกประจำปี ซึ่งจัดโดย GCCA ที่เน้นย้ำความสวยงามและบทบาทสำคัญของคอนกรีตทั่วโลก

OVERALL WINNER - Venice Beach Skating by Henrik Hagerup - Venice Beach, Los Angeles, USA 

ผู้ชนะรางวัลประเภท OVERALL – Venice Beach Skating โดย Henrik Hagerup – Venice Beach ลอสแอนเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา

ภาพถ่ายที่ได้รับรางวัลสูงสุด 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ ) ถ่ายโดย Henrik Hagerup ที่ Venice Beach Skate Park ในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยโบลว์คอนกรีตของสวนสาธารณะได้รับแรงบันดาลใจจากฉากสเก็ตสระว่ายน้ำร้างในลอสแอนเจลิสในช่วงทศวรรษ 1970 ภาพถ่ายของ Henrik ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะในปีนี้ ร่วมกับผู้ชนะประเภทอื่นอีก 4 ประเภทและผู้ชนะประเภท People’s Vote

Thomas Guillot ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GCCA ซึ่งช่วยตัดสินการแข่งขันในปีนี้กล่าวว่า: “ภาพที่น่าทึ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกของคอนกรีตที่มีต่อชีวิตของเราทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น สะพาน ทางรถไฟ และถนนที่เราใช้สัญจรไปมา หรือบ้าน สำนักงาน และโรงเรียนที่เราอาศัยอยู่ คอนกรีตเป็นวัสดุที่มีความหลากหลายอย่างแท้จริง การแข่งขันของเรามอบโอกาสให้ทุกคนที่มีสมาร์ทโฟน รวมถึงช่างภาพมืออาชีพ ได้แสดงให้เห็นว่าคอนกรีตมีความสำคัญต่อชีวิตของเรามากเพียงใด และสามารถสวยงามได้เพียงใด”

Henrik Hagerup ซึ่งภาพถ่ายที่ชนะเลิศของเขาสามารถบันทึกช่วงเวลาอันแสนวิเศษที่ Venice Beach สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า:“ภาพถ่ายของฉันเป็นการยกย่องถึงวิธีการที่คอนกรีตผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และความหลงใหล ส่งเสริมการเชื่อมโยง ความฝัน และศักยภาพที่ไร้ขอบเขต ไม่เพียงแต่ในสวนสเก็ตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชุมชนต่างๆ ทั่วโลกด้วย ซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับชัยชนะในการแข่งขัน Concrete in Life 2024/25”

มีการส่งผลงานเข้าประกวดจากทุกทวีป ซึ่งรวมถึงภาพตึกระฟ้าและโลกเมืองสมัยใหม่ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น เครือข่ายคมนาคมขนส่ง เช่น ทางรถไฟ สะพาน และถนน และโครงสร้างสำคัญอื่นๆ เช่น แนวป้องกันทางทะเลและเขื่อน ภาพถ่ายยังแสดงให้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์อย่างใกล้ชิดในหมู่บ้านและสนามเด็กเล่น ตลอดจนสถาปัตยกรรมที่ออกแบบอย่างประณีต และอื่นๆ อีกมากมาย

Diane Hoskins ประธานร่วมระดับโลกของ Gensler หนึ่งในบริษัทด้านการออกแบบและสถาปัตยกรรมชั้นนำของโลก และกรรมการตัดสินการแข่งขัน กล่าวว่า “ภาพที่ชนะเลิศเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของคอนกรีตในชีวิตของเรา และยังตอกย้ำถึงความสำคัญของการลดคาร์บอนในคอนกรีตอีกด้วย การออกแบบอาคารและโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมเกิดขึ้นได้จากคุณสมบัติที่สำคัญของคอนกรีต”

นอกจากผู้ชนะรางวัลประเภท Overall แล้ว ยังมีผู้ชนะรางวัลประเภทอื่นๆ อีก 4 รายที่ได้รับการประกาศ โดยแต่ละรายได้รับรางวัลมูลค่า 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ Anvar Sadath TA ได้รับรางวัลประเภท Urban Concrete จากภาพถ่ายที่มีชื่อว่า 'Urban Flow' ที่ถ่ายในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งรวมถึงอาคาร Burj Khalifa อันโด่งดังด้วย ภาพถ่ายสถานีรถไฟใต้ดินกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดย Wentao Guo ชื่อว่า 'Structure as Aesthetics' ได้รับรางวัลประเภท Concrete Infrastructure ส่วน Wellington Kuswanto ได้รับรางวัลประเภท Concrete in Daily Life จากภาพถ่าย Bedok Jetty ประเทศสิงคโปร์ ส่วนรางวัลประเภท Beauty and Design ได้แก่ Artemio Layno จากภาพถ่าย 'Broken Building' ที่ถ่ายในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

รางวัลประเภท People’s Vote ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากสาธารณชนมีเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นของ Mohamed Rafi จากภาพถ่าย ‘Fluttering Through Life’ ที่ถ่ายในเมืองปอนดิเชอร์รี ประเทศอินเดีย

Chris George ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหาของ Digital Camera World ซึ่งเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันในปีนี้ กล่าวว่า “คอนกรีตอยู่รอบตัวเราและมีความสวยงามที่บางคนอาจมองไม่เห็น การแข่งขันถ่ายภาพระดับโลก Concrete in Life ยังคงพิสูจน์ให้เห็นว่าการถ่ายภาพสถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่ออวดความงามของวัสดุก่อสร้างสากลชนิดนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปได้”

ดูภาพถ่ายของผู้ชนะและผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย รวมถึงแกลเลอรีเวอร์ชันออนไลน์ได้ที่ https://gccassociation.org/concreteinlife2425/

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:

ดูภาพถ่ายของผู้ชนะได้ที่นี่: https://drive.google.com/drive/folders/1ZZqviAV_vSTcv_YF1hYyAnWO3IACuOSj?usp=drive_link

ดาวน์โหลดรายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้ายฉบับเต็มได้จากเว็บไซต์ของเราที่: https://gccassociation.org/concreteinlife2425/

คุณสามารถดูวิดีโอของผู้ชนะได้ที่นี่ : https://drive.google.com/drive/folders/1MZm7snv0bBMMUX_JHLRAJEgBRSwfPSwT?usp=drive_link

คำพูดเพิ่มเติมจากผู้ชนะ:

Henrik Hagerup ผู้ชนะรางวัลประเภท Overall – Venice Beach Skating กล่าวว่า: “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ดีใจมาก และซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งที่คุณเลือกภาพของผมเพื่อเป็นตัวแทนของ GCCA ในฐานะผู้ชนะรางวัลรวมของการแข่งขัน Concrete in Life 2024/25

ผมถ่ายภาพที่ Venice Beach ในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่มีชีวิตชีวาที่ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาเพลิดเพลินกับแสงแดด มหาสมุทร และที่สำคัญที่สุดคือสวนสเก็ตอันโด่งดัง พื้นที่ที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดความคิดสร้างสรรค์ ที่ซึ่งสิ่งที่น่าตื่นเต้นมักจะเกิดขึ้นเสมอ เมื่ออยู่ในลอสแอนเจลิส ผมมักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงที่นี่ พร้อมกล้องในมือ รอคอยอย่างอดทนให้ช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบปรากฏขึ้น

ภาพถ่ายของผมเป็นการยกย่องถึงวิธีการที่คอนกรีตผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และความหลงใหล ส่งเสริมการเชื่อมโยง ความฝัน และศักยภาพที่ไร้ขอบเขต ไม่เพียงแต่ในสวนสเก็ตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชุมชนต่างๆ ทั่วโลกด้วย

Anvar Sadath TA ผู้ชนะรางวัลประเภท Urban Concrete – Urban Flow ในดูไบ กล่าวว่า: “ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้ชนะรางวัล Concrete in Life 2024/25 ในประเภทคอนกรีตในเมือง! ภาพถ่ายที่ผมชนะเลิศนั้นได้ถ่ายทอดความสัมพันธ์อันพลวัตระหว่างโครงสร้างคอนกรีตและทัศนียภาพเมืองที่สดใส ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคอนกรีตมีอิทธิพลต่อประสบการณ์ในเมืองของเราอย่างไร

Wellington Kuswanto ผู้ชนะรางวัลประเภท Concrete in Daily Life – Bedok Jetty ในประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า: “ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่คณะกรรมการได้ตัดสินเลือกภาพถ่ายของผมให้เป็นผู้ชนะในประเภทชีวิตประจำวัน Bedok Jetty เป็นสถานที่พิเศษสำหรับผม เพราะผมมักจะปั่นจักรยานและใช้เวลาที่นั่นทุกสุดสัปดาห์ โดยแรงบันดาลใจนี้ทำให้ผมส่งภาพของสถานที่แห่งนี้เข้าประกวด เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะที่ทำจากโครงสร้างคอนกรีตที่ผู้คนจำนวนมากใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน”

Wentao Guo ผู้ชนะรางวัลประเภท Concrete Infrastructure – Structure as Aesthetics ที่ถ่ายในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า: “ผมถ่ายภาพนี้ที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ออกแบบโดย Harry Weese ผมหลงใหลในช่วงเวลาที่การขนส่งเคลื่อนไหวมาบรรจบกับคอนกรีตที่คงทนถาวร ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้ชนะการแข่งขัน Concrete in Life 24/25 ซึ่งเป็นโอกาสอันมีค่าที่จะเผยให้เห็นแก่นแท้ของคอนกรีตในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นผ่านเลนส์ของผม”

Artemio Layno ผู้ชนะรางวัลประเภท Concrete Beauty and Design จากภาพถ่าย Broken Building ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า: “ผมมีความสุขและรู้สึกขอบคุณมากที่รูปถ่ายของผมได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะการแข่งขัน Concrete in Life 24/25 ผมถ่ายภาพนี้ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และรู้สึกทึ่งกับการออกแบบอาคารที่สร้างสรรค์และทันสมัยเป็นอย่างมาก โดยดูเหมือนว่าอาคารกำลังจะถูกตัดและแยกออกจากกันจากตรงกลางของโครงสร้างหลัก การออกแบบนี้ถูกสร้างสรรค์ด้วยระเบียงจำนวนมาก โดยใช้คอนกรีตที่ไม่เป็นเพียงแค่ใช้สำหรับโครงสร้างเท่านั้น แต่ยังใช้แสดงผลงานศิลปะที่สวยงามออกมาอย่างน่าทึ่งได้อีกด้วย”

Mohamed Rafi ผู้ชนะรางวัลประเภท Peoples Vote – Fluttering Through Life ที่ถ่ายในเมืองปอนดิเชอร์รี ประเทศอินเดีย กล่าวว่า: “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลประเภท People’s Vote ของ Concrete in Life 2024/25 ภาพถ่ายนี้ถ่ายที่เมืองปอนดิเชอร์รี ประเทศอินเดีย โดยบันทึกช่วงเวลาในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงไปจากงานศิลปะ ภาพหญิงที่ชรากำลังเดินผ่านจิตรกรรมฝาผนัง โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังยืนชิดปีกผีเสื้อที่วาดไว้บนผนัง สำหรับผม ภาพนี้สื่อถึงความยืดหยุ่น ความงามที่ไม่เคยมองเห็น รวมถึงวิธีที่สิ่งรอบข้างหล่อหลอมเราในรูปแบบที่เราไม่ทันสังเกต การถ่ายภาพแนวสตรีทนี้เป็นการค้นหาความหมายในช่วงเวลาสั้นๆ และผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ภาพนี้ได้สะท้อนถึงผู้คนมากมาย”

ผู้ตัดสิน

  •  Diane Hoskins ประธานร่วมระดับโลกของ Gensler
  •  Chris George ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหาของ Digital Camera World
  •  Thomas Guillot, CEO ของ GCCA

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54231504/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Paul Adeleke
Paul.Adeleke@gccassocation.org

ที่มา: GCCA






The Bangkok Reporter