KRAFTON บรรลุยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 665.9 พันล้านวอนใน 1Q24

Logo

การเติบโตในธุรกิจทุกด้านขับเคลื่อนด้วยการเติบโตอย่างมั่นคง PUBG: BATTLEGROUNDS IP

Dark and Darker Mobile ประสบความสำเร็จในการทดสอบเบต้าครั้งแรก โดยเริ่มต้นการเพิ่มประสิทธิภาพเต็มรูปแบบสำหรับการเปิดตัวทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2024

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–15 พฤษภาคม 2024

KRAFTON Inc. (CEO CH Kim, KRX: 259960) ประกาศผลประกอบการเบื้องต้นใน 1Q24 เมื่อวันที่ 8 เดือนพฤษภาคม

KRAFTON บันทึกยอดขายใน 1Q24 ที่ 665.9 พันล้านวอนเกาหลีใต้ กำไรจากการดำเนินงาน (OP) ที่ 310.5 พันล้านวอน และกำไรสุทธิ (NP) ที่ 348.6 พันล้านวอน ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศของเกาหลี (Korean International Financial Reporting Standards – KIFRS) ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 24.6% QoQ สร้างยอดขายรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ OP สูงขึ้น 89.0% QoQ

ยอดขายแยกตามฝ่ายธุรกิจมีดังนี้: PC/คอนโซล 255.2 พันล้านวอน มือถือ 402.3 พันล้านวอน และอื่นๆ 8.4 พันล้านวอน โดยการบริการไลฟ์ต่างๆ ที่ใช้ PUBG: BATTLEGROUNDS IP มีการเติบโตสูงในทุกด้าน รวมถึงยอดขายและปริมาณการใช้ข้อมูล เพื่อสานต่อแนวโน้มนี้ KRAFTON มุ่งเน้นการทำให้ปริมาณการรับส่งข้อมูลมีเสถียรภาพและปรับแต่งรูปแบบการสร้างรายได้ รวมถึงมีการผลักดันอย่างแข็งขันด้วยการลงทุนและการพัฒนาสำหรับแฟรนไชส์ IP

PC/คอนโซลของ PUBG: BATTLEGROUNDS มีผู้ใช้รายเดือน (MAU) และยอดขายพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่การเปลี่ยนผ่าน F2P (Free-to-play) ในปี 2022 เนื่องด้วยความนิยมของแผนการอัปเดต Rondo ที่มีการเปิดตัวเมื่อไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้ว และมีการเปิดตัวสกินอาวุธขั้นสูงในไตรมาสแรกของปีนี้ ธุรกิจมือถือยังคงมีการเติบโตและมีปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยโหมดธีมครบรอบ 6 ปี และเนื้อหา HomeGround

BATTLEGROUNDS MOBILE INDIA (BGMI) เพิ่มความสนใจของผู้ใช้ด้วยเนื้อหาที่มีการปรับแต่งให้สอดคล้องกับเทศกาลในท้องถิ่นของอินเดีย และทำการตลาดร่วมกันกับภาพยนตร์ Bollywood โดยเปิดร้านค้าบนเว็บ UniPin สำหรับแพลตฟอร์มการชำระเงินของบุคคลที่สามเพื่อปรับปรุงความสามารถในการทำกำไน นอกเหนือจากบริการที่เสถียรของ BGMI ในปีนี้ KRAFTON ยังมีการวางแผนที่จะมุ่งเน้นประสบการณ์การเผยแพร่ที่หลากหลายและการลงทุนที่เน้นเกมเป็นหลัก เพื่อเป็นผู้เผยแพร่ชั้นนำในตลาดอินเดีย

KRAFTON ยังมีการขยายการลงทุนในนักพัฒนาเพื่อให้มั่นใจในกลไกการเติบโตในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ ‘ขยายความคิดสร้างสรรค์’ ที่ประกาศในปี 2023 KRAFTON จะมีการเพิ่ม IP ระดับโลกที่มีแนวโน้มผ่านการลงทุนในหุ้นสำหรับนักพัฒนาและการเผยแพร่โดยบุคคลที่สอง ปีที่แล้วมีการลงทุนทั้งหมด 10 รายการและในปีนี้มีการเร่งขึ้นด้วยการลงทุนเก้าครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2024

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการทดสอบเบต้าของเกมหลักในปี 2024 อย่างเช่น ‘Dark and Darker Mobile’ มีการดำเนินการทดสอบเบต้าครั้งแรกเป็นการเฉพาะในเกาหลีเป็นเวลาห้าวันในเดือนเมษายน โดยดึงดูดผู้เข้าร่วมได้มากกว่า 50,000 คน KRAFTON วางแผนในการปรับปรุงคุณภาพของเกมตามความคิดเห็นที่ได้รับในระหว่างช่วงการทดสอบเบต้า ขณะเดียวกัน ก็มุ่งเน้นที่การเปิดตัวทั่วโลกผ่านการขยายตลาดในช่วงครึ่งหลักของปีนี้

รายได้

(1Q24)

รายได้

(4Q23)

% chg (QoQ)

รายได้

(1Q23)

% chg (YoY)

ยอดขาย

6,659

5,346

24.6

5,387

23.6

กำไรจากการดำเนินงาน

3,105

1,643

89.0

2,830

9.7

กำไรสุทธิ

3,486

(132)

2,672

30.5

ตาราง: ผลประกอบการ 1Q24 (เบื้องต้น) ของ KRAFTON ในงบการเงินรวม (หน่วย: 100M วอน)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

KRAFTON Inc.
Wonseok Kang
onething@krafton.com

แหล่งข้อมูล: KRAFTON, Inc.

Cvent ประกาศสถานที่จัดประชุมชั้นนำและโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำในเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2024

Logo

การจัดอันดับประจำปีที่ได้รับการยกย่องในอุตสาหกรรมแนะนำโรงแรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจ MICE รวมถึงสถานที่จัดประชุมที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก

SINGAPORE–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

ในวันนี้ Cvent ผู้ให้บริการเทคโนโลยีในการจัดการประชุม จัดอีเว้นท์ ชั้นนำในอุตสาหกรรม และการประชาสัมพันธ์ ประกาศรายชื่อ สถานที่จัดประชุมยอดนิยม และ โรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำสำหรับเอเชียแปซิฟิก (APAC) รายการเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการจัดอันดับภูมิภาคสำหรับอเมริกาเหนือ ยุโรป และตะวันออกกลาง และแอฟริกา จะได้รับการรวบรวมจากการจัดกิจกรรมผ่านการจัดหา เครือข่ายซัพพลายเออร์ Cvent ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการจัดหาสถานที่จัดงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะมีการจัดหาธุรกิจ MICE ที่มีมูลค่าสูงกว่า 16 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Cvent ในปี 2023

รายชื่อยอดนิยมประจำปีของ Cvent กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้จัดงานอีเว้นท์ทั่วโลกที่กำลังมองหาโรงแรมและสถานที่สำหรับจัดอีเว้นท์ บริษัทมีการจัดงานแถลงข่าวสดที่ IMEX Frankfurt เพื่อแชร์รายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติม และแนะนำโรงแรมและสถานที่ด้วยตัวเอง

สถานที่จัดประชุมยอดนิยมของ Cvent | ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เมืองติดอันดับยอดนิยม 10 อันดับแรกยังคงรักษาอันดับไว้ได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยสิงคโปร์ยังคงรักษาอันดับ 1 จากปี 2023 เมืองที่ติด 10 อันดับแรกแห่งใหม่คือ เซี่ยงไฮ้ (อันดับ 10) กรุงเทพมหานคร (อันดับ 2) โตเกียว (อันดับ 4) กัวลาลัมเปอร์ (อันดับ 7) และภูเก็ต (อันดับ 9) ต่างก็ติดอันดับที่ดีขึ้นใน 10 อันดับแรกจากปี 2023

สถานที่จัดประชุมยอดนิยม 10 อันดับแรก

1. สิงคโปร์

2. กรุงเทพ ประเทศไทย

3. ซิดนีย์ นิวเซาธ์เวลส์ (ออสเตรเลีย)

4. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

5. เมลเบิร์น วิกตอเรีย (ออสเตรเลีย)

6. โซล เกาหลีใต้

7. กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

8. บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

9. ภูเก็ต ประเทศไทย

10. เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

Dr Edward Koh กรรมการบริหาร ฝ่ายการจัดประชุม และการเดินทาง คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสถานที่จัดการประชุมระดับต้นๆ ในเอเชียของ Cvent เป็นครั้งที่หก นับตั้งแต่ปี 2016 สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ความปลอดภัย ความสามารถในการเข้าถึงสูง และการมุ่งเน้นในนวัตกรรม และความยั่งยืนของสิงคโปร์ ช่วยให้นครรัฐสามารถสร้างชื่อเสียงในฐานะสถานที่จัดอีเว้นท์ทางธุรกิจที่มีชีวิตชีวาและน่าสนใจ ด้วยการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นและพันธมิตรโดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เรามุ่งมั่นที่จะอำนวยความสะดวกและมีส่วนร่วมในความสำเร็จสำหรับผู้วางแผนการประชุมในสิงคโปร์ ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนผลที่มีความหมายและยั่งยืนผ่านธุรกิจการจัดประชุม”

“ช่างเป๋นการรับรองที่ยอดเยี่ยมสำหรับซิดนีย์ที่ได้รับเกียรติให้เป็นเมืองเจ้าภาพงานธุรกิจชั้นนำ 3 อันดับแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” Lyn Lewis-Smith, CEO ของ Business Events Sydney (BESydney) กล่าว “Cvent มีบทบาทสำคัญในการแนะนำสถานที่ที่น่าประทับใจ เช่น ซิดนีย์ มาสู่มือนักวางแผนโดยตรง การได้รับเกียรตินี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงเครือข่ายที่น่าประทับใจของโรงแรม สถานที่จัดงาน และซัพพลายเออร์ โดยร่วมมือกับนักวางแผนงานอีเว้นท์เพื่อทำให้อีเว้นท์เป็นจริงขึ้นมา ซิดนีย์เป็นเมืองที่สวยงามตามธรรมชาติและเป็นมิตร มีการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของมรดก First Nations วัฒนธรรมร่วมสมัย และการวิจัยที่เจริญรุ่งเรือง รวมถึงภาคส่วนอุตสาหกรรม – เป็นส่วนผสมที่เหมาะสมทั้งหมดที่จะจุดประกายแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงสำหรับตัวแทนในท้องถิ่นและระดับโลกที่มีลักษณะเหมือนกัน”

โรงแรมสำหรับจัดประชุมติดอันดับยอดนิยมของ Cvent | ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

JW Marriott Hotel Singapore South Beach ก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในปีนี้ โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับย่านศูนย์กลางธุรกิจ มีการแสดงภาพและเสียงที่ล้ำสมัย พร้อมพื้นที่จัดประชุมที่มีความยืดหยุ่น ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับนักวางแผนงานอีเว้นท์ โรงแรมใหม่ที่ติด 10 อันดับแรก ได้แก่ Hilton Tokyo (อันดับ 4), Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park (อันดับ 5), voco Orchard Singapore (อันดับ 7), Hilton Kuala Lumpur (อันดับ 8) และ Sheraton Grand Sydney Hyde Park (อันดับ 9)

โรงแรมสำหรับจัดประชุม 10 อันดับยอดนิยม

1. JW Marriott Hotel Singapore South Beach

2. Shangri-La Singapore

3. Hyatt Regency Sydney

4. Hilton Tokyo

5. Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park

6. Fairmont Singapore

7. voco Orchard Singapore

8. Hilton Kuala Lumpur

9. Sheraton Grand Sydney Hyde Park

10. Hilton Singapore Orchard

หากต้องการดูข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่จัดประชุมยอดนิยมทั้งหมดของ Cvent และโรงแรมสำหรับจัดประชุมยอดนิยมของ Cvent ระดับโลก คลิกที่นี่

ระเบียบวิธีการ

สำหรับ สถานที่จัดประชุมยอดนิยมของ Cvent Cvent มีการประเมินเมืองต่างๆ กว่า 12,500 แห่งทั่วโลกที่จดทะเบียนไว้ใน เครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent (CSN) มีการติดตามกิจกรรมต่างๆ ระหว่างเดือนมกราคม ปี 2023 ถึงเดือนธันวาคม ปี 2023 มีการจัดอันดับโดยพิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ได้แก่ จำนวนคืนที่พักในห้องพักทั้งหมดที่มีการจองไว้ จำนวนคำขอใบเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (RFPs) เฉพาะที่ส่งผ่าน marketplace ไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในเมือง มูลค่ารวมของ RFP ที่มีการนำส่ง และมูลค่ารางวัลตามจริงสำหรับการประชุมที่มีการจองไว้

สำหรับ โรงแรมสำหรับจัดประชุมยอดนิยมของ Cvent Cvent มีการประเมินโรงแรมที่มีการดำเนินธุรกิจผ่าน CSN ระหว่างเดือนมกราคม ปี 2023 ถึงเดือนธันวาคม ปี 2023 โดยมีการจัดอันดับที่พักตามเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงคำขอใบเสนอราคาทั้งหมด (RFPs) RFP ที่ได้รับรางวัล จำนวนคืนที่พักในห้องพักทั้งหมด จำนวนคืนที่พักในห้องพักที่ได้รับรางวัล ส่วนแบ่งการตลาดหลักๆ ในเขตเมืองใหญ่ อัตราการแปลงสกุลเงิน และอัตราการตอบรับ เกณฑ์ดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สะท้อนถึงโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำในอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้อย่างแม่นยำที่สุด

เกี่ยวกับเครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent

เครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent ประกอบด้วยโรงแรม รีสอร์ท และสถานที่จัดอีเว้นท์พิเศษมากกว่า 300,000 แห่ง เป็นฐานข้อมูลรายละเอียดสถานทีที่ใหญ่ที่สุดและแม่นยำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีการจัดหาธุรกิจ MICE มูลค่ามากกว่า 16 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านเครือข่ายการจัดหาของ Cvent ในปี 2023 CSN มีรายชื่อของโรงแรมและสถานที่อื่นๆ ใน 18 ภาษา ซึ่งสามารถค้นหาและกรองตามลักษณะและเกณฑ์มากกว่า 200 รายการ CSN เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Cvent ที่ครอบคลุม ซึ่งนำเสนอโซลูชันที่โรงแรมและสถานที่ต่างๆ ใช้เพื่อดำเนินธุรกิจ MICE และธุรกิจการเดินทางขององค์กร และมีส่วนร่วมกับเครือข่ายนักวางแผนทั่วโลกกว่า 125,000 รายที่ไว้วางใจ Cvent การจัดหาโรงแรมและสถานที่ และจัดการอีเว้นท์ต่างๆ

เกี่ยวกับ Cvent

Cvent เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการประชุม อีเว้นท์ และการประชาสัมพันธ์ชั้นนำ โดยมีพนักงานมากกว่า 4,800 คน และลูกค้า 22,000 รายทั่วโลก ณ วันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2023 บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดยมีการนำเสนอแพลตฟอร์มการตลาดและการจัดการงานอีเว้นท์ที่ครอบคลุม และนำเสนอ marketplace ระดับโลกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านงานอีเว้นท์มีการร่วมมือกันกับสถานที่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและน่าประทับใจ แพลตฟอร์มการตลาดและการจัดการงานอีเว้นท์ Cvent ที่ครอบคลุมนำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์แก่ผู้จัดงานอีเว้นท์และนักการตลาดสำหรับการลงทะเบียนงานอีเว้นท์ออนไลน์ การเลือกสถานที่ การตลาดและการจัดการงานอีเว้นท์ โซลูชันเสมือนจริงและในสถานที่ และการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วม โรงแรมและสถานที่ต่างๆ ใช้โซลูชันซัพพลายเออร์และสถานที่ของ Cvent เพื่อเอาชนะใจลูกค้า MICE และธุรกิจการเดินทางขององค์กรผ่านแพลตฟอร์มการจัดหาของ Cvent สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Cvent.com/in

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับการสอบถามข้อมูลด้านสื่อ โปรดติดต่อ:
Sucharita Das
อีเมล: Sucharita.das@cvent.com
มือถือ: +91 9899128886

แหล่งข้อมูล: Cvent

Black & Veatch เสนอแผนการปรับใช้นวัตกรรม Low-Carbon อย่างรวดเร็วเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่งาน Future Energy Asia

Logo

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–9 พฤษภาคม 2567

Black & Vetch ผู้นําโซลูชันด้านโครงสร้างพื้นฐานได้เสนอว่าเอเซียแปซิฟิกต้องระบุและปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีคาร์บอนต่ำให้มากขึ้น เพื่อเร่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและการพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกขั้นตอนต่อไปเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นงานที่มีความซับซ้อน

โครงการพลังงานหมุนเวียนหลายแห่งจะมีขนาดใหญ่และบ่อยครั้งโครงการจะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่จะต้องเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้ากับแหล่งพลังงานใหม่ที่เหมาะสมสําหรับทั้งการผลิตและการพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวในรูปแบบเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ การถอดถอนโครงสร้างพื้นฐานถ่านหินเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน จะต้องต้องมีการจัดการด้านการเงินให้เหมาะสมและเป็นธรรมต่อประชาชนและธุรกิจในท้องถิ่นดังกล่าว

“อย่างไรก็ตาม โอกาสมากมายที่มีอยู่ในเอเชียแปซิฟิกในการรวมเทคโนโลยีการผลิตพลังงานที่แตกต่าง ระบบสายส่ง และการจัดจําหน่ายในราคาที่เหมาะสมและในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้บรรลุความสําเร็จเชิงพาณิชย์และสิ่งแวดล้อม” กล่าวโดย Narsingh Chaudhary ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black &Veatch

“Black & Veatch เป็นผู้นำด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สําคัญมาหลายทศวรรษแล้ว และมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในเอเชียแปซิฟิกด้วยแหล่งพลังงานที่มีคาร์บอนต่ำและไม่มีคาร์บอน” กล่าวโดย Narsingh Chaudhary

ในขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่พื้นฐานใช้พลังงานที่มีคาร์บอน มาเป็นใช้พลังงานจากอิเล็กตรอนและโมเลกุล ภูมิภาคนี้จะต้องหาแหล่งพลังงานที่เหมาะสมสําหรับความต้องการระยะสั้นและการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว รวมถึง ระดับการเข้าถึงแหล่งพลังงาน ความต้องการพลังงานที่แตกต่าง และความต้องการโซลูชันที่หลากหลาย

ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สามารถรองรับการเปลี่ยนจากการใช้ถ่านหิน และผสมพลังงานเพิ่มเติมที่จําเป็นต้องมีเพื่อสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจในตลาดกําลังพัฒนาได้

เทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงาน เช่น ระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) และการจัดเก็บพลังงานน้ำระบบสูบกลับ (PSH) จะเป็นส่วนที่ช่วยรักษา เสริมสร้างความมีเสถียรภาพ และความมั่นคงให้กับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอันเนื่องมาจากความแปรปรวนหรือการขาดหายอย่างฉับพลันของพลังงานหมุนเวียนต่างๆในระบบ

ไฮโดรเจน จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่จะมีศักยภาพในอนาคต สำหรับการกักเก็บ และ รักษาสมดุล สำหรับการเชื่อมโยงกันของ ภาคผลิตสาธารณูปโภค, ภาคธุรกิจ และ ภาคอุตสาหกรรม ที่ยังคงต้องการการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

การวางแผนและการออกแบบโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพที่ดี อันประกอบด้วย ระบบการเชื่อมโยงสายส่ง ระบบการเชื่อมโยงสถานีไฟฟ้า และระบบการทดแทนของแหล่งพลังงาน จะเป็นตัวแปรสำคัญในการรรักษาเสถียรภาพ ในด้านแรงดัน, ความถี่ และความต้องการไฟฟ้า ของแต่ละประเทศใน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค

ที่งาน Future Energy Asia 2024  Narsingh Chaudhary จะนําเสนอตัวอย่าง การใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงที่ Narsingh Chaudharyจะแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบทบาทของก๊าซและ LNG ในฐานะเชื้อเพลิงเปลี่ยนผ่าน

หัวข้ออื่น ๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ Black & Veatch จะหารือที่ Future Energy Asia ได้แก่:

  • เปิดใช้งานการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเข้ากับเทคโนโลยีสมาร์ทกริด
  • ความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาการดําเนินการด้านสภาพอากาศ โซลูชัน และนวัตกรรม
  • การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ PV และ BESS
  • การใช้ไฮโดรเจนสีเขียว

ติดต่อ Black & Veatch สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black &Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คําปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลก โดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สําคัญที่สุดของเรา ติดตามเราบน www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสื่อมวลชน:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
อีเมลสื่อตลอด 24 ชั่วโมง | LINKEDIN Media@bv.com

ที่มา: Black & Veatch

Xsolla เผยรายงานข้อมูลเชิงลึกประจำไตรมาสเกี่ยวกับอนาคตของการเล่นเกมและการพัฒนาเกม: บทวิเคราะห์เบื้องต้นของตัวชี้วัดฉบับฤดูใบไม้ผลิปี 2024 และเทรนด์แห่งโลกอนาคตที่กำลังมาถึง

Logo

เทรนด์ที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มเกมมือถือที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผลกระทบของกฎระเบียบฉบับล่าสุด การรวมบล็อกเชนและ AI เข้าด้วยกัน และการลงทุนในหุ้นสามัญและการผนวกรวมทั้งอุตสาหกรรมเกม

ณ ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

ในวันนี้ Xsolla บริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกได้เผยแพร่รายงาน “The Xsolla Report: The State of Play” ฉบับฤดูใบไม้ผลิปี 2024 ออกมาแล้ว เมื่องานสัมมนาสำหรับนักพัฒนาเกม (Game Developers Conference, GDC) ประจำปี 2024 สิ้นสุดลงก็เผยแพร่ทันที รายงานที่ครอบคลุมฉบับนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าเกี่ยวกับเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่กำหนดอนาคตของเกมมือถือ กระชับความสัมพันธ์ทางวิชาการในระบบนิเวศของเกม และกำหนดรูปแบบการลงทุนใหม่

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

ในยุคที่เกมมือถือครองส่วนแบ่งตลาดโลก 49% ในปี 2023 รายงาน “The State of Play” ฉบับนี้จะให้ความกระจ่างเรื่องภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเกมมือถือ โดยกล่าวถึงความก้าวหน้าในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับของโลก รวมถึงกฎหมายตลาดดิจิทัล (Digital Markets Act) ในกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของผู้เล่นรายใหม่ของยุโรป ซึ่งนำเสนอภาพรวมของอนาคตที่เป็นไปได้ในการสร้างรายได้และการจัดจำหน่ายเกมมือถือ โดยอภิปรายถึงผลกระทบของการเล่นข้ามแพลตฟอร์มและความสำคัญของโมเดลการสร้างรายได้ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ รวมทั้งมอบข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้จริงให้แก่นักพัฒนาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมนี้

รายงาน “The State of Play” เน้นย้ำถึงความสำคัญของสถาบันการศึกษาในการเติบโตและความหลากหลายของอุตสาหกรรมเกม สำรวจว่าโปรแกรมกับแผนการการศึกษานั้นพัฒนาความสามารถและส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนเกมได้อย่างไร รายงานฉบับนี้มุ่งความสำคัญไปที่ความสัมพันธ์แบบอิงอาศัยระหว่างอุตสาหกรรมเกมกับสถาบันการศึกษา โดยเน้นโปรแกรมที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อนักเรียนและอุตสาหกรรมเกม

Berkley Egenes ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและการเติบโตของบริษัท Xsolla ให้ความเห็นว่า “ขณะที่เราเปิดตัวรายงาน 'The State of Play' ฉบับล่าสุด เราไม่เพียงแต่แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมเกมเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งว่าด้วยเรื่องการเข้าถึงที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน แผนการนี้ได้บรรลุไปไกลเกินกว่าความมุ่งมั่นของเราในการรังสรรค์นวัตกรรมและการเติบโตในอุตสาหกรรมเกม โดยทลายอุปสรรคต่างๆ ที่รับประกันได้ว่านักพัฒนาทุกๆ คน ไม่ว่าจะสังกัดอยู่ในบริษัทรายเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ต่างก็มีโอกาสที่จะแสดงความคิดสร้างสรรค์และเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก จุดมุ่งเน้นของเราคือการนำเสนอแพลตฟอร์มและเครื่องมือที่จะช่วยส่งเสริมโอกาสที่สร้างสรรค์ การกระจายไปสู่ต่างประเทศ และการพัฒนาโปรเจกต์ที่มีเอกลักษณ์ เพื่อทำให้ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงเกมในโลกอนาคตนี้ได้อย่างแน่นอน เรามุ่งมั่นที่จะเสริมพลังให้กับผู้เล่นและนักพัฒนาทุกคนทั่วโลก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าภูมิทัศน์ของเกมมีความหลากหลายและมีไดนามิกเหมือนกับชุมชนของเกมเอง”

รายงานกล่าวถึงการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ที่เป็นตัวกำหนดการลงทุนของอุตสาหกรรมเกมในปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มการระดมทุน การควบรวมกิจการ และการซื้อกิจการ โดยสรุปการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในรูปแบบการลงทุน ตั้งแต่จุดสูงสุดของการเติบโตอย่างรวดเร็วที่เกิดจากการระบาดใหญ่ ไปจนถึงแนวทางที่วัดผลได้มากขึ้นในปี 2024 รายงาน “The State of Play” มีแบบร่างที่จะชี้ให้เห็นแง่มุมทางการเงินของอุตสาหกรรมนี้ โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนเชิงกลยุทธ์และเทรนด์ที่คาดคะเนไว้ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

รายงานฉบับนี้ประกอบด้วยความเห็นจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเกม เช่น Mukul Aurora ผู้ร่วมก่อตั้ง Appsoleut Games, Mariusz Gasiewski ผู้เป็น CEO of Mobile Gaming and Apps Lead ที่ Google, รวมทั้ง Karla Reyes ผู้ก่อตั้งและ Studio Director ของ Anima Interactive ทั้งนี้ Xsolla Report: The State of Play พร้อมให้ดาวน์โหลดฟรีแล้ว หากต้องการรายงานฉบับสำเนาและรับข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกม โปรดไปที่เว็บไซต์ของเรา  xsolla.pro/txr-spring24

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีเครื่องมือและบริการต่างๆ มากมายที่เปี่ยมประสิทธิภาพและทรงพลังซึ่งออกแบบมาเพื่ออุตสาหกรรมเกมโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือผู้พัฒนาเกมและผู้จัดจำหน่ายทุกขนาดหลายพันรายในด้านการระดมทุน ทำการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของพวกเขาทั่วโลกและบนแพลตฟอร์มมากมาย ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในการค้าเกม พันธกิจของ Xsolla คือการแก้ปัญหาความซับซ้อนที่มีอยู่ตามธรรมชาติของการจัดจำหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างสัมพันธ์กับชาวเกมเมอร์ได้ทั่วโลก บริษัทมีสำนักงานใหญ่และจัดตั้งขึ้นที่ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ตลอดจนมีสำนักงานอยู่ในลอนดอน เบอร์ลิน ปักกิ่ง กวางโจว โซล โตเกียว กัวลาลัมเปอร์ ราลี และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla ให้การสนับสนุนบริษัทเกมรายใหญ่ต่างๆ เช่น Valve, Take-Two, KRAFTON, Nexters , NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo และอีกมากมาย

หากต้องการทราบและเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53988304/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลผู้ติดต่อ

Derrick Stembridge
Global Director of Public Relations, Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

แหล่งที่มาข้อมูล: Xsolla

MidOcean Energy ของ EIG แต่งตั้ง Armand Lumens เป็น CFO

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

MidOcean Energy (“MidOcean”) อันเป็นบริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศแต่งตั้ง Armand Lumens ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ในวันนี้

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

Mr. Lumens นำประสบการณ์กว่า 30 ปีที่มีความเกี่ยวข้องอย่างมากและมีความเชี่ยวชาญในวงกว้างมาสู่ MidOcean ทั้งในด้าน M&A หุ้นนอกตลาด การพัฒนาธุรกิจ การค้าขาย การเงิน การตรวจสอบ การจัดการความเสี่ยง การร่วมลงทุน การเสนอขายหุ้นแก่เอกชน และการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Armand เข้าสู่ทีม MidOcean” De la Rey Venter ผู้เป็น CEO ของ MidOcean กล่าว “เรามั่นใจในความสามารถของเขาในการขับเคลื่อนความเป็นเลิศทางการเงิน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้บริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาของเขาจะเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่า ในขณะที่ MidOcean จะยังคงดำเนินการตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ต่อไป”

Lumens กล่าวว่า “MidOcean อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะสร้างผลกระทบสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านของภาคส่วนพลังงานผ่านความเชี่ยวชาญและมุ่งเน้นไปที่ LNG ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับ De la Rey และทีม EIG เนื่องจากมันจะเป็นการสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลก”

ล่าสุด Mr. Lumens ดำรงตำแหน่ง Group CFO ของ Neptune Energy ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและปรับใช้กลยุทธ์ทางการเงินและไอทีของบริษัท ตลอดจนบรรลุความสำเร็จในการดำเนินงาน ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งที่ Neptune Energy เขาดำรงตำแหน่ง Group CFO ที่ Louis Dreyfus ก่อนหน้านี้ Mr. Lumens ทำงานที่ Shell มานานกว่า 24 ปี โดยดำรงตำแหน่งอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง CFO ของ Shell Trading ประธานผู้ตรวจสอบภายใน และหัวหน้าฝ่ายการรายงานและการวางแผนภายนอกของกลุ่มอีกด้วย

Mr. Lumens สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและ MBA จากมหาวิทยาลัย Maastricht และปริญญาโทสาขาการเงินจาก London Business School เขาเป็นผู้ตรวจสอบภายในที่ผ่านการรับรองและเป็นศิษย์เก่าของหลักสูตรภาวะผู้นำผู้บริหารของ IMD Mr. Lumens สามารถพูดภาษาอังกฤษ ดัตช์ ฝรั่งเศส เยอรมัน และอิตาลีได้อย่างคล่องแคล่ว

เกี่ยวกับ EIG
EIG คือนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีมูลค่าภายใต้การบริหาร 24.7 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2024 EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 47.9 พันล้านดอลลาร์ให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัท 410 แห่งใน 42 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy
MidOcean Energy ซึ่งเป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย ฟื้นตัวได้ ต้นทุน และคาร์บอนได้ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมมา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง Global Head of LNG ของ Shell Plc ด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

EIG
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งที่มา: EIG

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53985677/en

Falcon 2: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของ UAE เปิดตัวซีรีส์โมเดล AI ใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Llama 3 ใหม่ของ Meta

Logo

  • ซีรีส์ Falcon 2 รุ่นใหม่เปิดตัวโมเดล AI ซึ่งเป็นโอเพ่นซอร์ส หลายภาษา และหลายโมเดลและเป็นโมเดล AI เพียงโมเดลเดียวที่มีความสามารถในการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษา
  • Falcon 2 11B ใหม่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Llama 3 8B ของ Meta และทำงานได้เทียบเท่ากับโมเดล Google Gemma 7B ชั้นนำ ซึ่งได้รับการยืนยันแต่ละรุ่นตามกระดานคะแนน Hugging Face Leaderboard
  • แผนเร่งด่วนปัจจุบันรวมการสำรวจ 'Mixture of Experts' เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่อง

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

Technology Innovation Institute (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ชั้นนำระดับโลกและเป็นเสาหลักด้านการวิจัยประยุกต์ของ Advanced Technology Research Council (ATRC) ของ Abu Dhabi ได้เปิดตัวโครงการวิจัยครั้งที่สองของโมเดลระบบภาษาขนาดใหญ่ (LLM) – Falcon 2 ภายในซีรีส์นี้ บริษัทได้เปิดตัวสองเวอร์ชันที่ก้าวล้ำ ได้แก่ Falcon 2 11B ซึ่งเป็น LLM ที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้น โดยมีการทดสอบบน 5.5 ล้านล้านโทเค็นพร้อมพารามิเตอร์ 11 พันล้านรายการ และ Falcon 2 11B VLM ที่มีความโดดเด่นด้วยความสามารถของโมเดลการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษา (VLM) ซึ่งจะช่วยให้สามารถแปลงอินพุตภาพเป็นเอาท์พุตข้อความได้ แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะสามารถรองรับได้หลายภาษา หากแต่ Falcon 2 11B VLM มีความโดดเด่นในโมเดลต่อเนื่องหลายรูปแบบรุ่นแรกของ TII และเป็นรุ่นเดียวในตลาดระดับสูงในปัจจุบันที่มีความสามารถในการแปลงภาพให้เป็นข้อความ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในนวัตกรรม AI

Falcon Image Caption Generator (Photo: AETOSWire)

ระบบสร้างคำบรรยายภาพ Falcon (ภาพถ่าย: AETOSWire)

การทดสอบกับโมเดล AI ที่โดดเด่นหลายรุ่นในคลาสเดียวกันในบรรดาโมเดลที่มีการทดสอบแล้วต่างๆ Falcon 2 11B มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Llama 3 ที่มีการเปิดตัวใหม่ล่าสุดของ Meta พร้อมพารามิเตอร์ 8 พันล้านรายการ (8B) และทำงานได้เทียบเท่า Gemma 7B ของ Google ในช่วงแรก (Falcon 2 11B: 64.28 เทียบกับ Gemma 7B: 64.29) ซึ่งได้รับการยืนยันแต่ละส่วนโดย Hugging Face ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในสหรัฐอเมริกาที่ให้บริการเครื่องมือการประเมินตามวัตถุประสงค์และกระดานคะแนนระดับโลกสำหรับ LLM แบบเปิด ที่สำคัญกว่านั้น Falcon 2 11B และ 11B VLM ต่างก็เป็นโอเพ่นซอร์ส ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่จำกัด ในอนาคตอันใกล้นี้ มีแผนที่จะขยายโมเดล Falcon 2 รุ่นใหม่ โดยจะมีการเปิดตัวขนาดต่างๆ และจะมีการปรับแต่งโมเดลเหล่านี้เพิ่มเติมด้วยความสามารถด้านการเรียนรู้ขั้นสูงสำหรับเครื่อง อย่างเช่น 'Mixture of Experts' (MoE) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันประสิทธิภาพไปสู่ระดับที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

โมเดล AI ทั้งหมดของ TII ทั้งที่เปิดตัวก่อนหน้านี้จนถึงปัจจุบันได้รับการจัดอันดับในระดับสูงสุดทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ในฐานะโอเพ่นซอร์ส LLM ที่ทรงพลังสูงสุด โมเดล Falcon 2 11B อเนกประสงค์ที่มีการลดขนาดลงและมีการตั้งค่าเพื่อให้ TII มีการใช้งานในตลาดมากยิ่งขึ้นในโลกของ AI เจเนอเรทีฟที่มีการพัฒนาตลอดเวลา

โมเดล Falcon 2 11B มาพร้อมความสามารถในการรองรับหลายภาษา สามารถรับมือกับงานในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน โปรตุเกส และภาษาอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและขยายประสิทธิผลในสถานการณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย Falcon 2 11B VLM ซึ่งเป็นโมเดลที่มีการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษา มีความสามารถในการระบุและแปลภาพและการมองเห็นจากสภาพแวดล้อม พร้อมแอปพลิเคชันการใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิเช่น การดูแลสุขภาพ การเงิน อีคอมเมิร์ซ การศึกษา และกฎหมาย แอปพลิเคชันเหล่านี้สามารถใช้งานทั้งการจัดการเอกสาร การจัดเก็บถาวรระบบดิจิทัล และการจัดทำดัชนีบริบท เพื่อสนับสนุนผู้ใช้งานที่มีความบกพร่องด้านการมองเห็น นอกเหนือจากนี้ โมเดลเหล่านี้ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เพียงหน่วยเดียว ทำให้สามารถปรับขนาดได้อย่างเต็มรูปแบบ และง่ายในการปรับใช้และผสานรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่มีขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อป และอุปกรณ์อื่นๆ เป็นต้น

H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC และที่ปรึกษาด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และเทคโนโลยีขั้นสูงของประธานาธิบดี UAE กล่าวว่า “ด้วยการเปิดตัวของ Falcon 2 11B เรามีการเปิดตัวโมเดลแรกในซีรีส์ Falcon 2 ในขณะที่ Falcon 2 11B แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่น เราขอยืนยันความมุ่งมั่นของเราต่อการพัฒนาของโอเพ่นซอร์สและต่อ Falcon Foundation ด้วยโมเดลต่อเนื่องหลายรูปแบบอื่นๆ ที่จะออกสู่ตลาดในขนาดต่างๆ ในเร็วๆ นี้ เป้าหมายของเราคือ เพื่อให้แน่ใจว่า นักพัฒนาและหน่วยงานที่ให้ความสำคัญในความเป็นส่วนตัวจะสามารถเข้าถึงหนึ่งในโมเดล AI ที่ดีที่สุด เพื่อเริ่มต้นใช้งาน AI ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ”

Dr. Hakim Hacid กรรมการบริหารและรักษาการหัวหน้านักวิจัยของ AI Cross-Center Unit ที่ TII กล่าวถึงโมเดลดังกล่าวว่า “AI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาต่างตระหนักถึงคุณประโยชน์มากมายของโมเดลขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากการลดข้อกำหนดด้านความสามารถในการประมวลผลและสอดคล้องตามเกณฑ์ความยั่งยืนแล้ว โมเดลเหล่านี้ยังมีความยืดหยุ่นที่มากขึ้น โดยมีการผสานรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน edge AI ได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป นอกเหนือจากนี้ ความสามารถในการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษาของ Falcon 2 เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่สำหรับการเข้าถึง AI ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ด้วยการแปลงภาพให้เป็นข้อความได้เป็นอย่างดี”

ความอเนกประสงค์ของ Falcon 2 11B ยังช่วยให้ TII พิจารณาการทำงานร่วมกับนวัตกรรมของ GenAI ที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือ การนำความสามารถในการเรียนรู้รูปแบบใหม่ของเครื่องที่เรียกว่า ‘Mixture of Experts’ ตามที่กล่าวถึงข้างต้น วิธีการนี้มีความเกี่ยวข้องกับการรวมเครือข่ายขนาดเล็กที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า โดเมนที่มีฐานความรู้สูงสุดสามารถทำงานร่วมกันเพื่อนำเสนอการตอบสนองที่ซับซ้อนและมีการปรับแต่งได้เป็นอย่างดี – เหมือนการมีทีมผู้ช่วยที่ชาญฉลาดซึ่งแต่ละคนมีความรู้ที่แตกต่างกันมาทำงานร่วมกัน เพื่อการคาดการณ์หรือตัดสินใจเมื่อจำเป็น แนวทางนี้ไม่เพียงจะช่วยให้สามารถมีความแม่นยำที่สูงขึ้น แต่ยังช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถปูทางไปสู่ระบบ AI ที่มีความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Falcon 2 11B ได้รับอนุญาตภายใต้ TII Falcon License 2.0 ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บน Apache 2.0 ที่ผ่านการรับรอง โดยรวมนโยบายการใช้งานซึ่งเป็นที่ยอมรับเพื่อส่งเสริมการใช้งาน AI อย่างรอบคอบ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเดลใหม่ได้ที่ FalconLLM.TII.ae

แหล่งข้อมูลAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53984622/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan, Senior Director of Communications
Jennifer.dewan@tii.ae

แหล่งข้อมูล: The Technology Innovation Institute

บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ใช้ Boomi เพื่อสร้าง Data Core ที่เสถียร

Logo

HEB Construction ของนิวซีแลนด์ใช้ Boomi เพื่อเชื่อมต่อการดําเนินงานในท้องถิ่นและบูรณาการเข้ากับการปรับปรุง ERP ของบริษัทแม่ให้ทันสมัย ปกป้องความสามารถในท้องถิ่น การกํากับดูแล และความพร้อมของ AI

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

Boomi™ ผู้นําด้านบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ได้ประกาศในวันนี้ว่า HEB Construction เลือก Boomi เพื่อเปิดใช้งานการส่งมอบโครงการปรับปรุงการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ให้ทันสมัย ซึ่งรับประกันความสอดคล้องทั่วโลกกับบริษัทแม่ สนับสนุนการกํากับดูแลท้องถิ่น และสร้างปรัชญาการนํากลับมาใช้ใหม่

Major Construction Company Deploys Boomi to Build Stable Data Core (Graphic: Business Wire)

บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ใช้ Boomi เพื่อสร้าง Data Core ที่เสถียร (กราฟิก: Business Wire)

HEB Construction (HEB) เป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ที่มีพนักงาน 1,500 คนในนิวซีแลนด์ บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดยให้บริการโครงการพัฒนาถนน ทางรถไฟ ทางทะเล ที่ดิน และเมืองทั่วประเทศ ในปี 2015 HEB ถูกซื้อกิจการโดย VINCI Construction

ในปี 2022 HEB เริ่มนําโครงการ ERP ของบริษัทแม่มาใช้ ซึ่งถือเป็นการใช้งานครั้งแรกนอกสหภาพยุโรป แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วแพลตฟอร์ม ERP จะเข้ามาแทนที่ระบบในประเทศทั้งหมด แต่ก็ไม่เหมาะสําหรับ HEB เนื่องจากการครบกำหนดของการลงทุนด้านเทคโนโลยีในท้องถิ่นที่มีอยู่ และกรอบการกํากับดูแลที่ดําเนินการอยู่

“ด้วยข้อกําหนดด้านกฎระเบียบและการทํางานของนิวซีแลนด์ ซึ่งขัดแย้งกับกับตลาดที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ จึงเห็นได้ชัดว่า 'การปลูกถ่ายดิจิทัล' นั้นไม่เหมาะสม เนื่องจาก HEB ต้องการแนวทางที่แตกต่างออกไป” Mircel Van Der Walt สถาปนิกองค์กรของ HEB Construction กล่าว “ทีมของผมได้พิจารณาแนวทางการบูรณาการแบบไฮบริดแทน การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงได้รับแรงผลักดันจากความจําเป็นสําหรับระบบการกํากับดูแลที่เป็นไปตามข้อกำหนดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความจําเป็นของเราในการรักษาความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ในระบบท้องถิ่นเช่น ทรัพยากรบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่า ERP ใหม่จะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยนี้ เราตระหนักดีว่า HEB จะได้รับความไว้วางใจจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมโดยใช้แกนกลางที่มั่นคงเท่านั้น”

HEB ใช้ integration platform as a service (iPaaS) ของ Boomi เพื่อสร้างฮับและพูดถึงรูปแบบการบูรณาการระหว่างแอปพลิเคชันในท้องถิ่น รวมถึงบัญชีเงินเดือน ใบบันทึกการทำงาน การจัดการสินค้าคงคลัง และระบบบํารุงรักษาอุปกรณ์ การใช้โครงสร้างข้อมูลของ ERP เป็นมาตรฐานข้อมูล HEB ได้สะท้อนรูปแบบท้องถิ่นด้วยสแต็ก ERP ทั่วโลกเพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างฮับกับฮับ แนวทางนี้ทำให้เกิดการสื่อสารที่ราบรื่นระหว่างทั้งสองบริษัท และสร้างรูปแบบการบูรณาการที่นํากลับมาใช้ใหม่ได้

“แม้ว่าโครงการ ERP จะมีความซับซ้อน แต่ 'สล็อต' ของเราในการเปิดตัวทั่วโลกที่ใหญ่ขึ้นก็ยังคงรักษากรอบเวลา 12 เดือนที่เข้มงวดเหมือนเดิม แต่ด้วย Boomi Enterprise Platform เรามีเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถส่งมอบตรงเวลา รวมถึงสร้างอินเทอร์เฟซการออกแบบที่มีคุณค่าในการนํากลับมาใช้ใหม่ โดยสามารถจําลองสิ่งที่เราประสบความสําเร็จในส่วนอื่นๆ ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการ์ดเรล ข้อบังคับ และข้อกําหนดในการปฏิบัติงานในท้องถิ่นที่คล้ายคลึงกัน”

HEB ยังใช้ Boomi Master Data Hub (MDH) เพื่อเพิ่มการทํางานร่วมกันและความแม่นยําให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วย MDH HEB สามารถจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างครอบคลุมผ่านเลเยอร์ที่เป็นนามธรรมสามชั้น ได้แก่ คน โครงการ และอุปกรณ์

“ด้วยการกําหนดขอบเขตระหว่างต้นแบบข้อมูลทั้งสามแบบ ข้อมูล ERP จึงสามารถป้อนผ่านได้อย่างแม่นยำ และลงจอดในตำแหน่งที่ควรจะเป็นในท้องถิ่น และในทางกลับกัน ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ข้อมูลการจ้างงานใหม่จะดึงข้อมูล 'ผู้คน' ของ Boomi ของเรา และไหลไปที่ ERP เมื่อถึงความสมบูรณ์ของข้อมูลขั้นต่ำ

“เรากําลังกลายเป็นธุรกิจที่เน้นดิจิทัล ไม่ใช่แค่บริษัทก่อสร้างที่มีข้อมูลเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเราไม่ได้เพียงแค่ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมเท่านั้น เรากําลังให้ความหมายแก่ระบบโดยการเชื่อมต่อระบบเหล่านี้เข้ากับแกนข้อมูลองค์กรที่มีความเสถียร สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับแผน AI ของเรา เนื่องจากคุณไม่สามารถมี AI ได้หากไม่มี IA (สถาปัตยกรรมข้อมูล) ด้วย Boomi ตอนนี้เราพร้อมแล้ว”

Nathan Gower ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายองค์กร APAC ของ Boomi กล่าวว่า “นี่เป็นตัวแทนที่แท้จริงของนวัตกรรมในท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทระดับโลกยอมรับข้อกําหนดเฉพาะที่จําเป็นในภูมิภาค HEB ใช้ Boomi เพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแบบผสมผสาน และด้วยการทําเช่นนั้น ได้สร้างความเข้าใจร่วมกันว่าไม่มีค่ายไหน แต่ทั้งสององค์กรใช้ระบบและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างผลลัพธ์แบบบูรณาการที่บรรลุเป้าหมายร่วมกัน”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจด้วยการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ในฐานะบริษัทชั้นนําการให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) ระดับโลก Boomi เฉลิมฉลองให้กับลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 20,000 รายและเครือข่ายพันธมิตร 800 รายทั่วโลก องค์กรต่างๆ หันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน ข้อมูล และผู้คนเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© © 2024 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์. ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่าย Influencer Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53984377/en

ที่มา: Boomi

AGC Group ได้รับการรับรอง First Cradle to Cradle Certified® เป็นครั้งแรกสําหรับผลิตภัณฑ์กระจกภายใน Mirox MNGE ในเอเชีย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

Mirox MNGE ของ AGC Glass Asia กระจกตะกั่วต่ำ ได้รับรางวัล Cradle to Cradle Certified® ในระดับทองแดงตามเวอร์ชัน 3.1 การรับรองนี้ครอบคลุมถึงการผลิตโดยบริษัทในเครือ AGC Group สองแห่งในเอเชีย ได้แก่ PT Asahimas Flat Glass Tbk และ AGC Float Glass (ประเทศไทย)

The AGC Group Obtains Its First Cradle to Cradle Certified® for Mirox MNGE Interior Glass Products in Asia (Graphic: Business Wire)

AGC Group ได้รับการรับรอง First Cradle to Cradle Certified® เป็นครั้งแรกสําหรับผลิตภัณฑ์กระจกภายใน Mirox MNGE ในเอเชีย (รูปกราฟิก​: Business Wire)

กระจก Mirox MNGE ได้รับการประเมินอย่างละเอียดตามเกณฑ์การประเมินหลักห้าประเภท ได้แก่ สุขภาพวัสดุ การนําวัสดุกลับมาใช้ใหม่ พลังงานหมุนเวียน การดูแลน้ำ และความเป็นธรรมทางสังคม การรับรองนี้ไม่เพียงตรวจสอบข้อมูลประจําตัวด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการได้รับการรับรองอาคารเขียว เช่น LEED, WELL และ Green Star (ออสเตรเลีย)

AGC Group ได้กําหนด “ค่านิยมทางสังคมสามประการ” ที่จะสร้างขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในแผนการจัดการระยะกลาง “AGC plus-2026” หนึ่งในนั้นคือ “Blue planet” มีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมโลก ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ด้วยการได้รับการรับรอง Cradle to Cradle Certified® กลุ่มบริษัทกําลังสานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง

เกี่ยวกับ AGC

AGC Inc. (สํานักงานใหญ่: โตเกียว ประธานและซีอีโอ: Yoshinori Hirai) (TOKYO: 5201) เป็นบริษัท แม่ของ AGC Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นกระจกชั้นนําของโลก และผู้จัดจําหน่ายกระจกแผ่นราบ ยานยนต์ และจอแสดงผล เคมีภัณฑ์ เซรามิก ตลอดจนวัสดุและส่วนประกอบไฮเทคอื่นๆ ด้วยนวัตกรรมทางเทคนิคที่สั่งสมมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ AGC Group ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยมากมาย กลุ่มบริษัทมีพนักงานประมาณ 57,000 คนทั่วโลก และสร้างยอดขายต่อปีประมาณ 2.0 ล้านล้านเยน (ประมาณ 13.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ผ่านการดําเนินงานในกว่า 30 ประเทศและภูมิภาค เรียนรู้เพิ่มเติมที่ เว็บไซต์ของ AGC และบน LinkedIn

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53983396/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Irene Chen โทร: +65 6273 5656, อีเมล: info-pr@agc.com

ANESSA เปิดตัวโครงการ “ANESSA Sunshine” เพื่อสนับสนุนการมีสุขภาวะที่ดีของเด็ก ใน 12 ประเทศโซนภูมิภาคเอเชีย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2567

ANESSA แบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดอันดับ 1 ในเอเชีย 1 จากเครือ Shiseido เปิดตัวโครงการ “ANESSA Sunshine” ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มเพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของเด็กผ่านการใช้ชีวิตภายใต้แสงแดดอย่างปลอดภัย โดยโครงการนี้จะเริ่มในประเทศญี่ปุ่น และครอบคลุมอีก 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ANESSA ได้แก่ จีน, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, มาเก๊า, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ประเทศไทย และเวียดนาม จุดมุ่งหมายคือการเข้าถึงเด็กกว่า 300,000 คน รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ภายในปี 2573

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

ตามวัตถุประสงค์ของแบรนด์ ANESSA “Free to Shine: สนับสนุนให้ทุกคนใช้ชีวิตเจิดจ้ากลางแสงแดด” โดยโครงการนี้จะประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก เพื่อช่วยให้เด็กสร้างพื้นฐานสำหรับสุขภาพที่ดีตลอดชีวิต ผ่านประสบการณ์ที่ดีภายใต้แสงแดด:

  • กิจกรรมการมีส่วนร่วมของเด็ก
    ANESSA จะจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อส่งเสริมให้เด็กเพลิดเพลินกับสุขภาพที่ดีมากขึ้นโดยการเล่นนอกบ้านอย่างไม่มีข้อจำกัด
  • การศึกษาเรื่องรังสียูวี
    โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ในโรงเรียน สำหรับเด็กและผู้ปกครอง เกี่ยวกับการป้องกันรังสียูวี เพื่อให้เด็กๆ สามารถใช้ชีวิตภายใต้แสงแดดได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  • สนับสนุนผู้ป่วยโรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (XP)
    โดยส่งมอบผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด และสนับสนุนเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (XP) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่รักษาไม่หาย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับรังสียูวี

นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำวิดีโอเพื่อนำเสนอประโยชน์ของการเล่นนอกบ้านที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีของเด็ก ซึ่งสามารถดูได้แล้วในช่องทาง YouTube ของ Shiseido (https://www.youtube.com/watch?v=TEJ3XblARQ8) ซึ่งเนื้อหาของวิดีโอนี้จะนำเสนอมุมมองของผู้ปกครองในประเทศต่างๆ เช่น จีน, ญี่ปุ่น, ไทย และเวียดนาม เกี่ยวกับข้อจำกัดในการเล่นกลางแจ้ง และได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ นพ.อากิระ มาเอะบาชิ (Akira Maehashi, MD) คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของเด็ก  พูดคุยเกี่ยวกับ การเล่นนอกบ้านช่วยให้เด็กๆ พัฒนาได้เต็มที่มากขึ้นอย่างไร

ANESSA ผู้เชี่ยวชาญด้านครีมกันแดดมากว่า 30 ปี คุณชิอากิ โทมิตะ (Chiaki Tomita) ประธานเจ้าหน้าฝ่ายแบรนด์พรีเมียมระดับโลกของ Shiseido กล่าวว่า “ภายใต้วัตถุประสงค์ของแบรนด์ 'Free to Shine' เราเริ่มให้การสนับสนุนผู้ป่วยโรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (XP) ในปี 2547 และในปี 2561 เราก็เริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับรังสียูวีและความสำคัญของครีมกันแดดผ่านการร่วมมือกับโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมศึกษาในประเทศญี่ปุ่น โดยมุ่งมั่นที่จะขยายความพยายามเหล่านี้ผ่านโครงการ ANESSA Sunshine เพื่อส่งเสริมให้เด็กๆ เล่นกลางแจ้งเพื่อสุขภาวะที่ดี”

ANESSA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องจากรังสียูวี พร้อมส่งเสริมให้ผู้คนได้รับประโยชน์จากการใช้ชีวิตภายใต้แสงแดด ซึ่งถือเป็นแหล่งพลังงานที่ดีที่สุด ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนําให้เด็กและวัยรุ่นอายุระหว่าง 5 ถึง 17 ปี ออกกำลังกายอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน (อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)2 ในขณะที่วิถีชีวิตของสังคมยุคใหม่ทำให้การใช้ชีวิตกลางแจ้งลดลง โดยการสํารวจ 3 ที่จัดทําขึ้นโดย ANESSA ในเขตชุมชนพักอาศัยของประเทศญี่ปุ่น, จีน, เวียดนาม และไทย พบว่ามีเด็กน้อยกว่า 50% เล่นกลางแจ้งอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อ้างอิงจากข้อมลูของศาสตราจารย์ นพ.อากิระ มาเอะบาชิ (Akira Maehashi, MD) คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ที่กล่าวว่า การเล่นกลางแจ้งของเด็กจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย, อารมณ์, สังคม, และสติปัญญา รวมถึงช่วยเสริมระบบประสาทอัตโนมัติให้แข็งแรง ซึ่งทั้งหมดนี้จําเป็นต่อสุขภาพตลอดชีวิตของมนุษย์

โครงการ ANESSA Sunshine จะช่วยตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในสังคมสมัยใหม่ ช่วยให้เด็กๆ ทั่วเอเชียสร้างรากฐานสําหรับความเป็นอยู่ที่ดีผ่านประสบการณ์ที่จะได้รับภายใต้แสงแดด

เกี่ยวกับ ANESSA
แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์กันแดดจากญี่ปุ่นที่ ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 นอกเหนือจากครีมกันแดดแล้ว ANESSA ยังช่วยให้ผู้คนเปล่งประกายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายใต้แสงแดด ชุดผลิตภัณฑ์ของ ANESSA ใช้สูตรที่พัฒนาเทคโนโลยีป้องกันรังสียูวีที่ล้ำสมัยที่ช่วยบํารุงผิวทั้งในปัจจุบันและอนาคต การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1 ในเอเชีย1 ในฐานะแบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดระดับโลก ANESSA พร้อมให้บริการ 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย

เว็บไซต์ของ ANESSA และบัญชีโซเชียลมีเดียทั่วโลก https://www.facebook.com/AnessaThailand

1 Euromonitor, Beauty and Personal Care 2024 edition มูลค่าการขายปลีก ข้อมูลปี 2023 เอเชียตามคําจํากัดความของเอเชียแปซิฟิกของ Euromonitor
2 แนวทางของ WHO เกี่ยวกับการออกกําลังกายและพฤติกรรมเนือยนิ่ง (https://iris.who.int/handle/10665/336656)
3 แบบสํารวจออนไลน์ของ ANESSA เกี่ยวกับการเล่นกลางแจ้งของเด็ก โดยกําหนดเป้าหมายไปที่ผู้ปกครองในโตเกียว เซี่ยงไฮ้ โฮจิมินห์ซิตี้ และกรุงเทพฯ (ผู้ตอบแบบสอบถาม 100 คนในแต่ละเมือง) ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 31 มีนาคม 2024

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53976105/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สําหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ: AnessaPR@webershandwick.com

ที่มา: ANESSA

Kolmar BNH องค์กรชั้นนำของเกาหลีที่เชี่ยวชาญด้านการผลิต HemoHIM ทุ่มยอดขายมากกว่า 2% ต่อปีให้กับฝ่ายวิจัยและพัฒนา

Logo

SEJONG, South Korea–(BUSINESS WIRE)–10 พฤษภาคม 2024

Kolmar BNH (KOSDAQ: 200130) ผู้ผลิต HemoHIM ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ได้กลายเป็นผู้นำในตลาด Original Development Manufacturing (ODM) ระดับโลก จากการบุกเบิกการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา

A researcher from Kolmar BNH Health Food Lab. (Photo: Kolmar BNH)

นักวิจัยจาก Kolmar BNH Health Food Lab (ภาพถ่าย: Kolmar BNH)

Kolmar BNH ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 เป็นบริษัท ODM สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ องค์กร ODM ครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่การวิเคราะห์แนวโน้มไปจนถึงการวิจัยและการพัฒนา การวางแนวความคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การผลิต และการรับประกันคุณภาพ ตอบสนองลูกค้าที่มีแรงบันดาลใจในการเป็นผู้ประกอบการ โดยเฟรมเวิร์กนี้จะเอื้อในการสร้างโอกาสสำหรับบุคคลที่มีความหลงใหลในการทำธุรกิจและไอเดียใหม่ๆ

รากฐานสำคัญของความสามารถในการแข่งขันของ Kolmar BNH อยู่ที่ความชำนาญด้านเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการสนับสนุนการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาเป็นสำคัญ บริษัทมีการจัดสรรรายได้จากยอดขายมากกว่า 2% ในแต่ละปีให้กับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งส่งเสริมขีดความสามารถของบริษัทด้วยการจ้างพนักงานตำแหน่งนักวิจัยมากกว่า 30% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด Health Food Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญของ Kolmar BNH ประกอบด้วยนักวิจัยกว่า 100 คนที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก พร้อมทุ่มเทให้กับการบุกเบิกสูตรและฟังก์ชันใหม่ๆ

Kolmar BNH รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 300 ราย โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาที่มีการส่งเสริมและปรับปรุงกันมาอย่างยาวนาน หนึ่งในลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ Haleon ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลก สาขาในเกาหลี ซึ่ง Kolmar BNH เป็นผู้ผลิตวิตามินหลัก 'Centrum' ซึ่งจัดจำหน่ายในเกาหลี

HemoHIM ซึ่งจัดจำหน่ายโดย Atomy เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบของ Kolmar BNH โดยส่วนผสมหลัก ‘สารสกัดเชิงซ้อนจาก Angelica gigas สำหรับ HemoHIM เป็นต้น’ เป็นส่วนผสมรายการแรกที่ได้รับการยอมรับของเกาหลีว่า เป็นส่วนผสมที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบการคุ้มกัน ได้รับการพัฒนาร่วมกันกับสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูของเกาหลี (Korea Atomic Energy Research Institute) ผลิตภัณฑ์นี้มีการจัดจำหน่ายใน 19 ประเทศ รวมถึง ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ไทย ไต้หวัน เอเชียกลาง และอเมริกาใต้

‘HemoHIM G’ ซึ่งได้รับการปรับแต่งสำหรับตลาดยุโรป เป็นข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งถึงขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาของ Kolmar BNH ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการส่งออกนี้ได้รับการออกแบบสูตรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบข้อบังคับด้านอาหารที่หลากหลายทั่วประเทศในยุโรป โดยมีการผสมผสานนส่วนผสมที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เช่น Angelica sinensis, Ligusticum chuanxiong และ Paeonia lactiflora พร้อมปรับแต่งรสชาติและกลิ่นเพื่อตอบสนองความชื่นชอบของผู้บริโภคชาวยุโรป

ยอดขายที่โดดเด่นของ Kolmar BNH ในกลุ่มบริษัท ODM ด้านอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี เป็นผลมาจากความสำเร็จของ HemoHIM ด้วยยอดขายสูงกว่า 6 แสนล้านวอนภายในหนึ่งทศวรรษครึ่งตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา บริษัทยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ‘200 Million Dollar Export Tower’ ในพิธีเฉลิมฉลอง ‘Trade Day’ ของสมาคมการค้าระหว่างประเทศแห่งเกาหลี (Korea International Trade Association) ในปี 2021

Kolmar BNH ตั้งเป้าที่จะส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยให้ความสำคัญในการวิจัยและการพัฒนาในการพัฒนาวัตถุดิบ โดยเน้นการค้นหาประสิทธิภาพเพิ่มเติมผ่านการวิจัยเชิงลึกเพื่อ Hemohim G

เจ้าหน้าที่จาก Kolmar BNH กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นบริษัท ODM ชั้นนำในภาคส่วนอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี Kolmar BNH ยังคงมุ่งมั่นด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างแน่วแน่ โดยมุ่งเน้นบริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เราตั้งมั่นที่จะดึงดูดลูกค้าทั่วโลกโดยการนำเสนอความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่สั่งสมมาจากนวัตกรรมที่ผ่านการทุ่มเทมานานหลายปี”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53978813/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar BNH
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งข้อมูล: Kolmar BNH

The Bangkok Reporter