Falcon 2: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของ UAE เปิดตัวซีรีส์โมเดล AI ใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Llama 3 ใหม่ของ Meta

Logo

  • ซีรีส์ Falcon 2 รุ่นใหม่เปิดตัวโมเดล AI ซึ่งเป็นโอเพ่นซอร์ส หลายภาษา และหลายโมเดลและเป็นโมเดล AI เพียงโมเดลเดียวที่มีความสามารถในการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษา
  • Falcon 2 11B ใหม่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Llama 3 8B ของ Meta และทำงานได้เทียบเท่ากับโมเดล Google Gemma 7B ชั้นนำ ซึ่งได้รับการยืนยันแต่ละรุ่นตามกระดานคะแนน Hugging Face Leaderboard
  • แผนเร่งด่วนปัจจุบันรวมการสำรวจ 'Mixture of Experts' เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่อง

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

Technology Innovation Institute (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ชั้นนำระดับโลกและเป็นเสาหลักด้านการวิจัยประยุกต์ของ Advanced Technology Research Council (ATRC) ของ Abu Dhabi ได้เปิดตัวโครงการวิจัยครั้งที่สองของโมเดลระบบภาษาขนาดใหญ่ (LLM) – Falcon 2 ภายในซีรีส์นี้ บริษัทได้เปิดตัวสองเวอร์ชันที่ก้าวล้ำ ได้แก่ Falcon 2 11B ซึ่งเป็น LLM ที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้น โดยมีการทดสอบบน 5.5 ล้านล้านโทเค็นพร้อมพารามิเตอร์ 11 พันล้านรายการ และ Falcon 2 11B VLM ที่มีความโดดเด่นด้วยความสามารถของโมเดลการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษา (VLM) ซึ่งจะช่วยให้สามารถแปลงอินพุตภาพเป็นเอาท์พุตข้อความได้ แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะสามารถรองรับได้หลายภาษา หากแต่ Falcon 2 11B VLM มีความโดดเด่นในโมเดลต่อเนื่องหลายรูปแบบรุ่นแรกของ TII และเป็นรุ่นเดียวในตลาดระดับสูงในปัจจุบันที่มีความสามารถในการแปลงภาพให้เป็นข้อความ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในนวัตกรรม AI

Falcon Image Caption Generator (Photo: AETOSWire)

ระบบสร้างคำบรรยายภาพ Falcon (ภาพถ่าย: AETOSWire)

การทดสอบกับโมเดล AI ที่โดดเด่นหลายรุ่นในคลาสเดียวกันในบรรดาโมเดลที่มีการทดสอบแล้วต่างๆ Falcon 2 11B มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Llama 3 ที่มีการเปิดตัวใหม่ล่าสุดของ Meta พร้อมพารามิเตอร์ 8 พันล้านรายการ (8B) และทำงานได้เทียบเท่า Gemma 7B ของ Google ในช่วงแรก (Falcon 2 11B: 64.28 เทียบกับ Gemma 7B: 64.29) ซึ่งได้รับการยืนยันแต่ละส่วนโดย Hugging Face ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในสหรัฐอเมริกาที่ให้บริการเครื่องมือการประเมินตามวัตถุประสงค์และกระดานคะแนนระดับโลกสำหรับ LLM แบบเปิด ที่สำคัญกว่านั้น Falcon 2 11B และ 11B VLM ต่างก็เป็นโอเพ่นซอร์ส ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่จำกัด ในอนาคตอันใกล้นี้ มีแผนที่จะขยายโมเดล Falcon 2 รุ่นใหม่ โดยจะมีการเปิดตัวขนาดต่างๆ และจะมีการปรับแต่งโมเดลเหล่านี้เพิ่มเติมด้วยความสามารถด้านการเรียนรู้ขั้นสูงสำหรับเครื่อง อย่างเช่น 'Mixture of Experts' (MoE) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันประสิทธิภาพไปสู่ระดับที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

โมเดล AI ทั้งหมดของ TII ทั้งที่เปิดตัวก่อนหน้านี้จนถึงปัจจุบันได้รับการจัดอันดับในระดับสูงสุดทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ในฐานะโอเพ่นซอร์ส LLM ที่ทรงพลังสูงสุด โมเดล Falcon 2 11B อเนกประสงค์ที่มีการลดขนาดลงและมีการตั้งค่าเพื่อให้ TII มีการใช้งานในตลาดมากยิ่งขึ้นในโลกของ AI เจเนอเรทีฟที่มีการพัฒนาตลอดเวลา

โมเดล Falcon 2 11B มาพร้อมความสามารถในการรองรับหลายภาษา สามารถรับมือกับงานในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน โปรตุเกส และภาษาอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและขยายประสิทธิผลในสถานการณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย Falcon 2 11B VLM ซึ่งเป็นโมเดลที่มีการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษา มีความสามารถในการระบุและแปลภาพและการมองเห็นจากสภาพแวดล้อม พร้อมแอปพลิเคชันการใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิเช่น การดูแลสุขภาพ การเงิน อีคอมเมิร์ซ การศึกษา และกฎหมาย แอปพลิเคชันเหล่านี้สามารถใช้งานทั้งการจัดการเอกสาร การจัดเก็บถาวรระบบดิจิทัล และการจัดทำดัชนีบริบท เพื่อสนับสนุนผู้ใช้งานที่มีความบกพร่องด้านการมองเห็น นอกเหนือจากนี้ โมเดลเหล่านี้ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เพียงหน่วยเดียว ทำให้สามารถปรับขนาดได้อย่างเต็มรูปแบบ และง่ายในการปรับใช้และผสานรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่มีขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อป และอุปกรณ์อื่นๆ เป็นต้น

H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC และที่ปรึกษาด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และเทคโนโลยีขั้นสูงของประธานาธิบดี UAE กล่าวว่า “ด้วยการเปิดตัวของ Falcon 2 11B เรามีการเปิดตัวโมเดลแรกในซีรีส์ Falcon 2 ในขณะที่ Falcon 2 11B แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่น เราขอยืนยันความมุ่งมั่นของเราต่อการพัฒนาของโอเพ่นซอร์สและต่อ Falcon Foundation ด้วยโมเดลต่อเนื่องหลายรูปแบบอื่นๆ ที่จะออกสู่ตลาดในขนาดต่างๆ ในเร็วๆ นี้ เป้าหมายของเราคือ เพื่อให้แน่ใจว่า นักพัฒนาและหน่วยงานที่ให้ความสำคัญในความเป็นส่วนตัวจะสามารถเข้าถึงหนึ่งในโมเดล AI ที่ดีที่สุด เพื่อเริ่มต้นใช้งาน AI ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ”

Dr. Hakim Hacid กรรมการบริหารและรักษาการหัวหน้านักวิจัยของ AI Cross-Center Unit ที่ TII กล่าวถึงโมเดลดังกล่าวว่า “AI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาต่างตระหนักถึงคุณประโยชน์มากมายของโมเดลขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากการลดข้อกำหนดด้านความสามารถในการประมวลผลและสอดคล้องตามเกณฑ์ความยั่งยืนแล้ว โมเดลเหล่านี้ยังมีความยืดหยุ่นที่มากขึ้น โดยมีการผสานรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน edge AI ได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป นอกเหนือจากนี้ ความสามารถในการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษาของ Falcon 2 เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่สำหรับการเข้าถึง AI ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ด้วยการแปลงภาพให้เป็นข้อความได้เป็นอย่างดี”

ความอเนกประสงค์ของ Falcon 2 11B ยังช่วยให้ TII พิจารณาการทำงานร่วมกับนวัตกรรมของ GenAI ที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือ การนำความสามารถในการเรียนรู้รูปแบบใหม่ของเครื่องที่เรียกว่า ‘Mixture of Experts’ ตามที่กล่าวถึงข้างต้น วิธีการนี้มีความเกี่ยวข้องกับการรวมเครือข่ายขนาดเล็กที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า โดเมนที่มีฐานความรู้สูงสุดสามารถทำงานร่วมกันเพื่อนำเสนอการตอบสนองที่ซับซ้อนและมีการปรับแต่งได้เป็นอย่างดี – เหมือนการมีทีมผู้ช่วยที่ชาญฉลาดซึ่งแต่ละคนมีความรู้ที่แตกต่างกันมาทำงานร่วมกัน เพื่อการคาดการณ์หรือตัดสินใจเมื่อจำเป็น แนวทางนี้ไม่เพียงจะช่วยให้สามารถมีความแม่นยำที่สูงขึ้น แต่ยังช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถปูทางไปสู่ระบบ AI ที่มีความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Falcon 2 11B ได้รับอนุญาตภายใต้ TII Falcon License 2.0 ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บน Apache 2.0 ที่ผ่านการรับรอง โดยรวมนโยบายการใช้งานซึ่งเป็นที่ยอมรับเพื่อส่งเสริมการใช้งาน AI อย่างรอบคอบ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเดลใหม่ได้ที่ FalconLLM.TII.ae

แหล่งข้อมูลAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53984622/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan, Senior Director of Communications
Jennifer.dewan@tii.ae

แหล่งข้อมูล: The Technology Innovation Institute

บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ใช้ Boomi เพื่อสร้าง Data Core ที่เสถียร

Logo

HEB Construction ของนิวซีแลนด์ใช้ Boomi เพื่อเชื่อมต่อการดําเนินงานในท้องถิ่นและบูรณาการเข้ากับการปรับปรุง ERP ของบริษัทแม่ให้ทันสมัย ปกป้องความสามารถในท้องถิ่น การกํากับดูแล และความพร้อมของ AI

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

Boomi™ ผู้นําด้านบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ได้ประกาศในวันนี้ว่า HEB Construction เลือก Boomi เพื่อเปิดใช้งานการส่งมอบโครงการปรับปรุงการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ให้ทันสมัย ซึ่งรับประกันความสอดคล้องทั่วโลกกับบริษัทแม่ สนับสนุนการกํากับดูแลท้องถิ่น และสร้างปรัชญาการนํากลับมาใช้ใหม่

Major Construction Company Deploys Boomi to Build Stable Data Core (Graphic: Business Wire)

บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ใช้ Boomi เพื่อสร้าง Data Core ที่เสถียร (กราฟิก: Business Wire)

HEB Construction (HEB) เป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ที่มีพนักงาน 1,500 คนในนิวซีแลนด์ บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดยให้บริการโครงการพัฒนาถนน ทางรถไฟ ทางทะเล ที่ดิน และเมืองทั่วประเทศ ในปี 2015 HEB ถูกซื้อกิจการโดย VINCI Construction

ในปี 2022 HEB เริ่มนําโครงการ ERP ของบริษัทแม่มาใช้ ซึ่งถือเป็นการใช้งานครั้งแรกนอกสหภาพยุโรป แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วแพลตฟอร์ม ERP จะเข้ามาแทนที่ระบบในประเทศทั้งหมด แต่ก็ไม่เหมาะสําหรับ HEB เนื่องจากการครบกำหนดของการลงทุนด้านเทคโนโลยีในท้องถิ่นที่มีอยู่ และกรอบการกํากับดูแลที่ดําเนินการอยู่

“ด้วยข้อกําหนดด้านกฎระเบียบและการทํางานของนิวซีแลนด์ ซึ่งขัดแย้งกับกับตลาดที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ จึงเห็นได้ชัดว่า 'การปลูกถ่ายดิจิทัล' นั้นไม่เหมาะสม เนื่องจาก HEB ต้องการแนวทางที่แตกต่างออกไป” Mircel Van Der Walt สถาปนิกองค์กรของ HEB Construction กล่าว “ทีมของผมได้พิจารณาแนวทางการบูรณาการแบบไฮบริดแทน การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงได้รับแรงผลักดันจากความจําเป็นสําหรับระบบการกํากับดูแลที่เป็นไปตามข้อกำหนดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความจําเป็นของเราในการรักษาความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ในระบบท้องถิ่นเช่น ทรัพยากรบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่า ERP ใหม่จะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยนี้ เราตระหนักดีว่า HEB จะได้รับความไว้วางใจจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมโดยใช้แกนกลางที่มั่นคงเท่านั้น”

HEB ใช้ integration platform as a service (iPaaS) ของ Boomi เพื่อสร้างฮับและพูดถึงรูปแบบการบูรณาการระหว่างแอปพลิเคชันในท้องถิ่น รวมถึงบัญชีเงินเดือน ใบบันทึกการทำงาน การจัดการสินค้าคงคลัง และระบบบํารุงรักษาอุปกรณ์ การใช้โครงสร้างข้อมูลของ ERP เป็นมาตรฐานข้อมูล HEB ได้สะท้อนรูปแบบท้องถิ่นด้วยสแต็ก ERP ทั่วโลกเพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างฮับกับฮับ แนวทางนี้ทำให้เกิดการสื่อสารที่ราบรื่นระหว่างทั้งสองบริษัท และสร้างรูปแบบการบูรณาการที่นํากลับมาใช้ใหม่ได้

“แม้ว่าโครงการ ERP จะมีความซับซ้อน แต่ 'สล็อต' ของเราในการเปิดตัวทั่วโลกที่ใหญ่ขึ้นก็ยังคงรักษากรอบเวลา 12 เดือนที่เข้มงวดเหมือนเดิม แต่ด้วย Boomi Enterprise Platform เรามีเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถส่งมอบตรงเวลา รวมถึงสร้างอินเทอร์เฟซการออกแบบที่มีคุณค่าในการนํากลับมาใช้ใหม่ โดยสามารถจําลองสิ่งที่เราประสบความสําเร็จในส่วนอื่นๆ ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการ์ดเรล ข้อบังคับ และข้อกําหนดในการปฏิบัติงานในท้องถิ่นที่คล้ายคลึงกัน”

HEB ยังใช้ Boomi Master Data Hub (MDH) เพื่อเพิ่มการทํางานร่วมกันและความแม่นยําให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วย MDH HEB สามารถจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างครอบคลุมผ่านเลเยอร์ที่เป็นนามธรรมสามชั้น ได้แก่ คน โครงการ และอุปกรณ์

“ด้วยการกําหนดขอบเขตระหว่างต้นแบบข้อมูลทั้งสามแบบ ข้อมูล ERP จึงสามารถป้อนผ่านได้อย่างแม่นยำ และลงจอดในตำแหน่งที่ควรจะเป็นในท้องถิ่น และในทางกลับกัน ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ข้อมูลการจ้างงานใหม่จะดึงข้อมูล 'ผู้คน' ของ Boomi ของเรา และไหลไปที่ ERP เมื่อถึงความสมบูรณ์ของข้อมูลขั้นต่ำ

“เรากําลังกลายเป็นธุรกิจที่เน้นดิจิทัล ไม่ใช่แค่บริษัทก่อสร้างที่มีข้อมูลเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเราไม่ได้เพียงแค่ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมเท่านั้น เรากําลังให้ความหมายแก่ระบบโดยการเชื่อมต่อระบบเหล่านี้เข้ากับแกนข้อมูลองค์กรที่มีความเสถียร สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับแผน AI ของเรา เนื่องจากคุณไม่สามารถมี AI ได้หากไม่มี IA (สถาปัตยกรรมข้อมูล) ด้วย Boomi ตอนนี้เราพร้อมแล้ว”

Nathan Gower ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายองค์กร APAC ของ Boomi กล่าวว่า “นี่เป็นตัวแทนที่แท้จริงของนวัตกรรมในท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทระดับโลกยอมรับข้อกําหนดเฉพาะที่จําเป็นในภูมิภาค HEB ใช้ Boomi เพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแบบผสมผสาน และด้วยการทําเช่นนั้น ได้สร้างความเข้าใจร่วมกันว่าไม่มีค่ายไหน แต่ทั้งสององค์กรใช้ระบบและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างผลลัพธ์แบบบูรณาการที่บรรลุเป้าหมายร่วมกัน”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจด้วยการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ในฐานะบริษัทชั้นนําการให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) ระดับโลก Boomi เฉลิมฉลองให้กับลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 20,000 รายและเครือข่ายพันธมิตร 800 รายทั่วโลก องค์กรต่างๆ หันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน ข้อมูล และผู้คนเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© © 2024 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์. ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่าย Influencer Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53984377/en

ที่มา: Boomi

AGC Group ได้รับการรับรอง First Cradle to Cradle Certified® เป็นครั้งแรกสําหรับผลิตภัณฑ์กระจกภายใน Mirox MNGE ในเอเชีย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

Mirox MNGE ของ AGC Glass Asia กระจกตะกั่วต่ำ ได้รับรางวัล Cradle to Cradle Certified® ในระดับทองแดงตามเวอร์ชัน 3.1 การรับรองนี้ครอบคลุมถึงการผลิตโดยบริษัทในเครือ AGC Group สองแห่งในเอเชีย ได้แก่ PT Asahimas Flat Glass Tbk และ AGC Float Glass (ประเทศไทย)

The AGC Group Obtains Its First Cradle to Cradle Certified® for Mirox MNGE Interior Glass Products in Asia (Graphic: Business Wire)

AGC Group ได้รับการรับรอง First Cradle to Cradle Certified® เป็นครั้งแรกสําหรับผลิตภัณฑ์กระจกภายใน Mirox MNGE ในเอเชีย (รูปกราฟิก​: Business Wire)

กระจก Mirox MNGE ได้รับการประเมินอย่างละเอียดตามเกณฑ์การประเมินหลักห้าประเภท ได้แก่ สุขภาพวัสดุ การนําวัสดุกลับมาใช้ใหม่ พลังงานหมุนเวียน การดูแลน้ำ และความเป็นธรรมทางสังคม การรับรองนี้ไม่เพียงตรวจสอบข้อมูลประจําตัวด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการได้รับการรับรองอาคารเขียว เช่น LEED, WELL และ Green Star (ออสเตรเลีย)

AGC Group ได้กําหนด “ค่านิยมทางสังคมสามประการ” ที่จะสร้างขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในแผนการจัดการระยะกลาง “AGC plus-2026” หนึ่งในนั้นคือ “Blue planet” มีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมโลก ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ด้วยการได้รับการรับรอง Cradle to Cradle Certified® กลุ่มบริษัทกําลังสานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง

เกี่ยวกับ AGC

AGC Inc. (สํานักงานใหญ่: โตเกียว ประธานและซีอีโอ: Yoshinori Hirai) (TOKYO: 5201) เป็นบริษัท แม่ของ AGC Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นกระจกชั้นนําของโลก และผู้จัดจําหน่ายกระจกแผ่นราบ ยานยนต์ และจอแสดงผล เคมีภัณฑ์ เซรามิก ตลอดจนวัสดุและส่วนประกอบไฮเทคอื่นๆ ด้วยนวัตกรรมทางเทคนิคที่สั่งสมมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ AGC Group ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยมากมาย กลุ่มบริษัทมีพนักงานประมาณ 57,000 คนทั่วโลก และสร้างยอดขายต่อปีประมาณ 2.0 ล้านล้านเยน (ประมาณ 13.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ผ่านการดําเนินงานในกว่า 30 ประเทศและภูมิภาค เรียนรู้เพิ่มเติมที่ เว็บไซต์ของ AGC และบน LinkedIn

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53983396/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Irene Chen โทร: +65 6273 5656, อีเมล: info-pr@agc.com

ANESSA เปิดตัวโครงการ “ANESSA Sunshine” เพื่อสนับสนุนการมีสุขภาวะที่ดีของเด็ก ใน 12 ประเทศโซนภูมิภาคเอเชีย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2567

ANESSA แบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดอันดับ 1 ในเอเชีย 1 จากเครือ Shiseido เปิดตัวโครงการ “ANESSA Sunshine” ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มเพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของเด็กผ่านการใช้ชีวิตภายใต้แสงแดดอย่างปลอดภัย โดยโครงการนี้จะเริ่มในประเทศญี่ปุ่น และครอบคลุมอีก 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ANESSA ได้แก่ จีน, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, มาเก๊า, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ประเทศไทย และเวียดนาม จุดมุ่งหมายคือการเข้าถึงเด็กกว่า 300,000 คน รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ภายในปี 2573

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

ตามวัตถุประสงค์ของแบรนด์ ANESSA “Free to Shine: สนับสนุนให้ทุกคนใช้ชีวิตเจิดจ้ากลางแสงแดด” โดยโครงการนี้จะประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก เพื่อช่วยให้เด็กสร้างพื้นฐานสำหรับสุขภาพที่ดีตลอดชีวิต ผ่านประสบการณ์ที่ดีภายใต้แสงแดด:

  • กิจกรรมการมีส่วนร่วมของเด็ก
    ANESSA จะจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อส่งเสริมให้เด็กเพลิดเพลินกับสุขภาพที่ดีมากขึ้นโดยการเล่นนอกบ้านอย่างไม่มีข้อจำกัด
  • การศึกษาเรื่องรังสียูวี
    โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ในโรงเรียน สำหรับเด็กและผู้ปกครอง เกี่ยวกับการป้องกันรังสียูวี เพื่อให้เด็กๆ สามารถใช้ชีวิตภายใต้แสงแดดได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  • สนับสนุนผู้ป่วยโรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (XP)
    โดยส่งมอบผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด และสนับสนุนเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (XP) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่รักษาไม่หาย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับรังสียูวี

นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำวิดีโอเพื่อนำเสนอประโยชน์ของการเล่นนอกบ้านที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีของเด็ก ซึ่งสามารถดูได้แล้วในช่องทาง YouTube ของ Shiseido (https://www.youtube.com/watch?v=TEJ3XblARQ8) ซึ่งเนื้อหาของวิดีโอนี้จะนำเสนอมุมมองของผู้ปกครองในประเทศต่างๆ เช่น จีน, ญี่ปุ่น, ไทย และเวียดนาม เกี่ยวกับข้อจำกัดในการเล่นกลางแจ้ง และได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ นพ.อากิระ มาเอะบาชิ (Akira Maehashi, MD) คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของเด็ก  พูดคุยเกี่ยวกับ การเล่นนอกบ้านช่วยให้เด็กๆ พัฒนาได้เต็มที่มากขึ้นอย่างไร

ANESSA ผู้เชี่ยวชาญด้านครีมกันแดดมากว่า 30 ปี คุณชิอากิ โทมิตะ (Chiaki Tomita) ประธานเจ้าหน้าฝ่ายแบรนด์พรีเมียมระดับโลกของ Shiseido กล่าวว่า “ภายใต้วัตถุประสงค์ของแบรนด์ 'Free to Shine' เราเริ่มให้การสนับสนุนผู้ป่วยโรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (XP) ในปี 2547 และในปี 2561 เราก็เริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับรังสียูวีและความสำคัญของครีมกันแดดผ่านการร่วมมือกับโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมศึกษาในประเทศญี่ปุ่น โดยมุ่งมั่นที่จะขยายความพยายามเหล่านี้ผ่านโครงการ ANESSA Sunshine เพื่อส่งเสริมให้เด็กๆ เล่นกลางแจ้งเพื่อสุขภาวะที่ดี”

ANESSA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องจากรังสียูวี พร้อมส่งเสริมให้ผู้คนได้รับประโยชน์จากการใช้ชีวิตภายใต้แสงแดด ซึ่งถือเป็นแหล่งพลังงานที่ดีที่สุด ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนําให้เด็กและวัยรุ่นอายุระหว่าง 5 ถึง 17 ปี ออกกำลังกายอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน (อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)2 ในขณะที่วิถีชีวิตของสังคมยุคใหม่ทำให้การใช้ชีวิตกลางแจ้งลดลง โดยการสํารวจ 3 ที่จัดทําขึ้นโดย ANESSA ในเขตชุมชนพักอาศัยของประเทศญี่ปุ่น, จีน, เวียดนาม และไทย พบว่ามีเด็กน้อยกว่า 50% เล่นกลางแจ้งอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อ้างอิงจากข้อมลูของศาสตราจารย์ นพ.อากิระ มาเอะบาชิ (Akira Maehashi, MD) คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ที่กล่าวว่า การเล่นกลางแจ้งของเด็กจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย, อารมณ์, สังคม, และสติปัญญา รวมถึงช่วยเสริมระบบประสาทอัตโนมัติให้แข็งแรง ซึ่งทั้งหมดนี้จําเป็นต่อสุขภาพตลอดชีวิตของมนุษย์

โครงการ ANESSA Sunshine จะช่วยตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในสังคมสมัยใหม่ ช่วยให้เด็กๆ ทั่วเอเชียสร้างรากฐานสําหรับความเป็นอยู่ที่ดีผ่านประสบการณ์ที่จะได้รับภายใต้แสงแดด

เกี่ยวกับ ANESSA
แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์กันแดดจากญี่ปุ่นที่ ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 นอกเหนือจากครีมกันแดดแล้ว ANESSA ยังช่วยให้ผู้คนเปล่งประกายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายใต้แสงแดด ชุดผลิตภัณฑ์ของ ANESSA ใช้สูตรที่พัฒนาเทคโนโลยีป้องกันรังสียูวีที่ล้ำสมัยที่ช่วยบํารุงผิวทั้งในปัจจุบันและอนาคต การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1 ในเอเชีย1 ในฐานะแบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดระดับโลก ANESSA พร้อมให้บริการ 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย

เว็บไซต์ของ ANESSA และบัญชีโซเชียลมีเดียทั่วโลก https://www.facebook.com/AnessaThailand

1 Euromonitor, Beauty and Personal Care 2024 edition มูลค่าการขายปลีก ข้อมูลปี 2023 เอเชียตามคําจํากัดความของเอเชียแปซิฟิกของ Euromonitor
2 แนวทางของ WHO เกี่ยวกับการออกกําลังกายและพฤติกรรมเนือยนิ่ง (https://iris.who.int/handle/10665/336656)
3 แบบสํารวจออนไลน์ของ ANESSA เกี่ยวกับการเล่นกลางแจ้งของเด็ก โดยกําหนดเป้าหมายไปที่ผู้ปกครองในโตเกียว เซี่ยงไฮ้ โฮจิมินห์ซิตี้ และกรุงเทพฯ (ผู้ตอบแบบสอบถาม 100 คนในแต่ละเมือง) ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 31 มีนาคม 2024

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53976105/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สําหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ: AnessaPR@webershandwick.com

ที่มา: ANESSA

Kolmar BNH องค์กรชั้นนำของเกาหลีที่เชี่ยวชาญด้านการผลิต HemoHIM ทุ่มยอดขายมากกว่า 2% ต่อปีให้กับฝ่ายวิจัยและพัฒนา

Logo

SEJONG, South Korea–(BUSINESS WIRE)–10 พฤษภาคม 2024

Kolmar BNH (KOSDAQ: 200130) ผู้ผลิต HemoHIM ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ได้กลายเป็นผู้นำในตลาด Original Development Manufacturing (ODM) ระดับโลก จากการบุกเบิกการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา

A researcher from Kolmar BNH Health Food Lab. (Photo: Kolmar BNH)

นักวิจัยจาก Kolmar BNH Health Food Lab (ภาพถ่าย: Kolmar BNH)

Kolmar BNH ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 เป็นบริษัท ODM สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ องค์กร ODM ครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่การวิเคราะห์แนวโน้มไปจนถึงการวิจัยและการพัฒนา การวางแนวความคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การผลิต และการรับประกันคุณภาพ ตอบสนองลูกค้าที่มีแรงบันดาลใจในการเป็นผู้ประกอบการ โดยเฟรมเวิร์กนี้จะเอื้อในการสร้างโอกาสสำหรับบุคคลที่มีความหลงใหลในการทำธุรกิจและไอเดียใหม่ๆ

รากฐานสำคัญของความสามารถในการแข่งขันของ Kolmar BNH อยู่ที่ความชำนาญด้านเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการสนับสนุนการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาเป็นสำคัญ บริษัทมีการจัดสรรรายได้จากยอดขายมากกว่า 2% ในแต่ละปีให้กับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งส่งเสริมขีดความสามารถของบริษัทด้วยการจ้างพนักงานตำแหน่งนักวิจัยมากกว่า 30% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด Health Food Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญของ Kolmar BNH ประกอบด้วยนักวิจัยกว่า 100 คนที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก พร้อมทุ่มเทให้กับการบุกเบิกสูตรและฟังก์ชันใหม่ๆ

Kolmar BNH รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 300 ราย โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาที่มีการส่งเสริมและปรับปรุงกันมาอย่างยาวนาน หนึ่งในลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ Haleon ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลก สาขาในเกาหลี ซึ่ง Kolmar BNH เป็นผู้ผลิตวิตามินหลัก 'Centrum' ซึ่งจัดจำหน่ายในเกาหลี

HemoHIM ซึ่งจัดจำหน่ายโดย Atomy เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบของ Kolmar BNH โดยส่วนผสมหลัก ‘สารสกัดเชิงซ้อนจาก Angelica gigas สำหรับ HemoHIM เป็นต้น’ เป็นส่วนผสมรายการแรกที่ได้รับการยอมรับของเกาหลีว่า เป็นส่วนผสมที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบการคุ้มกัน ได้รับการพัฒนาร่วมกันกับสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูของเกาหลี (Korea Atomic Energy Research Institute) ผลิตภัณฑ์นี้มีการจัดจำหน่ายใน 19 ประเทศ รวมถึง ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ไทย ไต้หวัน เอเชียกลาง และอเมริกาใต้

‘HemoHIM G’ ซึ่งได้รับการปรับแต่งสำหรับตลาดยุโรป เป็นข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งถึงขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาของ Kolmar BNH ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการส่งออกนี้ได้รับการออกแบบสูตรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบข้อบังคับด้านอาหารที่หลากหลายทั่วประเทศในยุโรป โดยมีการผสมผสานนส่วนผสมที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เช่น Angelica sinensis, Ligusticum chuanxiong และ Paeonia lactiflora พร้อมปรับแต่งรสชาติและกลิ่นเพื่อตอบสนองความชื่นชอบของผู้บริโภคชาวยุโรป

ยอดขายที่โดดเด่นของ Kolmar BNH ในกลุ่มบริษัท ODM ด้านอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี เป็นผลมาจากความสำเร็จของ HemoHIM ด้วยยอดขายสูงกว่า 6 แสนล้านวอนภายในหนึ่งทศวรรษครึ่งตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา บริษัทยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ‘200 Million Dollar Export Tower’ ในพิธีเฉลิมฉลอง ‘Trade Day’ ของสมาคมการค้าระหว่างประเทศแห่งเกาหลี (Korea International Trade Association) ในปี 2021

Kolmar BNH ตั้งเป้าที่จะส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยให้ความสำคัญในการวิจัยและการพัฒนาในการพัฒนาวัตถุดิบ โดยเน้นการค้นหาประสิทธิภาพเพิ่มเติมผ่านการวิจัยเชิงลึกเพื่อ Hemohim G

เจ้าหน้าที่จาก Kolmar BNH กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นบริษัท ODM ชั้นนำในภาคส่วนอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี Kolmar BNH ยังคงมุ่งมั่นด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างแน่วแน่ โดยมุ่งเน้นบริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เราตั้งมั่นที่จะดึงดูดลูกค้าทั่วโลกโดยการนำเสนอความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่สั่งสมมาจากนวัตกรรมที่ผ่านการทุ่มเทมานานหลายปี”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53978813/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar BNH
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งข้อมูล: Kolmar BNH

APO ดำริความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และพันธมิตรระดับโลกเพื่อพัฒนาความสามารถด้านการผลิตให้สูงขึ้น

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–09 พฤษภาคม 2024

องค์การเพิ่มผลผลิคแห่งเอเชีย (The Asian Productivity Organization – APO) ยืนยันในเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นในการรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตที่เร่งด่วน โดยการดำริความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และพันธมิตรหลายประการ โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญระดับโลกและความร่วมมือกันระดับโลกเพื่อเพิ่มผลผลิตและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

OECD Secretary-General Mathias Cormann (L) and APO Secretary-General Dr. Indra (R) (Photo: Business Wire)

Mathias Cormann เลขาธิการ OECD (L) และ Dr. Indra เลขาธิการ APO (R) (ภาพถ่าย: Business Wire)

ในความร่วมมือครั้งสำคัญเมื่อไม่นานมานี้ APO ผนึกกำลังกับ Institut Européen d'Administration des Affaires (INSEAD) เพื่อริเริ่มโครงการผู้นำระดับผู้บริหากแบบเต็มรูปแบบ และมีการปรับให้เหมาะสมกับ National Productivity Organizations (NPOs) โดยโปรแกรมนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 เดือนเมษายน ถึงวันที่ 3 เดือนพฤษภาคม ปี 2024 ที่แคมปัส Europe ของ INSEAD ที่ Fontainebleau ประเทศฝรั่งเศส โปรแกรมนี้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร 12 คน ซึ่งเป็นผู้นำ NPOs เข้าร่วม ภายใต้แนวความคิดจากหัวหน้าและผู้ปฏิบัติงานระดับโลกแปดคน โดยมีบุคคลที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Alexandra Roulet อดีตที่ปรึกษาของ Emmanuel Macron  ประธานาธิบดีประเทศฝรั่งเศส  และ Philippe Aghion ผู้ก่อตั้งทฤษฏีการเติบโตใหม่ ซึ่งกล่าวถึงความท้าทายด้านการผลิตที่เกิดขึ้นใหม่และวิธีการเชิงกลยุทธ์สำหรับการแก้ไขปัญหา โดยมุ่งเน้นความเจริญรุ่งเรืองผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

คำกล่าวเปิดงานของ Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการของ APO ในช่วงต้นของโครงการ ตอกย้ำถึงความจำเป็นสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตด้วยความยืดหยุ่นและนวัตกรรม เฟรมเวิร์กความเป็นผู้นำกำหนดใช้มุมมองที่มุ่งเน้นธุรกิจเป็นศูนย์กลางในการกำหนดความคิดริเริ่มเพื่อประสิทธิภาพการผลิตที่ยั่งยืนและการเติบโตอย่างครอบคลุม กลุ่มผู้นำ NPO ที่เข้าร่วมโครงการจะจัดทำข้อเสนอริเริ่มด้านการผลิตให้เสร็จสิ้นภายในสามเดือน ภายใต้คำแนะนำและการช่วยเหลือจากศาสตราจารย์ Philip Parker จาก INSEAD

การประชุมเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Dr. Indra เลขาธิการ APO และ Mathias Cormann เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development – OECD) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เดือนพฤษภาคม ณ กรุงปารีส การอภิปรายดังกล่าว ยังมีเจ้าหน้าที่ OECD ท่านอื่นๆ เข้าร่วมด้วยเช่นกัน อาทิเช่น Andreas Schaal ผู้อำนวยการฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือระดับโลก, Paul Schreyer ผู้อำนวยการฝ่ายสถิติและข้อมูล และ Thomas Schnöll รองเสนาธิการ โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต ความยั่งยืน และนวัตกรรม โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผสานร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง APO และ OECD โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการดำเนินโครงการร่วมกันด้านการวัดผลผลิตภาพและสถิติ

จากการเป็นสมาชิกใน Global Forum on Productivity (GFP) ของ OECD ตั้งแต่ปี 2020 APO มีความมุ่งมั่นและเสริมสร้างความร่วมมือกับฝ่ายบริหาร GFP เมื่อวันที่ 2 เดือนพฤษภาคม โดยตั้งเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่สมาชิก APO ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพด้านการผลิตและการกำหนดนโยบาย ทั้งสองฝ่ายยืนยันในความมุ่งมั่นทีจะใช้ GFP เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนนโยบายและความร่วมมือกันด้านการวิจัย

การประชุมระดับสูงหลายวาระสิ้นสุดลงด้วยการอภิปรายที่มีประสิทธิผลระหว่าง Dr. Indra เลขาธิการ และโฆษกของ National Council of Productivity Alain Durre แห่งประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 3 เดือนพฤษภาคม โดยมีการสำรวจช่องทางในการทำงานร่วมกัน รวมถึงการสนับสนุนโครงการให้คำปรึกษาด้านนโยบายและอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนด้านการวิจัยผลิตภาพ

ความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือกันเหล่านี้เน้นย้ำถึงความทุ่มเทของ APO ในการจัดหาเครื่องมือและความเชี่ยวชาญให้แก่สมาชิก เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตที่ซับซ้อน ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และความเจริญรุ่งเรืองทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เกี่ยวกับ APO

Asian Productivity Organization (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่อุทิศตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการผลิตในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยเน้นการทำงานร่วมกัน ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่เลือกปฏิบัติ APO ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้งแปดคน ปัจจุบันประกอบด้วยประเทศสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังคลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ไอ.อาร์.อิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย เตอร์กิเย และเวียดนาม

APO ดำเนินการวางแผนอนาคตสำหรับภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสมาชิกผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ ทำหน้าที่เป็นคลังความคิด ริเริ่มการสร้างขีดความสามารถระดับสถาบัน และการแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิต

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53978778/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม:
Digital Information Unit, APO: pr@apo-tokyo.org
โทรศัพท์: +81-3-3830-0411
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

แหล่งข้อมูล: Asian Productivity Organization

RunPod ระดมทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐในการระดมทุน Seed ที่นําโดย Intel Capital และ Dell Technologies Capital

Logo

RunPod ผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกสําหรับแอปพลิเคชัน AI กําลังดึงดูดนักพัฒนาจากหลากหลายอุตสาหกรรม และเร่งการเติบโตของแพลตฟอร์ม

MT. LAUREL, N.J.–( BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

RunPod ซึ่งเป็น Launchpad ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับใช้แอปพลิเคชัน AI แบบฟูลสแตกแบบกําหนดเอง ประกาศในวันนี้ว่าได้ระดมทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการระดมทุน Seed ซึ่งนําโดย Intel Capital และ Dell Technologies Capital โดยมีความร่วมมือจาก Julien Chaummond, Nat Friedman และ Adam Lewis ร่วมกับการจัดหาเงินทุน Mark Rostick รองประธานและกรรมการผู้จัดการอาวุโสของ Intel Capital จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ RunPod

RunPod เป็นบริการประมวลผลบนคลาวด์ GPU ที่กระจายทั่วโลกสําหรับการฝึกอบรม การปรับใช้ และการปรับขนาดโมเดล AI ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์หลักสองรายการของ RunPod ได้แก่ GPU Cloud และ Serverless นักพัฒนาสามารถหมุนอินสแตนซ์ GPU ตามความต้องการได้ในไม่กี่คลิก และสร้างจุดสิ้นสุด API ที่ปรับขนาดอัตโนมัติสําหรับการอนุมานแบบปรับขนาดบนโมเดล AI ในการผลิต

“ความสามารถในการสร้างและปรับใช้แอปพลิเคชัน AI ในวงกว้างจะเป็นสิ่งสําคัญยิ่งต่อการนําไปใช้และการใช้งาน” Amjad Masad นักลงทุน RunPod กล่าว “ทีม RunPod ได้ให้ความสําคัญกับประสบการณ์นักพัฒนาอย่างชัดเจน เพื่อสร้างโซลูชันที่สวยงามซึ่งช่วยให้บุคคลสามารถพัฒนาแอป AI ที่กําหนดเองได้อย่างรวดเร็ว หรือการบูรณาการ ในขณะเดียวกันก็ปูทางให้องค์กรต่างๆ สามารถปฏิบัติตามคํามั่นสัญญาของ AI ได้อย่างแท้จริง”

RunPod ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเรียกใช้เวิร์กโหลด GPU ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้พวกเขามุ่งเน้นไปที่การทํางานของแมชชีนเลิร์นนิงน้อยลง และให้ความสําคัญกับการสร้างแอปพลิเคชันมากขึ้น ความสามารถเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์สําหรับนักพัฒนาและส่งผลให้ RunPod ขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยการเติบโตของรายได้ 10 เท่าทุกปี

“RunPod เริ่มต้นจากการเป็นสนามเด็กเล่นสําหรับนักพัฒนาและนักนวัตกร ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาไปทําวิจัย พัฒนา และปรับแต่งโครงการของพวกเขา ตอนนี้มีชุมชนนักพัฒนามากกว่า 100,000 คน” Zhen Lu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ RunPod กล่าว “เราเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะ RunPod สร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างการให้อิสระแก่นักพัฒนา ในการเปิดตัวสิ่งที่พวกเขาต้องการ ในขณะที่ยังคงมีโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือที่จําเป็นเพื่อช่วยในการปรับแต่ง การพัฒนา และการปรับใช้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง”

การเกิดขึ้นของปริมาณงานเฉพาะด้าน AI ทําให้เกิดความต้องการด้านการคํานวณที่เพิ่มขึ้น เมื่อโซลูชั่นท่ใช้งานได้จริงแล้ว แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่พร้อมใช้งานทันที จะไม่คุ้มค่าหรือเร็วพอที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างแบบกําหนดเองได้อีกต่อไป ด้วย RunPod นักพัฒนาสามารถพัฒนา ฝึกอบรม ปรับขนาด และเปิดตัวแอปพลิเคชัน AI แบบฟูลสแตกแบบกําหนดเอง หรือการบูรณาการในระบบคลาวด์ในระดับโลกได้อย่างน่าเชื่อถือและง่ายดาย

“RunPod เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งฐานลูกค้าและรายได้ ด้วยการนําเสนอแพลตฟอร์มที่กว้างขวาง รวดเร็ว และใช้งานง่าย ซึ่งตอบสนองความต้องการของนักพัฒนาและแอปพลิเคชันโมเดลสามมิติของพวกเขา” Mark Rostick รองประธานและหุ้นส่วนผู้จัดการอาวุโสของ Intel Capital กล่าว “ผมได้ดูโมเมนตัมของ RunPod ตั้งแต่สตาร์ทอัพขนาดเล็กที่นำเสนอระบบนิเวศให้กับนักพัฒนาแต่ละราย เพื่อเริ่มต้นการวิจัยและพัฒนาไปจนถึงข้อเสนอแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ ที่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถปรับขนาดผลิตภัณฑ์และโซลูชันคุณภาพสูงที่กําหนดเองได้”

การเติบโตอย่างรวดเร็วและการยอมรับของนักพัฒนาทําให้เกิดความจําเป็นในการขยายทีมเกือบ 10 เท่าในปีที่ผ่านมา โดยสร้างตัวเองให้เป็นผู้นําในการบุกเบิกการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย GPU AI แพลตฟอร์มดังกล่าวเพิ่งเปิดตัวความสามารถในการปรับใช้อินสแตนซ์การประมวลผลของ CPU ซึ่งเป็นก้าวสําคัญในการสร้างโซลูชันระบบคลาวด์แบบองค์รวม การระดมทุน Seed นี้จะช่วยให้ RunPod สามารถยกระดับชีวิตประจําวันของนักพัฒนา สร้างพันธมิตรใหม่และการบูรณาการ เพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่น และนําเสนอรากฐานที่สมบูรณ์แบบสําหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน สําหรับการพัฒนาโมเดล AI แบบกําหนดเอง

“ในขณะที่องค์กรปรับใช้แอปพลิเคชัน AI ในการผลิตมากขึ้น กุญแจสู่ความสําเร็จคือการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปรับขนาดได้ นี่คือสิ่งที่ Zhen, Pardeep และทีมงานสร้างขึ้นด้วยแพลตฟอร์ม RunPod” Radhika Malik หุ้นส่วนของ Dell Technologies Capital กล่าว “พวกเขามุ่งมั่นที่จะรักษาประสบการณ์การพัฒนาเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่พวกเขาทํา ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกอย่างท่วมท้นจากชุมชน และการเติบโตของผู้ใช้ที่น่าประทับใจและยั่งยืน”

เกี่ยวกับ RunPod:

RunPod เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ GPUที่กระจายทั่วโลก ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับใช้แอปพลิเคชัน AI แบบฟูลสแตกแบบกําหนดเองได้ง่ายๆ ทั่วโลก และในวงกว้าง ด้วยข้อเสนอหลักของ RunPod อินสแตนซ์ GPU และ GPU แบบไร้เซิร์ฟเวอร์ นักพัฒนาสามารถพัฒนา ฝึกฝน และปรับขนาดแอปพลิเคชัน AI ในระบบคลาวด์เดียวภายในไม่กี่วินาที RunPod มุ่งมั่นที่จะทําให้การประมวลผลบนคลาวด์สามารถเข้าถึงได้และราคาไม่แพง โดยไม่กระทบต่อคุณสมบัติ การใช้งาน หรือประสบการณ์ มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคคลและองค์กรด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย  ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถปลดล็อกศักยภาพของ AI และการประมวลผลบนคลาวด์ได้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ RunPod โปรดไปที่ https://www.runpod.io/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ
Chris Love
press@runpod.io

ที่มา: RunPod

การวิจัยวัคซีนที่ใช้ LC-Plasma ได้รับเลือกสำหรับโครงการ SCARDA

Logo

– มุ่งเน้นการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ –

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings)(TOKYO:2503) และ National Institute of Infectious Diseases (NIID) ร่วมมือกันดำเนินการศึกษาเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในการป้องกันของพลาสม่าสายพันธุ์ L. lactis [โพสต์ไบโอติก] (LC-Plasma) สำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ เราขอประกาศว่า ข้อเสนอสำหรับการร่วมมือในการวิจัยของเราได้รับการยอมรับให้เป็นโครงการสำหรับการวิจัยและการพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาวัคซีนโดยศูนย์ยุทธศาสตร์การวิจัยและการพัฒนาวัคซีนขั้นสูงทางชีวการแพทย์เพื่อการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (Strategic Center of Biomedical Advanced Vaccine Research and Development for Preparedness and Response – SCARDA) ในหน่วยงานของญี่ปุ่น สำหรับการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ (Medical Research and Development – AMED)

ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการวิจัย

หัวข้อ: การพัฒนาวัคซีนโดยใช้พลาสม่าสายพันธุ์ Lactococcus ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นความจำโดยธรรมชาติ

ตัวแทน: Tetsuro Matano รองอธิบดี NIID

ตัวแทน: Daisuke Fujiwara เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ผู้จัดการทั่วไป สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ Kirin Holdings

หัวข้อเฉพาะ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาวัคซีนโดยใช้ LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ

ภูมิหลัง
SCARDA ก่อตั้งขึ้นที่ AMED เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2022 ตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อเสริมเงินทุนการวิจัยเชิงกลยุทธ์และเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์การวิจัยและการพัฒนาระดับโลก (https://www.amed.go.jp/en/program/list/21/index.html) SCARDA สนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาสำหรับวัคซีนรุ่นใหม่ มีความคาดหวังว่า วัคซีนแบบดั้งเดิมจะสามารถกระตุ้นการตอบสนองภูมิคุ้มกันแบบปรับสภาพ รวมถึงการตอบสนองของแอนติบอดีและทีเซลล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสและแบคทีเรีย เมื่อไม่นานมานี้ มีการพูดคุยกันถึงแนวคิดการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผ่านการฝึก และมีการทดลองพัฒนาวัคซีนที่มีการกระตุ้นการตอบสนองโดยธรรมชาติต่อโรคติดเชื้อให้มีประสิทธิผล ซึ่งยังไม่บรรลุผลสำเร็จ

LC-Plasma มีคุณลักษณะที่โดดเด่นในความสามารถกระตุ้นเซลล์พลาสมาซีตอยด์เดนไดรติก (plasmacytoid dendritic cells – pDCs) และกระตุ้นการผลิตอินเตอร์เฟอรอน ซึ่งนำไปสู่การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น จากการวิจัยร่วมกันกับ NIID ทาง Kirin Holdings มีการยืนยันว่า สามารถยับยั้งตัวจำลองแบบ SARS-CoV-2 ได้โดย pDC ส่วนลอยเหนือตะกอนจากการเพาะเลี้ยง ที่ได้รับการกระตุ้นด้วย LC-Plasma (Ishii et al, BBRC 662:26, 2023)

ในขณะนี้ Kirin Holdings และ NIID มีการดำเนินการวิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนาวัคซีนที่กระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติต่อการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ โดยใช้ LC-Plasma สำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ โครงการนี้มีขึ้นเพื่อสำรวจศักยภาพของการฉีดวัคซีน LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ รวมถึง SARS-CoV-2 และไวรัสไข้หวัดใหญ่

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจยา) และภาพส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทมีการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจยาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ซึ่งยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 มีการก่อตั้ง Kirin Holdings ขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันมุ่งเน้นการขยายภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้ วิสัยทัศน์ของ Kirin Group ปี 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่ม จนถึงด้านเภสัชกรรม นับจากนี้เป็นต้นไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถเติบอย่างยั่งยืนในองค์กร

* สร้างเสริมคุณค่าร่วมกัน ผสานรวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53976235/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Press Contact
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

National Institute of Infectious Diseases Contact
1-23-1 Toyama, Shinjuku-ku, Tokyo
+81-3-5285-1111
info@nih.go.jp

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

Tradu เปิดตัวการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโต ช่วยให้ลูกค้าสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมการซื้อขายได้สูงถึง 95%

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

Tradu แพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์หลายรายการอันทรงพลัง เปิดตัวการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตใหม่ พร้อมค่าธรรมเนียมต่ำและมีความโปร่งใส ซึ่งเหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนที่มองหาแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยสำหรับสินทรัพย์สกุลเงินคริปโตที่มีอยู่ของตัวเอง นับตั้งแต่วันนี้ เทรดเดอร์สกุลเงินคริปโตสามารถลงทุนในเหรียญมากกว่า 40 รายการได้อย่างปลอดภัย รวมถึง Bitcoin และ Ethereum ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์หลายรายการของ Tradu Tradu เป็นส่วนหนึ่งของ Stratos Group International, LLC (“Stratos”) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Jefferies Financial Group Inc. (NYSE: JEF)

Tradu ใช้แนวทางใหม่สำหรับคริปโต โดยนำเสนอโครงสร้างต้นทุนที่เรียบง่ายและโปร่งใส ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถประหยัดค่าธรรมเนียม ซึ่งมีการเรียกเก็บในการซื้อขายสกุลเงินคริปโตได้สูงถึง 95% แพลตฟอร์มจะมีการแสดงคอมมิชชั่นและสเปรดแบบเรียลไทม์ก่อนที่จะมีการส่งคำสั่งซื้อขาย และเทรดเดอร์สามารถเห็นความโปร่งใสในต้นทุนการทำธุรกรรมทั้งหมด Tradu คิดค่าคอมมิชชั่นเพียง 0.1% โดยมีส่วนลดในทันที 0.02% และ 0.05% สำหรับการซื้อขายจำนวนมาก ค่าคอมมิชชั่นสำหรับการซื้อขาย 1 BTC (ที่ราคา 60,000 เหรียญสหรัฐ) มีเพียง 30 เหรียญสหรัฐที่ Tradu เมื่อเทียบกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนอื่นๆ ถึง 600 เหรียญสหรัฐ*

ลูกค้าของ Tradu ยังสามารถเลือกที่จะซื้อขายผ่านโปรไฟล์ที่ไม่คิดค่าคอมมิชชั่น โดยสามารถเพิ่มค่าธรรมเนียมสำหรับสเปรดแทน ลูกค้าสามารถคลิกเพื่อเปลี่ยนระหว่างตัวเลือกโปรไฟล์ Zero Commission และ Raw Spreads ในแพลตฟอร์มได้อย่างง่ายดาย ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการเลือกโปรไฟล์ที่เหมาะสมกับสไตล์การซื้อขายของตัวเองมากที่สุด

คุณสมบัติที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่:

ค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่เหมือนกันTradu รักษาค่าธรรมเนียมที่เท่าเทียมกันสำหรับธุรกรรมผู้ซื้อและผู้ขาย นำเสนอความเป็นธรรม ความเรียบง่าย และความโปร่งใสในการซื้อขาย

สามารถฝากสกุลเงินคริปโตได้ฟรีและถอนได้ง่ายดาย: ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากสกุลเงินคริปโตกับ Tradu ในขณะที่สามารถถอนได้อย่างง่ายดาย และมีความโปร่งใสในค่าธรรมเนียม

มีการสนับสนุนอย่างครอบคลุม: สามารถเข้าถึงฝ่ายสนับสนุนลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงอีเมล แชท และโทรศัพท์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความช่วยเหลือทันทีหากผู้ใช้มีข้อสอบถามใดๆ

Brendan Callan, CEO ของ Tradu กล่าวว่า “ที่ Tradu เราเป็นผู้สนับสนุนสกุลเงินคริปโตอย่างแท้จริง เป็นตลาดขนาดใหญ่พร้อมสนับสนุนนักลงทุนที่มีความสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์หลายรายการอย่างแท้จริง สิ่งสำคัญสำหรับเราคือ การนำเสนอให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงทั้งสินทรัพย์แบบดั้งเดิมและสินทรัพย์ใหม่แบบดิจิทัล เรามีการกำหนดราคาและโครงสร้างพื้นฐานระดับสถาบันสำหรับตลาดสกุลเงินคริปโตรายย่อย โดยเทรดเดอร์สามารถดูรายละเอียดค่าใช้จ่ายล่วงหน้า พร้อมสเปรดที่โปร่งใส ช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนสูงสุด Tradu มุ่งเน้นที่การสร้างการซื้อขายสกุลเงินคริปโตที่มั่นคง ปลอดภัย และราบรื่นผ่านเทคโนโลยี นำเสนอบริการที่ดีกว่า ปลอดภัยยิ่งขึ้น และต้นทุนที่ต่ำลง ลูกค้าสามารถติดต่อทีมฝ่ายสนับสนุนเพื่อขอคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการโอนพอร์ตโฟลิโอสกุลเงินคริปโตไปยัง Tradu”

นอกเหนือจากสกุลเงินคริปโตแล้ว ผู้ใช้ Tradu ยังสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อขายกว่า 10,000 รายการ ทั้งในตราสารทุน forex และ CFD ในสินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น ทรัพย์สิน และดัชนีทั้งหมดได้จากพอร์ทัลทรงพลังเพียงพอร์ทัลเดียว โดยสามารถใช้แอปมือถือและแพลตฟอร์มเว็บที่ใช้งานได้ง่าย

สามารถลงทะเบียนและเข้าถึงสินทรัพย์ที่หลากหลายที่ crypto.tradu.com**

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ

* มีการคำนวณต้นทุนจากการซื้อ Bitcoin หนึ่งรายการที่ราคา 60,000 เหรียญสหรัฐ ต้นทุน Tradu รวมส่วนลด 0.05% ตามขนาดคำสั่งซื้อ ราคาเปรียบเทียบตามประเภทบัญชีมาตรฐานและข้อมูลจากเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ ณ วันที่ 1 เดือนพฤษภาคม ปี 2024 โดยไม่สะท้อนสถานการณ์ตลาดทั้งหมด ค่าธรรมเนียมจริงอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทบัญชี ส่วนลด ปริมาณ และสภาวะตลาด

**ผลิตภัณฑ์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง สามารถเข้าไปที่ tradu.com เพื่อตรวจสอบว่า มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใดบ้างในภูมิภาคของคุณ

เกี่ยวกับ Tradu

Tradu มีสำนักงานใหญ่ใน London และมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก ทีม Tradu ทั่วโลกสามารถพูดได้มากกว่ายี่สิบสี่ภาษาและมีความภาคภูมิใจในฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่มีการตอบสนองและช่วยเหลือลูกค้าเป็นอย่างดี

Stratos ยังมีการดำเนินงาน FXCM ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม FX และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 Stratos จะยังคงให้บริการ FXCM ควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์หลายรายการของ Tradu

บริษัทในเครือของ Stratos ได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การควบคุมในสหราชอาณาจักร ยุโรป ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Chatsworth Communications
+44 (0) 20 7440 9780
TraduPR@chatsworthcommunications.com

แหล่งข้อมูล: Tradu

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นเปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยเพิ่มฐานข้อมูลใหม่และเนื้อหาการสัมภาษณ์

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 พฤษภาคม 2024

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) ต่ออายุเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (https://www.asean.or.jp/) ในหน้าแรกของเว็บไซต์แสดงสโลแกนใหม่ของ AJC: “Building Bridges, Connecting Heart to Heart” พร้อมภาพประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและจิตวิญญาณของความร่วมมือระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น

The ASEAN-Japan Centre relaunches official website: New database and interview content added (Graphic: Business Wire)

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นเปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง: เพิ่มฐานข้อมูลใหม่และเนื้อหาการสัมภาษณ์ (กราฟิก: Business Wire)

นอกจากการจัดแสดงและรายงานกิจกรรมของ AJC แล้ว เว็บไซต์ใหม่ยังนำเสนออินโฟกราฟิก 'ASEAN-Japan Basic Information at a Glance' ซึ่งเป็นฐานข้อมูลอาเซียนที่ให้การเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนของอาเซียน รวมถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน และค่าดัชนีความได้เปรียบที่ปรากฏRCA) รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ภาพรวมของจํานวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาค  และเนื้อหาสัมภาษณ์ 'The People of ASEAN-Japan' ที่นําเสนอเรื่องราวของผู้คนที่เชื่อมโยงผู้คนในภูมิภาคอาเซียน-ญี่ปุ่น เว็บไซต์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้คนจํานวนมากขึ้นมีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นบน พื้นฐานของความไว้วางใจจากมุมมองที่แตกต่างกัน เนื้อหาจะได้รับการอัปเดตเป็นครั้งคราว

เป็นเวลากว่า 40 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1981 AJC ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองภูมิภาคผ่านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน การเปิดตัวเว็บไซต์อีกครั้งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบหกปี AJC ได้ถือเอามิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นปีที่ 50 ในปี 2023 เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ตามคําแถลงวิสัยทัศน์ “หุ้นส่วนที่เชื่อถือได้” ที่ผู้นําของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นนํามาใช้ในการประชุมสุดยอดที่ระลึก AJC มีเป้าหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์ “จากใจถึงใจ” ระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และร่วมกันสร้างสังคมที่สงบสุข ยั่งยืน ครอบคลุม และเจริญรุ่งเรือง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53966401/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) PR Unit

Tomoko Miyauchi (MS)

URL: https://www.asean.or.jp/
TEL: +81 (0)3-5402-8118

Email: toiawase_ga@asean.or.jp

ที่มา: ASEAN-Japan Centre

The Bangkok Reporter