Hytera คว้ารางวัล ICCAs Award ประจำปี 2024 ด้วยโซลูชัน MCS

Logo

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2024

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพ ได้รับรางวัล ICCAs 2024 Award สาขา “การใช้การสื่อสารที่สำคัญในอุตสาหกรรม การผลิต การขุดทรัพยากร การสำรวจน้ำมันและก๊าซ” เพื่อเป็นการให้เกียรติ MCS และ TETRA Systems ที่เชื่อมต่อกันของ Hytera Communications สำหรับผู้ผลิตเหล็กชั้นนำ โดยพิธีมอบรางวัล International Critical Communications Awards (ICCAs) ประจำปี 2024 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ Intercontinental Festival City ในดูไบ

ICCAs 2024 Award displayed at CCW exhibition (Photo: Business Wire)

ICCAs 2024 Award แสดงที่ CCW exhibition (รูปภาพ: Business Wire)

รางวัลนี้เชิดชู MCS และ TETRA Systems ที่เชื่อมต่อกันของ Hytera ซึ่งถูกนำไปใช้งานโดย Baoshan Iron & Steel Co., Ltd. (Baosteel) โดยก่อนหน้านี้ Baosteel ซึ่งเป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 ปฏิบัติงานด้วยระบบ TETRA ที่ติดตั้งในปี 2007 ไม่สามารถตอบสนองความต้องการประยุกต์ใช้บรอดแบนด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่อุตสาหกรรมก้าวหน้าในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ โดย Hytera ได้อัปเกรดระบบของ Baosteel ด้วยเทคโนโลยี TETRA ล่าสุด และผสานรวมระบบ TETRA ที่ได้รับการอัปเดตเข้ากับบริการสำหรับภารกิจสำคัญแบบผสานการทำงาน (MCS) ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและความปลอดภัยให้กับพนักงานมากกว่า 3,000 คน การผสานรวมนี้ทำให้มีความครอบคลุมของการสื่อสารที่ครบถ้วนกระบวนความ ช่วยให้สามารถสื่อสารตามความต้องการได้ ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการระดับสูงสำหรับการส่งข้อมูลมัลติมีเดียด้วย

Hytera มอบเทอร์มินัลสองโหมดและอุปกรณ์อัจฉริยะ 5G XSecure ให้กับ Baosteel เพื่อขยายการใช้งานของการเชื่อมต่อโครงข่ายสองเครือข่ายเพิ่มเติม อุปกรณ์เหล่านี้สามารถลงทะเบียนได้ทั้งบนเครือข่าย LTE และเครือข่าย TETRA พร้อมกัน ซึ่งทำให้สามารถมีบริการการสื่อสารแบบเรียลไทม์บนเครือข่ายสาธารณะ MCS และเครือข่าย TETRA ส่วนตัว การดำเนินการนี้ช่วยลดภาระของบุคลากรฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษาที่อาจต้องพกพาอุปกรณ์หลายเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิทยุที่ทนทานนี้จะสลับระหว่างเครือข่ายแนร์โรว์แบนด์และบรอดแบนด์โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงด้วยตนเอง รองรับบริการต่างๆ เช่น การโทรส่วนตัวและการโทรแบบกลุ่ม ข้อความ และแอปพลิเคชันมัลติมีเดีย

อุปกรณ์อัจฉริยะ 5G XSecure PNC560 ของ Hytera (Hytera 5G XSecure Smart Device PNC560) เพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพของผู้ใช้ ตั้งแต่พนักงานออฟฟิศไปจนถึงพนักงานแนวหน้า ด้วยระบบ MCS ของ Hytera PNC560 สามารถสื่อสารกับวิทยุ PDT, DMR หรือ TETRA ผ่านเครือข่าย LTE หรือ 5G ซึ่งช่วยให้สามารถสื่อสารแบบตัวต่อตัวหรือแบบตัวต่อกลุ่มได้ทันทีทุกที่ในโลกเพื่อแบ่งปันข้อความ รูปภาพ และคลิปวิดีโอ

ระบบ MCS ของ Hytera ปรับปรุงประสิทธิภาพการสื่อสารและการผลิตของ Baosteel โดยการทำให้แน่ใจว่าการสื่อสารและการทำงานร่วมกันจะเป็นไปอย่างราบรื่นระหว่างพนักงาน ที่สำคัญกว่านั้นคือระบบ MCS ของ Hytera สอดคล้องกับมาตรฐานภารกิจสำคัญของ 3GPP อย่างสมบูรณ์ โดยครอบคลุม MCPTT, MCVideo และ MCData แนวทางนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงการสื่อสารที่เชื่อถือได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต Hytera ทำให้สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การประยุกต์ใช้บรอดแบนด์ได้อย่างง่ายดายผ่านการเชื่อมต่อระหว่าง MCS และ TETRA Systems ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการทำงาน และสนับสนุนความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน.

Dylan Liu ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Hytera กล่าวว่า “การได้รับรางวัล ICCA ปี 2024 เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราต่อนวัตกรรมทางเทคโนโลยี Hytera เป็นผู้นำในด้านการใช้งาน MCS ในหลายอุตสาหกรรม เช่น รถไฟและสาธารณูปโภค ทีมงานจะยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาสายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของเราต่อไป”

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัยยิ่งขึ้น และหลากหลายยิ่งขึ้นให้ผู้ใช้ทางธุรกิจและผู้ใช้ที่มีภารกิจที่สำคัญ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยการช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53994318/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

lele.yao@hytera.com

แหล่งที่มา: Hytera Communications Corporation Limited

Netmore Group ขยายสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยการส่งมอบบริการเครือข่าย LoRaWAN ที่มุ่งเน้นช่องทาง

Logo

แพลตฟอร์มในรูปแบบบริการได้รับการวางตำแหน่งเพื่อรองรับการเปิดตัว IoT จำนวนมากในตลาดยูทิลิตี้ เทศบาล และองค์กร

สตอกโฮล์ม, สวีเดน–(BUSINESS WIRE)–15 พฤษภาคม 2024

Netmore Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย LoRaWAN ชั้นนำระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้ว่าจะขยายธุรกิจ IoT ไปสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการตรวจสอบสาธารณูปโภคที่ใช้เซ็นเซอร์และโครงสร้างพื้นฐานของเทศบาลและโซลูชันการจัดการพลังงาน การขยายธุรกิจนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทเข้าซื้อกิจการ Senet ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ LoRaWAN ในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งเป็นการเพิ่มเครือข่ายของ Senet เข้าไปในการดำเนินงานของเครือข่ายระดับผู้ให้บริการในตลาดยุโรป 11 แห่ง

Netmore กำลังเข้าใกล้ภูมิภาค APAC ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นช่องทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการส่งมอบการเชื่อมต่อเครือข่ายที่รองรับอนาคตผ่าน Platform-as-a-Service (PaaS) ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อรองรับการเปิดตัว IoT ขนาดใหญ่ ด้วยประสบการณ์เชิงลึกในโดเมนแนวดิ่ง ความน่าเชื่อถือระดับผู้ให้บริการ และโมเดลราคาที่เอื้อมถึงและปรับขนาดได้ Netmore นำเสนอโครงสร้างที่คุ้มค่าและคาดการณ์ได้สำหรับ MNO, OEM และผู้รวมระบบที่ต้องการขยายข้อเสนอเพื่อสร้างรายได้จากความคิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพื่อลดต้นทุนเครือข่ายอย่างต่อเนื่องในขณะที่ปรับปรุงการให้บริการ Netmore ยังร่วมมือกับบริษัททาวเวอร์และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ในกิจกรรมการพัฒนาธุรกิจร่วมกันในตลาดที่เลือก

ด้วยการขยายธุรกิจนี้ Netmore ได้แต่งตั้ง Lim Perng ให้เป็นหัวหน้าฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย Lim ได้นำมาซึ่งความสำเร็จมายาวนานกว่า 15 ปีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และประวัติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Lim Perng กล่าวว่า “Netmore อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากที่จะกลายเป็นผู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลักในการส่งมอบการเชื่อมต่อ IoT ในช่วงเวลาที่มีการปรับใช้ทั่วโลก ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับองค์กรในขณะที่บริษัทขยายตัว ฉันตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับทีม Netmore และพันธมิตรของเราทั่วทั้งระบบนิเวศเพื่อมอบโซลูชันการเชื่อมต่อที่จะช่วยให้ลูกค้าบรรลุความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืน”

Ove Anebygd ผู้เป็นซีอีโอของ Netmore Group AB กล่าวว่า “ในอีกหลายปีข้างหน้าจะเป็นปีที่พิเศษสำหรับตลาด IoT และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ Lim มาร่วมมือกับเราเพื่อสนับสนุนการเติบโตขั้นต่อไปของเรา ประสบการณ์ของ Lim ในการจัดการทีมที่มีประสิทธิภาพสูงในหลายประเทศและความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานและลูกค้าองค์กรผ่านเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของลูกค้าจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับองค์กรของเรา”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.netmoregroup.com หรืออีเมล lim.perng@netmoregroup.com เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการเป็นพันธมิตร

Netmore Group คือผู้ให้บริการเครือข่าย IoT ที่สร้างเครือข่ายข้ามชาติชั้นนำเพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน เรานำเสนอแพลตฟอร์มเครือข่ายที่เชื่อถือได้และความเชี่ยวชาญด้านการเชื่อมต่อชั้นนำเพื่อการวัดผล การตรวจสอบ และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์ 10 ปีในอุตสาหกรรมนี้ เรามีประวัติที่ดี ดำเนินงานอย่างไร้ขอบเขตในตลาดยุโรป และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำระดับโลก เจ้าของหลักของกลุ่ม Netmore คือ Polar Structure ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานชาวนอร์ดิก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสื่อมวลชน:
James Gerber
Crackle Communications
+1 508-233-3391
netmore@cracklepr.com

ข้อมูลติดต่อ Netmore:
Ken Lynch
VP, Global Marketing
+1 617-877-5393
ken.lynch@netmoregroup.com

แหล่งที่มา: Netmore Group

ลิปสติกสีชมพูและนิ้วหัวแม่มือสีเขียว: Mary Kay Inc. เฉลิมฉลอง 60 ปีแห่งความงามที่ยั่งยืนด้วยกิจกรรมปลูกต้นไม้สุดพิเศษในลูอิสวิลล์

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้นำองค์กรในด้านความยั่งยืนระดับโลกกำลังเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานในลูอิสวิลล์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม บริษัทได้ร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation และ Keep Lewisville Beautiful เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่สวน Railroad Park เพื่อเฉลิมฉลองมารดาของธรรมชาติและวันแม่แห่งชาติ

Trees planted at Railroad Park directly impact Lewisville communities by providing important ecosystem benefits in the Trinity River watershed. (Photo: Mary Kay Inc.)

ต้นไม้ที่ปลูกใน Railroad Park ส่งผลโดยตรงต่อชุมชนลูอิสวิลล์ด้วยการให้ประโยชน์ทางระบบนิเวศที่สำคัญในลุ่มแม่น้ำ Trinity River (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

“ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น Arbor Day Foundation Mary Kay สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ทั่วโลก” Ryan Rogers ผู้เป็น CEO ของ Mary Kay, Inc. และหลานชายของ Mary Kay Ash กล่าว “แต่การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่สวนหลังบ้านของคุณเอง เราสนุกกับการ 'ดูแล' ชุมชนด้วยการปลูกต้นไม้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวในท้องถิ่นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป”

อาสาสมัครของ Mary Kay ปลูกต้นไม้พื้นถิ่น 60 ต้นตามเส้นทางและทางน้ำใน Railroad Park ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวันครบรอบ 60 ปีของบริษัทในการยกระดับชีวิตของผู้หญิงและครอบครัวของพวกเธอทั่วโลกและการปกป้องโลก สวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ห่างจากศูนย์การผลิต/วิจัยและพัฒนา Richard R. Rogers (R3) Manufacturing/R&D Center อันล้ำสมัยของ Mary Kay เป็นระยะทางสี่ไมล์ ต้นไม้ที่ปลูกในสถานที่นี้ส่งผลโดยตรงต่อชุมชนลูอิสวิลล์ด้วยการให้ร่มเงาที่จำเป็นมากในพื้นที่ชุมชน ปรับปรุงทัศนียภาพความสวยงามของพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ และให้ประโยชน์ต่อระบบนิเวศที่สำคัญในลุ่มแม่น้ำ Trinity River

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็น Mary Kay มีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ในลูอิสวิลล์” TJ Gilmore นายกเทศมนตรีของลูอิสวิลล์กล่าว “โครงการริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นอากาศบริสุทธิ์ให้กับเมืองของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงความร่วมมือที่เจริญรุ่งเรืองระหว่างชุมชนของเราและบริษัทที่ได้ตอบแทนกลับคืนอย่างต่อเนื่อง เรากำลังทำให้ลูอิสวิลล์ เป็นสถานที่ที่น่าอยู่และเหมาะกับการยิ่งขึ้น”

ความร่วมมือระหว่าง Mary Kay และมูลนิธิ Arbor Day Foundation มีมาอย่างยาวนานมากกว่า 16 ปี และในช่วงระหว่างนั้นบริษัทได้ช่วยปลูกต้นไม้ 1.4 ล้านต้นทั่วทั้งโลก มูลนิธิ Arbor Day Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีสมาชิกรายใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งอุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้

Dan Lambe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Arbor Day Foundation กล่าวว่า “มูลนิธิ Arbor Day Foundation มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือพันธมิตรด้านการปลูกในท้องถิ่นของเราปลดล็อกพลังการเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ในชุมชนของพวกเขา” “ต้นไม้ทำให้อากาศของเราสะอาด ทำให้เมืองของเราเย็นลง และทำให้ชีวิตของผู้คนรอบตัวดีขึ้น เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับ Mary Kay และ Keep Lewisville Beautiful อีกครั้งเพื่อเพิ่มผลกระทบของพื้นที่ร่มไม้ (Urban Canopy) ในเมืองและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นมีส่วนร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความหมาย”

Keep Lewisville Beautiful เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นที่ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ในการปลูกต้นไม้และมอบโอกาสให้แก่ผู้อยู่อาศัยในการดูแลพื้นที่ร่มไม้ในลูอิสวิลล์บนพื้นที่สาธารณะ

“การปลูกต้นไม้เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของชุมชนของเรา” Amy Wells กรรมการบริหารของ Keep Lewisville Beautiful กล่าว “ต้นไม้เหล่านี้จะช่วยสร้างร่มเงาให้กับครอบครัวที่มาเยือนสวน Railroad Park เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในท้องถิ่น และจะให้ประโยชน์ทางนิเวศมากมายแก่สภาพแวดล้อมในท้องถิ่นของเรา Keep Lewisville Beautiful รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Mary Kay และ Arbor Day Foundation เพื่อพื้นที่ร่มไม้ในลูอิสวิลล์และสร้างความแตกต่างที่มองเห็นได้ในชุมชนของเราด้วยอาสาสมัคร Mary Kay การบริจาคของเขาให้กับชุมชนของเราและ KLB จะช่วยรักษาความสวยงามของลูอิสวิลล์ต่อไป”

หลังจากการปลูก กรมอุทยานลูอิสวิลล์มุ่งมั่นที่จะบำรุงรักษาและดูแลรักษาต้นไม้ในระยะยาวด้วยการรดน้ำ การตัดแต่งกิ่ง และการดูแลเพิ่มเติมต่อไป

คุณทราบหรือไม่:

  • ศูนย์การผลิตและค้นคว้าวิจัย R3 Manufacturing/R&D Center ในลูอิสวิลล์ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ร่วมก่อตั้งของ Mary Kay Inc. และ Richard R. Rogers  ผู้เป็นลูกชายของ Mary Kay Ash
  • R3 สร้างขึ้นบนพื้นที่ 26 เอเคอร์ มีห้องปฏิบัติการ R&D ที่ล้ำสมัยและเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย
  • 57% ของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตที่ R3 ถูกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศของ Mary Kay
  • กำลังการผลิตของ R3 สูงถึง 1.1 ล้านผลิตภัณฑ์ต่อวัน โรงงานแห่งนี้มีสายการผลิตบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ 20 สาย และภาชนะแปรรูปและถังผสม 21 ใบ
  • R3 เป็นอาคารที่ได้รับการรับรองระดับเงินด้านการออกแบบและการก่อสร้างอาคาร

เกี่ยวกับ Mary Kay

Then. Now. Always. (ตั้งแต่ก่อนนั้น ตอนนี้และตลอดไป)  Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกเดิม เธอได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของตัวเองในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ เพื่อทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางตกแต่งแบบมีสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com ค้นหาเกี่ยวกับเราใน Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราใน Twitter

เกี่ยวกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 เป็นองค์กรสมาชิกไม่แสวงหากำไรที่ใหญ่ที่สุดซึ่งได้อุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้ เราได้ช่วยปลูกต้นไม้มากกว่า 500 ล้านต้นในละแวกใกล้เคียง ชุมชน เมือง และป่าไม้ทั่วโลกร่วมกับพันธมิตรของเรา วิสัยทัศน์ของเราคือการนำไปสู่โลกที่ต้นไม้ถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาที่สำคัญต่อการอยู่รอด มูลนิธิ Arbor Day Foundation เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกในการปลูก บำรุงเลี้ยง และเฉลิมฉลองต้นไม้ผ่านทางสมาชิก พันธมิตร และโครงการต่างๆ ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ arborday.org

เกียวกับ Keep Lewisville Beautiful

Keep Lewisville Beautiful (KLB) เป็นองค์กรในเครือที่ไม่แสวงหาผลกำไรและได้รับรางวัลของ Keep America Beautiful และ Keep Texas Beautiful ภารกิจของ KLB คือ “ให้พลเมืองของลูอิสวิลล์มีส่วนร่วมผ่านบริการและการศึกษาเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชน” วิสัยทัศน์ของเราคือการร่วมมือกับชุมชนเพื่อส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทำให้ลูอิสวิลล์เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการอยู่อาศัย ทำงาน และพักผ่อน ในแต่ละปีอาสาสมัครของ KLB ได้อุทิศชั่วโมงอาสาสมัครมากกว่า 10,000 ชั่วโมงในการลดขยะ การให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม และโครงการเสริมความงาม และกำจัดขยะมากกว่า 25 ตันออกจากพื้นที่สีเขียวของชุมชนและทางน้ำ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ keeplewisvillebeautiful.org

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53988232/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.



NielsenIQ เปิดตัวเครื่องมือที่ใช้ GenAI NIQ Ask Arthur เข้าสู่ NIQ Discover เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ในการปลดล็อกพลังของข้อมูล

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

NielsenIQ (NIQ) ผู้นําระดับโลกด้านการวัดและวิเคราะห์ข้อมูล รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศว่า 'NIQ Ask Arthur' ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI ที่ก้าวล้ำ ได้ถูกรวมเข้ากับ NIQ Discover แล้ว โซลูชันการเปลี่ยนแปลงนี้นําเสนอการค้นหาทั่วโลกที่ใช้ AI นำทางและคําแนะนําส่วนบุคคล เพิ่มความคล่องตัวในการวิเคราะห์ข้อมูล และอํานวยความสะดวกในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลประกอบ การเปิดตัว “NIQ Ask Arthur” ถือเป็นก้าวสําคัญของ NIQ Labs ด้วยการที่อยู่ในตําแหน่งขุมพลังด้านนวัตกรรม NIQ Labs พร้อมที่จะเร่งสร้างอนาคตของนวัตกรรม ด้วยการแก้ปัญหาของลูกค้าและค้นพบเส้นทางใหม่สู่การเติบโต ควบคู่ไปกับการลงทุน NIQ Labs ใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ข้อมูลที่หลากหลาย โดยใช้เครื่องมือข่าวกรองธุรกิจที่ใช้งานง่าย และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนโดย Generative AI (GenAI) และวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่เชื่อถือได้ซึ่งบุกเบิกยุคต่อไปของผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์

ด้วยฟีเจอร์ AI แบบสนทนา 'NIQ Ask Arthur' ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเจาะลึกเข้าไปในชุดข้อมูล  ปฏิวัติตัวเลือกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NielsenIQ ในการวิเคราะห์ที่ล้ำสมัย

NIQ Discover ซึ่งเป็นโซลูชันการแสดงภาพข้อมูลที่ล้ำสมัย เร่งการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกสําหรับผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก CPG สร้างเส้นทางสู่ข้อมูลเชิงลึกที่สดใหม่ และเป็นมิตรกับผู้ใช้ โดยใช้ประโยชน์จากพลังของข้อมูลตามความต้องการจากชุดข้อมูลหลายชุด NIQ Discover ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก CPG ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่มีความหมายเร็วขึ้น รวมถึงวัดผลและติดตาม สิ่งที่สําคัญที่สุดต่อธุรกิจของตนภายในแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์เดียว

NIQ Ask Arthur ใน NIQ Discover ช่วยให้สามารถค้นพบข้อมูลเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปิดเผยข้อมูลที่มีค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มคุณค่าให้กับเรื่องราวของแบรนด์ และทําให้การเข้าถึงข้อมูลอย่างเป็นประชาธิปไตย ผู้ใช้ปัจจุบันและผู้ใช้ใหม่สามารถค้นพบข้อมูลที่มีความหมาย แนวโน้ม และรูปแบบซึ่งอาจไม่มีใครสังเกตเห็น ซึ่งนําไปสู่การวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ที่ NIQ เราให้บริการ Full View™ และเรารักษามาตรฐานสูงสุดของความถูกต้องและคุณภาพของข้อมูล GenAI จะช่วยให้ผู้ใช้ NIQ Discover ถอดรหัสรูปแบบที่หลากหลายและจัดการกับคําถามทางธุรกิจที่ซับซ้อน

“วิสัยทัศน์ของการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล และการเล่าเรื่องนั้นทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เป็นประชาธิปไตยเป็นสิ่งสําคัญในการช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจโดยมีข้อมูลประกอบ และขับเคลื่อนนวัตกรรม 'NIQ Ask Arthur' ปลดล็อกพลังของการวิเคราะห์บนแพลตฟอร์ม Discover” Troy Treangen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ NIQ กล่าว

NIQ Ask Arthur ใน Discover ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาด้วยการแนะนําข้อมูลเชิงลึกในเชิงรุก และทําให้การนําทางข้อมูลง่ายขึ้นผ่านประสบการณ์การสนทนาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ราบรื่น

ด้วยการลงทุนของ NIQ ในแพลตฟอร์ม NIQ Discover ที่ทันสมัย ผสมผสานกับประเภทข้อมูลที่หลากหลาย และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง NIQ Ask Arthur มอบคุณค่าที่เหนือชั้นให้กับลูกค้า

NIQ อยู่ในตําแหน่งที่ดีที่สุดในการทําความเข้าใจข้อมูลและคําถามทางธุรกิจที่ช่วยให้แบรนด์เปิดเผยเรื่องราวของพวกเขา ความคล่องตัวและกลยุทธ์การปรับใช้ที่รวดเร็วของบริษัทได้อํานวยความสะดวกให้กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่โดดเด่น ในปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์ม NIQ Discover มีการเติบโตที่ไม่ธรรมดา โดยเพิ่มขึ้นจาก ผู้ใช้ 2,500 ราย ในเดือนมกราคม 2023 เป็น 40,000 รายที่น่าประทับใจใน 71 ประเทศในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวทางเทคโนโลยีในวงกว้างของ NIQ  ความสามารถในการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ และสร้างสถานะทั่วโลก ตอกย้ำความคล่องตัวและนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ของ NIQ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรม ช่องทาง  และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกอย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อส่งมอบ Full View™

เกี่ยวกับ NIQ

NIQ เป็นบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนําของโลก ที่มอบความเข้าใจที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต NIQ รวมกับ GfK ในปี 2023 เพื่อนำผู้นําในอุตสาหกรรมทั้งสองมารวมตัวกันพร้อมการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ มีการดําเนินงานในกว่า 95 ประเทศซึ่งคิดเป็น 97% ของ GDP โลก ด้วยการอ่านขัอมูลการค้าปลีกแบบองค์รวม และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด—นําเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย—NIQ มอบ Full ViewTM.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jill Saletta – หัวหน้าระดับสากล – ฝ่ายสื่อสารภายนอก
jill.saletta@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

P&G เผยแผนการนำเสนอแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าอย่างโดดเด่นในระหว่างมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก Paris 2024

Logo

  • ผลิตภัณฑ์กว่า 30 แบรนด์จาก P&G เปิดตัวแคมเปญที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ได้แก่ Pampers®, Ariel®, Fairy®, Venus®, Gillette®, Always®, Head & Shoulders®, Oral-B® และ ZzzQuil®
  • ผลิตภัณฑ์แบรนด์จาก P&G นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าแก่นักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกและเจ้าหน้าที่มากกว่า 22,000 คนในหมู่บ้านนักกีฬา รวมถึงหมู่บ้านเนอร์สเซอร์รี่จาก Pampers®; ร้านเสริมสวยและดูแลความงามโดย Pantene®, Head & Shoulders®, Mielle®, Gillette® และ Braun® คลินิกทันตกรรมโดย Oral-B® และห้องซักรีดจาก Ariel®
  • ผลิตภัณฑ์แบรนด์จาก P&G ร่วมมือกับนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกกว่า 100 คน และเปิดโครงการค้าปลีกทั้งในร้านและออนไลน์กับผู้ค้าปลีกมากกว่า 150 รายจากทั่วโลก

CINCINNATI–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

ในวันนี้ Procter & Gamble (NYSE: PG) พันธมิตรมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกทั่วโลก ประกาศแผนการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบรนด์สินค้าในครัวเรือนและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าอย่างโดดเด่นในระหว่างมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก Paris 2024 รวมถึงแคมเปญการตลาดผลิตภัณฑ์แบรนด์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโอลิมปิกและแคมเปญผลิตภัณฑ์จำหน่ายในร้านค้า ความร่วมมือกับนักกีฬาที่แบรนด์เป็นผู้สนับสนุน และผลิตภัณฑ์และบริการฟรีสำหรับนักกีฬาในหมู่บ้านนักกีฬาในมหกรรมกีฬา Paris 2024

The Village Nursery with Pampers (Photo: Business Wire)

หมู่บ้านเนอร์สเซอร์รี่จาก Pampers (ภาพถ่าย: Business Wire)

ก่อนและในระหว่างมหกรรมกีฬา Paris 2024 ผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G กว่า 30 แบรนด์จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่มีส่วนร่วมหลายพันล้านรายในประเทศต่างๆ ทั่วโลกด้วยวิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่า ด้วยแรงบันดาลใจจากนักกีฬาที่เก่งที่สุดในโลก ผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G สินค้าในครัวเรือนและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลเปิดตัวแคมเปญการตลาดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้บริการผู้คนในทุกคน ประกอบด้วย:

  • Pampers ส่งเสริมให้แชมเปี้ยนตัวน้อยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระด้วยกางเกงของ Pampers® NEW Baby-Dry™ ที่ให้ความพอดีและป้องกันการรั่วไหลได้อย่างดี
  • แคมเปญ “แชมเปี้ยนขจัดคราบและกลิ่น” ของ Ariel ดูแลเสื้อผ้าทั้งสำหรับใส่ในบ้านและนอกบ้าน แม้สำหรับรอบการซักด้วยน้ำเย็นในเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นสภาวะที่ทำความสะอาดได้ยากที่สุด
  • แคมเปญ แชมเปี้ยนขจัดคราบฝังแน่น” ของ Fairy มาพร้อมมาสคอต Mr. Fairy และนำเสนอประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าสำหรับเครื่องล้างจานระบบอัตโนมัติ แม้สำหรับโปรแกรมการล้างด่วน
  • Gillette Venus เปิดตัวแคมเปญ “The Power of Smooth” โดยเปิดตัว Venus มีดโกนที่นักกีฬามั่นใจ พร้อมผิวที่เรียบเนียน โดยเฉพาะในขั้นตอนสุดท้ายสำหรับเตรียมตัวก่อนการแข่งขัน
  • Gillette ผลิตภัณฑ์แบรนด์ซึ่งมีประวัติความเป็นมาด้านกีฬาที่แข็งแกร่ง พร้อมยึดมั่นคำมั่นสัญญาที่มีมายาวนาน “สิ่งที่ดีที่สุดที่ผู้ชายจะได้รับ” พร้อมมีดโกนทองคำสำหรับ Paris 2024 และแคมเปญที่นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ Gillette Labs ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • Always เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับช่วงเวลาอย่างเป็นทางการของ Paris 2024 แคมเปญ “It's a New Period” มุ่งเป้าไปที่การจัดการและขจัดความวิตกกังวลในโลกกีฬาด้วยผลิตภัณฑ์พลังสูงและมีการปกป้องที่เหนือกว่า
  • Head & Shoulders “Gold Medal Against Dandruff” นำเสนอแคมเปญ “I Don’t” พร้อมสาธิตวิธีการที่แบรนด์สามารถป้องกันรังแคโดยการปรับเปลี่ยนธีมกีฬาโอลิมปิก
  • แคมเปญ “Brush Like a Champion” ของ Oral-B ใช้ประโยชน์จากการที่แบรนด์เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากอย่างเป็นทางการของ Paris 2024 เพื่อส่งเสริมการใช้ Oral-B เพื่อฟันที่สะอาดและแข็งแรงยิ่งขึ้น
  • แคมเปญ “Sleep Like an Everyday Champion” ของ ZzzQuil ส่งเสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการปฏิบัติงานให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

“ในทุกๆ วัน ผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G มอบผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงแก่ผู้บริโภค และได้รับความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการในครัวเรือนและการดูแลส่วนตัวสำหรับตัวเองและครอบครัว” Marc Pritchard ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์ของ P&G กล่าว “นั่นเป็นแรงบันดาลใจที่เราต้องการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าเพื่อนักกีฬา ครอบครัว และแฟนๆ เพื่อให้สามารถบรรลุคุณภาพเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะบนเวทีมหกรรมกีฬาโอลิมปิกหรือพาราลิมปิก หรือในช่วงเวลาชีวิตประจำวันที่สำคัญ”

แคมเปญการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G เหล่านี้และอื่นๆ อีกมากมายจะได้รับการสนับสนุนโดยการเปิดโครงการค้าปลีกทั้งในร้านค้าและออนไลน์สำหรับผู้ค้าปลีกมากกว่า 150 รายในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ในช่วงเกมต่างๆ ที่ผ่านมาล่าสุด P&G และผู้ค้าปลีกได้ทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนากีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกให้เป็นแพลตฟอร์มที่มีความเกี่ยวข้องสูงสำหรับการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและการสร้างมูลค่า การแข่งขันมีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษในภูมิภาคเจ้าภาพและสำหรับ Paris 2024 ผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G เป็นผู้สนับสนุนในร้านค้าปลีกทั่วยุโรปที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญ “Everyday Champions” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตประจำวันเพื่อตอบสนองความต้องการในครัวเรือนและการดูแลส่วนบุคคลของนักกีฬา ครอบครัว และแฟนๆ – เช่นเดียวกับนักกีฬาโอลิมปิกและนักกีฬาพาราลิมปิกที่ทุ่มเทเพื่อกีฬาอย่างเต็มที่

ในระหว่างการแข่งขัน ผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G พร้อมมอบบริการและผลิตภัณฑ์ให้แก่นักกีฬาฟรีมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เพื่อให้สามารถมุ่งเน้นเพื่อบรรลุในสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อก้าวขึ้นไปบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G จะตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่มากกว่า 22,000 คนในหมู่บ้านนักกีฬา โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าถึงได้และครอบคลุม โดยรวมถึง:

  • หมู่บ้านเนอร์สเซอร์รี่จาก Pampers: เป็นครั้งแรกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ซึ่ง Pampers® มีส่วนร่วมในการสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายสำหรับนักกีฬาที่เป็นพ่อแม่ เพื่อให้สามารถอยู่ใกล้ชิดกับทารกและเด็กเล็กและเพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันมีค่าร่วมกันในหมู่บ้านนักกีฬาในระหว่าง Paris 2024 หมู่บ้านเนอร์สเซอร์รี่มีพื้นที่เพื่อให้สามารถใช้เวลาและเล่นกับลูกเพื่อสร้างความผูกพันในครอบครัว และตอบสนองความต้องการผ้าอ้อมของทารกทุกคนด้วยผ้าอ้อมและผ้าเช็ดทำความสะอาดคุณภาพสูงสุดของ Pampers
  • ร้านเสริมสวยและดูแลความงามโดย Pantene®, Head & Shoulders®, Mielle®, Gillette® และ Braun® พร้อมให้บริการทรีตเม้นท์เสริมความงามและดูแลความงามฟรีที่มีการออกแบบมาสำหรับนักกีฬาทุกคน เพื่อช่วยให้ทุกคนดูดีและรู้สึกดีที่สุด เพื่อให้นักกีฬาทุกคนสามารถมุ่งเน้นในการฝึกและเตรียมพร้อมอย่างดีที่สุด
  • ห้องซักรีดจาก Ariel: นักกีฬาจะได้สัมผัสกับประสิทธิภาพการทำความสะอาดที่โดดเด่น เมื่อนำเสื้อผ้าและเครื่องแบบกีฬาไปที่ห้องซักรีด เพื่อรับบริการซักผ้าด้วยน้ำเย็นจาก Ariel ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ซักรีดอย่างเป็นทางการของ Paris 2024
  • คลินิกทันตกรรมโดย Oral-B® จะสร้างความมั่นใจในรอยยิ้มที่มีสุขภาพดีแก่นักกีฬา พร้อมนำเสนอให้นักกีฬาสามารถเข้าถึงบริการทันตกรรมทั่วไปและฉุกเฉินด้วยแปรงสีฟัน ยาสีฟัน และความรู้การดูแลช่องปากที่มีประสิทธิภาพสูงของ Oral-B®
  • การดูแลในช่วงวันนั้นของเดือน: Always และ Tampax® พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการดูแลช่วงวันนั้นของเดือนไว้ในห้องน้ำทั่วหมู่บ้านนักกีฬา
  • ชุดอุปกรณ์สำหรับชีวิตประจำวันเพื่อนักกีฬาทุกคนจาก P&G: นักกีฬาแต่ละคนจะได้รับกระเป๋าแบบใช้ซ้ำได้ธีม Paris พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G เช่น Oral-B, Head & Shoulders, Aussie, Safeguard และ Febreze เพื่อดูแลสุขภาพและสุขอนามัยของนักกีฬาทุกคนในช่วง Paris 2024

“เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G ตระหนักถึงสิ่งที่สำคัญยิ่งสำหรับนักกีฬา และนำเสนอบริการในระหว่างกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกในรูปแบบที่มีความหมายยิ่งขึ้น” Dame Laura Kenny ผู้ชนะเลิศการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหกสมัย กล่าว “สำหรับนักกีฬาที่ต้องสวมบทบาทเป็นพ่อแม่ การที่สามารถมีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับลูกน้อยในพื้นที่บริเวณที่สามารถเข้าถึงได้ เช่น หมู่บ้านเนอร์สเซอร์รี่จาก Pampers เป็นทรัพยากรที่น่าทึ่ง ซึ่งให้การสนับสนุนอันมีค่าแก่นักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกในระหว่างช่วงเวลาการแข่งขัน”

P&G และผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G ยังเป็นพันธมิตรกับนักกีฬาเก่งระดับโลกกว่า 100 ราย พร้อมสนับสนุนความพยายามของนักกีฬาทั้งในและนอกสนามด้วยวิธีที่หลากหลาย ทั้งทรัพยากรทางการเงิน และแม้กระทั่ง ให้เงินทุนสนับสนุนแก่องค์กรการกุศลตามความชื่นชอบ แก่นักกีฬาเพื่อโปรแกรมที่ดีต่างๆ รายชื่อนักกีฬาทั้งหมดของ P&G เป็นตัวแทนจาก 17 ประเทศและ 37 ประเภทของกีฬา ประกอบด้วย:

  • Clarisse Agbegnenou นักกีฬายูโดผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิกสองสมัยจากฝรั่งเศส ร่วมมือกับ Pampers, Ariel และ Oral-B
  • Niek Kimmann, ผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิก BMX จากเนเธอร์แลนด์ ร่วมมือกับ Gillette
  • Marie-Amélie Le Fur นักกีฬาประเภทกรีฑาผู้ชนะเลิศเหรียญทองพาราลิมปิกสามสมัยจากฝรั่งเศส ร่วมมือกับ Always
  • Paralympic Gold Medalist Alexis Hanquinquant นักกีฬาไตรกีฬาผู้ชนะเลิศเหรียญทองพาราลิมปิกจากฝรั่งเศส ร่วมมือกับ Braun, Gillette, Head & Shoulders และ Oral-B
  • Anastasia Pagonis นักกีฬาว่ายน้ำผู้ชนะเลิศเหรียญทองพาราลิมปิกจากสหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับ Venus
  • Lydia Jacoby นักกีฬาว่ายน้ำผู้ชนะเลิศโอลิมปิกสองสมัยจากสหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับ Venus
  • Wang Shun นักกีฬาว่ายน้ำผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิกจากจีน ร่วมมือกับ Safeguard

เกี่ยวกับโครงการกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกของ P&G

P&G เป็นพันธมิตรทั่วโลกของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee – IOC) ตั้งแต่ปี 2010 ในเดือนกรกฎาคม ปี 2020 P&G ได้ประกาศขยายความร่วมมือทั่วโลกกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกผ่านทาง LA28 Games รวมถึงสิทธิ์ระดับโลกกับคณะกรรมการพาราลิมปิกระหว่างประเทศ (International Paralympic Committee – IPC) และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิก นับตั้งแต่เป็นพันธมิตรทั่วโลกของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก บริษัทและแบรนด์ต่างๆ ร่วมถึง Always®, Tide®, Ariel®, Gillette® และ Head & Shoulders® ได้ร่วมมือกับนักกีฬามากกว่า 500 คน เพื่อสนับสนุนความมุ่งมั่นในการเป็นนักกีฬาที่ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์แบรนด์ P&G มุ่งมั่นที่จะมอบผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าให้กับทุกคนที่ไว้วางใจใช้ผลิตภัณฑ์แบรนด์ในชีวิตประจำวัน

เกี่ยวกับ Procter & Gamble

P&G ให้บริการผู้บริโภคทั่วโลกพร้อมพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งที่สุดของผลิตภัณฑ์แบรนด์ที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ รวมถึง Always®, Ambi Pur®, Ariel®, Bounty®, Charmin®, Crest®, Dawn®, Downy®, Fairy®, Febreze®, Gain®, Gillette®, Head & Shoulders®, Lenor®, Olay®, Oral-B®, Pampers®, Pantene®, SK-II®, Tide®, Vicks® และ Whisper® ชุมชน P&G มีการดำเนินงานในกว่า 70 ประเทศทั่วโลกโดยประมาณ สามารถดูข่าวสารและข้อมูลล่าสุดต่างๆ เกี่ยวกับ P&G และผลิตภัณฑ์แบรนด์ของบริษัทได้ที่ https://www.pg.com และสามารถเข้าไปดูข่าวสารอื่นๆ ของ P&G ได้ที่ https://www.pg.com/news

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่

https://www.businesswire.com/news/home/53983599/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

P&G Jeannie Tharrington (tharrington.jm@pg.com)
MMK+ Elisabeth McClure (Elisabeth.Mcclure@ketchum.com)

แหล่งข้อมูล: Procter & Gamble



KRAFTON บรรลุยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 665.9 พันล้านวอนใน 1Q24

Logo

การเติบโตในธุรกิจทุกด้านขับเคลื่อนด้วยการเติบโตอย่างมั่นคง PUBG: BATTLEGROUNDS IP

Dark and Darker Mobile ประสบความสำเร็จในการทดสอบเบต้าครั้งแรก โดยเริ่มต้นการเพิ่มประสิทธิภาพเต็มรูปแบบสำหรับการเปิดตัวทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2024

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–15 พฤษภาคม 2024

KRAFTON Inc. (CEO CH Kim, KRX: 259960) ประกาศผลประกอบการเบื้องต้นใน 1Q24 เมื่อวันที่ 8 เดือนพฤษภาคม

KRAFTON บันทึกยอดขายใน 1Q24 ที่ 665.9 พันล้านวอนเกาหลีใต้ กำไรจากการดำเนินงาน (OP) ที่ 310.5 พันล้านวอน และกำไรสุทธิ (NP) ที่ 348.6 พันล้านวอน ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศของเกาหลี (Korean International Financial Reporting Standards – KIFRS) ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 24.6% QoQ สร้างยอดขายรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ OP สูงขึ้น 89.0% QoQ

ยอดขายแยกตามฝ่ายธุรกิจมีดังนี้: PC/คอนโซล 255.2 พันล้านวอน มือถือ 402.3 พันล้านวอน และอื่นๆ 8.4 พันล้านวอน โดยการบริการไลฟ์ต่างๆ ที่ใช้ PUBG: BATTLEGROUNDS IP มีการเติบโตสูงในทุกด้าน รวมถึงยอดขายและปริมาณการใช้ข้อมูล เพื่อสานต่อแนวโน้มนี้ KRAFTON มุ่งเน้นการทำให้ปริมาณการรับส่งข้อมูลมีเสถียรภาพและปรับแต่งรูปแบบการสร้างรายได้ รวมถึงมีการผลักดันอย่างแข็งขันด้วยการลงทุนและการพัฒนาสำหรับแฟรนไชส์ IP

PC/คอนโซลของ PUBG: BATTLEGROUNDS มีผู้ใช้รายเดือน (MAU) และยอดขายพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่การเปลี่ยนผ่าน F2P (Free-to-play) ในปี 2022 เนื่องด้วยความนิยมของแผนการอัปเดต Rondo ที่มีการเปิดตัวเมื่อไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้ว และมีการเปิดตัวสกินอาวุธขั้นสูงในไตรมาสแรกของปีนี้ ธุรกิจมือถือยังคงมีการเติบโตและมีปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยโหมดธีมครบรอบ 6 ปี และเนื้อหา HomeGround

BATTLEGROUNDS MOBILE INDIA (BGMI) เพิ่มความสนใจของผู้ใช้ด้วยเนื้อหาที่มีการปรับแต่งให้สอดคล้องกับเทศกาลในท้องถิ่นของอินเดีย และทำการตลาดร่วมกันกับภาพยนตร์ Bollywood โดยเปิดร้านค้าบนเว็บ UniPin สำหรับแพลตฟอร์มการชำระเงินของบุคคลที่สามเพื่อปรับปรุงความสามารถในการทำกำไน นอกเหนือจากบริการที่เสถียรของ BGMI ในปีนี้ KRAFTON ยังมีการวางแผนที่จะมุ่งเน้นประสบการณ์การเผยแพร่ที่หลากหลายและการลงทุนที่เน้นเกมเป็นหลัก เพื่อเป็นผู้เผยแพร่ชั้นนำในตลาดอินเดีย

KRAFTON ยังมีการขยายการลงทุนในนักพัฒนาเพื่อให้มั่นใจในกลไกการเติบโตในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ ‘ขยายความคิดสร้างสรรค์’ ที่ประกาศในปี 2023 KRAFTON จะมีการเพิ่ม IP ระดับโลกที่มีแนวโน้มผ่านการลงทุนในหุ้นสำหรับนักพัฒนาและการเผยแพร่โดยบุคคลที่สอง ปีที่แล้วมีการลงทุนทั้งหมด 10 รายการและในปีนี้มีการเร่งขึ้นด้วยการลงทุนเก้าครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2024

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการทดสอบเบต้าของเกมหลักในปี 2024 อย่างเช่น ‘Dark and Darker Mobile’ มีการดำเนินการทดสอบเบต้าครั้งแรกเป็นการเฉพาะในเกาหลีเป็นเวลาห้าวันในเดือนเมษายน โดยดึงดูดผู้เข้าร่วมได้มากกว่า 50,000 คน KRAFTON วางแผนในการปรับปรุงคุณภาพของเกมตามความคิดเห็นที่ได้รับในระหว่างช่วงการทดสอบเบต้า ขณะเดียวกัน ก็มุ่งเน้นที่การเปิดตัวทั่วโลกผ่านการขยายตลาดในช่วงครึ่งหลักของปีนี้

รายได้

(1Q24)

รายได้

(4Q23)

% chg (QoQ)

รายได้

(1Q23)

% chg (YoY)

ยอดขาย

6,659

5,346

24.6

5,387

23.6

กำไรจากการดำเนินงาน

3,105

1,643

89.0

2,830

9.7

กำไรสุทธิ

3,486

(132)

2,672

30.5

ตาราง: ผลประกอบการ 1Q24 (เบื้องต้น) ของ KRAFTON ในงบการเงินรวม (หน่วย: 100M วอน)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

KRAFTON Inc.
Wonseok Kang
onething@krafton.com

แหล่งข้อมูล: KRAFTON, Inc.

Cvent ประกาศสถานที่จัดประชุมชั้นนำและโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำในเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2024

Logo

การจัดอันดับประจำปีที่ได้รับการยกย่องในอุตสาหกรรมแนะนำโรงแรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจ MICE รวมถึงสถานที่จัดประชุมที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก

SINGAPORE–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

ในวันนี้ Cvent ผู้ให้บริการเทคโนโลยีในการจัดการประชุม จัดอีเว้นท์ ชั้นนำในอุตสาหกรรม และการประชาสัมพันธ์ ประกาศรายชื่อ สถานที่จัดประชุมยอดนิยม และ โรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำสำหรับเอเชียแปซิฟิก (APAC) รายการเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการจัดอันดับภูมิภาคสำหรับอเมริกาเหนือ ยุโรป และตะวันออกกลาง และแอฟริกา จะได้รับการรวบรวมจากการจัดกิจกรรมผ่านการจัดหา เครือข่ายซัพพลายเออร์ Cvent ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการจัดหาสถานที่จัดงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะมีการจัดหาธุรกิจ MICE ที่มีมูลค่าสูงกว่า 16 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Cvent ในปี 2023

รายชื่อยอดนิยมประจำปีของ Cvent กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้จัดงานอีเว้นท์ทั่วโลกที่กำลังมองหาโรงแรมและสถานที่สำหรับจัดอีเว้นท์ บริษัทมีการจัดงานแถลงข่าวสดที่ IMEX Frankfurt เพื่อแชร์รายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติม และแนะนำโรงแรมและสถานที่ด้วยตัวเอง

สถานที่จัดประชุมยอดนิยมของ Cvent | ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เมืองติดอันดับยอดนิยม 10 อันดับแรกยังคงรักษาอันดับไว้ได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยสิงคโปร์ยังคงรักษาอันดับ 1 จากปี 2023 เมืองที่ติด 10 อันดับแรกแห่งใหม่คือ เซี่ยงไฮ้ (อันดับ 10) กรุงเทพมหานคร (อันดับ 2) โตเกียว (อันดับ 4) กัวลาลัมเปอร์ (อันดับ 7) และภูเก็ต (อันดับ 9) ต่างก็ติดอันดับที่ดีขึ้นใน 10 อันดับแรกจากปี 2023

สถานที่จัดประชุมยอดนิยม 10 อันดับแรก

1. สิงคโปร์

2. กรุงเทพ ประเทศไทย

3. ซิดนีย์ นิวเซาธ์เวลส์ (ออสเตรเลีย)

4. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

5. เมลเบิร์น วิกตอเรีย (ออสเตรเลีย)

6. โซล เกาหลีใต้

7. กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

8. บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

9. ภูเก็ต ประเทศไทย

10. เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

Dr Edward Koh กรรมการบริหาร ฝ่ายการจัดประชุม และการเดินทาง คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสถานที่จัดการประชุมระดับต้นๆ ในเอเชียของ Cvent เป็นครั้งที่หก นับตั้งแต่ปี 2016 สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ความปลอดภัย ความสามารถในการเข้าถึงสูง และการมุ่งเน้นในนวัตกรรม และความยั่งยืนของสิงคโปร์ ช่วยให้นครรัฐสามารถสร้างชื่อเสียงในฐานะสถานที่จัดอีเว้นท์ทางธุรกิจที่มีชีวิตชีวาและน่าสนใจ ด้วยการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นและพันธมิตรโดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เรามุ่งมั่นที่จะอำนวยความสะดวกและมีส่วนร่วมในความสำเร็จสำหรับผู้วางแผนการประชุมในสิงคโปร์ ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนผลที่มีความหมายและยั่งยืนผ่านธุรกิจการจัดประชุม”

“ช่างเป๋นการรับรองที่ยอดเยี่ยมสำหรับซิดนีย์ที่ได้รับเกียรติให้เป็นเมืองเจ้าภาพงานธุรกิจชั้นนำ 3 อันดับแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” Lyn Lewis-Smith, CEO ของ Business Events Sydney (BESydney) กล่าว “Cvent มีบทบาทสำคัญในการแนะนำสถานที่ที่น่าประทับใจ เช่น ซิดนีย์ มาสู่มือนักวางแผนโดยตรง การได้รับเกียรตินี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงเครือข่ายที่น่าประทับใจของโรงแรม สถานที่จัดงาน และซัพพลายเออร์ โดยร่วมมือกับนักวางแผนงานอีเว้นท์เพื่อทำให้อีเว้นท์เป็นจริงขึ้นมา ซิดนีย์เป็นเมืองที่สวยงามตามธรรมชาติและเป็นมิตร มีการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของมรดก First Nations วัฒนธรรมร่วมสมัย และการวิจัยที่เจริญรุ่งเรือง รวมถึงภาคส่วนอุตสาหกรรม – เป็นส่วนผสมที่เหมาะสมทั้งหมดที่จะจุดประกายแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงสำหรับตัวแทนในท้องถิ่นและระดับโลกที่มีลักษณะเหมือนกัน”

โรงแรมสำหรับจัดประชุมติดอันดับยอดนิยมของ Cvent | ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

JW Marriott Hotel Singapore South Beach ก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในปีนี้ โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับย่านศูนย์กลางธุรกิจ มีการแสดงภาพและเสียงที่ล้ำสมัย พร้อมพื้นที่จัดประชุมที่มีความยืดหยุ่น ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับนักวางแผนงานอีเว้นท์ โรงแรมใหม่ที่ติด 10 อันดับแรก ได้แก่ Hilton Tokyo (อันดับ 4), Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park (อันดับ 5), voco Orchard Singapore (อันดับ 7), Hilton Kuala Lumpur (อันดับ 8) และ Sheraton Grand Sydney Hyde Park (อันดับ 9)

โรงแรมสำหรับจัดประชุม 10 อันดับยอดนิยม

1. JW Marriott Hotel Singapore South Beach

2. Shangri-La Singapore

3. Hyatt Regency Sydney

4. Hilton Tokyo

5. Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park

6. Fairmont Singapore

7. voco Orchard Singapore

8. Hilton Kuala Lumpur

9. Sheraton Grand Sydney Hyde Park

10. Hilton Singapore Orchard

หากต้องการดูข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่จัดประชุมยอดนิยมทั้งหมดของ Cvent และโรงแรมสำหรับจัดประชุมยอดนิยมของ Cvent ระดับโลก คลิกที่นี่

ระเบียบวิธีการ

สำหรับ สถานที่จัดประชุมยอดนิยมของ Cvent Cvent มีการประเมินเมืองต่างๆ กว่า 12,500 แห่งทั่วโลกที่จดทะเบียนไว้ใน เครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent (CSN) มีการติดตามกิจกรรมต่างๆ ระหว่างเดือนมกราคม ปี 2023 ถึงเดือนธันวาคม ปี 2023 มีการจัดอันดับโดยพิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ได้แก่ จำนวนคืนที่พักในห้องพักทั้งหมดที่มีการจองไว้ จำนวนคำขอใบเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (RFPs) เฉพาะที่ส่งผ่าน marketplace ไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในเมือง มูลค่ารวมของ RFP ที่มีการนำส่ง และมูลค่ารางวัลตามจริงสำหรับการประชุมที่มีการจองไว้

สำหรับ โรงแรมสำหรับจัดประชุมยอดนิยมของ Cvent Cvent มีการประเมินโรงแรมที่มีการดำเนินธุรกิจผ่าน CSN ระหว่างเดือนมกราคม ปี 2023 ถึงเดือนธันวาคม ปี 2023 โดยมีการจัดอันดับที่พักตามเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงคำขอใบเสนอราคาทั้งหมด (RFPs) RFP ที่ได้รับรางวัล จำนวนคืนที่พักในห้องพักทั้งหมด จำนวนคืนที่พักในห้องพักที่ได้รับรางวัล ส่วนแบ่งการตลาดหลักๆ ในเขตเมืองใหญ่ อัตราการแปลงสกุลเงิน และอัตราการตอบรับ เกณฑ์ดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สะท้อนถึงโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำในอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้อย่างแม่นยำที่สุด

เกี่ยวกับเครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent

เครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent ประกอบด้วยโรงแรม รีสอร์ท และสถานที่จัดอีเว้นท์พิเศษมากกว่า 300,000 แห่ง เป็นฐานข้อมูลรายละเอียดสถานทีที่ใหญ่ที่สุดและแม่นยำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีการจัดหาธุรกิจ MICE มูลค่ามากกว่า 16 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านเครือข่ายการจัดหาของ Cvent ในปี 2023 CSN มีรายชื่อของโรงแรมและสถานที่อื่นๆ ใน 18 ภาษา ซึ่งสามารถค้นหาและกรองตามลักษณะและเกณฑ์มากกว่า 200 รายการ CSN เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Cvent ที่ครอบคลุม ซึ่งนำเสนอโซลูชันที่โรงแรมและสถานที่ต่างๆ ใช้เพื่อดำเนินธุรกิจ MICE และธุรกิจการเดินทางขององค์กร และมีส่วนร่วมกับเครือข่ายนักวางแผนทั่วโลกกว่า 125,000 รายที่ไว้วางใจ Cvent การจัดหาโรงแรมและสถานที่ และจัดการอีเว้นท์ต่างๆ

เกี่ยวกับ Cvent

Cvent เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการประชุม อีเว้นท์ และการประชาสัมพันธ์ชั้นนำ โดยมีพนักงานมากกว่า 4,800 คน และลูกค้า 22,000 รายทั่วโลก ณ วันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2023 บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดยมีการนำเสนอแพลตฟอร์มการตลาดและการจัดการงานอีเว้นท์ที่ครอบคลุม และนำเสนอ marketplace ระดับโลกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านงานอีเว้นท์มีการร่วมมือกันกับสถานที่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและน่าประทับใจ แพลตฟอร์มการตลาดและการจัดการงานอีเว้นท์ Cvent ที่ครอบคลุมนำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์แก่ผู้จัดงานอีเว้นท์และนักการตลาดสำหรับการลงทะเบียนงานอีเว้นท์ออนไลน์ การเลือกสถานที่ การตลาดและการจัดการงานอีเว้นท์ โซลูชันเสมือนจริงและในสถานที่ และการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วม โรงแรมและสถานที่ต่างๆ ใช้โซลูชันซัพพลายเออร์และสถานที่ของ Cvent เพื่อเอาชนะใจลูกค้า MICE และธุรกิจการเดินทางขององค์กรผ่านแพลตฟอร์มการจัดหาของ Cvent สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Cvent.com/in

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับการสอบถามข้อมูลด้านสื่อ โปรดติดต่อ:
Sucharita Das
อีเมล: Sucharita.das@cvent.com
มือถือ: +91 9899128886

แหล่งข้อมูล: Cvent

Black & Veatch เสนอแผนการปรับใช้นวัตกรรม Low-Carbon อย่างรวดเร็วเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่งาน Future Energy Asia

Logo

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–9 พฤษภาคม 2567

Black & Vetch ผู้นําโซลูชันด้านโครงสร้างพื้นฐานได้เสนอว่าเอเซียแปซิฟิกต้องระบุและปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีคาร์บอนต่ำให้มากขึ้น เพื่อเร่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและการพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกขั้นตอนต่อไปเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นงานที่มีความซับซ้อน

โครงการพลังงานหมุนเวียนหลายแห่งจะมีขนาดใหญ่และบ่อยครั้งโครงการจะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่จะต้องเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้ากับแหล่งพลังงานใหม่ที่เหมาะสมสําหรับทั้งการผลิตและการพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวในรูปแบบเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ การถอดถอนโครงสร้างพื้นฐานถ่านหินเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน จะต้องต้องมีการจัดการด้านการเงินให้เหมาะสมและเป็นธรรมต่อประชาชนและธุรกิจในท้องถิ่นดังกล่าว

“อย่างไรก็ตาม โอกาสมากมายที่มีอยู่ในเอเชียแปซิฟิกในการรวมเทคโนโลยีการผลิตพลังงานที่แตกต่าง ระบบสายส่ง และการจัดจําหน่ายในราคาที่เหมาะสมและในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้บรรลุความสําเร็จเชิงพาณิชย์และสิ่งแวดล้อม” กล่าวโดย Narsingh Chaudhary ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black &Veatch

“Black & Veatch เป็นผู้นำด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สําคัญมาหลายทศวรรษแล้ว และมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในเอเชียแปซิฟิกด้วยแหล่งพลังงานที่มีคาร์บอนต่ำและไม่มีคาร์บอน” กล่าวโดย Narsingh Chaudhary

ในขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่พื้นฐานใช้พลังงานที่มีคาร์บอน มาเป็นใช้พลังงานจากอิเล็กตรอนและโมเลกุล ภูมิภาคนี้จะต้องหาแหล่งพลังงานที่เหมาะสมสําหรับความต้องการระยะสั้นและการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว รวมถึง ระดับการเข้าถึงแหล่งพลังงาน ความต้องการพลังงานที่แตกต่าง และความต้องการโซลูชันที่หลากหลาย

ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สามารถรองรับการเปลี่ยนจากการใช้ถ่านหิน และผสมพลังงานเพิ่มเติมที่จําเป็นต้องมีเพื่อสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจในตลาดกําลังพัฒนาได้

เทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงาน เช่น ระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) และการจัดเก็บพลังงานน้ำระบบสูบกลับ (PSH) จะเป็นส่วนที่ช่วยรักษา เสริมสร้างความมีเสถียรภาพ และความมั่นคงให้กับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอันเนื่องมาจากความแปรปรวนหรือการขาดหายอย่างฉับพลันของพลังงานหมุนเวียนต่างๆในระบบ

ไฮโดรเจน จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่จะมีศักยภาพในอนาคต สำหรับการกักเก็บ และ รักษาสมดุล สำหรับการเชื่อมโยงกันของ ภาคผลิตสาธารณูปโภค, ภาคธุรกิจ และ ภาคอุตสาหกรรม ที่ยังคงต้องการการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

การวางแผนและการออกแบบโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพที่ดี อันประกอบด้วย ระบบการเชื่อมโยงสายส่ง ระบบการเชื่อมโยงสถานีไฟฟ้า และระบบการทดแทนของแหล่งพลังงาน จะเป็นตัวแปรสำคัญในการรรักษาเสถียรภาพ ในด้านแรงดัน, ความถี่ และความต้องการไฟฟ้า ของแต่ละประเทศใน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค

ที่งาน Future Energy Asia 2024  Narsingh Chaudhary จะนําเสนอตัวอย่าง การใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงที่ Narsingh Chaudharyจะแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบทบาทของก๊าซและ LNG ในฐานะเชื้อเพลิงเปลี่ยนผ่าน

หัวข้ออื่น ๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ Black & Veatch จะหารือที่ Future Energy Asia ได้แก่:

  • เปิดใช้งานการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเข้ากับเทคโนโลยีสมาร์ทกริด
  • ความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาการดําเนินการด้านสภาพอากาศ โซลูชัน และนวัตกรรม
  • การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ PV และ BESS
  • การใช้ไฮโดรเจนสีเขียว

ติดต่อ Black & Veatch สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black &Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คําปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลก โดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สําคัญที่สุดของเรา ติดตามเราบน www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสื่อมวลชน:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
อีเมลสื่อตลอด 24 ชั่วโมง | LINKEDIN Media@bv.com

ที่มา: Black & Veatch

Xsolla เผยรายงานข้อมูลเชิงลึกประจำไตรมาสเกี่ยวกับอนาคตของการเล่นเกมและการพัฒนาเกม: บทวิเคราะห์เบื้องต้นของตัวชี้วัดฉบับฤดูใบไม้ผลิปี 2024 และเทรนด์แห่งโลกอนาคตที่กำลังมาถึง

Logo

เทรนด์ที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มเกมมือถือที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผลกระทบของกฎระเบียบฉบับล่าสุด การรวมบล็อกเชนและ AI เข้าด้วยกัน และการลงทุนในหุ้นสามัญและการผนวกรวมทั้งอุตสาหกรรมเกม

ณ ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

ในวันนี้ Xsolla บริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกได้เผยแพร่รายงาน “The Xsolla Report: The State of Play” ฉบับฤดูใบไม้ผลิปี 2024 ออกมาแล้ว เมื่องานสัมมนาสำหรับนักพัฒนาเกม (Game Developers Conference, GDC) ประจำปี 2024 สิ้นสุดลงก็เผยแพร่ทันที รายงานที่ครอบคลุมฉบับนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าเกี่ยวกับเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่กำหนดอนาคตของเกมมือถือ กระชับความสัมพันธ์ทางวิชาการในระบบนิเวศของเกม และกำหนดรูปแบบการลงทุนใหม่

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

ในยุคที่เกมมือถือครองส่วนแบ่งตลาดโลก 49% ในปี 2023 รายงาน “The State of Play” ฉบับนี้จะให้ความกระจ่างเรื่องภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเกมมือถือ โดยกล่าวถึงความก้าวหน้าในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับของโลก รวมถึงกฎหมายตลาดดิจิทัล (Digital Markets Act) ในกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของผู้เล่นรายใหม่ของยุโรป ซึ่งนำเสนอภาพรวมของอนาคตที่เป็นไปได้ในการสร้างรายได้และการจัดจำหน่ายเกมมือถือ โดยอภิปรายถึงผลกระทบของการเล่นข้ามแพลตฟอร์มและความสำคัญของโมเดลการสร้างรายได้ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ รวมทั้งมอบข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้จริงให้แก่นักพัฒนาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมนี้

รายงาน “The State of Play” เน้นย้ำถึงความสำคัญของสถาบันการศึกษาในการเติบโตและความหลากหลายของอุตสาหกรรมเกม สำรวจว่าโปรแกรมกับแผนการการศึกษานั้นพัฒนาความสามารถและส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนเกมได้อย่างไร รายงานฉบับนี้มุ่งความสำคัญไปที่ความสัมพันธ์แบบอิงอาศัยระหว่างอุตสาหกรรมเกมกับสถาบันการศึกษา โดยเน้นโปรแกรมที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อนักเรียนและอุตสาหกรรมเกม

Berkley Egenes ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและการเติบโตของบริษัท Xsolla ให้ความเห็นว่า “ขณะที่เราเปิดตัวรายงาน 'The State of Play' ฉบับล่าสุด เราไม่เพียงแต่แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมเกมเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งว่าด้วยเรื่องการเข้าถึงที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน แผนการนี้ได้บรรลุไปไกลเกินกว่าความมุ่งมั่นของเราในการรังสรรค์นวัตกรรมและการเติบโตในอุตสาหกรรมเกม โดยทลายอุปสรรคต่างๆ ที่รับประกันได้ว่านักพัฒนาทุกๆ คน ไม่ว่าจะสังกัดอยู่ในบริษัทรายเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ต่างก็มีโอกาสที่จะแสดงความคิดสร้างสรรค์และเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก จุดมุ่งเน้นของเราคือการนำเสนอแพลตฟอร์มและเครื่องมือที่จะช่วยส่งเสริมโอกาสที่สร้างสรรค์ การกระจายไปสู่ต่างประเทศ และการพัฒนาโปรเจกต์ที่มีเอกลักษณ์ เพื่อทำให้ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงเกมในโลกอนาคตนี้ได้อย่างแน่นอน เรามุ่งมั่นที่จะเสริมพลังให้กับผู้เล่นและนักพัฒนาทุกคนทั่วโลก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าภูมิทัศน์ของเกมมีความหลากหลายและมีไดนามิกเหมือนกับชุมชนของเกมเอง”

รายงานกล่าวถึงการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ที่เป็นตัวกำหนดการลงทุนของอุตสาหกรรมเกมในปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มการระดมทุน การควบรวมกิจการ และการซื้อกิจการ โดยสรุปการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในรูปแบบการลงทุน ตั้งแต่จุดสูงสุดของการเติบโตอย่างรวดเร็วที่เกิดจากการระบาดใหญ่ ไปจนถึงแนวทางที่วัดผลได้มากขึ้นในปี 2024 รายงาน “The State of Play” มีแบบร่างที่จะชี้ให้เห็นแง่มุมทางการเงินของอุตสาหกรรมนี้ โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนเชิงกลยุทธ์และเทรนด์ที่คาดคะเนไว้ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

รายงานฉบับนี้ประกอบด้วยความเห็นจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเกม เช่น Mukul Aurora ผู้ร่วมก่อตั้ง Appsoleut Games, Mariusz Gasiewski ผู้เป็น CEO of Mobile Gaming and Apps Lead ที่ Google, รวมทั้ง Karla Reyes ผู้ก่อตั้งและ Studio Director ของ Anima Interactive ทั้งนี้ Xsolla Report: The State of Play พร้อมให้ดาวน์โหลดฟรีแล้ว หากต้องการรายงานฉบับสำเนาและรับข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกม โปรดไปที่เว็บไซต์ของเรา  xsolla.pro/txr-spring24

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีเครื่องมือและบริการต่างๆ มากมายที่เปี่ยมประสิทธิภาพและทรงพลังซึ่งออกแบบมาเพื่ออุตสาหกรรมเกมโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือผู้พัฒนาเกมและผู้จัดจำหน่ายทุกขนาดหลายพันรายในด้านการระดมทุน ทำการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของพวกเขาทั่วโลกและบนแพลตฟอร์มมากมาย ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในการค้าเกม พันธกิจของ Xsolla คือการแก้ปัญหาความซับซ้อนที่มีอยู่ตามธรรมชาติของการจัดจำหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างสัมพันธ์กับชาวเกมเมอร์ได้ทั่วโลก บริษัทมีสำนักงานใหญ่และจัดตั้งขึ้นที่ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ตลอดจนมีสำนักงานอยู่ในลอนดอน เบอร์ลิน ปักกิ่ง กวางโจว โซล โตเกียว กัวลาลัมเปอร์ ราลี และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla ให้การสนับสนุนบริษัทเกมรายใหญ่ต่างๆ เช่น Valve, Take-Two, KRAFTON, Nexters , NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo และอีกมากมาย

หากต้องการทราบและเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53988304/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลผู้ติดต่อ

Derrick Stembridge
Global Director of Public Relations, Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

แหล่งที่มาข้อมูล: Xsolla

MidOcean Energy ของ EIG แต่งตั้ง Armand Lumens เป็น CFO

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

MidOcean Energy (“MidOcean”) อันเป็นบริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศแต่งตั้ง Armand Lumens ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ในวันนี้

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

Mr. Lumens นำประสบการณ์กว่า 30 ปีที่มีความเกี่ยวข้องอย่างมากและมีความเชี่ยวชาญในวงกว้างมาสู่ MidOcean ทั้งในด้าน M&A หุ้นนอกตลาด การพัฒนาธุรกิจ การค้าขาย การเงิน การตรวจสอบ การจัดการความเสี่ยง การร่วมลงทุน การเสนอขายหุ้นแก่เอกชน และการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Armand เข้าสู่ทีม MidOcean” De la Rey Venter ผู้เป็น CEO ของ MidOcean กล่าว “เรามั่นใจในความสามารถของเขาในการขับเคลื่อนความเป็นเลิศทางการเงิน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้บริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาของเขาจะเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่า ในขณะที่ MidOcean จะยังคงดำเนินการตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ต่อไป”

Lumens กล่าวว่า “MidOcean อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะสร้างผลกระทบสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านของภาคส่วนพลังงานผ่านความเชี่ยวชาญและมุ่งเน้นไปที่ LNG ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับ De la Rey และทีม EIG เนื่องจากมันจะเป็นการสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลก”

ล่าสุด Mr. Lumens ดำรงตำแหน่ง Group CFO ของ Neptune Energy ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและปรับใช้กลยุทธ์ทางการเงินและไอทีของบริษัท ตลอดจนบรรลุความสำเร็จในการดำเนินงาน ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งที่ Neptune Energy เขาดำรงตำแหน่ง Group CFO ที่ Louis Dreyfus ก่อนหน้านี้ Mr. Lumens ทำงานที่ Shell มานานกว่า 24 ปี โดยดำรงตำแหน่งอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง CFO ของ Shell Trading ประธานผู้ตรวจสอบภายใน และหัวหน้าฝ่ายการรายงานและการวางแผนภายนอกของกลุ่มอีกด้วย

Mr. Lumens สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและ MBA จากมหาวิทยาลัย Maastricht และปริญญาโทสาขาการเงินจาก London Business School เขาเป็นผู้ตรวจสอบภายในที่ผ่านการรับรองและเป็นศิษย์เก่าของหลักสูตรภาวะผู้นำผู้บริหารของ IMD Mr. Lumens สามารถพูดภาษาอังกฤษ ดัตช์ ฝรั่งเศส เยอรมัน และอิตาลีได้อย่างคล่องแคล่ว

เกี่ยวกับ EIG
EIG คือนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีมูลค่าภายใต้การบริหาร 24.7 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2024 EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 47.9 พันล้านดอลลาร์ให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัท 410 แห่งใน 42 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy
MidOcean Energy ซึ่งเป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย ฟื้นตัวได้ ต้นทุน และคาร์บอนได้ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมมา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง Global Head of LNG ของ Shell Plc ด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

EIG
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งที่มา: EIG

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53985677/en

The Bangkok Reporter