Intelsat มอบการเชื่อมต่อที่ไม่เคยมีมาก่อนไปยังปาเลาด้วยโซลูชันดาวเทียมคู่

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–29 พฤษภาคม 2024

Intelsat ผู้ให้บริการเครือข่ายดาวเทียมและภาคพื้นดินแบบบูรณาการที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประสบความสําเร็จในการใช้โซลูชันการเชื่อมต่อดาวเทียมคู่สําหรับปาเลา โดยให้บริการ “เปิดตลอดเวลา” ที่เชื่อถือได้ สําหรับประชากร 18,000 คนของปาเลาที่อาศัยอยู่ตามเกาะเก้าเกาะในหมู่เกาะหลัก

“ด้วยประสบการณ์ที่กว้างขวางของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทําให้เราสามารถปรับแต่งโซลูชันที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของปาเลาสําหรับการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ” Gaurav Kharod รองประธานประจำภูมิภาคของ Intelsat กล่าว “โครงการนี้เป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นของ Intelsat ในการเชื่อมความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล และส่งเสริมการเชื่อมต่อสําหรับทุกมุมโลก”

ก่อนหน้านี้ Palau National Communications Corporation (PNCC) ใช้สายเคเบิลใยแก้วนําแสงใต้ทะเลเส้นเดียวสําหรับทุกความต้องการด้านการสื่อสาร แต่สายเคเบิลใต้ทะเลมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย ดังที่ PNCC พบว่าเมื่อมีการประกาศการหยุดทํางานของสายเคเบิลของปาเลาไปยังกวมเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในเดือนกรกฎาคม ปี 2023 ซึ่งอาจเกิดจากพายุไต้ฝุ่นมาวาร์ซึ่งพัดถล่มเกาะกวมในเดือนพฤษภาคม การซ่อมแซมฉุกเฉินนี้บังคับให้ PNCC จํากัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศเฉพาะบริการที่สําคัญเท่านั้น

โซลูชันของ Intelsat สําหรับปาเลาใช้ดาวเทียมค้างฟ้า Intelsat สองดวงในช่องวงโคจรที่แยกจากกัน ซึ่งให้ความซ้ำซ้อนและความยืดหยุ่นที่เหนือชั้น การออกแบบหลายชั้นนี้ใช้เทคโนโลยีเครือข่ายบริเวณกว้างที่กําหนดโดยซอฟต์แวร์ (SD-WAN) โดยผสมผสานดาวเทียมทั้งสองดวงเข้าด้วยกันอย่างลงตัวเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด โครงสร้างพื้นฐานที่สําคัญจะจัดลําดับความสําคัญของการเชื่อมต่อ C-band ในช่วงที่ไฟฟ้าดับ ในขณะที่ประชากรในวงกว้างได้รับประโยชน์จากความจุที่เพิ่มขึ้นของ Ku-band แนวทาง dual-band นี้ยังช่วยให้ PNCC สามารถปรับขนาดความจุ Ku-band ได้อย่างราบรื่นตามความต้องการในอนาคต

“Intelsat เป็นพันธมิตรที่เหมาะสมสําหรับเราเนื่องจากความยืดหยุ่นและประสบการณ์ของพวกเขาในการดําเนินงานในประเทศหมู่เกาะต่างๆ เช่น ปาเลา” Simon Fraser ซีอีโอของ Palau National Communications Corporation กล่าว

ประโยชน์ของโครงการมีมากกว่าแค่การให้บริการการสื่อสารที่เชื่อถือได้ โซลูชันนี้ทําให้ PNCC สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตไปยังหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของปาเลาได้เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ให้กับ PNCC เนื่องจากเป็นตลาดที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้

การเชื่อมต่อที่มากขึ้นปลดล็อกโอกาสมากมายสําหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของปาเลา ขณะนี้ผู้อยู่อาศัยทั่วหมู่เกาะสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นของรัฐ ตัวเลือกความบันเทิงที่หลากหลาย บริการสุขภาพทางไกล และทรัพยากรการศึกษาทางไกล ปัจจุบันหมู่เกาะห่างไกล เช่น เกาะในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ส่งเสริมการเชื่อมต่อที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับคนที่รักและชุมชนทั่วโลก

เกี่ยวกับ Intelsat

ทีมงานมืออาชีพระดับโลกของ Intelsat มุ่งเน้นไปที่การให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ราบรื่นและปลอดภัยแก่ลูกค้าภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และลูกค้าเชิงพาณิชย์ ผ่านเครือข่ายและบริการที่ได้รับการจัดการทั่วโลกในยุคต่อไปของบริษัท เชื่อมความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลด้วยการดําเนินงานหนึ่งในกองดาวเทียมและโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดในโลก Intelsat ช่วยให้ผู้คนและเครื่องมือของพวกเขาสามารถพูดคุยผ่านมหาสมุทร มองเห็นทั่วทั้งทวีป และฟังผ่านท้องฟ้าเพื่อสื่อสาร ร่วมมือ และอยู่ร่วมกัน นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อหกทศวรรษที่แล้ว บริษัท มีความหมายเหมือนกันกับ “สิ่งแรก” ของอุตสาหกรรมดาวเทียมในการให้บริการแก่ลูกค้าและโลก สมาชิกในทีม Intelsat พึ่งพามรดกแห่งนวัตกรรมและมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับความท้าทายรุ่นใหม่ ตอนนี้สมาชิกในทีม Intelsat มีเป้าหมายใน “สิ่งแรกถัดไป” ในอวกาศ ในขณะที่พวกเขาพลิกโฉมวงการและเป็นผู้นําในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรม

ติดตามเราบนโซเชียลมีเดีย:

Twitter/X | LinkedIn | Instagram | YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Melissa Longo – melissa.longo@intelsat.com; +1 240-308-1881

ที่มา: Intelsat

ผู้นำของกลุ่ม Montrose Environmental Group และ 3M Chief Technology Officer พูดคุยเรื่องความก้าวหน้าที่ประสบความสำเร็จในการกำจัด “สารเคมีที่อยู่ตลอดไป” จากน้ำ

Logo

ลิตเทิลร็อก อาร์คันซอ –(BUSINESS WIRE)–28 พฤษภาคม 2024

บริษัท Montrose Environmental Group, Inc. (“Montrose”) (NYSE: MEG) ได้แบ่งปันไฮไลท์จากการนำเสนอร่วมกับบริษัท 3M ที่งานประชุม Bank of America ครั้งที่ 31 สำหรับภาคการขนส่ง สายการบิน และอุตสาหกรรมที่จัดขึ้นในนิวยอร์ก โดย Vijay Manthripragada ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Montrose และ Dr. Steve Woodard หัวหน้าเจ้าหน้าที่นวัตกรรมของ Montrose ได้ร่วมกับ Dr. John Banovetz หัวหน้าเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ 3M ในการจัดเสวนาหัวข้อ “PFAS Panel: Advancing Technology for a Cleaner Tomorrow” (คณะเสวนา PFAS: การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนาคตที่สะอาดขึ้น)

ในช่วงการเสวนา ทาง Montrose และ 3M ได้พูดคุยเกี่ยวกับวิธีการที่ทั้งสองบริษัทจะนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อกำจัดสารประกอบ PFAS ออกจากแหล่งน้ำที่ซับซ้อนในสถานที่ผลิตสารเคมีของ 3M ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน และการบูรณาการความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนไอออนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Montrose

“บริษัทของเรามีพื้นฐานจากนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเราจึงมองหาพันธมิตรในแนวทางเดียวกัน” Dr. Banovetz จาก 3M กล่าว “เราสามารถหาพันธมิตรใน Montrose ได้อย่างรวดเร็ว และรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือของ Montrose ที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะเป้าหมายด้านคุณภาพน้ำของเรา”

“เราทำงานร่วมกับบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 หลายแห่ง John และทีมผู้นำของ 3M เป็นหนึ่งในผู้นำที่มุ่งมั่นในเรื่องความยั่งยืนมากที่สุดที่เราเคยมีความยินดีได้ร่วมงานด้วย”  Manthripragada กล่าว “เมื่อทีมของ Montrose และ 3M คิดเกี่ยวกับวิธีการ [กำจัด PFAS จากน้ำ] ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่สำคัญ ผลลัพธ์จากการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีร่วมกันนั้นคือโซลูชันที่สร้างของเสียน้อยลง ใช้สื่อกลางการกรองน้อยลง มีขนาดเล็กลงซึ่งอาจปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับพนักงาน และใช้พลังงานน้อยลง”

โซลูชันที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Montrose มีลักษณะเป็นลูกปัดพลาสติกขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้พวกมันมีความสามารถสูงในการจับกับ PFAS และกำจัดสารประกอบเหล่านี้ออกจากน้ำ เราสามารถล้างลูกปัดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้แทนที่จะทิ้งและเปลี่ยนลูกปัดเมื่อใช้งานแล้ว นอกจากนี้ Montrose ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีในการทำความสะอาดโซลูชันการฟื้นฟูที่ใช้ไปแล้วโดยใช้การกลั่นและการบรรจุซ้ำ ทำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง การจับคู่เทคโนโลยีการบำบัดด้วยเรซินกับโซลูชันการฟื้นฟูนี้ ทำให้ได้ระบบบำบัด PFAS ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการกำจัด PFAS ออกจากสิ่งแวดล้อม

Dr. Woodard กล่าวว่าระบบที่พัฒนาขึ้นสำหรับ 3M ผ่านความร่วมมือนี้ได้ถูกนำไปใช้ทั่วโลกและกำลังเป็นประโยชน์ต่อชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่ไกลถึงออสเตรเลีย “เราได้พัฒนาเทคโนโลยีหลายประเภทเพื่อกำจัดพวกมันออกจากสิ่งแวดล้อม และ 3M กำลังเป็นผู้นำทาง” Dr. Woodard กล่าว “เราจะเป็นประโยชน์ต่อหลายอุตสาหกรรม ชุมชน และรัฐบาล แต่ที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน

สามารถเข้าฟังการบันทึกเสียงการประชุมซ้ำได้ที่เว็บไซต์การถ่ายทอดสดของการประชุม BofA ที่ PFAS Panel: Advancing Technology for a Cleaner Tomorrow (veracast.com)

เกี่ยวกับ Montrose

Montrose เป็นบริษัทชั้นนำด้านโซลูชันสิ่งแวดล้อมที่มุ่งเน้นการสนับสนุนองค์กรการค้าและรัฐบาลในการรับมือกับความท้าทายของปัจจุบันและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ด้วยพนักงานประมาณ 3,200 คนในกว่า 100 แห่งทั่วโลก Montrose ผสมผสานความรู้ท้องถิ่นอย่างลึกซึ้งกับแนวทางแบบบูรณาการในการออกแบบ วิศวกรรม และการดำเนินงาน ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของแต่ละโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การวัดคุณภาพอากาศและบริการห้องปฏิบัติการที่ครอบคลุมไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การตอบสนองเหตุฉุกเฉิน การออกใบอนุญาต วิศวกรรม และการฟื้นฟู Montrose มอบโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและปฏิบัติได้จริงที่ช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาอยู่เหนือความต้องการในทันทีและล้ำหน้าในเชิงกลยุทธ์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.montrose-env.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Montrose
ฝ่ายสื่อสารกับนักลงทุน:
Rodny Nacier
(949) 988-3383
ir@montrose-env.com

ฝ่ายสื่อสารมวลชน:
Sarah Kaiser
(225) 955-1702
pr@montrose-env.com

ที่มา: Montrose Environmental Group, Inc.

ทุนรางวัล Mary Kay Awards ตกเป็นของห้านักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่สร้างแรงบันดาลใจที่งาน Regeneron International Science and Engineering Fair

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–23 พฤษภาคม 2024

Mary Kay Inc., บริษัทที่คอยให้กำลังใจสนับสนุนการศึกษาสะเต็มและการไขว่คว้าความฝันของเยาวชนได้มีการมอบทุนให้นักวิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมที่โดดเด่นห้าคน คัดเลือกจากผู้เข้ามีส่วนร่วมกว่า 2,000 คน ที่เป็นตัวแทนกว่า 70 ประเทศ โดยมีการมอบทุนที่งาน Regeneron International Science & Engineering Fair (ISEF) ในลอส แอนเจลิส ทุนที่มอบเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น $10,000 มอบให้กับนักเรียนที่มีโครงงานด้านนวัตกรรมที่เน้นการค้นหาวิธีการรักษามะเร็งที่ส่งผลต่อผู้หญิง, นวัตกรรมด้านการแพ็กเกจที่ยั่งยืน, และการปกป้องทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของดาวของเรา

Mary Kay Inc. proudly served as a Special Award Organization for the 2024 Regeneron International Science and Engineering Fair, awarding three cash prizes to inspiring young scientists. (Graphic: Society for Science, Regeneron ISEF)

บริษัท Mary Kay จำกัด ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เป็นองค์กรมอบรางวัลพิเศษสำหรับงานประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติ (Regeneron International Science and Engineering Fair) ปี 2024 โดยได้มอบรางวัลเป็นเงินสดสามรางวัลให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่สร้างแรงบันดาลใจ (กราฟิก: สมาคมวิทยาศาสตร์, Regeneron ISEF)

ISEF โปรแกรมของ Society of Science ที่มีมากว่า 70 ปี คือการประกวดวิทยาศาสตร์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา นักเรียนนับล้านที่มาจากเครือข่ายท้องถิ่นระดับโลก, ภูมิภาค, และงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติ จะได้รับการสนับสนุนให้สำรวจความปรารถนาในการสงสัยใคร่รู้ทางวิทยาศาสตร์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ กลุ่มนักเรียนเหล่านี้จะได้รับการเลือกในฐานะผู้เข้ารอบสุดท้าย และจะได้รับโอกาสในการแข่งขันเพื่อชิงทุนประมาณ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรางวัลและทุนการศึกษา

 “ผู้นำด้ามสะเต็มเหล่านี้สาธิตงานวิจัยนวัตกรรม, โซลูชันอันสร้างสรรค์, และวิธีการขั้นสูงในการแก้ปัญที่ซับซ้อนที่จะส่งผลกระทบต่อการรักษามะเร็งโดยตรง, การดำเนินธุรกิจยั่งยืน, และการนิยามมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม” Kristin Dasaro ผู้อำนวยการ, วิศวกรรมการแพ็กเกจและความยั่งยืนที่ Mary Kay กล่าว “เรามีอะไรให้เรียนรู้หลายอย่างจากคนรุ่นต่อไปและ Mary Kay ก็เป็นเกียรติที่ได้สนับสนุนพวกเขาในการเดินทางของการศึกษาสะเต็ม”

พบกับนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นนักเรียน

รางวัลอันดับหนึ่ง: Keshvee Sekhda และ Nyambura Sallinen (จอร์เจีย, สหรัฐอเมริกา)
IdentiCan:  แอปที่ตรวจจับสมอง, ทรวงอก, ปอด, ผิวหนัง, และมะเร็งตับอ่อน
แอปที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเอไอในการหาเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็งที่มีความแม่นยำ 99.6%

รางวัลที่สอง: Madalena Filipe และ Frederico Mauritty (ลิสบอน, โปรตุเกส)
HidroQapa: พลาสติกชีวภาพกันน้ำที่ทำจากไคโตซานสกัดจากขยะที่เป็นเปลือกกุ้ง
การสร้างวัตถุดิบอันยั่งยืน, ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติจากเปลือกของสัตว์ครัสเตเชียน ช่วยลดขนะและมลพิษทางสิ่งแวดล้อม

รางวัลที่สาม: Carolina de Araujo Pereira da Silva (ริโอ เดอ จาเรโร, บราซิล)
การตรวจสอบแมงกานีสในฐานที่เป็นตัวกระตุ้นเนื้อร้ายและการถ่ายโอนธาตุเหล็กที่เป็นเป้าหมายในการบำบัดมะเร็ง
การวิจัยว่าเหล็กและตัวถ่ายโอนส่งผลร้ายต่อพฤติกรรมเซลล์มะเร็งอย่างไร เพื่อหาวิธีการบำบัดมะเร็งที่ทรงประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับ Mary Kay

หนึ่งในผู้ที่ทำลายเพดานข้อจำกัดทั้งในอดีต ตอนนี้ และตลอดไป Mary Kay Ash ก่อตั้งแบรนด์ความงานในฝันที่เท็กซัสในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ การทำให้ชีวิตผู้หญิงรุ่มรวยขึ้น ความฝันนั้นผลิดอกออกผลเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกฝ่ายขายอิสระนับล้านในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปี ที่โอกาสของ Mary Kay ได้สนับสนุนให้ผู้หญิงกำหนดอนาคตตัวเองผ่านการศึกษา, การให้คำแนะนำ, การหนุน, และนวัตกรรม Mary Kay อุทิศการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงาน และการผลิตสกินแคร์ล้ำยุค, คอสเมติกสี, อาหารเสริม, และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกเพื่อคนในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากมะเร็งและความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงการสนับสนุนเยาวชนให้เดินตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com เจอเราได้ที่ Facebook, Instagram, และ LinkedIn, หรือติดตามเราได้บน Twitter

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54014468/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารบริษัท Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.

การสำรวจ FICO: คนไทยเกือบ 1 ใน 2 กังวลเกี่ยวกับการถูกหลอกลวงเนื่องจากความเสี่ยงในการชำระเงินแบบเรียลไทม์เพิ่มมากขึ้น

Logo

คนไทย 45% กังวลมากที่สุดเกี่ยวกับการถูกหลอกให้จ่ายเงินให้กับอาชญากร

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–23 พฤษภาคม 2024

(NYSE: FICO)

ประเด็นสำคัญ

  • การฉ้อโกงการชำระเงินเป็นปัญหาอาชญากรรมทางการเงินอันดับหนึ่งสำหรับคนไทย 45%
  • ความกังวลเรื่องการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวยังคงมีอยู่ โดย 61% เชื่อว่ามีหรืออาจตกเป็นเหยื่อ
  • 36% ของผู้บริโภคชาวไทยยกให้การป้องกันการฉ้อโกงและการหลอกลวงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบัญชีการเงินใหม่

FICO ผู้เป็นบริษัทซอฟต์แวร์สำหรับการวิเคราะห์ชั้นนำระดับโลก ได้เปิดเผยผลการวิจัยเรื่องการฉ้อโกงผู้บริโภคระดับโลกล่าสุด ซึ่งเผยให้เห็นถึงความเข้าใจของคนไทยเกี่ยวกับการหลอกลวงในการชำระเงินแบบเรียลไทม์ท่ามกลางกระแสการใช้ช่องทางการชำระเงินใหม่ ที่สะดวก และรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น จากการศึกษาพบว่า ความกังวลหลักสำหรับคนไทยยังคงเป็นเรื่องความเสี่ยงที่จะถูกหลอกให้ส่งเงินไปให้อาชญากร (45%) ซึ่งทำให้บุคคลต้องพบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นทันทีและไม่สามารถเพิกถอนได้ซึ่งแทบจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินคืน

นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลยังคงมีอยู่ โดยมีคนไทย 25% ระบุว่าเป็นปัญหาอาชญากรรมทางการเงินอันดับต้นๆที่พวกเขากังวล การฉ้อโกงประเภทนี้ยังมีความเสี่ยงอื่นๆนอกเหนือไปจากการสูญเสียทางการเงิน เช่น คะแนนเครดิตที่ลดลงและกระบวนการที่ท้าทายในการฟื้นฟูความสมบูรณ์ทางการเงิน

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.fico.com/en/latest-thinking/ebook/consumer-survey-2023-digital-banking-customer-preferences-and-fraud-controls

“การนำการชำระเงินแบบเรียลไทม์มาใช้อย่างรวดเร็วในประเทศไทยทำให้ประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายสำคัญของมิจฉาชีพในภูมิภาคนี้” C K Leo หัวหน้าฝ่ายการฉ้อโกง การรักษาความปลอดภัย และอาชญากรรมทางการเงินของ FICO ในเอเชียแปซิฟิกกล่าว “ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของคนไทยเกี่ยวกับการหลอกลวงการชำระเงิน และเนื่องจากการชำระเงินแบบเรียลไทม์มีเพิ่มมากขึ้น เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมทางการเงิน แต่ด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเพิ่มการเฝ้าระวังผู้ฉ้อโกงที่แฝงตัวอยู่ในอาณาจักรดิจิทัล”

ความตระหนักเรื่องการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวในประเทศไทยสูงที่สุดในเอเชีย

อัตราของผู้ตอบแบบสอบถามที่รายงานว่าข้อมูลระบุตัวตนที่ถูกขโมยไปถูกใช้เพื่อเปิดบัญชีทางการเงินในประเทศไทยนั้นสูงกว่าประเทศอื่นๆ ที่สำรวจอย่างมาก 12% ของคนไทยระบุว่าข้อมูลประจำตัวของพวกเขาถูกขโมยและถูกใช้เพื่อเปิดบัญชีโดยมิจฉาชีพ ในขณะที่รายงานเดียวกันนี้มีชาวฟิลิปปินส์เพียง 5% และชาวอินโดนีเซียเพียง 3% เท่านั้น เมื่อพิจารณาจากประชากรผู้ใหญ่ของประเทศไทย อัตรา 12% นี้จึงแปลว่ามากกว่า 8.6 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความกังวลอย่างแพร่หลายเกี่ยวกับการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล แต่ก็ยังมีความไม่สอดคล้องกันระหว่างการรับรู้และความเป็นจริงในหมู่คนไทย ประมาณ 17% เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อ ในขณะที่ 31% มองว่าเป็นไปได้ และ 14% มั่นใจว่าตัวตนของพวกเขายังคงไม่มีใครแตะต้อง

“แม้ว่าบางคนอาจมองข้ามความเสี่ยงของการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวในประเทศไทย แต่คนนับล้านยังคงมีความเสี่ยงอยู่” Leo กล่าวเสริม “สิ่งนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มความตระหนักรู้และมาตรการเชิงรุก ด้วยการทำลายไซโล (Silo) และบูรณาการการตรวจสอบตัวตนและกระบวนการตรวจจับการฉ้อโกง เราจึงสามารถปรับปรุงแอปพลิเคชันและเสริมสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าที่ถูกกฎหมายได้”

คนไทยแสวงหาความสมดุลระหว่างการป้องกันการฉ้อโกงที่ดีและความสะดวกสบาย

เมื่อเลือกผู้ให้บริการรายใหม่สำหรับบัญชีการเงิน ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าการป้องกันการฉ้อโกงที่มีประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การป้องกันการฉ้อโกงที่ดีนั้นล้ำหน้าไปมาก ได้รับการจัดอันดับให้เป็นคุณภาพที่สำคัญที่สุดโดยผู้บริโภคชาวไทย 36%  ในขณะที่ความสะดวกในการใช้งานก็มีความสำคัญเช่นกัน คิดเป็นอัตรา 36% ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่น การบริการลูกค้าที่ดี นโยบายต่อต้านการฟอกเงินที่เข้มงวด แนวทางปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี การใช้ข้อมูลลูกค้าอย่างมีจริยธรรม การปฏิบัติที่เป็นธรรม และความคุ้มค่าคุ้มราคา ถือว่ามีความสำคัญน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

“การป้องกันการฉ้อโกงถูกมองว่าเป็นจุดขายมากกว่าที่จะเป็นเพียงศูนย์ต้นทุนสำหรับธนาคาร” Leo กล่าวสรุป “ผู้บริโภคตระหนักดีว่าภัยคุกคามจากการโจรกรรมส่วนใหญ่เป็นแบบออนไลน์อยู่ในขณะนี้ ทำให้การป้องกันการฉ้อโกงที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการตัดสินใจของพวกเขาด้วย”

การสำรวจนี้จัดทำขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2023 โดยบริษัทวิจัยอิสระที่ปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมการวิจัย จากการสำรวจผู้ใหญ่ชาวไทยจำนวน 1,002 คน พร้อมด้วยผู้บริโภคอีกประมาณ 12,000 คนในแคนาดา สหรัฐอเมริกา บราซิล โคลอมเบีย เม็กซิโก อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร และสเปน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Lizzy Li
RICE สำหรับ FICO
+65 9034 7768
lizzy.li@ricecomms.com

Saxon Shirley
FICO
+65 9171 0965
saxonshirley@fico.com

แหล่งที่มา: FICO.

BlueScopeX สนับสนุนความคิดริเริ่มเพื่อพัฒนานวัตกรรมในการก่อสร้างที่ไม่สร้างมลภาวะทั่วอาเซียน

Logo

SINGAPORE–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2024

BlueScopeX บริษัทร่วมลงทุนระดับองค์กรของ BlueScope เข้าร่วมโครงการ Australia Green Economy Innovation Challenge (AGEIC) ซึ่งจัดขึ้นโดย Enterprise Singapore ในการขับเคลื่อนการระดมทุนและการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนถ่ายอย่างยั่งยืนในธุรกิจก่อสร้าง BlueScope เป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์เคลือบและพ่นสีโลหะสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างอาคาร

AGEIC มีการเปิดตัวเมื่อปลายเดือนเมษายน ปี 2024 โดยมีการรวมกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพและ SME ต่างๆ เข้ามาร่วมมือกับบริษัทรายใหญ่จากออสเตรเลีย โดยมีภาคส่วนสำคัญต่างๆ รวมถึง ภาคส่วนสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง อาหารและการเกษตร ตลอดจนการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาที่ท้าทายด้านความยั่งยืนที่สำคัญ BlueScopeX จะพิจารณาข้อเสนอสำหรับโซลูชันใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการระบายความร้อน การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และความยั่งยืนโดยทั่วไปของอาคารเพื่อภาคส่วนอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์โดยพื้นฐาน ผ่านการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ ระบบ และวิธีการติดตั้งที่ดียิ่งขึ้น โดยครอบคลุมทุกขั้นตอนในกระบวนการก่อสร้างอาคาร ตั้งแต่การออกแบบแนวความคิดตลอดไปจนถึงการก่อสร้าง การดำเนินงาน และแม้กระทั่งการรื้อถอนโครงสร้าง

บริษัทสตาร์ทอัพและ SME ที่สนใจสามารถเข้าร่วมแสดงข้อเสนอโดยละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดของตัวเอง แสดงวิธีที่เทคโนโลยีใหม่ของบริษัทจะสามารถปฏิวัติดีไซน์และการก่อสร้างอาคารเพื่อภาคส่วนอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ได้อย่างไร เพื่อให้อาคารเหล่านี้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก BlueScopeX เพื่อดำเนินการและได้รับการเปิดตัวสำหรับการพัฒนานวัตกรรมดังกล่าว พร้อมทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมของ BlueScope และเครือข่าย ตลอดจนถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ของบริษัท

ในประเทศในกลุ่มอาเซียน BlueScope เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการขยับขยายการเปลี่ยนถ่ายเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น บริษัทมีการปรับปรุงสีที่ใช้ในโรงงานผลิต เพื่อให้สามารถนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่และประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น ในทำนองเดียวกัน ก็มีการออกแบบสายการผลิตใหม่ ซึ่งช่วยให้ BlueScope สามารถนำไอน้ำจากหม้อต้มกลับมาใช้ใหม่ได้เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถประหยัดน้ำได้ถึง 5,000 ตันต่อปีโดยประมาณจากระบบกักเก็บน้ำฝนภายในโรงงานผลิต และมีการติดตั้งกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์โดยรวม 20 เมกกะวัตต์เพื่อช่วยในการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้

BlueScope มีการสร้างสรรค์และเป็นแรงบันดาลใจในโซลูชันอัจฉริยะด้านเหล็กกล้า มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย และบริษัทมีสำนักงานและโรงงานกว่า 160 แห่งใน 16 ประเทศ โดยมีพนักงานทั่วโลก 16,500 คน ในภูมิภาคอาเซียน บริษัทมีฐานการผลิตในท้องถิ่นมาตั้งแต่ปี 1965 โดยรวมถึงการดำเนินงานในอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม BlueScope มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่หลากหลาย รวมถึงเหล็กกล้าเคลือบสีสำเร็จรูป COLORBOND® เหล็กเคลือบสังกะสี/อลูมิเนียมอัลลอยด์ ZINCALUME® รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับการก่อสร้างอาคารต่างๆ ของ LYSAGHT®

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

James Li | Vice President, Business Transformation, NS BlueScope Pte. Ltd.
โทร +65 6832 3512 | มือถือ +65 9626 2750
อีเมล์ james.li@bluescope.com | เว็บไซต์ www.nsbluescope.com
A 238B Thomson Road, #17-01 Novena Square Tower B, Singapore 307685

แหล่งข้อมูล: BlueScopeX

GIGABYTE จัดแสดงพลังการประมวลผลเต็มรูปแบบที่งาน COMPUTEX โดยนำวิวัฒนาการใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้

Logo

TAIPEI–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2024

GIGABYTE Technology ผู้นำด้านนวัตกรรมด้านไอที อยู่ในแนวหน้าของการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านระบบคลาวด์และคอมพิวเตอร์ AI ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ผ่านนวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์  GIGABYTE เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำซึ่งพร้อมที่กำหนดยุค AI ในงาน COMPUTEX 2024

GIGABYTE Showcases a Whole Lot of Computing Power at COMPUTEX, Taking the AI-driven New Evolution Head-On (Graphic: Business Wire)

GIGABYTE จัดแสดงพลังการประมวลผลเต็มรูปแบบที่งาน COMPUTEX โดยนำวิวัฒนาการใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ (กราฟิก: Business Wire)

จากความสำเร็จในปีที่แล้ว GIGABYTE มุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งในความเป็นผู้นำด้าน AI ด้วยธีม “ACCEVOLUTION” ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการด้านการประมวลผลที่เพิ่มขึ้น และความสามารถของ GIGABYTE ในการ “เร่งการวิวัฒนาการครั้งต่อไป” ด้วยการปรากฏตัวครั้งแรกที่งาน COMPUTEX บูธของ GIGABYTE ถือเป็นนิทรรศการแบรนด์เดียวที่ใหญ่ที่สุด GIGABYTE มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และแอปพลิเคชันที่หลากหลาย โดยสอดคล้องกับเทรนด์ AI โดยครอบคลุมเทรนด์เทคโนโลยีที่สำคัญ รวมถึง การประมวลผล AI การเชื่อมต่อขั้นสูง ความคล่องตัวในอนาคต ความเป็นจริง ความยั่งยืน และนวัตกรรม

ความก้าวหน้าที่โดดเด่นของ GIGABYTE ในการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ AI ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เมื่อ GIGABYTE มีการเปิดตัว G593-SD0 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ 5U AI ตัวแรกและตัวเดียวของโลกที่ได้รับการรับรองจาก NVIDIA เพื่อรองรับ HGX™ H100 8 x SXM5 อย่างมีประสิทธิภาพ GIGABYTE ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ super AI ด้วยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ใช้ ARM พร้อมซุปเปอร์ชิป Grace Hopper™ รุ่นต่อไป และเซิร์ฟเวอร์ AI ที่รองรับซุปเปอร์ชิปรุ่นถัดไปของ AMD MI300X GPU และ MI300A APU ในปีนี้ นอกเหนือจาก H200 GPU ที่มีการอัปเกรดแล้ว โดย NVIDIA มีการเปิดตัวสถาปัตยกรรม Blackwell และ GIGABYTE จะมีการจัดแสดงเซิร์ฟเวอร์ความหนาแน่นสูงรุ่นล่าสุดที่สามารถใช้ด้วยกันได้กับ GPU เช่น B100 และ B200 จะมีการสาธิต GB200 รุ่นล่าสุดในตู้ระบายความร้อนด้วยของเหลวในชื่อ GB200 NVL72 ซึ่งทำหน้าที่เป็น GPU ขนาดใหญ่ตัวเดียวที่สามารถบรรลุประสิทธิภาพการอนุมานถึง 30 เท่าของ H100 GPU ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าเยี่ยมชมไม่เพียงจะได้เห็นนวัตกรรมเหล่านี้ แต่ยังสามารถมีส่วนร่วมในการอภิปรายกับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอนาคตของการพัฒนา AI และการใช้งานระบบประมวลผล

เมื่อ AI เริ่มแพร่หลายในการใช้งาน ความต้องการการประมวลผลก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่และบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ในงาน COMPUTEX ของปีนี้ GIGABYTE นำเสนอ GIGA POD ซึ่งเป็นโซลูชันการผสานรวมแร็คที่ปรับขนาดได้ โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของการใช้งานระดับศูนย์ข้อมูล นอกเหนือจากการแสดงการบูรณาการฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมของ GIGA POD และสถาพแวดล้อมการเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกอบรม AI การสาธิตยังเน้นย้ำความเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการปรับใช้งาน

การพัฒนา AI ของ GIGABYTE ครอบคลุมการประมวลผลแบบขนานชอง GPU การจัดเก็บข้อมูล และการส่งผ่านเครือข่ายในศูนย์ข้อมูล ความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและการพัฒนาของ GIGABYTE แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในการออกแบบด้านความร้อนและกลไกชั้นนำของอุตสาหกรรม ในขณะที่การออกแบบโมดูลาร์ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย ช่วยให้สามารถเปิดตัวสู่ตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น คุณจะได้พบกับเซิร์ฟเวอร์สำหรับการประมวลผลแบบ cloud to edge ได้ที่บูธของเรา รวมถึงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงถึงความหนาแน่นสูง และตัวเลือกการประมวลผลสำหรับ SMB และองค์กรขนาดเล็ก รวมถึงเมนบอร์ดสำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบ DIY ที่มีการปรับแต่งสำหรับการพัฒนา AI ในระด้บต่างๆ

ระบบการประมวลผลเริ่มต้นของ GIGABYTE ช่วยเสริมความก้าวหน้าของ AI ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นวัตกรรม เช่น Direct Liquid Cooling และ Immersion Cooling กำหนดนิยามใหม่ให้กับประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยนำเสนอการตั้งค่าที่ครอบคลุมสำหรับเซิร์ฟเวอร์และตู้ ช่วยให้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดในระบบการระบายความร้อนแบบดั้งเดิมสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีชิปรุ่นล่าสุดของ AMD, Intel และ NVIDIA เพิ่มการกระจายความร้อนและความหนาแน่นในการคำนวณ พร้อมความเสถียร ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ GIGABYTE เห็นได้ชัดในโซลูชันการระบายความร้อนแบบจุ่ม ซึ่งรองรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพร้อมการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม

GIGABYTE นำเสนอทั้งความสามารถในการฝึกอบรมโมเดล AI ที่เสถียร และแอปพลิเคชัน AI ที่ใช้งานได้จริงผ่านคอมพิวเตอร์แบบฝังตัวระดับอุตสาหกรรม การสาธิตครอบคลุมโรงงานอัจฉริยะที่มีวิชันซิสเต็มที่ใช้ AI และคอมพิวเตอร์ฝังตัวที่มีความเสถียรสูงสำหรับการควบคุมระยะไกล รวมถึงบาร์ร้านค้าปลีกที่ใช้แผงพีซีผสานรวมกับระบบการจดจำ AI และการวิเคราะห์ big data ความก้าวหน้าใน AI และ CPU/GPU รุ่นต่อไปยังสนับสนุนแอปพลิเคชันยานยนต์อัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพ ADAS และอุปกรณ์เทเลเมติกส์ภายในยานยนต์

ในตลาดพีซีสำหรับผู้บริโภค GIGABYTE เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่มีการปรับแต่งพร้อม AI เช่น เมนบอร์ด กราฟิกการ์ด และแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม AI โดยฟีเจอร์เหล่านี้มาพร้อมพลังการประมวลผล AI ที่เสถียร และความสามารถเชิงนวัตกรรม เช่น AI Nexus ในแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม AORUS 16X ที่นำเสนอแอปพลิเคชัน เช่น AI Power Gear และ AI Boost ในบริเวณพื้นที่เพื่อแสดงประสบการณ์ของ AI ในบูธของเรา ผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถสำรวจแอปพลิเคชัน AI ล่าสุด และการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ รวมถึง NVIDIA ACE และ ChatRTX ที่มีการเจาะลึกเข้าในเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัย

GIGABYTE นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่น่าประทับใจมาแสดงในงาน COMPUTEX ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถเพื่อเร่งวิวัฒนาการขั้นต่อไปของเทคโนโลยีในภูมิทัศน์ AI ที่มีการเปลี่ยนแปลง และโซชูชันการประมวลผลที่ขับเคลื่อนโดยการเชื่อมต่อและความเร็วของข้อมูล และ AI สามารถยกระดับธุรกิจและให้อำนาจแก่แต่ละบุคคลในการเติบโตและมีการพัฒนาที่รวดเร็วเป็นพิเศษ

สามารถเข้าเยี่ยมชมหน้าเพจอีเว้นท์ เกี่ยวกับ COMPUTEX ของ GIGABYTE

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54001049/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อด้านสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

แหล่งข้อมูล: GIGABYTE Technology


Hytera ผู้นำด้านการสื่อสารที่สำคัญระดับโลก ฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทในเครือในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

Logo

  • ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารที่สำคัญระดับโลกเฉลิมฉลองการเติบโตครั้งสำคัญร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและพันธมิตรที่การประชุมสุดยอดในดูไบ
  • Hytera ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในฐานะผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเพื่อความปลอดภัยสาธารณะและอุตสาหกรรมในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกามานานกว่าทศวรรษ
  • แบรนด์ Hytera ส่องสว่างบนตึก Burj Khalifa อันโดดเด่นเพื่อเฉลิมฉลองทศวรรษแห่งการเติบโต นวัตกรรม และความร่วมมือในอุตสาหกรรมต่างๆ

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–20 พฤษภาคม 2024

Hytera ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทในเครือในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วยการแสดงแสงสีที่น่าประทับใจที่ Burj Khalifa ในระหว่างการประชุม
สุดยอดพันธมิตรของภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา (MEA) ในเมืองดูไบ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม

Hytera Lights Up Burj Khalifa to Celebrate 10th Anniversary of Subsidiary in UAE (Photo: Business Wire)

Hytera ส่องสว่างขึ้นบนตึก Burj Khalifa เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทในเครือในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (รูปภาพ: Business Wire)

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Hytera เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในธุรกิจต่างๆ ในตะวันออกกลาง โดยมีสาขาในสหรัฐอาหรับ
เอมิเรตส์เป็นโรงไฟฟ้าระดับภูมิภาค ปฏิวัติระบบการสื่อสารความปลอดภัยสาธารณะ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและประสิทธิภาพของสาธารณูปโภค การขนส่ง และภาคพลังงานที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับการสื่อสารที่สำคัญ ห้องควบคุม กล้องติดตัว (BWC) และการจัดการหลักฐานดิจิทัล (DEM) เป็นต้น

Hytera สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปรับโฉมภูมิทัศน์การสื่อสารวิทยุเคลื่อนที่ระดับมืออาชีพ (PMR) เป็นเวลาสิบปีติดต่อกัน ได้ต้อนรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม พันธมิตร และแขกให้เข้าร่วม Hytera Global Partner Summit (HGPS)-MEA ที่ Atlantis The Palm นอกเหนือจากการเฉลิมฉลองความร่วมมือ โครงการ และความสำเร็จที่สำคัญตั้งแต่ปี 2014 แล้ว งานนี้ยังมีการแสดง
แบรนด์ Hytera บนจอแสดงผล LED ของตึก Burj Khalifa อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทศวรรษแห่งความร่วมมือในท้องถิ่น ความก้าวหน้า และนวัตกรรมทั่วดินแดน MEA

Stanley Song รองประธานของ Hytera และหัวหน้าของ Hytera สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า “วันครบรอบ 10 ปีของสำนักงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ของเราไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นที่ยั่งยืนของเราในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมความร่วมมือทั่วทั้งภูมิภาคด้วย ตั้งแต่แรกเริ่ม การปฏิบัติงานของ Hytera ทั่วตลาดตะวันออกกลางมุ่งตอบสนองความต้องการด้านการสื่อสารที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภาคส่วนหลักๆ กลับมาที่ปัจจุบัน เราภาคภูมิใจสุดๆ กับวิธีที่เราทำงานร่วมกับระบบนิเวศของหุ้นส่วนของเราเพื่อส่งมอบคุณค่าที่เป็นรูปธรรมและเพื่ออนาคตให้กับภูมิภาค ซึ่งขับเคลื่อนโดยความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมร่วมกัน”

ในทศวรรษที่ผ่านมา Hytera ประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดที่สำคัญด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม โดยเป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์สื่อสารประมาณ 50% เช่น วิทยุสองทาง วิทยุสองโหมด LTE และ PMR และสมาร์ทโฟนที่ทนทาน ซึ่งหน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะในภูมิภาคใช้กัน นอกจากนี้บริษัทยังมีส่วนสำคัญในภาคส่วนต่างๆ ด้วย เช่น พลังงาน (70%) และการขนส่งมวลชน (50%) และเป็นส่วนสำคัญในการอัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัยและการเชื่อมต่อด้วยการให้บริการซีรีส์วิทยุป้องกันการระเบิดที่ปลอดภัยจากภายใน (IS) ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การกู้ภัยดับเพลิง น้ำมันและก๊าซ โรงกลั่น สารเคมี และเหมืองแร่

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มดำเนินการโครงการใหม่ๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบการยอมรับการฝึกอบรมและโรงงานในดูไบ (2022) และการลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Omantel ผู้ให้บริการในโอมาน (2023)

Stanley ที่กำลังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงบันดาลใจในอนาคตของ Hytera ในตะวันออกกลางกล่าวเสริมว่า “เรายังคงมุ่งมั่นให้บริการโซลูชั่นการสื่อสารที่ล้ำสมัยล่าสุดแก่พันธมิตรระดับภูมิภาคของเรา ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับองค์กรและเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน ตะวันออกกลางคือตัวอย่างที่ดีสำหรับทั้งโลกในแง่ของการปรับใช้การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และด้วยโอกาสอีกมากมายในอนาคต เราจึงกำลังตั้งตารอช่วงเวลาในอีก 10 ปีต่อจากนี้”

Hytera ก่อตั้งขึ้นที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีนในปี 1993 และได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในการนำเสนอโซลูชั่นที่พลิกโฉมการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันด้านความปลอดภัยสาธารณะ โซลูชั่นที่ได้รับการพัฒนาด้วยแนวทางปฏิบัติสุดล้ำและกระบวนการทางวิศวกรรมที่พิถีพิถันจาก Hytera ได้แสดงความมุ่งมั่นของบริษัทในการนำเสนอโซลูชั่นการสื่อสารชั้นนำของตลาดที่ปรับให้เหมาะกับอุตสาหกรรมในตะวันออกกลางและทั่วโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54001771/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เราจึงมอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัย และหลากหลายยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้ทางธุรกิจและผู้ใช้ที่มีภารกิจที่สำคัญได้ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่

ติดต่อ

lele.yao@hytera.com

แหล่งที่มา: Hytera Communications Corporation Limited

Pacific Prime Thailand คว้ารางวัล International Broker Award ที่มียอดขายสูงสุดจาก AXA

Logo

BANGKOK–(BUSINESS WIRE)–17 พฤษภาคม 2024

Pacific Prime บริษัทนายหน้าประกันภัยระหว่างประเทศ ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะคว้ารางวัลยอดขายสูงสุดจาก AXA – International Broker Award 2024 ในวันที่ 25 เดือนเมษายน ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ประเทศไทย โดยมีการจัดพิธีมอบรางวัล AXA Awards 2024 ในธีม “Journey to the Everest” พร้อมนักแสดงชั้นนำทุกคนมาร่วมเฉลิมฉลองช่วงเวลานี้แห่งปี

From left to right: Claude Seigne (CEO of AXA Thailand), Naambo Shivute (Key Account Manager of Pacific Prime), Ricky Batten (General Manager of Pacific Prime) (Photo: Business Wire)

จากซ้ายไปขวา: Claude Seigne (CEO ของ AXA Thailand), Naambo Shivute (ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าหลักของ Pacific Prime), Ricky Batten (ผู้จัดการทั่วไปของ Pacific Prime) (ภาพถ่าย: Business Wire)

รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นการยกย่องความมุ่งมั่นของ Pacific Prime ในการสร้างยอดขายสูงสุดในตลาด ประกันสุขภาพส่วนบุคคล  (IPMI) ตลอดปีที่ผ่านมา โดยแสดงถึงความรู้ การบริการ และความเป็นมืออาชีพที่ไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรม

Ricky Batten ผู้จัดการทั่วไป และ Naambo Shivute ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าหลักของ Pacific Prime รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลนี้ในนามของทีมงานทุกคน ผมขอขอบคุณทีมงาน AXA ทุกคนที่ให้การสนับสนุน รางวัลนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการนำเสนอโซลูชันการประกันภัยที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการรักษาพยาบาลสำหรับลูกค้าของเรา แต่อย่างไรก็ตาม นี่ยังห่างไกลจากจุดหมายปลายทางของเรา โดยเราจะยังคงปรับปรุงกระบวนการประกันภัยสำหรับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับ AXA และก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการบริการลูกค้าเฉพาะด้าน เพื่อบรรลุความสำเร็จตามที่เราตั้งมั่นไว้

การเฉลิมฉลองในครั้งนี้ไม่เพียงเฉพาะมีการประดับสายรุ้งและดอกไม้เท่านั้น แต่ยังเป็นงานการมอบตำแหน่ง CEO โดย Claude Seigne จะอำลาตำแหน่ง และมอบตำแหน่งให้กับ Guillaume Mirabud การเปลี่ยนแปลงในระดับผู้บริหารนี้เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่ความร่วมมือระหว่าง Pacific Prime และ AXA จะยังคงมั่นคงอยู่เสมอ โดยจะมีการนำพาทั้งสององค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน

เกี่ยวกับ Pacific Prime

Pacific Prime ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 โดยเป็นนายหน้าประกันภัยและผู้เชี่ยวชาญด้านผลประโยชน์สำหรับพนักงานระดับโลกที่ได้รับรางวัล ซึ่งนำเสนอโซลูชันการประกันภัยส่วนบุคคลและองค์กร ด้วยเบี้ยประกันภายใต้การบริหารมูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปัจจุบัน Pacific Prime กลายเป็นตัวแทนด้านผลประโยชน์สำหรับพนักงานรายใหญ่อันดับสามในเอเชียแปซิฟิก หลังจากการเข้าซื้อกิจการตัวแทนของ CXA Group ในปี 2021 บริษัทนายหน้านี้มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และมีสำนักงาน 15 แห่งทั่วโลก รวมถึงฮ่องกง สิงคโปร์ จีน ไทย มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pacific Prime ได้ที่: https://www.pacificprime.com/corporate

เกี่ยวกับ AXA Group

AXA เป็นบริษัทประกันภัยและบริการทางการเงินระดับโลกที่มีการดำเนินงานในกว่า 60 ประเทศ ด้วยการมุ่งเน้นที่นวัตกรรมและการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง AXA นำเสนอโซลูชันการประกันภัย การลงทุน และการจัดการสินทรัพย์ที่หลากหลายและครอบคลุมสำหรับลูกค้าส่วนบุคคลและลูกค้าธุรกิจ ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการดำเนินงานตามแนวทางปฏิบัติด้านการลงทุนที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ AXA มีการให้บริการลูกค้ากว่าหลายล้านรายทั่วโลก โดยให้คำแนะนำและให้การสนับสนุนส่วนบุคคลผ่านเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ตัวแทน และพันธมิตรอย่างกว้างขวาง

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.axa.co.th

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53989006/en

ติดต่อ

Stephen Ho
Chief Marketing Officer
Pacific Prime
+852 3589 0508

แหล่งข้อมูล: Pacific Prime

Zycus เปิดตัวระบบการสั่งซื้อทรงพลังยุคใหม่พร้อมนวัตกรรม GenAI ที่งาน Horizon 2024

Logo

MIAMI–(BUSINESS WIRE)–20 พฤษภาคม 2024

Zycus ผู้บุกเบิก โซลูชันระบบการสั่งซื้อทรงพลังที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดประกายนวัตกรรมในงานประชุมระบบจัดซื้อประจำปี Horizon 2024 อีเว้นท์นี้มีการจัดแสดงชุดการพัฒนา GenAI ที่ก้าวล้ำซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับระบบอัตโนมัติที่มีความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพตลอดกระบวนการ Source-to-Pay (S2P)

Zycus ปฏิวัติระบบการสั่งซื้อร่วมกับ Merlin

Zycus นำเสนอแนวทางสองรูปแบบในระบบการจัดซื้อที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI:

  • Merlin Assist Chatbot: ระบบผู้ช่วย AI นี้มีการทำงานร่วมกับ Microsoft Teams โดยทำหน้าที่เป็น “แนวหน้า” สำหรับระบบการจัดซื้อ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถาม แยกรายละเอียดสัญญา สร้างข้อมูลสรุป พัฒนากลยุทธ์ และปรับปรุงเวิร์กโฟลว์—โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อม Teams ที่คุ้นเคย อย่างที่เราพูดกันใน Zycus AI คือ UI ใหม่
  • Merlin GenAI Power Apps: นำเสนอ AppXtend ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านี้ปลดล็อกประสิทธิภาพและประสิทธิผลถึง 10 เท่า โดยสามารถจัดการกับงานที่สำคัญ เช่น การปรับปรุงการอนุมัติ การจัดการความเสี่ยงตามสัญญาโดยอัตโนมัติ ลดความซับซ้อนในการจัดหา ปรับปรุงบัญชีเจ้าหนี้ ทำให้การจัดการโครงการเป็นระบบอัตโนมัติ อำนวยความสะดวกในการจัดการความเสี่ยงของซัพพลายเออร์ และการตรวจสอบรายงานโดยใช้ Insight Studio

“Merlin GenAI ของ Zycus มีการจัดการปัญหาร้ายแรงในกระบวนการ S2P ซึ่งเหนือกว่าระบบอัตโนมัติขั้นพื้นฐาน เช่น การประมวลผลใบแจ้งหนี้ หรือการมอบหมายงานสำหรับผู้ใช้” หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อสำหรับบริษัทที่ติดอันดับ Global 500 ที่ Horizon กล่าว

Aatish Dedhia ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Zycus เน้นย้ำว่า “ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงห้าปีในแพลตฟอร์ม Merlin AI นั้น Zycus ได้มีการสร้างชุดข้อมูลที่ละเอียด มีการจัดการที่ดี เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่า การฝึกอบรมโมเดล GenAI มีประสิทธิภาพและมีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างละเอียดลึกซึ้ง เฟรมเวิร์ก AppXtend API ของเราช่วยให้สามารถดำเนินการพัฒนา ปรับใช้งาน และบูรณาการ GenAI ในกระบวนการ S2P ได้อย่างรวดเร็ว”

การตรวจสอบความถูกต้องทางอุตสาหกรรม: Microsoft ยกย่องความเป็นผู้นำของ Zycus

“AI จะแปลงวิธีการทำงานของบุคคล ทีมงาน และองค์กร” Samik Roy กรรมการบริหาร ธุรกิจองค์กร ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ของ Microsoft India กล่าว “Zycus มีการบูรณาการ Azure OpenAI เพื่อรวม AI เข้ากับการดำเนินงานในแต่ละวัน ผลลัพธ์เชิงปริมาณถือเป็นผลลัพธ์ที่ดียิ่ง จากประสบการณ์ส่วนบุคคลไปจนถึงการทำงานที่ปรับปรุงให้ง่ายดาย AI จะช่วยเสริมเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จของ Zycus ได้เป็นอย่างดี”

Zycus Horizon: สปริงบอร์ดสำหรับความเป็นผู้นำของ GenAI

Horizon 2024 เป็นแพลตฟอร์มทรงพลังสำหรับ Zycus ในการแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านโซลูชันระบบการจัดซื้อที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI สามารถเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ มีความคล่องตัว ประหยัดต้นทุน และมีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ

เกี่ยวกับ Zycus:

Zycus เป็นผู้นำในโซลูชันด้าน Source-to-Pay (S2P) โดยเป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI แพลตฟอร์มแรกของโลกที่ช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างบรรลุความเร็วและประสิทธิภาพได้สูงถึง 10 เท่า เป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรขนาดใหญ่ระดับโลก และได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำอย่าง Gartner และ Forrester มาโดยตลอด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Arnish Shah
Associate Director – Marketing
arnish.shah@zycus.com

แหล่งข้อมูล: Zycus

ACT Abu Dhabi เปิดให้บริการแล้ว

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2024

Arabian Chemical Terminals LLC ในอาบูดาบี (ACTAD) มีความภูมิใจที่จะประกาศการเริ่มต้นการดำเนินงานของคลังถังเก็บสารเคมีที่สร้างขึ้นใหม่ในท่าเรือคาลิฟา เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาคารนี้เป็นคลังถังเก็บสารเคมีเชิงพาณิชย์แห่งแรกในเอมิเรต

ACT Abu Dhabi open for business (Photo: AETOSWire)

ACT Abu Dhabi เปิดให้บริการแล้ว (ภาพ: AETOSWire)

ACTAD ตั้งอยู่ในท่าเรือคาลิฟาระดับโลกแห่งใหม่และอยู่ติดกับเขตเศรษฐกิจ Khalifa Abu Dhabi (KEZAD) ที่ทันสมัยและกว้างขวาง โดยมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ๆ ในเอมิเรต

ACTAD ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นอย่างทันสมัยตามมาตรฐานสากลสูงสุด และมีถังที่มีคุณสมบัติต่างๆ รวมทั้งหมด 40 ถัง (เหล็กกล้าคาร์บอน 20 ถัง รวมถึง IFR 10 ถัง และสแตนเลส 20 ถัง รวมถึงถังหุ้มฉนวน พร้อมระบบทําความร้อน/ทําความเย็น10 ถัง) รวมความจุ 100,000 CBM ถังแต่ละถังมีท่อส่งเฉพาะไปยังท่าเทียบเรือขนาด 16 เมตรและช่องโหลดรถบรรทุกโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนข้ามผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมประสิทธิภาพการทํางานสูงสุดและความยืดหยุ่นให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ ไซต์งานยังมีคลังสินค้าขนาด 500 ตารางเมตรสําหรับสินค้าอันตราย และจัดเตรียมถังบรรจุ/IBC

อาคารมีห้องปฏิบัติการสํารวจที่มีอุปกรณ์ครบครันของบุคคลที่สาม ที่ดําเนินการอย่างอิสระสําหรับการสุ่มตัวอย่างและการทดสอบ

ACTAD ดําเนินงานด้วยระบบการจัดการแบบบูรณาการตามมาตรฐานสากล ISO-9000, 14000, 18000, CDI-T และ ISGOTT

ท่าเทียบเรือจะช่วยให้อุตสาหกรรมในท้องถิ่นนําเข้าความต้องการสารเคมีเหลวจํานวนมาก หรือส่งออกผลิตภัณฑ์เคมีเหลวไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังสามารถทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางการจัดเก็บและ/หรือการดําเนินงานแบบแบ่งกลุ่มสําหรับบริษัทระหว่างประเทศได้ เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตทัณฑ์บนภายในท่าเรือคาลิฟา

ACTAD เป็นส่วนขยายของ Arabian Chemical Terminals Ltd ในซาอุดิอาระเบีย (ACT-KSA) ACT-KSA เป็นเจ้าของ/ผู้ดําเนินการท่าเทียบเรืออีกสองแห่ง แห่งหนึ่งใน Yanbu บนชายฝั่งทะเลแดง และอีกหนึ่งแห่งในท่าเรือพาณิชย์ Jubail บนอ่าวอาหรับ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในยานบูในปี 1986 ACT-KSA เป็นคลังเก็บถังเชิงพาณิชย์แห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในซาอุดิอาระเบียโดยเริ่มด้วยคามจุ 13,000 CBM ในปี 2012 ACT-KSA ได้สร้างสถานที่จัดเก็บสินค้าเชิงพาณิชย์แห่งแรกจำนวนมากใน Jubail โดยเพิ่มความจุในการจัดเก็บอีก 70,000 CBM โดยมีถังตามข้อกําหนดและขนาดที่แตกต่างกัน ขณะนี้ท่าเทียบเรือ Jubail อยู่ระหว่างการขยายเพื่อเพิ่มความจุอีก 70,000 CBM

ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/53993781/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Manuel Pereira
m.pereira@act-uae.com

ที่มา: Arabian Chemical Terminals

The Bangkok Reporter