กองทุนเพื่อการพัฒนาซาอุดีอาระเบียประกาศงานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี Global Impact

Logo

RIYADH, Saudi Arabia–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

กองทุนเพื่อการพัฒนาซาอุดีอาระเบีย (SFD) จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำกาลาดินเนอร์ในวันที่ 1 เดือนกันยายน ปี 2024 ภายใต้หัวข้องานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี Global Impact เพื่อรำลึกห้าทศวรรษแห่งการขับเคลื่อนการพัฒนาและความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนระดับโลก

Saudi Fund for Development Announces Celebration of 50 Years of Global Impact with Anniversary Event (Photo: AETOSWire)

กองทุนเพื่อการพัฒนาซาอุดีอาระเบียประกาศงานเฉลิมฉลองครบรอบ Celebration of 50 Years of Global Impact (ภาพถ่าย: AETOSWire)

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1974 SFD เป็นหน่วยงานพัฒนาระหว่างประเทศหลักของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย โดยมีการสนับสนุนโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนในแอฟริกา เอเชีย และแปซิฟิก ละตินอเมริกาและแคริบเบียน และยุโรปตะวันออก ด้วยความร่วมมือและพันธมิตร งานของ SFD สามารถเข้าถึงผู้ที่มีความต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดทั่วโลก  SFD ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประเทศด้อยพัฒนาและรัฐเกาะที่กำลังพัฒนาขนาดเล็ก โดยตระหนักถึงความท้าทายและจุดอ่อนเฉพาะตัวของกลุ่มประเทศเหล่านี้

“เป็นเวลา 50 ปีแล้วที่ SFD มีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนและพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาที่สร้างการเปลี่ยนแปลง โปรแกรมของเรามีความเกี่ยวข้องแทบทุกแง่มุมของสังคม ตั้งแต่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมที่จำเป็น เช่น ถนน โรงพยาบาล และโรงเรียน ไปจนถึงการเสริมพลังให้กับชุมชนผ่านความคิดริเริ่มด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ น้ำและสุขาภิบาล พลังงานหมุนเวียน เกษตรกรรม การขนส่งและการสื่อสาร อุตสาหกรรมและเหมืองแร่ และอื่นๆ อีกมากมาย” นาย Sultan Al-Marshad, CEO ของ SFD กล่าว “ในช่วงเวลาอันสำคัญนี้ เราขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการกระตุ้นความร่วมมือและความสามัคคีระดับโลก การสร้างกรอบการทำงานที่ครอบคลุมสำหรับการพัฒนาทางสังคม เศรษฐกิจ และมนุษย์ และการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก”

งานเลี้ยงอาหารค่ำกาลาดินเนอร์ครอบรอบ 50 ปีเป็นการรวมพันธมิตรและผู้นำด้านการพัฒนาระดับโลก รวมถึงตัวแทนรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และนักวิชาการ เพื่อเฉลิมฉลอง SFD และมรดกด้านการพัฒนาของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ตลอดจนความมุ่งมั่นที่จะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเท่าเทียมกันมากขึ้นสำหรับทุกคนในอนาคต

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.sfd.gov.sa

*แหล่งข้อมูลAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54105208/en

ติดต่อ

Abeer Alqahtani
มือถือ: +966580089661
อีเมลaalqahtani@apcoworldwide.com

แหล่งข้อมูล: Saudi Fund for Development

โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คาลาบังกาโดย บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี ได้เริ่มดำเนินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว

Logo

คาลาบังกา ฟิลิปปินส์–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

บริษัทร่วมทุน เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานอิสระชั้นนำด้านพลังงานหมุนเวียนยินดีที่จะแจ้งว่า โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนพี้นดิน คาลาบังกา ขนาดกำลังการผลิต 74.2 แมกกะวัตต์ ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2024  หลังจากที่ National Grid Corporation of the Philippines ได้ดำเนินการทดสอบและทดลองระบบแล้วเสร็จ 

โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คาลาบังกา ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดคามารีเนสซูร์ บริเวณตอนใต้ของเกาะลูซอน เป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่โครงการแรกในเขตบีโคล ซึ่งผลิตพลังงานไฟฟ้าให้แก่โครงข่ายไฟฟ้าของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์  งพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะจำหน่ายให้บริษัทย่อยในกลุ่มของ Aboitiz Power Corporation ผ่านสัญญาซึ้อขายไฟระยะเวลา 10 ปี

สำหรับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ บริษัทร่วมทุน เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อตอบสนองนโยบายพลังงานเพื่อความยั่งยืน ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นีกรอส ขนาดกำลังการผลิต 145 เมกะวัตต์ ในเขตวิซายัส  และการพัฒนาโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมอีก 2 แห่ง ได้แก่ โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมใกล้ชายฝั่งบริเวณอ่าวซานมิเกล ที่คาดว่าจะมีศักยภาพในการผลิตสูงถึง 500 เมกะวัตต์ และโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในเมืองลูเซนา ที่คาดว่าจะมีศักยภาพในการผลิตสูงถึง 450 เมกะวัตต์

นายไซริล ดิเซคคู กรรมการผู้จัดการบริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี กล่าวว่า “ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะแจ้งว่า โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คาลาบังกาได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์สำเร็จแล้ว  โครงการนี้เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแรกของเราใน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์  เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนเพื่ออนาตคที่ยั่งยืน”

นายซูรินเดอร์ ซิงค์ ประธานกรรมการ บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณคณะรัฐบาลสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ที่ได้ให้ความไว้วางใจ และสนับสนุนบริษัทฯ ในการพัฒนาโครงการคาลาบังกา นอกจากนี้ผมขอขอบคุณ คู่ค้าและชุมชนท้องถิ่นในคามารีเนสซูร์  บริษัทฯ ยินดีที่จะแจ้งว่าพัฒนาโครงการอื่นๆ ก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”

ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทร่วมทุน เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี และโครงการในแผนพัฒนาได้ที่ www.nexifratch.com

ข้อมูลเพื่มเติมของบริษัทร่วมทุน เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี:

บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี จัดเป็นผู้ผลิตพลังงานอิสระด้านพลังงานหมุนเวียน ที่พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ และมีสำนักงานระดับภูมิภาคตั้งอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ ประกอบด้วยโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำ และโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมขนาด  บริษัทฯ มีกำลังการผลิตของโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์รวม 378 เมกะวัตต์ และ กำลังการผลิตของโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา การก่อสร้าง และพร้อมดำเนินงาน รวมกว่า 6 กิกะวัตต์

บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัทเนกซิฟ เอนเนอจี ประเทศสิงค์โปร์ และ  บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

ชริยา ภู่พิสิฐ

บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี

info@nexifratch.com

เทคโนโลยี RAID Offload ที่ใช้ SSD จาก Kioxia ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘Best of Show’ ในงาน Future of Memory and Storage (FMS) 2024

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–08 สิงหาคม 2024

Kioxia Corporation ประกาศในวันนี้ว่าเทคโนโลยี RAID Offload บน SSD ได้รับรางวัล FMS 'Best of Show' ในประเภทเทคโนโลยี SSD the ‘Most Innovative Technology’ รางวัลเหล่านี้เป็นการยกย่องผลิตภัณฑ์และบริษัทที่สําคัญที่สุดทั่วโลก ในอุตสาหกรรมหน่วยความจําและการจัดเก็บข้อมูล

SSD-Based RAID Offload Technology from Kioxia Named ‘Best of Show’ at Future of Memory and Storage (FMS) 2024 (Photo: Business Wire)

เทคโนโลยี RAID Offload ที่ใช้ SSD จาก Kioxia ได้รับการยกย่องให้เป็น 'Best of Show' ในงาน Future of Memory and Storage (FMS) 2024 (ภาพ: Business Wire)

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มอบรางวัล 'Best of Show' ให้กับเทคโนโลยีการปกป้องข้อมูล RAID Offload ที่ก้าวล้ำของ Kioxia ด้วยรางวัล ” Jay Kramer ประธานโครงการรางวัลและประธานของ Network Storage Advisors Inc. กล่าว “นี่เป็นความสําเร็จที่โดดเด่น ที่ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถทางเทคโนโลยีของ Kioxia เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการรับมือกับความท้าทายที่สําคัญในอุตสาหกรรมด้วยโซลูชันที่ล้ำสมัยอีกด้วย”

เมื่อเทคโนโลยีการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลมีการพัฒนามากขึ้น การปกป้องข้อมูลผ่าน RAID หรือ Erasure Coding (EC) จึงมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้โซลูชัน RAID และ Erasure Coding ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์แบบดั้งเดิมก็ยังต้องดิ้นรน เพื่อให้ทันกับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของประสิทธิภาพของ SSD ซึ่งเพิ่มขึ้นตามรุ่นใหม่แต่ละรุ่น ปัญหาเหล่านี้เน้นย้ำถึงความจําเป็นในการใช้แนวทางที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อจัดการกับความท้าทายในการปกป้องข้อมูลที่เซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูลสมัยใหม่ต้องเผชิญ

SSDs ของ Kioxia พร้อม RAID Offload มอบโซลูชันที่ยั่งยืนและปรับขนาดได้ตามมาตรฐานที่โฮสต์เป็นผู้ควบคุม เพื่อถ่ายโอนการการประมวลผล RAID แบบแพริตี้ ซึ่งจะช่วยปลดปล่อยทรัพยากร CPU หน่วยความจํา และแคชของโฮสต์ที่มีค่า ซึ่งขณะนี้สามารถใช้เพื่อเร่งความเร็วแอปพลิเคชันหลักได้ สิ่งนี้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุนระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในเซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมาก

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นําระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจํา ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา ผลิต และจําหน่ายหน่วยความจําแฟลชและโซลิดสเตตไดร์ฟ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory รุ่นก่อนได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจําแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจํา” โดยนําเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและคุณค่าจากหน่วยความจําสําหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจําแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ กําลังกําหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจําเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54106417/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสื่อ:

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Satoshi Shindo

โทรศัพท์: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

NHN เปิดตัว ‘วูปารูโอดิสซี่’ เกม SNG (Social Network Game) แนวคอลเลคชั่นใหม่ในประเทศไทย… “ยินดีต้อนรับสู่โลกของวูปารู!”

Logo

เกม SNG (Social Network Game) แนวคอลเลคชั่นที่ผสมผสานองค์ประกอบ RPG และระบบการต่อสู้เชิงกลยุทธ์เข้ากับคอลเลกชันสุดโปรดของเมืองวูปารู

พบกับ ‘กิจกรรมของขวัญต้อนรับ 7 วันจากรูป้า’ และ ‘กิจกรรมภารกิจ 7 วัน’ พร้อมรางวัลมากมาย

ซองนัม เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–08 สิงหาคม 2024

NHN (KRX: 181710, CEO Ujin Chung) ได้เปิดตัว SNG แนวคอลเลคชั่น ‘วูปารูโอดิสซี่’ ในตลาดโลก รวมถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 8

NHN launches new collection SNG ‘Wooparoo Odyssey’ in global market including Thailand. The new SNG incorporates RPG elements and a strategic battle system into the beloved Wooparoo Land collection. (Photo: NHN)

NHN ได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ SNG ‘วูปารูโอดิสซี่’ ในตลาดโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย โดยคอลเลกชันใหม่นี้ได้นำเอาองค์ประกอบของ RPG และระบบการต่อสู้เชิงกลยุทธ์มาผสมผสานเข้ากับคอลเลกชันเมืองวูปารูอันเป็นที่รัก (ภาพ: NHN)

วูปารูโอดิสซี่คือเกมภาคต่อของเมืองวูปารูซึ่งเป็นเกม SNG แนวคอลเลคชั่นยอดนิยมที่มียอดดาวน์โหลดทั่วโลกถึง 11 ล้านครั้ง โดยอิงจากตัวละครวูปารูสุดน่ารักหลายร้อยตัว และความสนุกในการตกแต่งหมู่บ้านที่สวยงามของตัวเอง

ในวูปารูโอดิสซี่มีทั้งวูปารูดั้งเดิมและวูปารูออริจินอลหน้าใหม่ๆ ที่จะนำเสนอความสนุกให้ทั้งแฟนวูปารูดั้งเดิมและผู้เล่นใหม่ โดยได้เพิ่มระบบการต่อสู้เชิงกลยุทธ์ให้กับระบบหลักของเมืองวูปารู– การอัญเชิญและคอนเทนต์รวบรวมวูปารู – มอบประสบการณ์การเล่นที่หลากหลาย

ในตอนเริ่มต้นของเกม เมื่อผู้ใช้ทำเควสต์ต่างๆ ให้สำเร็จและอัญเชิญวูปารูออกมาเพื่อให้เลเวลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ผู้ใช้จะสามารถเปิดใช้งานเนื้อหาการต่อสู้สองแบบ ได้แก่ 'สำรวจ (PvE)' และ 'สนามแข่ง (PvP)' 'สำรวจ' เป็นโหมดการแข่งขันกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งทุกระดับได้รับการออกแบบมาเพื่อแสดงความสัมพันธ์ของธาตุแต่ละอย่างของวูปารู ผู้เล่นสามารถรับหินอัญเชิญวูปารูพิเศษเป็นรางวัลจากการเคลียร์ด่าน ' สนามแข่ง' เป็นโหมดการต่อสู้กับผู้เล่นรายอื่น โหมดนี้นําเสนอความรู้สึกถึงความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ โดยการยกระดับเทียร์ขึ้นเป็นขั้นๆ และรับทรัพย์สิน ไอเทม ถ้วยรางวัลลิมิเต็ดอิดิชั่น ของตกแต่งโปรไฟล์ และอื่นๆ อีกมากมาย

เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวเกม วูปารูโอดิสซี่ได้เปิดกิจกรรมต่างๆ พร้อมของขวัญมากมาย ‘กิจกรรมของขวัญต้อนรับ 7 วันจากรูป้า’ มอบไอเทมต่างๆ เช่น อัญมณี มานาบอลและอาหารทุกวัน เมื่อผู้เล่นเข้าสู่ระบบเกมในช่วง 7 วันแรก ‘กิจกรรมภารกิจ 7 วัน’ มอบวูปารู 3 ธาตุหายาก 'โรซ่า' ซึ่งเป็นวูปารูที่ผู้เล่นวูปารูไอพีชื่นชอบ โดยเคลียร์ภารกิจรายวันเป็นเวลา 7 วัน ‘กิจกรรมอัญเชิญ’ กระตุ้นให้ผู้เล่นสะสมวูปารูอย่างสนุกสนาน

“เราได้เปิดตัว ‘วูปารูโอดิสซี่’ ซึ่งมีเนื้อหาที่หลากหลายและระบบการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นที่ยิ่งขึ้นจาก ‘เมืองวูปารู’ ซึ่งประสบความสําเร็จอย่างมากในตลาดโลก” SangHo Kim หัวหน้าฝ่ายธุรกิจเกมของ NHN กล่าว “เราจะอัปเดตเกมต่อไปเพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจให้กับทั้งแฟนๆ ที่คิดถึงวูปารู และผู้เล่นใหม่”

วูปารูโอดิสซี่เปิดตัวแล้วผ่าน Google Play และ Apple Appstore ผู้เล่นสามารถตรวจสอบข้อมูลของเกมและกิจกรรมต่างๆ ผ่านหน้า Facebook และ Instagram อย่างเป็นทางการของวูปารูโอดิสซี่

[วูปารูโอดิสซี่ใน App Market]
Google Play: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.nhn.wooparoo
Apple Appstore: https://apps.apple.com/us/app/wooparoo-odyssey/id1645242780

[SNS]
Facebook: https://www.facebook.com/wooparoo.odyssey.global
Instagram: https://www.instagram.com/wooparooodyssey_official

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54104026/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

NHN
Ju Seong Hong +82 31-8038-1067
juseong.hong@nhn.com

ที่มา: NHN

Kioxia พัฒนา SSD บรอดแบนด์พร้อมอินเทอร์เฟซแบบออปติคอลสำหรับศูนย์กลางข้อมูลสีเขียว (Green Data Center) แห่งยุคต่อไป

Logo

การสาธิตเทคโนโลยีในงานสัมมนา Future of Memory and Storage ที่บูธ Kioxia หมายเลข 307

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

Kioxia Corporation บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ จะจัดแสดงต้นแบบของ SSD บรอดแบนด์พร้อมอินเทอร์เฟซแบบออปติคอลสำหรับศูนย์กลางข้อมูลแห่งยุคต่อไปในงานประชุม “FMS: the Future of Memory and Storage” ซึ่งจะจัดขึ้นในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างวันที่ 6 ถึง 8 สิงหาคม เทคโนโลยี SSD ช่วยเพิ่มระยะห่างทางกายภาพระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้อย่างมาก โดยเปลี่ยนอินเทอร์เฟซการเดินสายไฟฟ้าเป็นแบบออปติคัล ลดขนาดสายไฟลง แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานและคุณภาพสัญญาณที่สูงเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความยืดหยุ่นสูงให้กับการออกแบบและการใช้งานระบบศูนย์ข้อมูลอีกด้วย

การใช้อินเทอร์เฟซแบบออปติคัลทำให้สามารถรวบรวมส่วนประกอบแต่ละชิ้นที่ประกอบเป็นระบบ เช่น SSD และ CPU และเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น นับเป็นการพัฒนาต่อยอดของ “ระบบคอมพิวเตอร์แบบแยกส่วน” ที่สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพตามปริมาณงานที่เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ ด้วยความสมบูรณ์ของสัญญาณที่สูง อินเทอร์เฟซแบบออปติคัลจึงสามารถทำให้สภาพแวดล้อมการประมวลผล เช่น อวกาศ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้

ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากโครงการ “การพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวแห่งยุคต่อไป” ของญี่ปุ่น JPNP21029 ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนจากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO) ซึ่งอยู่ภายใต้ “โครงการกองทุนนวัตกรรมสีเขียว: การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคถัดไป”  ในโครงการทุนนี้ เทคโนโลยีรุ่นต่อไปได้รับการพัฒนาโดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลในปัจจุบัน ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการนี้ Kioxia กำลังพัฒนา SSD บรอดแบนด์ที่มีอินเทอร์เฟซออปติคัลสำหรับการจัดเก็บข้อมูลในศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวรุ่นต่อไป

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งมุ่งมั่นในการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตทไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทก่อนหน้าได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “ความจำ” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าอีกทั้งยังสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติอันล้ำสมัยของ Kioxia หรือ BiCS FLASH™ กำลังกำหนดทิศทางของอนาคตของระบบจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ เช่น ราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Satoshi Shindo
Tel: +81-3-6478-2404

แหล่งที่มา: Kioxia Corporation

Gradiant ประกาศการเติบโตอย่างรวดเร็วของยอดขายด้วยยอดสั่งซื้อใหม่กว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024

Logo

การเติบโตดัวกล่าวขับเคลื่อนโดยการขยายตัวทางภูมิศาสตร์และความก้าวหน้าเชิงกลยุทธ์ในภาคส่วนเซมิคอนดัคเตอร์และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงข้อเสนอต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นในตลาดอุตสาหกรรมอื่นๆ

BOSTON–(BUSINESS WIRE)–06 สิงหาคม 2024

Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชันระดับโลกด้านการบำบัดน้ำและน้ำเสีย ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับการปิดยอดสั่งซื้อใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 ได้มากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยังคงสามารถรักษาสถิติจากยอดสั่งซื้อในไตรมาสแรกซึ่งทำสถิติสูงสุดที่ 337 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลประกอบการในครั้งนี้ถือเป็นปีที่ห้าที่สามารถทำยอดขายประจำปีได้มากขึ้นเป็นสองเท่า และเป็นผลจากการที่บริษัทขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ไปยังสหรัฐอเมริกาและมุ่งเน้นภาคส่วนการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงที่สำคัญทั่วโลก

Gradiant ยังคงให้บริการแก่ผู้นำในอุตสาหกรรมสำคัญๆ ทั่วโลก ซึ่งกลายเป็นพันธมิตรด้านโซลูชันน้ำที่ทุกคนนึกถึง โดยมีการลงนามในข้อตกลงใหม่สำหรับการออกแบบ สร้าง และดำเนินการโรงงานบำบัดน้ำและรีไซเคิลน้ำเสียรายหลักในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชีย โดยคำสั่งซื้อใหม่จำนวนมากเป็นคำสั่งซื้อสำหรับโครงการที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐอเมริกาและเอเชีย รวมถึงลูกค้าประจำที่มีการใช้โซลูชันของ Gradiant มากขึ้นเรื่อยๆ จากประสบการณ์เชิงบวกในเทคโนโลยีและทีมงาน คำสั่งซื้อใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 เป็นคำสั่งซื้อจากลูกค้าหลายราย รวมถึง Micron, STMicroelectronics, AB InBev, Coca-Cola, Nestle, Rio Tinto, Petronas, ADNOC และ Nama Water

ข้อตกลงเหล่านี้เน้นย้ำถึงความต้องการที่สูงขึ้นในภาคส่วนการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงที่สำคัญ อาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมหนักสำหรับโซลูชันที่ช่วยลดการใช้น้ำ เรียกคืนทรัพยการที่มีค่า และฟื้นฟูน้ำเสียเพื่อคืนสู่ธรรมชาติ ข้อตกลงเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Gradiant ในการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั่วโลกในภูมิทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และกฎระเบียบต่างๆ

อุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้น้ำทั่วโลกสูงถึง 50% Gradiant นำเสนอเทคโนโลยีแบบครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับความท้าทายที่ซับซ้อนด้านน้ำและน้ำเสีย สำหรับอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก รวมถึงภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม ยา การขุดเหมือง พลังงานหมุนเวียน และพลังงานไฟฟ้า โซลูชันของ Gradiant ช่วยให้พันธมิตรในภาคส่วนอุตสาหกรรมสามารถมั่นใจได้ว่า จะสามารถบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและความยั่งยืนด้วยต้นทุน CAPEX และ OPEX ที่ต่ำที่สุด

ความสำเร็จที่ต่อเนื่องกันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นนที่เพิ่มขึ้นของ Gradiant อันเป็นผลมาจากการเพิ่ม CURE Chemicals ซึ่งเป็นชุดโซลูชันทางเคมีที่ปรับแต่งอย่างเต็มรูปแบบสำหรับการดำเนินการด้านน้ำและน้ำเสียที่เพิ่งมีการประกาศเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานนี้ จากการเติบโตที่มีมาอย่างต่อเนื่อง GWI Global Water Summit อันทรงเกียรติได้มอบรางวัลอันทรงเกียรติ “Water Company of the Year (Distinction)” และ “Water Technology Idol'' ให้กับ Gradiant ในเดือนพฤษภาคม เพื่อยกย่องผลงานความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี

“ด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของเรา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรอุตสาหกรรมเทคโลโนยีขั้นสูงใหม่ๆ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ในแนวทางที่เน้นการแก้ไขปัญหาและนวัตกรรมเชิงเทคโนโลยีของเราที่ตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืนสำหรับลูกค้าของเรา” Prakash Govindan, COO ของ Gradiant กล่าว “เรากำลังดำเนินการตามคำมั่นสัญญาของเราที่จะช่วยให้ภาคส่วนอุตสาหกรรมและชุมชนเจริญรุ่งเรืองเคียงคู่กัน และให้แน่ใจได้ว่า เราจะมีน้ำใช้สำหรับคนรุ่นต่อไป”

Gradiant ปรับเสริมแนวทางในไตรมาสที่ Q2 ด้วยการประกาศเชิงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้านการบำบัด PFAS และการผลิตลิเธียม

ในเดือนพฤษภาคม Gradiant มีการประกาศเปิดตัว ForeverGone โซลูชันแบบครบวงจรชุดแรกของอุตสาหกรรมในการกำจัดและทำลาย PFAS ซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายอย่างถาวร ForeverGone ผลิตน้ำที่สอดคล้องหรือแม้กระทั่งเกินมาตรฐานสำหรับ PFAS ในน้ำดื่มล่าสุดของ US EPA โดยโซลูชันที่บูรณาการอย่างสมบูรณ์นี้สามารถช่วยในการกำจัด PFAS ได้อย่างครอบคลุมอย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และใช้ต้นทุนโดยรวมต่ำที่สุด

นอกเหนือจากนั้น ในเดือนมิถุนายน Gradiant ประกาศเปิดตัว alkaLi ซึ่งเป็นบริษัทแยกย่อยที่แยกตัวออกต่างหาก ซึ่งมุ่งเน้นการเร่งขยายการผลิตลิเธียมเกรดแบตเตอรี่a alkaLi ดำเนินการโดย EC2 ซึ่งเป็นนวัตกรรมเกรด Gradiant ซึ่งเป็นโซลูชันแบบครบวงจรชุดแรกและโซลูชันเดียวในอุตสาหกรรมที่ออกแบบมาเพื่อสกัด แยกความเข้มข้น และแปลงลิเธียมเกรดแบตเตอรี่ alkaLi นำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในโลกสำหรับการผลิตลิเธียมและตอบสนองเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในภาคส่วนการใช้ไฟฟ้า รองรับความต้องการในการใช้ EV อุปกรณ์กักเก็บพลังงาน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพา

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทโซลูชันน้ำที่ไม่เหมือนใคร ด้วยชุดโซลูชันที่ครบวงจรซึ่งมีความแตกต่างและเป็นกรรมสิทธิ์สำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ซึ่งขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านน้ำ บริษัทให้บริการรองรับการดำเนินการที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่างๆ ในโลก รวมถึงเซมิคอนดัคเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันเชิงนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและปริมาณน้ำเสียที่มีการปล่อยออกมา เรียกคืนทรัพยากรที่มีค่า และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด สำนักงานใหญ่ที่บอสตันก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับองค์กร
Felix Wang
Gradiant
Global Head of Branding and PR
fwang@gradiant.com

แหล่งข้อมูล: Gradiant.

การพัฒนา “IDEMITSU IFG Plantech Racing” น้ำมันเครื่องสมรรถนะสำหรับรถแข่งรุ่นแรกของโลกที่ผ่านการรับรอง API ผลิตจากวัตถุดิบจากพืชมากกว่า 80%

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

Idemitsu Kosan Co.,Ltd. (สำนักงานใหญ่: Chiyoda-ku, Tokyo กรรมการบริหารแทน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร: Shunichi Kito ต่อไปนี้จะเรียกว่า “Idemitsu”) มีการพัฒนาน้ำมันเครื่องรุ่นใหม่ IDEMITSU IFG Plantech Racing (เกรดความหนืด: 0W-20) ซึ่งใช้วัตถุดิบจากพืชมากกว่า 80% (ต่อไปนี้เรียกว่า “ผลิตภัณฑ์”) ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการรับรอง API (สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน) SP*1 เสริมให้เป็นน้ำมันเครื่องสมรรถนะสำหรับรถแข่ง*3รุ่นแรกของโลก*2 ที่ใช้วัตถุดิบจากพืช

Perspective image of “IDEMITSU IFG Plantech Racing” package (Photo: Business Wire)

ภาพมุมมองแพ็คเกจ “IDEMITSU IFG Plantech Racing” (ภาพถ่าย: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับการรับรอง Biomass Mark*4 (หมายเลขการรับรอง: 230315) จากสมาคมรีไซเคิลสารอินทรีย์ของญี่ปุ่นอีกด้วย รุ่นระดับท็อปนี้สืบทอด DNA ของ “IDEMITSU IFG/IRG Series” ซึ่งมีการจัดจำหน่ายใน 13 ประเทศเป็นหลัก ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นในเครือที่อยู่ต่างประเทศของ Idemitsu คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ประมาณเดือนพฤศจิกายน ปี 2024 โดยจะมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมในเดือนตุลาคม

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1911 Idemitsu ให้ความสำคัญกับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและการปรับปรุงเทคโนโลยีของน้ำมันหล่อลื่นมาโดยตลอด บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ในนความสามารถทางเทคโนโลยี

*1: ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพที่กำหนดโดย API สำหรับน้ำมันเครื่อง รวมถึงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ความทนทานต่อความร้อน และความทนทานต่อการสึกหรอ
*2: ดำเนินการสำรวจการตลาดเกี่ยวกับ “น้ำมันเครื่อง” (น้ำมันที่ผ่านการรับรอง API / น้ำมันจากพืช / ประสิทธิภาพการแข่งขัน) เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2023 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 โดย Trending Future Research
*3: กำหนดตามข้อกำหนดที่เทียบเท่า (ความทนทาน) โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประวัติการแข่งขันในบริษัทของเรา (การแข่งขันรถขับเคลื่อนสี่ล้อตามเวลาหรือรอบในสนามแข่ง จำกัดเฉพาะผู้เข้าร่วมที่เป็นทีมงานของบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์)
*4: เครื่องหมายชีวมวลเป็นตัวบ่งชี้ที่สามารถแสดงบนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทรัพยากรทางชีวภาพ ได้รับการรับรองจากสมาคมรีไซเคิลสารอินทรีย์ของญี่ปุ่นว่า เป็นไปตามฉลากระบุเครื่องหมายชีวมวล เนื่องจากมีการใช้วัตถุดิบจากพืชมากกว่า 80%

[ข้อมูลอ้างอิง]
เกี่ยวกับ “IDEMITSU IFG/IRG Series”

“IDEMITSU IFG/IRG Series” เป็นซีรีส์น้ำมันเครื่องที่มีการออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ โดยมีสูตรการผลิตที่เพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ให้สูงสุด

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IDEMITSU IFG/IRG Series ได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
https://www.idemitsu-nano-tailored-oil.com/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54103018/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับหัวข้อนี้
ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับ IDEMITSU IFG Plantech Racing
idemitsu-plantech-racing@idemitsu.com

หากต้องการสอบถามด้านสื่อ โปรดติดต่อ
แผนกประชาสัมพันธ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Idemitsu Kosan Co.,Ltd.
https://www.idemitsu.com/en/contact/flow/index.html

แหล่งข้อมูล: Idemitsu Kosan Co., Ltd..


Techtronic Industries รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2024 ที่ดีเยี่ยม

Logo

อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 39.9% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 550 ล้านเหรียญสหรัฐ

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–06 สิงหาคม 2024

Techtronic Industries Co. Ltd. (“TTI” หรือ “กลุ่ม”) (รหัสหุ้น: 669, OTCQX: TTNDY, TTNDF) ผู้นำระดับโลกในด้านเครื่องมือระดับมืออาชีพไร้สาย เครื่องมือ DIY และอุปกรณ์ไฟฟ้ากลางแจ้ง มีความยินดีที่จะประกาศการรวมบัญชีที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในช่วงหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2024 TTI เพิ่มยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เป็น 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.3% ตามสกุลเงินที่รายงาน และ 6.6% ตามสกุลเงินท้องถิ่น ทาง MILWAUKEE มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักในสกุลเงินท้องถิ่น และ RYOBI มีผลการดำเนินงานดีกว่าตลาด

  • TTI รายงานผลครึ่งปีแรกที่ดีเยี่ยม โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 6.3% เป็น 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15.7% เป็น 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ธุรกิจหลักของเราใน MILWAUKEE มียอดขายเพิ่มขึ้น 11.2% ตามสกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งขยายตำแหน่งผู้นำของเราในฐานะแบรนด์เครื่องมือไฟฟ้าระดับมืออาชีพอันดับ 1 ทั่วโลก
  • อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 67จุดพื้นฐาน (bps) เป็น 39.9% ในครึ่งแรกของปี 2024
  • มีการสร้างกระแสเงินสดอิสระในครึ่งปีแรกเป็นประวัติการณ์ที่ 508 ล้านเหรียญสหรัฐ และปรับปรุงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (gearing) เป็น 9.2%
  • นาย Steven Philip Richman ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ TTI เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2024

ไฮไลท์ผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับครึ่งปีแรกประจำปี 2024

2024

2023

US$’

US$’

million

million

Changes

รายได้

7,312

6,879

+6.3%

อัตรากำไรขั้นต้น

39.9%

39.3%

+67 bps

กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT)

626

560

+11.8%

กำไรเจ้าของบริษัท

550

476

+15.7%

กำไรต่อหุ้น (EPS) (เซนต์สหรัฐ)

30.12

26.00

+15.8%

กระแสเงินสดอิสระ

508

301

+207 m

เงินปันผลระหว่างกาลต่อหุ้น (ประมาณเซนต์สหรัฐ)

13.90

12.23

+13.7%

อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 67 จุดพื้นฐาน (bps) เป็น 39.9% ในครึ่งปีแรกของปี 2024 เราปิดครึ่งปีแรกของปี 2024 ด้วยสต๊อกสินค้ามูลค่า 4,027 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 71 ล้านเหรียญสหรัฐจากสิ้นปี 2023 และลดลง 554 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว เรามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) จำนวน 626 ล้านเหรียญสหรัฐในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 11.8% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2023 อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายอยู่ที่ 8.6% ซึ่งเพิ่มขึ้น 42 จุดพื้นฐานจากครึ่งปีแรกของปี 2023 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15.7% เป็น 550 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสุทธิลดลง 34.0% เป็น 32 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงการลดหนี้ที่มีต้นทุนสูงอย่างยอดเยี่ยมและการใช้ประโยชน์จากการเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างมีประสิทธิภาพ กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 15.8% เป็น 30.12 เซนต์สหรัฐ ส่วนของทุนหมุนเวียนเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายดีขึ้น 409 จุดพื้นฐานเป็น 18.7% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2023 อัตราส่วนการกู้ยืม (gearing) ดีขึ้นเป็น 9.2% ขณะที่เรามีกระแสเงินสดอิสระในเชิงบวกจำนวน 508 ล้านเหรียญสหรัฐในครึ่งปีแรกของปี 2024 ซึ่งดีขึ้น 207 ล้านเหรียญสหรัฐจากครึ่งปีแรกของปี 2023 เรามีตำแหน่งที่ดีในการขับเคลื่อนการแปลงกระแสเงินสดอิสระที่แข็งแกร่งในปีต่อๆ ไป

กลุ่มอุปกรณ์พลังงาน TTI มีการเติบโตของยอดขาย 7.1% ตามสกุลเงินท้องถิ่น เป็น 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ธุรกิจ MILWAUKEE มีการเติบโตเป็นเลขหลักเดียวในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีการเพิ่มขึ้น 11.2% ตามสกุลเงินท้องถิ่น กลุ่มธุรกิจของเราที่เน้นผู้บริโภคมีผลประกอบการที่ดีในครึ่งปีแรกของปี 2024 โดยมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในกลุ่มอุปกรณ์กลางแจ้ง RYOBI มีการเติบโตของยอดขายในระดับกลางของเลขหลักเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว ธุรกิจการทำความสะอาดและการดูแลพื้นของเราให้ผลกำไรที่ดีขึ้น 9.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ 428 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้ที่สร้างขึ้นในครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว

คณะกรรมการได้มีมติประกาศเงินปันผลระหว่างกาลที่ 108.00 เซนต์ฮ่องกง (ประมาณ 13.90 เซนต์สหรัฐ) (ปี 2023: 95.00 เซนต์ฮ่องกง (ประมาณ 12.23 เซนต์สหรัฐ)) ต่อหุ้น สำหรับช่วงหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2024 เงินปันผลระหว่างกาลจะจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่ลงทะเบียนในบัญชีสมาชิกของบริษัท ณ วันที่ 6 กันยายน 2024 คาดว่าเงินปันผลระหว่างกาลจะจ่ายในหรือประมาณวันที่ 19 กันยายน 2024

นาย Horst Julius Pudwill ประธานของ TTI กล่าวว่า “เรามีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในครึ่งปีแรกของปี 2024 รวมถึงการสร้างกระแสเงินสดอิสระที่ดีงามและการเสริมสร้างงบดุลของเราโดยการจัดการทุนหมุนเวียนอย่างมีระเบียบ ด้วยการเลื่อนตำแหน่ง Steven Philip Richman เป็น CEO และกลุ่มบุคลากรที่มีความสามารถที่สนับสนุนเขา เรามีตำแหน่งที่ดีเยี่ยมในการเติบโตของตลาดโดยรวมและขยายความเป็นผู้นำของเรา”

นาย Steven Philip Richman CEO ของ TTI กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของเราสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขยายตำแหน่งความเป็นผู้นำในตลาดภายในกลุ่มธุรกิจ MILWAUKEE และกลุ่มผู้บริโภค พร้อมกับการแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่ง เรามุ่งมั่นต่อกลยุทธ์ของเราที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและดีกว่าอย่างชัดเจน รวมถึงบุคลากรที่ยอดเยี่ยมเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเรา”

เกี่ยวกับ TTI

TTI เป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีไร้สายที่ครอบคลุมเครื่องมือพลังงาน อุปกรณ์พลังงานกลางแจ้ง การทำความสะอาดพื้นและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สำหรับผู้ใช้งาน DIY ผู้บริโภค มืออาชีพ และอุตสาหกรรมในบ้าน การก่อสร้าง การบำรุงรักษา อุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทมีพื้นฐานที่สร้างขึ้นจากสี่ปัจจัยกลยุทธ์หลัก ได้แก่ แบรนด์ที่ทรงพลัง ผลิตภัณฑ์ที่นวัตกรรม บุคลากรที่ยอดเยี่ยม และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาเทคโนโลยีไร้สาย กลยุทธ์การเติบโตระดับโลกของการค้นคว้านวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้งได้นำ TTI ไปสู่ตำแหน่งแนวหน้าของอุตสาหกรรมขณะรักษามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่สูง แบรนด์ที่ทรงพลังของ TTI รวมถึง MILWAUKEE, RYOBI และ AEG เครื่องมือพลังงาน อุปกรณ์เสริมและเครื่องมือช่าง ผลิตภัณฑ์กลางแจ้ง RYOBI ผลิตภัณฑ์จัดแนวและวัดของ EMPIRE และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น HOOVER, VAX, DIRT DEVIL และ ORECK

TTI ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งฮ่องกง จำกัด ในปี 1990 โดยเป็นหนึ่งในหุ้นองค์ประกอบของดัชนี Hang Seng ดัชนีเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืนขององค์กร Hang Seng ดัชนี FTSE RAFI™ All-World 3000 ดัชนี FTSE4Good Developed และ ดัชนี MSCI ACWI บริษัทยังซื้อขายในตลาดที่ดีที่สุดของ OTCQX ภายใต้สัญลักษณ์ “TTNDY” และ “TTNDF” สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมที่ www.ttigroup.com

เครื่องหมายการค้าทั้งหมดที่อยู่ในรายการนอกเหนือจาก AEG, OTCQX และ RYOBI เป็นของกลุ่มบริษัท AEG เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ AB Electrolux (publ.) และใช้ภายใต้ใบอนุญาต OTCQX เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ OTC Markets Group Inc. RYOBI เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Ryobi Limited และใช้ภายใต้ใบอนุญาต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับการสอบถามข้อมูลนักลงทุนสัมพันธ์:

Main Contact
TTI Investor Relations – North America
Ross Gilardi
รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์
Email: ross.gilardi@ttihq.com

Asia/Pacific
TTI Investor Relations – Asia
Jimmy Li
ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
Email: jimmy.li@tti.com.hk

ที่มา: Techtronic Industries Co. Ltd.

โครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ร่วมมือกับ Oxford Nanopore เพื่อพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับพันธุศาสตร์ของประชากรหลายเชื้อชาติของสิงคโปร์

Logo

โครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์จะจัดลําดับจีโนม 10,000 จีโนม เพื่อปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมทางพันธุกรรมและความหลากหลายในประชากรเอเชียที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติของสิงคโปร์ผ่านเทคโนโลยีการหาลําดับขั้นสูงที่ใช้นาโนพอร์

อ็อกซ์ฟอร์ด อังกฤษ–(BUSINESS WIRE)–05 สิงหาคม 2024

Oxford Nanopore Technologies (Oxford Nanopore) ได้ประกาศโครงการสําคัญร่วมกับโครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ ซึ่งนําโดย Precision Health Research, Singapore (PRECISE) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแคตตาล็อกโครงสร้างที่มีการปรับเปลี่ยนที่ครอบคลุม ซึ่งแสดงถึงสามกลุ่มชาติพันธุ์หลักในสิงคโปร์ ได้แก่ ชาวจีน ชาวมาเลย์ และชาวอินเดีย ความแตกต่างทางพันธุกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสําคัญในการช่วยนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยทางการแพทย์ เข้าใจความหลากหลายทางพันธุกรรมและโรคของมนุษย์ ความคิดริเริ่มนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Oxford Nanopore ในการพัฒนาการวิจัยทางพันธุกรรมและผลลัพธ์ด้านการดูแลสุขภาพในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับประชากรที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักไม่ได้รับการเสนอในฐานข้อมูลจีโนม

ส่วนของโครงการ Oxford Nanopore จะมุ่งเน้นไปที่การจัดลําดับจีโนม 10,000 จีโนมที่เป็นตัวแทนของประชากรที่หลากหลายของสิงคโปร์ รวมถึงชุมชนมาเลย์ อินเดีย และจีนที่เข้าร่วมในกลุ่มประชากร PRECISE-SG100K โครงการนี้จะใช้เครื่องมือหาลําดับ PromethION 48 ที่มีเอาต์พุตสูงของ Oxford Nanopore เพื่อส่งมอบข้อมูลจีโนมที่มีรายละเอียดและครอบคลุมเพื่อพัฒนาการวิจัยและสนับสนุนการดูแลสุขภาพที่มีความแม่นยํา โครงการนี้เริ่มขึ้นในช่วงกลางปี 2024 และจะดําเนินการนานถึง 12 เดือน

แพลตฟอร์มของ Oxford Nanopore นําเสนอความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นที่เหนือชั้นในการหาลําดับ DNA/RNA และสามารถระบุลักษณะชิ้นส่วน DNA/RNA ดั้งเดิมทั้งแบบสั้นและยาวพิเศษ รวมถึงการตรวจหาเมทิลเลชัน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่สําคัญที่พบใน DNA โดยไม่จําเป็นต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมและด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ความสามารถนี้ ซึ่งไม่สามารถทําได้ด้วยการอ่านสั้นๆ หรือวิธีการแบบดั้งเดิม ถือเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการระบุความแตกต่างทางพันธุกรรมที่หลากหลายได้อย่างแม่นยํา ซึ่งจําเป็นต่อการทําความเข้าใจโรคที่ซับซ้อนและปรับแต่งแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

Oxford Nanopore ได้ทําการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้ขยายห้องปฏิบัติการในสิงคโปร์เพื่อรองรับกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นในการฝึกอบรม การถ่ายทอดความรู้ และการเพิ่มทักษะของเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคในท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงการปรับใช้ซีเควนเซอร์ภายในศูนย์วิทยาศาสตร์สิงคโปร์และสถาบันเทคโนโลยีสิงคโปร์เพื่อใช้ในโปรแกรมการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ปริญญาตรี และการศึกษาผู้ใหญ่

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเข้าถึงศูนย์กระจายสินค้าในสิงคโปร์ผ่านการขยายความร่วมมือกับ UPS Healthcare ซึ่งส่งผลให้การส่งมอบโฟลว์เซลล์ไปยังสิงคโปร์และทั่วเอเชียแปซิฟิกได้เร็วขึ้น

Gordon Sannghera ซีอีโอของ Oxford Nanopore กล่าวว่า:

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับโครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ เพื่อสร้างชุดข้อมูลจีโนมอ้างอิงที่กว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุดชุดหนึ่งของโลก ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความมุ่งมั่นของเราในการดูแลสุขภาพที่แม่นยําเท่านั้น แต่ยังวางตําแหน่งทางยุทธศาสตร์ให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางสําคัญสําหรับจีโนมในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งส่งเสริมความก้าวหน้าที่สําคัญในการวิจัยทางการแพทย์และผลลัพธ์ด้านการดูแลสุขภาพ”

นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรอื่นๆ ในโครงการนี้ด้วย รวมถึง NovogeneAIT ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการทำงานร่วมกันอย่างแข็งแกร่งในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมในด้านจีโนมิกส์

Oxford Nanopore ได้ร่วมมือกับทีมวิทยาศาสตร์เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้อมูลจีโนมที่สมบูรณ์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยอุปกรณ์หาลําดับ Oxford Nanopore ซึ่งส่งผลให้เกิดชุดข้อมูล “เทโลเมียร์ถึงเทโลเมียร์” ที่ก้าวล้ำ และอยู่ในการเตรียมพร้อมสําหรับการเริ่มต้นโปรแกรมการหาลําดับที่ใหญ่ขึ้น

เกี่ยวกับ Oxford Nanopore Technologies

เป้าหมายของ Oxford Nanopore Technologies คือการมอบประโยชน์สูงสุดให้กับสังคมผ่านการเปิดใช้งานการวิเคราะห์ทุกสิ่งโดยทุกคนและทุกที่ บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการตรวจจับแบบนาโนพอร์รุ่นใหม่สําหรับการวิเคราะห์ DNA และ RNA แบบเรียลไทม์ประสิทธิภาพสูง เข้าถึงได้ และปรับขนาดได้ เทคโนโลยีนี้ถูกนํามาใช้ในกว่า 120 ประเทศเพื่อทําความเข้าใจชีววิทยาของมนุษย์และโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง พืช สัตว์ แบคทีเรีย ไวรัส และสภาพแวดล้อมทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ของ Oxford Nanopore Technologies มีไว้สําหรับการใช้งานด้านอณูชีววิทยาและไม่ได้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการวินิจฉัย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://nanoporetech.com/

เกี่ยวกับ Precision Health Research, Singapore (PRECISE)

Precision Health Research, Singapore (PRECISE) เป็นหน่วยงานกลางที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประสานงานความพยายามทั้งหมดของสิงคโปร์ในการดําเนินการระยะที่ 2 ของโครงการ National Precision Medicine (NPM) สามระยะของสิงคโปร์

NPM ระยะที่ 2 มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพในสิงคโปร์ และปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วยผ่านข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับจีโนมเอเชียและโซลูชันการดูแลสุขภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ใน NPM ระยะที่ 2 PRECISE จะร่วมมือกับพันธมิตรด้านการวิจัยและทางคลินิกในสิงคโปร์ รวมถึง Agency for Science, Technology and Research (A*STAR), Lee Kong Chian School of Medicine, National Healthcare Group, National University Health System, National University of Singapore และ SingHealth Duke-NUS Academic Medical Centre เพื่อศึกษาโครงสร้างทางพันธุกรรมของชาวสิงคโปร์ที่มีสุขภาพดีจำนวน 100,000 คนและกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะกลุ่ม ข้อมูลทางพันธุกรรมจะถูกบูรณาการเข้ากับข้อมูลวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม และข้อมูลทางคลินิกโดยละเอียด เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อโรคและสภาวะต่างๆ ของชาวเอเชีย

นอกจากนี้ NPM ระยะที่ 2 จะช่วยเพิ่มความกว้างและความลึกของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Precision Medicine โดยการดึงดูดและยึดบริษัทต่างชาติในสิงคโปร์ไว้ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสใหม่ๆ  ให้กับบริษัทในประเทศ เพื่อยกระดับและเร่งรัดภาคส่วนการแพทย์ที่แม่นยํา PRECISE ทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ A*STAR สํานักงานความร่วมมืออุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ และคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการเติบโตในระยะต่อไปสําหรับอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีชีวการแพทย์ของสิงคโปร์

PRECISE เป็นโครงการของ Consortium for Clinical Research and Innovation ประเทศสิงคโปร์ (CRIS) โดย PRECISE ได้รับการสนับสนุนจาก National Research Foundation ประเทศสิงคโปร์ (NRF) ภายใต้ RIE2020 White Space (MOH-000588 และ MOH-001264) และบริหารงานโดยกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ผ่าน National Medical Research Council (NMRC), MOH Holdings Pte Ltd

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.npm.sg

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

media@nanoporetech.com

ที่มา: Oxford Nanopore Technologies

The Bangkok Reporter