eCloudvalley จับมือกับ The Royal Group เร่งการปฏิรูปทางดิจิทัลในกัมพูชา

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–15 สิงหาคม 2565

eCloudvalley Digital Technology ผู้ให้บริการการปฏิรูปทางดิจิทัลชั้นนำในเอเชีย ประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมค้าในกัมพูชากับ The Royal Group ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งการปฎิรูปทางดิจิทัลในกัมพูชา และปลดปล่อยนวัตกรรมขององค์กรในท้องถิ่นโดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ระบบคลาวด์ที่กว้างขวางของ eCloudvalley และการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งในท้องถิ่นของ The Royal Group

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220814005028/en/

eCloudvalley Partners up with The Royal Group to Accelerate Digital Transformation in Cambodia (Photo: Business Wire)

eCloudvalley ร่วมมือกับ The Royal Group เพื่อเร่งการปฏิรูปทางดิจิทัลในกัมพูชา (ภาพ: Business Wire)

MP Tsai ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร eCloudvalley กล่าวว่า:" ความร่วมมือกับ The Royal Group เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ eCloudvalley ในการเร่งการปฏิรูปทางดิจิทัลระดับโลก และลูกค้าของเราสามารถพึ่งพาทีมงานท้องถิ่นที่ให้การสนับสนุนทั่วโลก Royal Group เป็นกลุ่มบริษัทในเครือที่มีชื่อเสียงที่สุดในกัมพูชา eCloudvalley รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับ The Royal Group เพื่อเร่งการปฏิรูปทางดิจิทัลในกัมพูชา eCloudvalley จะให้การฝึกอบรมเพื่อสร้างทีมเทคนิคในท้องถิ่นพร้อมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ด้านคลาวด์ทั่วโลกของเรากับตลาดในท้องถิ่น เราเชื่อว่าบริการคลาวด์จะช่วยกระตุ้นการทำงานร่วมกับ The Royal Group เพื่อการปฏิรูปทางดิจิทัลของกัมพูชา"

Neak Oknha Kith Meng ประธาน Royal Group กล่าวว่า "นี่เป็นอีกก้าวที่สำคัญสำหรับ The Royal Group และภาคส่วน ICT ของกัมพูชา ด้วยความร่วมมือกับ eCloudvalley ซึ่งเป็นพันธมิตร APAC รายแรกของ Amazon Web Services และการนำความเชี่ยวชาญด้านคลาวด์ในท้องถิ่นมาสู่ราชอาณาจักรกัมพูชา ภารกิจของ Royal Group คือการเร่งความก้าวหน้าทางดิจิทัลอย่างรวดเร็วของกัมพูชา และเพื่อแสดงให้โลกเห็นว่ากัมพูชามีเครื่องมือดิจิทัลที่ทำให้ประเทศอยู่ในแผนที่ดิจิทัล ปฏิบัติตามกรอบยุทธศาสตร์ของรัฐบาล นำโดยนายกรัฐมนตรี Hun Sen เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทางดิจิทัลของกัมพูชา"

eCloudvalley เริ่มต้นความร่วมมือกับ AWS ในปี 2557 และ AWS ก็รับรู้ถึงความสำเร็จอย่างกว้างขวางตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปี 2565 ได้รับรางวัลมากมายในตลาดเอเชีย รวมถึงรางวัล AWS Specialized Partner of the Year ASEAN, AWS Services Partner of the Year ASEAN, AWS Partner of the Year ในมาเลเซีย, AWS Partner of the Year ในฟิลิปปินส์, AWS Services Partner of the Year ในฮ่องกง

เกี่ยวกับ eCloudvalley

eCloudvalley Digital Technology เป็นพันธมิตรการบริการระดับพรีเมียร์ และพันธมิตรดูแลระบบที่เริ่มต้นพัฒนาโดยใช้คลาวด์ (born-in-the-cloud Managed Services Partner) ที่ได้รับการตรวจสอบแล้วของ AWS โดย eCloudvalley เป็นผู้จำหน่ายที่มีชื่อเสียงในตัวแทนผู้จำหน่ายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของระบบคลาวด์สาธารณะ MSP ของ Gartner และได้รับรางวัล “High-Growth Companies Asia Pacific” จาก Financial Times ทั้งนี้ eCloudvalley ให้บริการลูกค้าระดับองค์กรกว่า 1,800 แห่งเพื่อทำการปฏิรูปทางดิจิทัล ความสามารถหลักของเรา ได้แก่ Cloud Security, Cyber ​​Security, Cloud Migration, Managed Services Provider, Data Solution, SAP, DB Freedom, Cloud Training, DevOps, Serverless และ Containers

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220814005028/en/

ติดต่อ:

สื่อ
Siaoyu Chien
siaoyu.chien@ecloudvalley.com

Cathy Ye
cathy.ye@ecloudvalley.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ยังคงสนับสนุนการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิงในการประชุม International Women’s Forum Cornerstone Conference ที่ชิลี

Logo

เปิดตัการวิจัยพิเศษเฉพาะเรื่องความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมทางเพศตลอด 25 ปีที่ผ่านมาใน 18 ประเทศในละตินอเมริกาว

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–12 ส.ค. 2022

Mary Kay Inc ยังคงสนับสนุนผู้ประกอบการสตรี การเสริมสร้างพลังอำนาจ และความเป็นผู้นำทางความคิดในฐานะผู้สนับสนุนการประชุม International Women’s Forum (IWF) Cornerstone Conference ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 17-18 พฤษภาคมในเมืองซานติอาโก การประชุมได้เรียกผู้มีอำนาจตัดสินใจทั่วโลกและได้สำรวจความท้าทายเร่งด่วนที่สุดเพื่อความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมทางเพศสำหรับภูมิภาคละตินอเมริกา

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220812005257/en/

IWF Latinobarómetro MKI Latin American Women Democracy & Society from a Gender Perspective Research (Graphic: Mary Kay Inc.)

IWF Latinobarómetro MKI Latin American Women Democracy & Society from a Gender Perspective Research (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

เป็นครั้งแรกที่ IWF ได้มอบหมายงานวิจัยที่แปลกใหม่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการประชุมประจำปีโดยได้รับทุนสนับสนุนจาก Mary Kay ดำเนินการโดย Latinobarómetro ก่อตั้งโดย Marta Lagos ในหัวข้อ “Latin American Women: Democracy & Society from a Gender Perspective” เป็นการวิเคราะห์ความคิดเห็นและทัศนคติต่อสาธารณชนเกี่ยวกับผู้หญิงเป็นครั้งแรกในรอบสี่ศตวรรษ (1995-2020) ในประเด็นความเท่าเทียมทางเพศใน 18 ประเทศในละตินอเมริกา

“Marta Lagos หนึ่งในผู้สำรวจความคิดเห็นระดับแนวหน้าของโลก เปิดเผยข้อค้นพบที่สำคัญจากการวิจัยเรื่องเพศมานานกว่า 25 ปีโดยบริษัท Latinobarómetro  เป็นเวลาหลายทศวรรษที่เธอได้สำรวจแนวโน้มของละตินอเมริกา โดยติดตามการเปลี่ยนแปลงทัศนคติเกี่ยวกับการเมือง สังคม และวัฒนธรรม” Stephanie O’Keefe ซีอีโอของ International Women's Forum กล่าวว่า “เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้แบ่งปันข้อค้นพบที่สำคัญเหล่านี้กับคนทั่วโลก ต้องขอบคุณความร่วมมือของเรากับ Mary Kay”

“ในปัจจุบัน การเก็บรวบรวมข้อมูลเรื่องเพศเป็นสิ่งสำคัญมากในการรณรงค์และนโยบายต่างๆ  ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ Mary Kay สนับสนุนการรวบรวมงานวิจัย 'Latin American Women: Democracy and Society from a Gender Perspective' เป็นความรับผิดชอบร่วมกันและส่วนบุคคลของเราที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้หญิงในละตินอเมริกา และใช้ข้อมูลนี้เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายความเท่าเทียมทางเพศในภูมิภาคและทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว

งานวิจัยนี้ไม่เพียงแต่เปิดเผยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในความคิดเห็น ทัศนคติ และพฤติกรรมของผู้หญิงในละตินอเมริกาในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา แต่ยังพิจารณาถึงอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลงด้วย ข้อมูลล่าสุดถูกรวบรวมในเดือนตุลาคม 2020 เมื่อสิ้นสุดคลื่นลูกแรกของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ดังนั้น จึงสะท้อนถึงผลกระทบในขั้นต้นของการระบาดใหญ่และการย้อนกลับของความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมทางเพศที่เราได้เห็นทั่วโลก

เข้าถึงการศึกษาฉบับเต็มและบทสรุปผู้บริหารได้ที่นี่

  • การสัมภาษณ์ 453,817 ครั้งที่ดำเนินการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของศตวรรษโดย Latinobarómetro ใน 18 ประเทศในละตินอเมริกา ตั้งแต่ปี 1995 ถึงตุลาคม 2020
  • รายชื่อประเทศ: อาร์เจนตินา โบลิเวีย บราซิล ชิลี โคลอมเบีย คอสตาริกา สาธารณรัฐโดมินิกัน เอกวาดอร์ เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส เม็กซิโก นิการากัว ปานามา ปารากวัย เปรู อุรุกวัย เวเนซุเอลา
  • การศึกษามีในภาษาสเปนและภาษาอังกฤษ

เกี่ยวกับ MARY KAY

หนึ่งในผู้บุกเบิกฝ้าเพดานแก้วดั้งเดิม Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียว: การทำให้ชีวิตของผู้หญิงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย ​​เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม แมรี่ เคย์เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรจากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com ติดตามเราบน Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

เกี่ยวกับฟอรัม INTERNATIONAL WOMEN’S FORUM

International Women's Forum (IWF) เป็นเครือข่ายที่ได้รับเชิญเท่านั้นของผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก  IWF เชื่อมโยงผู้นำสตรีในทุกภาคส่วนวิชาชีพเพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกัน และภารกิจร่วมกันในการขับเคลื่อนความเป็นผู้นำของผู้หญิงและส่งเสริมความเท่าเทียมทั่วโลก  ก่อตั้งขึ้นในนิวยอร์กซิตี้ในปี 1974 ปัจจุบัน IWF ประกอบด้วยผู้นำสตรีที่โดดเด่นกว่า 7,500 คนใน 33 ประเทศ IWF เป็นองค์กรเดียวในระดับนี้ที่สร้างความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างสตรีระดับผู้บริหารจากทุกภาคส่วนทั่วโลก  เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.iwforum.org

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220812005257/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





MarcumBP เปลี่ยนชื่อเป็น Marcum Asia CPAs LLP

Logo

  • ชื่อใหม่สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัททั่วทั้งภูมิภาค

นิวยอร์กและปักกิ่ง–(BUSINESS WIRE)–11 ส.ค. 2565

Marcum Bernstein & Pinchuk LLP ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทจะเปลี่ยนชื่อเป็น Marcum Asia CPAs LLP ซึ่งกำลังรอการอนุมัติอยู่ ทั้งนี้การเปลี่ยนชื่อจะสะท้อนถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของงานของบริษัท ณ จุดตัดของตลาดสหรัฐฯ กับตลาดเอเชีย

Drew Bernstein ประธานร่วมของ Marcum Asia กล่าวว่า "การเปลี่ยนชื่อตามแผนของเราสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมากของธุรกิจของบริษัทในการนำเสนอบริการของเรา รอยเท้าตามภูมิศาสตร์ของเรา และทีมงานของเรา “ปัจจุบันนี้เราได้จ้างหนึ่งในทีมผู้ตรวจสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดของ SEC และ PCAOB ที่มีความรู้ในจีนแผ่นดินใหญ่ เราเพิ่งขยายบริษัทของเราในภูมิภาคนี้ สำนักงานแห่งใหม่ของเราในสิงคโปร์ช่วยเพิ่มการสนับสนุนลูกค้าทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงบริษัทอุตสาหกรรมระดับกลางไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีระดับมูลค่าหลายพันล้าน”

ฐานลูกค้าของ Marcum Asia ครอบคลุมจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ บริษัทให้บริการตรวจสอบและรับรองแก่ทั้งบริษัทภาครัฐและเอกชน ทั้งที่จดทะเบียนหรือเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ Marcum Asia ยังให้บริการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการตรวจสอบออดิท ซึ่งรวมถึงนโยบายการบัญชีทางเทคนิค Sarbanes-Oxley การควบคุมภายใน การกำกับดูแลกิจการ และการตรวจสอบสถานะทางการเงิน

“ความต้องการใช้บริการตรวจสอบออดิทและให้คำปรึกษาของ Marcum Asia ในจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง” Charles Yin หุ้นส่วนผู้จัดการและ CEO ของ Marcum Asia กล่าว “เราเป็นหนึ่งในบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่มีขนาดและประสบการณ์ในการมอบหมายงานขนาดใหญ่และซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ตามมาตรฐานของคณะกรรมการกำกับดูแลการบัญชีของบริษัทมหาชน ความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโอกาสในการถูกเพิกถอนการจดทะเบียนของบริษัทที่ผู้สอบบัญชีไม่ได้รับการตรวจสอบจาก PCAOB ได้ก่อให้เกิดความต้องการด้านทักษะและความชำนาญจาก Marcum Asia โดยบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ อย่างท่วมท้น”

Marcum Asia เป็นบริษัทตรวจสอบแบบครบวงจรที่ให้บริการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบ การทบทวนทางเทคนิค การควบคุมคุณภาพ และการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากบริษัทตรวจสอบบัญชีอื่น ๆ ที่ดำเนินงานในเอเชียภายใต้เครือข่ายบริษัทสมาชิกทั่วโลก

“ตั้งแต่วันแรกของเราที่ประเทศจีน เราตระหนักดีว่าหากเราจะทำการตรวจสอบคุณภาพในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของจีน การสร้างทีมงานภายในของผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งตั้งอยู่ในตลาดทั้งในสหรัฐอเมริกาและเอเชียจะเป็นสิ่งจำเป็น” Neil Pinchuk, co ประธานของ Marcum Asia “เราได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมควบคุมคุณภาพ การสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคนิคระดับสูง และสร้างเส้นทางการเรียนรู้และวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง ผมภูมิใจในด้านความพร้อมด้านประสบการณ์ แรงผลักดัน และความซื่อสัตย์ที่โดดเด่นของผู้นำรุ่นต่อไปของเรา”

เกี่ยวกับ Marcum Asia CPAs LLP

Marcum Asia CPAs LLP เป็นบริษัทบัญชีสาธารณะอิสระที่เน้นบริการข้ามพรมแดนสำหรับบริษัทภาครัฐและเอกชนในเอเชีย บริษัทซึ่งได้ร่วมทุนกับ Marcum LLP เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการตรวจสอบและรับรองชั้นนำแก่บริษัทในเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ Marcum Asia เป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีเพียงแห่งเดียวที่มีทีม SPAC เฉพาะสำหรับลูกค้าในเอเชีย พร้อมที่จะส่งมอบความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ประสิทธิภาพ และความเร่งด่วนที่จำเป็นที่เกี่ยวกับกับด้าน SPAC IPO บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และมีสำนักงานในเมืองใหญ่ในประเทศจีน รวมถึงปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และหางโจว รวมถึงในสิงคโปร์

เรียนรู้เพิ่มเติม ไปที่ marcumasia.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220804005070/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Rachel Gerber Kule หุ้นส่วนผู้จัดการ Pursuit PR

rachel@pursuitprny.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SMART Modular ประกาศหน่วยความจำ SMART Zefr พร้อมประสิทธิภาพความน่าเชื่อถือสูงเป็นพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความต้องการการประมวลผลประสิทธิภาพสูง

Logo

SMART Zefr Memory มอบเวลาทำงาน uptime สูงสุดให้กับศูนย์ข้อมูล

นวร์ก, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–9 ส.ค. 2565

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”) ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ  SGH (Nasdaq: SGH) และผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ โซลิดสเตตไดรฟ์ และผลิตภัณฑ์สตอเรจแบบไฮบริด ประกาศเปิดตัว SMART Zefr™ Memory ซึ่งเป็นกระบวนการที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งกำจัดความไม่เสถียรของหน่วยความจำไปได้มากกว่า 90% และเพิ่มประสิทธิภาพระบบย่อยของหน่วยความจำ สำหรับเวลาทำงาน uptime สูงที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220809005514/en/

Zefr (Zero Failure Rate) Memory goes through a screening process performed by SMART on SMART-built and OEM memory modules to deliver ultra-high reliability for demanding workloads. Conformal coating is one of the processes of SMART's Zefr Memory that ensures high reliability with a 2000-3000 DPPM, among the lowest rates in the industry. (Photo: Business Wire)

หน่วยความจำ Zefr (Zero Failure Rate) ผ่านกระบวนการคัดกรองที่ดำเนินการโดย SMART บนโมดูลหน่วยความจำที่สร้างโดย SMART และ OEM เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือสูงเป็นพิเศษสำหรับปริมาณงานที่เยอะ การเคลือบ conformal coating เป็นหนึ่งในกระบวนการของ Zefr Memory ของ SMART ที่สร้างความเสถียรที่ดีระดับ 2,000-3,000 DPPM ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม (ภาพ: Business Wire)

ความล่าช้าในการเริ่มต้นระบบมักเกิดจากข้อผิดพลาดของหน่วยความจำ ความล้มเหลวเหล่านี้ลดประสิทธิภาพของระบบและอาจนำไปสู่ค่าบำรุงรักษาที่สูงขึ้นและอัตราผลตอบแทนของระบบที่ลดลง ทั้งนี้ SMART Zefr Memory ได้รับการทดสอบภายใต้สภาวะการใช้งานจริงเพื่อระบุหาและกำจัดส่วนประกอบบางส่วนที่อาจบั่นทอนความเสถียรของหน่วยความจำ

SMART Zefr Memory ใช้กระบวนการคัดกรองที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งพัฒนาโดย SMART ซึ่งเมื่อดำเนินการกับโมดูลหน่วยความจำจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงระดับความพร้อมใช้งานและความเสถียรสูงสุดในอุตสาหกรรม SMART Zefr Memory เหมาะอย่างยิ่งสำหรับศูนย์ข้อมูล ไฮเปอร์สเกลเลอร์ แพลตฟอร์มการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชันหน่วยความจำขนาดใหญ่และที่ขึ้นอยู่กับเวลาทำงาน uptime ของลูกค้า

Penguin Solutions ผู้นำด้านระบบ HPC และ AI ใช้ประโยชน์จากหน่วยความจำ SMART Zefr ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ penguin computing สำหรับการพัฒนาระบบ HPC ที่ปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย รวมถึงการป้องกันประเทศ การบินและอวกาศ การวิจัย พลังงาน การเงิน และเทคโนโลยีชีวภาพ พร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุด แพลตฟอร์ม HPC ของ Penguin Computing ที่มีความหนาแน่นสูงเป็นหนึ่งในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ลูกค้าของพวกเขาไม่เพียงเรียกร้องระดับความน่าเชื่อถือสูงสุด แต่ยังคาดหวังระดับความน่าเชื่อถือสูงสุด เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนในการประมวลผลให้สูงที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนจากการลงทุนให้มากที่สุด

Kevin Deng ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโสของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Penguin Computing HPC อธิบายถึงประโยชน์ของการผสมผสานหน่วยความจำ SMART Zefr ว่า "ด้วยหน่วยความจำ SMART Zefr ระบบ HPC และ AI ของ Penguin Computing ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ผ่านช่วงเกณฑ์การยอมรับอย่างไม่มีที่ติ และทำงานอย่างต่อเนื่อง ในการใช้งานจริงได้อย่างเสถียรสำหรับลูกค้าของเรา สิ่งนี้เทียบเท่ากับโซลูชันที่มีความพร้อมใช้งานสูงและความเสถียรสูงในระบบที่สมบูรณ์ ทำให้สามารถดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจได้โดยไม่หยุดชะงัก

ด้วยการผสานรวม Zefr Memory ของ SMART นักออกแบบและผู้ใช้ปลายทางจึงมั่นใจได้ว่าประสิทธิภาพการประมวลผลจะดีขึ้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน่วยความจำ SMART Zefr โปรดไปที่หน้าผลิตภัณฑ์และดาวน์โหลดโบรชัวร์ ที่ smartm.com หรือติดต่อทีมขายที่ info@smartm.com

* ตัวอักษร “S” และ “SMART” และ “SMART Modular Technologies” ที่มีสไตล์พิเศษ รวมไปถึง “Zefr” เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Modular Technologies, Inc. ส่วน Penguin Solutions และ Penguin Computing เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Global Holdings, Inc . เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อ

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies

เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่ SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการใช้งานการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านการออกแบบ การพัฒนา และการบรรจุขั้นสูงของโซลูชันหน่วยความจำแบบพิเศษ พอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งของเรามีตั้งแต่เทคโนโลยีล้ำสมัยไปจนถึงผลิตภัณฑ์ DRAM และ Flash แบบมาตรฐานและแบบเดิม เราจัดหาโซลูชันหน่วยความจำและสตอเรจแบบมาตรฐาน ทนทาน และกำหนดเองได้ ที่ตอบสนองความต้องการของแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายในตลาดที่มีการเติบโตสูง

SMART Modular Technologies และ Penguin Computing เป็นบริษัทย่อยของ SMART Global Holdings (SGH) และ Penguin Computing อยู่ในเครือเดียวกับ Penguin Solutions ซึ่งโครงสร้างธุรกิจนี้สนับสนุนการแบ่งปันเทคโนโลยีทั่วทั้งบริษัท SGH

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220809005514/en/

ติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์

Arthur Sainio

SMART Modular Technologies

39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583

+1 (510) 364-3647

info@smartm.com

ติดต่อสำหรับสื่อ

John Crook

SMART Modular Technologies

ฝ่ายการสื่อสารการตลาด

John.Crook@smartm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Nature Conservancy และ Global Partners จัดสัมมนาเรื่องการปรับปรุงพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในการประชุม UN Oceans Conference ด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay Inc.

Logo

การคุ้มครองมหาสมุทรที่แทบจะมีน้อยกว่า 3% ทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเรียกร้องให้มีความพยายามระดับโลกในการปกป้องมหาสมุทรของเราอย่างน้อย 30% โดยมุ่งเน้นในการปรับปรุงการจัดการพื้นที่ที่มีอยู่แทนที่จะส่งเสริมการจัดตั้งการป้องกันใหม่

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–09 สิงหาคม 2565

การประชุม United Nations Ocean Conference 2022 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ณ กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 5,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้นำระดับโลก ผู้ประกอบการ เยาวชน อินฟลูเอนเซอร์ และนักวิทยาศาสตร์ การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ค้นหานวัตกรรมและวิธีแก้ปัญหาที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์มหาสมุทรหลายมิติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจับปลามากเกินไป การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย และมลภาวะ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220809005180/en/

The Nature Conservancy logo (Logo: The Nature Conservancy)

โลโก้ของ The Nature Conservancy (โลโก้: The Nature Conservancy)

The Nature Conservancy (TNC) ด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay Inc. ได้จัดงานร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP), รัฐบาลเอกวาดอร์, มูลนิธิ Jocotoco Foundation, มูลนิธิ Charles Darwin Foundation สำหรับหมู่เกาะกาลาปากอส, Re:wild และสถาบันอนุรักษ์ทางทะเล

TNC และ UNEP เป็นผู้ดูแลงานโดยเน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งของการรับรองคุณภาพพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (MPAs) โดยการเสริมสร้างธรรมาภิบาล การจัดการที่มีประสิทธิภาพ และความมั่นคงและทนทานต่อความเสี่ยงจากภูมิอากาศ และบทบาทสำคัญที่ชุมชน NGOs รัฐบาล องค์กรการกุศล ภาคเอกชน และ cross-sector collaborations มีบทบาทใน MPAs ที่มีประสิทธิภาพ

งานนี้โดดเด่นในการประชุมเนื่องจากเน้นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงการจัดการพื้นที่ที่มีอยู่ แทนที่จะส่งเสริมการจัดตั้งการป้องกันใหม่ เนื่องจากปัจจุบัน MPAs แทบที่จะจัดการน้อยกว่า 3% ประสิทธิภาพของมาตรการป้องกันเหล่านี้จึงจำเป็นต่อการใช้ประโยชน์จากศักยภาพในการอนุรักษ์และการดำรงชีวิต

Dr. Lizzie Mcleod ของ TNC กล่าวว่า “การจัดการที่มีประสิทธิภาพเป็นรากฐานของการบรรลุพันธสัญญา 30×30 ซึ่งเป็นแคมเปญที่จะปกป้อง 30 เปอร์เซ็นต์ของมหาสมุทรโลกภายในปี 2573 ด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay, TNC, UNEP และพันธมิตรรายอื่น ๆ เรากำลังพัฒนาเครื่องมือสำหรับ ผู้จัดการทางทะเลเพื่อปรับปรุงการจัดการทางทะเล สนับสนุนการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืน และแนะนำการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเล ด้วยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลก ผู้จัดการทางทะเลจะสามารถจัดการกับภัยคุกคามที่สำคัญที่มหาสมุทรของเราเผชิญได้ดียิ่งขึ้น”

“MPAs เป็นกุญแจสำคัญต่อสุขภาพของมหาสมุทรและการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ก็ไม่ได้ผลเสมอไปหากไม่มีการสนับสนุนมากมาย เครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจที่ช่วยให้การออกแบบและการจัดการ MPA ดีขึ้น การแบ่งปันความรู้ และการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางทะเลได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นในการปกป้องมหาสมุทรได้ดียิ่งขึ้น” Ole Vestergaard เจ้าหน้าที่โครงการใน Marine, Coastal & Freshwater Ecosystems Branch of Division for Environmental Policy Implementation ของ UNEP กล่าว

“Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งของ Mary Kay เชื่อว่ามีคนสามประเภทในโลกนี้คือ: คนที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น คนที่เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้น และคนที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับคนประเภทแรกในการพัฒนาเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการปกป้องมหาสมุทรของเราสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป”

หากเราต้องปกป้องและฟื้นฟูบริการระบบนิเวศของมหาสมุทรและชายฝั่ง ตลอดจนฟื้นฟูระบบมหาสมุทรและรักษาความปลอดภัยในการดำรงชีวิตในปัจจุบันและอนาคตของมนุษยชาติ เราต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในการบรรลุเป้าหมายการอนุรักษ์และความยั่งยืนควบคู่ไปกับการเร่งให้ครอบคลุม MPA

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy (TNC)

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เรารังสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP)

UNEP เป็นกระบอกเสียงชั้นนำระดับโลกด้านสิ่งแวดล้อม โดยให้ความเป็นผู้นำและส่งเสริมการเป็นพันธมิตรในการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ นำเสนอข้อมูล และช่วยให้ประชาชาติและผู้คนสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาโดยไม่กระทบต่อคนรุ่นอนาคต

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220809005180/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc.
Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

The Nature Conservancy
Misty Edgecomb
Communications Director
medgecomb@tnc.org or 484-343-3223

United Nations Environment Programme
Laura Darby
Communications and Project Management for Innovative Conservation
laura.darby1@un.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย







ห่วงโซ่อุตสาหกรรม EV ในเมืองเกาสงประสบความสำเร็จระดับโลกมากขึ้น

Logo

เมืองเกาสง ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–08 สิงหาคม 2565

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระดับโลกกำลังเติบโตอย่างทวีคูณ เพื่อให้เมืองเกาสงเป็นฐานที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระดับโลก ทั้งนี้ Kaohsiung City Government ได้ร่วมมือกับ Hon Hai Technology Group (Foxconn) เพื่อทำงานร่วมกันในหลายด้าน อย่างเช่น รถโดยสารไฟฟ้าอัจฉริยะและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นสนามทดลองที่นำเสนอรูปแบบธุรกิจและบริการที่ครอบคลุมเพื่อดึงดูดผู้ผลิตทั่วโลกให้มาลงทุนในเมืองเกาสงและสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV industry)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220807005043/en/

In line with the Kaohsiung City Government’s plan to have all public buses run on electricity by 2030, Foxtron Vehicle Technologies delivered the first Model T electric bus to Kaohsiung Bus. (Photo: Business Wire)

ตามแผนของ Kaohsiung City Government ที่จะให้รถโดยสารสาธารณะทั้งหมดใช้ไฟฟ้าภายในปี 2573 โดย Foxtron Vehicle Technologies ได้ส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้ารุ่น Model T คันแรกให้กับ Kaohsiung Bus (ภาพ: Business Wire)

เมื่อเห็นรากฐานที่มั่นคงในวัสดุโลหะและเทคโนโลยีการตกแต่งที่มีความแม่นยำในเมืองเกาสง ซึ่ง Foxconn วางแผนที่จะสร้างระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และห่วงโซ่การผลิตแบตเตอรี่ที่สมบูรณ์ในเมืองทางตอนใต้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะขยายไปสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตั้งแต่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงการผลิตเซลล์และชุดแบตเตอรี่ และระบบกักเก็บพลังงาน นอกจากนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อการผลิตแบตเตอรี่ localize ในทุกจุดของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำไปจนถึงเซลล์ระดับกลางและชุดแบตเตอรี่ปลายทาง นอกจากนี้เมืองเกาสงยังดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่าง ๆ อย่างเช่น WIN Semiconductors Corp. โรงหล่อชั้นนำของโลกสำหรับเครื่องขยายเสียงและเทคโนโลยี LiDAR สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Molie Quantum Energy Corp ผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับห่วงโซ่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

Foxtron Vehicle Technologies ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Foxconn ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาและผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในอุทยานวิทยาศาตร์เฉียวโถว (Qiaotou Science Park) เพื่อเป็นการปฏิบัติตามแผนของ City Government ที่จะให้รถโดยสารสาธารณะทั้งหมดใช้ไฟฟ้าภายในปี 2573 รถโดยสารไฟฟ้ารุ่น Model T คันแรกได้ถูกส่งไปยัง Kaohsiung Bus อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมปีนี้ โดยมีเป้าหมายเริ่มต้นจำนวน 30 คัน และจะส่งมอบเพิ่มอีกตามความต้องการในการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมรถโดยสารไฟฟ้าในเมืองเกาสง City Government ได้เพิ่มการสงเคราะห์เงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินงานของรถโดยสารไฟฟ้า และจะสงเคราะห์เงินอุดหนุนการซื้อรถโดยสารไฟฟ้าที่ผลิตในท้องถิ่น โดยให้ทุนสนับสนุนสูงถึง 1.5 ล้านเหรียญไต้หวันต่อคัน  

ในเดือนมิถุนายนปีนี้ Foxconn ประกาศว่าจะลงทุน 6 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันเพื่อสร้างศูนย์การวิจัยเซลล์แบตเตอรี่ & แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ (Battery Cell Research & New Product Introduction Center) ใหม่ในสวนอุตสาหกรรม Ho Fa คาดว่าโรงงานจะมีกำลังการผลิต 1GWh สำหรับรถโดยสารไฟฟ้า รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และระบบกักเก็บพลังงานในไตรมาสแรกของปี 2567

เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในท้องถิ่น City Government ยังวางแผนที่จะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม (Ministry of Transportation and Communications) เพื่อสร้างสถานที่ทดสอบระดับชาติสำหรับรถยนต์ไร้คนขับและยานพาหนะสู่ทุกสิ่ง (Vehicle-to-Everything) ในอุทยานวิทยาศาตร์เฉียวโถว (Qiaotou Science Park) ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร Smart Pole Standard Promotion Alliance จะมีการจัดเตรียมสถานที่สำหรับทดสอบเทคโนโลยี Vehicle-to-Everything การบริการ และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะดึงดูดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมากขึ้นให้ตั้งฐานในพื้นที่และที่คาดว่าจะสร้างใหม่ประมาณ 5,000 โครงงาน เป้าหมายคือการกำหนดรูปแบบเมืองเกาสงให้เป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบและกลายเป็นตัวอย่างสำหรับ “การส่งออกเมืองอัจฉริยะแบบแพ็คเกจ”

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220807005043/en/

ติดต่อ:

INVEST KAOHSIUNG
+886-7-336-0888
https://invest.kcg.gov.tw/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

(China International Import Expo หรือ CIIE) มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 เอื้อประโยชน์ต่อนานาประเทศในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

Logo

เซี่ยงไฮ้–(ฺBUSINESS WIRE)–4 ส.ค. 2565

มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo หรือ CIIE) เวทีสำคัญสำหรับการจัดซื้อระหว่างประเทศ การส่งเสริมการลงทุน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการสร้างความร่วมมือที่เปิดกว้าง ประสบความสำเร็จในการจัดงาน 4 ปีติดต่อกัน อีกทั้งยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสินค้าสาธารณะระหว่างประเทศและระบบการค้าข้ามชาติ ตลอดจนเป็นสื่อกลางสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้างและประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

นับตั้งแต่จัดงานครั้งแรกในปี 2561 มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนได้เติบโตทั้งในแง่ของขนาดและอิทธิพลของงาน โดยพื้นที่จัดแสดงเพิ่มขึ้นจาก 270,000 ตารางเมตรในปี 2561 เป็น 366,000 ตารางเมตรในปี 2564 ด้านผู้จัดแสดงในงาน 4 ครั้งที่ผ่านมาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการใหม่มากกว่า 1,500 รายการ และบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.70 แสนล้านดอลลาร์

ในขณะที่มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนเข้าสู่ปีที่ 5 ประเทศต่าง ๆ ในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ก็ให้ความสนใจตลาดจีนและส่งออกสินค้ามายังจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ   

ในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนครั้งแรก คุณหม่า อวี้เซี่ย นักธุรกิจหญิงชาวจีนที่อยู่ในอเมริกาใต้ ได้นำตุ๊กตาอัลปากามาบุกตลาดจีน

คุณหม่าและหุ้นส่วนชาวเปรูเช่าบูธเล็ก ๆ ขนาด 9 ตารางเมตรเพื่อจัดแสดงและโปรโมทตุ๊กตาอัลปากา รวมถึงงานหัตถกรรมพื้นบ้านของเปรู นอกจากนั้นยังสร้างแบรนด์ของตัวเองในชื่อวอร์มปากา (Warmpaca)

การออกบูธในครั้งนั้นได้ผลดีอย่างเหลือเชื่อ และหลังจากเข้าร่วมมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน 4 ปีติดต่อกัน ตอนนี้สินค้าของวอร์มปากามีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้ากว่า 20 แห่งในจีน

จนถึงตอนนี้ พื้นที่จัดแสดงในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 ได้ถูกจับจองไปแล้วกว่า 80% โดยบริษัทกว่า 260 แห่งที่ติดอันดับฟอร์จูน โกลบอล 500 (Fortune Global 500) และบรรดาผู้นำอุตสาหกรรมจะเข้าร่วมงานในปีนี้

ขณะเดียวกัน หลายประเทศก็ยืนยันว่าจะเข้าร่วมงานในส่วนจัดแสดงของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ภายในงานจะมีการเผยแพร่รายงานการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Report) และดัชนีการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Index) ในการประชุมเศรษฐกิจนานาชาติหงเฉียว (Hongqiao International Economic Forum) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของงานนี้

เนื่องจากงานนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก พื้นที่จัดแสดงจะถูกจับจองจนหมดในอีกไม่นานนี้ จีงขอเชิญผู้ที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมจัดแสดงในงานก่อนที่จะไม่ทันกาล โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://www.ciie.org/exhibition/f/book/register?locale=en.

ติดต่อ: เนี่ย ฉิงซิน (Nie Qingxin)
โทร: 0086-21-67008870/67008988

มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป (MHI Group) ลงนามในข้อตกลงเป็นผู้สนันสนุน กับสโมสรฟุตบอลเมืองทองยูไนเต็ดของประเทศไทย

Logo

ข่าวประชาสัมพันธ์

2022-08-04

— สนับสนุนการพัฒนาผู้เล่นรุ่นต่อไปและกิจกรรมอื่นๆของทีม ที่เอื้อให้เกิดการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย —

  • ข้อตกลงเป็นส่วนหนึ่งของโครงการช่วยเหลือสังคมของ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป ในขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมคุณค่าให้กับแบรนด์ด้วย
  • จะมีโลโก้บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ บริเวณไหล่ขวาของชุดเเข่งขัน และในสนามเหย้าของสโมสร

โตเกียว, 4 สิงหาคม 2022 – กลุ่ม มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ (เอ็มเอชไอ) ได้ลงนามในข้อตกลงการเป็นผู้สนับสนุนกับสโมสรฟุตบอลเมืองทองยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลอาชีพไทยลีก 1 ที่ตั้งอยู่ในเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย ข้อตกลงนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการช่วยเหลือสังคมของ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป จะสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของทีมและพัฒนาผู้เล่นรุ่นต่อไป รวมทั้งมีส่วนเอื้อต่อการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย กับส่งเสริมให้แบรนด์ เอ็มเอชไอ เป็นที่รู้จักและเพิ่มคุณค่าด้วย

Widodo Makmur Perkasa (IDX : WMPP) Slaughterhouse facilities in Cianjur, West Java, equipped with solar panel technology.

(ภาพ: BUSINESS WIRE)

เมืองทอง ยูไนเต็ด บรรลุข้อตกลงบันทึกความเข้าใจในปี 2564 กับอุราวะ เรด ไดมอนส์ (อุราวะ เรดส์) สโมสรฟุตบอลอาชีพของญี่ปุ่นในลีก J1 ซึ่ง มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ เป็นผู้สนับสนุนหลัก เมืองทองยูไนเต็ด ด้วยเอกลักษณ์ของทีมที่สร้างขึ้นโดยใช้สีแดง ดำ และขาวแบบเดียวกับอุราวะ เรดส์ และได้สร้างผู้เล่นหลายคนให้กับเจลีกของญี่ปุ่นด้วย จากการมีข้อตกลงการเป็นผู้สนับสนุนี้ นับตั้งแต่เริ่มการแข่งขันลีกในวันที่ 13 สิงหาคม เมืองทอง ยูไนเต็ด จะแสดงโลโก้บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ บริเวณไหล่ขวาของชุดเเข่งขัน และในสนามเหย้าของสโมสร

มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป ดำเนินโครงการ MHI Sports Challenge ที่มุ่งใช้กีฬาเพื่อสนับสนุน CSR และมีส่วนช่วยชุมชนท้องถิ่นและสังคม ตลอดจนเพื่อส่งเสริมแบรนด์องค์กรของกลุ่มและเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน  การปรากฏตัวของ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป ในประเทศไทยรวมถึงบริษัทในเครือ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในท้องถิ่น พร้อมทั้งหน่วยธุรกิจต่างๆในการผลิตเครื่องปรับอากาศรถยก และการให้บริการหลังการขายสำหรับกังหันก๊าซ 

การเป็นสปอนเซอร์ให้กับสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมของพนักงานในท้องถิ่น  การมีส่วนร่วมในการพัฒนาภูมิภาค และเพิ่มคุณค่าขององค์กร

###

เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป

Mitsubishi Heavy Industries (MHI) Group หรือ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ครอบคลุมด้านพลังงาน โครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ เครื่องจักรอุตสาหกรรม การบินและอวกาศ และการกลาโหม

มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับประสบการณ์ที่ล้ำลึกเพื่อส่งมอบนวัตกรรมการแก้ปัญหาแบบบูรณาการที่ช่วยให้ตระหนักถึงเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนของโลก ปรับปรุงคุณภาพชีวิต และทำให้โลกปลอดภัยยิ่งขึ้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.mhi.com หรือติดตามข้อมูลเชิงลึกและเรื่องราวของเราที่ spectra.mhi.com

ติดต่อสอบถาม:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรีส์ จำกัด

อีเมล: mediacontact_global@mhi.com

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2565 จะจัดแสดงนวัตกรรมการก่อสร้างอัจฉริยะและโซลูชั่นความปลอดภัยในอุตสาหกรรมที่ KINTEX ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

Logo

งาน K-Con Safety Expo 2565 เป็นพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกัน (marketplace) ที่สมบูรณ์แบบสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้างและความปลอดภัยในอุตสาหกรรม จัดแสดงโซลูชั่นอัจฉริยะและอุปกรณ์ความปลอดภัยในที่ทำงานของ LG U+, Bentley Systems, 3M Korea และ GERB

โกยาง สาธารณรัฐเกาหลี–(BUSINESS WIRE)–3 ส.ค. 2565

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2022 ซึ่งเป็นที่ที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถสัมผัสโลกแห่งโซลูชั่นความปลอดภัยในการก่อสร้างที่ทันสมัยได้ในที่เดียว จะถูกจัดขึ้นที่ KINTEX ในเมืองโกยาง ประเทศเกาหลี ในวันที่ 19 ถึง 21 ตุลาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2022 Official Poster (Graphic: Business Wire)

โปสเตอร์อย่างเป็นทางการของ Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2565 (กราฟิก: Business Wire)

K-Con Safety Expo 2022 ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในด้านพบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกันสำหรับผู้บริหารด้านความปลอดภัยในการก่อสร้าง มาเป็นรุ่นที่สี่แล้ว ด้วยการสนับสนุนจากกระทรวงของรัฐบาลตลอดมา แม้จะเป็นในช่วงที่มีการระบาดของ โควิด-19 ก็ตาม โดย K-Con Safety Expo 2022 มุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับความพยายามทางด้านพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการและความพยายามด้านการขายของผู้เข้าร่วมงาน ผ่านกิจกรรมที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการสัมนาทางธุรกิจที่หลากหลายขึ้น และเพื่อการนำเสนอโซลูชันแบบบูรณาการเพื่อความปลอดภัยในการก่อสร้างที่สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมทั่วโลก

นอกเหนือจากงานแสดงสินค้าแล้ว ผู้บริหารระดับสูงและผู้มีอำนาจตัดสินใจในอุตสาหกรรมความปลอดภัยในการก่อสร้างของเกาหลีจะเป็นผู้เปิดฟอรั่มการประชุม นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดการประชุมทางธุรกิจออนไลน์ตามกำหนดการแบบตัวต่อตัว โดยร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าการลงทุนของเกาหลี ด้วยความหวังว่าผู้ซื้อจากต่างประเทศจะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับผู้แสดงสินค้าชาวเกาหลีที่มีคุณสมบัติเหมาะสม นอกจากนี้ ยังจะมีคณะผู้แทนจากองค์กรภาครัฐและเอกชนมาเยี่ยมชมงาน อีกด้วย

สิ่งที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยคือการได้เห็นเทคโนโลยีล่าสุดในตลาดการก่อสร้างอัจฉริยะ (smart construction market) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่อัตราเฉลี่ยต่อปีที่ 26% ภายในปี 2568 โดยบริษัทก่อสร้างอัจฉริยะและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมรายใหญ่ของเกาหลี ซึ่งรวมไปถึง LG U+, GSIL และ HULAN จะมาเข้าร่วมงานด้วย  งานนี้จะสร้างจุดเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้บริหารความปลอดภัยในการก่อสร้างจากทั่วทุกมุมโลกที่ต้องการสร้างสถานที่ก่อสร้างที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่อคำนึงถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดการก่อสร้างในเอเชีย

บริษัทระดับโลกรายใหญ่จะเข้าร่วมในฐานะผู้แสดงสินค้าโดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานตลาดในเกาหลี อุปกรณ์ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ 3M ของเกาหลี กับ ระบบควบคุมการสั่นสะเทือนของกลุ่ม GERB ของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมระบบแยกการสั่นสะเทือนระดับโลก และโซลูชั่นการจัดการการก่อสร้างอัจฉริยะของ Bentley Systems ก็จะถูกจัดแสดงเพื่อปูทางเข้าสู่ตลาดเกาหลี อีกด้วย

K-Con Safety Expo 2022 กำลังมองหาผู้แสดงสินค้าและผู้ซื้อจากต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมธุรกิจออนไลน์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ(www.k-consafetyexpo.com).

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

ติดต่อ:

Naru Kang

KINTEX

+82-(0)31-995-8044

internationalbusiness@kintex.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Midea ขึ้นอันดับที่ 245 ใน Fortune Global 500 ปี 2565 ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการเจาะตลาดต่างประเทศ

Logo

ฝอซาน ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–03 ส.ค. 2565

รายชื่อ Fortune Global 500 ปี 2565 โดย Midea Group ได้รับการจดทะเบียนใน Fortune Global 500 เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยคราวนี้ได้เลื่อนขึ้นสู่อันดับที่ 245

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

ในเดือนเมษายนนี้ Midea Group เผยแพร่รายงานประจำปี 2564 – รายได้ของบริษัทต่อปีเพิ่มขึ้น 20.06% ในปี 2564 โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 343.4 พันล้านหยวน

Midea ยึดมั่นในการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ใน “ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี” และเร่งการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

สำหรับธุรกิจ C-suite สมาร์ทโฮมมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์เครื่องใช้และบริการในบ้านอัจฉริยะทั้งบ้านที่ดีที่สุดผ่านการใช้เทคโนโลยี IoT และ AI

สำหรับธุรกิจ B-suite, Midea มุ่งเน้นที่การพัฒนาไม่เพียงแต่ด้านธุรกิจของ ToB เช่น หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีอาคาร การจัดการพลังงาน การเดินทางอัจฉริยะ และ Midea Healthcare แต่ยังพัฒนาต่อยอดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัล เช่น Annto Midea Cloud

ในแนวทางนี้ Midea มุ่งที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดในการปรับปรุงจากบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

Midea Industrial Technology ลงทุนในพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่มีความแม่นยำสูง และดำเนินการแบรนด์ต่างๆ เช่น GMCC, Welling, HICONICS, SERVOTRONIX เป็นต้น

ด้วยแพลตฟอร์มบริการอาคารดิจิทัล Midea Building Technologies นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรที่ชาญฉลาด ดิจิทัล และคาร์บอนต่ำ

แผนก Robotics & Automation มุ่งเน้นในการจัดหาโซลูชั่นสำหรับหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบลอจิสติกส์อัตโนมัติ และระบบส่งกำลังสำหรับสาขาที่เกี่ยวข้องกับโรงงานในอนาคต ตลอดจนโซลูชั่นสำหรับการดูแลสุขภาพ ความบันเทิง การบริโภคใหม่ ฯลฯ

ธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัลให้บริการโซลูชั่นและบริการ สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร

นอกจากนี้ Midea ยังแสวงหาความก้าวหน้าในตลาดต่างประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ CSP Abu Dhabi ของ COSCO ได้ลงนามในข้อตกลงกับ Midea เกี่ยวกับการก่อสร้างร่วมกันของศูนย์ขนส่งคลังสินค้าในต่างประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ต่างประเทศเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Midea ได้ง่ายขึ้น

Midea Group ภูมิใจที่มีครอบครัวพนักงานประมาณ 160,000 คน รวมถึงกว่า 30,000 คนในต่างประเทศ

เกี่ยวกับ Midea Group

Midea Group ยึดมั่นในปรัชญาในการสร้างชีวิตที่ดีขึ้นผ่านเทคโนโลยีนับตั้งแต่ก่อตั้ง 54 ปีที่แล้ว ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา Midea ได้ลงทุนเกือบ 5 หมื่นล้านหยวนในการวิจัยและพัฒนา และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 35 แห่ง และฐานการผลิตหลัก 35 แห่งทั่วโลก ผู้บริโภค 400 ล้านคนใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ Midea ในกว่า 200 ประเทศและภูมิภาค

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

ติดต่อ:

Lori Luo
+8613512784739
luory17@midea.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter