Kolmar BNH ปฏิวัติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลด้วย HemoHIM อาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–25 พฤศจิกายน 2024

Kolmar BNH (KRX: 200130) เป็นบริษัทผู้รับจ้างออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเองหรือ Original Development Manufacturing (ODM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำของเกาหลี โดยเป็นผู้นำด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance/ESG) ผ่านการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

HemoHIM G, produced by Kolmar BNH and distributed by Atomy (Photo: Kolmar BNH)

HemoHIM G ผลิตโดย Kolmar BNH และจัดจำหน่ายโดย Atomy (รูปภาพ: Kolmar BNH)

บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) ตลอดจนส่งเสริมวงจรทรัพยากรที่ดีผ่านการใช้วัสดุจากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ถูกใช้งานแล้ว เพื่อสร้างสิ่งใหม่ (Upcycle) ที่น่าสังเกตก็คือ Kolmar BNH กำลังดำเนินการเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โดยนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของ HemoHIM ขณะเดียวกันก็มีส่วนร่วมเพื่อสังคมผ่านการเผยแพร่เทคโนโลยีการเพาะปลูกด้วย

บริษัทมีความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากกว่า 2% ของยอดขายประจำปี นอกจากนี้ บริษัทยังได้เร่งดำเนินการวิจัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยอุทิศพนักงานกว่า 30% ของบริษัทให้กับงานด้านการวิจัยและพัฒนา อีกทั้งบริษัท Kolmar BNH ยังเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลีที่ได้รับ 'ใบรับรองเทคโนโลยีสีเขียว' และ 'ใบรับรองผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีสีเขียว' ติดต่อกันถึง 2 ครั้งเพื่อเป็นการยกย่องถึงความพยายามดังกล่าวด้วย ใบรับรองเหล่านี้มอบให้โดยกระทรวงเกษตรและกิจการชนบท (MOA) เพื่อเป็นการยกย่องเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์ทรัพยากร

HemoHIM คืออาหารเพื่อสุขภาพที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและได้รับการรับรองให้เป็นผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีสีเขียว Kolmar BNH ได้ปรับปรุงระบบเก็บกลับแอลกอฮอล์ (เอธานอล) เพื่อสกัดส่วนผสมสำคัญจากผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติในประเทศ เช่น ตังกุย (Angelica Gigas) โกฐหัวบัว (Cnidium Officinale) และโบตั๋นญี่ปุ่น (Paeonia Japonica) ทั้งยังได้รับการรับรองว่าเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบขั้นสูงนี้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 94% ด้วยเก็บกลับและนำเอธานอลกลับมาใช้ซ้ำในการผลิต HemoHIM หรือนำไปใช้ผลิตผลิตภัณฑ์อื่นอีกครั้งได้

นอกจากนี้ Kolmar BNH ยังดำเนินกิจการฟาร์มอัจฉริยะเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์ HemoHIM ได้อย่างมั่นคง และเพื่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนาอย่างยั่งยืน ฟาร์มแห่งนี้จึงใช้กรรมวิธีปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ โดยละลายสารอาหารในน้ำเพื่อปลูกพืชผลธรรมชาติในลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ เทคโนโลยีการเพาะปลูกที่พัฒนาโดยฟาร์มอัจฉริยะของ Kolmar BNH ยังส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกับชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย บริษัทกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของฟาร์มโดยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพืชปลอดไวรัสจำนวนมากและเผยแพร่เทคโนโลยีดังกล่าวไปยังฟาร์มใกล้เคียง

กิจกรรมด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance/ESG) ที่ครอบคลุมเหล่านี้ทำให้ Kolmar BNH ได้รับเกรด A แบบบูรณาการในการประเมินระดับ ESG ประจำปี 2024 ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันการกำกับดูแลองค์กรและความยั่งยืนแห่งเกาหลี (KCGS) นี่จึงเป็นความแตกต่างที่ไม่มีใครทัดเทียมได้ในภาคส่วน (ODM/Original Design Manufactuere) หรือผู้รับจ้างออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเองในด้านอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี KCGS ประเมินแนวทางการจัดการอย่างยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนในด้านสิ่งแวดล้อม/Environmental (E) สังคม/สังคม (S) และธรรมาภิบาล/Governance (G) เป็นประจำทุกปี

นอกจากนี้ Kolmar BNH ยังประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในภาคสังคมและธรรมาภิบาลอีกด้วย โดยได้เสริมสร้างความปลอดภัยในสถานที่ทำงานด้วยการปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรอง ISO 45001 สำหรับระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในโรงงานผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย โดยมีบันทึกอุบัติเหตุร้ายแรงเป็น 'ศูนย์' เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน ในด้านการกำกับดูแลนั้น Kolmar BNH ได้รวบรวมกรอบการจัดการที่โปร่งใสโดยบูรณาการระบบการจัดการต่อต้านการทุจริต (ISO 37001) และระบบการจัดการการปฏิบัติตามข้อกำหนด (ISO 37301) ด้วย

เจ้าหน้าที่ของ Kolmar BNH กล่าวว่า “การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นภารกิจสำคัญสำหรับบริษัท ODM” เราจะขยายการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance/ESG) ที่เน้นการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างตัวเองให้เป็นบริษัทอาหารเพื่อสุขภาพระดับโลกที่ยั่งยืน”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54157497/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Kolmar Holdings
Jang-Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งข้อมูล: Kolmar BNH Co., Ltd.


Tabreed ผลักดันการสนทนาระดับโลก เรื่องการทำความเย็นอย่างยั่งยืนที่ COP29

Logo

บริษัทสนับสนุนโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติและ Cool Coalition อีกครั้ง

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–25 พฤศจิกายน 2024

Tabreed บริษัทชั้นนำด้านระบบทำความเย็นส่วนกลางระดับสากลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เสร็จสิ้นกิจกรรมตลอดสัปดาห์ในงาน COP29 ที่บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ในงานสำคัญระดับโลกนี้ ตัวแทนของบริษัทได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เข้าร่วมเป็นผู้ร่วมอภิปราย และนำเสนอข้อมูลที่เน้นย้ำถึงบทบาทของ Tabreed ในฐานะผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมสำคัญนี้ รวมถึงความพร้อมและศักยภาพในการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญระดับสากลอันโดดเด่นไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความต้องการสูงยิ่งในปัจจุบัน

CEO, Khalid Al Marzooqi - (Photo - AETOSWire)

Khalid Al Marzooqi ซีอีโอ – (ภาพจาก – AETOSWire)

หลังจากความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จในงาน COP28 ปี 2023 ที่ดูไบ ทาง Tabreed ได้ให้การสนับสนุนโครงการ Cool Coalition ที่นำโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) อีกครั้ง ในฐานะผู้สนับสนุนระดับซิลเวอร์ของอาคารและพื้นที่ทำความเย็นใน Blue Zone โดยเป็นผู้สนับสนุน Global Cooling Pledge ของ UNEP ซึ่งเปิดตัวในงาน COP28 Tabreed ยังคงอยู่แถวหน้าในด้านการลดคาร์บอน และในปีนี้ พื้นที่จัดแสดงในบากูได้จัดเซสชันหลายสิบครั้งที่มุ่งเป้าไปยังผู้ออกกฎหมายและนักพัฒนาทั่วโลกที่มุ่งสู่แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการทำความเย็นเป็นลำดับต้นๆ

การมีส่วนร่วมของ Tabreed ในงาน COP29 ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับซีอีโอ Khalid Al Marzooqi ซึ่งได้กล่าวว่า “ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของระบบทำความเย็นส่วนกลางนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลในการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับใหญ่ ทำให้มันเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) นั่นคือเหตุผลที่ Tabreed มีบทบาทอย่างต่อเนื่องในงานระดับโลกสำคัญอย่าง COP และผมรู้สึกภาคภูมิใจที่เราเป็นผู้นำการสนทนาเกี่ยวกับการทำความเย็นอย่างยั่งยืนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ในประวัติศาสตร์โลก”

ในระหว่างโปรแกรมที่เต็มไปด้วยกิจกรรม Tabreed ได้นำเสนอนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลของบริษัท เช่น โรงงาน G2COOL แบบพลังงานความร้อนใต้พิภพ (geothermal) แห่งใหม่ ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมจากทั่วโลกที่สนใจอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานที่ได้รับการยืนยันจากการใช้ระบบทำความเย็นส่วนกลาง

Shikha Bhasin ที่ปรึกษาอาวุโสของ UNEP และ Cool Coalition ที่นำโดย UNEP กล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของ Tabreed ในงาน COP29 ช่วยผลักดันบริษัทให้เป็นผู้นำในการลดคาร์บอน พร้อมทั้งเพิ่มหลักฐานที่ยืนยันว่า UAE กำลังตั้งมาตรฐานใหม่ในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง ระบบทำความเย็นส่วนกลางกำลังกลายเป็นจุดสนใจสำหรับหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเราขอขอบคุณที่ Tabreed ยังคงสนับสนุนการทำงานของ Cool Coalition โดยนำความเชี่ยวชาญที่สะสมมาเป็นเวลาหลายทศวรรษมาร่วมอภิปรายในเรื่องที่สำคัญเหล่านี้”

เกี่ยว Tabreed

Tabreed ให้บริการระบบทำความเย็นส่วนกลางที่จำเป็นและยั่งยืนแก่โครงการพัฒนาสำคัญในตะวันออกกลางและเอเชีย โดยเป็นผู้นำที่ผลักดันความก้าวหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ดูไบ Tabreed เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยการดำเนินงานในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในระดับแนวหน้า โครงการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยี AI ทำให้ Tabreed เป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมระบบทำความเย็นส่วนกลาง

*ที่มาAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54156334/en

ติดต่อ

Samer Al Tawil

ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดและการมีส่วนร่วม

saltawil@tabreed.ae

Kevin Hackett
ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารภายนอก
khackett@tabreed.ae

ที่มา: Tabreed

NTT Com เปิดตัวบริการกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทย

Logo

ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและลดอุบัติเหตุได้

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2024

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ธุรกิจองค์กร “ธุรกิจโดโคโม” ภายในกลุ่มธุรกิจ DOCOMO ได้ประกาศวันนี้ว่าบริษัท Mobile Innovation จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มประเทศไทย จะเริ่มจำหน่ายกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

LINKEETH Service Outline (Graphic: Business Wire)

LINKEETH Service Outline (รูปภาพ: Business Wire)

ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อประชากร 100,000 คนอยู่อันดับที่ 9 ของโลก* นอกเหนือจากชีวิตที่สูญเสียไปจำนวนมากแล้ว อุบัติเหตุจำนวนมากยังส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งก่อภาระอย่างใหญ้หลวงต่อสังคม รวมถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย การขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุราและการขับรถเร็วเกินกำหนดเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่พบบ่อยที่สุด แม้ว่าความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เช่น กฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและการนำกฎหมายมาบังคับใช้ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร และการศึกษาความปลอดภัยทางการจราจรจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็จำเป็นต้องมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอยู่

* แหล่งข้อมูล: สำนักงานรัฐบาลเทศบาลนครไอจิประจำประเทศไทย

บริการ LINKEETH จะช่วยจัดการการทำงานของยานพาหนะด้วยข้อมูลตำแหน่งและวินิจฉัยการขับขี่ที่ปลอดภัยโดยวิเคราะห์จากข้อมูลการขับขี่ บริษัททั้งสอง ตั้งเป้าที่จะมีส่วนช่วยให้เกิดการขับขี่อย่างปลอดภัยและลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยผ่านการให้บริการนี้

ฟีเจอร์สำคัญ

1.

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems/ADAS) และระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (Driver Monitoring System/DMS)

ระบบเหล่านี้ใช้ AI เพื่อตรวจสอบสภาวะการขับขี่โดยใช้ภาพจากกล้องในรถ ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วยการตรวจจับพฤติกรรมขับขี่ที่เสี่ยงและเตือนผู้ขับขี่ นอกจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ระบบเหล่านี้ยังช่วยช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างประมาทหรือก้าวร้าวอีกด้วย ระบบ ADAS ออกแบบมาเพิ่อให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการใช้เซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของรถยนต์ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนและคำเตือนแก่ผู้ขับขี่อย่างทันท่วงที และช่วยควบคุมรถเมื่อจำเป็น บริการใหม่จะวิเคราะห์วิดีโอที่บันทึกจากกล้องหน้ารถและเตือนผู้ขับขี่หากอยู่ใกล้รถคันข้างหน้าเกินไปหรือขับรถออกนอกเลน ส่วนระบบ DMS จะคอยตรวจสอบสภาวะของผู้ขับขี่ผ่านกล้องที่ติดอยู่ภายในตัวยานพาหนะเพื่อช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างก้าวร้าวหรือเป็นอันตรายและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

2.

แสดงภาพข้อมูลสภาวะการขับขี่

ระบบจะนำข้อมูล เช่น อัตราการเร่ง การเบรก การหักพวงมาลัย และความเร็วมาวิเคราะห์และนำมาแสดงผลเป็นบันทึกพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ผลการวินิจฉัยจะแสดงในรูปแบบรายงานเพื่อระบบบริหารจัดการยานพาหนะ (Fleet Management) สามารถให้คำแนะนำการขับขี่ที่ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย

3.

ตรวจจับอุบัติเหตุและส่งวิดีโออัตโนมัติ

เมื่อระบบตรวจจับการขับขี่ที่เป็นอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ ระบบจะส่งข้อมูลวิดีโอไปที่เซิร์ฟเวอร์คลาวด์อัตโนมัติ พร้อมส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังผู้รับที่ลงทะเบียนไว้ โดยสามารถดูวิดีโอแบบเรียลไทม์และที่บันทึกไว้ก่อนหน้าจากระยะไกลได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเข้าถึงหลักฐานวิดีโอในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้

4.

จัดการตำแหน่งยานพาหนะ

ข้อมูลตำแหน่งยานพาหนะจะแสดงบนแผนที่ในแบบเรียลไทม์ โดยสามารถตรวจสอบยานพาหนะหลายคันอย่างรวมศูนย์ได้ จึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งมอบและป้องกันการโจรกรรมได้ ระบบจะเก็บประวัติการขับขี่สำหรับยานพาหนะแต่ละคันไว้สูงสุดหนึ่งปี

5.

การค้นหาข้อมูลเชิงปริภูมิกาล

เมื่อระบุวันที่ เวลา และพื้นที่ลงในระบบ ยานพาหนะทั้งหมดภายในระยะดังกล่าวก็จะแสดงบนแผนที่ ซึ่งช่วยให้สามารถหายานพาหนะที่เกี่ยวข้องพบและดูในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ จึงช่วยปรับปรุงบริการลูกค้าและประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นได้

NTT Com และ MI มีแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังอินโดนีเซีย เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายบริการให้สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก โดยจะวิเคราะห์ความต้องการของประเทศอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ บริษัท Sumitomo Mitsui Auto Leasing & Service (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ กำลังวางแผนที่จะใช้บริการนี้เพื่อให้บริการเช่าซื้อรถยนต์รูปแบบใหม่ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย จึงถือเป็นพันธมิตรรายแรกของทั้งสองบริษัท

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54155695/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลติดต่อ
สำหรับลูกค้า:
Mobility Service, 5G & IoT Service Dept., Platform and Service Div.
NTT Communications Corporation
ms-3g2t@ntt.com

Mobile Innovation Co., Ltd. (ในประเทศไทย)
+66 (0)2129 3800
support@mobileinnovation.co.th

สำหรับสื่อ
Public Relations Office
NTT Communications Corporation
pr-cp@ntt.com

แหล่งข้อมูล: NTT Communications Corporation

DeepGreenX และ Veea ประกาศข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระดับโลก

Logo

Veea จะสนับสนุนการนําโครงข่ายพลังงานเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ระดับโลกของ DeepGreenX ไปใช้ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับเงินสนับสนุนจากสัญญาเช่าซื้อมูลค่า 140 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า

นิวยอร์กและปารีส

Pallion Group ผนวกความยืดหยุ่นและประสบการณ์ลูกค้าเข้ากับธุรกิจทองและเครื่องประดับที่เต็มไปด้วยพลวัตด้วย Boomi

Logo

กลุ่มแบรนด์ผลิตภัณฑ์โลหะมีค่าและเครื่องประดับของออสเตรเลียทั้งหกแบรนด์เสริมความแข็งแกร่งด้านประสบการณ์ลูกค้า ผ่านการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้และการมองเห็นข้อมูล (data visibility) เป็นการช่วยวางรากฐานสำหรับ AI ช่วยสร้าง

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2024

วันนี้ Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศว่า Pallion Group บริษัทผลิตภัณฑ์โลหะมีค่าและเครื่องประดับของออสเตรเลีย ได้เสริมความแข็งแกร่งด้านความยืดหยุ่นและประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience : CX) ในทุกแบรนด์ของบริษัท และวางรากฐานสำหรับ AI ช่วยสร้าง (generative AI) โดยใช้ Boomi Enterprise Platform เป็นฐานสำหรับกลยุทธ์ด้านข้อมูล

Pallion Group Welds Resilience and Customer Experience Into Dynamic Gold and Jewellery Business With Boomi (Graphic: Business Wire)

Pallion Group ผนวกความยืดหยุ่นและประสบการณ์ลูกค้าเข้ากับธุรกิจทองและเครื่องประดับที่เต็มไปด้วยพลวัตด้วย Boomi (กราฟิก : Business Wire)

Pallion ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในซิดนีย์ เป็นบริษัทที่ประกอบด้วยแบรนด์ทั้งหมดหกแบรนด์ ที่จัดหา ผลิต จัดจำหน่าย ขาย และให้บริการการจัดเก็บที่ปลอดภัย สำหรับทองคำ เงิน และเครื่องประดับที่ผลิตตามสั่ง โดยให้บริการแก่องค์กรและบุคคล ในออสเตรเลีย ฮ่องกง และจีน  บริษัทได้นำแพลตฟอร์มการบูรณาการในรูปแบบบริการ (Integration Platform as a Service : iPaaS) ของ Boomi มาใช้ เพื่อทำให้การเชื่อมต่อระหว่างระบบเทคโนโลยีง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้เกิดการมองเห็นข้อมูลทางการเงิน การค้า และห่วงโซ่อุปทานผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหวอย่างมาก

Simon Smith ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศกลุ่ม (Group Chief Information Officer : CIO) ของ Pallion Group กล่าวว่า “Pallion จัดหาโลหะมีค่าและเครื่องประดับมูลค่าสูง ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการกำหนดราคาแบบพลวัตและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังมีข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เราดูแลเงินของผู้คนและบริษัทต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงธนาคาร กองทุนบำนาญ และผู้ค้าปลีกรายใหญ่”  “นั่นหมายความว่าเราต้องการให้มีช่วงเวลาให้บริการที่มีความต่อเนื่อง (consistent uptime) สำหรับระบบของเราและระหว่างระบบของเรา เพื่อให้มีการโฟลว์ของข้อมูลไปกลับแบบเรียลไทม์ ในขณะที่ทีมของเราสามารถดูข้อมูลลูกค้าแบบรวมศูนย์ในหน้าจอเดียวได้  Boomi ขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านข้อมูลของเราด้วยการมอบเฟรมเวิร์กการบูรณาการแบบ Hub-and-Spoke ที่สะอาด เพื่อเชื่อมต่อแพลตฟอร์มที่สำคัญต่อธุรกิจและรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อให้ความต้องการนี้เป็นไปได้”

ตามที่คุณ Smith กล่าวนั้น Pallion ได้นำ Boomi Enterprise Platform มาใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เพื่อให้การสนับสนุนฐานรากของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (digital transformation) และเพื่อแทนที่ “ความยุ่งเหยิงแบบเส้นสปาเกตตี” (“spaghetti mess”) นับร้อยรายการ ของการบูรณาการในรูปแบบจุดต่อจุด (point-to-point integration) ที่ล้าสมัย  แพลตฟอร์ม Boomi ได้ถูกใช้เพื่อเชื่อมต่อชุดการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning : ERP) Microsoft Dynamics 365 และระบบการเงินและทรัพยากรบุคคล (Human Resources : HR) ของ Pallion และบริษัทยืนยันว่าการใช้ iPaaS จะปรับขนาดขึ้นได้ (scale up) เมื่อกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลพัฒนาไป  ในขณะเดียวกัน ข้อมูลที่ถูกนำเข้าโดยระบบของ Pallion ได้ถูกรวมศูนย์ไว้ใน Boomi DataHub แล้ว

คุณ Smith กล่าวว่า “Boomi ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เรามั่นใจว่าเราสามารถวางใจได้ ในการส่งข้อมูลไปยังบุคคลและสถานที่ที่ถูกต้อง อย่างปลอดภัย โดยไม่มีช่วงเวลาหยุดทำงาน (downtime) ครอบคลุมตั้งแต่การดำเนินงานด้านการผลิตไปจนถึงเว็บไซต์ที่ลูกค้าของเราใช้ในการซื้อโลหะมีค่าและเครื่องประดับ”  “สิ่งนี้ได้ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เนื่องจากข้อมูลที่ผู้ซื้อและทีมของเราเห็นจะมีความถูกต้องเสมอ หากมีปัญหาใด ๆ โมเดลการบูรณาการของ Boomi จะช่วยให้เราสามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว – กระบวนการที่เคยใช้เวลาหลายวันตอนนี้เสร็จสิ้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง”

Pallion ยังพบว่า ผลิตภาพเพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องจาก Boomi ช่วยให้บริษัทลดเวลาที่ต้องใช้ในการบำรุงรักษาและแก้ไขการบูรณาการแบบจุดต่อจุดลงได้อย่างมาก

นอกจากนี้ คุณ Smith กล่าวว่า Boomi Enterprise Platform ยังทำหน้าที่เป็น “ชั้นการเชื่อมต่อ” (abstraction layer) ทำให้มั่นใจได้ว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติมจะถูกบูรณาการเข้ากับกลุ่มบริษัทได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น โดยมีข้อมูลพร้อมใช้งานผ่าน Boomi DataHub  สิ่งนี้มีความสำคัญในแผนกลยุทธ์ของ Pallion โดยบริษัทวางแผนที่จะนำ AI ช่วยสร้าง มาใช้ เพื่อให้พนักงานสามารถค้นข้อมูลของบริษัทโดยใช้ภาษาธรรมชาติได้ และในท้ายที่สุดเพื่อเร่งกระบวนการภายในต่าง ๆ และการบริการลูกค้า

David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า “Pallion Group เป็นผู้ให้บริการแบรนด์ค้าปลีกที่มีชื่อเสียงที่สุดหลายแบรนด์ ตั้งแต่ Tiffany & Co ไปจนถึง Michael Hill Jewellery รวมถึงให้บริการแก่สถาบันการเงิน และประชาชนชาวออสเตรเลีย  บริษัทเองยังได้ร่วมทำถ้วยรางวัล Melbourne Cup และ Australian Open และรถม้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ด้วย  ลูกค้าของบริษัทย่อมคาดหวังประสบการณ์ที่ราบรื่นเมื่อต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญในการซื้อผลิตภัณฑ์  Boomi ได้ช่วย Pallion ในการสร้างสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้และยืดหยุ่น สำหรับแบรนด์ทุกแบรนด์ เพื่อให้ประสบการณ์ลูกค้าที่เหมาะสมที่สุด ในขณะเดียวกันก็รองรับข้อผูกพันด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งกลุ่มบริษัทต้องปฏิบัติตาม”

ทรัพยากรเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถปรับให้กระบวนการสำคัญต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วขึ้น ด้วยการใช้ความสามารถขั้นสูงของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) Boomi Enterprise Platform เชื่อมต่อระบบและจัดการโฟลว์ของข้อมูลด้วยการจัดการ API (API Management) การบูรณาการ (Integration) การจัดการข้อมูล (Data Management) และการประสานงานปัญญาประดิษฐ์ (AI Orchestration) ในโซลูชันครบวงจรเดียว ด้วยฐานลูกค้าที่กว่า 20,000 บริษัททั่วโลก และเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่า 800 ราย Boomi กำลังปฏิวัติวิธีการที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ค้นพบเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

ลิขสิทธิ์ของ Boomi, LP ปีค.ศ. 2024 “Boomi”, โลโก้ “B” และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP, บริษัทในเครือ หรือบริษัทย่อย ชื่อหรือเครื่องหมายอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับสื่อ :
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นjasmine.ee@boomi.com

แหล่งที่มา : Boomi

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152750/en

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล APJ Customer Innovation Award ประจำปี 2024

Logo

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–21 พฤศจิกายน 2024

ในวันนี้ Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล Asia Pacific and Japan (APJ) Customer Innovation Awards ประจำปี 2024 โดยมอบที่งาน Boomi World Tour ประจำปี 2024 ที่เมืองซิดนีย์

Boomi Announces 2024 APJ Customer Innovation Award Winners (Photo: Business Wire)

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล APJ Customer Innovation Award ประจำปี 2024 (รูปภาพ: Business Wire)

ผู้ชนะได้รับเกียรติจากการคิดค้นนวัตกรรมด้วยการบูรณาการแอปพลิเคชันและข้อมูลลงในระบบปรับปรุงธุรกิจด้วย Boomi Enterprise Platform ผู้ชนะรางวัลในปีนี้ได้รับเลือกจากผลงานที่โดดเด่นในเกณฑ์ต่อไปนี้ คือ การแสดงผลกระทบต่อธุรกิจผ่านผลลัพธ์ที่โดดเด่นและใช้วัดผลได้ การผันเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล โปรเจคต์นวัตกรรม ผลกระทบต่อสังคม การปรับปรุงให้ทันสมัย ​​ความเป็นเลิศด้านการบูรณาการ และความเป็นเลิศด้านระบบอัตโนมัติ

ผู้ชนะรางวัลในปีนี้ได้แก่

  • Norths Collective – รางวัลลูกค้าแห่งปีของ APJ (APJ Customer of the Year Award) — Norths Collective ขับเคลื่อนกลยุทธ์การผันเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลของตนไปกับ Boomi โดยเชื่อมต่อระบบแยก รวมถึงรวมศูนย์กลางข้อมูลการดำเนินงานและสมาชิกของตน การบูรณาการนี้ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจและมอบประสบการณ์สมาชิกแบบเฉพาะบุคคลอย่างยิ่งให้กับกลุ่มธุรกิจบริการที่ตั้งอยู่ในนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม รวมถึงอัตราการคลิกอีเมลที่เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า
  • HEB Construction (HEB) – รางวัลความเป็นเลิศด้านธุรกิจ (Business Excellence Award) — HEB เพิ่มระดับการใช้งานแพลตฟอร์ม Boomi ของตนเพื่อดึงประสิทธิภาพเครื่องมือตรวจสอบถนนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของบุคคลที่สามที่มีอยู่ให้ได้อย่างสูงสุด HEB ใช้ Boomi เพื่อบูรณาการเครื่องมือ AI เข้ากับระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และแพลตฟอร์มการจัดการงานและทรัพย์สิน (WAM) ของรัฐบาลกลางและท้องถิ่น เพื่อให้ฝ่ายบำรุงรักษาและลูกค้าได้ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและทันท่วงทียิ่งขึ้น ซึ่งตามมาด้วยความสำเร็จขององค์กรในการนำ Boomi เข้ามาใช้เพื่อสร้างความสอดคล้องให้กับระบบการดำเนินงานในพื้นที่นิวซีแลนด์และบริษัทแม่ในระดับโลก

Uniting Care Queensland (UCQ) – รางวัลความเป็นเลิศด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare Excellence Award) — Uniting Care Queensland สามารถมอบบริการที่พึ่งพาและสเกลระดับได้ทั่วทั้งโรงพยาบาลทั้งสี่แห่งด้วย Boomi การตัดสินใจของ UCQ ในการเปลี่ยนแพลตฟอร์มบูรณาการแบบเดิมของตนไปเป็นแพลตฟอร์มของ Boomi ช่วยให้บริการตั้งแต่แผนกรังสีวิทยา แผนกพยาธิวิทยา และแผนกสูติกรรม ไปจนถึงบริการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของรัฐบาล การรายงานตามกฎหมาย และบริการด้านอาหารได้รับการยกระดับและสามารถนำกลับมาใช้ได้ทั่วทั้งสถานที่ของบริษัท ในบรรดาระบบบูรณาการกว่า 110 ระบบนั้น แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ยังรองรับการประมวลผลทางการเงินในด้านการเรียกเก็บเงิน การขอเคลมสินไหม และการคืนเงินอีกด้วย

Toyota Motors Corporation Australia (TMCA) – รางวัลความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม (Innovation Award) — TMCA ใช้แพลตฟอร์ม Boomi เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเชื่อมต่อระหว่างระบบธุรกิจองค์กร รวมถึงการบูรณาการกับระบบบางระบบในเครือข่ายแฟรนไชส์ ​​TMCA ในออสเตรเลีย ทั้งยังเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ดิจิทัลบางประเภทให้กับลูกค้าโตโยต้าอีกด้วย ซึ่งช่วยให้กลุ่มยานยนต์สามารถสร้างมุมมองรวมของข้อมูลลูกค้า และรองรับการเก็บบันทึกที่แม่นยำเพื่อให้เกิดกำกับดูแลที่ดีขึ้นและปรับปรุงผลลัพธ์ของประสบการณ์ลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมระบบ Back-End แบบนำมาใช้ซ้ำได้ในระบบบูรณาการ และ API รวมถึงการพัฒนาโค้ดด้วยรูปแบบ Asynchronous

  • Toowoomba Regional Council (TRC) – รางวัลความเป็นเลิศด้านการส่งผลต่อสังคม (Social Impact Award) —TRC นำแพลตฟอร์ม Boomi มาใช้เพื่อปรับปรุงการส่งมอบบริการดิจิทัลให้แก่ผู้อยู่อาศัย รวมถึงคำขอด้านการบำรุงรักษา การชำระค่าน้ำ และแอปพลิเคชันพัฒนาที่อยู่อาศัย ด้วยการบูรณาการแบบฟอร์มบริการเข้ากับระบบต่างๆ มากมายของสภา ในตอนนี้ ผู้อยู่อาศัยจึงได้รับประโยชน์จากกระบวนการบนแอปพลิเคชันที่รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และช่วยกรอกข้อมูลให้ล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดเวลาในการกรอกคำร้องขอและปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับเจ้าหน้าที่สภาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โทมัส ไล รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ APJ ที่ Boomi กล่าวว่า “ในช่วงปีที่ผ่านมา ระบบบูรณาการและระบบอัตโนมัติถือเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังของการผันเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งให้ความสำคัญไปที่ลูกค้าของเรา” ผู้ชนะรางวัล APJ ประจำปี 2024 เป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีความมุ่งมั่นต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ไปจนถึงการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มผลผลิต เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงปฏิรูปภายในโปรเจกต์นวัตกรรมที่ได้รับการยกย่องในปีนี้”

เพื่อตอบสนองต่อจำนวนผู้ส่งผลงานที่มีคุณสมบัติสูงอย่างล้นหลามที่ส่งผลงานเข้าชิงรางวัล APJ Customer Innovation Awards ของปีนี้ Boomi จึงรู้สึกยินดีที่ได้ให้ความยอมรับและให้เกียรติผู้เข้าชิงทุกคนด้วยเช่นกัน ซึ่งลูกค้าที่ส่งผลงานแต่ละรายแสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศและงานที่โดดเด่นจากการใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise Platform

“ลูกค้าของเราสามารถสร้างผลกระทบในอุตสาหกรรมของตน ส่งมอบประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมในด้านผลผลิต และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการเชื่อมการลงทุนทางดิจิทัลของพวกเขากับแพลตฟอร์ม Boomi และการปรับปรุงการมองเห็นข้อมูลของพวกเขาให้ดีขึ้น” ไลกล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi เป็นผู้นำด้านระบบบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ซึ่งช่วยองค์กรทั่วโลกบูรณาการระบบอัตโนมัติและพัฒนากระบวนการที่สำคัญให้เป็นไปอย่างราบรื่นเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วยิ่งขึ้น Boomi Enterprise Platform สามารถเชื่อมต่อระบบและจัดการกระแสข้อมูลด้วยการจัดการ API ระบบบูรณาการ การจัดการข้อมูล และการสั่งการ AI ได้อย่างไร้รอยต่อลงในโซโลชันครบวงจรเดียวด้วยการดึงความสามารถขั้นสูงของ AI Boomi ช่วยปฏิวัติวิธีการที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานให้กับฐานลูกค้ามากกว่า 20,000 บริษัททั่วโลก และเครือข่ายพันธมิตรมากกว่า 800 รายที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2024 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152745/en

ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อนักประชาสัมพันธ์
แจสมิน อี
หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลทางความคิดของ APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi.

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลพาร์ทเนอร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ประจำปี 2024

Logo

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2024

วันนี้ Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลพาร์ทเนอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ Partner Awards) ประจำปี 2024 ในงาน 2024 APJ Boomi Partner Summit ซึ่งจัดขึ้น ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย  รางวัลในปีนี้มอบให้แก่ Atturra (ASX : ATA), LTIMindtree (NSE : LTIM, BSE : 540005) และ Adaptiv ในฐานะพาร์ทเนอร์ผู้ทรงคุณค่าและมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ซึ่งประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับ Boomi เพื่อเร่งผลลัพธ์ทางธุรกิจให้แก่ลูกค้า

Boomi Announces 2024 APJ Partner Award Winners (Graphic: Business Wire)

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลพาร์ทเนอร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ประจำปี 2024 (กราฟิก : Business Wire)

ผู้ชนะรางวัลได้รับการคัดเลือกจากการใช้ความสามารถทั้งหมดของ Boomi Enterprise Platform เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม แก้ไขความท้าทายที่ซับซ้อน และสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมให้แก่ลูกค้า

Jim Fisher รองประธานฝ่ายพันธมิตรและช่องทางการจัดจำหน่าย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า “พาร์ทเนอร์ของเราทั่วภูมิภาคกำลังยกระดับขีดความสามารถของ Boomi สู่จุดสูงสุดใหม่”  “ด้วยความเชี่ยวชาญอันลึกซึ้ง พวกเขาได้มอบสภาพแวดล้อมข้อมูลที่มีการบูรณาการและมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแค่สามารถขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติ แต่ยังช่วยให้สามารถทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลนำ และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า  ความมุ่งมั่นในระดับนี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จของโครงการการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดใหญ่หรือเล็ก  พาร์ทเนอร์ผู้ทรงคุณค่าของเรายังคงเป็นผู้เปิดทาง แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างไม่หยุดยั้งในการสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันมากขึ้นและส่งเสริมความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี”

“รางวัลเหล่านี้เป็นโอกาสให้ Boomi ได้ยกย่องพาร์ทเนอร์ที่เคารพและฉลองให้กับผลงานอันน่าทึ่งในการส่งเสริมแบรนด์ของเราและส่งมอบสิ่งที่ Boomi สัญญา และเรามุ่งหวังที่จะสานต่อแรงขับเคลื่อนแห่งความสำเร็จนี้ไปพร้อมกับผู้ชนะรางวัลและผู้เข้าชิงทุกราย เพื่อเข้าสู่ปีอันน่าตื่นเต้นที่รอเราอยู่”

ผู้ชนะรางวัลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ปี 2024 แบ่งตามประเภท มีดังนี้ :

  • พาร์ทเนอร์แห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น – Atturra
  • พาร์ทเนอร์แห่งปี ประจำภูมิภาคออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ – Atturra
  • พาร์ทเนอร์แห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชีย – LTIMindtree
  • พาร์ทเนอร์เติบโตโดดเด่นแห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น – Adaptiv
  • พาร์ทเนอร์ด้านบริการแห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น – Atturra

Boomi นำเสนอโซลูชันการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติแบบครบวงจรที่ช่วยองค์กรดิจิทัลสมัยใหม่ในการเร่งผลลัพธ์ทางธุรกิจ  บริษัทให้บริการลูกค้ากว่า 20,000 ราย มีชุมชนผู้ใช้ที่เติบโตขึ้นกว่า 250,000 ราย และมีเครือข่ายพาร์ทเนอร์ทั่วโลกประมาณ 800 ราย

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมพาร์ทเนอร์ของ Boomi หรือค้นหาพาร์ทเนอร์จากทั่วโลกผ่านระบบนิเวศของ Boomi โดยเยี่ยมชมที่ Boomi.com/partners

ติดตาม Boomi ได้บน X (Twitter), LinkedIn, Facebook และ YouTube

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถปรับให้กระบวนการสำคัญต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วขึ้น  ด้วยการใช้ความสามารถขั้นสูงของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) Boomi Enterprise Platform เชื่อมต่อระบบและจัดการโฟลว์ของข้อมูลด้วยการจัดการ API (API Management) การบูรณาการ (Integration) การจัดการข้อมูล (Data Management) และการประสานงานปัญญาประดิษฐ์ (AI Orchestration) ในโซลูชันครบวงจรเดียว  ด้วยฐานลูกค้าที่กว่า 20,000 บริษัททั่วโลก และเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่า 800 ราย  Boomi กำลังปฏิวัติวิธีการที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ค้นพบเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

ลิขสิทธิ์ของ Boomi, LP ปีค.ศ. 2024  “Boomi”, โลโก้ “B” และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP, บริษัทในเครือ หรือบริษัทย่อย  ชื่อหรือเครื่องหมายอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152732/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับสื่อ :
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งที่มา : Boomi

SBC Medical Group Holdings Inc. รายงานงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2024

Logo

เออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2024

SBC Medical Group Holdings Incorporated (“SBC Medical” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้ดําเนินการ และผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการและผลิตภัณฑ์สำหรับศูนย์บำบัดความงามระดับโลก ในวันนี้ได้ประกาศงบการเงินก่อนตรวจสอบไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024

งบการเงินที่สำคัญไตรมาส 3 ปี 2024

  • รายได้รวม ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023
  • รายได้รวม ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 23% จาก 131 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023
  • รายได้จากการดําเนินงาน ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 13 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2023
    • ผลลัพธ์นี้ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจดทะเบียนของบริษัท
  • รายได้จากการดําเนินงาน ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 65.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023
    • ผลลัพธ์นี้ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจดทะเบียนของบริษัท
  • EBITDA1 ซึ่งคํานวณโดยการนำค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่ายมาบวกกับรายได้จากการดําเนินงาน ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 68 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 EBITDA margin อยู่ที่ 42% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024
  • รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 8 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023
  • รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 60% จาก 25 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023
  • จํานวนคลินิกพันธมิตร อยู่ที่ 224 แห่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้น 24 แห่งจากวันที่ 30 กันยายน 2023

1 EBITDA และ EBITDA Margin เป็นการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP (ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานบัญชี) สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  โปรดดูหัวข้อ “การใช้การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP ” และตารางที่มีชื่อว่า “การกระทบยอดก่อนตรวจสอบของผลลัพธ์แบบ GAAP (ตามมาตรฐานบัญชี) และแบบ non-GAAP  “

  • จํานวนลูกค้า ในงวดสิบสองเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.3 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ต่อปี) ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิต่อปีที่เป็นของบริษัทหารด้วยค่าเฉลี่ยของส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 และ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 31% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • กําไรต่อหุ้น (พื้นฐาน) ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิที่เป็นของบริษัทหารด้วยจํานวนหุ้นที่ชำระแล้วเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 0.42 เหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

“การประกาศผลประกอบการครั้งแรกของเราในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นก้าวสําคัญสําหรับ SBC Medical หลังจากประสบความสำเร็จในการควบรวมธุรกิจกับ Pono Capital Two แล้ว SBC Medical เริ่มซื้อขายบน Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ 'SBC' เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2024” Yoshiyuki Aikawa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SBC Medical กล่าว “ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 161 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 59% เน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงบวกของแผนริเริ่มเชิงกลยุทธ์ของเรา เช่น การปรับโครงสร้างค่าสิทธิและการขยายเครือข่ายคลินิก นอกจากนี้ ด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินสด 137 ล้านเหรียญสหรัฐ เราจึงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนโดยมีนโยบายเงินทุนที่ชัดเจน เราให้ความสําคัญกับผู้ถือหุ้นเป็นอย่างยิ่ง และยังคงให้ความสําคัญกับมูลค่าของผู้ถือหุ้นต่อไปผ่านผลตอบแทนที่สม่ำเสมอด้วยการเติบโตของธุรกิจที่แข็งแกร่ง การลงทุนต่อเชิงกลยุทธ์ และฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ถือหุ้นทุกคนรวมถึงนักลงทุนรายย่อยของเรา จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตและความสําเร็จของเรา”

งบการเงินไตรมาส 3 ปี 2024

รายได้รวมในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 23% จาก 131 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 รายได้รวมในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าจากคลินิกแฟรนไชส์ของเรา และเนื่องจากการขยายของจํานวนคลินิกแฟรนไชส์ของเรา ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 56 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเที่ยบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 29 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 118% จาก 13 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดนั้นมีสาเหตุหลักมาจากการให้คําปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าตอบแทนตามหุ้น และค่าใช้จ่ายสํานักงานที่สูงขึ้น

EBITDA ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 68.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22% จาก 56.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้ แต่หักล้างไปบางส่วนด้วยค่าปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ EBITDA ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 14.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 36% จาก 23.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 สาเหตุหลักมาจากการให้คําปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าตอบแทนตามหุ้น และค่าใช้จ่ายสํานักงานที่สูงขึ้น

รายได้สุทธิในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 40.1 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 24.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้รวม แต่หักล้างไปบางส่วนจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมด รายได้สุทธิในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 8.1 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2023 การลดลงมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่สูงขึ้น

ข้อมูลกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่สำคัญ

ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 SBC Medical ยังคงรักษาสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวม 137.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 103.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 การเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างเงินสดที่แข็งแกร่งจากกิจกรรมดําเนินงาน การจัดการการลงทุนอย่างรอบคอบ กลยุทธ์การจัดสรรเงินทุนที่มีวินัย

กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงานอยู่ที่ 27 ล้านเหรียญสหรัฐสในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้น 23% จาก 22 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้น 15 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ล่าสุดของบริษัท และการปรับปรุงในการจัดเก็บบัญชีลูกหนี้ ปัจจัยเชิงบวกเหล่านี้ถูกหักล้างไปบางส่วนด้วยการเปลี่ยนแปลงของบัญชีเจ้าหนี้และหนี้สินภาษี ซึ่งสะท้อนถึงการมุ่งเน้นของบริษัทในการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการดําเนินงานที่กําลังเติบโต

กระแสเงินสดจากการลงทุน

เงินสดสุทธิที่ใช้ในกิจกรรมการลงทุนมีมูลค่ารวม 5 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ลดลงจาก 8 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ปัจจัยหลักหลักที่ส่งผลให้ลดลงนี้ ได้แก่ การชําระเงินในนามของบุคคลที่เกี่ยวข้องมูลค่า 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทยังคงจัดสรรเงินทุนอย่างมีกลยุทธ์เพื่อใช้กับสินทรัพย์ที่มีผลกระทบสูงซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตในระยะยาว

กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน

เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงินมีมูลค่ารวม 11 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้นจาก 6 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เพิ่มขึ้นนี้ ได้แก่ รายได้จากการปรับโครงสร้างทุนแบบย้อนกลับ สุทธิจากต้นทุนธุรกรรม 11.7 ล้านเหรียญสหรัฐ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสําคัญกับการเติบโตแบบยั่งยืนของบริษัทฯ ผ่านกระแสเงินสดจากการดําเนินงานมากกว่าการจัดหาเงินทุนจากภายนอก โดยไม่มีหนี้สินใหม่ที่มีนัยสำคัญเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

กระแสเงินสดของ SBC Medical ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ บริษัทฯ ยังคงติดตามความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และใช้กลยุทธ์เพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของสกุลเงิน

ด้วยเงินสดสํารองที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดจากการดําเนินงานที่ดี SBC Medical มั่นใจในความสามารถในการตอบสนองความต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น และจัดหาเงินทุนสําหรับความคิดริเริ่มการเติบโตในอนาคต ฝ่ายบริหารเชื่อว่าสถานะเงินสดในปัจจุบันควบคู่ไปกับกระแสเงินสดจากการดําเนินงานที่วางแผนไว้จะเพียงพอที่จะรองรับการดําเนินธุรกิจและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในอีก 12 เดือนข้างหน้า

เกี่ยวกับ SBC Medical

SBC Medical ซึ่งมีสํานักงานใหญ่ในเมืองเออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและให้บริการด้านการจัดการและผลิตภัณฑ์แก่ศูนย์เสริมความงาม บริษัทมุ่งเน้นที่การให้บริการด้านการบริหารจัดการอย่างครบวงจรแก่คลินิกแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงความต้องการด้านการโฆษณาและการตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น เครือข่ายโซเชียลมีเดีย) การบริหารจัดการพนักงาน (เช่น การสรรหาและการฝึกอบรม) การจองคิวสําหรับลูกค้าคลินิกแฟรนไชส์ การช่วยเหลือในการเช่าที่พักและการเช่าสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานแฟรนไชส์ การก่อสร้างและการออกแบบคลินิกแฟรนไชส์ การจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (ขายต่อ) การจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางให้กับคลินิกแฟรนไชส์เพื่อขายต่อให้กับลูกค้าคลินิก  การออกใบอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างรอรับสิทธิบัตรและไม่ได้จดสิทธิบัตร การใช้เครื่องหมายการค้าและตราสินค้า โซลูชั่นซอฟต์แวร์ไอที (รวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงการให้คําปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล) การจัดการโปรแกรมรางวัลสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ (โปรแกรมคะแนนความภักดีของลูกค้า)  และเครื่องมือการชําระเงินสําหรับคลินิกแฟรนไชส์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sbc-holdings.com/

การใช้การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP

บริษัทใช้การวัดผลแบบ non-GAAP  เช่น EBITDA ในการประเมินผลการดําเนินงานและเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินใจทางการเงินและการดําเนินงาน บริษัทเชื่อว่าการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  ช่วยระบุแนวโน้มที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทเชื่อว่าการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผลการดําเนินงานของบริษัท เพิ่มความเข้าใจโดยรวมเกี่ยวกับผลการดําเนินงานในอดีตของบริษัทและแนวโน้มในอนาคต และช่วยให้มองเห็นตัวชี้วัดหลักที่ฝ่ายบริหารของบริษัทใช้ในการตัดสินใจทางการเงินและการดําเนินงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  ไม่ได้ถูกกําหนดไว้ภายใต้มาตรฐานบัญชีของสหรัฐอเมริกา (U.S. GAAP) และไม่ได้นําเสนอแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกาการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  มีข้อจํากัดในเรื่องเครื่องมือวิเคราะห์ และเมื่อประเมินผลการดําเนินงาน กระแสเงินสด หรือสภาพคล่องของบริษัท นักลงทุนไม่ควรพิจารณาแยกออก หรือพิจารณาแทนผลขาดทุนสุทธิ กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดําเนินงาน หรืองบกำไรขาดทุนอื่นๆ และข้อมูลกระแสเงินสดที่จัดทําขึ้นแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกา

บริษัทบรรเทาข้อจํากัดเหล่านี้โดยการกระทบยอดการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  เข้ากับการวัดผลการดําเนินงานแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกาที่เทียบเคียงได้มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ควรนำมาพิจารณาเมื่อประเมินผลการดําเนินงานของบริษัท

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  โปรดดูตารางที่หัวข้อ “การกระทบยอดก่อนตรวจสอบของผลลัพธ์แบบ GAAP  และแบบ non-GAAP”

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตหรือข้อความเกี่ยวกับสภาวะปัจจุบัน  แต่เป็นเพียงการแสดงความเชื่อของบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์และผลการดําเนินงานในอนาคตเท่านั้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วหลายสิ่งมีความไม่แน่นอนโดยและอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้สะท้อนถึงมุมมองปัจจุบันของบริษัท เกี่ยวกับผลการดําเนินงานทางการเงินของบริษัท การเติบโตของรายรับและรายได้ แนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจ และแผนการจัดสรรเงินทุนและสภาพคล่อง ในบางกรณี ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตสามารถระบุได้ด้วยการใช้คําต่างๆ เช่น “อาจ” “ควร” “คาดหมายว่า” “คาดการณ์ว่า” “พิจารณา” “ประมาณการ” “เชื่อว่า” “มีแผนจะ” “คาดว่า” “ทำนาย” “อาจเป็นไปได้” หรือ “หวังว่า” หรือความหมายเชิงลบของคําเหล่านี้หรือคําที่คล้ายคลึงกัน บริษัทขอเตือนผู้อ่านว่าอย่าพึ่งพาข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตใดๆ มากเกินไป ซึ่งเป็นปัจจุบัน ณ วันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และอาจมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน สมมติฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากต่อการคาดการณ์หรือวัดผลได้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเป็นความคาดหวังในปัจจุบันของฝ่ายบริหาร มิได้เป็นการรับรองการดําเนินงานในอนาคต บริษัทไม่มีภาระผูกพันหรือยอมรับภาระผูกพันใดๆ ในการเผยแพร่ข้อมูลอัปเดต หรือการแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตต่อสาธารณะ เพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ หรือการเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ที่ข้อความดังกล่าวอ้างถึง เว้นแต่ตามที่กฎหมายกําหนด ปัจจัยที่อาจทําให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญจากการคาดการณ์ในปัจจุบันอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และบริษัทไม่สามารถคาดการณ์ได้ทั้งหมด ปัจจัยดังกล่าวรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ธุรกิจ การแข่งขัน การตลาด และข้อกำหนดด้านกฎระเบียบในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับท้องถิ่น รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่ระบุไว้ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” และที่อื่นๆ ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (“SEC”) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

งบดุลรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

30 กันยายน

31 ธันวาคม

2024

2023

สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน:

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

$

137,393,070

$

103,022,932

บัญชีลูกหนี้

1,944,604

1,437,077

บัญชีลูกหนี้– กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

27,835,179

33,676,672

สินค้าคงเหลือ

1,985,883

3,090,923

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

8,443,338

6,143,564

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า หมุนเวียน

16,125,086

8,484,753

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 

8,372,668

10,050,005

รวมสินทรัพย์หมุนเวียน

202,099,828

165,905,926

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน:

ทรัพย์สินและอุปกรณ์สุทธิ

13,194,414

13,582,017

สินทรัพย์ไม่มีตัวตนสุทธิ

16,218,233

19,739,276

การลงทุนระยะยาว

4,905,115

849,434

ค่าความนิยมสุทธิ

3,545,391

3,590,791

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

4,629,047

3,420,489

สินทรัพย์สิทธิการใช้สัญญาเช่าดําเนินงาน

5,251,418

5,919,937

สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

624,564

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า ไม่หมุนเวียน

6,590,301

6,444,025

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

4,308,810

4,099,763

การลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

19,561,069

19,811,555

ทรัพย์สินอื่น

15,550,402

15,442,058

รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

94,378,764

92,899,345

รวมสินทรัพย์

$

296,478,592

$

258,805,271

หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

หนี้สินหมุนเวียน:

บัญชีเจ้าหนี้

$

14,873,829

$

26,531,944

ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี

136,683

156,217

ตั๋วเงินจ่าย หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

10,202,360

3,369,203

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า

565,495

2,074,457

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

18,994,015

23,058,175

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

8,000,808

8,782,930

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน หมุนเวียน

4,060,844

3,885,812

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

12,054,047

21,009,009

เนื่องจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

3,532,453

3,583,523

รวมหนี้สินหมุนเวียน

72,420,534

92,451,270

หนี้สินไม่หมุนเวียน:

เงินให้กู้ยืมระยะยาว

686,470

1,062,722

ตั๋วเงินจ่าย ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

11,659,022

11,948,219

หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

3,515,825

6,013,565

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน ไม่หมุนเวียน

1,528,972

2,444,316

หนี้สินอื่น

1,147,345

1,074,930

รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน

18,537,634

22,543,752

รวมหนี้สิน

90,958,168

114,995,022

ส่วนของผู้ถือหุ้น:

หุ้นบุริมสิทธิ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 เหรียญสหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 20,000,000 หุ้น ไม่มีหุ้นที่ออกและชำระแล้ว ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 และ 31 ธันวาคม 2023) (1)

หุ้นสามัญ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 เหรียญสหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 400,000,000 หุ้น หุ้นที่ออกและชำระแล้ว  103,020,816 หุ้น และ 94,192,433 หุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 และ 31 ธันวาคม 2023) (1)

10,302

9,419

ส่วนเกิน (ต่ำกว่า) มูลค่าหุ้น (1)

60,825,115

36,879,281

ลูกหนี้หุ้นทุนซื้อคืน (หุ้นสามัญ 270,000 หุ้น) – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(2,700,000

)

กำไรสะสม

182,923,786

142,848,732

ขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นสะสม

(36,078,149

)

(37,578,255

)

รวมส่วนของผู้ถือหุ้นของ Total SBC Medical Group Holdings Incorporated

204,981,054

142,159,177

ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

539,370

1,651,072

รวมส่วนของผู้ถือหุ้น

205,520,424

143,810,249

รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

$

296,478,592

$

258,805,271

(1)

ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการปรับโครงสร้างทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากการรวมธุรกิจแบบย้อนกลับมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2024

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

งบกําไรขาดทุนและงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

2024

2023

2024

2023

รายได้สุทธิ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

$

51,209,243

$

45,119,709

$

152,718,488

$

125,336,653

รายได้สุทธิ

1,875,640

2,158,976

8,276,517

5,856,076

รวมรายได้สุทธิ

53,084,883

47,278,685

160,995,005

131,192,729

ต้นทุนรายได้ตามจริง

9,845,793

13,780,309

38,816,865

37,256,066

กําไรขั้นต้น

43,239,090

33,498,376

122,178,140

93,936,663

ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน:

ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหาร

16,597,032

13,446,618

43,784,637

46,885,138

ค่าตอบแทนตามหุ้น

12,807,455

12,807,455

ขาดทุนจากการยักยอก

28,516

380,766

รวมค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน

29,404,487

13,475,134

56,592,092

47,265,904

รายได้จากการดําเนินงาน

13,834,603

20,023,242

65,586,048

46,670,759

รายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย):

รายได้จากดอกเบี้ย

7,950

10,234

37,283

86,345

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย

(5,466

)

(3,978

)

(15,898

)

(37,380

)

รายได้อื่น

65,922

1,138,869

721,894

3,875,723

ค่าใช้จ่ายอื่น 

(795,158

)

(98,314

)

(2,746,450

)

(581,239

)

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

3,813,609

รวมรายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย)

(726,752

)

1,046,811

1,810,438

3,343,449

กำไรก่อนภาษีเงินได้

13,107,851

21,070,053

67,396,486

50,014,208

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

10,273,384

13,012,262

27,254,478

25,683,244

กำไรสุทธิ

2,834,467

8,057,791

40,142,008

24,330,964

หัก: กําไรสุทธิ (ขาดทุน) ที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

1,573

(298,623

)

66,954

(696,812

)

กําไรสุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

$

2,832,894

$

8,356,414

$

40,075,054

$

25,027,776

กําไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น:

ส่วนปรับปรุงจากการแปลงค่าสกุลเงินต่างประเทศ

20,783,646

(974,249

)

1,543,245

(19,825,222

)

การจําแนกประเภทกําไรทียังไม่เกิดขึ้นจากตราสารหนี้เผื่อขายเป็นกําไรสุทธิตามจริง สุทธิจากผลกระทบทางภาษีเป็นศูนย์และ (97,856) เหรียญสหรัฐ ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 และ 2023 ตามลําดับ ไม่มีและ (97,856) เหรียญสหรัฐ ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 และ 2023 ตามลําดับ

(205,383

)

(8,760

)

รวมกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ

23,618,113

6,878,159

41,685,253

4,496,982

หัก: กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

180,093

(387,948

)

110,093

(1,129,475

)

กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

$

23,438,020

$

7,266,107

$

41,575,160

$

5,626,457

กําไรสุทธิต่อหุ้นที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated (1)

กำไรต่อหุ้นปรับลด

$

0.03

$

0.09

$

0.42

$

0.27

จำนวนหุ้นเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ชำระแล้ว (1)

กำไรต่อหุ้นปรับลด

95,095,144.00

94,192,433.00

94,495,533.00

94,192,433.00

(1)

ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการปรับโครงสร้างทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากการรวมธุรกิจแบบย้อนกลับมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2024

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

งบกระแสเงินสดรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่

30 กันยายน

2024

2023

กระแสเงินสดจากกิจกรรมดําเนินงาน

กำไรสุทธิ

$

40,142,008

$

24,330,964

การปรับเพื่อกระทบยอดกำไรสุทธิกับเงินสดสุทธิที่ได้จากกิจกรรมดําเนินงาน:

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

2,867,781

9,688,640

ค่าใช้จ่ายการเช่าที่ไม่ใช่เงินสด

2,908,990

2,424,220

สํารองหนี้เสีย (กลับรายการ)

(127,196

)

282,934

ค่าตอบแทนตามหุ้น

12,807,455

ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินและอุปกรณ์

204,026

กําไรที่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุนระยะสั้น

(223,164

)

การเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนระยะยาว

1,682,282

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

(3,813,609

)

ขาดทุน (กําไร) จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน

185,284

(249,532

)

ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

(2,154,837

)

(1,379,922

)

การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดําเนินงาน

บัญชีลูกหนี้

(804,000

)

(924,061

)

บัญชีลูกหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

4,971,911

(19,979,099

)

สินค้าคงเหลือ

763,075

(4,038,874

)

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(3,430,267

)

17,241,740

ลูกหนี้สินเชื่อของลูกค้า

12,860,220

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น

902,230

8,173,153

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

432,380

(1,991,626

)

สินทรัพย์อื่น

(348,178

)

(1,884,352

)

บัญชีเจ้าหนี้

(10,511,619

)

6,712,977

ตั๋วเงินจ่าย – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(14,030,092

)

ความก้าวหน้าจากลูกค้า

(1,401,437

)

(681,973

)

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(3,565,778

)

(7,430,332

)

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

(549,446

)

16,518,062

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

(2,971,946

)

(2,335,113

)

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

(9,010,270

)

298,743

ค่าใช้จ่ายชดเชยการเกษียณอายุค้างจ่าย – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(22,082,643

)

หนี้สินอื่น

81,290

79,215

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงาน

27,886,231

22,753,983

กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน

การซื้อทรัพย์สินและอุปกรณ์

(1,974,285

)

(2,299,045

)

การซื้อสินทรัพย์ไม่มีตัวตน

(1,683,030

)

การซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ

(1,700,000

)

(1,000,000

)

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าสําหรับทรัพย์สินและอุปกรณ์

(843,740

)

(417,353

)

รายได้รับล่วงหน้าจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(617,804

)

(1,017,292

)

การชําระเงินในนามของบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน

(5,245,990

)

การซื้อเงินลงทุนระยะสั้น

(2,106,720

)

การซื้อเงินลงทุนระยะยาว

(331,496

)

เงินลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(26,780

)

เงินสดที่ได้รับจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่ได้รับ

722,551

เงินกู้ยืมระยะยาวแก่ผู้อื่น

(80,793

)

(421,429

)

การชําระคืนจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

5,990,990

734,358

การชําระคืนจากผู้อื่น

62,927

47,356

รายได้จากการขายเงินลงทุนระยะสั้น

4,125,813

รายได้จากการเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต

3,954,760

การจําหน่ายบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่จําหน่ายไป

(815,819

)

รายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

1,971

8,046,007

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน (ใช้ใน)

(5,554,039

)

8,659,196

กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน

การกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

12,310,106

รายได้จากการปรับโครงสร้างทุนแบบย้อนกลับ สุทธิจากต้นทุนการทําธุรกรรม

11,707,417

รายได้จากการออกหุ้นสามัญ

10

รายได้จากการใช้สิทธิของใบสําคัญแสดงสิทธิ

31,374

การชําระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว

(89,448

)

(8,691,462

)

การชําระคืนให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(65,305

)

(7,619,266

)

ถือว่าเป็นเงินสมทบที่เกี่ยวข้องกับการกําจัดทรัพย์สินและอุปกรณ์

9,620,453

ถือว่าเป็นเงินสมทบที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างองค์กร

642,748

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน

11,584,038

6,262,589

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

453,908

(11,982,793

)

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่เพิ่มขึ้นสุทธิ

34,370,138

25,692,975

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ ต้นงวด

103,022,932

51,737,994

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นงวด

$

137,393,070

$

77,430,969

การเปิดเผยข้อมูลกระแสเงินสดเพิ่มเติม

เงินสดที่จ่ายดอกเบี้ยจ่าย

$

15,898

$

37,380

เงินสดที่จ่ายภาษีเงินได้

$

31,332,123

$

12,608,072

กิจกรรมจัดหาเงินและกิจกรรมลงทุนที่ไม่ใช่เงินสด

ทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

$

164,781

$

7,681,830

สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

$

$

17,666,115

การชําระหนี้ให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันเกี่ยวกับการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

$

$

4,163,604

สินทรัพย์สิทธิการเช่าดําเนินงานที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนกับหนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

$

$

1,029,518

การวัดค่ามูลค่าใหม่ของหนี้สินตามสัญญาเช่าดำเนินงานและสินทรัพย์สิทธิการใช้อันเนื่องมาจากการแก้ไขสัญญาเช่า

$

2,408,752

$

2,110,079

การออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันที่เกี่ยวข้องในการให้บริการสินเชื่อ

$

20,398,301

$

การออกหุ้นสามัญให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันจากการแปลงหุ้นกู้แปลงสภาพ

$

2,700,000

$

การออกหุ้นสามัญเป็นหุ้นจูงใจ

$

34

$

การชําระคืนเงินกู้ให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกับการออกหุ้นสามัญ

$

$

795

การพิจารณาซื้อที่ไม่ใช่เงินสดสําหรับการซื้อสินทรัพย์

$

$

705,528

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

การกระทบยอดผลของ GAAP และ Non-GAAP ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

2024

2023

2024

2023

รายได้จากการดําเนินงาน

13,834,603

20,023,242

65,586,048

46,670,759

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

1,018,359

3,287,809

2,867,781

9,688,640

EBITDA

14,852,962

23,311,051

68,453,829

56,359,399

อัตรากําไร EBITDA

28

%

49

%

42

%

43

%

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ในเอเชีย:

SBC Medical Group Holdings Incorporated

Hikaru Fukui / Head of Investor Relations

E-mail: ir@sbc-holdings.com

ในสหรัฐอเมริกา:

ICR LLC

Bill Zima / Managing Partner

Email: bill.zima@icrinc.com

ที่มา: SBC Medical Group Holdings Incorporated.

STEERLife และ Callidus Research Laboratories สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

Logo

เบงกาลูรู อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

STEERLife ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการพัฒนายา และ Callidus Research Laboratories ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่มีประสบการณ์มากมายในการพัฒนายารักษาโรคอย่างครอบคลุม ได้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาสำหรับตลาดทั่วโลก STEERLife เป็นแผนกหนึ่งของ STEER World

ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ขั้นสูงและการผลิตแบบต่อเนื่องของ STEERLife เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนายารักษาโรคของ Callidus เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยาและการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

STEERLife และ Callidus จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งร่วมกันเพื่อให้บริการพัฒนายาขั้นสูงแก่ลูกค้าทั่วโลกโดยใช้เทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ความร่วมมือนี้ทำให้ทั้งสององค์กรสามารถผสมผสานความรู้และทักษะเฉพาะทางของตนเข้าด้วยกันได้ ซึ่งนำไปสู่โซลูชันเชิงนวัตกรรมและข้อเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือยังช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนเครือข่าย การติดต่อ และการเข้าถึงตลาด ทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถเข้าสู่ภูมิภาคและกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ ความร่วมมือนี้จะตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยารักษาโรครุ่นถัดไป โดยให้บริการแก่บริษัทยาสามัญและบริษัทยาที่มีแบรนด์

ความร่วมมือนี้ยังช่วยให้สามารถพัฒนายาแบบครบวงจรสำหรับสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API) ที่ออกฤทธิ์แรงได้ด้วย นอกเหนือจากความสามารถที่เสริมซึ่งกันและกันแล้ว ความร่วมมือระหว่างองค์กรยังได้รับการขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันในการผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตสำหรับตลาดทั่วโลก

“ความร่วมมือของเรากับ Callidus Research Laboratories ถือเป็นก้าวสำคัญในด้านนวัตกรรมเภสัชกรรม” Indu Bhushan ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ STEERLife กล่าว “ความร่วมมือนี้ช่วยให้ลูกค้ามีเทคโนโลยีสุดล้ำ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม และความสามารถในการขยายขนาดที่ราบรื่น”

“การพัฒนานี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ STEERLife ในด้านความเป็นเลิศ นวัตกรรม และการส่งมอบคุณค่าที่ยอดเยี่ยม” คุณ Bhushan กล่าวเสริม

“การร่วมมือกับ STEERLife ช่วยเพิ่มความสามารถของเรา ทำให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันเชิงนวัตกรรมที่ครอบคลุมให้กับบริษัทด้านเภสัชกรรมต่างๆ ทั่วโลกได้” Vardhaman Bafna ผู้ก่อตั้งร่วมและผู้อำนวยการของ Callidus Research Laboratories กล่าว “ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการผลักดันขอบเขต ส่งเสริมการเติบโต และปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ป่วยผ่านโซลูชันทางเภสัชกรรมที่เปลี่ยนแปลงชีวิต”

เกี่ยวกับ STEERLife

STEERLife ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ STEER World เป็นบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพชั้นนำที่ปฏิวัติการผลิตและการบริโภคยารักษาโรคผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์สุดล้ำ ในฐานะบริษัทด้านเภสัชกรรมชั้นนำในอินเดียที่เปลี่ยนจากการผลิตเป็นชุดแบบดั้งเดิมเป็นการผลิตแบบต่อเนื่องและไม่มีการหยุดชะงัก STEERLife มอบโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ยอดเยี่ยม โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับผู้ป่วย ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเชิงนวัตกรรม

เกี่ยวกับ Callidus Research Laboratories

Callidus Research Laboratories เป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่ก่อตั้งและบริหารโดยทีมงานมืออาชีพจากอุตสาหกรรมเภสัชกรรม ซึ่งมีประวัติการให้บริการตลาดทั่วโลกที่ยอดเยี่ยม

ทีมงานของ Callidus ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความสามารถในการพัฒนารูปแบบยาต่างๆ และให้บริการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคครบวงจรแก่ลูกค้าทั่วโลก

เราให้บริการครบวงจรในโปรแกรมพัฒนายาแก่พันธมิตรทั่วโลกของเรา ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาสูตรยา การพัฒนาเชิงวิเคราะห์ การศึกษาความคงตัว การถ่ายโอนเทคโนโลยี สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการสนับสนุนด้านกฎระเบียบ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Amit Jain, Myo Brand Partners, +91-9886062866

แหล่งข้อมูล: STEERLife

The Bangkok Reporter