Ingram Micro Cloud นำเสนอพอร์ตโฟลิโอ Google Cloud Platform Google Workspace และ Chrome Enterprise ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

เครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางของ Ingram Micro Cloud ได้รับโอกาสใหม่ ๆ ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขยายธุรกิจ IaaS ในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย

เออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2565

Ingram Micro Cloud ประกาศในวันนี้ว่ากำลังนำเสนอ Google Cloud Platform (GCP), Google Workspace และ Chrome Enterprise ให้กับเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ทั้งนี้ Ingram Micro Cloud กำลังนำเสนอบริการ Google Cloud ที่โดดเด่น ซึ่งเปิดตัวก่อนหน้านี้ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และฝรั่งเศส – พร้อมใช้งานเฉพาะกับเครือข่ายในตลาดเหล่านี้เป็นครั้งแรก

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสนับสนุนการเสนอ Cloud Marketplace ของ Ingram Micro ทั่วโลก ด้วยพันธมิตรที่มีความสามารถในการใช้ประโยชน์จาก Ingram Micro Cloud เพื่อขยายธุรกิจ Google Cloud Platform, Google Workspace และ Chrome Enterprise

Google Cloud และ Ingram Micro Cloud กำลังทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาทักษะและข้อเสนอในปัจจุบันของพันธมิตรช่องทางจำหน่าย และพัฒนาทรัพยากรใหม่เพื่อสนับสนุนพันธมิตรในการจัดการลูกค้าปลายทาง Ingram Micro Cloud ยังครอบคลุมถึงการรองรับพันธมิตรที่หลากหลายและสนับสนุนความคิดริเริ่ม เพื่อช่วยพันธมิตรสร้างแนวทางปฏิบัติ GCP, Google Workspace และ Chrome Enterprise ผ่านโปรแกรมพันธมิตร ซึ่งจัดให้มีโมเดลการมีส่วนร่วมแบบ end-to-end สำหรับ Ingram Micro Cloud เพื่อเปิดใช้งานผู้รวมระบบ (SIs ) และผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV)

Victor Paradell กรรมการบริหาร ฝ่ายขายช่องทางคลาวด์ ตลาดเกิดใหม่ที่ Ingram Micro Cloud กล่าวว่า “พันธมิตรช่องทางจำหน่ายในภูมิภาคจะได้รับประโยชน์จากความแข็งแกร่งของความร่วมมือนี้ ในการคว้าโอกาสการเติบโตที่สำคัญในข้อเสนอบริการคลาวด์แบบ end-to-end ของ Google” Paradell กล่าวต่อว่า “Ingram Micro Cloud รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Google Cloud และในทางกลับกันก็มอบสิทธิ์เฉพาะแก่พันธมิตรผู้ค้าปลีกของเราทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการเข้าถึงพอร์ตโฟลิโอ Google Cloud Platform, Google Workspace และ Chrome Enterprise ของเรา ด้วยการประกาศนี้ เราแสดงความมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตรของเราที่สามารถเข้าถึงโซลูชันการทำงานร่วมกันและโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์ดีที่สุด การบริการ และผลประโยชน์ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถปลดล็อกโอกาสทางดิจิทัลในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในโลก”

Ingram Micro Cloud คาดว่าเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางจะมีโอกาสใหม่ ๆ ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในขณะที่ขยายธุรกิจ IaaS ของพวกเขา จากผลลัพธ์ของการขยายความสัมพันธ์กับ Google Cloud ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความเฟื่องฟูในตลาด IaaS ระดับโลก โดย Gartner รายงานการเติบโตคิดเป็น 40.7% ของการบริการคลาวด์สาธารณะ IaaS ทั่วโลกในปี 2563 และนักวิจัยตลาดคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมจะมีมูลค่าถึง 74.63 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2568

“เราได้พบกับความต้องการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากธุรกิจต่าง ๆ โดยที่พวกเขาเปิดรับระบบคลาวด์ในการขับเคลื่อนความยืดหยุ่น นวัตกรรม และการเติบโต การปรับใช้ระบบคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นนี้หมายความว่าความต้องการพันธมิตรที่มีทักษะสูงเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของลูกค้าของเราไม่เคยยิ่งใหญ่เท่านี้มาก่อน” Ruma Balasubramanian กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Google Cloud กล่าว “ด้วยประสบการณ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ Ingram Micro Cloud ในการสร้างและปรับขนาดแนวทางปฏิบัติของ Google Cloud ที่ประสบความสำเร็จ SI และ ISV จะได้รับโอกาสที่สำคัญในการส่งมอบการใช้งานที่มีมูลค่าสูงและบริการระดับมืออาชีพ โซลูชันแบบแนวตั้ง และความเชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เราภูมิใจที่พันธมิตรของเราได้เห็นการเติบโตที่น่าประทับใจในแทบทุกด้านของธุรกิจของพวกเขา และความร่วมมือของเรากับ Ingram Micro Cloud เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการจัดหาผลิตภัณฑ์ การบริการ การฝึกอบรม และการสนับสนุนสู่ตลาดให้กับระบบนิเวศของพันธมิตรในภูมิภาคที่จำเป็นในการเร่งแรงผลักดันร่วมกันของเรา”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอ Google Cloud ของ Ingram Micro Cloud สามารถดูได้ที่หน้า IaaS landing page ของเรา

เกี่ยวกับ Ingram Micro Cloud

Ingram Micro Cloud ได้รวบรวมนวัตกรและนักแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้โลกประสบความสำเร็จมากขึ้น และยังช่วยอำนวยความสะดวกและจัดการห่วงโซ่คุณค่าดิจิทัลที่ซับซ้อนของระบบคลาวด์ ซึ่งทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี CloudBlue ด้วยการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ การเข้าถึงที่ง่ายดายในการเข้าสู่ตลาดอัตโนมัติและเครื่องมือบูรณาการ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเชิงลึก และการเลือกโซลูชัน SaaS และ IaaS ที่คัดสรรมาอย่างดี Ingram Micro Cloud ช่วยผู้ขาย ผู้ค้าปลีก และผู้ให้บริการแบบ managed service ได้โดยนำเสนอการบริการแบบ More as a Service ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ingrammicrocloud.com

ติดต่อ:

Megan Binkley
Global Public Relations, Ingram Micro Cloud
Megan.Binkley@ingrammicro.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hytera Group คว้ารางวัล ICCA อันทรงเกียรติห้ารางวัลสำหรับนวัตกรรมและความเป็นเลิศในตลาด

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–05 ก.ค. 2022

Hytera ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพ พร้อมด้วยบริษัทในเครือ Sepura และ Teltronic ได้รับรางวัลใน 5 หมวดหมู่ในงาน International Critical Communications Awards (ICCAs) 2022 ที่จัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย รางวัล ICCAs ที่นำเสนอโดย The Critical Communications Association (TCCA) เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดในงานด้านการสื่อสารที่สำคัญเพื่อเฉลิมฉลองให้กับสิ่งที่ดีที่สุดของภาคส่วนในหลากหลายแนวดิ่ง และเป็นการยกย่องผู้ที่มีส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมการสื่อสาร

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220705005515/en/

Hytera Group Wins Five ICCA Awards in Critical Communications (Graphic: Business Wire)

Hytera Group คว้ารางวัล ICCA ห้ารางวัลในสาขาการสื่อสารที่สำคัญ (กราฟิก: Business Wire)

Hytera ได้รับรางวัล “Best Use of Critical Communications in Transport” (การใช้งานสื่อสารทางคมนาคมที่ยอดเยี่ยม) สำหรับโครงการโทรคมนาคมการรถไฟศรีลังกา (SLR)  โครงการนี้เปิดใช้งานโซลูชัน MCS ที่สอดคล้องกับ 3GPP ของ Hytera เพื่อเชื่อมต่อระหว่างไซต์ SLR และให้เจ้าหน้าที่รถไฟเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้พวกเขาให้บริการผู้โดยสารได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้พนักงานขับรถไฟทำงานได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย โดยปรับปรุงความตรงต่อเวลาและลดอุบัติเหตุรถไฟ

Sepura ยังคว้ารางวัล ICCA ในสาขา "Best Use of Critical Communications in Mining, Oil & Gas" (การใช้งานสื่อสารในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ น้ำมัน และแก๊ส) สำหรับ AutoMate App SPACE Application และ SCG22 Mobile Radio ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ National Wireless Mining Solution  โซลูชันดังกล่าวมีส่วนช่วยในการปฏิบัติงานและความปลอดภัยของพนักงานด้วยการเปิดใช้งานระบบวิทยุทางภูมิศาสตร์อัตโนมัติและทริกเกอร์ตามสถานการณ์ในเหมืองแร่เหล็กในออสเตรเลีย

SCU3 ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับรถยนต์บรอดแบนด์รุ่นล่าสุดของ Sepura ได้รับรางวัล “Best MX-C Device of the Year” (อุปกรณ์ MX-C ยอดเยี่ยมแห่งปี)  เทคโนโลยีนี้กระตุ้นความสนใจอย่างมากในหมู่ผู้ใช้การสื่อสารมืออาชีพที่กำลังมองหาความสามารถด้านข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและพิสูจน์ได้ในอนาคต เพื่อปรับปรุงโซลูชันการสื่อสารของพวกเขา

Diana Ball ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสของ Sepura ได้รับการยอมรับจากรางวัล “Outstanding Contribution to Critical Communications” (การสนับสนุนการสื่อสารที่โดดเด่น) จากการพัฒนามาตรฐาน TETRA ที่ผู้ใช้ยังคงได้รับความไว้วางใจเพื่อการทำงานร่วมกันระหว่างซัพพลายเออร์

ถัดไป โครงการ EDESUR ของ Teltronic ได้รับรางวัล “Best Use of Critical Communications in Utilities” (การใช้การสื่อสารในสาธารณูปโภค)  สร้างพื้นฐาน NEBULA TETRA ทำให้บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าเอกชนในอาร์เจนตินาสามารถติดตามตรวจสอบแบบเรียลไทม์และตรวจจับข้อผิดพลาดของเครือข่ายการจ่ายพลังงานได้ และปรับปรุงการจัดการของบริษัทและประสิทธิภาพการดำเนินงานต่อไปด้วยเทคโนโลยี SDM (การจัดการข้อมูลแบบซิงโครนัส) ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Teltronic

นอกจากการคว้ารางวัลเหล่านี้แล้ว Hytera Group ยังได้รับคัดเลือกให้เข้าชิงในหมวดหมู่เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง ได้แก่:

Best MC-X Device of the Year (อุปกรณ์ MC-X ที่ดีที่สุดแห่งปี)

Hytera PDM680 Rugged MCS Radio

Teltronic RTP-800, วิทยุ MCX Cab สำหรับการคมนาคมเครื่องแรก

Best MC-X solutions of the year (โซลูชัน MC-X ที่ดีที่สุด แห่งปี)

Sepura SCU3 Broadband Vehicle Device

Best TETRA Device of the Year (อุปกรณ์ TETRA ยอดเยี่ยมแห่งปี)

Hytera PTC680 Multi-mode Radio

Sepura SCG22 Mobile TETRA Radio

Best Use of Advanced Technology (ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ยอดเยี่ยม)

Hytera AI-based Noise Cancellation for Two-way Radios

Best Use of Critical Communications in Public Safety  (ใช้งานการสื่อสารทในด้านความปลอดภัยสาธารณะ)

Teltronic: RESCAN ความน่าเชื่อถือ และการประสานงานในการต่อสู้กับภูเขาไฟ

Best Use of Critical Communications in Transport  (การใช้การสื่อสารที่สำคัญในการขนส่งที่ยอดเยี่ยม)

Hytera: รถไฟคาซัคสถานดำเนินการได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพด้วย เทคโนโลยี TETRA Communications System

ผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันที่กำลังเกิดขึ้นใหม่

Hytera PNC560 อุปกรณ์ MCPTT 5G เครื่องแรกของโลก

เมื่อเร็วๆ นี้ที่ Hytera ได้เปิดตัว นวัตกรรมมากมายจากสายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรวมถึงวิทยุ DMR H-Series ล่าสุด, Body-worn Camer เช่น วิทยุ PTToC และวิทยุ MCS, วิทยุที่ทนทานหลายโหมดและอุปกรณ์ 5G Xsecure ที่ทนทาน นอกจากนี้ Hytera Convergence-Native Solutions ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ (รวมถึง HyTalk, HyTalk Pro และ HyTalk MC) ซึ่งประกอบด้วยโมดูลต่างๆ ผสานรวมโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีอยู่ รวมแกนเครือข่ายและแพลตฟอร์มการสื่อสารเข้าด้วยกัน และให้ API แบบเปิดสำหรับการใช้บริการใหม่

ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่สำคัญล้ำสมัย Hytera จะยังคงสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าทั่วโลกโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hytera ที่ ICCAs 2022 โปรดไปที่: https://www.hytera.com/en/media-center/event/hytera-group-won-international-critical-communication-awards.html

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220705005515/en/

ติดต่อ:

marketing@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SINOVAC จับมือทีมวิจัย HKU-CTC และโรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง เริ่มวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกกับวัคซีนชนิดเชื้อตายที่จำเพาะต่อสายพันธุ์โอไมครอน เพื่อใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันในฮ่องกง ประเทศจีน

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–04 กรกฎาคม 2565

พิธีเปิดงานจัดขึ้นที่โรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง (Gleneagles หรือ GHK) ในการเริ่มวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกเพื่อประเมินความปลอดภัยและประเมินภูมิคุ้มกันของวัคซีนชนิดเชื้อตายที่จำเพาะต่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนของ SINOVAC ที่ถูกใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรง การทดลองนี้คาดว่าจะนำมาซึ่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อใช้เป็นแนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันในอนาคตต่อไป การทดลองครั้งนี้นำโดยทีมวิจัยทางการแพทย์ของศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC) ร่วมกับโรงพยาบาล Gleneagles

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220704005146/en/

[From right to left] Professor Ivan Hung Fan-ngai, Ru Chien & Helen Lieh Professor in Health Sciences Pedagogy, Clinical Professor and Chief of Infectious Diseases, Department of Medicine, School of Clinical Medicine, Assistant Dean (Admissions), LKS Faculty of Medicine of The University of Hong Kong; Dr Kenneth Tsang, CEO of Gleneagles Hospital Hong Kong; Ms. Cheryl Law, International Business Development Director, Asia Pacific of SINOVAC; Mr. Henry Yau, Managing Director of The University of Hong Kong Clinical Trials Centre. (Photo: Business Wire)

[จากขวาไปซ้าย] ศาสตราจารย์ Ivan Hung Fan-ngai ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ Ru Chien & Helen Lieh ด้านการสอนวิทยาศาสตร์สุขภาพ ศาสตราจารย์คลินิกและหัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อ ภาควิชาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์คลินิก ผู้ช่วยคณบดี (วิทยาลัย) คณะแพทยศาสตร์ LKS มหาวิทยาลัยฮ่องกง; Dr Kenneth Tsang ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Gleneagles Hospital Hong Kong; Cheryl Law ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ SINOVAC; Henry Yau กรรมการผู้จัดการศูนย์การทดลองทางคลินิกของมหาวิทยาลัยฮ่องกง (ภาพ: Business Wire)

ในการศึกษานี้ จะคัดเลือกอาสาสมัครผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงจำนวน 300 คนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายหรือวัคซีน mRNA ในการป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 2 หรือ 3 โดส

ศาสตราจารย์ Ivan Hung Fan-ngai ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ Ru Chien และ Helen Lieh ด้านการสอนวิทยาศาสตร์สุขภาพ, ศาสตราจารย์คลินิกและหัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อ และผู้ช่วยคณบดีภาควิชาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์คลินิก, ผู้ช่วยคณบดี (วิทยาลัย) คณะแพทยศาสตร์ LKS มหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKUMed) กล่าวในพิธีว่า "อย่างที่เราทราบ การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งในการรับมือกับโรคติดเชื้อต่าง ๆ ปัจจุบันโอไมครอนได้คร่าชีวิตผู้คนในโลกอย่างต่อเนื่อง ผมหวังว่าการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการวิจัยวัคซีนและการจัดการด้านการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

Dr Kenneth Tsang กล่าวว่า "ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสถานที่วิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกง เรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเชิงทดทองทางคลินิกนี้ และมีส่วนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาแนวทางด้านวัคซีนและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยส่งเสริมการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน"

Cheryl Law ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศของ SINOVAC กล่าวว่า "ความร่วมมือกับศาสตราจารย์ Hung ศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC) และโรงพยาบาล Gleneagles มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกของวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อต้านสายพันธุ์โอไมครอน เราหวังว่าจะพบวิธีแก้ปัญหาให้แก่ฮ่องกงและทั่วโลกเพื่อต่อสู้กับไวรัสชนิดใหม่จากผลการทดลองครั้งนี้”

SINOVAC ได้รับตัวอย่างสายพันธุ์โอไมครอนเมื่อต้นเดือนธันวาคมปี 2564 จากนั้นได้ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย (สายพันธุ์จำเพาะโอไมครอน) การวิจัยระยะพรีคลินิกแสดงให้เห็นว่าวัคซีนสามารถใช้ในสัตว์ได้อย่างปลอดภัยมีประสิทธิภาพ การวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกด้วยการฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันต่อต้านสายพันธุ์โอไมครอน ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย (IRB) ของมหาวิทยาลัยฮ่องกงและโรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง เมื่อวันที่ 12 เมษายน และจากคณะกรรมการเภสัชกรรมและสารพิษแห่งฮ่องกงเมื่อวันที่ 14 เมษายน ปี 2565 โดยอนุญาตให้ดำเนินการศึกษาทางคลินิกเกี่ยวกับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของผู้คนต่อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในฮ่องกง

เกี่ยวกับ Sinovac Biotech Ltd.

SINOVAC Biotech Ltd. (SINOVAC) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำของจีนที่มุ่งเน้นการวิจัย การพัฒนานวัตกรรม การผลิต และการค้าด้านวัคซีนที่ช่วยป้องกันโรคติดเชื้อในมนุษย์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ SINOVAC ประกอบด้วย วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ H5N1 (ไข้หวัดนก) ไข้หวัดใหญ่ H1N1 (ไข้หวัดหมู) และเอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) รวมถึงโรคติดเชื้อทั่วไปอื่น ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล นิวโมคอคคัส โปลิโอ อีสุกอีใส และคางทูม SINOVAC ยังค้นหาโอกาสในตลาดต่างประเทศ และส่งออกวัคซีนไปยังประเทศและองค์กรระหว่างประเทศหลายสิบแห่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SINOVAC ได้ที่ www.sinovac.com

เกี่ยวกับศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC)

ศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC) เป็นแพลตฟอร์มดำเนินการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแบบครบวงจรที่ทุ่มเทในการมอบความสะดวกในการจัดทำโครงการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกอย่างมืออาชีพภายใต้การดูแลของคณะแพทยศาสตร์ LKS แห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKUMed) นับตั้งแต่ก่อตั้ง ศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ดำเนินการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกที่ได้รับการสนับสนุนและที่ริเริ่มโดยผู้วิจัยเองกว่าพันรายการ ผ่านร่วมมือกับผู้สนับสนุนและผู้วิจัยทั่วโลก

เกี่ยวกับโรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง

โรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง (Gleneagles) ตั้งอยู่ที่ Wong Chuk Hang บนเกาะฮ่องกงตอนใต้ เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายด้าน ให้บริการเตียง 500 เตียง พร้อมเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย และบริการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกที่ครอบคลุมมากกว่า 35 สาขาวิชาเฉพาะและสาขาย่อย ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของฮ่องกง Gleneagles ยังมีส่วนช่วยในการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และความก้าวหน้าของการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก Gleneagles เป็นการร่วมทุนระหว่าง IHH Healthcare และ NWS Holdings Limited โดยมีมหาวิทยาลัยฮ่องกงเป็นพันธมิตรทางการแพทย์ที่สำคัญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง ได้ที่ https://www.gleneagles.hk/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220704005146/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ

Sinovac Biotech Ltd.
คุณ Will Chan
โทร: +852 61408385
อีเมล: will.chan@sinovac.com

ศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC)
คุณ Cathy Shen
โทร: +852 2255 2553
อีเมล: cathyswi@hku.hk

โรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง
คุณ Tracy Chow
โทร: +852 3153 9330
อีเมล: tracy.chow@gleneagles.hk

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Quorum Software ประกาศความร่วมมือด้านการวางแผนและเศรษฐกิจยุคใหม่กับ Schlumberger

Logo

Planning Space ของ Quorum ผสานรวมกับโซลูชัน Schlumberger FDPlan

ฮูสตัน–(BUSINESS WIRE)–30 มิถุนายน 2565

Quorum Software (Quorum) ผู้นำซอฟต์แวร์ระดับโลกที่อุทิศให้กับอุตสาหกรรมด้านพลังงาน ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับ Schlumberger เพื่อร่วมกันบูรณาการ Planning Space อุตสาหกรรมชั้นนำของ Quorum การวางแผนธุรกิจ และข้อเสนอด้านเศรษฐศาสตร์ปิโตรเลียม เข้ากับโซลูชันการวางแผนการพัฒนาด้าน FDPlan ซึ่งเปิดใช้งานโดย DELFI cognitive E&P environment ทั้งนี้ Schlumberger นำเสนอโซลูชั่นแบบบูรณาการโดยตรง โดยมี Planning Space เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจปิโตรเลียม

ในส่วนหนึ่งของข้อตกลง Quorum จะได้รับการวางแผน ความเสี่ยง และซอฟต์แวร์สำรองของ Merak จาก Schlumberger อีกด้วย

“Quorum และ Schlumberger ได้พัฒนาความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าและพันธมิตรของเรามาเป็นเวลาหลายทศวรรษในการให้บริการด้านอุตสาหกรรมพลังงาน” Gene Austin ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Quorum กล่าว “การรวมโซลูชันการวางแผนและเศรษฐศาสตร์ในตลาดชั้นนำของเราช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถเข้าถึงระบบนิเวศเทคโนโลยีที่สมบูรณ์ที่สุดของอุตสาหกรรมได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของเรา”

“ความร่วมมือระหว่าง Quorum และ Schlumberger จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถผสานรวมข้อมูลข้ามโดเมนและเวิร์กโฟลว์ได้อย่างราบรื่น เพื่อเร่งการตัดสินใจในการวางแผน การดำเนินงาน และห้องประชุมคณะกรรมการ” Trygve Randen ผู้อำนวยการ Digital Subsurface Solutions ของ Schlumberger กล่าว “ด้วยการผสานรวม DELFI environment และเวิร์กโฟลว์โดเมนกับโซลูชันการวางแผนธุรกิจของ Quorum เรากำลังเปิดใช้งานอุตสาหกรรมเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นประสบการณ์แบบบูรณาการอย่างแท้จริงที่เชื่อมโยงทุกฟังก์ชันในองค์กร”

ด้วยข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้ทันที Quorum และ Schlumberger ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับบริษัทพลังงานรายใหญ่หลายแห่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลกำไรผ่านการวางแผนธุรกิจที่ดีขึ้นทั่วทั้งองค์กร

เกี่ยวกับ Quorum Software

Quorum Software เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมพลังงานชั้นนำทั่วโลก โดยให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,800 รายทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงานใน 55 ประเทศ โซลูชันของ Quorum ขับเคลื่อนการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจพลังงานโดยเชื่อมโยงผู้คน เวิร์กโฟลว์ และระบบเข้ากับข้อมูลที่พร้อมสำหรับการตัดสินใจ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราได้ส่งมอบซอฟต์แวร์ตัวแรกของอุตสาหกรรมสำหรับนักบัญชีโรงงานก๊าซ และในปัจจุบัน โซลูชันของเราทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวด้วยมาตรฐานและการบูรณาการข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกไว้วางใจผู้เชี่ยวชาญและการใช้งานของ Quorum เพื่อนำทางการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานให้ประสบความสำเร็จในขณะที่ส่งมอบคุณค่าทั้งในปัจจุบันและอนาคต สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ quorumsoftware.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220630005221/en/

ติดต่อ:

สื่อ:
Lauren Force
lforce@pancomm.com
617 502 4366

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG เปิดตัวแพลตฟอร์มพลังงานหมุนเวียน Grupo Cerro ของชิลี

Logo

กิจการที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ ยังรวมไปถึงการเข้าซื้อกิจการของ ANPAC ที่เสร็จสมบูรณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ไหลออกจากแม่น้ำ 11 แห่ง ตลอดจนถึงโรงงาน Cerro Dominador ที่ตั้งอยู่ก่อนแล้ว

แพลตฟอร์มอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในชิลีด้วยโครงการนวัตกรรมที่จัดหาพลังงานหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง

วอชิงตันและซานติอาโก, ชิลี–(BUSINESS)–29 มิ.ย. 2565

EIG นักลงทุนสถาบันในภาคพลังงานทั่วโลกและหนึ่งในนักลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของโลก เปิดตัว Grupo Cerro แพลตฟอร์มพลังงานหมุนเวียนใหม่ในชิลี บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ประกอบด้วยโรงไฟฟ้า Cerro Dominador ที่มี EIG เป็นเจ้าของ และ ANPAC ที่เพิ่งถูกซื้อมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไหลผ่านแม่น้ำ 11 แห่งในภูมิภาค O'Higgins, El Maule, Bio Bio และ La Araucania ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ ANPAC ขนาด 110 เมกะวัตต์ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าและโครงการหลากหลายที่ดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ของการก่อสร้างและการพัฒนาทั้งในตลาด ณ จุดขายและตลาดที่มีอัตราภาษีคงที่

หลังการเข้าซื้อกิจการ ปัจจุบัน Grupo Cerro จะมีกำลังการผลิตติดตั้งมากกว่า 280 เมกะวัตต์ในชิลี ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้า Cerro Dominador Photovoltaic (PV) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบเข้มข้น หรือ Concentrated Solar Power (CSP) พอร์ตโฟลิโอของกลุ่มยังรวมถึงหลายโครงการที่อยู่ในขั้นสูงของการก่อสร้างและการพัฒนา ซึ่งรวมไปถึง Likana Solar complex ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ CSP ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกำลังการผลิต 690 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Pampa Union 600 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าพลังน้ำจากแม่น้ำอีกกว่า 40 เมกะวัตต์ อีกด้วย

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า "ธุรกรรมนี้คาดว่าจะช่วยให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำงานร่วมกันได้ สร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และเพิ่มความหลากหลายทางเทคโนโลยีและภูมิศาสตร์สำหรับ Grupo Cerro โดยนับจากตอนที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Cerro Dominador อันล้ำสมัย ซึ่งเป็นโครงการ CSP แห่งแรกในละตินอเมริกาเสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 การทำธุรกรรมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญในกลยุทธ์ของเราในการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง ทีมงานที่ดีที่สุดและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในชิลี”

Fernando Gonzalez ซีอีโอของ Grupo Cerro กล่าวว่า "ธุรกรรมนี้ช่วยผลักดันความมุ่งมั่นของเราต่อการเติบโตของชิลี โรงงานเหล่านี้ เมื่อรวมกับโครงการ Likana Solar และ Pampa Union ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา จะช่วยกระจายพอร์ตโฟลิโอพลังงานหมุนเวียนของเราในเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อให้สามารถผลิตพลังงานทดแทนราคาประหยัดสำหรับตลาดชิลีและจัดหาพลังงานสะอาดทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง"

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานทั่วโลกด้วยเงิน 25,000 ล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้การสนับสนุนมากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 380 โครงการใน 38 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบไปด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำมากมาย บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com.

เกี่ยวกับ Grupo Cerro

Grupo Cerro เป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นใหม่ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนโดยการจัดหาพลังงานที่สะอาดและจัดการได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันให้กับระบบในชิลีตลอดจนถึงลูกค้า อนึ่ง บริษัทจัดการพอร์ตโฟลิโอของโครงการดำเนินการมากกว่า 280 เมกะวัตต์ทั่วชิลี และท่อส่งการพัฒนาอีก 1.3 กิกะวัตต์

 ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220629005646/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

EIG

FGS Global

Kelly Kimberly / Brandon Messina

+1 212-687-8080

EIG-SVC@sardverb.com

Cerro Dominador

María José López

mjlopez@cerrodominador.com

ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและองค์กร

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

BOSGORA เปิดตัว BizNet เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจ

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–29 มิถุนายน 2565

BOSAGORA Foundation (ประธาน: Kim In-hwan) ประกาศเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนว่าได้เปิดตัว BizNet ที่มีเอกลักษณ์สำหรับการสร้างและขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220629005377/en/

BOSAGORA Foundation launched BizNet to provide a blockchain network that supports developers to learn and adapt to smart contracts. (Graphic: Business Wire)

BOSAGORA Foundation เปิดตัว BizNet เพื่อจัดหาเครือข่ายบล็อกเชนที่สนับสนุนนักพัฒนาในการเรียนรู้และปรับให้เข้ากับสัญญาอัจฉริยะ (กราฟิก: Business Wire)

การประกาศเปิดตัว BizNet ได้รับการสตรีมสดบน YouTube เพื่อให้แน่ใจว่ามีการสื่อสารอย่างอิสระกับผู้ใช้

เครือข่ายบล็อกเชนของ BOSAGORA ซึ่งเป็นการระดมทุนด้วยการเสนอขายโทเ​​​คนดิจิทัลต่อสาธารณชน (ICO) โครงการแรกในเกาหลีใต้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์โดยการใช้งบประมาณส่วนกลางที่สะสมผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในโครงการโดยผู้ให้บริการโหนด (node operator) ผ่านกิจกรรมของรัฐสภาและการสร้างบล็อก

Foundation ได้พัฒนา BizNet เพื่อจัดหาเครือข่ายบล็อกเชนที่สนับสนุนนักพัฒนาในการเรียนรู้และปรับให้เข้ากับสัญญาอัจฉริยะได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจำเป็นสำหรับการส่งมอบโทเคนที่มีลักษณะเฉพาะตัว (NFTs) และ DeFi

และเอนจินฉันทามติของ BizNet ได้รับการออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงความเข้ากันได้กับเครือข่าย Ethereum ลดเวลาแฝงที่จำเป็นสำหรับทำบล็อกให้สมบูรณ์ วงจรการสร้างบล็อกที่เหมือนกันกับเครือข่าย Ethereum และการหลีกเลี่ยงอัตราเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ ความเข้ากันได้กับเครือข่าย Ethereum ซึ่งมีระบบนิเวศทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด คาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนการขยายตัวของระบบนิเวศทางธุรกิจของ BOSAGORA เนื่องจากช่วยให้เกิดความร่วมมือและผสมผสานกับบริการต่าง ๆ ทั่วโลกที่ใช้ Ethereum

BizNet เผยแพร่ Biz-BOA ซึ่งเป็น native token ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน ผู้ใช้สามารถแปลงคะแนนหรือโทเคนที่สะสมได้โดยการใช้บริการที่นำเสนอใน BizNet เป็น Biz-BOA ผ่านฟังก์ชันการแลกเปลี่ยนของ BizNet ฟังก์ชันการแลกเปลี่ยนช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้บริการที่หลากหลายที่เข้าร่วมกับ BizNet ได้

และด้วยฟังก์ชันบริดจ์ที่จะให้บริการอย่างต่อเนื่องโดย BizNet โทเคนสามารถแลกเปลี่ยนกับเหรียญ BOA ที่ใช้ ERC20 ที่ระบุไว้ในการแลกเปลี่ยน

Foundation อิงตาม BizNet วางแผนที่จะเปิดตัวการบริการ S2E (Service-to-Earn) รวมถึง DeFi, P2E (Play-to-Earn) และ M2E (Move-to-Earn) รวมถึง NFT ตามลำดับ

“ด้วยการเปิดตัวของ BizNet มูลค่าของเหรียญ BOA คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะสร้างระบบนิเวศเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น” Kim In-hwan ประธาน BOSGORA Foundation กล่าว “เราจะพยายามขยับเข้าใกล้วิสัยทัศน์ของ BOSAGORA ในเรื่อง ‘การสร้างโลกให้ดีขึ้น’ ผ่าน BizNet”

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220629005377/en/

ติดต่อ:

BOSAGORA
Matthew Kim
matthew.kim@bosagora.io

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG ว่าจ้าง De La Rey Venter เป็น CEO ของ MidOcean Energy

Logo

เป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะนำบริษัท LNG ที่ควบคุมโดย EIG

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–28 มิ.ย. 2565

EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศว่า De la Rey Venter ได้เข้าร่วมบริษัทในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MidOcean Energy (“MidOcean”) และในฐานะกรรมการผู้จัดการของ EIG.  MidOcean เป็นบริษัท LNG ที่ควบคุมโดย EIG ที่ต้องการสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG แบบบูรณาการที่หลากหลายของโครงการ LNG ที่ดำเนินการด้วยคุณภาพสูงพร้อมกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง  คุณ Venter มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม 25 ปีด้วยประสบการณ์ในการดำเนินงาน ข้อตกลง และความเป็นผู้นำทางธุรกิจระดับโลกในภาคเหมืองแร่ ต้นน้ำ และ LNG  ในบรรดาบทบาทอื่นๆ เขาดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารของ Integrated Gas Ventures ซึ่งรับผิดชอบ LNG และสินทรัพย์ก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่ของเชลล์ และก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย LNG ระดับโลกของ Shell ด้วย  เขาจะประจำอยู่ที่สำนักงานในลอนดอนของ EIG

“LNG เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และเป็นแหล่งพลังงานเชิงกลยุทธ์ทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น” R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “EIG เป็นผู้ให้บริการเงินทุนรายสำคัญให้กับภาคธุรกิจมาช้านานแล้ว และได้ลงทุนในโครงการ LNG แล้ว 9 โครงการทั่วโลกซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้งการทำแปลงเหลวและการปรับสภาพใหม่ การเพิ่มบุคคลที่มีความสามารถของ De la Rey เพื่อเป็นผู้นำ MidOcean แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราต่อ LNG และการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน เรายินดีต้อนรับ De la Rey และรู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับอนาคตที่เขาจะช่วยพัฒนาให้กับ MidOcean”

คุณ Venter กล่าวเสริมว่า "วิสัยทัศน์ของ EIG สำหรับ MidOcean เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับโลกที่ต้องใช้ LNG เป็นเวลานาน เรามีความเชื่ออย่างแรงกล้าในบทบาทสำคัญของ LNG ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ก๊าซคาร์บอนต่ำและไม่มีคาร์บอนเพื่อช่วยให้โลกเปลี่ยนไปสู่เป้าหมาย Net Zero  ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับทีมงานเพื่อสร้างธุรกิจด้านสารพลังงาน โดยอ้างอิงจากประวัติอันยาวนานของ EIG ในด้าน LNG ทั่วโลก และสำหรับธุรกิจนี้จะมีผลกระทบอย่างแท้จริงในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสูงของอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก”

คุณ Venter เข้าร่วมกับ Shell เป็นครั้งแรกในปี 2545 นอกเหนือจากบทบาทของเขาในฐานะ EVP ของ Integrated Gas Ventures และ Global Head of LNG แล้ว เขายังดำรงตำแหน่งต่างๆ ทั่วโลก รวมถึง EVP Upstream Joint Ventures, EVP Gas & Power Africa และ VP Commercial ในกาตาร์  คุณ Venter ยังรับผิดชอบธีมการผลิต CCUS และ Blue Hydrogen ของเชลล์อีกด้วย คุณ Venter สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจาก IMD ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ปริญญาตรีสาขาพาณิชยศาสตร์ (Cum Laude) จากมหาวิทยาลัย Northwest และปริญญาเกียรตินิยมด้านการจัดการการเงินและการลงทุน (Cum Laude) จากมหาวิทยาลัย Johannesburg ทั้งในแอฟริกาใต้

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 25.0 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565.  EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 40.1 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 380 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศในหกทวีป  ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำหลายแห่ง บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220628005081/en/

ติดต่อ:

สำหรับสื่อ
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter