บริษัท Wipro ประกาศตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (APMEA) ในเมืองดูไบ

Logo

เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบังกาลอร์ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–18 พฤศจิกายน 2022

บริษัท Wipro Limited (NYSE: WIT, BSE: 507685, NSE: WIPRO) เป็นบริษัทชั้นนำผู้ให้บริการและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี ได้ประกาศเปิดสำนักงานใหญ่ด้านกลยุทธ์ทางการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (APMEA) ในเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

Sheikh Hamdan bin Mohammed bin Rashid Al Maktoum มกุฎราชกุมารแห่งเมืองดูไบและประธานสภาบริหารเมืองดูไบ และ Sheikh Maktoum bin Mohammed bin Rashid Al Maktoum รองเจ้าผู้ครองนครดูไบ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่คนสำคัญของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เข้าเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ในวันเปิดทำการวันแรก

เจ้าชาย Sheikh Hamdan bin Mohammed กล่าวว่า  “การก่อตั้งหน่วยงานแห่งใหม่ของ Wipro ในเมืองดูไบนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสถานะการเติบโตของเอมิเรตในฐานะที่เป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของโลก วิสัยทัศน์ของการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมของ Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum ผู้ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเจ้าผู้ครองนครดูไบ ทำให้เมืองดูไบกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนจากผู้เล่นระดับแนวหน้าของโลก ในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนอนาคตของเศรษฐกิจโลก เมืองดูไบได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศแบบพลวัตรสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมกับกรอบการกำกับดูแลที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนนวัตกรรม ผู้ประกอบการ และการขยายธุรกิจ เมืองนี้ยังเป็นฐานที่ตั้งในอุดมคติสำหรับการเข้าถึงผู้มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของโลก ซึ่งดึงดูดให้เมืองดูไบได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากโอกาสในการเติบโตมากมายและมาตรฐานการครองชีพที่สูง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เมืองดูไบได้ร่วมเป็นพยานในความสำเร็จด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่สำคัญหลายอย่าง ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ของเมืองในฐานะจุดศูนย์กลางระดับโลกสำหรับการเติบโตและองค์กรในภาคส่วนนี้”

สำนักงานใหญ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ซึ่งตั้งอยู่ ณ ใจกลางของสถานประกอบการธุรกิจอันพลุกพล่านของ One Central ที่ Dubai World Trade Centre จะเป็นผู้นำในการขยายตัวและการลงทุนของ Wipro ทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และ APMEA โดยจะช่วยจัดการธุรกิจ เทคโนโลยี และวาระการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าในภาคส่วนสำคัญ เช่น บริการทางการเงิน การค้าปลีก โทรคมนาคม พลังงานและสาธารณูปโภค รวมไปถึงภาครัฐด้วย Wipro เริ่มดำเนินกิจการดังกล่าวในตะวันออกกลาง ณ ปี 2001 และปัจจุบันได้แพร่กระจายไปในหลายประเทศในแต่ละภูมิภาค หน่วยการตลาดเชิงกลยุทธ์ของ APMEA สร้างรายได้ประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ให้กับ Wipro และมีพนักงานมากกว่า 30,000 คน

Rishad Premji ประธานกรรมการบริหารบริษัท Wipro Limited กล่าวว่า “เรายินดีที่ได้เปิดตัวสำนักงานใหญ่ APMEA ของเราในเมืองดูไบ ซึ่งถือเป็นการเปิดบทใหม่สำหรับ Wipro ในตลาดที่ขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วและเน้นการใช้เทคโนโลยีเป็นอันดับแรก เมืองดูไบเป็นประตูสู่โลก และมีรัฐบาลที่ก้าวหน้า พนักงานที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และนโยบายที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ทำให้เมืองดูไบเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับเราในขณะที่เราขยายธุรกิจไปทั่วภูมิภาค APMEA”

ความร่วมมือในระบบนิเวศเป็นหนึ่งในแกนหลักของกลยุทธ์ทางธุรกิจของ Wipro สำนักงานใหญ่ APMEA จะมีพื้นที่สำหรับนวัตกรรมร่วม ซึ่งพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ อันได้แก่ AWS, Microsoft, HPE, Informatica, Palo Alto Networks, SAS และ Snowflake จะร่วมมือกับ Wipro เพื่อสร้างโซลูชันร่วมกันที่จะตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของภาคส่วนและเทคโนโลยีที่สำคัญ

ที่นี่จะเป็นที่รวมพลังของกลุ่ม Wipro สำนักงานใหญ่แห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของทีมงานที่เชี่ยวชาญในท้องถิ่นจาก Capco ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการจัดการระดับโลกที่มุ่งเน้นบริการทางการเงิน และจาก Designit ซึ่งเป็นบริษัทด้านการออกแบบเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม เป็นการนำเสนอความสามารถที่แตกต่างที่สุดของ Wipro ในพื้นที่ นอกจากนี้ Wipro ยังได้เปิดตัว Lab45 ในภูมิภาค ซึ่งเป็นพื้นที่นวัตกรรมอันมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาโซลูชันที่ล้ำสมัยเพื่อส่งเสริมและเร่งสร้างไอเดียให้กับลูกค้า

Thierry Delaporte ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ Wipro Limited กล่าวว่า "การก่อตั้งสำนักงานใหญ่ของเราที่นี่เปิดโอกาสในการเติบโตอย่างมากมาย และเป็นโอกาสในการทำงานร่วมกันทั่วทั้งภูมิภาค สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้าใจถึงคุณค่าเชิงกลยุทธ์ของเทคโนโลยี และพลังของการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ดี Wipro เองก็ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์นั้น เราจะใช้ประโยชน์จากความสามารถระดับโลก ความเชี่ยวชาญในท้องถิ่น ตลอดจนระบบนิเวศของพันธมิตรระดับโลกเพื่อร่วมกันสร้างโซลูชันสำหรับลูกค้าในภูมิภาคนี้”

Anis Chenchah ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Wipro Limited ประจำ APMEA กล่าวว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่มี Wipro เป็นบริษัทระดับโลกแห่งแรกในอุตสาหกรรมของเราที่รวม 3 ทวีปอันกว้างใหญ่อย่างแอฟริกา เอเชีย และโอเชียเนียเอาไว้ภายใต้การนำที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองดูไบ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของข้าพเจ้า การแลกเปลี่ยนทางธุรกิจระหว่างแอฟริกาและเอเชียนั้นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก สร้างโอกาสยิ่งใหญ่ให้กับ Wipro ด้วยที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และแนวคิดระดับโลก เมืองดูไบจึงเป็นสถานที่ในอุดมคติสำหรับการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในส่วนที่มีแนวโน้มที่ดีของโลกนี้”

เกี่ยวกับ Wipro Limited

Wipro Limited (NYSE: WIT, BSE: 507685, NSE: WIPRO) เป็นบริษัทชั้นนำผู้ให้บริการและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการสร้างโซลูชันนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอันซับซ้อนที่สุดของลูกค้า ดึงคุณประโยชน์จากความสามารถแบบองค์รวมของเราในการให้คำปรึกษา การออกแบบ วิศวกรรม และการดำเนินงาน เราช่วยให้ลูกค้าได้ตระหนักถึงความทะเยอทะยานที่กล้าหาญที่สุดของพวกเขา และสร้างธุรกิจที่พร้อมสำหรับอนาคตและมีความยั่งยืน ด้วยพนักงานและพันธมิตรทางธุรกิจกว่า 250,000 คนใน 66 ประเทศ เราทำตามคำมั่นสัญญาในการช่วยเหลือลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และชุมชนของเราเพื่อให้สามารถเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมเราได้ที่ www.wipro.com

บทความคาดการณ์ในอนาคต

บทความคาดการณ์ในอนาคตในที่นี้แสดงถึงความเชื่อของ Wipro เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่แน่นอนโดยเนื้อแท้ และอยู่นอกเหนือการควบคุมของ Wipro ข้อความดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อความเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของ Wipro ผลการดำเนินงานทางการเงินในอนาคต แผน ความคาดหวัง และความตั้งใจ เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต Wipro จึงขอเตือนให้ผู้อ่านทราบว่าบทความคาดการณ์ในอนาคตนี้มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้ในข้อความดังกล่าว ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความผันผวนของรายรับ รายได้ และผลกำไรของเรา, ความสามารถของเราในการสร้างและจัดการการเติบโต, การดำเนินการขององค์กรที่เสนอโดยสมบูรณ์, การแข่งขันที่รุนแรงในบริการด้านไอที, ความสามารถของเราในการรักษาความได้เปรียบด้านต้นทุน, การเพิ่มอัตราค่าจ้างในอินเดีย, ความสามารถของเราในการดึงดูดและรักษาผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง, เวลาและต้นทุนที่มากเกินไปสำหรับสัญญาราคาคงที่, กรอบเวลาคงที่, การกระจุกตัวของลูกค้า, ข้อจำกัดในการอพยพ, ความสามารถของเราในการจัดการการดำเนินงานระหว่างประเทศ, ความต้องการที่ลดลงสำหรับเทคโนโลยีในพื้นที่โฟกัสหลักของเรา, การหยุดชะงักของเครือข่ายโทรคมนาคม, ความสามารถของเราในการดำเนินการและบูรณาการการเข้าซื้อกิจการที่อาจเกิดขึ้นให้สำเร็จ, ความรับผิดต่อความเสียหายในสัญญาบริการของเรา, ความสำเร็จของบริษัทที่เราลงทุนเชิงกลยุทธ์, การถอนแรงจูงใจทางการคลัง, ความไม่แน่นอนทางการเมือง, สงคราม, ข้อจำกัดทางกฎหมายในการเพิ่มทุนหรือการซื้อบริษัทนอกอินเดีย, การใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต และสภาวะเศรษฐกิจทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมของเรา

ความเสี่ยงเพิ่มเติมที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของเราได้อธิบายไว้อย่างครบถ้วนในเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 20-F เอกสารที่ยื่นเสนอเหล่านี้มีอยู่ที่ www.sec.gov ในบางกรณี เราอาจจัดทำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่เป็นลายลักษณ์อักษรและปากเปล่าเพิ่มเติม รวมถึงข้อความที่อยู่ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และรายงานของเราต่อผู้ถือหุ้น เราไม่ดำเนินการอัปเดตบทความคาดการณ์ล่วงหน้าที่อาจจัดทำขึ้นเป็นครั้งคราวโดยเราหรือในนามของเรา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ติดต่อ Wipro Media:
Purnima Burman
purnima.burman@wipro.com

ติดต่อ H+K Strategies Media:
Mark Sutton & Ghinwa Al Ahmad
Mark-r.sutton@hkstrategies.com
Ghinwa.AlAhmad@hkstrategies.com

แหล่งที่มา: Wipro Limited

Tusk Innovation ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ Black Friday

Logo

KUALA LUMPUR, Malaysia–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2022

Tusk Inc. Limited (www.tusklimited.com) บริษัทที่เริ่มต้นในปี 2012 ในฐานะบริษัทจัดการเงินทุนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ซึ่งมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก และปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทโซลูชันไฟฟ้าชั้นนำที่มุ่งเน้นการผลิตสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์การทำเหมือง พลังงานแสงอาทิตย์ และอะแดปเตอร์ กำลังประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ Black Friday สายผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับไฟฟ้า ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://tusklimited.com/products

This product is sold with a 7in 1 Solar Panel, so you don’t have to pay for the panel. (Photo: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์นี้ขายพร้อมแผงโซลาร์เซลล์ 7in 1 คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าแผง (ภาพ: Business Wire)

ในฐานะหนึ่งในบริษัทโซลูชันไฟฟ้าชั้นนำ Tusk ประกาศให้ส่วนลด 30% สำหรับนวัตกรรมของ Tusk ในวัน Black Friday สำหรับอุปกรณ์การทำเหมืองแบบคอมโบ ซึ่งรวมเอาแผงโซลาร์เซลล์เข้ากับเครื่องขุดบิตคอยน์ เพื่อให้การทำเหมืองเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญใดๆ เนื่องจากไฟฟ้าเป็นปัญหาหลักในอุตสาหกรรมการทำเหมือง

โดยการปรับล่าสุดจากวัสดุโพลีคริสตัลไลน์เป็นวัสดุเซลล์แสงอาทิตย์ นวัตกรรมของ Tusk มีการทดสอบประสิทธิภาพของการรวมผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์เข้ากับเครื่องขุดคริปโตเคอเรนซี และได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด นักลงทุนด้านนวัตกรรมของ Tusk สามารถทำเหมืองคอยน์ของตนได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีการหยุดชะงักแล้วในขณะนี้ ทั้งยังมีความเสี่ยงน้อยลง และได้ผลกำไรสูงสุด

นี่เป็นความพยายามในการลดปริมาณไฟฟ้าที่ใช้เมื่อลูกค้าทำการขุดคริปโตเคอเรนซี และได้รับการเปิดเผยโดย John Walls ประธานฝ่ายปฏิบัติการ (COO) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามรายงานของ Walls "รายงานต่างๆ แสดงให้เห็นว่าปริมาณไฟฟ้าที่คนงานเหมืองต้องการอาจมากเกินกว่าที่จะจัดการได้ ดังนั้น เราจึงได้ตัวเลือกที่สมเหตุสมผล"

กำไรจากการขุด

แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีและให้ผลกำไรสูงสำหรับใครหลายๆ คนในการสร้างฟาร์มเหมืองคริปโตเคอเรนซี แต่ก็มีการคาดเดามากมายว่าพวกเขาอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการใช้ไฟฟ้า Tusk Inc ได้สร้างโซลูชันที่ใช้งานได้ยาวนานด้วยการมอบแผงโซลาร์เซลล์ที่ไม่สัมพันธ์กับค่าไฟฟ้าของคุณและอุปกรณ์การขุดบิตคอยน์ที่สามารถทำการขุดแบบคู่ได้ คุณสามารถขุดคอยน์ของคุณโดยไม่ต้องคอยกังวลกับความผันผวนของตลาด

Tusk Inc ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และสหราชอาณาจักร มีความโดดเด่นที่แตกต่างจากที่อื่น โดยลูกค้าสามารถรับบริการพัฒนากระเป๋าเงินดิจิทัล (crypto wallet) รวมถึงหน่วยประมวลผลกราฟิกจากบริษัทที่มีสำนักงานอยู่ในสามทวีป นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ในการพัฒนาบล็อกเชน และโซลูชันการขุดบิตคอยน์ รวมถึงด้านอื่นๆ อีกมากมาย

เกี่ยวกับ Tusk

ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการ และต่อมาทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็ได้เข้ามามีส่วนร่วม ปัจจุบัน Tusk Inc เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโซลูชันไฟฟ้าชั้นนำ พวกเขาภูมิใจในความสามารถในการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากพวกเขาอยู่ในธุรกิจการบริหารความเสี่ยงมานานกว่าทศวรรษ และด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหลายประการ พวกเขาได้รวมกิจการที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าไว้ในระบบการจัดการความเสี่ยง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการขุดคริปโตเคอเรนซี โดยใช้วัสดุเซลล์แสงอาทิตย์

ข้อมูลติดต่อ

John Walls
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
john@tusklimited.com
(+60)1117000943

แหล่งที่มา: Tusk Inc. Limited

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Midea VRF เข้าสู่ระดับโลก เปิดตัวรถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง

Logo

JAKARTA, Indonesia–(BUSINESS WIRE)–15 พฤศจิกายน 2022

การประชุมสุดยอด G20 ที่บาหลีนำเสนอผลการก่อสร้างล่าสุดของรถไฟความเร็วสูง (HSR) สายจาการ์ตา-บันดุง ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยระยะทางยาวทั้งหมด 142 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุดตามการออกแบบอยู่ที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้อินโดนีเซียเข้าสู่ "ยุครถไฟความเร็วสูง " Midea นำเสนอโซลูชัน HVAC ระดับมืออาชีพ และการบริการที่เข้าถึงผู้ใช้มากที่สุด พร้อมนำเสนอ "Midea Coolness" สำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง ด้วย 126 ODU และ 705 IDU จาก Midea VC Pro

Midea VC Pro VRFs have been used in Jakarta-Bandung High-Speed Railway (HSR), Dubai Expo and many other overseas projects. (Graphic: Business Wire)

มีการนำ Midea VC Pro VRFs มาใช้ในโครงการรถไฟความเร็วสูง (HSR) จาการ์ตา-บันดุงในงาน Dubai Expo และโครงการในต่างประเทศอีกหลายโครงการ (กราฟิก: Business Wire)

โครงการ HVAC เป็นการสนับสนุนอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง โดยรถไฟจากจาการ์ตา-บันดุงตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบป่าฝนเขตร้อนของหมู่เกาะชวา และได้รับอิทธิพลจากภูมิอากาศแถบเส้นศูนย์สูตร ผู้ปฏิบัติงานของ HSR จึงต้องการระบบเครื่องปรับอากาศส่วนกลางที่เชื่อถือได้และมีความเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถปรับให้เข้ากับอุณหภูมิที่สูงและสภาพการทำงานที่มีความชื้นสูงโดยไม่มีการหยุดทำงาน และสามารถคงระดับอุณหภูมิของพื้นที่อาคาร HSR ให้คงที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม HVAC ระดับโลก Midea Building Technologies นำเสนอโซลูชันระบบเครื่องปรับอากาศมืออาชีพสำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบระบายความร้อนด้วยชิปของเหลวแบบหลายตัว โดยสามารถช่วยระบายความร้อนของชิ้นส่วนควบคุมระบบไฟฟ้าให้เย็นลงได้ทันเวลา และสามารถลดอุณหภูมิของชิ้นส่วนควบคุมระบบไฟฟ้าได้ประมาณ 8 องศา ซึ่งสามารถรักษาความเย็นในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงได้เป็นอย่างดี ในกรณีของความทนทานต่อการกัดกร่อน ODU ของ VC Pro VRFs ยังคงสามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนของเกลืออย่างรุนแรงได้ โดยผ่านการจำลองการทดสอบเชิงทดลอง

นอกจากประสบกับปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่และการเข้าออกของประชากรจำนวนมากในสถานี HSR ไซต์ 4 ที่ Midea MBT ชนะการประมูลแล้ว ยังมีอาคารอยู่หกประเภท เช่น อาคารสถานี อาคารอพาร์ทเมนท์ เป็นต้น เป็นไซต์ที่มีความซับซ้อนมากที่สุดสำหรับการติดตั้งเครื่องปรับอากาศสำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง นอกเหนือจากนั้น ที่ประเทศอินโดนีเซีย การจัดหาวัสดุการติดตั้งสำหรับโครงการก็มีข้อจำกัดในหลาย ๆ ด้าน จึงต้องมีการประเมินทุกปัจจัยในกระบวนการคัดเลือก แผนการออกแบบเครื่องปรับอากาศยังมีการปรับปรุงครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุด ระบบที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ปรับจนเหมาะสมสำหรับโครงการติดตั้ง HVAC ก็บรรลุผลสำเร็จโดยมีการผสมผสานระหว่างดีไซน์หลากหลายรูปแบบและโครงร่างแบบผสมผสาน

ยังมีการใช้งาน Midea VC Pro VRFs ใน Dubai Expo และโครงการในต่างประเทศอีกหลายโครงการด้วยเช่นกัน ในปัจจุบัน Midea Building Technologies ได้ปรับเครือข่ายการขายและบริการในตลาดต่างประเทศ โดยมีการสร้างโครงร่างที่ครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยีหลักและผลิตภัณฑ์ดั้งเดิม ไปจนถึงโซลูชันที่แตกต่างกันไปตามการปรับแต่งให้เหมาะสม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52969740/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Lori Luo
+86 13512784739
luory17@midea.com

แหล่งที่มา: Midea

upGrad เซ็นสัญญาขยายพื้นที่ 335,000 ตารางฟุตใน 4 เมือง

Logo

~เพื่อจ้างสมาชิกในทีม 1,400 คนภายในเดือนมีนาคม ปี 2023~

MUMBAI, India–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2022

upGrad ผู้เล่นด้าน Edtech ระดับอุดมศึกษารายใหญ่ที่สุดในเอเชียยังคงเดินหน้าแผนการเติบโตและการขยายตัวเพื่อส่งผลต่อผู้เรียนในอินเดียและทั่วโลก รวมถึงทำให้พวกเขาพร้อมรับงาน จนถึงปัจจุบัน 'One upGrad' ได้ส่งผลต่อผู้เรียน 8.2 ล้านคนในทักษะด้านอารมณ์ การเตรียมตัวสอบ โปรแกรมที่เชื่อมโยงกับวิทยาลัย โปรแกรมที่เชื่อมโยงกับข้อมูลรับรอง ตำแหน่งงาน การเปลี่ยนงาน และการพัฒนาอาชีพ

ด้วยเส้นทางการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่อง upGrad ได้ลงนามในสัญญาเช่าใหม่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสำหรับพื้นที่ 335,000 ตารางฟุตเพื่อใช้สำหรับพื้นที่สำนักงาน วิทยาเขตแบบออฟไลน์ ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้เรียน สตูดิโอ และห้องฝึกอบรมสำหรับรายชื่ออาจารย์และคณาจารย์ที่เพิ่มขึ้น บริษัทได้เสนอจ้างสมาชิกในทีมกว่า 1,400 คนระหว่างเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 ถึงมีนาคม ปี 2023 ทั่วอินเดียและสำนักงานทั่วโลก

upGrad ปิดพื้นที่ 200,000 ตารางฟุตในมุมไบสำหรับโครงการที่พักสำหรับผู้เรียน ที่ซึ่งนักศึกษายังได้ผันตัวเป็นสถาปนิกเพื่อออกแบบที่พักของพวกเขา พื้นที่ 20,000 ตารางฟุตในเบงกาลูรูสำหรับการขยาย KnowledgeHut ไปสู่ ​​Bootcamps และอีกมากมาย พื้นที่ 25,000 ตารางฟุตในปูเน่สำหรับการขยายที่ Talentedge พื้นที่อีก 40,000 ตารางฟุตใน Sector 125 ในนอยดา สำหรับแผนกศึกษาต่อต่างประเทศ – upGrad Abroad และพื้นที่ 50,000 ตารางฟุตใน Sector 58 ในนอยดา เพื่อใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการเตรียมสอบของรัฐบาลซึ่งมีสตูดิโอมากกว่า 45 ห้องพร้อมครูฝึกมากกว่า 150 คน ที่รองรับช่อง YouTube 27 ช่องที่มียอดวิวมากกว่า 25L ต่อวัน และจะฝึกอบรมผู้สมัครมากกว่า 5L ในปีนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานของรัฐบาล

upGrad มีทีมงานประจำและมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก ทั้งในสิงคโปร์ ซานฟรานซิสโก อินโดนีเซีย นิวยอร์ก ตะวันออกกลาง ลอนดอน เวียดนาม วอชิงตัน และทั่วทั้งออสเตรเลีย จากสมาชิก 1,400 คน ส่วนใหญ่จะเป็นคณาจารย์ ผู้ฝึกอบรม และผู้เชี่ยวชาญในด้านการขายและการตลาด เนื้อหา การจัดส่ง และประสบการณ์การเรียนรู้ จุดเน้นของการจ้างงานอยู่ที่พื้นที่ที่มีการเติบโตสูงซึ่งรวมถึง (ก) การศึกษาในต่างประเทศ (ข) วิทยาเขตทั่วโลก 10 แห่ง (ค) โปรแกรมที่เน้นการทำงานและพร้อมทำงานซึ่ง upGrad เปิดตัวในอินเดียและสหรัฐอเมริกาในช่วง 90 วันที่ผ่านมา และ (ง) ที่ ATLAS SkillTech University ในมุมไบ

"การขยายธุรกิจในประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรา แม้ว่าโมเดลธุรกิจของเราจะได้รับผลตอบแทน 100%+ ในทุกไตรมาส แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องลงทุนใหม่เพื่อขยายผลลัพธ์ที่เราตั้งเป้าไว้ เรากำลังขยายธุรกิจเพื่อรองรับทีมที่ใหญ่ขึ้นซึ่งเรากำลังรับเข้ามา นอกจากนี้ ในขณะที่เรามุ่งเน้นที่รูปแบบการจัดส่งออนไลน์ที่แข็งแกร่ง เรายังสนับสนุนให้ผู้เรียนในปัจจุบันและในอนาคตมาพบเราแบบตัวต่อตัวในขณะที่ตัดสินใจเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับตนเอง ดังนั้น การแสดงตนแบบเห็นหน้ากันทำให้เราใกล้ชิดกับผู้เรียนมากขึ้นในเส้นทางการเรียนรู้ตลอดชีวิต" กล่าวโดย Mayank Kumar ผู้ร่วมก่อตั้งและ MD ของ upGrad

ด้วย upGrad นี้ยังคงดำเนินงานจากสำนักงาน 30 แห่งในอินเดียใน 10 เมือง นอกเหนือจากนี้ สำนักงานทั่วโลกตั้งอยู่ทั่วซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก วอชิงตัน ลอนดอน สิงคโปร์ ดูไบ จาการ์ตา เวียดนาม ซิดนีย์ เมลเบิร์น และไนโรบี ความสามารถในการจับจ่ายและการเข้าถึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับภารกิจของ upGrad ในการทำให้หลายล้านคนพร้อมทำงานและสร้างงานสำหรับอาชีพในอนาคต ดังนั้นการขยายตัวทางภูมิศาสตร์จะยังคงสนับสนุนการเติบโตตามแผนและตามจังหวะต่อไป

เกี่ยวกับ upGrad: upGrad เริ่มต้นในปี 2015 เป็นผู้บุกเบิกการปฏิวัติการศึกษาออนไลน์ โดยมุ่งเน้นที่การส่งเสริมความสำเร็จในอาชีพสำหรับคนทำงานทั่วโลกกว่า 1.3 พันล้านคน เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีการเรียนรู้ตลอดชีวิตแบบบูรณาการไม่กี่แห่งในโลก ที่ครอบคลุมผู้เรียนระดับวิทยาลัยไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญที่ทำงาน ตั้งแต่กลุ่มอายุ 18-50 ปี และในหลักสูตรระดับปริญญาตรี โปรแกรมที่เชื่อมโยงกับวิทยาเขตและงาน การศึกษาในต่างประเทศ หลักสูตรระยะสั้นสำหรับผู้บริหารจนถึงระดับปริญญาอย่างปริญญาโทและปริญญาเอก พร้อมกับฐานผู้เรียน 8.2 ล้านคนใน 100+ ประเทศ และพันธมิตรของมหาวิทยาลัยกว่า 300 แห่ง และธุรกิจระดับองค์กรที่แข็งแกร่งพร้อมฐานลูกค้ากว่า 1,000 บริษัททั่วโลก

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221116005522/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Media Contact: upGrad | Neha Prasad | Asst. Manager – PR | neha.prasad@upgrad.com

แหล่งที่มา: upGrad

Hytera, Kazakhstan Temir Zholy, BT Signal ร่วมกันพัฒนาระบบสื่อสารทางรถไฟ

Logo

ASTANA, Kazakhstan–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2022

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ลงนามข้อตกลงกับ Temir Zholy (KTZ) ซึ่งเป็นบริษัทรถไฟแห่งชาติของคาซัคสถาน และ BT Signal LLP (BT Signal) ในการจัดตั้งศูนย์เชี่ยวชาญเพื่อร่วมพัฒนาระบบสื่อสารทางรถไฟความเร็วสูงไปสู่ ​​5G และอื่น ๆ

Left to right: Ivan Wang, Country Manager of Hytera Kazakhstan; Batyr Kotyrev, Chief Engineer of KTZ; Bayzakov B.M., Director of BT Signal (Photo: Business Wire)

Left to right: Ivan Wang, Country Manager of Hytera Kazakhstan; Batyr Kotyrev, Chief Engineer of KTZ; Bayzakov B.M., Director of BT Signal (Photo: Business Wire)

วัตถุประสงค์ของศูนย์เชี่ยวชาญคือการเร่งการพัฒนาของระบบสื่อสารทางรถไฟที่รองรับการใช้งานในอนาคตสำหรับ KTZ ศูนย์เชี่ยวชาญจะเป็นเวทีสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารทางรถไฟจาก Hytera, KTZ และ BT Signal เพื่อแลกเปลี่ยนความชำนาญและประสบการณ์ด้านเทคนิค อนุมัติแผนงานสำหรับการดำเนินโครงการ พัฒนาเอกสารด้านกฎระเบียบและทางเทคนิคที่จำเป็น และนำโปรแกรมโมดูลาร์ใหม่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์

ข้อตกลงดังกล่าวได้รับการลงนามระหว่างการสัมมนาออนไลน์ Future Railway Telecommunication in the Asia-Pacific Region (โทรคมนาคมทางรถไฟในอนาคตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) ร่วมจัดโดยสหภาพรถไฟระหว่างประเทศ (UIC) และ KTZ งานสัมมนานี้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านรถไฟกว่า 200 คนจาก 23 ประเทศ

Batyr Kotyrev หัวหน้าวิศวกรของ KTZ กล่าวในงานสัมมนาว่า KTZ วางแผนที่จะเริ่มโครงการวิจัย Prospects for Introduction New Standards of Railway Radio Communication for Railways of the Asia-Pacific region (โอกาสในการแนะนำมาตรฐานใหม่ของวิทยุสื่อสารทางรถไฟสำหรับรถไฟในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) ในปี 2023

Song Xiaolei ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชันในต่างประเทศของ Hytera ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ของบริษัทเกี่ยวกับวิวัฒนาการบริการ FRMCS ในอนาคตของการรถไฟคาซัคสถาน ซึ่งเครือข่าย 4G/5G ของผู้ให้บริการเครือข่ายและระบบ TETRA ที่มีอยู่ของ KTZ จะถูกสร้างขึ้นภายใต้กรอบการทำงานใหม่ของข้อตกลงที่ลงนาม โซลูชันแบบบรรจบกันคือการให้บริการส่งข่าวและการสื่อสารทางรถไฟที่เป็นเอกภาพและรองรับการใช้งานในอนาคต การสำรองที่ปลอดภัย การส่งสัญญาณและควบคุมข้อมูล ตลอดจนสำรวจ และเป็นผู้นำวิวัฒนาการการสื่อสารทางรถไฟรุ่นต่อไป

Ivan Wang ผู้จัดการประจำประเทศคาซัคสถานของ Hytera แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือนี้ว่า "ศูนย์เชี่ยวชาญจะทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเร่งการแปลง KTZ ให้เป็นดิจิทัล และเราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้"

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัย และหลากหลายมากขึ้นสำหรับธุรกิจและผู้ใช้ที่มีความสำคัญต่อภารกิจ ช่วยทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยเอื้อให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.hytera.com/en/home.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52970667/en

ข้อมูลติดต่อ

Jia Liu
Hytera Communications Corporation Limited
jia.liu@hytera.com

แหล่งที่มา: Hytera Communications Corporation Limited

Innophos เปิดตัวเว็บไซต์ใหม่เตรียมเจาะตลาดอาหารและเครื่องดื่มในเอเชียแปซิฟิก

Logo

เว็บไซต์โฉมใหม่นี้เปรียบดั่งสถานที่จัดแสดงวัตถุดิบที่สร้างขึ้นจากสูตรเฉพาะที่พัฒนาขึ้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ

แครนเบอรี รัฐนิวเจอร์ซีย์–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2022

Innophos ผู้นำด้านสารละลายพิเศษสำหรับวัตถุดิบระดับโลกที่สร้างคุณูปการด้านต่าง ๆ แก่ตลาดอาหาร สุขภาพ และโภชนาการมาแล้วนักต่อนักได้ฤกษ์เปิดตัวเว็บไซต์ innophos.cn ที่สร้างขึ้นสำหรับตลาดเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะ เว็บไซต์โฉมใหม่นี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ Innophos ได้สัมผัสมาในช่วงไม่กี่ปีให้หลังมานี้ โดยตัวเว็บไซต์มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่รองรับการทำงานแบบสองภาษาเพื่อเข้าถึงลูกค้าที่พูดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน

Announcing our new APAC website innophos.cn (Graphic: Business Wire)

ประกาศเว็บไซต์ APAC ใหม่ของเรา innophos.cn (กราฟิก: Business Wire)

“ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านสารละลายฟอสเฟตสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม การเปิดตัว innophos.cn ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Innophos” Migue DeJong ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกของ Innophos กล่าว “การดำเนินการในครั้งนี้ทำให้ผมอยากติดตามการเติบโตต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งของกลุ่มธุรกิจของเราทั้งในเอเชียและทั่วโลกอย่างใจจดใจจ่อ”

Innophos Asia Pacific ได้เปิดโรงงานผลิตในเมืองไท่ชาง มณฑลเจียงซู ประเทศจีนขึ้นเมื่อแปดปีก่อน จากนั้นมา Innophos ได้ใช้โรงงานผลิตแห่งนี้เพื่อให้บริการสารละลายแก่ลูกค้าในหลาย ๆ กลุ่มไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตอาหารข้ามชาติ ผู้ผลิตอาหารประจำภูมิภาค และผู้ผลิตอาหารในท้องถิ่นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง ทั้งนี้ Innophos Asia Pacific ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ฟอสเฟตสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผสมฟอสเฟต และผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารก่อภูมิแพ้อย่างครบครันเพื่อมอบเนื้อสัมผัส รสชาติ คุณค่าทางโภชนาการ และอายุการเก็บรักษาที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย

“การเติบโตทางธุรกิจของเรานั้นขับเคลื่อนจากความเข้าใจที่ครอบคลุมอย่างลึกซึ้งต่อความต้องการของลูกค้ารวมถึงกระบวนการพัฒนาของเราด้วย” Laurent Dubois ผู้จัดการทั่วไปของ Innophos Asia Pacific กล่าวเสริม “เราภูมิใจที่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภูมิภาคนี้เพื่อลูกค้าของเราด้วยห้องปฏิบัติการประยุกต์ที่มีอุปกรณ์ครบครัน สารละลายที่เราสร้างขึ้นจากสูตรเฉพาะ และความใส่ใจต่อคุณภาพและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”

เว็บไซต์ใหม่ของ Innophos นี้มุ่งเน้นการแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทกับอาหารและเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเบเกอรี่ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล นม บะหมี่ และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช โดยสามารถเยี่ยมชมส่วนผสมเฉพาะสำหรับการพัฒนาคุณภาพอาหารและเครื่องดื่มด้วยสารละลายฟอสเฟตสำหรับวัตถุดิบรูปแบบใหม่ได้ที่ innophos.cn เว็บไซต์ใหม่ของ Innophos Asia Pacific

เกี่ยวกับ Innophos

Innophos คือผู้ผลิตสารละลายพิเศษสำหรับวัตถุดิบชั้นนำระดับสากลซึ่งสร้างประโยชน์ต่าง ๆ มากมายให้กับตลาดอาหาร สุขภาพ และโภชนาการ โดยเราใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการผสมและสร้างสรรค์สูตรวัตถุดิบที่มีส่วนผสมจากฟอสเฟต แร่ธาตุ เอนไซม์ และพืช เพื่อช่วยเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการในราคาประหยัดได้ ปัจจุบัน Innophos ดำเนินการผลิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก และจีน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52969382/en

ข้อมูลติดต่อ

Carrie Livingston
อีเมล: carrie@colinkurtis.com
หมายเลขโทรศัพท์: +1 815-519-8302

แหล่งที่มา: Innophos

Medidata เปิดตัว Rave Companion ซึ่งเป็นโซลูชันที่สามารถปรับขนาดได้โซลูชันแรกสำหรับการป้อนข้อมูล EHR เข้าไปยัง Rave EDC โดยอัตโนมัติ

Logo

Rave Companion มีการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ EDC ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น สามารถลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้นับพันสำหรับการทดลองทางคลินิกและระบบการจัดการข้อมูล 

  • Rave Companion จะช่วยเพิ่มคุณภาพข้อมูลและสามารถลดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ โดยรับข้อมูลต้นทางจาก EHRs โดยตรงและส่งไปยัง Rave EDC โดยไม่ต้องมีการพิมพ์ ส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดที่น้อยลง
  • เป็นโซลูชันระหว่างระบบ EHR ของไซต์และโซลูชันข้อมูลด้านการดูแลสุขภาพอื่น ๆ กับ Rave EDC โดยนำบันทึกเวชระเบียนของผู้ป่วยเข้าสู่ Rave EDC โดยตรง

NEW YORK–(BUSINESS WIRE)–15 พฤศจิกายน 2022

Medidata บริษัทในเครือของ Dassault Systèmes ประกาศแผนที่จะเปิดตัว Rave Companion ซึ่งเป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมสามารถปรับขนาดได้ และอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร ที่จะช่วยให้การทดลองทางคลินิกสามารถประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดในการถ่ายโอนข้อมูล EHR (บันทึกข้อมูลสุขภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์) ไปยังระบบ Rave EDC (การบันทึกข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์) Rave Companion จะสามารถรับมือกับความท้าทายในการป้อนข้อมูลซ้ำซ้อนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีมาอย่างยาวนานได้ โดยมีการใช้งานข้อมูลทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างจากบันทึกข้อมูลสุขภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง Rave EDC สามารถนำไปใช้ได้โดยตรงเพียงไม่กี่คลิก

“จำนวนจุดข้อมูลที่รวบรวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองทางคลินิกมีการเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณและสำหรับไซต์ต่าง ๆ ที่มองหาโซลูชันที่สามารถปรับขนาดได้ และใช้งานง่าย เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับระบบ EHR และลดการป้อนข้อมูล” Dan Braga รองประธานฝ่ายโซลูชัน EHR และฝ่ายดูแลสุขภาพที่ Medidata กล่าว “Rave Companion เป็นโซลูชันที่สามารถช่วยในการใช้งานข้อมูลที่มีอยู่จากระบบ EHR ใด ๆ แทนที่จะเป็นการป้อนข้อมูลซ้ำ เพื่อวัตถุประสงค์ในการทดลองทางคลินิก”

Medidata ดำเนินการทดลองมากกว่า 29,000 ครั้ง โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาศาสตร์กว่า 1.5 ล้านคนทั่วโลก โดยใช้แพลตฟอร์มชั้นนำของอุตสาหกรรม Rave Companion ได้รับการออกแบบมาสำหรับฟังก์ชันการทำงานแบบนอกกรอบสำหรับข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง รวมถึงความสามารถในการผสานรวมระบบ EHR แบบขั้นสูงสำหรับไซต์ที่มีการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายของไซต์สำหรับการวิจัยของ Medidata และสามารถขยายได้อย่างรวดเร็ว Rave Companion ทำงานโดยการจำลองแผนผังของ Rave eCRF ในเครื่องมือ “companion” ที่อยู่ด้านบนของหน้าจอ และติดตามผู้ใช้ของไซต์เมื่อมีการเข้าใช้งานผ่านระบบการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ที่ใช้ในฐานข้อมูลด้านการวิจัย

สำหรับข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง หรือสำหรับไซต์ที่ยังไม่มีการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายของ Medidata Rave Companion จะช่วยให้สามารถหยุดการดำเนินการ “ทำงานพร้อมกันในทั้งสองระบบ” และช่วยให้ Rave EDC สามารถเชื่อมต่อกับผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้เข้าใช้งานระบบ EHR หรือระบบทางคลินิกอื่น ๆ ในการค้นหาข้อมูลผู้ป่วยที่เหมาะสม เพียงผู้ใช้คลิกที่ค่า ระบบก็จะกรอกข้อมูลเข้า eCRF ให้ แทนที่จะต้องพิมพ์ข้อมูลอีกครั้ง

ในปีหน้า Rave Companion จะมีการรวมการนำเสนอข้อมูล EHR ภายในโซลูชันโดยตรง หมายความว่าผู้ใช้จะไม่ต้องออกจากระบบ Rave EDC เพื่อกรอกข้อมูล eCRF ให้ครบถ้วน เนื่องจากสามารถดำเนินการได้ภายในระบบเดียว

Medidata จะมีการเปิดตัว Rave Companion ในงานชีววิทยาศาสตร์ชั้นนำ NEXT New York ในวันที่ 15-16 เดือนพฤศจิกายน โดยผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีการที่ Medidata จัดการความท้าทายในการป้อนข้อมูลซ้ำในหัวข้อ “การแก้ไขปัญหาความท้ายทายของการถ่ายโอนข้อมูลจาก EHR ไปยัง EDC: มุมมอง แนวทาง และเทคโนโลยีใหม่” โดยมี Gene Vinson ผู้อำนวยการบริหารของฝ่ายบริหารจัดการ Clinical Vendor Management ที่ Syneos Health และ Dan Braga และ Samir Jain ผู้อำนวยการอาวุโสของ EHR Solutions ของ Medidata เข้าร่วม

Medidata เป็นบริษัทในเครือของ Dassault Systèmes ที่มีแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE เป็นบริษัทชั้นนำในระบบการเปลี่ยนแปลงชีววิทยาศาสตร์ระบบดิจิทัลในยุคของการแพทย์เฉพาะบุคคลที่มีแพลตฟอร์มทางวิทยาศาสตร์และธุรกิจแบบครบวงจรตั้งแต่การวิจัยจนถึงเชิงพาณิชย์ระบบแรก

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata เป็นผู้นำทางการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลสำหรับชีววิทยาศาสตร์ การสร้างความหวังให้กับผู้ป่วยหลายล้านคน Medidata จะช่วยสร้างหลักฐานและข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยบริษัทด้านเภสัชกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และการวินิจฉัย รวมถึงนักวิจัยด้านวิชาการเพื่อเพิ่มมูลค่า ลูกค้าและพันธมิตรกว่า 2,000 รายสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกสำหรับการพัฒนาทางคลินิก ช้อมูลเชิงพาณิชย์ และข้อมูลจริงได้ Medidata ซึ่งเป็นบริษัท Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และมีสำนักงานทั่วโลกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes บริษัทในเครือของบริษัท 3DEXPERIENCE เป็นฝ่ายพัฒนาความก้าวหน้าของมนุษย์ โดยเราได้จัดเตรียมสภาพแวดล้อมเหมือนจริงสำหรับธุรกิจและผู้คนเพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน ด้วยประสบการณ์เสมือนจริงในโลกแห่งความเป็นจริงในแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันของ 3DEXPERIENCE ลูกค้าของเราสามารถขยายขอบเขตการสร้างนวัตกรรม การเรียนรู้ และการผลิต เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับผู้ป่วย พลเมือง และผู้บริโภค Dassault Systèmes สร้างมูลค่าให้กับลูกค้ากว่า 300,000 รายในทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม ในกว่า 140 ประเทศ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.3ds.com

3DEXPERIENCE, ไอคอนเข็มทิศ, โลโก้ 3DS, CATIA, BIOVIA, GEOVIA, SOLIDWORKS, 3DVIA, ENOVIA, NETVIBES, MEDIDATA, CENTRIC PLM, 3DEXCITE, SIMULIA, DELMIA และ IFWE เป็นเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็น “société européenne” ในฝรั่งเศส (ทะเบียนพาณิชย์แวร์ซายส์ # B 322 306 440) หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Tom Paolella
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจการ
+1-848-203-7596
thomas.paolella@3ds.com

Paul Oestreicher
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารภายนอก
+1-917-522-4692
paul.oestreicher@3ds.com

แหล่งที่มา: Medidata

Contentstack ระดมทุน Series C มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ นำโดย Georgian และ Insight Partners เพื่อเร่งเส้นทางสู่การรวบรวมความสามารถจากโครงสร้างข้อมูลสำหรับองค์กร

Logo

ระบบการจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียจะใช้เงินทุนเพื่อช่วยให้แบรนด์ระดับโลกตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสำหรับประสบการณ์เชื่อมโยงกับร้านค้าทุกช่องทางและประสบการณ์ส่วนบุคคล และเพื่อสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถทั่วอินเดีย

เทศบาลวิราร เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย–(BUSINESS WIRE)–15 พฤศจิกายน 2022

Contentstack ผู้นำประเภท Content Experience Platform (CXP) และผู้บุกเบิกสถาปัตยกรรมเชิงประกอบ ได้ประกาศในวันนี้ว่าการระดมทุน Series C มีมูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ Georgian และ Insight Partners ร่วมเป็นผู้นำในรอบนี้โดยมีส่วนร่วมจาก Illuminate Ventures ทั้งสามบริษัทยังคงเพิ่มการลงทุนด้วย Contentstack ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระดมทุนได้ทั้งหมด 169 ล้านดอลลาร์จนถึงตอนนี้ บริษัทจะใช้เงินทุนเพื่อสนับสนุนบริษัทองค์กรต่าง ๆ ต่อไปในเส้นทางของพวกเขาเพื่อรวบรวมความสามารถจากโครงสร้างข้อมูล โดยเสริมศักยภาพให้พวกเขาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสำหรับประสบการณ์เชื่อมโยงกับร้านค้าทุกช่องทางและประสบการณ์ส่วนบุคคล

Emily Walsh หัวหน้านักลงทุนของ Georgian จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ Contentstack พร้อมกับ David Overmyer ผู้อำนวยการสายการเงิน (CFO) ของ Contentstack

“เรามองหาบริษัทที่มีการเติบโตสูงพร้อมความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมและวัฒนธรรมการทำงานที่แข็งแกร่ง เราชอบที่จะช่วยให้ผู้ที่มองเห็นโอกาสและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงได้ทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด” กล่าวโดย Walsh “ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เราจึงเลือกที่จะเพิ่มการลงทุนของเราเป็นสองเท่า ความสามารถของ Contentstack ในการรับรองว่าลูกค้าจะประสบความสำเร็จในขณะเดียวกันก็สร้างนวัตกรรมด้วยความเร็วที่บันทึกนั้น ทำให้พวกเขาเป็นผู้นำในตลาด CMS เราภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำร่วมกันในรอบนี้และให้การสนับสนุนบริษัทที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำที่แท้จริง”

Contentstack เป็น CMS ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียซึ่งเป็นตัวแทนของแบรนด์ระดับโลก เช่น Chase, Holiday Inn, Levi’s, Mattel, McDonald's, Mitsubishi และ Shell นอกจากนี้ บริษัทยังใช้เงินทุนเพื่อเติบโตและสรรหาบุคลากรอย่างต่อเนื่องในไฮเดอราบัด เบงกาลูรู ปูเน และวิราร-มุมไบ

"เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในบริษัท SaaS ที่เติบโตเร็วที่สุดในอินเดีย" กล่าวโดย Nishant Patel ผู้ร่วมก่อตั้งและ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของ Contentstack "Contentstack ได้รับการบ่มเพาะใน Raw Engineering ในอินเดียก่อนที่จะแยกตัวออกไปสู่ระดับโลกมากขึ้นในปี 2018 ภารกิจของเราคือการช่วยสนับสนุนและผลักดันการเติบโตในระบบนิเวศของธุรกิจสตาร์ทอัพในอินเดีย เมื่อเร็วๆ นี้ การสนับสนุนการประชุมผลิตภัณฑ์ NASSCOM ช่วยกระตุ้นภารกิจดังกล่าว ซึ่งคุณสามารถคาดหวังได้ว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้”

ในฐานะที่เป็น CMS แบบไม่มีส่วนหัวเพียงตัวเดียวที่นำเสนอโซลูชัน "การผสานรวม" กับ Automation Hub Contentstack จึงมอบเส้นทางสู่การรวบรวมความสามารถจากโครงสร้างข้อมูลสำหรับองค์กรต่าง ๆ ด้วยการทำให้กิจกรรมหลายร้อยรายการในเทคโนโลยีและผู้ขายเป็นไปอย่างอัตโนมัติและคล่องตัวแบบเรียลไทม์ องค์กรต่างๆ จึงสามารถเลิกใช้งานระบบจัดการเนื้อหา (CMS) แบบเดิมที่มีราคาแพงได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้พวกเขาสามารถปลดล็อกนวัตกรรมประสบการณ์ดิจิทัลในวงกว้างมากขึ้นและตระหนักถึงผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โปรแกรม Care Without CompromiseTM ที่เป็นเรือธงของบริษัทช่วยให้มั่นใจได้ถึงการสนับสนุนข้ามผู้จัดจำหน่ายในสภาพแวดล้อมที่ผสมผสานกัน ด้วย Automation Hub และ Care Without Compromise ทำให้ Contentstack กลับมาอยู่ในระดับแนวหน้าของการเคลื่อนไหวที่ผสมผสานกันได้อีกครั้ง ซึ่งมุ่งมั่นที่จะสร้างลูกค้าให้พร้อมสำหรับความสำเร็จในแนวธุรกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

ตั้งแต่ Series B ของ Contentstack ในเดือนมิถุนายน ปี 2021 ความเชี่ยวชาญของ Contentstack ได้นำไปสู่การเติบโตของขนาดและอัตราของกรณีการใช้งาน เนื่องจากมีองค์กรจำนวนมากขึ้นได้นำสถาปัตยกรรมเชิงประกอบมาใช้เป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ดิจิทัลมากขึ้น บริษัทจึง

  • เติบโตจนมีพนักงานมากกว่า 400 คน และเข้าถึงผู้ใช้กว่า 50,000 รายในตลาดโลกกว่า 70 แห่ง
  • เพิ่มจำนวนลูกค้าที่ให้บริการและเพิ่ม ARR เกือบสามเท่า ขณะที่รักษาอัตราการรักษาลูกค้าไว้ 97%
  • ปรับขนาดด้วยแบรนด์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด โดย 42% มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และ 35% มีการซื้อขายต่อสาธารณะ
  • นำเสนอโซลูชันที่ไม่อิงกับคลาวด์ที่รองรับทั้ง AWS และ Microsoft Azure ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

นอกจากนี้ Contentstack ยังได้รับการรับรองเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมในอินเดีย (กันยายน 2021-2023) โดยได้รับรางวัลสถานที่ทำงานยอดเยี่ยมแห่งปี 2022 ถึง 6 รางวัลและได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ทำงานที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดยอดเยี่ยมแห่งปี 2021 Austin Business Journal เสนอชื่อ Neha Sampat ผู้บริหารสูงสุด (CEO) ให้เป็นหนึ่งใน CEO ที่ดีที่สุดของ Austin ในปี 2022

เกี่ยวกับ Contentstack

Contentstack™ เป็นผู้นำประเภท Content Experience Platform (CXP) ที่ช่วยให้นักการตลาดและนักพัฒนานำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลที่รวบรวมได้ด้วยความรวดเร็วดั่งจินตนาการ บริษัทต่าง ๆ เช่น ASICS, Chase, Express, Holiday Inn, Icelandair, Mattel, McDonald's, Mitsubishi, Riot Games และ Shell ไว้วางใจให้ Contentstack ขับเคลื่อนประสบการณ์เนื้อหาที่สำคัญที่สุดด้วยขนาดที่มั่นคงและความน่าเชื่อถือ Contentstack มีชื่อเสียงในด้าน Care without Compromise™ ซึ่งได้รับคะแนนความพึงพอใจสูงสุดจากลูกค้าในอุตสาหกรรม Contentstack ยังเป็นผู้ก่อตั้ง MACH Alliance ที่กำหนดวาระอุตสาหกรรมสำหรับเทคโนโลยีแบบเปิดและปรับแต่งได้ที่ใช้ Microservices, API-first, Cloud-native SaaS และ Headless เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.contentstack.com

ข้อมูลติดต่อ

Manish Sharma
manish.sharma@contentstack.com
+91 98200 43185

แหล่งที่มา: Contentstack

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ผลิตสมาร์ทดิสเพลย์ ที่ดีที่สุดของไต้หวัน เฉิดฉายในงาน SDIA Award 2022

Logo

กรุงไทเป ไต้หวัน –(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2022

เพื่อเป็นการส่งเสริมผู้ผลิตสมาร์ทดิสเพลย์ของไต้หวันให้ก้าวทันเทคโนโลยีแสดงผลชั้นนำ Smart Display Industry Alliance หรือ SDIA จึงได้จัดงาน SDIA Award ปี 2022 ขึ้นมา โดยจะมอบรางวัลระดับ Gold, Silver, Bronze รวมถึง Prize of Excellence ให้แก่ผู้ชนะที่เข้าเกณฑ์การประเมินรางวัล เกณฑ์ดังกล่าวประกอบด้วยความสามารถทางการตลาด, ความเป็นนวัตกรรม, เทคโนโลยี, งานวิจัย, ขีดความสามารถในการพัฒนา และศักยภาพตัวต้นแบบ เป้าหมายคือการยกย่องผู้ผลิตที่มีส่วนร่วม ซึ่งพวกเขาได้ลงทุนขยายเทคโนโลยีการแสดงผลชั้นนำ และยกระดับการแข่งขันด้านภาพกับการตลาดในอุตสาหกรรมการแสดงผลของไต้หวัน

Taiwan’s top smart display companies selected for 2022 SDIA Award (Photo: Business Wire)

Taiwan’s top smart display companies selected for 2022 SDIA Award (Photo: Business Wire)

คณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมของกระทรวงเศรษฐการเป็นผู้ก่อตั้ง SDIA ในปี 2021 องค์กรนี้ทำหน้าที่สร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยรัฐภาคอุตสาหกรรม รวมถึงกลไกการบูรณาการการดำเนินงาน, เสริมความเข้มแข็งข้ามภาคการผลิต, หน่วยงานสากล, การผนวกรวมหลากหลายสาขาวิชา และขีดความสามารถในการเพิ่มการแข่งขันระดับสากลของไต้หวันในเทคโนโลยีสมาร์ทดิสเพลย์ รวมถึงสนับสนุนความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมเพื่อเปลี่ยนอุตสาหกรรมแสดงผลจากห่วงโซ่อุตสาหกรรมเดี่ยว เป็นระบบนิเวศอุตสาหกรรม

ในปีนี้ มีการมอบรางวัลให้บริษัทที่ดำเนินโครงการอันยอดเยี่ยมที่เน้นเทคโนโลยีการแสดงผลชั้นนำ ผู้ได้รับรางวัลระดับ Gold ได้แก่ AUO Corporation, Innolux Corporation, และ PlayNitride Display Co., Ltd สำหรับรางวัลระดับ Silver มอบให้กับ E Ink Holdings Inc., Lextar Electronics Corporation, และ Darwin Precisions Corporation ส่วนผู้ได้รับรางวัลระดับ Bronze คือ PanelSemi Corporation, WiseChip Semiconductor Inc., และ InnoCare Optoelectronics Corp. และรางวัล Prize of Excellence มอบให้กับ Taiwan Nanocrystals Inc., General Interface Solution Limited และ GIO Optoelectronics Corp.

AUO Corporation เป็นผู้สร้างหน้าจอแสดงผล Micro LED แบบม้วนได้ขนาด 14.6 นิ้ว ครั้งแรกของโลก ด้วยความคมชัดระดับสูงสุด มีการใช้เทคโนโลยีถ่ายโอนความเร็วระดับสูงให้ได้ความหนาแน่นของพิกเซลสูงระดับอัลตราที่ 202 ppi ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้มีความโดดเด่นทั้งในแง่ขนาดและความคมชัด กระบวนการผลิตยังมีการดำเนินการด้วยพลังงานสะอาดนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยประหยัดและลดการบริโภคพลังงาน จอแสดงผลแบบม้วนได้ยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพื้นที่ภายในยานพาหนะด้วย

Innolux Corporation นำเสนอโซลูชันภาพทางการแพทย์อัจฉริยะ 3 มิติ แบบมองเห็นด้วยตาเปล่า ผสานกับสิทธิบัตรพิเศษเฉพาะของ Innolux – เทคโนโลยีการแสดงผลไลท์ฟีลด์ภาพแบบ Volume N3D และอัลกอริทึม ทำให้ระบบสามารถอ่านข้อมูลภาพรังสีส่วนตัดได้โดยตรง ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถตีความข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

PlayNitride Display Co., Ltd อาศัยการใช้เมตาเวิร์สอันเป็นที่สนใจทั่วทั้งอุตสาหกรรม ในการเปิดตัวจอแสดงผล
ไมโครแบบมีสีเต็มรูปแบบ ขนาด 0.49 นิ้ว/4,536 ppi เมตาเวิร์ส ซึ่งเป็นเกรดสูงสุดในอุตสาหกรรมปัจจุบัน และสามารถใช้กับแว่นตา AR ได้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแสดงผลช่วยยกระดับประสบการณ์เมตาเวิร์ส

บริษัทเทคโนโลยีแสดงผลมีความเข้มแข็งในตัวเอง SDIA จะช่วยผู้ผลิตอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมการแสดงผล ให้เปลี่ยนแปลงและอัปเกรดพร้อมเป้าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าที่สูงขึ้น หรือระบบ และบริการบูรณาการแอปพลิเคชัน สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาแอปพลิเคชันและโซลูชันในหลากหลายสาขา เพื่อนำทฤษฎีไปปฏิบัติจริงให้เกิดการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการแสดงผลอัจฉริยะในภาพรวม และการอัปเกรดให้ไปถึงเป้าหมายในการสร้างพอร์ตอุตสาหกรรม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/52966218/en

ข้อมูลติดต่อ

Smart Display Industrial Alliance, SDIA
อีเมล: IDB.SDIA@itri.org.tw
โทรศัพท์: +886-2-27001910

แหล่งที่มา: Smart Display Industrial Alliance

Kirin Holdings และ Kao เริ่มทำการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องและภูมิคุ้มกันวิทยา

Logo

Tokyo–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2022

ตั้งแต่เดือนนี้ Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) และ Kao Corporation (Kao) จะเข้าร่วมในการศึกษาตามรุ่นของ "วิจัยส่งเสริมสุขภาพวาคายามะ"*1 ซึ่งนำโดย Wakayama Medical University และเรียบเรียงโดยศูนย์วิจัยส่งเสริมสุขภาพ (HPRC) ที่เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Kirin Holdings และ Kao จะร่วมกันทำการวิจัยเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องกับการทำงานของเซลล์เดนไดรต์ในพลาสมาไซทอยด์*2 (pDCs) ซึ่งเป็นตัวนำสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันและอื่น ๆ

*1 วิธีการวิจัยเชิงสังเกตวิธีหนึ่งที่ใช้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยของโรคและการเกิดโรค โดยจัดกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยโรคเฉพาะและกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยโรคเฉพาะ และสามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยและการเกิดโรคได้โดยการคำนวณอุบัติการณ์ของโรคเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม

*2 เซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญในฐานะตัวนำหลักเมื่อแบคทีเรียหรือไวรัสเข้าสู่ร่างกาย การทำงานของ pDC จะกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันต่าง ๆ เช่น เซลล์ NK เซลล์ T และเซลล์ B เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส

โครงร่างการวิจัย

  1. หัวข้อการวิจัย
  2. โครงสร้างการวิจัย
    Kirin Central Research Institute, Kirin Holdings Company, Limited
    R&D-Health & Wellness Products Research, R&D-Biological Science Research , Kao Corporation
    Wakayama Medical University
  3. เป้าหมาย
    ชายและหญิงที่เป็นผู้ใหญ่ 300 คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดวาคายามะ (ตามแผน)

ความเป็นมา

โรคอ้วนได้รับการกำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็น "การสะสมไขมันผิดปกติหรือมากเกินไปซึ่งอาจนำไปสู่สุขภาพที่ไม่ดี" ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้น ทั่วโลกกำลังศึกษาผลกระทบของโรคอ้วนต่อสุขภาพ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความเชื่อมโยงระหว่างโรคอ้วนกับภูมิคุ้มกันกำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากโรคอ้วนมีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงมากขึ้น*3

วัตถุประสงค์

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องกับกิจกรรมของ pDC โดยผสมผสานความสามารถในด้านการวิจัยมากกว่า 35 ปีของ Kirin Holdings ที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันวิทยาเข้ากับความสามารถในด้านการวิจัยของ Kao ที่เกี่ยวกับการลดการสะสมไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิต งานวิจัยนี้จะดำเนินการเป็นการศึกษาเพิ่มเติมสำหรับ "วิจัยส่งเสริมสุขภาพวาคายามะ" ซึ่งได้ดำเนินการกับผู้อยู่อาศัยในจังหวัดวาคายามะมาตั้งแต่ปี 2011

ในเดือนนี้ จะมีการตรวจสุขภาพเฉพาะในจังหวัดวาคายามะสำหรับผู้อยู่อาศัยที่มีอายุ 40-55 ปี Kao จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปริมาณไขมันในช่องท้อง ในขณะที่ Kirin Holdings จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของเซลล์เดนไดรต์ รวมถึง pDCs ในเลือด โดยทั้งคู่จะแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ร่วมกัน และจะมีการศึกษาและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องและกิจกรรมของ pDC

*3 Int J Epidemiol. 2019;48(6):1783-1794. https://doi.org/10.1093/ije/dyz129
Obes Rev. 2020;21(11):e13128. https://doi.org/10.1111/obr.13128

วิจัยส่งเสริมสุขภาพวาคายามะคืออะไร

นี่เป็นการศึกษาตามรุ่นที่นำโดย Wakayama Medical University ตั้งแต่ปี 2011 และขณะนี้ได้ดำเนินการร่วมกับ HPRC โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการเกิดของโรคต่าง ๆ ในหมู่คนท้องถิ่นในจังหวัดวาคายามะ

จนถึงปัจจุบัน มีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและมวลกล้ามเนื้อ และได้มีการตีพิมพ์เอกสารต้นฉบับเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อกับการเริ่มมีภาวะหลอดเลือดแข็ง ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประวัติการล้มและปริมาณการออกกำลังกายที่เจตนา

Kirin และ Kao จะส่งเสริมความคิดริเริ่มที่มุ่งลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคในอนาคต โดยการชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างมวลไขมันในอวัยวะภายในและกิจกรรม pDC ผ่านวิจัย HPRC

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ดำเนินการในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ส่วนของยา (ธุรกิจยา) และในด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings สืบทอดมาจาก Japan Brewery ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 ตั้งแต่นั้นมา บริษัทก็ได้ขยายธุรกิจด้วยการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในปี 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งอย่างแท้จริง และปัจจุบันนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 ทำให้ Kirin Group มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* ซึ่งสร้างมูลค่าให้กับโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงยา ในอนาคต Kirin Group จะยังคงใช้จุดแข็งต่าง ๆ เพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในค่านิยมขององค์กร

* การสร้างคุณค่าร่วมกัน: รวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

เกี่ยวกับ Kao Corporation

Kao สร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงซึ่งให้การดูแลและเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของทุกคนและโลกใบนี้ ด้วยผลงานของแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 แบรนด์ เช่น Attack, Bioré, Goldwell, Jergens, John Frieda, Kanebo, Laurier, Merries และ Molton Brown โดย Kao เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนในเอเชีย โอเชียเนีย อเมริกาเหนือ และยุโรป Kao สร้างยอดขายต่อปีได้ประมาณ 1,420 พันล้านเยน เมื่อรวมกับธุรกิจเคมีภัณฑ์ซึ่งมีส่วนช่วยในหลากหลายอุตสาหกรรม Kao มีพนักงานประมาณ 33,500 คนทั่วโลกและมีประวัติยาวนานถึง 135 ปีในด้านนวัตกรรม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ Kao Group สำหรับข้อมูลล่าสุด https://www.kao.com/global/en/

Kao Group ได้กำหนดกลยุทธ์ ESG ของ Kirei Lifestyle Plan ในเดือนเมษายน ปี 2019 และในปี 2021 Kao ได้เปิดตัวแผนระยะกลางปี ​​2025 (K25) ซึ่งประกาศว่า "การปกป้องชีวิตในอนาคต" และการส่งเสริมให้ "ความยั่งยืนเป็นหนทางเดียว" เป็นวิสัยทัศน์ของบริษัท Kao Group จะยังคงรวมกลยุทธ์ ESG เข้ากับแนวทางการจัดการ นอกจากนี้ยังจะพัฒนาธุรกิจ จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้นสำหรับผู้บริโภคและสังคม และทำงานตามวัตถุประสงค์ "เพื่อให้เกิดโลก Kirei ที่ทุกชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนสมานฉันท์"

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Press Contact
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Corporate PR, Corporate Strategy, Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, Tokyo
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

The Bangkok Reporter