การทำให้ Digital Health เป็นไปได้คือ “การทำให้ข้อมูลสุขภาพสามารถถ่ายโอนได้”

Logo

Digital Health ไม่ใช่แนวคิดใหม่ อาจเป็นเรื่องง่ายเหมือนแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับวิดีโอคอลกับแพทย์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับความกังวลทั่วโลกเกี่ยวกับโรคระบาดหรือการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล digital health ยังคงเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ฮานอย เวียดนาม–(BUSINESS WIRE)–5 มกราคม 2023

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ Digital Health ได้รับการอภิปรายในการสัมมนาผ่านเว็บเรื่อง “โซลูชันดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมสำหรับการดูแลสุขภาพในอนาคต” โดยการมีส่วนร่วมของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจาก FPT Software ผู้ซึ่งใช้เวลาหลายสิบปีในการพัฒนาโซลูชัน Digital Healthcare

Digital Health will bring about radical changes to healthcare system all over the world (Photo: Business Wire)

Digital Health จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อระบบการรักษาพยาบาลทั่วโลก (ภาพ: Business Wire)

พูดง่าย ๆ ก็คือ Digital Health หมายถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในด้านการดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ตัดสินใจได้ดีขึ้นและมีข้อมูลที่มากขึ้น ด้วยความก้าวหน้าด้าน AI, แหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ (big data), หุ่นยนต์ และการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) Digital Health ยังคงนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับระบบการรักษาพยาบาลในระดับโลก

เพื่ออธิบายสิ่งนี้ Dr. Pham Tri Cong นักวิทยาศาสตร์ AI และหัวหน้าโปรแกรมข้อมูลของ FPT Software ได้ยกตัวอย่าง akaMedic โดยให้ akaMedic เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ในการเรียนรู้เชิงลึกและการมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์สัญญาณมะเร็งอย่างต่อเนื่อง Dr. Cong กล่าวว่า akaMedic สามารถช่วยตรวจจับสัญญาณมะเร็งในระยะเริ่มต้นได้ด้วย "อัตราความแม่นยำสูงถึง 95%"

ข้อมูลสุขภาพช่วยให้เราเข้าใจมากกว่าที่เราเคยเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสุขภาพส่วนบุคคล ขณะนี้ข้อมูลด้านสุขภาพมีจำนวนมหาศาลและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมาจากแหล่งต่าง ๆ เช่น แอปและแกดเจ็ตฟิตเนส ชุดทดสอบจีโนมที่บ้าน และเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลด้านสุขภาพมักกระจายอยู่ตามโรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่าง ๆ จากรายงานของ Harvard Business Review ประวัติทางการแพทย์จำนวนมากของคนส่วนใหญ่จะสูญหายไปจากจุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์เมื่อพวกเขาย้ายหรือเปลี่ยนแพทย์ เนื่องจากการถ่ายโอนข้อมูลของพวกเขานั้นซับซ้อนเกินไป”

Mr. Tran Dinh Cung หัวหน้าหน่วยธุรกิจด้านแพลตฟอร์มข้อมูลการดูแลสุขภาพและยาของ FPT Software พิจารณาว่า "ระบบสุขภาพหลายแห่งยังคงประสบปัญหาในการแบ่งปันข้อมูลให้กันและกัน แม้ว่าจะใช้ซอฟต์แวร์เวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ชุดเดียวกัน"

ดังนั้น การทำให้ digital health เป็นไปได้คือ "การทำให้ข้อมูลด้านสุขภาพสามารถถ่ายโอนได้" Mr. Cung เน้นย้ำ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพ เสียเวลา และเสียแรง ซึ่งส่งผลให้การรักษาล่าช้าในที่สุด

เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์นี้ได้ดีขึ้น ต่อไปนี้เป็นสถานการณ์ทั่วไปที่แบ่งปันโดย Mr. Nguyen Trung Hieu ผู้อำนวยการ Digital Health SME ของ FPT Software ดังนี้

ผู้ป่วยโทรหาสายด่วน แพทย์มาตรวจสอบผู้ป่วยและระบุสถานะสุขภาพของเขา แต่ทำขั้นตอนการประเมินซ้ำเมื่อผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล Mr. Hieu กล่าวว่า “ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาที่รวดเร็วกว่านี้ หากมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานะสุขภาพและการปฐมพยาบาลโดยทีมรถพยาบาลกับโรงพยาบาลในขณะที่เขานำส่งโรงพยาบาล

John Glaser เขียนไว้ใน Harvard Business Review ว่า “ความล้มเหลวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ส่งผลใหญ่หลวงเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในระบบการดูแลสุขภาพทั่วโลก ทำให้สูญเสียชีวิตที่มีสุขภาพแข็งแรงไปหลายปี และค่ารักษาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลายพันล้านดอลลาร์”

เพื่อป้องกันการสูญเสีย สิ่งที่เราต้องการคือ “คู่มือการใช้งานโดยละเอียดที่สรุปรูปแบบข้อมูลและค่าที่อนุญาตสำหรับแต่ละทรัพยากรหรือประเภทของข้อมูลที่จะแลกเปลี่ยน” Mr. Cung แย้ง เขาแนะนำให้ใช้ Health Level Seven International®, HL7® ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1987 และปัจจุบันมีสมาชิกองค์กรมากกว่า 500 ราย

ด้วยชุดคู่มือการใช้งานที่ชัดเจนและการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่ง่ายดายไม่ว่าจะสร้างขึ้นที่ไหนและเมื่อไหร่ ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนเองเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพของพวกเขาเองและดำเนินการตามข้อมูลที่ดีขึ้น บุคลากรทางการแพทย์สามารถวิเคราะห์ชุดข้อมูลเหล่านั้นเพื่อค้นหารูปแบบในกลุ่มผู้ป่วย และนักวิจัยสามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อค้นหาและประเมินยาและการรักษาใหม่ ๆ ได้

ดูตอนเต็มได้ที่นี่: facebook.com/fptsoftware.official/videos/827777101977280

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53167315/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

มีเดีย

Mai Duong (Ms.)
FPT Software
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
อีเมล: MCP.PR@fsoft.com.vn

Dzung Duong (Ms.)
ผู้จัดการฝ่ายสร้างแบรนด์องค์กร
อีเมล: DungDTH1@fsoft.com.vn
เว็บไซต์: https://www.fpt-software.com/newsroom/

แหล่งที่มา: FPT Software

Hillstone Networks ได้รับรางวัลยกย่องว่าเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ไกลอีกครั้งใน Gartner Magic Quadrant for Network Firewall

Logo

Hillstone Networks ได้รับตำแหน่งผู้มีวิสัยทัศน์ไกลโดยพิจารณาจากความสมบูรณ์ของวิสัยทัศน์และความสามารถในการดำเนินการ

SANTA CLARA, Calif.–(BUSINESS WIRE)–23 ธันวาคม 2022

Hillstone Networks ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ก้าวล้ำและเข้าถึงได้ ประกาศว่า Hillstone Networks ได้รับรางวัลยกย่องอีกครั้งใน Gartner® Magic Quadrant™ for Network Firewalls ประจำปี 2022 เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน และได้ชื่อว่าเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ไกลเป็นครั้งที่สอง

โซลูชันของ Hillstone Networks พัฒนามาจากแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย ให้เป็นพอร์ตโฟลิโอความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งซึ่งมอบความสามารถในการเตรียมรับมือทางไซเบอร์ ตั้งแต่ระบบเครือข่ายเอดจ์ไปจนถึงคลาวด์ และทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น ตั้งแต่ SMB ไปจนถึงความต้องการด้านเครือข่ายระดับผู้ให้บริการของทุกระบบแบบแนวตั้งที่สำคัญทั่วโลก ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอใช้ประโยชน์จาก Next Generation Firewall (NGFW) พื้นฐานเพื่อรวมโซลูชันต่อไปนี้

  • Hillstone Secure SD-WAN โซลูชันสำหรับองค์กรแบบกระจาย
  • Hillstone ZTNA โซลูชันที่ช่วยให้เข้าถึงแบบ Zero Trust จากอุปกรณ์ใดก็ได้ทุกที่
  • Hillstone CloudArmour ให้การปกป้องปริมาณโหลดบนคลาวด์
  • Hillstone CloudHive โซลูชันการแบ่งส่วนแบบไมโครสำหรับศูนย์ข้อมูลเสมือนจริง
  • Hillstone sBDS การป้องกันเซิร์ฟเวอร์ที่รวมเข้ากับโซลูชันการตรวจจับและตอบสนองเครือข่าย (NDR) เพื่อต่อต้านภัยคุกคามแบบหลายชั้นหลายขั้นตอนที่พุ่งเป้าหมายไปยังเซิร์ฟเวอร์และโฮสต์ที่สำคัญ
  • Hillstone iSource แพลตฟอร์มการตรวจจับและการตอบสนองที่ขยายกว้าง (XDR) ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI โดยมีฟีเจอร์ NDR และข้อมูลป้อนเข้าจากแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม

“เราสุขใจที่ได้กลับมารับรางวัลยกย่องด้านความสมบูรณ์ของวิสัยทัศน์และความสามารถในการดำเนินการเป็นปีที่ 9” Tim Liu, CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks แถลงการณ์ “ในโลกของมัลติคลาวด์แบบไฮบริดทุกวันนี้นั้น กลยุทธ์ที่ใช้ระบบคลาวด์เป็นอันดับแรกของเรามีความหมายกับลูกค้าและพันธมิตรเหมือนกัน เรายังคงใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม NGFW ที่ได้รับรางวัลและเป็นผู้นำในแวดวง และใส่คุณสมบัติขั้นสูงเพื่อปลดล็อกความสามารถของ SD-WAN และ ZTNA ตลอดจนนำเสนอโซลูชันอื่นๆ เสริมที่ตอบสนองโอกาสในตลาด และตอบสนองต่อความต้องการของฐานลูกค้าเราที่กำลังเติบโต”

แนวทางแบบใช้ระบบคลาวด์เป็นอันดับแรกคือข้อบังคับ เพื่อนำเสนอโซลูชันที่มีความสามารถในการเตรียมรับมือทางไซเบอร์อันมีประสิทธิภาพ ซึ่งปกป้องสินทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญขององค์กร นอกเหนือจากสภาพแวดล้อมแบบในสถานที่ แบบส่วนตัวและไฮบริดคลาวด์แล้ว กลุ่มโซลูชันของ Hillstone Networks ยังมีการรักษาความปลอดภัย IoT ที่ช่วยให้ภาคส่วน IoT ตรวจจับ ป้องกัน และจัดการความเสี่ยงในอุปกรณ์ IoT เชิงรุกได้อีกด้วย

ดาวน์โหลดสำเนาของ Gartner Magic Quadrant por Network Firewalls ได้ที่นี่

Gartner, Gartner Magic Quadrant for Network Firewalls, Rajpreet Kaur, Adam Hils, Thomas Lintemuth, 19 ธันวาคม 2022

Gartner ไม่ได้รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ ที่ปรากฎในเอกสารเผยแพร่งานวิจัยของบริษัท และไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้จำหน่ายที่มีคะแนนสูงสุดหรือตำแหน่งอื่น ๆ สิ่งพิมพ์วิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นจากองค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรนำไปตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ปฏิเสธการรับประกันทั้งหมดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยนี้ ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยาย รวมถึงการรับประกันใด ๆ ในเรื่องความสามารถในการขายหรือความสมบูรณ์เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ

GARTNER เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและเครื่องหมายบริการของ Gartner และ Magic Quadrant เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐฯ และในต่างประเทศ และมีการนำมาใช้โดยได้รับอนุญาตในที่นี้ สงวนลิขสิทธิ์

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ก้าวล้ำและเข้าถึงได้ของ Hillstone Networks ช่วยปรับโฉมการรักษาความปลอดภัยขององค์กร ให้มีความสามารถในการเตรียมรับมือทางไซเบอร์พร้อมกับลด TCO ด้วยการให้ทัศนวิสัยที่ครอบคลุม ความชาญฉลาดเหนือชั้น และการป้องกันอย่างว่องไวเพื่อการมองเห็น ทำความเข้าใจ และจัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์หลายชั้นหลายขั้นตอน ทำให้ Hillstone ได้คะแนนดีจากนักวิเคราะห์ชั้นนำ และได้รับความไว้วางใจจากบริษัทระดับโลก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ติดต่อฝ่ายสื่อประชาสัมพันธ์ 
Zeyao Hu 
+1 4085086750 
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งที่มา: Hillstone Networks

Hytera เตรียมครบรอบ 30 ปีด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในรอบแรกในปี 2023

Logo

เซินเจิ้น, จีน–(BUSINESS WIRE)–22 ธันวาคม 2022

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารมืออาชีพชั้นนำระดับโลก วันนี้ได้ประกาศการครบรอบ 30 ปีด้วยผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวรอบแรกในปี 2023 รุ่นใหม่สองรุ่นจากสายผลิตภัณฑ์ วิทยุดิจิทัลเคลื่อนที่ (DMR) และ กล้องติดตัว จะเปิดตัวในการสัมมนาผ่านเว็บ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10 มกราคม: HP5 Professional DMR วิทยุสองทางแบบพกพาและกล้องขนาดมินิ GC550 2K

Hytera to Expand DMR Radio and Body Camera Portfolio (Graphic: Business Wire)

Hytera เตรียมขยายผลงานสำหรับวิทยุ DMR และกล้องติดตัว (ภาพประกอบ: Business Wire)

ในตอนท้ายของปี 2021 Hytera เริ่มแนะนำวิทยุสองทาง DMR รุ่นถัดไปในชื่อ H Series สู่ตลาดโลก H Series ออกแบบและพัฒนาบนแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใหม่ เป็นรุ่นที่สมบูรณ์กว่าที่ตลาดนำเสนอ นอกจากวิทยุพกพาและเครื่องทวนสัญญาณแล้ว วิทยุพกพารุ่น HP7 (HP78X, HP70X) และรุ่น HP6 (HP68X/HP60X) ยังเปิดตัวตลอดทั้งปีและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในตลาด รุ่น HP5 (HP56X, HP50X) ได้เข้าร่วมและเสริมความแข็งแกร่งให้กับสายผลิตภัณฑ์นี้แล้ว

รุ่น HP5 ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ทางธุรกิจ มีความสมดุลระหว่างฟังก์ชันการใช้งาน ความสามารถในการใช้งาน และราคา ด้วยความไวที่ 0.18 μV (‒122 dBm) ทำให้ HP56X และ HP50X ให้การครอบคลุมที่ยอดเยี่ยมในแง่ของช่วงการสื่อสารและคุณภาพ ผู้ใช้ในไซต์งาน เช่น โรงงาน อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และวิทยาเขต สามารถโทรออกด้วยเสียงได้อย่างเสถียรในพื้นที่ห่างไกล ความง่ายในการใช้งานเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ รุ่น HP5 จึงใช้พอร์ต Type-C ดังนั้นผู้ใช้สามารถใช้สาย USB ทั่วไปเพื่อชาร์จได้ทุกเมื่อด้วยเครื่องชาร์จหรือพาวเวอร์แบงค์ รุ่น HP5 กันน้ำและกันฝุ่นในระดับ IP67 ได้เช่นเดียวกับรุ่น HP7

กล่องติดตัวแบบมินิรุ่น GC550 2K เป็นรุ่นใหม่ของกล้องติดตัวของ Hytera ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดและน้ำหนักเบาที่สุด สวิตช์เลื่อนช่วยให้ผู้ใช้สามารถเริ่มบันทึกได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องดูเลยในกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังแสดงสถานะการบันทึกผ่านตำแหน่งเลื่อนได้อีกด้วย กล้องมุมกว้าง 2K HD บันทึกรายละเอียดได้มากขึ้นในมุมกว้างพิเศษที่ 150° ด้วยเทคโนโลยีการมองเห็นในตอนกลางคืนแบบสตาร์ไลท์ ทำให้ GC550 ถ่ายภาพได้คมชัดเป็นพิเศษและมีสีสันภายใต้สภาวะแสงน้อยมาก

“ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของวิทยุ DMR ซีรีส์ H คือการเป็นที่ยอมรับถึงความแข็งแกร่งของ Hytera ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และตัวแบรนด์เอง ครั้งนี้เราได้เพิ่ม HP5 ให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ชั้นนำของโลกเพื่อขยายการปรากฏในตลาดและนำนวัตกรรมและที่มีมูลค่ามาสู่ลูกค้ามากขึ้น” Gerald Zhang ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและโซลูชันระดับโลกของ Hytera กล่าว “เราได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นวันครบรอบ 30 ปีของ Hytera ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาเป็นระยะเวลานาน ยิ่งเป็นการเตือนใจเราว่าเราควรสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้และพันธมิตรอยู่เสมอด้วยการนำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้จากการเติบโตมาเป็นระยะเวลา 30 ปี”

* คลิกที่นี่ เพื่อลงทะเบียนสำหรับการสัมมนาผ่านเว็บเกี่ยวกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ โปรดทราบว่าการวางจำหน่ายของผลิตภัณฑ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53122465/en

ติดต่อ

Lele.yao@hytera.com

แหล่งที่มา: Hytera Communications

Sharp ในงาน CES 2023

Logo

ลาสเวกัสและโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–19 ธันวาคม 2022

Sharp Corporation (TOKYO:6753) เตรียมหวนคืนสู่งาน CES 2023 ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและผลิตภัณฑ์ที่รวบรวมการจัดการที่มุ่งเน้น ESG ของบริษัทภายใต้สี่ธีม ได้แก่ พลังงานใหม่ ยานยนต์ AR/VR และโทรทัศน์

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

ที่ตั้งบูธของ Sharp:

ห้องเพทรัส บอลรูม โรงแรมวินน์ ลาสเวกัส

3131 Las Vegas Blvd., Las Vegas, NV 89109, U.S.A.

วันที่และเวลาจัดแสดง:

5 มกราคม ถึง 8 มกราคม 2023 (วันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์) เวลา 10.00 – 17.00 น.

Sharp จะเปิดตัว LC-LH (Liquid and Crystal Light Harvesting) เป็นครั้งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอุปกรณ์เซลล์โฟโตวอลเทอิกในร่มที่พัฒนาขึ้นโดยการรวมเซลล์แสงอาทิตย์ที่ไวต่อสีและเทคโนโลยี LCD เข้าด้วยกัน Sharp จะจัดแสดงเซลล์แสงอาทิตย์แบบเพอรอฟสไกต์ ซึ่งดึงดูดความสนใจในฐานะเซลล์แสงอาทิตย์รุ่นต่อไป

หน้าจอแสดงข้อมูลผู้โดยสารที่ใช้การควบคุมมุมมองจะได้รับการนำเสนอเป็นอุปกรณ์ยานยนต์ขั้นสูง โมดูลเซลล์โฟโตวอลเทอิกแบบผสมที่มีประสิทธิภาพการแปลงสูงที่สุดในโลก*1 คาดว่าจะติดตั้งบนยานพาหนะอย่าง EV เช่นเดียวกับการใช้งานด้านอวกาศและการบิน

ต้นแบบจอแสดงผลแบบติดศีรษะน้ำหนักเบาพิเศษสำหรับ VR ที่ติดตั้งอุปกรณ์ล่าสุด เช่น จอแสดงผลความละเอียดสูงพิเศษ กล้องโฟกัสอัตโนมัติด้วยความเร็วสูงพิเศษ และพร็อกซิมิตีเซนเซอร์ขนาดกะทัดรัดพิเศษจะแสดงที่มุม AR/VR

ผู้เยี่ยมชมสามารถสัมผัสกับภาพยุคใหม่ที่มีความสว่างและการแสดงออกของสีที่โดดเด่นซึ่งสร้างโดยไฟแบ็คไลท์ LED ขนาดเล็กและเทคโนโลยีควอนตัมดอทสำหรับ AQUOS XLED TV รุ่นเรือธงสำหรับตลาดโลก นอกจากนี้ Sharp จะเปิดตัวต้นแบบของหนึ่งในรุ่น 120*3 นิ้วที่ใหญ่ที่สุดในโลก*2 เป็นครั้งแรก

เกี่ยวกับ Sharp

Sharp Corporation เป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเทคโนโลยีหลักระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีระดับสูงที่เป็นแกนหลัก Sharp ได้พัฒนาฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นต้นกำเนิดของนวัตกรรมนับไม่ถ้วน จากการพัฒนาเหล่านี้ Sharp จะยังคงปฏิวัติโลกต่อไป Sharp Corporation มีพนักงาน 48,165 คนทั่วโลก (ณ วันที่ 30 กันยายน 2022) และมียอดขายรวมต่อปีที่ 2.5 ล้านล้านเยนสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2022

*1 ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2022 สำหรับโมดูลเซลล์โฟโตวอลเทอิกในระดับการวิจัย (ตามผลการวิจัยของ Sharp)

*2 ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2022 สำหรับ LCD ที่ติดตั้งไฟแบ็คไลท์ LED ขนาดเล็ก (ตามผลการวิจัยของ Sharp)

*3 AQUOS XLED ขนาด 120 นิ้วไม่มีเครื่องรับสัญญาณสำหรับรับสัญญาณโทรทัศน์

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53026670/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Sharp Corporation
ฝ่ายประชาสัมพันธ์/ทีมสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์
pr-brand@sharp.co.jp

แหล่งที่มา: Sharp Corporation





ขับเคลื่อนเทคโนโลยี Net Zero เพื่อโซลูชัน GIGABYTE HPC ‘Power of Computing’ ที่ CES

Logo

TAIPEI–(BUSINESS WIRE)–15 ธันวาคม 2022

GIGABYTE ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำด้านนวัตกรรมคอมพิวเตอร์และผู้นำหลักในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี พบกับเราได้ที่ CES (#9119 LVCC North Hall) ที่กำลังจะจัดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 8 มกราคม GIGABYTE จะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ HPC และโซลูชันทั้งหมด รวมถึงขอบเขตครอบคลุมทั้งหมดของ ‘Power of Computing’ และผลกระทบต่อภูมิทัศน์ของเทคโนโลยี

Driving Technology Towards Net Zero, GIGABYTE HPC Solutions Rally ‘Power of Computing’ at CES (Photo: Business Wire)

ขับเคลื่อนเทคโนโลยี Net Zero เพื่อโซลชัน GIGABYTE HPC ‘Power of Computing’ ที่ CES (ภาพ: Business Wire)

GIGABYTE มุ่งเน้นหัวข้อสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีระดับโลกด้วยโซลูชัน HPC ศูนย์ข้อมูลระดับโลกมีส่วนในการปล่อยคาร์บอนมากเท่ากับอุตสาหกรรมการบินทั้งหมด ในขณะที่เทคโนโลยียังคงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วสำหรับระบบที่จำเป็นต้องใช้ประสิทธิภาพการประมวลผลสูงขึ้นเพื่อให้ทันกับนวัตกรรม ความท้าทายในการสร้างความสมดุลระหว่างความต้องการใช้คอมพิวเตอร์เทียบกับการปล่อยระดับคาร์บอน จะสามารถช่วยปรับเสถียรภาพการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยใช้โซลูชันการระบายความร้อนขั้นสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนที่โดดเด่นในบูธของ GIGABYTE ทั้งนี้มีการนำเสนอคำแนะนำเกี่ยวกับโซลูชันการระบายความร้อนหลักและการแสดงผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้พอดีกับอากาศ ของเหลว และการระบายความร้อน

GIGABYTE มีการลงทุนสูงในเทคโนโลยีการระบายความร้อนรุ่นบุกเบิก และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้ เนื่องจากมีการเปิดตัวระบบการระบายความร้อนซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดของทั้ง EIA และ OCP การลงทุนในระบบการระบายความร้อนบรรลุความสำเร็จด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ GIGABYTE โดยได้รับความไว้วางใจจาก IC foundry ยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งมีการรวบรวมประสบการณ์และผลิตภัณฑ์ของ GIGABYTE เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการขั้นสูงและมีความเป็นผู้นำและมีอิทธิพลต่อ ESG

เทคโนโลยียานยนต์กำลังเฟื่องฟู เนื่องจากใช้ประโยชน์จากพลังงานของคอมพิวเตอร์ในการควบคุมปัญญาประดิษฐ์และการสื่อสาร ดังนั้น จึงเป็นการปูทางไปสู่การขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นและการจราจรที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ด้วยประสบการณ์ที่กว้างขวางในการพัฒนา ADCU (Autonomous Driving Control Unit) และ ADAS DCU (Domain Control Unit) GIGABYTE มีการนำเสนออุตสาหกรรมยานยนต์พร้อม Zonal Integrated DCU ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นหลักควบคุมในการตัดสินใจ ซึ่งสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบรวมศูนย์และสามารถรวมเข้ากันได้กับข้อกำหนดและแนวคิดการออกแบบต่างๆ ลดต้นทุนการผลิตยานยนต์

GIGABYTE เชิญบริษัทต่างๆ ที่มีองค์ประกอบหลักและหุ้นส่วนทางกลยุทธ์มาจัดแสดงการสาธิตที่ครอบคลุมเพื่อยานยนต์อัจฉริยะ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการรับข้อมูลจากหลายๆ สัญญาณและประมวลผลข้อมูลตามเวลาจริง เพื่อระบุคำสั่งที่สำคัญและแม่นยำที่เกี่ยวข้อง

งาน CES ประจำปียังคงเป็นงานสำคัญสำหรับผู้นำทางความคิดและผู้มีอิทธิพลที่จะมารวมตัวกัน และเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีในอนาคต ‘Power of Computing’ กำลังกลายเป็นทรัพยากรที่แพร่หลายซึ่งผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในศตวรรษที่ 21 GIGABYTE นำเสนอความเชี่ยวชาญด้านศูนย์ข้อมูลและความรู้ในอุตสาหกรรม ตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ HPC เวิร์กสเตชันจนถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และโซลูชัน AI จากแพลตฟอร์มการพัฒนาไปจนถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เพื่อเอื้อให้ผู้ใช้ทั้งองค์กรไปจนถึงบุคคลทั่วไปสามารถขยายธุรกิจและเสริมวิสัยทัศน์ส่วนบุคคล GIGABYTE รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับผู้เข้าร่วมเข้าเยี่ยมชมบูธ เพื่อเชื่อมต่อและขับเคลื่อนอนาคตไปด้วยกัน โดยใช้ ‘Power of Computing’

เข้าดู หน้าอีเว้นท์ GIGABYTE ‘Power of Computing’

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.gigabyte.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53053414/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อฝ่ายสื่อ: Michael Pao brand@gigabyte.com

แหล่งข้อมูล: GIGABYTE

actyv.ai แต่งตั้ง Sanjeev Chhabra ให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตเพื่อขับเคลื่อนการขยายตัวทั่วโลก

Logo

เบงกาลูรู อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2022

actyv.ai ผู้สร้างสรรค์หมวดหมู่ใน SaaS ระดับองค์กรที่มี B2B BNPL และพื้นที่ประกันในตัว ได้ประกาศแต่งตั้ง Sanjeev Chhabra ให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตเพื่อขับเคลื่อนการขยายตัวทั่วโลก

Sanjeev Chhabra, Chief Growth Officer, actyv.ai (Photo: Business Wire)

Sanjeev Chhabra ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตของ actyv.ai (ภาพ: Business Wire)

Sanjeev Chhabra ศิษย์เก่า IIT (Bombay) และ IIM (Ahmedabad) เป็นนายธนาคารองค์กรที่มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปีในการจัดการลูกค้าและการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต การควบคุมของเขานั้นรวมถึงธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (การเงินที่ยั่งยืน การจัดการพอร์ตโฟลิโอและเครดิต การเงินที่มีเลเวอเรจ) ในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) สิงคโปร์ และอินเดีย ธนาคาร ING (ธนาคารเพื่อการลงทุน) และธนาคารแห่งอเมริกา (การเงินองค์กร) เขามีผลงานระดับนานาชาติที่กว้างขวางทั่วทั้งภูมิภาค รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง (GCC) แอฟริกา และอินเดีย โดยการสร้างและนำทีมในการขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ ความเชี่ยวชาญของเขาคือการสร้างและดำเนินธุรกรรมที่ซับซ้อนข้ามภาคส่วนสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติ และกองทุนหุ้นเอกชน

Raghunath Subramanian ผู้ก่อตั้งและซีอีโอระดับโลกของ actyv.ai ที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งครั้งนี้ว่า "Sanjeev มีความคิดเชิงกลยุทธ์และเป็นผู้สร้างธุรกิจที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์ และระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำและประสบการณ์ของเขาในการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจะช่วยเร่งการเติบโตในอนาคตและการขยายตัวทั่วโลกของแพลตฟอร์มของเรา”

Sanjeev Chhabra กล่าวว่า "ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ actyv.ai ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโต ซึ่งเป็นก้าวต่อไปที่ท้าทายในอาชีพการงานของฉัน สิ่งนี้จะช่วยให้ฉันสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ให้กับ actyv.ai ได้ในการนำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีทั่วโลก” เขากล่าวเสริมว่า “actyv.ai นำเสนอโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการส่งมอบการเติบโตที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืนทั่วทั้งองค์กรและระบบนิเวศของห่วงโซ่อุปทานผ่าน B2B BNPL ข้อเสนอทางการเงินและการประกันภัย”

เกี่ยวกับ actyv.ai

actyv.ai เป็นแพลตฟอร์ม SaaS สำหรับองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมระบบ B2B Buy Now Pay Later (BNPL) และการประกันภัย ซึ่งเปลี่ยนโฉมห่วงโซ่อุปทาน B2B ทั่วโลกด้วยการทำธุรกรรมทางธุรกิจที่เร็วและง่ายขึ้น ผ่านการเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงิน actyv.ai ช่วยให้องค์กร ซัพพลายเออร์ ผู้จัดจำหน่าย และผู้ค้าปลีกเติบโต actyv Go, actyv Score, actyv PayLater, actyv Insure, actyv Invest และ actyv Discover เป็นหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://www.actyv.ai

ติดต่อ

Mudita Tirkar
มือถือ: +91-98331 19713
ID อีเมล: mudita.tirkar@actyv.com

แหล่งที่มา: actyv.ai

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba พัฒนา SiC MOSFET พร้อมไดโอดกั้น Schottky ในตัวที่ให้ความต้านทานต่ำและมีความน่าเชื่อถือสูง

Logo

คาวาซากิ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–9 ธันวาคม 2022

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation และ Toshiba Corporation (เรียกรวมกันว่า “Toshiba”) ได้พัฒนาทรานซิสเตอร์เอฟเฟกต์สนามสารกึ่งตัวนำ SiC ของโลหะออกไซด์ (MOSFET) ที่จัดเรียงไดโอดกั้น Schottky (SBD) ในตัวในรูปแบบการตรวจสอบ (รูปแบบการตรวจสอบแบบฝัง SBD) เพื่อให้เกิดทั้งความต้านทานต่ำและความน่าเชื่อถือสูง Toshiba ยืนยันว่าการออกแบบนี้ช่วยลดความต้านทาน[1] (RonA) ประมาณ 20% เมื่อเทียบกับ SiC MOSFET ในปัจจุบัน โดยไม่สูญเสียความน่าเชื่อถือ[2]

Toshiba: Schematic diagram of MOSFETs with newly developed check pattern embedded SBD-SiC MOSFET (Graphic: Business Wire)

Toshiba: แผนผังไดอะแกรมของ MOSFET พร้อมรูปแบบการตรวจสอบที่พัฒนาขึ้นใหม่ที่ฝัง SBD-SiC MOSFET (กราฟิก: Business Wire)

อุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับการจัดการพลังงานไฟฟ้าและลดการสูญเสียพลังงานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด และเพื่อให้เกิดสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน SiC ถูกมองว่าเป็นวัสดุรุ่นต่อไปสำหรับอุปกรณ์ เนื่องจากให้แรงดันไฟฟ้าที่สูงกว่าและสูญเสียน้อยกว่าซิลิกอน ในขณะที่การใช้ SiC ในปัจจุบันจำกัดอยู่ที่อินเวอร์เตอร์สำหรับรถไฟเป็นหลัก แต่การใช้งานที่กว้างขึ้นนั้นอยู่บนขอบฟ้า ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าของยานพาหนะและการย่อขนาดอุปกรณ์อุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม มีปัญหาที่ต้องจัดการก่อน เพราะการนำไฟฟ้าแบบสองขั้วในไดโอดของตัวเครื่องระหว่างการทำงานแบบย้อนกลับของ SiC MOSFET นั้นเป็นอันตรายเนื่องจากลดความต้านทานลง

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation พัฒนาโครงสร้างอุปกรณ์ที่ฝัง SBD ไว้ใน MOSFET เพื่อปิดการทำงานของไดโอดในตัวเครื่อง แต่พบว่าการแทนที่ช่องสัญญาณ MOSFET ด้วย SBD แบบฝังทำให้ความหนาแน่นของช่องสัญญาณลดลงและเพิ่ม RonA การแลกเปลี่ยนนี้ได้รับการแก้ไขด้วยโครงสร้าง SBD แบบฝังใหม่ และ Toshiba ยืนยันว่าได้ปรับปรุงคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพแล้ว

Toshiba ได้ปรับปรุงทั้งการสูญเสียการนำไฟฟ้าใน SiC MOSFET ที่ฝัง SBD และประสบความสำเร็จในการนำไดโอดที่ดี โดยใช้การกระจาย SBD แบบตรวจสอบรูปแบบ การประเมินลักษณะกระแสด้านข้างของ MOSFET ที่ฝังตัวในคลาส SBD ขนาด 1.2kV ด้วยการออกแบบที่เหมาะสมที่สุดยืนยันว่าการใช้การออกแบบตรวจสอบเพื่อวางตำแหน่ง SBD ที่ฝังไว้ใกล้กับไดโอดของตัวเครื่องจะจำกัดการนำไฟฟ้าแบบสองขั้วของไดโอดแบบฝังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ ขีดจำกัดกระแสยูนิโพลาร์ของการนำไฟฟ้าย้อนกลับเป็นสองเท่าที่เกิดขึ้นจากการออกแบบรูปแบบ SBD แบบสไทรพ์ในปัจจุบันสำหรับการใช้พื้นที่ SBD เดียวกัน
พบว่า RonA ลดลงประมาณ 20% ที่ 2.7mΩ・cm2

การปรับปรุงที่ได้รับการยืนยันนี้ในการแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งจำเป็นหาก SiC MOSFET จะถูกใช้ในอินเวอร์เตอร์สำหรับการใช้งานมอเตอร์ไดรฟ์ Toshiba ดำเนินการประเมินอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาคุณลักษณะด้านไดนามิกและความน่าเชื่อถือ และพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์พลังงานประสิทธิภาพสูงที่น่าดึงดูดซึ่งมีส่วนทำให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน

รายละเอียดของความสำเร็จได้รับการรายงานในการประชุมประจำปี IEEE International Electron Devices ครั้งที่ 68 ซึ่งเป็นการประชุมเซมิคอนดักเตอร์ไฟฟ้าระหว่างประเทศที่จัดขึ้นในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ถึง 7 ธันวาคม

หมายเหตุ:

[1] On-resistance คือค่าความต้านทานระหว่างเดรนและซอร์สของ MOSFET ระหว่างการทำงาน (ON)

[2] การวิจัยของโตชิบา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และสตอเรจขั้นสูง ใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยก ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัทจำนวน 23,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าร่วมกันและเปิดตลาดใหม่ ปัจจุบัน Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ที่มียอดขายต่อปีทะลุ 8.5 แสนล้านเยน (7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกหนทุกแห่ง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53035265/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
ติดต่อเรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
K.Tanaka, S.Mihashi
กลุ่มงานสื่อสารองค์กรและข่าวกรองการตลาด
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-44-548-2122
อีเมล: tdsc-publicrelations@ml.toshiba.co.jp

แหล่งที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation


Medidata เปิดตัวแอพ myMedidata ตัวใหม่ของตัวเอง เพื่อย่นเวลาในการทำวิจัยในระยะเริ่มต้นและพัฒนาประสบการณ์ของผู้ป่วย

Logo

ออกแบบโดยการนำเสียงสะท้อนจากลูกค้าและผู้ป่วยมาปรับใช้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับกิจกรรม eCOA และกิจกรรมการศึกษาทดลองเชิงคลินิกแบบกระจายจากศูนย์กลาง (DCTs) อื่นๆ

  • ด้วยพลังจาก Medidata Designer ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยสร้างตัวใหม่ ทำให้แอพ myMedidata สามารถย่นระยะเวลาในการศึกษาวิจัยในระยะเริ่มต้นได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
  • ผสานการทำงานอย่างเต็มรูปแบบร่วมกับแพลตฟอร์มของ Medidata ซึ่งรวมถึง Rave EDC
  • ผู้ป่วยสามารถใช้บัญชี myMedidata ของตนเองสลับไปมาระหว่างกันในแอพ บนเว็บไซต์ได้ หรือสามารถนำบัญชีมาใช้ร่วมกับอุปกรณ์ของตนเองหรืออุปกรณ์ที่จัดหาไว้ให้ชั่วคราว ทำให้ผู้ป่วยมีทางเลือกและการเข้าถึงที่มากขึ้น
  • โซลูชัน DCT แบบเบ็ดเสร็จหนึ่งเดียวของวงการได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับความไว้วางใจของ Medidata รวมถึงข้อมูลจากการเก็บตัวอย่าง และเป็นไปตามมาตรฐานความเป็นส่วนตัว

นิวยอร์ก –(BUSINESS WIRE)–6 ธันวาคม 2022

Medidata ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Dassault Systèmes ได้เปิดตัวแอพใหม่ของทางบริษัท ชื่อว่า myMedidata app ที่มุ่งเน้นไปที่ตัวผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยมีการออกแบบให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัยมีทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อประสบการณ์ในการใช้แพลตฟอร์มแบบไร้ขีดจำกัด และเข้าถึงได้ด้วยการล็อกอินเพียงครั้งเดียวสำหรับการเข้าร่วมการทดสอบทางไกลของผู้เข้าร่วมงานวิจัยทุกคน แอพจะชูจุดเด่นโซลูชันที่มุ่งเน้นไปที่ตัวผู้ป่วยเป็นสำคัญของ myMedidata ทั้งหมด โดยให้ความสนใจเริ่มต้นที่ eCOA (การประเมินผลลัพธ์เชิงคลินิกทางอิเล็กทรอนิกส์) แอพ myMedidata พร้อมให้บริการใน iOS และ Android รวมถึงสามารถใช้ได้ทั้งในอุปกรณ์ของผู้ป่วยเอง (BYOD) หรือผ่านอุปกรณ์ที่จัดหาไว้ให้ชั่วคราว

“สิ่งที่เราใส่เข้าไปในแอพ myMedidata ล่าสุดทำให้แอพดังกล่าวกลายเป็นแอพที่มีความทันสมัยสำหรับผู้ป่วย โดยมีการออกแบบร่วมกันกับทีมจัดเก็บข้อมูลเชิงลึกของผู้ป่วยของเรา รวมถึงการนำเอาผลตอบรับจากผู้บริโภค และประสบการณ์ที่ได้จากการศึกษาทดลองเชิงคลินิกแบบกระจายจากศูนย์กลาง (DCTs) ที่ใหญ่ที่สุดของโลกมาปรับใช้ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา” Matt Noble รองประธานอาวุโสของ Medidata Patient Cloud กล่าว “Medidata กำลังนำความรู้เชิงลึกที่ได้จากสปอนเซอร์ ผู้รับวิจัยทางคลินิก (CRO) รวมถึงการเก็บข้อมูลในพื้นที่จริง และข้อมูลจากผู้ป่วย มาใช้เพื่อสร้างความแตกต่างที่แท้จริงในด้านประสบการณ์การทดลองเชิงคลินิก”

แอพ myMedidata ซึ่งเป็นแอพที่ไม่เหมือนใครในวงการ ได้ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแพลตฟอร์ม Medidata รวมถึงการทำงานร่วมกับ Rave EDC (การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ทำให้เกิดเป็นอีโคซิสเต็มที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างสมบูรณ์ โดยข้อมูลของผู้ป่วย กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดในพื้นที่จริง และการบริการจัดการข้อมูลหลังบ้าน จะสามารถดำเนินไปพร้อม ๆ กันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แอพดังกล่าวได้รับการออกแบบโดยใช้ Medidata Designer ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการติดตั้งแพลตฟอร์มตัวใหม่ ทำให้แอป myMedidata ได้ตัวสร้างเวิร์กโฟลว์ที่มุ่งเน้นไปที่ตัวผู้ป่วยเป็นสำคัญโดยเน้นใช้ในหน้าจอมือถือก่อน ซึ่งจากการใช้ Designer  ทำให้สปอนเซอร์และผู้รับวิจัยทางคลินิก (CRO) สามารถสร้างประสบการณ์ของผู้ป่วยที่หลากหลายผ่านเทมเพลตหน้าจอแบบลากแล้ววางที่ใช้งานง่าย รวมถึงผ่านเครื่องมือเวิร์กโฟลว์ภาพ ซึ่งจะสร้างฐานข้อมูลทางคลินิกในเบื้องหลังไปพร้อมกันโดยไม่ต้องใช้รหัสแบบกำหนดเองใดๆ นอกจากนี้ Designer ยังช่วยย่นระยะเวลาในการศึกษาวิจัยได้อย่างมาก โดยการใช้ประโยชน์จาก Medidata และฐานข้อมูลของลูกค้า ซึ่งรวมไปถึงอุปกรณ์ eCOA ที่สร้างไว้ก่อนล่วงหน้า การแปลข้อมูล และการคัดกรองข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวิจัย

Medidata เป็นบริษัทในเครือของ Dassault Systèmes โดยเป็นบริษัทลูกที่บริษัทแม่ลงทุนด้วยตนเองทั้งหมด ด้วยแพลตฟอร์ม  3DEXPERIENCE ที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้นำในการปฏิรูปทางดิจิทัลในด้านชีววิทยาศาสตร์ในยุคของการแพทย์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยในระดับปัจเจกบุคคล พร้อมด้วยแพลตฟอร์มทางด้านวิทยาศาสตร์และธุรกิจที่ครบครันแพลตฟอร์มแรก ตั้งแต่การวิจัยไปจนถึงการบริหารจัดการทางธุรกิจ

เกี่ยวกับ Medidata            
Medidata กำลังเป็นผู้นำในการปฏิรูปทางดิจิทัลในด้านชีววิทยาศาสตร์ สร้างความหวังให้กับผู้ป่วยหลายล้านคน Medidata ช่วยสร้างหลักฐานและความรู้เชิงลึกเพื่อช่วยบริษัทที่ทำธุรกิจด้านยา เทคโนโลยีชีวภาพ อุปกรณ์การแพทย์และการวินิจฉัย ตลอดจนนักวิจัยทางวิชาการเพิ่มมูลค่า ผู้บริโภคมากกว่า 2,000 คน และหุ้นส่วนทางธุรกิจสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในโลกเพื่อการพัฒนาทางคลินิก รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลทางการค้าและข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริง Medidata ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในมหานครนิวยอร์ก และมีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ทาง @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัท 3DEXPERIENCE คือผู้ที่คอยขับเคลื่อนให้มนุษยชาติก้าวไปข้างหน้า เราได้นำเสนอเทคโนโลยีเสมือนจริงสามมิติให้กับวงการธุรกิจและประชาชนทั่วไปเพื่อให้ทุกคนสามารถมองเห็นถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน จากการสร้างสรรค์ประสบการณ์โลกเสมือนจริงแบบคู่ขนานไปกับโลกแห่งความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์มและแอพพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ทำให้ลูกค้าของเราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดในการสรรสร้างนวัตกรรม การเรียนรู้ และการผลิต เพื่อโลกที่มีความยั่งยืนขึ้นสำหรับผู้ป่วย ประชาชนทั่วไป และลูกค้า นอกจากนี้ Dassault Systèmes ได้สร้างสิ่งสำคัญอย่างยิ่งให้กับลูกค้าทุกขนาด ทุกวงการ นับ 300,000 ราย ในประเทศต่างๆ มากกว่า 140 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.3ds.com

3DEXPERIENCE, ไอคอน Compass, โลโก้ 3DS, CATIA, BIOVIA, GEOVIA, SOLIDWORKS, 3DVIA, ENOVIA, NETVIBES, MEDIDATA, CENTRIC PLM, 3DEXCITE, SIMULIA, DELMIA และ IFWE เป็นเครื่องหมายทางการค้าในเชิงพาณิชย์ หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes เป็น สัญชาติฝรั่งเศส “ในสหภาพยุโรป” (ทะเบียนการค้าแห่งแวร์ซาย # B 322 306 440) หรือเป็นของบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกา และ/หรือ ประเทศอื่น ๆ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Tom Paolella
ผู้อำนวยการอาวุโสด้านการสื่อสารและกิจการองค์กร
+1-848-203-7596 
thomas.paolella@3ds.com

Paul Oestreicher
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารภายนอก
+1-917-522-4692 
paul.oestreicher@3ds.com

ที่มา: Medidata

SMART Modular Technologies เปิดตัว SSD ศูนย์ข้อมูลตระกูลใหม่

Logo

SSD ศูนย์ข้อมูลตระกูล DC4800 ที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์เป็นศูนย์ข้อมูลที่เป็นไปตามหลัก OCP และออกแบบมาเพื่อตอบสนองตลาดที่ต้องการศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ประหยัดพลังงาน

นครไทเปใหม่ ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–7 ธันวาคม 2022

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SGH (Nasdaq: SGH) และผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีหน่วยความจำ SSD และผลิตภัณฑ์เก็บข้อมูลแบบไฮบริด ได้ประกาศว่าตอนนี้บริษัทจะวางจำหน่ายโซลิดสเตตไดรฟ์หรือ SSD สำหรับศูนย์ข้อมูลรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน โดยจะเริ่มจากผลิตภัณฑ์ตระกูล DC4800 PCIe Gen 4

SMART’s DC4800 PCIe Gen4 NVMe drives are designed to meet the increasing demands placed on storage systems in hyperscale, hyper converged, enterprise and edge data centers. (Photo: Business Wire)

ไดรฟ์ DC4800 PCIe Gen4 NVMe ของ SMART ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในระบบจัดเก็บข้อมูลในศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกล ไฮเปอร์คอนเวอร์จ องค์กร และเครือข่ายเอดจ์ (ภาพ: Business Wire)

อุปกรณ์ DC4800 จาก SMART ออกแบบโดยใช้ตัวควบคุม SSD ที่เพิ่มความเร็วให้กับฮาร์ดแวร์เป็นพิเศษ ซึ่งจะใช้พลังงานน้อยลง โดยที่ประสิทธิภาพอินพุต/เอาต์พุต (I/O) ในการเก็บข้อมูลเอาไม่ลดลง การควบคุมปริมาณที่ไร้การเหนี่ยวนำทำให้ SSD รุ่นใหม่นี้ทำงานได้ดีขึ้นในภาวะที่ต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะถูกใช้งานจนถึงขีดสุดความสามารถก็ตาม นี่แปลว่าแต่ละเซิร์ฟเวอร์จะใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างมาก รวมถึงประสิทธิภาพเวลาแฝงที่สม่ำเสมอสูงถึง 7-nine หรือ 99.99999% ของเวลาทั้งหมด

Andy Mills สถาปนิกศูนย์ข้อมูลจาก SMART กล่าวว่า “ปัจจุบันเซิร์ฟเวอร์ระดับแนวหน้าไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับการรับส่งข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้กระบวนการต่างๆ ทำงานได้ เช่น แมชชีนเลิร์นนิง ปัญญาประดิษฐ์ และ IoT เท่านั้น แต่ยังต้องใช้พลังงานให้ประหยัดขึ้นด้วย” “เราต่างก็คาดหวังให้ศูนย์ข้อมูลทำงานให้มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีเวิร์กโหลดแบบใหม่ๆ ให้ศูนย์ข้อมูลต้องจัดการ ซึ่งจำเป็นต้องมีการประมวลผลข้อมูลจากอุปกรณ์ยุคใหม่มากมายที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา"

ไดรฟ์สำหรับศูนย์ข้อมูลอย่าง PCIe Gen 4 ตระกูล DC4800 นั้นเป็นไปตามมาตรฐานพื้นที่จัดเก็บข้อมูล Open Compute Project หรือ OCP 1.0 NVMe และมีความจุสูงสุด 7.68TB โดยมีให้เลือกทั้งแบบ U.2 และ E1.S ปัจจุบันได้เริ่มทดลองการใช้งานกับ OEM และผู้สร้างระบบหลายรายแล้ว

หากต้องการข้อมูลทั่วไปและข้อมูลเทคนิคเพิ่มเติม โปรดอ่านหน้าผลิตภัณฑ์ DC4800 ที่ smartm.com

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies

SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกเกี่ยวกับการใช้การประมวลผลประสิทธิภาพสูงโดยมอบการออกแบบ การพัฒนา และบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงของโซลูชันหน่วยความจำพิเศษมาแล้วกว่า 30 ปี  บริษัทมีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ชั้นยอดมากมาย ตั้งแต่เทคโนโลยีชั้นนำยุคใหม่ไปจนถึงพื้นที่จัดเก็บความจำ DRAM และ Flash ยุคเก่า บริษัทให้บริการหน่วยความจำและโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลแบบมาตรฐานที่ทนทานและกำหนดเองได้ ซึ่งตอบสนองความต้องการของแอปพลิเคชันที่หลากหลายในตลาดที่มีการเติบโตสูง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53015439/en

ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์
Andy Mills
SMART Modular Technologies
Business Development
39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583
info@smartm.com

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
APAC
Morris Yang
Marketing Manager
+886 (2) 7705 2770
apac@smartm.com

แหล่งข้อมูล: SMART Modular Technologies, Inc.

Huawei เผยแพร่เอกสารนำเสนอข้อมูลฉบับแรกเกี่ยวกับแนวทางสู่ความเป็นธรรม ความเสมอภาค และโอกาส

Logo

การเรียกร้องให้สร้างการแข่งขันอย่างเป็นธรรมสำหรับทุกคน

VIENNA–(BUSINESS WIRE)–2 ธันวาคม 2022

Huawei เรียกร้องให้ผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรม ICT สร้างการแข่งขันที่เสมอภาคสำหรับทุกคน ไม่ใช่เพียงพนักงานของพวกเขาเอง ในเอกสารนำเสนอข้อมูลฉบับแรกที่เกี่ยวกับแนวทางสู่ความเป็นธรรม ความเสมอภาค และโอกาส ที่งาน Women in Tech ซึ่งจัดขึ้นที่ Peter Drucker Forum

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

เอกสารนำเสนอข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญต่อเนื่องของ Huawei ที่มุ่งไปที่การเพิ่มการศึกษาและการเข้าถึงทักษะดิจิทัลสำหรับผู้หญิงทั่วโลก เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม ICT Huawei สนับสนุนความยุติธรรม โอกาส และความเสมอภาคในการดำเนินงานของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทได้ดำเนินขั้นตอนที่สามารถวัดผลได้เพื่อเพิ่มความหลากหลายในพนักงานและเพิ่มการเป็นตัวแทนภายในของกลุ่มคนชายขอบ

เป็นที่เข้าใจกันอย่างกว้างขวางว่า ผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญและจับต้องได้จากโปรแกรมดังกล่าวมักจะเป็นรูปเป็นร่างได้ช้า ด้วยเหตุนี้ Huawei จึงมุ่งความสนใจไปที่การดำเนินการที่เกินขอบเขตของกลุ่มผู้มีความสามารถเป็นของตนเอง และสร้างโครงการเฉพาะที่มุ่งสร้างประโยชน์ให้กับแวดวงเทคโนโลยีโดยรวม

ด้วยการใช้ ICT ในการเชื่อมต่อผู้ที่ไม่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรม Huawei หวังว่าจะสามารถทำให้ทุกคนมีเส้นทางเป็นของตัวเองและมีโอกาสที่เหมาะสมในการทำตามความฝัน เอกสารนำเสนอข้อมูลนี้ประกอบด้วยบทสัมภาษณ์พนักงานของ Huawei ทั่วโลกเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้

งาน "Women in Tech Carnival" นำผู้นำหญิงที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกมารวมตัวกัน รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้หญิงสาวที่มีความสามารถที่จะเติบโตและมีบทบาทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ผู้ได้รับรางวัลโนเบล Ada Yonath กล่าวเปิดงานว่า "วิทยาศาสตร์ไม่เกี่ยวกับเพศ และสาขาอื่น ๆ ก็เช่นกัน"

Huawei เปิดตัวโครงการ Women in Tech อย่างเป็นทางการในปี 2020 ตามปรัชญา "Tech for Her, Tech by Her, Tech with Her" ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา Huawei ได้พัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงโดยเฉพาะ สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อผู้หญิงมากขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และสนับสนุนให้ผู้หญิงมีบทบาทเป็นผู้นำมากขึ้น

หลังจากผ่านไปเกือบสามปี โครงการริเริ่ม Women in Tech ได้เริ่มใช้ในหลายประเทศทั่วโลก โดยในเดือนกรกฎาคม ปี 2022 นั้น European Leadership Academy's School for Women Leadership In The Digital Age รอบที่สามได้จัดขึ้นที่กรุงปราก ประเทศเช็ก โปรแกรมนี้รวบรวมผู้นำหญิงในอนาคตเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อเข้าร่วมมาสเตอร์คลาส โครงการทีม เซสชันการเรียนรู้เชิงรุก กิจกรรมกลุ่ม อาหารค่ำตามธีม และประสบการณ์ทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ Huawei Ghana ยังเปิดหลักสูตรสำหรับนักเรียนหญิงและผู้ค้า 50,000 คนเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์และทักษะดิจิทัลอื่น ๆ

อีกทั้ง Huawei ยังได้ปล่อยวิดีโอ 2 รายการที่เน้นการเป็นแบบอย่างของผู้นำสตรี

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดเอกสารนำเสนอข้อมูล: A White Paper on Huawei's Approach to Fairness, Equity & Opportunity – Huawei

คลิกที่นี่เพื่อดู Tech by her interviews

บันทึกฉบับเต็ม: https://www.huawei.com/en/events/women-in-tech

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ancky.zhou@huawei.com

แหล่งที่มา: Huawei

The Bangkok Reporter