นักวิจัยของ NTHU พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการถ่ายภาพอิเล็กตรอน

Logo

ซินจู๋ ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–22 กุมภาพันธ์ 2023

ทีมวิจัยที่ National Tsing Hua University (NTHU) ในไต้หวันได้จับภาพชั่วขณะหนึ่งในโลกนาโนด้วยการผลิตคลื่นอัลตราไวโอเลตที่รุนแรงในระดับอัตโตวินาที แหล่งกำเนิดแสงนี้เปรียบเสมือนกล้องนาโนที่ใช้จับภาพวัตถุขนาด 5 นาโนเมตรที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมาก เช่น อิเล็กตรอน เทคโนโลยีนี้คาดว่าจะพัฒนาการออกแบบทรานซิสเตอร์และชิปหน่วยความจำรุ่นต่อไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร

Members of the NTHU research team (right to left): Ming-Chang Chen, Po-Wei Lai, Ming-Shian Tsai, An-Yuan Liang, and Ming-Wei Lin. (Photo: National Tsing Hua University)

สมาชิกของทีมวิจัย NTHU (ขวาไปซ้าย): Ming-Chang Chen, Po-Wei Lai, Ming-Shian Tsai, An-Yuan Liang และ Ming-Wei Lin (ภาพ: National Tsing Hua University)

นำโดยรองศาสตราจารย์ Ming-Chang Chen จากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและรองศาสตราจารย์ Ming-Wei Lin จากสถาบันวิศวกรรมนิวเคลียร์และวิทยาศาสตร์ เป็นครั้งแรกในโลกที่พัฒนาเทคโนโลยีการบีบอัดพัลส์ประสิทธิภาพสูงสำหรับการบีบอัดเลเซอร์เจืออิตเทอร์เบียมถึง 3,000 อัตโตวินาที เมื่อแหล่งกำเนิดแสงนี้ถูกโฟกัสไปที่ก๊าซเฉื่อย มันจะสร้างพัลส์รังสีอัลตราไวโอเลตมากด้วยระยะเวลาเพียง 290 อัตโตวินาที สิทธิบัตรสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมนี้ได้รับการนำไปใช้ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และไต้หวัน และงานวิจัยของทีมได้รับการตีพิมพ์โดยวารสาร Science Advances ชั้นนำ

อิเล็กตรอนมีขนาดเล็กมากและเคลื่อนที่ได้เร็ว ดังนั้นการถ่ายภาพจึงมีความท้าทายอย่างมาก Chen อธิบายว่ามันคล้ายกับการใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงในการถ่ายภาพนกฮัมมิงเบิร์ดที่กำลังบินและปีกสั่นไหวอย่างชัดเจน ดังนั้น เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลื่อนที่เร็วมาก การถ่ายภาพอิเล็กตรอนเหล่านั้นจึงต้องใช้กล้องที่มีความละเอียดสูงเพื่อจับภาพการเคลื่อนไหวที่เร็วมาก และต้องใช้ความละเอียดเชิงพื้นที่สูงเพื่อจับภาพวัตถุขนาดเล็กเหล่านี้

Chen ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาแหล่งกำเนิดแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นเพื่อปรับปรุงความละเอียดเชิงพื้นที่ในการวัด สำหรับแสงที่มองเห็น คลื่นขนาด 400 นาโนเมตรจะให้ความละเอียดเชิงพื้นที่ที่ประมาณ 400 นาโนเมตร ในทางตรงกันข้าม สามารถรับความละเอียดเชิงพื้นที่ได้ดีขึ้นมากถึง 10 นาโนเมตร โดยใช้แสงอัลตราไวโอเลตสูงขนาด 10 นาโนเมตรที่สร้างขึ้นในงานนี้ ในขณะเดียวกัน ด้วยระยะเวลา 290 อัตโตวินาที พัลส์ของเราทำให้ได้ความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วเป็นพิเศษสำหรับการวัดค่า

ด้วยเป้าหมายที่จะทำให้ระยะเวลาของพัลส์ลดลงอย่างมาก ทีมงานจึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยี "การขยายสเปกตรัมและการบีบอัดพัลส์" โดยขั้นแรกให้กระตุ้นคลื่นแสงที่มีความถี่ต่างกันในอวกาศให้มากขึ้น จากนั้นจึงปรับตำแหน่งจุดสูงสุดของคลื่นใหม่เหล่านี้ให้ซ้อนทับกัน การทำขั้นตอนการขยายสเปกตรัมและการบีบอัดซ้ำ ๆ นี้สามารถลดระยะเวลาของพัลส์และเพิ่มจุดพีคของพัลส์ได้ ด้วยเทคโนโลยีนี้ ระยะเวลาของพัลส์สามารถบีบอัดได้ตั้งแต่ 160,000 อัตโตวินาที ถึง 290 อัตโตวินาที ด้วยอัตราส่วนการบีบอัดที่โดดเด่นที่ 550

Chen กล่าวว่า ความเร็วที่เร็วที่สุดของกล้องทั่วไปคือประมาณหนึ่งในพันของวินาที แต่เวลาชัตเตอร์สำหรับกล้องระดับอัตโตวินาทีนั้นเร็วกว่าถึงสิบล้านล้านเท่า ทำให้สามารถถ่ายภาพอิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่เร็วได้ การใช้งานในอนาคตของเทคโนโลยีนี้มีส่วนประกอบระดับนาโนของเซมิคอนดักเตอร์และเซ็นเซอร์ที่มีความแม่นยำ ซึ่งต้องใช้แหล่งกำเนิดแสงในระดับอัตโตวินาทีเพื่อวิเคราะห์ไดนามิกของอุปกรณ์นาโน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53333239/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Holly Hsueh NTHU
(886)3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

แหล่งที่มา: National Tsing Hua University

Medidata เปิดตัวทีมผู้นำระดับอาวุโสเพื่อต่อยอดการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลให้วงการชีววิทยาศาสตร์ด้วยโซลูชันแบบครบวงจรที่ไม่มีใครเทียบ

Logo

คุณ Pascal Daloz ได้รับตำแหน่งเป็น CEO และคุณ Michael Pray ได้รับตำแหน่งเป็น COO ของ Medidata

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–21 กุมภาพันธ์ 2023

วันนี้ Medidata ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Dassault Systèmes ได้ประกาศโครงสร้างความเป็นผู้นำรูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเดินหน้าภารกิจของบริษัทในการพัฒนาโซลูชันแบบครบวงจรที่ช่วยยกระดับการรักษาให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้น โดยการพัฒนาเชิงกลยุทธ์เช่นนี้เปิดโอกาสให้สามารถต่อยอดเป้าหมายและการเติบโตในระยะยาว เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากสายผลิตภัณฑ์ของ Dassault Systèmes ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับการพัฒนายาขึ้นไปอีกระดับในท้ายที่สุด

คุณ Pascal Daloz ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้มากความสามารถของ Dassault Systèmes ได้เข้าดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของ Medidata โดยคุณ Daloz มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เข้าซื้อกิจการ Medidata ได้สำเร็จเมื่อปี 2019 โดยความสามารถในการเป็นผู้นำธุรกิจและวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมของเขาจะเข้ามาช่วยเสริม Medidata ได้เป็นอย่างดี

ส่วนคุณ Michael Pray ได้รับแต่งตั้งเป็น COO ของบริษัทดังกล่าว โดยก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งนี้ให้กับ Medidata เขาเคยเป็นบุคลากรคนสำคัญที่ช่วยให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการเพิ่มรายได้รวมขึ้น 2 เท่าเป็นจำนวนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยคุณ Pray จะเข้ามาดูแลการปฏิบัติงานในแต่ละวันของ Medidata และจะร่วมงานกับคุณ Daloz อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างชุดโซลูชันที่ครบครันสำหรับวงการชีววิทยาศาสตร์ในวงกว้าง

คุณ Pascal Daloz  ซึ่งเป็น CEO ของ Medidata กล่าวว่า “ลูกค้าคาดหวังให้ Medidata ตอบโจทย์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น และเราก็คอยพัฒนาตัวเองให้สอดรับกับความต้องการด้านการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลของลูกค้า” ก่อนกล่าวต่อไปว่า “เราจะคิดค้นโซลูชันใหม่ ๆ ที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับงานชีววิทยาศาสตร์ในทุก ๆ ด้านอย่างไม่หยุดยั้งโดยต่อยอดจากรากฐานที่มั่นคงมากว่า 20 ปี เรายังมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับวงการนี้ และจะไม่หยุดทุ่มเทเพื่อให้วิสัยทัศน์ของเราเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นการป้องกัน การรักษาอย่างตรงจุด การค้นพบ ไปจนถึงการจัดจำหน่าย เพื่อให้เราได้เป็นศูนย์กลางในทุก ๆ ขั้นตอนของการดูแลรักษาผู้ป่วย”

Medidata เป็นบริษัทย่อยที่ Dassault Systèmes ได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดแล้ว โดยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของ Medidata มีส่วนช่วยอย่างมากในการปรับเปลี่ยนงานชีววิทยาศาสตร์ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลในยุคปัจจุบันที่การรักษาแบบเฉพาะบุคคลกำลังเป็นที่นิยม โดยให้บริการแพลตฟอร์มด้านวิทยาศาสตร์และธุรกิจแบบครบวงจรที่ครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยไปจนถึงการจำหน่าย

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata เป็นผู้นำในการเปลี่ยนงานชีววิทยาศาสตร์ให้เป็นระบบดิจิทัล ช่วยให้ผู้ป่วยหลายล้านรายเกิดความหวัง โดย Medidata ช่วยสร้างข้อมูลหลักฐานและข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเร่งประโยชน์ ลดความเสี่ยง และยกระดับผลลัพธ์ให้กับบริษัทด้านเภสัชกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และการวินิจฉัย ตลอดจนนักวิจัยทางวิชาการต่าง ๆ ทั้งนี้ แพลตฟอร์มที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในโลกของบริษัทมีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านรายจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์กว่า 2,100 ราย ซึ่งเข้าใช้เพื่อรับข้อมูลการพัฒนาทางคลินิก การจำหน่าย และข้อมูลที่การใช้งานที่เกิดขึ้นจริง Medidata ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA), มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์กซิตี และมีสำนักงานตั้งอยู่ทั่วโลกเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.medidata.com และติดตามเราที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัท 3DEXPERIENCE เป็นบริษัทที่มุ่งพัฒนาด้านบุคลากร เราช่วยให้ธุรกิจและผู้คนมีสภาพแวดล้อมเสมือนจริงแบบ 3 มิติเพื่อร่วมกันรังสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน เมื่อมีแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE แบบเสมือนจริงที่ใกล้เคียงความเป็นจริง ลูกค้าของเราจึงสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดในการคิดค้นนวัตกรรม การเรียนรู้ และการผลิต เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ป่วย ผู้คน และผู้บริโภค ในปัจจุบัน Dassault Systèmes มีลูกค้ามากกว่า 300,000 ในทุกขนาดและวงการในกว่า 140 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

3DEXPERIENCE, ไอคอนรูปเข็มทิศ, ไอคอน 3D, CATIA, BIOVIA, GEOVIA, SOLIDWORKS, 3DVIA, ENOVIA, NETVIBES, MEDIDATA, CENTRIC PLM, 3DEXCITE, SIMULIA, DELMIA และ IFWE เป็นเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes หรือภาษาฝรั่งเศสคือ “société européenne” (การจดทะเบียนพาณิชย์ Versailles # B 322 306 440) หรือบริษัทย่อยในเครื่องในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ

ผู้ติดต่อ

Tom Paolella
Senior Director, Corporate Communications & Affairs
+1-848-203-7596
thomas.paolella@3ds.com

Paul Oestreicher
External Communications Director
+1-917-522-4692
paul.oestreicher@3ds.com

แหล่งที่มา: Medidata

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Aura Network ระดมทุน 4 ล้านเหรียญฯ ในช่วง Pre-Series A นำโดย Hashed และ Coin98

Logo

Aura Network เริ่มต้นปี 2023 ด้วยรอบการระดมทุน 4 ล้านเหรียญสหรัฐโดยมี Hashed และ Coin98 เป็นผู้นำการระดมทุนดังกล่าว Aura Network กำลังก้าวขึ้นสู่แนวหน้าในปีนี้ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ซบเซา

ฮานอย เวียดนาม –(BUSINESS WIRE)–15 กุมภาพันธ์ 2023

Aura Network ได้ปิดรอบการระดมทุนเป็นจำนวนเงิน 4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมี Hashed และ Coin98 Ventures ร่วมกันเป็นผู้นำการระดมทุนดังกล่าว ทั้งนี้ การระดมทุนนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญก่อนการเปิดใช้งาน Mainnet ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 ถัดจากการประกาศความร่วมมือด้านการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์กับ Republic Crypto

(Photo: Business Wire)

(Photo: Business Wire)

การระดมทุนครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในครั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Aura Network โดยมีการลงทุนจาก Hashed ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนคริปโตรายใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ หลังจากก่อตั้งบริษัทมา 5 ปี Hashed ได้ลงทุนกับโครงการต่าง ๆ กว่า 80 โครงการในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ NFT อย่าง Axie Infinity และ The Sandbox, เครือข่ายบล็อกเชนอย่าง Cosmos และ Klaytn และโปรโตคอล DeFi อย่าง MakerDAO

คุณ Joseph Young ผู้ดำรงตำแหน่ง Senior Associate ของ Hashed ได้กล่าวว่า "Hashed ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ให้การสนับสนุน Aura Network ในช่วงก่อนการเปิดใช้งาน Mainnet เราประทับใจในความสำเร็จด้านเทคนิคที่ผ่าน ๆ มาของ Aura Network ซึ่งช่วยให้บริษัทนี้พัฒนาขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโอเพนซอร์สรายใหญ่ที่สุดแก่ Cosmos” ทั้งยังกล่าวต่อไปว่า “เราเล็งเห็นว่าระบบนิเวศของ Cosmos มีแนวโน้มที่ดี และเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของ Aura Network ในพัฒนา Layer-1 ที่สนับสนุน NFT, การเล่นเกม และ DeFi ที่ยั่งยืนอย่างครอบคลุมในที่เดียว"

ในรอบการระดมทุนนี้ Aura Network ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการบล็อกเชนบางโครงการ ซึ่งรวมถึง GuildFi, Istari Ventures, Republic Crypto และนักลงทุนกับธุรกิจในระยะเริ่มต้น (Angel investor) รายอื่น ๆ นอกจากนี้ ความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับนักลงทุนและพาร์ทเนอร์เหล่านี้จะช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินการ ผลิตภัณฑ์และการพัฒนาธุรกิจ การทำการตลาด และอื่น ๆ

คุณ Thanh Le ผู้ก่อตั้ง Coin98 กล่าวว่า ”การได้สนับสนุน Giang และทีมงานผู้มีความสามารถของ Aura ตั้งแต่ต้นและเฝ้าดูพวกเขาพัฒนาขึ้นในทุก ๆ วันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก Aura Network ให้บริการ Layer-1 ที่ให้ความสำคัญกับ NFT ทั้งยังมีความน่าเชื่อถือ รวดเร็ว และรองรับการปรับขยาย จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะช่วยให้การนำ NFT เข้ามาใช้ในด้านต่าง ๆ ทั่วโลกเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น” และกล่าวต่อไปว่า “เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุน Aura, ทีมงานที่ดำเนินงานได้อย่างยอดเยี่ยม, ความรู้ทางเทคนิคในเชิงลึก, รากฐานที่มีประสิทธิภาพสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กับผู้พัฒนา ตลอดจนความทุ่มเทอย่างสุดความสามารถในด้านคุณภาพเพื่อให้ NFT เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง"

ก้าวต่อไปของ Aura Network

“Web3 และ NFT จะอยู่กับเราไปอีกนาน เมื่อได้รับการสนับสนุนจากบริษัทขนาดใหญ่ เราจะใช้เงินทุนนี้เพื่อดำเนินงานพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในสภาวะเช่นไรก็ตาม” said Giang Tran, Founder & CEO of Aura Network.

เงินทุนจะถูกนำไปใช้เพื่อขยายระบบนิเวศของ Aura Network ซึ่งรวมถึงการเพิ่มจำนวนโครงการ Web3 ระดับสากลและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นภายในระบบนิเวศดังกล่าว ทั้งนี้ ทีมฝ่ายพัฒนาของ Aura Network อยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มากมายเพื่อเดินหน้าสู่การเปิดใช้งาน Mainnet โดยบริษัทจะประกาศกำหนดการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในอีกไม่ช้าในแผนดำเนินงานประจำปี 2023

เมื่อได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากนักลงทุนกับธุรกิจในระยะเริ่มต้น (Angel investor) และพาร์ทเนอร์ Aura Network จะช่วยให้ NFT มีการนำมาใช้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นและก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้พัฒนา Web3 ชั้นนำ

เกี่ยวกับ Aura Network

Aura Network เป็นระบบนิเวศที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้มีการนำ NFT มาใช้งานทั่วโลกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดย Aura Network มุ่งเน้นการพัฒนาอินเทอร์เน็ตของ NFT และทำให้ NFT กับ web3 มีการใช้งานโดยผู้คนจำนวนมาก

Website | Twitter | Discord | Telegram | Blog

เกี่ยวกับ Hashed

Hashed ก่อตั้งขึ้นจากทีมผู้ประกอบการต่อเนื่องและวิศวกรในปี 2017 โดยเป็นบริษัทบล็อกเชนรายใหญ่ในเอเชียที่มีผลงานอยู่ทั่วโลก

Website | Twitter | Blog | Linkedin

เกี่ยวกับ Coin98 Ventures

Coin98 Ventures เป็นหน่วยธุรกิจเงินร่วมลงทุนของ Coin98 Finance ซึ่งเป็นฮับพัฒนา Web3 ในเวียดนาม บริษัทแห่งนี้มุ่งมั่นที่จะลงทุนกับผู้ก่อตั้งบริษัทต่าง ๆ ที่มีแนวคิดที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและแนวทางเชิงสร้างสรรค์ในทุก ๆ เรื่องเกี่ยวกับสแต็ก Web3 ตั้งแต่โปรโตคอลและโครงสร้างพื้นฐาน Layer-1 ไปจนถึงการใช้งานสำหรับผู้บริโภค

Website | Twitter

บุคคลติดต่อ

Thu Tran (คุณ)
Aura Network
COO
thu@aura.network

แหล่งที่มา: Aura Network

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Midea Group ได้รับรางวัล 2022 Forbes China สุดยอด 50 ธุรกิจอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Logo

ฝอซาน, จีน–(BUSINESS WIRE)–15 กุมภาพันธ์ 2023

ในช่วงต้นปีนี้ Forbes ได้เผยแพร่รายชื่อ "2022 Forbes China สุดยอด 50 ธุรกิจอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน"  ซึ่งมี Midea Group รวมอยู่ในรายชื่อดังกล่าวด้วยเนื่องจากผลงานที่โดดเด่นในด้านการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความเป็นกลางทางคาร์บอน การพัฒนาที่ยั่งยืน และโครงสร้างแบบ ESG

Midea Group Awarded as 2022 Forbes China TOP 50 Sustainable Development Industrial Enterprises (Graphic: Business Wire)

Midea Group ได้รับรางวัล 2022 Forbes China สุดยอด 50 ธุรกิจอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Graphic: Business Wire)

การประเมินมุ่งเน้นไปที่ตัวชี้วัดอย่างเฉพาะเจาะจง 5 มิติ ได้แก่ "ระบบการจัดการ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ผลประโยชน์ที่ครอบคลุม การจัดสรรทรัพยากร รวมไปถึงการสาธิตและส่งเสริม" บริษัทที่ได้รับเลือกในปีนี้คือบริษัทอุตสาหกรรมทั้งหมดที่ก่อตั้งมาอย่างน้อย 10 ปี และมีรายได้ต่อปีมากกว่า 100 พันล้านหยวน พร้อมกับมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้นประมาณ 50% เมื่อเทียบเป็นรายปี พวกเขายังแสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือคู่ค้าในระดับโลกและมีเทคโนโลยีล้ำสมัยซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในโลก
ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา Midea ได้ปรับปรุงและทำให้ระบบการจัดการการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตนสมบูรณ์แบบ โดยได้ผสานแนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืนไว้ในแทบทุกขั้นตอนของการผลิตและการดำเนินงาน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำตามความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าร่วมกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้สำเร็จ

Midea Shunde Industrial Park ใช้ระบบ PV แบบกระจาย อุปกรณ์จัดเก็บพลังงาน อุปกรณ์ HVAC ประสิทธิภาพสูง (รวมถึงยูนิตเชื่อมต่อ MDV8 หลายตัว) ลิฟต์อัจฉริยะดิจิทัล LINVOL โมดูลการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ และสายการผลิตอัตโนมัติเพื่อทำให้การเป็นสำนักงานสีเขียวและการผลิตคาร์บอนโดยมีต้นทุนต่ำสำเร็จ ความพยายามดังกล่าวนำไปสู่การรับรองโดย LEED & WELL ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลของ iBUILDING ระบบการจัดการคาร์บอนและระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ Midea Shunde Industrial Park ได้รับการผนวกรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ และยังบรรลุถึงความเป็นกลางทางคาร์บอนในพื้นที่สำนักงานอีกด้วย

ปัจจุบันโรงงาน Midea Chongqing ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสีเขียวและประหยัดพลังงานมากกว่า 15 รายการ แอปพลิเคชันฉากดิจิทัล 8 รายการ การรับรองและการให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม 3 รายการ และยังมีการเข้าถึงระบบข้อมูลมากกว่า 10 ระบบ และยังเพิ่มสัดส่วนของพลังงานสะอาดและไฟฟ้าสีเขียวอย่างมีนัยสำคัญด้วยการติดตั้งแผง PV บนหลังคา ผนังอาคารที่มีแผงโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์แบบบูรณาการ และไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ โรงงาน Midea Chongqing ยังได้รับใบรับรองคาร์บอนเป็นกลาง PAS2060 ทำให้กลายเป็นหนึ่งในโรงงานต้นแบบที่ปลอดคาร์บอนแห่งแรกของ Midea

ด้วยคำแนะนำจากการให้คำปรึกษาด้านคาร์บอนขั้นสูงสุด โรงงาน Midea Jingzhou ได้สร้างเส้นทางปลอดคาร์บอนซึ่งประกอบด้วยสี่ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผนและการออกแบบ การก่อสร้าง การดำเนินงาน และการปฏิรูป นอกจากนี้ บริษัทยังใช้โซลูชันคาร์บอนเป็นศูนย์ที่สำคัญเพื่อให้ได้รับการรับรองทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเรื่องคาร์บอนเป็นศูนย์ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานดังกล่าว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการบำรุงรักษาจะลดลง 30% และการใช้พลังงานของโรงงานจะลดลง 5-20% โดยทั้งหมดนี้คือความพยายามในการลดคาร์บอน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20230213005693/en/

ติดต่อ

Lori Luo   luory17@midea.com

 

แหล่งที่มา: Midea Group

ในงาน MWC 2023 GIGABYTE จะมีการนำเสนอโซลูชัน 5G Edge และ Green Computing พร้อมเปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่แห่ง “Power of Computing”

Logo

TAIPEI–(BUSINESS WIRE)–15 กุมภาพันธ์ 2023

GIGABYTE ผู้นำด้านนวัตกรรมฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์และโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ จัดงานแสดงผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ในงาน MWC 2023 (บูธ #5F60 ฮอลล์ 5) โดยเป็นครั้งแรกที่ GIGABYTE นำเสนอร่วมกับ Giga Computing ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ล่าสุดภายในเครือ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในโซลูชันสำหรับองค์กร โดยจะร่วมกันเปิดตัวโซลูชันไอทีล่าสุดสำหรับ edge computinggreen computing, AI, ศูนย์ข้อมูล HPC และการใช้งานระบบคลาวด์สำหรับองค์กร โดยจะมีการแสดงภาพรวมของ "Power of Computing" และวิธีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและเปิดกว้างโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ของโลก

At MWC 2023, GIGABYTE to Present 5G Edge and Green Computing Solutions, Unveiling New Visions of “Power of Computing” (Photo: Business Wire)

ในงาน MWC 2023 GIGABYTE จะมีการนำเสนอโซลูชัน 5G Edge และ Green Computing พร้อมเปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่แห่ง “Power of Computing” (ภาพ: Business Wire)

ตั้งแต่วันที่ 27 เดือนกุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 2 เดือนมีนาคม ในงาน MWC GIGABYTE จะมีการนำเสนอเซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ใหม่ที่มุ่งเน้นผลกระทบที่เกิดใน HPC การพัฒนา AI และระบบการประมวลผลบนคลาวด์ ด้วยความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน โซลูชันเซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในสถาบันการศึกษา ศูนย์การบินและอวกาศ บริการคลาวด์สาธารณะ บริษัทผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ และสตูดิโอผลิตแอนิเมชั่น เพื่อเปิดกว้างศักยภาพของนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ

ศูนย์ข้อมูล Edge จะช่วยเพิ่มการเติบโตของระบบนิเวศ 5G

ในระหว่างงาน MWC GIGABYTE จะมีการเปิดตัว เซิร์ฟเวอร์สำหรับ edge computing รุ่นล่าสุด โดยเซิร์ฟเวอร์ edge เหล่านี้จะสามารถประมวลผลข้อมูลด้วยความเร็วในการรับส่งข้อมูลและประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ดีเยี่ยมโดยใช้พลังงานที่น้อยลง การออกแบบแชชซีที่มีความลึกน้อยลงจะช่วยให้เซิร์ฟเวอร์มีขนาดที่เข้ากับพื้นที่ที่จำกัดใกล้กับแหล่งข้อมูล โดยเป็นส่วนที่สำคัญในการรองรับอุปกรณ์ IoT แบบเรียลไทม์ปริมาณมาก

ด้วยขอบเขตการครอบคลุมที่เพิ่มขึ้นในเครือข่าย 5G ระบบการผลิตแบบอัจฉริยะ เทคโนโลยียานยนต์ และ เมืองอัจฉริยะ ที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความต้องการของศูนย์ข้อมูล edge จำนวนสูง โดยโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ edge ที่สมบูรณ์ของ GIGABYTE มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมให้องค์กรและสถาบันสามารถเปิดกว้างโอกาสการดำเนินการธุรกิจภายใต้ระบบ 5G ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

โซลูชัน Green Computing ของ GIGABYTE จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูล พร้อมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยลง

การที่ศูนย์ข้อมูลมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงขึ้นถือเป็นความท้าทายที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมายให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ รวมถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและสภาพอากาศที่รุนแรงทำให้โซลูชันการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูลยิ่งทำให้เป็นความต้องการที่สำคัญในกลยุทธ์ด้านไอที

GIGABYTE เตรียมนำเสนอ โซลูชันการระบายความร้อน และเซิร์ฟเวอร์ที่สอดคล้องกันในงาน MWC โดยจะมีการนำโซลูชันดังกล่าวมาใช้ในโรงหล่อ IC เพื่อปรับปรุงระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการกระจายความร้อนของศูนย์ข้อมูล HPC ให้ดียิ่งขึ้น โดยมีระดับ PUE (ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน) ลดลงเป็นอย่างมากต่ำกว่า 1.08 และเพิ่มประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ HPC ให้มากขึ้นกว่า 10% โดยจะเป็นศูนย์ข้อมูลแม่แบบตัวอย่างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

GIGABYTE มีการสร้างมาตรฐานระดับสูงสำหรับเทคโนโลยี green computing สำหรับสายการผลิตเซิร์ฟเวอร์โดยรวม โดยเป็นที่รู้จักกันดีในด้านการออกแบบระบบระบายความร้อนระดับพรีเมียมและประสิทธิภาพที่โดดเด่นแม้จะมีโหลดการประมวลผลที่หนักหน่วง โดยมีสถาบันต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยและบริษัทโทรคมนาคมเข้าร่วมมือกับ GIGABYTE เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ดีเยี่ยมโดยมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยลง

ในงาน MWC ที่กำลังจะมาถึงนี้ GIGABYTE ขอแสดงความยินดีต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมเพื่อสำรวจวิสัยทัศน์อย่างชาญฉลาดและยั่งยืนยิ่งขึ้นผ่าน "Power of Computing" โดยไฮไลต์ในบูธจะเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ edge computing, green computing, AI, ศูนย์ข้อมูล HPC และ enterprise cloud รวมถึงวิธีการผสานรวมโอกาสความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

เกี่ยวกับ GIGABYTE

GIGABYTE เป็นกลุ่มนักวิศวกร ผู้มีวิสัยทัศน์ และเป็นผู้นำในโลกแห่งเทคโนโลยีที่ใช้ความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ นวัตกรรมที่ได้รับการจดสิทธิบัตร และความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ในการสร้าง แรงบันดาลใจ และพัฒนาให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น GIGABYTE เป็นรากฐานที่สำคัญในชุมชน HPC โดยมีชื่อเสียงในด้านความเป็นเลิศที่ได้รับรางวัลเกี่ยวกับเมนบอร์ดและกราฟิกการ์ดมากว่า 30 ปี นำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จด้วยความเชี่ยวชาญด้านเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ GIGABYTE ทุ่มเทในการคิดค้นโซลูชันอัจฉริยะที่ปรับแปลงระบบดิจิทัลจาก edge เป็นคลาวด์ และช่วยให้ลูกค้าสามารถมองเห็นภาพรวม วิเคราะห์ และแปลงข้อมูลดิจิทัลให้เป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ และ "ยกระดับชีวิตของคุณ" พร้อมกับอยู่ในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยี

เยี่ยมชม GIGABYTE MWC event page

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53314598/en

ติดต่อ

สื่อ: Michael Pao brand@gigabyte.com

แหล่งข้อมูล: GIGABYTE

FPT Software เป็นพันธมิตรกับ Anaplan Asia Pacific เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

ฮานอย เวียดนาม–(BUSINESS WIRE)–8 กุมภาพันธ์ 2023

FPT Software ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและไอทีชั้นนำของเวียดนามเพิ่งเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Anaplan Asia Pacific ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการวางแผนธุรกิจและการตัดสินใจ ในฐานะพันธมิตรการผสานรวมระดับภูมิภาคของ Anaplan Asia Pacific นั้น FPT Software พร้อมที่จะมอบการจัดการประสิทธิภาพองค์กรบนคลาวด์ให้กับธุรกิจทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การเป็นพันธมิตรนี้ขยายการเข้าถึงของ Anaplan ไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ในพอร์ตโฟลิโอการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลชั้นนำของโลกของ FPT Software ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลูกค้าธุรกิจจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการวางแผนทั่วทั้งองค์กร การรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล นอกจากนี้ ด้วยการใช้ประโยชน์จากความสามารถของทั้งสองฝ่าย การเป็นหุ้นส่วนยังมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างฝ่ายการเงินและฝ่ายปฏิบัติการ

ในฐานะภูมิภาคการค้าและการบริโภคที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก และเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด ธุรกิจต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังลงทุนเพื่อสร้างความสามารถและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านดิจิทัล เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน การวิจัยโดย Altimeter เผยให้เห็นว่าผู้นำส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (72%) ไม่เพียงแต่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลด้วยจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังถือว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของลำดับความสำคัญสูงสุดทางธุรกิจในปีหน้า

นำโดยกลุ่ม Digital Transformation Group ของ FPT Software ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวได้รวมเอาความเชี่ยวชาญของ FPT Software ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับแพลตฟอร์มการวางแผนที่เชื่อมต่อกันของ Anaplan ลูกค้าของ FPT Software ในหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์ การผลิต โลจิสติกส์และการขนส่ง และสาธารณูปโภค จะสามารถควบคุมความสามารถพิเศษในการวางแผน การคาดการณ์ และการตัดสินใจของ Anaplan ได้ เป็นเช่นนั้นเพื่อยกระดับการเงิน ห่วงโซ่อุปทาน การขาย การตลาด และประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ด้วยโซลูชันการวางแผนที่เชื่อมต่อข้อมูลและจุดบอดให้กระจ่างทั่วทั้งแผนก องค์กรต่าง ๆ สามารถสร้างแหล่งข้อมูลจริงแหล่งเดียว ขจัดความจำเป็นในการประมาณการ และเข้าถึงข้อมูลอัจฉริยะที่จำเป็นได้เพื่อเตรียมพร้อมอย่างมั่นใจสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอน

Frank Bignone รองประธานฝ่าย Global Digital Transformation ของ FPT Software ให้คำมั่นสัญญาว่า “การเป็นหุ้นส่วนกับ Anaplan จะช่วยให้ FPT Software สามารถขยายขอบเขตออกไปในพอร์ตโฟลิโอของบริการ Digital Transformation ได้ เรายินดีที่ Anaplan แบ่งปันวิสัยทัศน์เดียวกันในโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ ในขณะที่นำเสนอข้อเสนอที่มีคุณค่าในการวางแผนธุรกิจ ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ Anaplan นี้ เรากำลังเตรียมพร้อมที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความสามารถของเราในการวางแผนการเงินบนคลาวด์ (Cloud Financial Planning) เพื่อช่วยเหลือลูกค้าของเราให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ใน Fortune 500 เนื่องจากองค์กรเหล่านี้มีมุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ”

Mark Micallef รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและกรรมการผู้จัดการของ Anaplan กล่าวว่า "องค์กรต่าง ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากหลายอุตสาหกรรมยอมรับ Anaplan เพื่อเร่งการตัดสินใจ ขับเคลื่อนประสิทธิภาพ และคงความยืดหยุ่น ความร่วมมือของเรากับ FPT Software จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างแกนหลักดิจิทัลสำหรับองค์กรของพวกเขา และสร้างความคล่องตัวได้อย่างมั่นใจ ด้วยแผนคาดการณ์ล่วงหน้าที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตทั่วทั้งการเงิน ห่วงโซ่อุปทาน พนักงาน และการขาย”

เกี่ยวกับ Anaplan

Anaplan เป็นลู่ทางการเปลี่ยนแปลงการมองเห็น วางแผน และดำเนินธุรกิจของคุณ ด้วยการใช้เทคโนโลยี Hyperblock™ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา Anaplan ช่วยให้คุณกำหนดบริบทของประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ และคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคตเพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็วและมั่นใจ Anaplan เปิดใช้งานกลยุทธ์และการวางแผนที่เชื่อมต่อทั่วทั้งองค์กรเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของคุณไปข้างหน้า โดย Anaplan ที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโกมีพันธมิตรมากกว่า 200 รายและลูกค้ามากกว่า 2,000 รายทั่วโลก

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.anaplan.com

เกี่ยวกับ FPT Software

FPT Software เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและไอทีระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในเวียดนาม โดยมีรายได้มากกว่า 632.5 ล้านดอลลาร์และพนักงาน 25,500 คนใน 28 ประเทศ ในฐานะผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล บริษัทให้บริการระดับโลกในโรงงานอัจฉริยะ, แพลตฟอร์มดิจิทัล, RPA, AI, IoT, คลาวด์, AR/VR, BPO และอื่น ๆ ซึ่งให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,000 รายทั่วโลก โดยหลายร้อยรายเป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 ในด้านยานยนต์ การธนาคารและการเงิน โลจิสติกส์และการขนส่ง สาธารณูปโภค และอื่น ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://www.fpt-software.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53305143/en

ติดต่อ

Media
Mai Duong (Ms.)

FPT Software
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
อีเมล: MCP.PR@fsoft.com.vn
เว็บไซต์: https://www.fpt-software.com/newsroom/

Anaplan Media: Kate Hegarty – kate.hegarty@anaplan.com

แหล่งที่มา: FPT Software

EIG เข้าสู่แผนการซื้อขาย Harbour Energy plc

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–8 กุมภาพันธ์ 2023

EIG นักลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้จัดทำแผนการซื้อขายล่วงหน้า (“แผนการซื้อขาย”) เพื่ออนุญาตให้ขายหุ้นได้สูงสุด 2 ล้านหุ้น (“หุ้น”) ของ Harbour Energy plc (HBR.L หรือ “บริษัท”) ที่ถือหุ้นโดยบริษัทในเครือที่ควบคุมโดย EIG ตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2022 EIG ได้เสร็จสิ้นการแจกจ่ายหุ้นให้กับนักลงทุนกองทุน EIG และผู้ถือหุ้นในเครือ EIG โดยการกระจายหุ้นเป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้ถือหุ้นในเครือ EIG บางรายต้องเสียภาษี และด้วยเหตุนี้ EIG จึงดำเนินการขายหุ้นตามแผนการซื้อขายเพื่อให้ครอบคลุมภาระภาษีดังกล่าวเป็นหลัก แผนการซื้อขายที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2023 จะอนุญาตให้ขายหุ้นได้จนถึงวันที่ 9 มีนาคม 2023 ในเวลาที่ EIG อาจถูกกันไว้ไม่ให้ทำเช่นนั้นภายใต้กฎหมายการค้าภายในหรือข้อจำกัดการซื้อขายของ Harbour Energy plc แผนการซื้อขายจะได้รับการจัดการโดยนายหน้าอิสระและจะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดด้านราคา ปริมาณ และเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าที่กำหนดไว้ในแผนการซื้อขาย หลังจากแผนการซื้อขายสิ้นสุดลง EIG จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยถือหุ้นประมาณ 15% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดผ่านทางยานพาหนะที่ได้รับการจัดการและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นนักลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก โดยมีมูลค่า 22.7 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา EIG ได้บริจาคเงิน 44.6 พันล้านดอลลาร์ในโครงการหรือบริษัท 396 แห่งใน 42 ประเทศในหกทวีป EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media

FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งที่มา: EIG

Grupo Saesa และ Trilliant ลงนามความร่วมมือระยะยาวเชิงกลยุทธ์

Logo

Trilliant เป็นผู้ให้บริการเครือข่าย RF แต่เพียงผู้เดียวสำหรับ AMI, IIoT, Smart Grid ของ Grupo Saesa ระบบกริดอัตโนมัติ และเครือข่ายดิจิทัล

ซานดิเอโก–(BUSINESS WIRE)–7 กุมภาพันธ์ 2023

Trilliant ผู้ให้บริการโซลูชันชั้นนำระดับสากลสำหรับโครงสร้างพื้นฐานมิเตอร์ขั้นสูง (AMI) สมาร์ทกริด เมืองอัจฉริยะ และ lIoT ประกาศความร่วมมือระยะยาวเชิงกลยุทธ์กับ Grupo Saesa หนึ่งในผู้จัดจำหน่ายไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในชิลี

Grupo Saesa จะปรับใช้ซอฟต์แวร์ของ Trilliant และแพลตฟอร์มการสื่อสาร RF สำหรับแอปพลิเคชัน AMI, สมาร์ทกริด และ IIoT ที่จะสนับสนุนองค์กรในการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า โดยการส่งมอบพลังงานที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ให้กับลูกค้า และสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัท

Grupo Saesa มีลูกค้ามากกว่า 950,000 ราย ผ่านตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ Sociedad Austral de Electricidad S.A., Empresa Eléctrica de la Frontera S.A., Compañía Eléctrica Osorno S.A. และ Empresa Eléctrica de Aisén S.A. โดยเป็นเจ้าของและดำเนินการสายส่งและจำหน่ายมากกว่า 62,000 กิโลเมตรทั่วประเทศ

“Trilliant นำเสนอผลงานประสบการณ์ระดับโลกและความมุ่งมั่นที่จะทำให้ทีมของเราประสบความสำเร็จ” กล่าวโดย Leonel Martinez ผู้บริหารการจัดจำหน่ายของ Grupo Saesa “เทคโนโลยีและประสบการณ์ของ Trilliant จะมอบคุณค่าที่แท้จริงและการปรับปรุงให้กับลูกค้าและการดำเนินงานของเรา”

“เรามีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ Grupo Saesa” กล่าวโดย Nick Matchett กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอเมริกาของ Trilliant “มีการทำงานร่วมกันมากมายระหว่างสองบริษัทของเรา รวมถึงความหลงใหลในนวัตกรรมเทคโนโลยีและความยั่งยืน แรงผลักดันของ Grupo Saesa ในการส่งมอบมาตรฐานและคุณค่าสูงสุดให้กับลูกค้านั้นอยู่ในระดับโลก เราตั้งตารอที่จะยกระดับคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าผ่านความร่วมมือครั้งนี้”

Trilliant ทำงานร่วมกับลูกค้าทั่วโลก ตั้งแต่ โครงการ Smart Water Metering ในแคนาดา ที่ประสบความสำเร็จเมื่อเร็ว ๆ นี้ ไปจนถึงความร่วมมือในสหราชอาณาจักรกับ Manx Utilities เพื่อเปิดตัวมิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะทั่ว Isle of Man รวมถึงความร่วมมือกับ SAMART เพื่อนำ AMI ไปปรับใช้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.) โดยล่าสุด Trilliant ได้รับเลือกจาก ESB Networks ให้เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ที่จะจัดหามาตรวัดอัจฉริยะเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวโครงการ National Smart Metering Programme ของไอร์แลนด์

ที่งาน DISTRIBUTECH 2023

Trilliant จะเข้าร่วมใน DISTRIBUTECH 2023 ที่ศูนย์การประชุมซานดิเอโก (7-9 ก.พ.) ที่ซึ่งจะแสดงความมุ่งมั่นในการจัดหาทางเลือกที่ทรงพลังด้วยแพลตฟอร์มที่ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ได้สำหรับอุปกรณ์และโซลูชันที่ทำงานร่วมกันได้สำหรับบริษัทพลังงาน สาธารณูปโภค และเมืองอัจฉริยะทั่วโลก เยี่ยมชม Trilliant ได้ที่บูธ 1701 บนชั้นนิทรรศการ หากต้องการจองการสาธิตและการประชุมแบบตัวต่อตัว โปรดติดต่อ info@trilliant.com

เกี่ยวกับ Trilliant

Trilliant® ให้อำนาจแก่อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ได้ในอุปกรณ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ซึ่งช่วยให้ระบบสาธารณูปโภคและเมืองต่าง ๆ สามารถปรับใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้บนเครือข่ายอันทรงพลังเพียงเครือข่ายเดียว พอร์ตโฟลิโอที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอทางเลือกที่ทรงพลัง โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการที่ลูกค้าจะถูก “ผูกมัด” กับผู้ให้บริการเทคโนโลยีหรือผู้ผลิตมิเตอร์เพียงรายเดียว เราภูมิใจที่จะนำเสนอโซลูชันที่มีความสำคัญต่อภารกิจซึ่งสนับสนุน AMI, ข้อมูลและการวิเคราะห์, การวัดแสงอัจฉริยะ, สมาร์ทกริดและเมืองอัจฉริยะ ลูกค้าทั่วโลกได้รับประโยชน์จากการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของ Trilliant ในด้านความยืดหยุ่น ความยั่งยืน และความสามารถในการปรับขนาด ซึ่งเชื่อมต่อสาธารณูปโภคและเมืองต่าง ๆ เข้ากับ IIoT และเส้นทางเชิงกลยุทธ์ที่มากขึ้นเพื่อไปสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เยี่ยมชมเราได้ที่ www.trilliant.com

เกี่ยวกับ Grupo Saesa

Grupo Saesa มีประสบการณ์มากกว่า 95 ปีในประเทศ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายไฟฟ้าหลักทางตอนใต้ของชิลี โดยจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าประมาณ 950,000 รายระหว่างภูมิภาค Ñuble และ Aysén ในการส่งสัญญาณนั้นดำเนินการในส่วนต่าง ๆ ของประเทศระหว่างภูมิภาค Antofagasta และ Los Lagos โดยมีสถานีย่อย 75 แห่งและสายส่ง 2,280 กม. นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำลังการผลิตติดตั้งมากกว่า 275 เมกะวัตต์ ผู้ควบคุมของ Grupo Saesa คือ Ontario Teachers' Pension Plan (OTPP) และ Alberta Investment Management Corporation (AIMCo) ซึ่งเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญของแคนาดา โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นฝ่ายละ 50%

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางติดต่อสำหรับสื่อ:
Tracey Mitchell
tracey.mitchell@trilliant.com

Cindy Watson/Anita Wong, StrategicAmpersand Inc.
TrilliantPR@stratamp.com

แหล่งที่มา: Trilliant

Intelsat ได้แต่งตั้ง Gaurav Kharod เป็นรองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Logo

MCLEAN, เวอร์จิเนีย–(BUSINESS WIRE)–6 กุมภาพันธ์ 2023

Intelsat หนึ่งในผู้ดำเนินการเครือข่ายดาวเทียมและภาคพื้นดินแบบบูรณาการที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผู้ให้บริการชั้นนำด้านการเชื่อมต่อบนเครื่องบิน (IFC) ได้ประกาศให้แต่งตั้ง Gaurav Kharod เป็นรองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ในวันนี้ Kharod มาจากสำนักงานของ Intelsat ในอินเดีย ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียใต้และอินเดีย

Intelsat appoints Gaurav Kharod as the regional vice president of Asia Pacific who comes from its India office. (Photo: Business Wire)

Intelsat แต่งตั้งให้ Guarav Kharod เป็นรองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มาจากสำนักงานของอินเดีย (ภาพ: Business Wire)

Kharod จะรับหน้าที่ต่อจาก Terry Bleakley ซึ่งเคยเป็นผู้นำทีม APAC Bleakley จะเปลี่ยนไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอาวุโสนอกเวลาที่ Intelsat ในวันที่ 1 เมษายน และจะสนับสนุนโอกาสการเติบโตที่สำคัญในภูมิภาคต่อไป

Jean-Philippe Gillet รองประธานอาวุโสฝ่ายขายทั่วโลก เครือข่ายและสื่อ กล่าวว่า "Intelsat อยู่บนเส้นทางการเติบโตที่ทะเยอทะยานในตลาด APAC และ Gaurav นำความเชี่ยวชาญที่จะช่วยเราบรรลุเป้าหมายเหล่านี้มาด้วย" "ผมตั้งตารอที่จะบรรลุเป้าหมายสำคัญมากมายภายใต้การนำของเการาฟในภูมิภาคนี้"

ในงานมอบหมายล่าสุดของ Kharod เขาเป็นผู้นำทีมขายทางธุรกิจสื่อ ซึ่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ขององค์กรในภูมิภาค Kharod ยังใช้กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดดาวเทียมความเร็วสูง (HTS) IS-33e ของ Intelsat ในตลาดอินเดีย สิ่งนี้สร้างแผนงานสำหรับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ทั้งหมดของ Intelsat รวมถึง Media, Networks, FlexMaritime และ Commercial Aviation เพื่อให้เป็นตัวแทนอย่างเต็มที่ในตลาดอินเดียและเอเชียใต้

ก่อนมาร่วมงานกับ Intelsat นั้น Kharod เคยดำรงตำแหน่งผู้นำที่ Hughes India และ Viasat Inc. ในโดเมนดาวเทียม พร้อมกับจำกัดที่ Conax AS ในอุตสาหกรรมสื่อ เขานำความเชี่ยวชาญด้านการขาย การจัดการผลิตภัณฑ์ การพัฒนาธุรกิจ การกำกับดูแลและนโยบายมาผสมผสานกัน

Kharod สำเร็จการศึกษา MBA และปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในวิทยาลัยของเขาในรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย

เกี่ยวกับอินเทลแซท

ทีมงานมืออาชีพระดับโลกของ Intelsat ให้ความสำคัญกับการมอบการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ราบรื่นและปลอดภัยแก่รัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และลูกค้าเชิงพาณิชย์ผ่านเครือข่ายระดับโลกยุคใหม่และบริการที่มีการจัดการของบริษัท โดยการเชื่อมความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลด้วยการดำเนินงานกับหนึ่งในกองดาวเทียมและโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อที่ใหญ่และล้ำหน้าที่สุดในโลก Intelsat ช่วยให้ผู้คนและเครื่องมือของพวกเขาสามารถสื่อสารข้ามมหาสมุทร มองเห็นทั่วทั้งทวีป และรับฟังผ่านท้องฟ้าเพื่อสื่อสาร ร่วมมือ และอยู่ร่วมกัน นับตั้งแต่การก่อตั้งเมื่อ 6 ทศวรรษที่แล้ว บริษัทมีความหมายเหมือนกันกับอุตสาหกรรมดาวเทียมที่ "รายแรก" ในการให้บริการแก่ลูกค้าและโลกใบนี้ ในการพึ่งพามรดกของนวัตกรรมและมุ่งเน้นไปที่การรับมือกับความท้าทายยุคใหม่ สมาชิกในทีม Intelsat มองเห็น "สิ่งแรกอันถัดไป" ในอวกาศขณะที่พวกเขาทำลายภาคสนามและเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรม

ติดตามเราบนโซเชียลมีเดีย

Twitter | LinkedIn | Facebook | Instagram | YouTube

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53301947/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Farah Latif – farah.latif@intelsat.com; +1 703-973-1679

ที่มา: Intelsat

Toshiba เปิดตัวอุปกรณ์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ช่วยลดพื้นที่ติดตั้ง

Logo

สวิตช์ด้านสูงและด้านต่ำขนาดเล็ก (8 ช่อง) –

คาวาซากิ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–7 กุมภาพันธ์ 2023 

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้เปิดตัวอุปกรณ์ไฟฟ้าอัจฉริยะสองตัวที่ควบคุมไดรฟ์ของโหลดไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำของมอเตอร์ โซลินอยด์ หลอดไฟ และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่นำไปประยุกต์ใช้ เช่น ตัวควบคุมลอจิกที่ตั้งโปรแกรมได้ของอุปกรณ์อุตสาหกรรม โดยการจัดส่งสวิตช์ด้านสูง (8 ช่อง) “TPD2015FN” และสวิตช์ด้านต่ำ (8 ช่อง) “TPD2017FN” เริ่มตั้งแต่วันนี้

Toshiba: TPD2015FN and TPD2017FN, intelligent power devices that help reduce mounting areas. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: TPD2015FN และ TPD2017FN อุปกรณ์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ช่วยลดพื้นที่ติดตั้ง (กราฟิก: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ใช้กระบวนการรวมอุปกรณ์อะนาล็อก (BiCD)[1] ของ Toshiba เพื่อให้มีค่าความต้านทานต่อไฟฟ้าที่ 0.4Ω (typ.) ในขั้นตอนเอาต์พุต ซึ่งต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ Toshiba[2] มากกว่า 50% ทั้ง TPD2015FN และ TPD2017FN อยู่ในแพ็คเกจ SSOP30[3] ซึ่งมีพื้นที่ติดตั้งประมาณ 71% ของแพ็คเกจ SSOP24[4] ที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน[2], ความสูง 80% ของแพ็คเกจ SSOP24 และระยะพิน 0.65 มม. ที่แคบลง การปรับปรุงเหล่านี้จะช่วยลดขนาดอุปกรณ์

อุณหภูมิในการทำงานสูงสุดของผลิตภัณฑ์ใหม่คือ 110°C ซึ่งสูงกว่า 85°C ของผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน[2] ซึ่งเหมาะสำหรับการทำงานในอุณหภูมิที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ทั้งสองยังมีวงจรป้องกันกระแสเกินในตัวและวงจรป้องกันอุณหภูมิเกิน ซึ่งช่วยทำให้อุปกรณ์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

หมายเหตุ:

[1] ไบโพลาร์ CMOS DMOS

[2] ผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ Toshiba ได้แก่ TPD2005F และ TPD2007F

[3] แพ็คเกจ SSOP30: 9.7 × 7.6 × 1.2 มม. (typ.)

[4] แพ็คเกจ SSOP24: 13.0 × 8.0 × 1.5 มม. (typ.)

การประยุกต์ใช้

  • ตัวควบคุมลอจิกที่ตั้งโปรแกรมได้สำหรับใช้ในอุตสาหกรรม
  • เครื่องมือเครื่องจักรที่ควบคุมด้วยตัวเลข
  • อินเวอร์เตอร์/เซอร์โว
  • อุปกรณ์ควบคุมพร้อม IO-Link

คุณสมบัติ

  • IC พลังงานเสาหินพร้อมมอสเฟต N-channel ในตัว (8 ช่อง) และวงจรควบคุม

(สวิตช์ด้านสูง TPD2015FN มีปั๊มชาร์จในตัว)

  • ตั้งอยู่ในแพ็คเกจ SSOP30 ขนาดเล็ก โดยมีพื้นที่ติดตั้งประมาณ 71% ของแพ็คเกจ SSOP24
  • ฟังก์ชันป้องกันในตัว (อุณหภูมิเกิน กระแสเกิน)
  • อุณหภูมิในการทำงานสูง: Topr (สูงสุด)=110°C
  • ความต้านทานไฟฟ้าต่ำ: RDS(ON)=0.4Ω (typ.) @VIN=5V, Tj=25°C, IOUT=0.5A

ข้อกำหนดหลัก

(เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น, Ta=25°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

TPD2015FN

TPD2017FN

แพ็คเกจ

SSOP30

การประเมินค่าสูงสุดสุทธิ

แรงดันไฟฟ้า VDD (V)

-0.3 to 40.0

-0.3 to 6.0

แรงดันไฟฟ้าขาเข้า VIN (V)

-0.3 to 6.0

VDDx – OUTx ค่าทนต่อแรงดันไฟฟ้า VDSS (V)

50.0

ค่าทนต่อแรงดันไฟฟ้าขาออก VOUT (V)

50.0

กระแสไฟขาออก IOUT (A)

จำกัดภายใน

กำลังไฟฟ้าสูญเสีย PD (W)

1.8

อุณหภูมิในการทำงาน Topr (°C)

-40 to 110

อุณหภูมิทางแยก Tj (°C)

150

อุณหภูมิในการจัดเก็บ Tstg (°C)

-55 to 150

ช่วงการทำงาน

แรงดันไฟฟ้าในการทำงาน VDD(opr) (V)

@Tj=25°C

8 to 40

2.7 to 5.5

ลักษณะทางไฟฟ้า

ความต้านทาน RDS(ON) typ. (Ω)

@VDD=12V(TPD2015FN)

/ 5V (TPD2017FN),

, VIN=5V,

IOUT=0.5A, Tj=25°C

0.40

จำนวนเอาต์พุต

8

ฟังก์ชันการป้องกัน

การปิดระบบความร้อน

การปิดกระแสเกิน

การตรวจสอบตัวอย่างและความพร้อมใช้งาน

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TPD2015FN
TPD2017FN

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับการประยุกต์ใช้ TPD2017FN

หมายเหตุการประยุกต์ใช้สำหรับ TPD2017FN

หากต้องการตรวจสอบความพร้อมของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่

TPD2015FN
ซื้อออนไลน์

TPD2017FN
ซื้อออนไลน์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และสตอเรจขั้นสูง ใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยก ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัทจำนวน 23,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าร่วมกันและเปิดตลาดใหม่ ปัจจุบัน Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ที่มียอดขายต่อปีทะลุ 8.5 แสนล้านเยน (7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกหนทุกแห่ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53302193/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับตอบคำถามลูกค้า:

ฝ่ายการตลาดและขายอุปกรณ์ไฟฟ้า
โทร: +81-44-548-2216
ติดต่อเรา

สำหรับตอบคำถามสื่อมวลชน:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
อีเมล: semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

แหล่งที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

The Bangkok Reporter