Elice ลงนามความร่วมมือพิเศษกับ Pluralsight ในเกาหลี ซึ่งเป็นบริษัทด้านการศึกษาไอที B2B ระดับโลกอันดับ 1

Logo

เนื้อหาด้านการศึกษาไอทีระดับโลกซึ่งดำเนินการโดยบริษัทใน FORTUNE 500 เกือบ 70% พร้อมให้บริการแล้วในขณะนี้ในประเทศเกาหลีผ่าน Elice LXP

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2023

Elice Inc. (CEO Kim Jae-won) บริษัทแพลตฟอร์มการฝึกอบรมด้านการศึกษาได้ลงนามความร่วมมือพิเศษกับ Pluralsight ในเกาหลี ซึ่งเป็นบริษัทด้านการศึกษาไอที B2B อันดับ 1 สำหรับเนื้อหาด้านการศึกษา Pluralsight เป็นบริษัทด้านการศึกษาไอที B2B ระดับโลกที่นักพัฒนาทั่วโลกเข้าเรียนรู้ทักษะด้านไอที เช่น SW การเขียนโปรแกรม ระบบคลาวด์ เป็นต้น

ด้วยข้อตกลงนี้ Elice ได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวสำหรับการเผยแพร่เนื้อหาด้านการศึกษาของ Pluralsight ในเกาหลี Elice จะดำเนินการแปลและปรับแต่งเนื้อหาด้านการศึกษาของ Pluralsight เป็นภาษาเกาหลี โดยใช้เทคโนโลยีและบริการ AI อันเป็นเอกลักษณ์โดยใช้ Elice LXP และ Elice Inc. จะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกันกับ Pluralsight เพื่อขยายธุรกิจไปยังญี่ปุ่น สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆ อีกด้วย

เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Elice LXP ซึ่งได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อการศึกษาได้ดึงดูดความสนใจของ Pluralsight เมื่อตัดสินใจร่วมลงนามความร่วมมือ แดชบอร์ด AI ของ Elice LXP สามารถคาดการณ์การจบหลักสูตรตามข้อมูล เช่น ผลการเรียนและรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียน เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกคนจะสำเร็จการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดย Elice LXP มีอัตราการจบหลักสูตรโดยเฉลี่ยสูงกว่า 80% และมีจำนวนผู้เข้าเรียนมากกว่า 1 ล้านคน

Pluralsight มีการใช้เครือข่ายผู้สอนที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก เพื่อนำเสนอหลักสูตรที่ดีที่สุดในด้าน SW, ระบบคลาวด์, AI และระบบรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื้อหา SW ขั้นสูง เช่น AWS, MS Azure, GCP เป็นต้น และหลักสูตรการรับรองความเชี่ยวชาญด้านเครือข่ายและความปลอดภัยระดับโลกที่เข้าถึงยากในเกาหลี

Elice Inc. ได้เปิดตัวเนื้อหาด้านการศึกษาเกี่ยวกับระบบคลาวด์ ระบบรักษาความปลอดภัย การรับรอง เป็นต้น ใน Elcademy ซึ่งเป็นแบรนด์ด้านการศึกษาระบบ AI เชิงปฏิบัติจอง Elice ซึ่งสะท้อนแนวโน้มของอุตสาหกรรมล่าสุด

เกี่ยวกับ Elice Inc.

Elice Inc. ก่อตั้งขึ้นในปี  2015 โดยเป็นบริษัทแพลตฟอร์ม AI Edtech ซึ่งใช้สภาพแวดล้อมการเขียนโค้ดเสมือนจริงสำหรับการศึกษา และให้บริการโซลูชันการฝึกอบรมแบบปรับแต่งตามความต้องการด้วย Elice LXP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการฝึกอบรมด้านการศึกษาแห่งแรกในเกาหลีที่ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อการศึกษา โดยมีการนำเสนอการฝึกอบรม DX แบบปรับแต่งได้สำหรับลูกค้า 1,100 ราย รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่ มหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และสถาบันสาธารณะ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Elice Inc.
Yang Eunyoung
eyyang@elicer.com

แหล่งข้อมูล: Elice Inc.

Abdulaziz Al-Gudaimi ผู้มากประสบการณ์จาก Aramco จะเข้าร่วม EIG ในตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาและประธานหน่วยปฏิบัติงานของ MENA

Logo

WASHINGTON–(BUSINESS WIRE)–1 ธันวาคม 2023

วันนี้ EIG สถาบันการลงทุนชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศว่า Abdulaziz Al-Gudaimi ได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาและประธานหน่วยปฏิบัติงาน Middle East & North Africa (หรือ “MENA”) ของ EIG โดย Al-Gudaimi อดีตรองประธานกรรมการบริหารของฝ่ายพัฒนาบรรษัทของ Saudi Aramco (หรือ “Aramco”) ผู้มีประสบการณ์กว่า 38 ปี ในตลาดพลังงาน จะมาเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์แก่ EIG ในกิจกรรมภาคการลงทุนและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

“เราตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับ Abdulaziz สู่บริษัทของเรา” R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “ความเชี่ยวชาญที่ลึกซึ้งและประสบการณ์ที่สั่งสมมานานใน MENA จะเป็นหลักสำคัญที่จะช่วย EIG ในการหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมทั่วทั้งภาคพลังงานสำคัญและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน และเป็นประโยชน์ต่อพอร์ตการลงทุนบริษัทของเราที่อยู่ท่ามกลางความท้าทายอันซับซ้อนของการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตที่ใช้คาร์บอนต่ำ”

“ผมได้รู้จักกับ Blair และทีม EIG จากความร่วมมือกับ Aramco และผมพร้อมมากที่จะสร้างผลงานสานต่อจากความสำเร็จของพวกเขาในภูมิภาค” Al-Gudaimi กล่าว “ขณะที่การเปลี่ยนผ่านพลังงานทวีความสำคัญอย่างต่อเนื่องและแผ้วถางเส้นทางสู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า EIG จัดวางตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองอย่างดีในการหาโอกาสยกระดับความเชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติงาน และสนับสนุนการงดใช้คาร์บอนของภาคพลังงานในภูมิภาค ผมเตรียมที่จะช่วยสร้างมูลค่าด้านในพอร์ตการลงทุนให้กับทั้งบริษัทและผู้ลงทุนด้วย”

Al-Gudaimi เคยดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาบรรษัทที่ Aramco ก่อนจะเกษียณจากตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2022 ครั้งยังดำรงตำแหน่งนี้ เขาได้ช่วย Aramco ให้เข้าถึงโอกาสครั้งใหญ่ในตลาดที่กำลังเติบโตและเทคโนโลยีด้วยการสร้างพอร์ตการลงทุนที่ดีและการจัดวางกลยุทธ์ ก่อนหน้านี้ Al-Gudaimi ผ่านการดำรงตำแหน่งในบทบาทผู้นำที่ Aramco มามากมาย ทั้งรองประธานอาวุโสของ Downstream และรองประธานของ Power Systems ปัจจุบัน Al-Gudaimi ทำงานในฐานะฝ่ายบริหารของ Vision Invest Holding และ Saudi Alfransi Bank รวมถึงเคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของ Enterprises LLC, Arlanxeo, Saudi Aramco Total Refining และ Petrochemical Company, Aramco Trading Company รวมถึง Petro Rabigh ด้วย เขาสำเร็จการศึกษาด้วยวุฒิวิทยาศาสตรบัณฑิตในสาขาวิศวกรรมปิโตรเลียม และมหาบัณฑิตการจัดการด้านธุรกิจ

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นสถาบันการลงทุนชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกที่ดูแลจัดการทุนมูลค่ากว่า 23 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 30 กันยายน 2023 EIG มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการลงทุนภาคเอกชนในพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ตลอดประวัติของบริษัท 41 ปี EIG ได้ลงทุนไปกว่า 45.9 พันล้านเหรียญสหรัฐในภาคพลังงานผ่านโครงการมากกว่า 400 โครงการ หรือ บริษัทใน 42 ประเทศในหกภูมิภาค ลูกค้าของ EIG มีทั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกัน กองทุนการกุศล และมูลนิธิชั้นนำมากมาย รวมถึงกองทุนความมั่งคั่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ใน Washington, D.C. รวมถึงสำนักงานอื่นที่ Houston, London, Sydney, Rio de Janeiro, Hong Kong และ Seoul

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งข้อมูล: EIG

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53864962/en

CrowdStrike เปิดศูนย์กลางเอเชียแห่งใหม่ในสิงคโปร์

Logo

ประสานความมุ่งมั่นในการปกป้องธุรกิจในภูมิภาค

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2023

 CrowdStrike (Nasdaq: CRWD) ประกาศเปิดสำนักงานแห่งใหม่ในสิงคโปร์ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางศูนย์กลางของ CrowdStrike ในเอเชีย สำนักงานแห่งใหม่เน้นย้ำถึงการลงทุนระดับภูมิภาคของ CrowdStrike และจะเพิ่มความจุเป็นสองเท่าของสิ่งอำนวยความสะดวกก่อนหน้านี้ในสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยประสานการปรากฏตัวในท้องถิ่นของผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความมุ่งมั่นในการปกป้ององค์กรในสิงคโปร์และทั่วเอเชีย

CrowdStrike มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และดำเนินกิจการทั่วโลก เป็นหนึ่งในบริษัทรักษาความปลอดภัยที่เติบโตเร็วและมีนวัตกรรมมากที่สุดในโลก ด้วยลูกค้ามากกว่า 23,000 ราย ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและหน่วยงานภาครัฐ CrowdStrike กำลังขับเคลื่อนยุคต่อไปของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ เพื่อก้าวนำหน้าการค้าขายของฝ่ายตรงข้ามที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและหยุดยั้งการละเมิด การกำหนดขอบเขตตลาดของบริษัท  CrowdStrike Falcon® platform การตอบสนองต่อเหตุการณ์และบริการชั้นยอด และทีมข่าวกรองภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงทำให้ CrowdStrike เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

สำนักงานแห่งใหม่นี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมที่ลูกค้าและพันธมิตรของ CrowdStrike สามารถใช้ประโยชน์ เพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับกลยุทธ์การป้องกันทางไซเบอร์ล่าสุด และยกระดับทักษะผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันศัตรูที่มุ่งเป้าไปยังภูมิภาค

การย้ายไปยังสำนักงานแห่งใหม่นี้ เป็นไปตามความสำเร็จทางธุรกิจที่สำคัญของผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในเอเชีย ผลลัพธ์ทางการเงินของ CrowdStrike สำหรับไตรมาสที่สามปีงบประมาณ 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2566 รายงานว่ามีรายได้ 81 ล้านดอลลาร์ในเอเชียแปซิฟิก (รวมถึงญี่ปุ่น) เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบเป็นรายปี เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามปีงบประมาณ 2023 สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2565 APAC (รวมถึงญี่ปุ่น) คิดเป็น 10% ของรายได้รวมของ CrowdStrike

“เอเชียเป็นแหล่งกำเนิดกิจกรรมอาชญากรรมทางไซเบอร์ เราเห็นค่าเฉลี่ยค่าไถ่ของแรนซัมแวร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็น 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับสี่สัปดาห์ก่อนหน้า ด้วยกิจกรรมทั้งหมดนี้ ธุรกิจในเอเชียจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้โซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์สมัยใหม่ และแนวทางเชิงรุกในการปกป้องตนเองเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่มุ่งเป้าไปยังประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย” Geoff Swaine รองประธาน APJ ของ CrowdStrike กล่าว

“เราเห็นความต้องการนี้เมื่อเราก่อตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ครั้งแรกในปี 2559 และยังคงขยายทีมงานและธุรกิจของเราในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลานั้น CrowdStrike ได้สนับสนุนธุรกิจจำนวนมากในหลายภาคส่วนและขนาด ในการเปลี่ยนจากการใช้โซลูชันการรักษาความปลอดภัยแบบเดิมซึ่งมักอิงตามลายเซ็น ซึ่งไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์สมัยใหม่ต่อแพลตฟอร์มความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ และใช้ระบบอัจฉริยะ”

เอเชียตกเป็นเป้าของอาชญากรไซเบอร์มานานแล้ว ตาม CrowdStrike 2023 Threat Hunting Report ภาคอุตสาหกรรมแนวตั้งห้าอันดับแรกเรียงตามความถี่ของการบุกรุกในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ได้แก่ เทคโนโลยี โทรคมนาคม การค้าปลีก การเงิน และการผลิต ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เหยื่อ big game hunting (การโจมตีทางไซเบอร์ประเภทหนึ่งที่มักจะใช้ประโยชน์จาก ransomware เพื่อมุ่งเป้าองค์กรขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูง หรือหน่วยงานที่มีชื่อเสียงสูง) เพิ่มขึ้นเป็น 416 เมื่อเทียบกับ 357 จากช่วงสี่สัปดาห์ก่อนหน้า ตามข้อมูลจากการปฏิบัติการต่อต้านศัตรูของ CrowdStrike ในทางภูมิศาสตร์ เอเชียมีภัยคุกคามหลักจากสองรัฐชาติคือจีนและเกาหลีเหนือภายในขอบเขตของตน ในขณะที่ผู้มีบทบาทใน China-nexus มีผลงานมากเป็นพิเศษ โดยสังเกตได้จาก 14 กลุ่มอุตสาหกรรม

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

  • หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CrowdStrike Falcon platform โปรดไปที่เว็บไซต์ของเรา

เกี่ยวกับ CrowdStrike

CrowdStrike (Nasdaq: CRWD) ผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก ได้กำหนดนิยามใหม่ของการรักษาความปลอดภัยสมัยใหม่ ด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์เนทิฟที่ทันสมัยที่สุดในโลก สำหรับการปกป้องพื้นที่สำคัญของความเสี่ยงขององค์กร เช่น อุปกรณ์ปลายทางและปริมาณงานบนคลาวด์ ข้อมูลแสดงตัวตนและข้อมูล

ขับเคลื่อนโดย CrowdStrike® Security Cloud และปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก แพลตฟอร์ม CrowdStrike Falcon® ใช้ประโยชน์จากตัวบ่งชี้แบบเรียลไทม์ของการโจมตี ข้อมูลภัยคุกคาม การพัฒนาการค้าขายของฝ่ายตรงข้าม และการวัดและส่งข้อมูลทางไกลที่ได้รับการปรับปรุงจากทั่วทั้งองค์กร เพื่อมอบการตรวจจับที่มีความแม่นยำสูง การป้องกันอัตโนมัติ และการแก้ไข การค้นหาภัยคุกคามชั้นยอด และการจัดลำดับความสำคัญในการสังเกตจุดอ่อน

สร้างขึ้นโดยเฉพาะบนคลาวด์ด้วยสถาปัตยกรรมเอเจนต์น้ำหนักเบาเพียงตัวเดียว แพลตฟอร์ม Falcon นำเสนอการใช้งานที่รวดเร็วและปรับขนาดได้ การป้องกันและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ลดความซับซ้อน และเวลาต่อมูลค่าทันที

CrowdStrike: เราหยุดการละเมิด

เรียนรู้เพิ่มเติม: https://www.crowdstrike.com/

ติดตามเราได้ที่: Blog | Twitter | LinkedIn | Facebook | Instagram

เริ่มทดลองใช้ฟรีวันนี้: https://www.crowdstrike.com/free-trial-guide/

© 2023 CrowdStrike, Inc. สงวนลิขสิทธิ์ CrowdStrike, โลโก้เหยี่ยว, CrowdStrike Falcon และ CrowdStrike Threat Graph เป็นเครื่องหมายของ CrowdStrike, Inc. และจดทะเบียนกับสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐอเมริกา และในประเทศอื่นๆ CrowdStrike เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายบริการอื่น ๆ และอาจใช้แบรนด์ของบุคคลที่สามเพื่อระบุผลิตภัณฑ์และบริการของพวกเขา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Andy Sommer
ฝ่ายสื่อสารองค์กร CrowdStrike

press@crowdstrike.com

แหล่งที่มา: CrowdStrike

ติ

สภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูงของ Abu Dhabi เปิดตัว ‘AI71’: บริษัท AI แห่งใหม่บุกเบิกการควบคุมข้อมูลแบบกระจายศูนย์สำหรับบริษัท & ประเทศต่างๆ

Logo

  • มีการสร้าง AI71 ขึ้นตามโมเดล Falcon Generative AI ที่ได้รับการจัดอันดับระดับโลก
  • บริษัทใหม่มุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ระบบ AI แบบก้าวหน้าในหลายโดเมน โดยมุ่งเน้นที่ภาคส่วนการแพทย์ การศึกษา และกฎหมายในเริ่มแรก

ABU DHABI,United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2023

ในยุคการพัฒนาที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูงของ Abu Dhabi (Advanced Technology Research Council ATRC) มีความก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัวบริษัท AI แห่งใหม่ชื่อว่า AI71 โดยองค์กรนี้สร้างขึ้นจากโมเดล Falcon generative AI ของสถาบันนวัตกรรม (Technology Innovation Institute – TII) และมีความมุ่งเน้นไปที่ความเชี่ยวชาญพิเศษในหลากหลายโดเมน ในขณะเดียวกัน ก็มีการนำเสนอตัวเลือกการควบคุมข้อมูล AI ที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับบริษัทและประเทศต่างๆ ที่กำลังมองหาโฮสต์สำหรับบริษัท เพื่อความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น

H.H. Sheikh Khaled bin Mohamed bin Zayed Al Nahyan, Crown Prince of Abu Dhabi and Chairman of the Abu Dhabi Executive Council launches AI71 along with H.E Faisal Al Bannai, Secretary General, Advanced Technology Research Council (Photo: AETOSWire)

H.H. Sheikh Khaled bin Mohamed bin Zayed Al Nahyan มงกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี และประธานของสภาผู้บริหารอาบูดาบีได้เปิดตัว AI71 พร้อมกับ H.E Faisal Al Bannai หัวหน้าเลขาธิการสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ภาพ: AETOSWire)

โรงไฟฟ้า AI แห่งใหม่นี้ได้รับการเปิดตัวโดย H.H. Sheikh Khaled bin Mohamed bin Zayed Al Nahyan มกุฎราชกุมารแห่ง Abu Dhabi และประธานของ Abu Dhabi Executive Council โดยมีรัฐมนตรีและตัวแทนของบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติชั้นนำเข้าร่วมงาน

ในขณะที่สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของ ATRC เป็นผู้พัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) Falcon 7B, 40B และ 180B VentureOne ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ATRC จะเป็นผู้นำ AI71 ออกสู่ตลาดสำหรับหลากหลายโดเมน เริ่มจากภาคส่วนการแพทย์ การศึกษา และกฎหมาย การเปิดให้สามารถเข้าถึงคลังข้อมูลนิรนามขนาดใหญ่ในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มประชากรที่หลากหลาย และ AI71 จะสร้างความแตกต่างในตลาด AI ที่สำคัญต่างๆ ในปัจจุบัน กล่าวคือ โครงสร้างพื้นฐานทางอิเล็กทรอนิกส์แบบดิจิทัลและค่อนข้างสมบูรณ์ของ UAE

ในช่วงเวลาที่นวัตกรรมมักจะก้าวล้ำกรอบงานกำกับดูแล โครงสร้างในการตัดสินใจอย่างเฉียบขาดของรัฐบาล UAE ช่วยให้บริษัทใหม่สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวล้ำของ AI โดยข้ามกระบวนการที่มีความยืดเยื้อในการพัฒนาดังกล่าว

ด้วยความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรกัน AI71 จะช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับใช้โมเดล AI และได้รับประโยชน์จากการที่สามารถเข้าถึงแหล่งเก็บข้อมูลที่ซับซ้อน เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพของ generative AI ที่โดดเด่น ยิ่งไปกว่านั้น AI71 ยังช่วยให้สามารถเป็นเจ้าของข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้ โดยยังนำเสนอมาตรฐานใหม่สำหรับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย  โดยทำหน้าที่เป็นดัชนีชี้วัดสำหรับโครงการ AI ที่ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ นี่เป็นตัวเลือกที่เปลี่ยนแปลงระบบการเข้าถึงสำหรับ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กร บริษัทขนาดใหญ่ และหน่วยงานรัฐบาลต่างประเทศ ที่ต้องการความมั่นใจในการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

AI71 จะได้รับการสร้างขึ้นตามแนวทางนวัตกรรมแบบสร้างสรรค์ โดยจะมีการนำไปใช้ในทุกแห่ง และบนความมุ่งมั่นที่จะให้มีการใช้งานเทคโนโลยี AI เป็นวงกว้าง ไม่ผูกขาดอยู่เพียงในกลุ่มของคนเพียงไม่กี่คน ผู้คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงได้ เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ บริษัท AI แห่งใหม่จะมีการมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มข้อมูลประจำตัวสำหรับ Abu Dhabi และครอบคลุม UAE โดยยึดระบบ AI เป็นหลัก และการดำเนินการเช่นนี้ ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงยุคแห่งความก้าวล้ำแห่งคลังความรู้ของประเทศ

H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง กล่าวว่า "ใน UAE การทำงานร่วมกันเป็นมากกว่าเพียงการปฏิบัติ แต่เป็นการฝังรากลึกอยู่ใน DNA ของทุกคน โมเดล Falcon generative AI ของเราซึ่งเป็นหัวใจของ AI71 ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับนักพัฒนา บริษัท และประเทศ รวมทั้งยังให้อิสระแก่ทุกคนเพื่อสร้างตัวตนในข้อมูลของตัวเอง ด้วยความสามารถในการเข้าถึงชุดข้อมูลแบบรวมศูนย์ของ UAE การนำโมเดล AI ของไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ภายในภาคส่วนต่างๆ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในแผนงาน AI71 ของเรา ในระหว่างที่เราดำเนินการสำรวจเส้นทางแห่งนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างโมเดล Falcon AI แบบโอเพ่นซอร์สด้วยในคราวเดียวกัน เพราะการสร้างสรรค์แหล่งทรัพยากรข้อมูลแบบกระจายศูนย์เหล่านี้เท่านั้นจะที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมทั้งหมดอย่างแท้จริง”

ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ล้ำสมัยรายการของ AI71 จะมุ่งเน้นที่ภาคส่วนการแพทย์ และปรับเปลี่ยนความสามารถในการวินิจฉัยและการตัดสินใจ ซึ่งจะเพิ่มระดับความแม่นยำและลดเวลาที่ใช้สำหรับผู้ป่วยแต่ละรายได้เป็นอย่างมาก

ภาคส่วนการศึกษาและกฎหมายก็ได้รับประโยชน์จากบูรณาการและการปรับแต่ง AI นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะสร้างผลประโยชน์เพิ่มขึ้นแก่แต่ละโดเมน และนำไปสู่โซลูชันใหม่เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสังคม

AI71 มีการร่วมมือกันกับพันธมิตรเจ็ดรายทั่วทั้งระบบนิเวศ รวมถึง Department of Government Enablement – Abu Dhabi ซึ่งมีการรวมศูนย์หน่วยงานภาครัฐกว่า 30 แห่งผ่านการแปลงเป็นดิจิทัล, Office of Artificial Intelligence, Digital Economy และ Remote Work Applications เพื่อรองรับการใช้งานในวงกว้าง, World Wide Technology เพื่อร่วมพัฒนาโซลูชัน AI ในสถานที่แบบบูรณาการ, CNTXT เพื่อให้บริการติดฉลากข้อมูลและแสดงคำอธิบายประกอบ, Hub71 เพื่อดึงดูดและขยายขนาดสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและ AI, PwC Middle East เพื่อดูแลกรณีการใช้งานของลูกค้า, และ AWS เพื่อจัดหาความจุของพลังงานเพื่อการประมวลผล

เนื่องจาก AI มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตและการทำงานของเราในอนาคตอันใกล้ บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จึงมองหาข้อเสนอใหม่ๆ สำหรับองค์กรต่างๆ ตามความต้องการของอุตสาหกรรม และอำนวยความสะดวกในการขยายการใช้งาน AI ในวงกว้างทั่วทุกแห่ง AI71 นำเสนอโอกาสในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนระบบนิเวศที่เน้น AI เป็นอันดับแรกใน UAE และประเทศอื่นๆ

เนื่องจาก AI71 สร้างผลกระทบทั่วทั้งองค์กร อุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐ VentureOne จึงจะมีการนำเสนอความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากภาคส่วนต่างๆ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53862674/en

*แหล่งข้อมูล: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan, Senior Director of Communications
jennifer.dewan@tii.ae.

แหล่งข้อมูล: Advanced Technology Research Council

Powered by Business Wire


Kirin iMUSE Immune Care และ Healthya Visceral Fat Down จะวางจำหน่ายในวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน!

Logo

ผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชันแบบดูอัลแคร์พิเศษจาก iMUSE ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลภูมิคุ้มกันของเรา และ Healthya ที่เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลไขมันในช่องท้อง

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–27 พฤศจิกายน 2023

Kirin Holdings Company, Limited (TOKYO:2503) จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฟังก์ชันแบบดูอัลแคร์ในชื่อผลิตภัณฑ์ Kirin iMUSE Immuno-Care และ Healthya Visceral Fat Down ในวันที่ 28 พฤศจิกายน (วันอังคาร) ผลิตภัณฑ์นี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Kirin iMUSE แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลภูมิคุ้มกันแห่งแรก*1 ของญี่ปุ่น และ Kao Healthya แบรนด์เครื่องดื่มดูแลไขมันภายในร่างกายแบรนด์แรก*1 ของญี่ปุ่นจาก Kao Corporation (TOKYO:4452) และจะวางจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วประเทศและผ่านการสั่งซื้อทางไปรษณีย์ Kirin Kyowa Hakko Bio

Figure 1: Area of health concern (Graphic: Business Wire)

รูปที่ 1: ประเด็นปัญหาด้านสุขภาพ (กราฟิก: Business Wire)

ในวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม Kao จะวางจำหน่าย “Healthya Green Tea Plus Immunity Care” ในจำนวนจำกัดในร้านขายยาที่กำหนด

*1

Kirin iMUSE เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลภูมิคุ้มกันแบรนด์แรกของญี่ปุ่นในด้านอาหารฟังก์ชัน (อ้างอิงจากงานวิจัยของเราผ่านการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับอาหารฟังก์ชันที่ได้รับการจดทะเบียน)

Kao Healthya คือแบรนด์ชาเขียวดูแลไขมันภายในร่างกายแบรนด์แรกของญี่ปุ่นในหมวดอาหารจำเพาะเพื่อสุขภาพ (ได้รับการอนุมัติให้ติดฉลากว่าเป็นหมวดอาหารจำเพาะเพื่อสุขภาพซึ่งมีสารคาเทชินในชาจากการวิจัยของ Kao)

ความพยายามของทั้งสองบริษัทในการรับมือกับปัญหาด้านสุขภาพ

[งานวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาของ Kirin]

ภูมิคุ้มกันคือระบบป้องกันของร่างกายที่ต่อสู้กับศัตรูภายนอกเพื่อรักษาสุขภาพและสามารถเรียกได้ว่าเป็น “รากฐานของสุขภาพ” แม้ว่าระบบภูมิคุ้มกันที่ล้มเหลวอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ ภูมิคุ้มกันเป็นเรื่องยากสำหรับแต่ละคนที่จะเฝ้าติดตาม ดังนั้นความล่าช้าในการรับมือกับปัญหานี้จึงเป็นปัญหาสังคมที่สำคัญ (รูปที่ 1)

ในระยะเวลากว่า 35 ปีของการวิจัยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน Kirin ได้ค้นพบ “พลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus lactis” เป็นครั้งแรกในโลก*2 โดยออกฤทธิ์โดยตรงกับเซลล์ Plasmacytoid Dendritic (pDCs) ซึ่งเป็นศูนย์กลางภูมิคุ้มกัน ด้วยการรวบรวมผลการวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis ทำให้แบรนด์ “iMUSE” กลายเป็นแบรนด์แรกในญี่ปุ่น*3 ที่ได้รับการยอมรับให้จดแจ้งต่อหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในปี 2020 ว่าเป็นอาหารที่อ้างอิงสรรพคุณด้านการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

เรากำลังพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชันที่หลากหลายซึ่งอ้างอิงสรรพคุณเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าแก้ไขปัญหาสุขภาพ ด้วยการเปิดตัวอาหารเสริมตัวนี้และ "Healthya Green Tea Plus Immuno-Care" ทำให้จำนวนบริษัทพาร์ทเนอร์และจำนวนอาหารที่มีการอ้างอิงสรรพคุณรวม 57 ผลิตภัณฑ์

*2

มีการรายงานถึงพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis ซึ่งออกฤทธิ์ต่อ pDCs ในมนุษย์เป็นครั้งแรกในโลก (ตามข้อมูลที่เผยแพร่ใน PubMed และเว็บไซต์ Japan Medical Abstracts Society)

*3

แบรนด์แรกในญี่ปุ่นที่ได้รับการรายงานต่อสาธารณะว่าเป็นอาหารที่มีการอ้างอิงสรรพคุณเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน

[งานวิจัยของ Kao เกี่ยวกับการเผาผลาญของไขมัน]

ไขมันเกิดการสะสมเนื่องจากความไม่สมดุลในการออกกำลังกาย รวมถึงพฤติกรรมการกินในแต่ละวันรวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสะสมของไขมันในช่องท้องถือเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญสำหรับชาวญี่ปุ่น และการปรับปรุงพฤติกรรมการกินและการสร้างพฤติกรรมการออกกำลังกายถือเป็นมาตรการที่จำเป็น

Kao ทำการวิจัยเกี่ยวกับการเผาผลาญไขมันในร่างกายและไขมันในช่องท้องมาเป็นเวลากว่า 30 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 โดยค้นพบว่าสารโพลีฟีนอล 2 ชนิด ได้แก่ สารคาเทชินในชาเขียวและกรดคลอโรจีนิกที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟต่างมีประสิทธิภาพในการลดไขมันในช่องท้อง Kao ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้สารคาเทชินจากชาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2003 บริษัทได้เปิดตัว “Healthya Green Tea” ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องดื่มดูแลไขมันในร่างกายแบรนด์แรกของญี่ปุ่น ให้เป็นอาหารจำเพาะเพื่อสุขภาพ (Tokuho) จากความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายได้ทุกวัน Kao ได้สนับสนุนการพัฒนาพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวัน รวมถึงพฤติกรรมการกิน บริษัทจึงมีส่วนช่วยรักษาสุขภาพของผู้คนเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีได้อย่างยืนยาว

ความเป็นมาของการพัฒนาร่วมกัน

ด้วยการรวมการวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาของ Kirin เข้ากับความรู้ของ Kao ในด้านการวิจัยการเผาผลาญไขมัน ทั้งสองบริษัทจึงตระหนักว่าสามารถมอบคุณค่าด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าได้ ดังนั้นในเดือนพฤศจิกายน 2022 ทั้งสองบริษัทจึงได้เข้าร่วมโครงการวิจัย “Wakayama Health Promotion Study” เพื่อเริ่มการวิจัยร่วมกันในด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและไขมันในช่องท้อง

“Kirin iMUSE Immunity Care และ Healthya Visceral Fat Down” ที่กำลังจะวางจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการร่วมโครงการวิจัย การร่วมมือกันของแบรนด์ชั้นนำของทั้งสองบริษัทนี้ จะทำให้เกิดการเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับไขมันในช่องท้องและภูมิคุ้มกันในวงกว้าง และจะนำไปสู่การเติบโตต่อไปของทั้งแบรนด์ Kirin iMUSE และแบรนด์ Healthya

คุณสมบัติของ Kirin iMUSE Immuno-Care และ Healthya Visceral Fat Down

  • แคปซูลหกแคปซูลประกอบด้วยพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus lactis นับแสนล้านตัว ซึ่งเป็นวัสดุที่เป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่มบริษัท Kirin และกรดคลอโรจีนิกจากเมล็ดกาแฟ 267 มก. ซึ่งช่วยลดไขมันในช่องท้อง
  • ทั้งการ “การดูแลภูมิคุ้มกัน” และ “การลดไขมันในช่องท้อง” นับเป็นอาหารสองฟังก์ชัน

อาหารที่อ้างอิงสรรพคุณ

[การติดฉลากแจ้งเตือน]

ผลิตภัณฑ์นี้มีพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis ซึ่งออกฤทธิ์กับ pDCs (เซลล์ Plasmacytoid Dendritic) และมีรายงานว่าสามารถช่วยรักษาการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในคนที่มีสุขภาพดีได้
ผลิตภัณฑ์นี้มีกรดคลอโรเจนิกจากเมล็ดกาแฟ ซึ่งมีรายงานว่าสามารถลดไขมันในช่องท้องในผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงได้

  • คุณควรรับประทานอาหารอย่างสมดุลซึ่งประกอบด้วยอาหารหลัก อาหารจานหลัก และเครื่องเคียง
  • ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล
  • ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัย รักษา หรือป้องกันโรค

พลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis คืออะไร

สายพันธุ์พลาสมา Lactococcus Lactis เป็นแบคทีเรียกรดแลคติกที่ช่วยรักษาภูมิคุ้มกันในคนที่มีสุขภาพดี มีรายงานทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นพลาสสายพันธุ์แรกที่ตรวจพบว่าทำงานบน pDCs (เซลล์ Plasmacytoid Dendritic) ซึ่งเป็นศูนย์กลางภูมิคุ้มกัน Kirin, Koiwai Nyugyo และ Kyowa Hakko Bio ได้ทำการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ และได้ตีพิมพ์บทความจำนวนมาก รวมถึงนำเสนอในการประชุมวิชาการด้วยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในญี่ปุ่นและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับรางวัลมามากมาย ซึ่งรวมถึงรางวัล National Commendation for Invention และ Imperial Invention ปี 2023 โดยเป็นการยกย่องการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ในฐานะอาหารมื้อแรกของญี่ปุ่นที่มีการอ้างอิงสรรพคุณและได้รับการยืนยันว่าประสบความสำเร็จในการบ่งชี้ถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

กรดคลอโรจีนิกจากเมล็ดกาแฟคืออะไร

เมล็ดกาแฟมีสารโพลีฟีนอลหลายชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกรดคลอโรจีนิก ซึ่งมีรายงานว่าสามารถลดไขมันในช่องท้องในผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงได้ Kao ได้คัดเลือกกรดคลอโรจีนิกที่เป็นผลจากการวิจัยเกี่ยวกับการเผาผลาญไขมันมาเป็นเวลาประมาณ 30 ปี ซึ่งบริษัทได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยและการนำเสนอผลงานในการประชุมจำนวนมาก

1. ชื่อผลิตภัณฑ์

Kirin iMUSE Immuno-Care/Healthya Visceral Fat Down

2. ปริมาตรยา

(1) รับประทานสำหรับ 7 วัน (42 แคปซูล) (2) รับประทานสำหรับ 15 วัน (90 แคปซูล) *วันละ 6 แคปซูล

3. แหล่งจำหน่าย

1) ร้านขายยาทั่วประเทศ

2) การสั่งซื้อทางไปรษณีย์ Kirin Kyowa Hakko Bio

(https://kirin-kyowahakko-bio.kirin.co.jp/)

(โทร: 0120-80-7733, แฟกซ์: 0120-80-2227)

4. วันที่เผยแพร่

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2023

5. ราคา (ราคาขายปลีกที่แนะนำไม่รวมภาษีเพื่อการบริโภค) 

(1) รับประทานสำหรับ 7 วัน: 1,780 เยน (2) รับประทานสำหรับ 15 วัน: 3,685 เยน

6. จำหน่ายโดย

Kirin Holdings Company, Limited

7. เลขที่จดแจ้ง

I208

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ดำเนินงานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) อุตสาหกรรมเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานบริษัทมาจาก Japan Brewery ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยใช้การหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชภัณฑ์ในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ถูกก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งเต็มรูปแบบ และในปัจจุบันได้มุ่งเน้นไปที่การขยายอุตสาหกรรมสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้  Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในมูลค่าองค์กร
* การสร้างคุณค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/53862598/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Kirin Holdings Company, Limited

Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku โตเกียว
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

ฝ่ายประชาสัมพันธ์องค์กร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, โตเกียว
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งที่มา: Kirin Holdings Company, Limited



การค้นพบครั้งแรกของญี่ปุ่น*1 เกี่ยวกับการทำงานของไขมันในอวัยวะภายในและภูมิคุ้มกันในการวิจัยร่วมกันของ Kirin Holdings และ Kao

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–27 พฤศจิกายน 2023

Kirin Holdings Company, Limited (TOKYO:2503) และ Kao Corporation (TOKYO:4452) จะเข้าร่วมในการศึกษาเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama ซึ่งเป็นการศึกษาตามรุ่น*2 ซึ่งนำโดย Wakayama Medical University และจัดขึ้นโดย Health Promotion Research Center (HPRC) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Kao และ Kirin Holdings ทำการศึกษาร่วมกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2022 เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในกับการทำงานของเซลล์พลาสมาไซตอยด์เดนไตรติก (pDC*3)*4 ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการสร้างภูมิคุ้มกัน

Joint Research Results (Summary) (Graphic: Business Wire)

ผลการวิจัยร่วม (สรุป) (กราฟิก: Business Wire)

ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการมุ่งเน้นความสนใจไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีรายงานว่า โรคอ้วนทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงมากขึ้น*5 การศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรกในญี่ปุ่น*1 เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของคุ้มภูมิกัน และยืนยันว่าระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงมีความสัมพันธ์กับการทำงานของ pDC ที่ต่ำ (การทำงานของภูมิคุ้มกันต่ำ) และระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่ การค้นพบนี้ยังไม่มีการรายงานในเอกสารใดๆ ในโลก*6 จะมีการแสดงผลลัพธ์ในการประชุมประจำปีครั้งที่ 44 ของสมาคมญี่ปุ่นเพื่อการศึกษาเรื่องโรคอ้วน และการประชุมประจำปีครั้งที่ 41 ของสมาคมญี่ปุ่นเพื่อการรักษาโรคอ้วน ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในจังหวัดมิยางิ ในวันที่ 25 (เสาร์) และ 26 (อาทิตย์) เดือนพฤศจิกายน ปี 2023

*1 อ้างอิงจากบทความและข้อมูลบทคัดย่อที่ตีพิมพ์ใน Pubmed และ Journal of Health Care and Society Web (ณ วันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ตามข้อมูลจาก KnowledgeWire)
*2 หนึ่งในวิธีการวิจัยเชิงสังเกตทางระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ โดยการสร้างกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเฉพาะของโรคและกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้อง และการคำนวณอัตราอุบัติการณ์ของโรคเป้าหมายภายในแต่ละกลุ่ม ช่วยให้สามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยของโรคและการระบาดได้
*3 เซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมเมื่อมีแบคทีเรียหรือไวรัสเข้าสู่ร่างกาย การทำให้ pDC ทำงานจะช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันต่างๆ เช่น เซลล์ NK ทีเซลล์ และบีเซลล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส
*4 เปอร์เซ็นต์ของ pDC ที่สร้างปัจจัยต้านไวรัสตามการกระตุ้นที่เลียนแบบการติดเชื้อไวรัส
*5 Ghilotti F et al. J Epidemiol. 2019; 48(6): 1783-1794
Popkin BM et al. Obes Rev. 2020; 21(11): e13128
*6 อ้างอิงจากข้อมูลบทความที่ตีพิมพ์ใน Pubmed และ Journal of Health Care and Society Web (ณ วันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ตามข้อมูลจาก KnowledgeWire)

ผลลัพธ์การวิจัยร่วม (บทสรุป)

การค้นพบครั้งแรกของญี่ปุ่น*1
(1) มีการค้นพบว่า การทำงานของ pDC จะลดลงในบุคคลที่มีไขมันในอวัยวะภายในสูง
(2) มีเปอร์เซ็นต์สูงที่ผู้มีไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่และไข้หวัดใหญ่ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีไขมันในอวัยวะภายในสูง

ผลกระทบที่ได้รับ
ขอแนะนำว่า การรักษามวลไขมันในอวัยวะภายในต่ำและการทำงานของ pDC สูงนั้น มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่

ผลการวิจัยร่วม

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์

มีการระบุโรคอ้วนโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่า เป็น “ภาวะที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการสะสมไขมันที่ผิดปกติหรือมากเกินไป” และมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดโรคเรื้อรัง มีการศึกษาผลกระทบจากโรคอ้วนที่มีต่อสุขภาพในหลายประเทศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิคุ้มกันได้รับความสนใจ เนื่องจากมีการรายงานว่า โรคอ้วนนำไปสู่การติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงยิ่งขึ้น*7

การวิจัยนี้จัดทำขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama โดยมีการตั้งเป้าไปที่ผู้อยู่อาศัยใน Wakayama มาตั้งแต่ปี 2011 Kao ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยเรื่องโรคอ้วนจากไขมันในอวัยวะภายใน ซึ่งถือว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับโรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต และ Kirin Holdings ซึ่งมีการวิจัยในสาขาภูมิคุ้มกันวิทยามานานกว่า 35 ปี ได้ร่วมมือกันเพื่อชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC
*7 Pranata R et al. Clin Nutr ESPEN. 2021; 43: 163-168

การศึกษาเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama คืออะไร

นี่เป็นการศึกษาตามรุ่นที่นำโดย Wakayama Medical University ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการร่วมกับ HPRC เพื่อระบุปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของโรคต่างๆ ในหมู่ประชากรที่อาศัยอยู่ใน Wakayama

ในปัจจุบัน มีการวิจัยที่ดำเนินการในโครงการเกี่ยวกับวิถีชีวิต โรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต และมวลกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดการค้นพบมากมาย รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและการพัฒนาของหลอดเลือด และความสัมพันธ์ระหว่างประวัติในการหกล้อมและการทำงานด้านกายภาพโดยสมัครใจ นี่เป็นครั้งแรกที่โครงการทำการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

Kirin Holdings และ Kao ดำเนินงานร่วมกันเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างมวลไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ในการศึกษาการส่งเสริมสุขภาพใน Wakayama เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคในอนาคต

วิธีการวิจัย

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 มีการจัดการตรวจสุขภาพเฉพาะสำหรับ Wakayama ที่มีผู้อยู่อาศัย 223 คน ช่วงอายุ 50–55 ปี จากการดำเนินการนี้ ช่วยให้ Kao ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมตามวิถีชีวิตและบริเวณไขมันในอวัยวะภายใน ในขณะที่ Kirin มีการวัดข้อมูลจากการทำงานของ pDC ในเลือด จะมีการแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ระหว่างทั้งสองทีม และมีการศึกษาและวิเคราะห์ร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC มีการแบ่งกลุ่มที่ศึกษาออกเป็นดังนี้

บริเวณไขมันในอวัยวะภายใน: จากค่ามัธยฐานที่ 77 ซม.2 สำหรับค่าทั้งหมด จะมีการกำหนดให้ระดับไขมันในอวัยวะภายในที่น้อยกว่า 77 ซม.2 ให้เป็นกลุ่มไขมันในอวัยวะภายในต่ำ และกลุ่มที่มีระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงกว่า 77 ซม.2 จะถือว่าเป็นกลุ่มไขมันในอวัยวะภายในสูง

การทำงานของ pDC: ขึ้นอยู่กับค่ามัธยฐานที่ 9.52% สำหรับค่าทั้งหมด จะมีการกำหนดให้กลุ่มที่มีการทำงานของ pDC อยู่ที่ 9.52% หรือน้อยกว่าเป็นกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC ต่ำ และกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC อยู่ที่ 9.52% หรือสูงกว่าเป็นกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC สูง

ผลลัพธ์

ผลลัพธ์ที่ 1: ความสัมพันธ์ระหว่างบริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC
กลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงจะมีการทำงานของ pDC ต่ำกว่ากลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในต่ำอย่างมีนัยสำคัญ (ภาพที่ 1)

ผลลัพธ์ที่ 2: ผลกระทบของบริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ต่อการติดโรคติดเชื้อ
กลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงมีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีค่าต่ำ โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 7 เท่า*8 ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่มีการทำงานของ pDC ต่ำมีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีการทำงานของ pDC สูง โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 5 เท่า (ภาพที่ 2)

ยังมีการแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็นสี่กลุ่ม เพื่อยืนยันผลเสริมฤทธิ์สำหรับบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงหรือต่ำ และการทำงานของ pDC และพบว่า กลุ่มที่มีบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำ มีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อไวรัสโคโรนนาสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีบริเวณไขมันอวัยวะภายในต่ำและการทำงานของ pDC สูง โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 20 เท่า และมีการตรวจพบผลลัพธ์เช่นเดียวกันสำหรับไข้หวัดใหญ่ (ภาพที่ 3)
*8 อัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นเป็นค่าที่ใช้เพื่อแสดงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น อัตราส่วนโอกาสที่จะเหิดขึ้นและความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นมีความสัมพันธ์เชิงบวก

ผลการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน

นับเป็นครั้งแรกในโลกที่การทำงานร่วมกันนี้ มีการวิจัยพบว่า ผู้ที่มีระดับบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงมีการทำงานของ pDC ต่ำ นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำว่า บริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ตามลำดับ ส่งผลต่อความไวในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่ และผู้ที่มีบริเวณไขมันอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำ จะมีความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้เป็นพิเศษ

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำเพื่อการจัดการมวลไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระดับโลกที่ดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery ได้เปลี่ยนเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจเกี่ยวกับการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในปี 1980 โดยยังคงเป็นศูนย์กลางระดับโลกที่ยังคงเติบโตอยู่ ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้ง และปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตภาคส่วนวิทยาสาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการบริหารระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV*9 เพื่อสร้างมูลค่าในโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงภาคส่วนเภสัชกรรม นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในคุณค่าขององค์กร
*9 การสร้างคุณค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

เกี่ยวกับ Kao Corporation

Kao สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งนำเสนอการดูแลและเติมเต็มให้กับชีวิตของผู้คนทั้งหมดและโลกใบนี้ Kao เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนในเอเชีย โอเชียเนีย อเมริกาเหนือ และยุโรป ผ่านผลงานของแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 แบรนด์ เช่น Attack, Bioré, Goldwell, Jergens, John Frieda, Kanebo, Laurier, Merries, และ Molton Brown เมื่อมีการรวมเข้ากับธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีส่วนช่วยในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย Kao สร้างรายได้ประมาณ 1,420 พันล้านเยนจากยอดขายต่อปี Kao มีพนักงานประมาณ 33,500 คนทั่วโลก และมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 135 ปีในด้านนวัตกรรม โปรดเข้าชมข้อมูลที่อัปเดตในเว็บไซต์ของ Kao Group https://www.kao.com/global/en/

Kao มีการก่อตั้งกลยุทธ์ ESG คือ Kirei Lifestyle Plan ในเดือนเมษายน ปี 2019 ตั้งแต่ปี 2021 Kao มีการส่งเสริมแผนระยะกลางตาม “การปกป้องขีวิตในอนาคต” และส่งเสริม “ความยั่งยืนเป็นหลัก” เป็นวิสัยทัศน์ Kao จะยังคงบูรณาการมุมมอง ESG เข้ากับการบริหารจัดการบริษัท โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจและจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภคและสังคม และทำงานตามจุดประสงค์ “เพื่อสร้างโลก Kirei เพื่อทุกชีวิตสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53862302/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Corporate PR, Corporate Strategy
Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, Tokyo
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited




AstraZeneca เปิดตัว Evinova ธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมในภาคส่วนวิทยาศาสตร์ชีวภาพ การนำเสนอการทดลองทางคลินิก และผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น

Logo

Evinova จะดำเนินการธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพแยกต่างหากภายใต้ AstraZeneca

โซลูชันสุขภาพดิจิตัลระดับโลกของ Evinova ขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์ของมนุษย์และอิงหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อให้บริการผู้สนับสนุนการทดลองทางคลินิก องค์กรวิจัยทางคลินิก (CROs) ทีมงานดูแลสถานีทดลองทางคลินิก และผู้ป่วย

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งแรกกับ CROs Parexel และ Fortrea ชั้นนำระดับโลก ช่วยให้สามารถนำเสนอโซลูชันสุขภาพดิจิทัลของ Evinova แก่ฐานลูกค้าในวงกว้างขึ้น

WILMINGTON, Del.–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2023

AstraZeneca เปิดตัว Evinova วันนี้ โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันสุขภาพดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ หน่วยงานกำกับดูแล และผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการสนับสนุนระยะยาวจาก AstraZeneca และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Parexel และ Fortrea ช่วยให้ Evinova สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลระดับโลกแก่ภาคส่วนวิทยาศาสตร์ชีวภาพและการดูแลสุขภาพ

Evinova จะให้ความสำคัญกับการนำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นที่ยอมรับในตลาด ซึ่ง AstraZeneca มีการใช้อยู่แล้วทั่วโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบและนำเสนอการทดลองทางคลินิก โดยจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการพัฒนายาใหม่ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลได้ใกล้ขึ้น และลดภาระด้านระบบการดูแลสุขภาพ Evinova ยังแสวงหาโอกาสในการติดตามผู้ป่วยจากระยะยาวแบบดิจิทัลและการบำบัดรักษาแบบดิจิทัลด้วยเช่นกันด้วยนวัตกรรมระบบดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้

ด้วยประสบการณ์ที่มีมายาวนานของ AstraZeneca ในการพัฒนาการบำบัดรักษาโรคใหม่ๆ และด้วยข้อมูลเชิงลึกจากผู้ป่วยและนักวิจัยทางคลินิกนับพันราย ช่วยให้ Evinova สามารถจัดหาโซลูชันเทคโนโลยีที่เป็นที่ยอมรับสำหรับเภสัชภัณฑ์ เทคโนโลยีชีวภาพ และ CRO เพื่อรองรับงานวิจัยทางคลินิกทั่วโลก และมีการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการนำเสนอการทดลองทางคลินิกต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก AstraZeneca ในกว่า 40 ประเทศ

Pascal Soriot ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ AstraZeneca กล่าวว่า: “เราสามารถเร่งการพัฒนายาในอนาคตให้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้นได้ด้วยโซลูชันดิจิทัล เราเชื่อมั่นว่า การผสมผสานความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลบันทึกของ Evinova ในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใช้ AI ในวงกว้าง มอบโอกาสที่แท้จริงในการปรับปรุงการดูแลผู้ป่วยขั้นพื้นฐาน ขับเคลื่อนการปรับแปลงด้านการดูแลสุขภาพ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน”

Cristina Duran ประธานของ Evinova กล่าวว่า: “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำเสนอผลงานโซลูชันดิจิทัลระดับโลกที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนายาของ AstraZeneca สู่ชุมชนวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตในวงกว้าง เราเชื่อมั่นว่า ผลงานนี้จะช่วยขับเคลื่อนภาคส่วนนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าสำหรับสุขภาพดิจิทัล ดังที่เราทราบกันดีว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและหน่วยงานกำกับดูแลต้องการโซลูชันดิจิทัลที่ใช้ได้กับเภสัชภัณฑ์และให้การสนับสนุนผู้ป่วยในวงกว้าง จากภายในภาคส่วนนี้ และด้วยประสบการณ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว Evinova เป็นบริษัทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการนำเสนอโซลูชันที่อิงตามผลทางวิทยาศาสตร์ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ และขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์ของมนุษย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงประสบการณ์และผลัพธ์ของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น”

CROs Parexel และ Fortrea ชั้นนำระดับโลกได้ทำข้อตกลงเพื่อนำเสนอโซลูชันสุขภาพดิจิทัลของ Evinovaข สำหรับฐานลูกค้าในวงกว้าง เพื่อให้มีการยอมรับในอุตสาหกรรมที่ดียิ่งขึ้น มีความยั่งยืน และขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ดิจิทัลได้ทั่วโลก Evinova จึงร่วมมือกับ Accenture และ Amazon Web Services

Evinova จะผสานรวมประสบการณ์ทางเทคนิคและการกำกับดูแลจาก AstraZeneca เข้ากับความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในกลยุทธ์และการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล วิทยาศาสตร์เชิงข้อมูลและ AI การออกแบบประสบการณ์ของลูกค้าและวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรม นอกเหนือจากโซลูชันดิจิทัล Evinova จะนำเสนอโซลูชันเชิงวิทยาศาสตร์ที่กำหนดได้เอง รวมถึงการติดตามผู้ป่วยจากระยะไกลและโซลูชันพื้นฐาน รวมถึงการออกแบบการทดลองและบริการให้คำปรึกษา

หมายเหตุ

ผลิตภัณฑ์และโซลูชันของ Evinova

Evinova ร่วมสร้างสรรค์ชุดการพัฒนายา Evinova ร่วมกับผู้ป่วย โดยเป็นชุดโซลูชันดิจิทัลที่สร้างประโยชน์ให้กับผู้เข้าร่วมทุกคน ทั้งผู้ป่วย ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และนักวิจัย โดยชุดจะประกอบด้วย:

โซลูชันการทดลองแบบครบวงจรของ Evinova: โซลูชันระดับโลกที่ได้รับการตรวจสอบแบบ GxP สำหรับผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ในสถานที่ทดลองทางคลินิก และสปอนเซอร์การทดลองทางคลินิก เพื่อปรับปรุงการนำเสนอการทดลองทางคลินิก เพื่อปรับปรุงการนำเสนอการทดลองทางคลินิก ช่วยให้สามารถนำเสนอการทดลองทางคลินิกแบบดั้งเดิม แบบผสมผสาน และแบบกระจายศูนย์ พร้อมยกระดับประสบการณ์ของผู้ป่วย โซลูชันการทดลองแบบรวมศูนย์รองรับการรวบรวมข้อมูลปลายทางหลักและรองโดยตรง รวมถึงอุปกรณ์ปลายทางที่เปิดใช้งานดิจิทัลแบบใหม่ และอุปกรณ์ทางการแพทย์และเซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อทั้งสถานีทดลองและที่บ้านของผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังรองรับบริการเยี่ยมเยือนเสมือนจริง เช่น การส่งยาถึงผู้ป่วยโดยตรง การดูแลสุขภาพจากระยะไกล การติดตามผู้ป่วยจากระยะไกล และการติดตามตัวอย่างทางชีวภาพของมนุษย์ การโต้ตอบกับผู้ป่วยสามารถทำได้ผ่านแอปที่ใช้งานง่ายและมีส่วนร่วม โดยให้บริการในกว่า 40 ประเทศ และ 80 ภาษา การโต้ตอบกับไซต์งานสามารถทำได้ผ่านพอร์ทัลการลงชื่อเข้าใช้ระบบเพียงครั้งเดียว

การออกแบบและการวางแผนการศึกษาของ Evinova: ใช้ AI และอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อช่วยทีมในการพัฒนาทางคลินิก และปฏิบัติการออกแบบการศึกษาที่เหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาตัวแปรในการออกแบบที่สำคัญ ทีมงานสามาถออกแบบการศึกษา รับการคิดต้นทุนอัตโนมัติ และประเมินความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน โดยอิงตามข้อมูลจริงจากตัวบ่งชี้ในระดับประเทศและระดับไซต์งาน สามารถดูข้อมูลในอดีตและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้ โมดูลนี้ยังมีแบบจำลองเพื่อประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของการศึกษา และผลกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ป่วย ทีมงานสามารถนำเสนอการตัดสินใจผ่านการทำงานร่วมกันและความสามารถในการเปรียบเทียบสถานกรณ์

การจัดการพอร์ตโฟลิโอของ Evinova: รองรับโปรแกรมทางคลินิกและการจัดการการทดลอง การรายงานและการกำกับดูแล ผ่านข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ที่โปร่งใส และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ โดยแสดงภาพรวมที่สมบูรณ์ของพอร์ตโฟลิโอในทุกระยะ และช่วยให้สามารถติดตามโปรแกรมทางคลินิกและการทดลองในระดับโลก ภูมิภาค ประเทศ และไซต์งาน ใช้อัลกอริทึมการคาดการณ์เพื่อกำหนดเหตุการณ์สำคัญในอนาคต ช่วยให้ผู้นำการศึกษาสามารถเข้าใจความแตกต่างกันจากแผนการและรองรับการแทรกแซงที่เหมาะสม

สุขภาพดิจิทัล

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสุขภาพดิจิทัลถือเป็นการแก้ไขปัญหาในการลดต้นทุนด้านการรักษาพยาบาล ขณะเดียวกัน ก็ช่วยในการปรับปรุงประสบการณ์และผลลัพธ์ของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เริ่มจากประมาณ 6%ของ GDP ในปี 2006-10 ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขและการดูแลในระยะยาวรวมกันสำหรับประเทศ OECD คาดว่าจะสูงถึงอย่างน้อย 9.5% ในปี 2060 ในประเทศ BRIICS อัตราส่วนการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยอยู่ที่ประมาณ 10% ของ GDP ภายในปี 2060 เว้นแต่จะมีการนำนโยบายการควบคุมต้นทุนมาใช้1 จากข้อมูลการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพในปี 2018 McKinsey ประเมินว่าการแทรกแซงด้านสุขภาพดิจิทัลเพียงรายการเดียวมีศักยภาพที่จะช่วยรักษาระบบการดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกาได้เกือบ 500 พันล้านเหรียญสหรัฐ หากมีการนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ2

สุขภาพดิจิทัลเป็นตลาดที่ใหญ่ (+900 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2032) และกำลังเติบโต (13.6% CAGR 2022-2032) ตลาดสำหรับการดูแลสุขภาพดิจิทัล R&D และการดูแลพร้อมการติดตามผลผู้ป่วยจากระยะไกล รวมกันคิดเป็นประมาณ 60% ของตลาดสุขภาพดิจิทัลโดยรวม3 ส่วนที่เหลืออีก 40% ประกอบด้วยการตรวจคัดกรองและการวินิจฉัย สุขภาพและการป้องกันการเกิดโรค การจัดหาวิธีการรักษา และร้านขายยาดิจิทัล

เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพดิจิทัลและการวิจัยทางคลินิก

ส่วนสำคัญของต้นทุนและเวลาของกระบวนการพัฒนายาอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก มากกว่าเพียงการออกแบบระดับโมเลกุล อย่างไรก็ตาม ส่วนสำคัญเหล่านี้มีความสำคัญต่อกระบวนการพัฒนาและอนุมัติยาก และมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงยาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้ การศึกษาประเมินว่า ขณะนี้มีค่าใช้จ่ายในการนำยาใหม่ออกสู่ตลาดสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ4 และจากการศึกษางานวิจัยระยะเวลาเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มต้นการทดสอบทางคลินิกจนถึงการอนุมัติอยู่ที่ 7.1 ปี5 เกือบ 80% ของการทดลองทางคลินิกทั่วทั้งอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถดำเนินการตามเวลาในการรับสมัคร6 และมีเพียง 3-5% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เข้าเกณฑ์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าร่วมการทดลองทางคลินิก7 กลุ่มต่างๆ รวมถึงกลุ่มเชื้อชาติและชาติพันธุ์ ผู้หญิง และประชากรอื่นๆ มีบทบาทน้อยในการทดลองทางคลินิก8

บทความล่าสุดของ AstraZeneca ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine จากผู้เขียน Cristina Duran แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีสุขภาพดิจิทัลทางคลินิกมาเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้นด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้นและลดต้นทุนลง9

AstraZeneca

AstraZeneca เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ โดยมุ่งเน้นที่การค้นพบ การพัฒนา และการจำหน่ายยาตามใบสั่งโดยแพทย์ในด้านเนื้องอกวิทยา โรคหายาก และเภสัชภัณฑ์ชีวภาพ รวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือด ไตและระบบเผาผลาญ และระบบทางเดินหายใจและวิทยาภูมิคุ้มกัน AstraZeneca มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร มีการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ใช้ยาซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของบริษัท โปรดเข้าเยี่ยมชม astrazeneca.com และติดตามบริษัทได้บนโซเชียลมีเดีย @AstraZeneca

Evinova

Evinova เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพที่นำเสนอผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยการขับเคลื่อนภาควิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้าในส่วนสุขภาพดิจิทัลจากภายใน โดยการประยุกต์ใช้ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ หลักฐานเชิงประจักษ์ และข้อมูลเชิงลึกตามประสบการณ์ของมนุษย์ โซลูชันดิจิทัลของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นร่วมกัน Evinova เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพภายใน AstraZeneca Group

ติดต่อ

สามารถดูรายละเอียดวิธีการติดต่อทีมงานนักลงทุนสัมพันธ์ได้ ที่นี่ หากต้องการติดต่อสำหรับสื่อ โปรดคลิก ที่นี่

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. OECD. What future for health spending? Available at: https://www.oecd.org/economy/health-spending.pdf ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  2. McKinsey & Company. Healthtech in the fast lane: What is fueling investor excitement? Available at: https://www.mckinsey.com/industries/life-sciences/our-insights/healthtech-in-the-fast-lane-what-is-fueling-investor-excitement ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  3. Precedence Research​. Digital Health Market (By Component: Software, Hardware, and Services; By Technology: Telehealthcare [Telehealth and Telecare], mHealth [Apps and Wearables], Digital Health Systems [E-prescribing Systems and Electronic Health Records], and Health Analytics) – Global Market Size, Trends Analysis, Segment Forecasts, Regional Outlook 2023 – 2032. Available at: https://www.precedenceresearch.com/digital-health-market ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  4. Deloitte. Deloitte pharma study: Drop-off in returns on R&D investments. Available at: https://www2.deloitte.com/ch/en/pages/press-releases/articles/deloitte-pharma-study-drop-off-in-returns-on-r-and-d-investments-sharp-decline-in-peak-sales-per-asset.html ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  5. Deloitte. Deloitte pharma study: Drop-off in returns on R&D investments. Available at: https://www2.deloitte.com/ch/en/pages/press-releases/articles/deloitte-pharma-study-drop-off-in-returns-on-r-and-d-investments-sharp-decline-in-peak-sales-per-asset.html ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  6. Clinical Trials Arena. Clinical trial delays: America’s patient recruitment dilemma. Available at: https://www.clinicaltrialsarena.com/features/featureclinical-trial-patient-recruitment/ ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  7. Baquet, C.R., Commiskey, P., Daniel Mullins, C., Mishra, S.I., Recruitment and participation in clinical trials: socio-demographic, rural/urban, and health care access predictors. Cancer Detect Prev. 2006;30(1):24-33. Available at: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3276312/ ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  8. Schwartz, A.L, Aslan, M., Morris, A.M., Halpern, S.D., Why diverse clinical trial participation matters. N Engl J Med 2023; 388:1252-1254. Available at: https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMp2215609#article_references ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  9. Durán, C.O., Bonam, M., Björk, E. et al. Implementation of digital health technology in clinical trials: the 6R framework. Nat Med (2023). Available at: https://doi.org/10.1038/s41591-023-02489-z ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023

ดูรายละเอียดแหล่งข้อมูลได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20231120504578/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Brendan McEvoy
1-302-885-2677

แหล่งข้อมูล: AstraZeneca

LTIMindtree ใช้ประโยชน์การบูรณาการ Low-Code ของ Boomi เพื่อเสริมสร้างการยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

Logo

บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระดับโลกใช้ประโยชน์จากฟังก์ชันการ drag-and-drop เพื่อรวมระบบและแปลงข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว

MUMBAI, India & CHESTERBROOK, Pa.–(BUSINESS WIRE)–21 พฤศจิกายน 2023

Boomi™ ผู้นำระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศในวันนี้ว่า LTIMindtree ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและโซลูชันดิจิทัลระดับโลก มีการผลักดันการตัดสินใจที่ใช้ข้อมูลเป็นแรงดันขับเคลื่อนหลัก โดยการเชื่อมต่อสถาปัตยกรรมไอทีที่หลากหลายแบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มการบูรณาการระดับชั้นนำของ Boomi ในฐานะบริการ (iPaaS)

LTIMindtree Leverages Boomi's Low-Code Integration To Strengthen Customer Centricity (Graphic: Business Wire)

LTIMindtree ใช้ประโยชน์การบูรณาการ Low-Code ของ Boomi เพื่อเสริมสร้างการยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (กราฟิก: Business Wire)

LTIMindtree เป็นพันธมิตรด้านการปรับแปลงทางดิจิทัลระดับโลกสำหรับองค์กรทั่วโลกกว่า 700 แห่งในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยการช่วยกำหนดรูปแบบธุรกิจใหม่ เร่งสร้างนวัตกรรม และเพิ่มการเติบโตสูงสุด LTIMindtree นำเสนอความเชี่ยวชาญด้านโดเมนและเทคโนโลยีแก่ลูกค้า โดยมีการดำเนินงานในกว่า 30 ประเทศ

เพื่อให้แน่ใจว่า พนักงานสามารถให้การสนับสนุนลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ LTIMindtree จำเป็นต้องเชื่อมต่อระบบที่หลากหลายและสนับสนุนรูปแบบการบูรณาการต่างๆ แบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถใช้งานข้อมูลได้อย่างเต็มที่จากระบบคลาวด์และสภาพแวดล้อมภายในองค์กร หลังจากผ่านการประเมินตัวเลือกต่างๆ อย่างละเอียด LTIMindtree ตัดสินใจเลือก Boomi ในการบูรณาการสถาปัตยกรรมด้านดิจิทัล ขจัดอุปสรรคในโฟลว์ข้อมูล และรับประกันการเข้าถึงข้อมูลในทันที

"เรามีการปรับปรุงคุณภาพของระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามระบบผ่าน แพลตฟอร์ม Boomi ซึ่งช่วยให้เราสามารถได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถใช้ในการดำเนินการและทันท่วงที นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Boomi ยังอำนวยความสะดวกระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ ซึ่งช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาได้เป็นอย่างมาก เราหวังว่า จะสามารถบรรลุความสำเร็จในการลดช่วงระยะเวลาการบูรณาการได้ถึง 60%” Rajesh Kumar R ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ (CIO) ของ LTIMindtree กล่าว

และยังกล่าวเสริมว่า "นอกจากนี้ iPaaS ของ Boomi ยังช่วยให้เราสามารถมีมุมมองข้อมูลของเราที่เป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น และผลักดันให้เราเป็นองค์กรที่ใช้ข้อมูลเป็นแรงดันขับเคลื่อนหลักอย่างแท้จริง มีการปรับปรุงรายงานข้อมูลทางธุรกิจและการตัดสินใจ พร้อมกันนี้ ก็ส่งเสริมศักยภาพทีมงานของเราในการให้บริการ และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในทุกจุด"

"ความคล่องตัวทางธุรกิจและประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้นั้นเป็นส่วนสำคัญสำหรับองค์กรต่างๆ เช่น LTIMindtree" Thomas Lai รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว "โดยการช่วยให้ทีมงานของ LTIMindtree สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถดำเนินงานอย่างมั่นใจบนพื้นฐานมุมมองข้อมูลลูกค้าแบบครบวงจร Boomi ช่วยให้บริษัทสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้อง สมบูรณ์ และนำไปใช้งานได้ โดยมุ่งเน้นความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และสามารถนำเสนอโซลูชันที่เหนือความคาดหมาย”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi มีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่งจากทุกที่ เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการบนระบบคลาวด์ในฐานะการบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟต์แวร์แบบบริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก Boomi มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการแพลตฟอร์มบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย – รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลนี้ของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานข้อมูล ในขณะเดียวกัน ก็มีการเชื่อมต่อใบสมัคร กระบวนการ และผู้คนเข้าด้วยกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘B’, และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทในเครือ หรือบริษัทสาขา สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53830636/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
Head of Media and Analyst Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi

ASOCIO Digital Summit 2023 ปูทางสู่ความร่วมมือทางดิจิทัลในอนาคต

Logo

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2023 

ASOCIO Digital Summit 2023 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปีที่เกาหลี เมื่อวันที่ 14 และ 15 พฤศจิกายน ปิดฉากความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

งานนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมในการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในยุคดิจิทัลทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย ผลของการประชุมสุดยอดครั้งนี้รวมไปถึงการเปิดตัว "Digital Asia Initiative" ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ครอบคลุมเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้ดิจิทัลในเอเชีย และการยกย่องและชมเชยบริษัทและสถาบันที่มีคุณูปการสำคัญด้านนวัตกรรมดิจิทัลในภูมิภาคนี้

ASOCIO Digital Summit เป็นองค์กรเอกชนที่ประกอบด้วยสมาคมไอทีจาก 24 ประเทศในเอเชียและโอเชียเนีย สมาพันธ์อุตสาหกรรมสารสนเทศเกาหลี (FKII) เป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรและเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของเกาหลี ประเทศสมาชิกต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน ASOCIO Digital Summit ซึ่งเป็นเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาคและการแลกเปลี่ยนความรู้ในภาคเทคโนโลยีดิจิทัล

งานในปีนี้จัดขึ้นในธีม "Digital Asia: Our Vision for Co-Prosperity" ได้ต้อนรับผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจากต่างประเทศที่มีผลงานทำลายสถิติกว่า 220 ราย เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์ นโยบาย ตลาด และเทคโนโลยีดิจิทัล

ในการประชุมสามัญทั่วไปเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ASOCIO ได้รับรองและประกาศ "Digital Asia Initiative" ซึ่งนำเสนอวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลทั่วภูมิภาคเอเชีย

โครงการริเริ่มนี้เป็นโครงการที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่เก็บรวบรวมโดย ASOCIO ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรที่เกี่ยวข้องกับไอทีจาก 24 ประเทศ ให้กับรัฐบาล ธุรกิจ และองค์กรระหว่างประเทศภายในภูมิภาคเอเชีย เพื่อเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจอันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีดิจิทัล โครงการมีจุดมุ่งหมายเพื่อร่วมมือกันจัดการกับความท้าทายที่มีร่วมกัน เช่น ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล ความปลอดภัย และการเชื่อมต่อ และเพื่อกำหนดระเบียบดิจิทัลใหม่โดยส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ และสร้างบรรทัดฐานดิจิทัลอันแข็งแกร่ง

Digital Asia Initiative ครอบคลุมหัวข้อสำคัญ 10 หัวข้อ ได้แก่ การกระจายความเท่าเทียมทางดิจิทัล การอำนวยความสะดวกในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในชีวิต การส่งเสริมการศึกษาด้านไอทีเพื่อการเติบโต การหมุนเวียนความสามารถของพนักงานด้านไอที การส่งเสริมบริการดิจิทัลข้ามพรมแดนที่ราบรื่น การยกระดับความปลอดภัยทางดิจิทัล การให้คุณค่ากับความเป็นส่วนตัว การสร้างบรรทัดฐานดิจิทัล การสร้างสังคมดิจิทัลที่ยั่งยืน และการเสริมสร้างความร่วมมือทางดิจิทัลในเอเชีย

บริษัทและองค์กรเกาหลี 8 แห่งได้รับการยกย่องในพิธีมอบรางวัล ASOCIO ICT Awards ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ผู้ชนะรางวัลจากเกาหลี ได้แก่ MarkAny, LG UPlus, สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมไอทีแห่งชาติ (National IT Industry Promotion Agency), Elice, Severance Hospital, WooKyoung Information Technology, SK Inc. และ Supercoder (ทีมที่สอง)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สมาพันธ์อุตสาหกรรมสารสนเทศเกาหลี
asocio@fkii.org

แหล่งข้อมูล: สมาพันธ์อุตสาหกรรมสารสนเทศเกาหลี

SMK ลงนามในข้อตกลงในการลงทุนและพันธมิตรธุรกิจกับ Canary Speech (US)

Logo

พร้อมสิทธิพิเศษทางการค้าและการจัดจำหน่ายสำหรับเทคโนโลยีการวิเคราะห์คำพูดสำหรับการติดตามโรคต่างๆ เช่น โรคสมองเสื่อม ในตลาดญี่ปุ่นและเอเชีย

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2023

SMK Corporation (โตเกียว: 6798) (https://www.smk.co.jp/) (ประธาน CEO และ COO: Yasumitsu Ikeda ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า SMK) มีการประกาศว่า บริษัทมีการลงนามในข้อตกลงในการลงทุนและพันธมิตรธุรกิจกับ Canary Speech, Inc. (https://canaryspeech.com/) (CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง: Henry O’Connell ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า Canary Speech) โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายขอบข่ายธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ โดยได้รับสิทธิพิเศษในประเทศญี่ปุ่นและเอเชียในการทำการค้าและจัดจำหน่ายอัลกอริทึมโดยใช้คำพูดเพื่อการวิเคราะห์โรคและสภาวะที่เกี่ยวข้องกับสมอง โดยใช้เทคโนโลยี Canary Speech

ความเป็นมาของการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ

SMK และ Canary Speech มีการร่วมมือกันกับ National Cerebral and Cardiovascular Center เพื่อพัฒนาอัลกอริทึมสำหรับการวิเคราะห์ MCI (ความบกพร่องทางสติปัญญาระดับเล็กน้อย) แนวโน้มภาวะซึมเศร้า และระดับความเหนื่อยล้า โดยการใช้ข้อมูลคำพูดภาษาญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2022 (*1) SMK วางแผนที่จะดำเนินการ PoC กับบริษัทประกันภัย โรงพยาบาล และบริษัทผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร เป็นต้น ก่อนเปิดให้บริการในญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2024

ภาวะสมองเสี่อมและภาวะซึมเศร้าเป็นปัญหาสังคมที่สำคัญในญี่ปุ่น ซึ่งมีประชากรสูงวัย รวมถึงในประเทศอื่นๆ ในเอเชียด้วยเช่นกัน และคาดว่าเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถตรวจพบโรคเหล่านี้ได้ง่ายแต่เนิ่นๆ จะมีศักยภาพที่ดีในอนาคต ด้วยการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจนี้ ช่วยให้ SMK สามารถกระชับความสัมพันธ์และการร่วมมือกันกับ Canary Speech และได้รับสิทธิพิเศษในการทำการค้าและการจัดจำหน่ายในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ในการทำงานร่วมกันกับ Canary Speech ทาง SMK มีแผนที่จะแปลอัลกอริทึ่มการวิเคราะห์ที่พัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่นให้สามารถใช้งานในประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เพื่อขยายธุรกิจ รวมถึงเพื่อการพัฒนาอัลกอริทึ่มใหม่ๆ โดย Canary Speech สำหรับโรคและภาวะอาการอื่นๆ

อีเว้นท์อื่นๆ ในอนาคต

  • ปรับใช้ PoC ที่หลากหลายโดยใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน หรือการเชื่อมโยง API
  • เปิดตัวบริการสำหรับอัลกอริทึ่มการวิเคราะห์ MCI แนวโน้มภาวะซึมเศร้า ระดับความเหนื่อยล้า ในประเทศญี่ปุ่น
  • เสริมสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาแบบจำลองภาษาท้องถิ่นในประเทศอื่นๆ แถบเอเชีย
  • เสริมสร้างพันธมิตรสำหรับการตลาดในประเทศอื่นๆ แถบเอเชีย
  • พัฒนาอัลกอริทึ่มสำหรับการวิเคราะห์โรคและภาวะอาการอื่นๆ

(*1) ข่าวประชาสัมพันธ์ในเดือนมีนาคม ปี 2022
https://www.smk.co.jp/news/press_release/2022/0308/

เกี่ยวกับ Canary Speech

สำนักงานใหญ่: Utah, U.S. ก่อตั้งขึ้นในปี 2015

Canary Speech ช่วยให้ผู้คนสามารถตรวจสอบสุขภาพของตนเองได้ด้วยวิธีการที่รวดเร็ว และแม่นยำผ่านเสียงได้ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีตัวชี้วัดทางชีวภาพของเสียงที่ปฏิวัติวงการซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรของ Canary Speech โดยสามารถบันทึกและประมวลผลคำพูดในการสนทนาได้ถึง 40 วินาทีเพื่อช่วยในการติดตามโรคที่เกิดขึ้นและความรุนแรงของโรคต่างๆ เช่น อาการซึมเศร้าและวิตกกังวล การดำเนินการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์แบบเรียลไทม์ โดย Canary Speech มีการให้คะแนนเสียงพูดแทนที่การวัดเชิงอัตนัยด้วยโซลูชันที่สามารถนำไปปฏิบัติการได้ และยังสามารถสร้างคุณค่าเพิ่มเติมโดยสามารถติดตามและวัดผลแนวนอน
Canary Speech นำเสนอโซลูชันแบบปรับขนาดได้ เพื่อประเมินและติดตามผลด้านสุขภาพของผู้ป่วยได้จากระยะไกล หรือวัดผลสุขภาพส่วนบุคคลโดยอิงจากการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางชีวภาพของเสียงโดยใช้ ML และ AI

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

SMK Corporation
Marketing Department
Mail: supp-sp@smk.co.jp
Tel: +81-3-3785-4651

แหล่งข้อมูล: SMK Corporation

The Bangkok Reporter