Exicom ขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเข้าร่วมมือกับ INNOPOWER Co. Ltd. เพื่อเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

Logo

  • INNOPOWER Co. Ltd เป็นผู้ดำเนินการหลักในการขยายธุรกิจของ Exicom ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย
  • การเปิดตัวเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 30kW จำนวนหกเครื่องในการเริ่มต้นความร่วมมือกัน
  • Exicom ดำเนินกิจการในอินเดีย มาเลเซีย ตะวันออกกลาง และตอนนี้ กำลังขยายการดำเนินงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

BANGKOK–(BUSINESS WIRE)–18 มกราคม 2024

Exicom เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องชาร์จ EV ของอินเดีย เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกภาคส่วนการผลิตเครื่องชาร์จ EV ในอินเดีย และเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลก มีการประกาศในวันนี้เกี่ยวกับข้อตกลงการจัดจำหน่ายกับ INNOPOWER Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทนวัตกรรมด้านพลังงานในประเทศไทย ความร่วมมือในครั้งนี้มีผลต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดย Innopower จะเป็นผู้ดูแลการจัดจำหน่ายเครื่องชาร์จระบบ AC/DC ของ Exicom การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้จะช่วยเสริมฐานตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Exicom ให้เสถียรยิ่งขึ้น โดยมีการจัดตั้งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่ายในท้องถิ่น

Exicom Expands in Southeast Asia, Partners with INNOPOWER Co. Ltd. for Exclusive Distribution in Thailand (Graphic: Business Wire)

Exicom ขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเข้าร่วมมือกับ INNOPOWER Co. Ltd. เพื่อเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (กราฟิก: Business Wire)

การดำเนินธุรกิจของ Exicom ในประเทศไทยถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมโซลูชันระบบชาร์จ EV ให้มีความคล่องตัวสูงยิ่งขึ้น โดยมุ่งมั่นในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบเพื่อรองรับ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลโดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อโครงการริเริ่มด้านยานยนต์ในการพัฒนาระบบ EV และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเป้าหมายดังกล่าว

การประกาศความร่วมมือระหว่าง Exicom และ INNOPOWER ในระหว่างพิธีลงนาม ถือเป็นการเริ่มต้นสำหรับพันธมิตรในครั้งนี้ด้วยการติดตั้งเครื่องชาร์จขนาด 30kW จำนวนหกเครื่อง บทบาทหน้าที่ของ INNOPOWER นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายแล้ว ยังครอบคลุมการส่งเสริมการขาย การตลาด และการขายผลิตภัณฑ์ของ Exicom ทั่วประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในต่างประเทศ Exicom ยังมีการจัดตั้งเครือข่ายการขายและการจัดหน่ายในท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกทั่วอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Exicom กำลังขยายขอบเขตการดำเนินงานทั่วโลก โดยการกระจายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีความก้าวหน้าในภูมิภาคใหม่ๆ รวมถึงการเปลี่ยนกระบวนการภายในให้เป็นระบบดิจิทัล

Anant Nahata กรรมการผู้จัดการของ Exicom กล่าวว่า “การตระหนักถึงศักยภาพมหาศาลในการเติบโตของ EV ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และด้วยประสบการณ์ของเราในฐานะผู้ผลิตเครื่องชาร์จ EV ชั้นนำของอินเดีย ทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มพูนขึ้นในภูมิภาคได้ การเป็นพันธมิตรกับ INNOPOWER ซึ่งมีรากฐานเป้าหมายร่วมกันเพื่อการคมนาคมที่ยั่งยืน จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของทั้งสองบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศ เครื่องชาร์จ EV ขั้นสูงของเราจะเป็นตัวอย่างของนวัตกรรมคุณภาพระดับสูง โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีผลที่สำคัญระดับโลก เมื่อเราขยายผลการดำเนินงานออกในวงกว้าง เป้าหมายของเราก็ยังคงความชัดเจน นั่นคือ การถือบรรทัดฐานในการกำหนดอนาคตการคมนาคมอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงเฉพาะประเทศไทย แต่ยังก้าวไกลไปทั่วโลก”

INNOPOWER เป็นบริษัทร่วมทุนขององค์กรพลังงานชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย Ratch Group Public Company Limited และ Electricity Generating Public Company Limited หรือ EGCO Group ที่มีความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมโซลูชันด้านพลังงาน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานกว่า 50 ปี บริษัทพร้อมลงทุนในโครงการริเริ่มด้านพลังงานอย่างยั่งยืนทั่วโลก และการร่วมมือกับ Exicom เมื่อเร็วๆ นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินงานอย่างมีวิสัยทัศน์นี้

"เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมมือกับ Exicom เพราะมีความโดดเด่นในความน่าเชื่อถือและศักยภาพความสามารถ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกค้าของเราในประเทศไทย ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งด้านการตลาดเครื่องชาร์จ EV ในประเทศ เราจึงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับ Exicom เพื่อช่วยในการขยายเครือข่าย เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นในวงกว้าง รวมถึง เจ้าของยานพาหนะและรถยนต์ส่วนตัว ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในความมุ่งมั่นของเรา เพื่อส่งเสริมโซลูชันการคมนาคมที่สะอาด และสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของระบบนิเวศ EV ในประเทศไทย" Athip Tantivorawong ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ INNOPOWER กล่าว

ความได้เปรียบจากการบุกเบิกในอินเดียและเรียนรู้ของ Exicom ควบคู่ไปกับการดำเนินงานแบบบูรณาการแนวดิ่ง ความสามารถในการวิจัยและพัฒนา และพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายของเครื่องชาร์จ EV ช่วยเสริมให้ Exicom ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องชาร์จ EV ในอินเดียและทั่วโลก ด้วยเครื่องชาร์จที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและสภาวะไฟฟ้าที่รุนแรง Exicom นำเสนอเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุม นอกเหนือจากนี้ SPIN Control ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือของบริษัทยังช่วยให้ผู้ใช้ในที่พักอาศัยที่มีอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่าย พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การทำงานของเครื่องชาร์จแบบระยะไกล ระบบการวิเคราะห์ ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ และการกำหนดตารางเวลาในการชาร์จโดยอัตโนมัติ

ความร่วมมือกันระหว่าง Exicom และ INNOPOWER เป็นความพยายามในการพัฒนาโซลูชันระบบการชาร์จ EV  ที่ใช้งานง่าย น่าเชื่อถือ และสะดวกสบายในประเทศไทย

เกี่ยวกับ Exicom:

Exicom เป็นผู้นำระดับโลกในการจัดหาโซลูชันพลังงานที่สำคัญ และโซลูชันระบบการชาร์จ EV ในกว่า 10 ประเทศ Exicom เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในภาคส่วนการผลิตเครื่องชาร์จ EV ในอินเดีย และปัจจุบันนี้ กำลังขยายผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญเข้าในยุโรป สหราชอาณาจักร มาเลเซีย สิงคโปร์ และตะวันออกกลาง กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Exicom ครอบคลุมตั้งแต่ขนาด 3.3kW จนถึง 360kW โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยการผลิตถึงสามหน่วย ฝ่ายการวิจัยและพัฒนาภายในสองแห่ง และเครือข่ายบริการที่สนับสนุน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคตได้ที่ https://www.exicom-ps.com/

เกี่ยวกับ INNOPOWER:

INNOPOWER ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 และกำลังสร้างกระแสด้านภูมิทัศน์ความยั่งยืนของประเทศไทย เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT), RATCH Group และ The Electricity Generating Public Company Limited (EGCO) โดย INNOPOWER เป็นผู้นำด้านการลดคาร์บอน นวัตกรรมพลังงาน และเทคโนโลยีโลกสีเขียว พร้อมพันธกิจในการเร่งปรับเปลี่ยนประเทศไทยเข้าสู่พลังงานสะอาด และขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคส่วนพลังงานและเทคโนโลยี

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคตได้ที่ www.innopower.co.th

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53884492/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media Contacts
Anuj Bakshi
+91 9711306879
anuj.bakshi@adfactorspr.com

Shristy Sonal
+91 8340542348
shristy.sonal@adfactorspr.com

แหล่งข้อมูล: Exicom

Timeline เป็นเทคโนโลยีชีวภาพที่มีอายุยืนยาวของสวิส ได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่สําคัญ จากผู้นําอุตสาหกรรมระดับโลกเชิงกลยุทธ์ รวมถึง L’Oréal และ Nestlé

Logo

โลซาน, สวิตเซอร์แลนด์–(BUSINESS WIRE)–17 มกราคม 2024

Timeline เป็นบริษัท เทคโนโลยีชีวภาพด้านสุขภาพของผู้บริโภคในระดับแนวหน้า ในการพัฒนาโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อการสูงวัยอย่างมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว ได้ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทสามารถระดมทุนได้ 56 ล้านฟรังก์สวิส(66 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในการระดมทุน Series D ที่มีสมาชิกมากเกินไป นับเป็นก้าวสําคัญสําหรับบริษัท และรวมถึงการลงทุนเชิงกลยุทธ์จากสองผู้นําอุตสาหกรรมระดับโลก ได้แก่ L’Oréal และ Nestlé

Timeline Longevity Products (Photo: Timeline)

ผลิคภัณฑ์ที่มีอายุยืนยาวของ Timeline (ภาพ: Timeline)

การระดมทุนรอบนี้นําโดย BOLD (Business Opportunities for L'Oréal Development) ซึ่งเป็นกองทุนร่วมลงทุนด้านนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ของ L'Oréal Groupe ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทอย่าง Mitopure® เพื่อช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีและยืนยาวขึ้น Mitopure® ได้รับการสนับสนุนในการวิจัยกว่า 15 ปี และได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่า สามารถกําหนดเป้าหมายเส้นทางอายุยืนของเซลล์ที่สําคัญ โดยการรีไซเคิลและฟื้นฟูโรงไฟฟ้าของเซลล์ไมโตคอนเดรีย การทํางานของไมโตคอนเดรียอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับการรักษาพลังงานของเซลล์ ซึ่งสนับสนุนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การรับรู้ ความยืดหยุ่นของภูมิคุ้มกัน พลังผิว และประโยชน์ที่สําคัญอื่น ๆ โดยนำเสนอแนวทางที่ครอบคลุมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดี

การสนับสนุนจากผู้นําในอุตสาหกรรมเหล่านี้ และเงินทุนที่ระดมทุนได้จะถูกนํามาใช้ เพื่อสร้าง Timeline ให้เป็นแบรนด์สุขภาพผู้บริโภคที่มีอายุยืนยาวชั้นนํา โดยการขยายด้านวิทยาศาสตร์ หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ และตลาดในภาคอาหาร ความงาม และสุขภาพ

"ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางหลายมิติที่ก้าวหน้า ซึ่งเราเชื่อมาโดยตลอดว่า จําเป็นต่อความก้าวหน้าที่มีความหมายสําหรับการมีอายุยืนยาวและสุขภาพที่ดี" Patrick Aebischer ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ Timeline กล่าว "ผมอยากจะขอบคุณ L’Oréal  Nestlé และนักลงทุนที่มีมายาวนานของเรา สําหรับความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาการมีอายุยืนที่มีรากฐานมาจากวิทยาศาสตร์ระดับสูงสุด"

"การมีอายุยืนยาวเป็นเรื่องของการมีสุขภาพที่ดีให้ยืนยาวขึ้น และ L’Oréal ได้ทํางานมาเป็นเวลาสิบปี เพื่อทําความเข้าใจและคาดการณ์ว่า สิ่งนี้อาจมีความหมายต่อความงามอย่างไร" Barbara Lavernos รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ดูแลฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยี ของ L’Oréal กล่าว "การมีอายุยืนยาวเป็นคําจํากัดความใหม่ของความงาม โดยเป็นการผสมผสานระหว่างสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การถอดรหัสเครื่องหมายทางชีวภาพ ไปจนถึงการวิเคราะห์การสัมผัสภายนอก การลงทุนของเราใน Timeline เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสําหรับศักยภาพในการเปลี่ยนลักษณะสําคัญของการมีอายุยืนยาวมาสู่สุขภาพผิวและความงาม"

"เราเป็นผู้ลงทุนใน Timeline มาตั้งแต่ปี 2019 และยังคงประทับใจทีมงานเป็นอย่างมาก และยืนหยัดอยู่เบื้องหลังศักยภาพที่เทคโนโลยี Mitopure ยึดมั่นในโภชนาการเพื่อช่วยให้ผู้คนมีอายุยืนและสุขภาพดีขึ้น" Anna Mohl ซีอีโอของ Nestlé Health Science กล่าว "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ L’Oréal เข้าร่วมในฐานะนักลงทุนและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อนําเทคโนโลยีนี้ไปสู่จุดสูงสุดใหม่และขยายการใช้งาน"

เกี่ยวกับ Timeline

Timeline (บริษัทแม่ Amazentis) เป็นบริษัทผู้บุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพของสวิส ซึ่งมุ่งมั่นที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมการมีอายุยืนยาวด้วยส่วนผสม Mitopure® ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้ว Timeline นําเสนอแนวทางที่ครอบคลุมเพื่อสุขภาพของเซลล์ โดยผสมผสานคุณประโยชน์ของ Mitopure ไว้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรุ่นต่อไป และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพผิวเฉพาะที่ ด้วยความเชี่ยวชาญกว่าทศวรรษในการวิจัยวิทยาศาสตร์การสูงวัย Timeline มุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสุขภาพของมนุษย์ โดยมีส่วนช่วยให้ทุกคนมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีขึ้น บริษัทได้รับการสนับสนุนในการวิจัยกว่า 15 ปี โดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง การศึกษาทางคลินิกหลายครั้ง สิทธิบัตรมากกว่า 50 รายการ และ Nestlé Health Science เป็นนักลงทุนตั้งแต่ปี 2019 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ www.timelinenutrition.com

ติดต่อ

โปรดติอต่อ:

Chris Rinsch ประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง Timeline

Federico Luna ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Timeline
press@timelinenutrition.com

ที่มา: Timeline

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53883838/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


NielsenIQ และ TransUnion ร่วมมือกันเพื่อสรรสร้างงานการโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายด้วยข้อมูลการซื้อปลีกของลูกค้า

Logo

CHICAGO–(BUSINESS WIRE)–17 มกราคม 2024

NielsenIQ ผู้นำด้านการวัดผลและการวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลก มีการประกาศสัญญาข้อตกลงที่มีกับ TruAudience® ซึ่งเป็นธุรกิจโซลูชันด้านการตลาดของ TransUnion (NYSE: TRU) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลผู้บริโภคของ NielsenIQ เข้ากับพื้นที่แบบระบุตัวตนของพันธมิตรสำหรับการจำลองกลุ่มเป้าหมาย ความพยายามในการร่วมมือนี้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าจาก NielsenIQ ด้านการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว (FMCG) และโซลูชันการระบุตัวตนของ TransUnion สำหรับการเชื่อมต่อข้อมูล เพื่อช่วยบริษัทด้านสื่อและ AdTech ให้สามารถสร้างแคมเปญที่มีผลตอบรับสูงสำหรับกลุ่มเป้าหมายจากการซื้อของผู้บริโภค

พันธมิตรความร่วมมือสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคที่ผ่านมาในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคแบบออฟไลน์สำหรับ FMCG ลูกค้าสามารถใช้ข้อมูลของ NielsenIQ เป็น "Seed Audience" เพื่อใช้ในการสร้างกลุ่มที่คล้ายกันตามข้อมูลประชากรและพฤติกรรมการซื้อ FMCG ไฮไลท์สำตัญของความร่วมมือในครั้งนี้ ได้แก่:

  • การกำหนดเป้าหมายอย่างแม่นยำเทียบได้กับเครือข่ายสื่อค้าปลีกการใช้ประโยชน์จากข้อมูลการซื้อช่วยให้บริษัทด้านสื่อและ AdTech สำหรับการสร้างโซลูชันสำหรับโอเพ่นเว็บ
  • ความเสถียรจากข้อมูลที่ล้าสมัย: ข้อมูลธุรกรรมยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากข้อมูลที่ล้าสมัย และเมื่อวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลระบุตัวตนแบบออฟไลน์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งแสดงโดยกราฟข้อมูลระบุตัวตนของ TransUnion ซึ่งมีช่องทางสำหรับการกำหนดเป้าหมาย โดยคุกกี้และ ID โฆษณาบนมือถือจะหายไป
  • สเกลและความสามารถในการเข้าถึงระดับโลก: NielsenIQ เป็นผู้ให้บริการระดับโลกเพียงรายเดียวที่ให้ข้อมูลในสเกลนี้ ด้วย Full View™ ช่วยให้บริษัทด้านสื่อและ AdTech สามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้อย่างไม่มีปัญหา และปรับแปลงความสามารถในการกำหนดเป้าหมายลูกค้า

"NielsenIQ สามารถเสริมศักยภาพให้บริษัทด้านสื่อและ adtech ให้สามารถบริการแก่แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว FMCG ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมและนำไปปฏิบัติได้จริง" Brett Jones รองประธานอาวุโส หัวหน้าฝ่ายความร่วมมือระดับโลกแบบแนวดิ่งของ NielsenIQ กล่าว "โดยการร่วมมือกับ TransUnion ในการเชื่อมโยงข้อมูลของเราเข้ากับแพลตฟอร์มสื่อ ช่วยให้เราอยู่ในตำแหน่งแนวหน้าในกำหนดอนาคตของการกำหนดเป้าหมายลูกค้า นำเสนอโซลูชันที่เน้นความเป็นส่วนตัว และปูทางสำหรับแคมเปญที่สร้างผลตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น”

ในการใช้การระบุตัวตนของ TransUnion บริษัทด้านสื่อจะสามารถแก้ไขข้อมูลของ NielsenIQ ให้เหมาะสมกับมุมมองการระบุตัวตนของตัวเอง และเริ่มต้นสร้างฐานลูกค้าเป้าหมายได้ ในตลาดที่เปลี่ยนไปเป็นเครือข่ายสื่อค้าปลีก การทำงานร่วมกันนี้จะช่วยให้บริษัทสื่อและ AdTech สามารถกำหนดเป้าหมายประสิทธิภาพที่สูงยิ่งขึ้นสำหรับโอเพ่นเว็บได้

“ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของเรากับ NielsenIQ นี้ จะช่วยให้นักการตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วและบริษัทสื่อสามารถนำเสนอประสบการณ์เฉพาะบุคคลได้ ราวกับว่าพวกเขามีข้อมูลของลูกค้าจากเครือข่ายสื่อค้าปลีก" Julie Clark รองประธานอาวุโส ฝ่ายสื่อและสันทนาการแนวดิ่งของ TransUnion กล่าว "เมื่อทำงานร่วมกัน เราจะสามารถสร้างภูมิทัศน์การโฆษณาที่มีแนวคิดก้าวหน้า ซึ่งให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน ประสิทธิผล และความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค"

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของ NielsenIQ ในด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และการเข้าถึงขุมทรัพย์ข้อมูลของลูกค้าได้ที่ https://nielseniq.com/global/en/landing-page/media-adtech-hub/ สามารถทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับโซลูชันด้านการตลาดสำหรับ TruAudience ของ TransUnion ได้ที่ https://www.transunion.com/solution/truaudience

เกี่ยวกับ NIQ

NIQ เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านข่าวกรองของผู้บริโภค ซึ่งนำเสนอความเข้าใจที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเผยให้เห็นเส้นทางใหม่ในการเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้รวมตัวกับ GfK เพื่อรวบรวมผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด—ช่วยให้สามารถส่งมอบผลการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย—NIQ นำเสนอ Full View

NIQ เป็นบริษัทในเครือของ Advent International ที่มีการดำเนินงานในตลาดมากกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NIQ.com

เกี่ยวกับ TransUnion (NYSE:TRU)

TransUnion เป็นบริษัทด้านข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกระดับโลก โดยมีพนักงานมากกว่า 12,000 คน และดำเนินงานในกว่า 30 ประเทศ เราสร้างความไว้วางใจได้โดยสร้างความน่าเชื่อถือในตัวแทนที่อยู่ในแต่ละตลาด โดยเรามีการสร้างภาพ Tru™ ในตัวแทนแต่ละคน ซึ่งประกอบด้วย มุมมองที่สามารถนำไปปฏิบัติได้สำหรับผู้บริโภค และมีการดูแลด้วยความเอาใจใส่ จากการเข้าซื้อกิจการและการลงทุนด้านเทคโนโลยี เราจึงมีการพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมซึ่งมีการขยายวงกว้างครอบคลุมรากฐานฝ่ายปฏิบัติการหลักที่แข็งแกร่งของเราไปสู่ด้านต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด การฉ้อโกง ความเสี่ยง และข้อมูลขั้นสูง เป็นผลให้ผู้บริโภคและธุรกิจสามารถทำธุรกรรมด้วยความมั่นใจที่สูงขึ้น และบรรลุผลสำเร็จ เราเรียกสิ่งนี้ว่า Information for Good® — และนำไปสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และการเสริมสร้างศักยภาพส่วนบุคคลสำหรับผู้คนนับล้านทั่วโลก http://www.transunion.com/business

ติดต่อ

Media
Gillian Mosher, NIQ – Gillian.Mosher@NielsenIQ.com
David Blumberg, TransUnion – david.blumberg@transunion.com

แหล่งข้อมูล: NIQ

Xenco Medical เปิดตัว TrabeculeX Continuum ซึ่งเป็นการผสานรวมอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุชีวภาพ ในงาน CES 2024 ที่ลาสเวกัส ซึ่งเป็นการประชุมเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Logo

SAN DIEGO–(BUSINESS WIRE)–16 มกราคม 2024

วันที่ 11 เดือนมกราคม Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์บุกเบิกได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่ผสานรวมระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุชีวภาพ โดยมีการจัดแสดง TrabeculeX Continuum™ ในงาน 2024 Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา TrabeculeX Continuum เป็นสะพานเทคโนโลยีเชื่อมระหว่างออร์โธไบโอโลจิกส์และสุขภาพดิจิทัลแห่งแรก โดยเป็นการผสมผสานการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วย ประกอบด้วย TrabeculeX Bioactive Matrix™ และ TrabeculeX Recovery App™ ที่ผ่านการรับรองจาก FDA เพื่อเพิ่มศักยภาพสำหรับศัลยแพทย์ในการปลูกถ่าย TrabeculeX Bioactive Matrix ที่ผ่านการรับรองจาก FDA ของ Xenco Medical เพื่อลงทะเบียนผู้ป่วยใน TrabeculeX Recovery App และสามารถใช้ในการตรวจสอบเพื่อการรักษาจากระยะไกล ตลอดจนวิดีโอและการส่งข้อความแบบอะซิงโครนัส TrabeculeX Continuum เป็นการผสานรวมเวชศาสตร์ฟื้นฟูและสุขภาพดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

On January 11th, trailblazing medical technology company Xenco Medical unveiled its convergent technology bridging Digital Health and Biomaterials by showcasing its TrabeculeX Continuum™ at the 2024 Consumer Electronics Show in Las Vegas, Nevada. Comprising the TrabeculeX Bioactive Matrix™ and the TrabeculeX Recovery App™, the TrabeculeX Continuum is the first technology-enabled bridge between orthobiologics and digital health, unifying a patient’s biomaterial implantation and postoperative journey. (Graphic: Business Wire)

เมื่อวันที่ 11 เดือนมกราคม Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์บุกเบิก ได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่ผสานรวมระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุขีวภาพ โดยมีการจัดแสดง TrabeculeX Continuum™ ในงาน 2024 Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา TrabeculeX Continuum เป็นสะพานเทคโนโลยีเชื่อมระหว่างออร์โธไบโอโลจิกส์และสุขภาพดิจิทัลแห่งแรก โดยเป็นการผสมผสานการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วย ประกอบด้วย TrabeculeX Bioactive Matrix™ และ TrabeculeX Recovery App™ (กราฟิก: Business Wire)

โดยมีการออกแบบมาเพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการขึ้นรูปแบบไฮดรอกซีคาร์บอเนตอะพาไทต์ใน TrabeculeX Bioactive Matrix วัสดุชีวภาพที่สร้างขึ้นใหม่ใน TrabeculeX Continuum ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีตโดย Xenco Medical เพื่อช่วยในการสร้างรูปกระดูกแบบสามมิติ โดยสถาปัตกรรมใหม่ของ TrabeculeX Bioactive Matrix เป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นผิวที่ซับซ้อน เริ่มต้นที่ขนาดต่ำกว่าไมครอน และขยายไปยังโครงสร้างเนื้อเยื่อทั้งหมด TrabeculeX Recovery App เป็นการผสานรวมวิธีการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพเข้ากับการฟื้นฟูกายภาพอย่างเต็มรูปแบบ โดยเอื้อให้ศัลยแพทย์ที่ใช้ TrabeculeX Bioactive Matrix ในผู้ป่วยสามารถสั่งจ่ายยาและติดตามแผนการฟื้นฟูกายภาพเฉพาะด้านจากระยะไกล พร้อมความสามารถในการวิดีโอ และส่งข้อความแบบอะซิงโครนัส

“ในฐานะที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ไม่เพียงทุ่มเทให้กับการดูแลระหว่างการผ่าตัดของผู้ป่วยเท่านั้น แต่เรายังมุ่งเน้นการฟื้นตัวในระยะยาวด้วยเช่นกัน เรามุ่งมั่นที่จะขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่เรามีอยู่ในปัจจุบันตั้งแต่การผ่าตัดไปจนถึงการฟื้นฟูกายภาพ ด้วย TrabeculeX Continuum เราขอแนะนำเทคโนโลยีการผสานรวมที่สามารถบันทึกทุกขั้นตอนในการรักษาผู้ป่วย แทนที่จะเป็นเพียงเฉพาะการดูแล” Jason Haider ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xenco Medical กล่าว

ผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้งานวิทยาศาสตร์การผลิตวัสดุขั้นสูงและเครื่องมือสำหรับการผ่าตัด รวมถึงการออกแบบการปลูกถ่าย นวัตกรรมวิทยาศาสตร์การผลิตวัสดุของ Xenco Medical รวมถึงระบบการผ่าตัดคอมโพสิตโพลีเมอร์และการปลูกถ่ายไขสันหลังแบบโฟมไทเทเนียมไบโอมิเมติกได้รับการรับรองจากสถานพยาบาลทั่วประเทศ Xenco Medical ได้รับการยอมรับและเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากที่สุดในโลกจาก Fast Company Magazine ในปี 2023

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53882026/en

ติดต่อ

Melissa Russell
858-202-1505
info@xencomedical.com

แหล่งข้อมูล: Xenco Medical

Aramco Digital และ Intel ตั้งเป้าที่จะร่วมมือกันจัดตั้งศูนย์พัฒนา Open RAN แห่งแรกของซาอุดิอาระเบีย

Logo

ดาห์ราน, ซาอุดิอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–15 มกราคม 2024

Aramco Digital และ Intel ประกาศเจตนารมณ์ที่จะจัดตั้งศูนย์พัฒนา Open RAN (Radio Access Network) แห่งแรกของซาอุดิอาระเบีย สิ่งอํานวยความสะดวกนี้คาดว่าจะขับเคลื่อนนวัตกรรม ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และมีส่วนสนับสนุนภูมิทัศน์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในราชอาณาจักร

ความร่วมมือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งการพัฒนาและปรับใช้เทคโนโลยี Open RAN ซึ่งช่วยให้ราชอาณาจักรสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แข็งแกร่งและคล่องตัว โดยมุ่งเน้นที่การเร่งการแปลงเป็นดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ 2030 ของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความหลากหลายทางเศรษฐกิจ

Open RAN ซึ่งเป็นกระบวนทัศน์ที่พัฒนาขึ้นในสถาปัตยกรรมเครือข่ายไร้สาย ช่วยให้เกิดความยืดหยุ่น ความสามารถในการทํางานร่วมกัน และนวัตกรรมที่มากขึ้น Aramco Digital นําเสนอความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการ และความทะเยอทะยานในการพัฒนาของราชอาณาจักร ตลอดจนโอกาสในการปรับใช้เทคโนโลยี Open RAN ควบคู่ไปกับมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของราชอาณาจักร Intel ผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร นําความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี Open RAN มาสู่ความร่วมมือกัน

จุดเด่นของความร่วมมือกัน:

1. **ศูนย์กลางนวัตกรรม:** ศูนย์พัฒนา Open RAN มีจุดมุ่งหมายที่จะทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรม ส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง Aramco Digital กับวิศวกร นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของ Intel

2. **การพัฒนาบุคคลากรในท้องถิ่น:** ศูนย์มีจุดมุ่งหมายที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากรในท้องถิ่น โดยจัดให้มีการฝึกอบรมและประสบการณ์ตรงในสาขาที่พัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี Open RAN และการประมวลผลแบบเอดจ์

3. **ผลกระทบทางเศรษฐกิจ:** ความร่วมมือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น ผ่านความคิดริเริ่มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กว้างขึ้นของวิสัยทัศน์ 2030

4. **ความร่วมมือระดับโลก:** ความร่วมมือใน Open RAN ระหว่าง Aramco Digital และ Intel คาดว่าจะขยายออกไปเกินขอบเขต โดยเชื่อมโยงซาอุดิอาระเบียเข้ากับภูมิทัศน์ระดับโลก ของการพัฒนาและการปรับใช้ Open RAN และ Edge

Tareq Amin ซีอีโอของ Aramco Digital กล่าวว่า "ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมในราชอาณาจักร ศูนย์พัฒนา Open RAN คาดว่าจะเป็นตัวเร่งให้เกิดวิวัฒนาการทางดิจิทัล โดยเป็นแพลตฟอร์มสําหรับการทํางานร่วมกัน การพัฒนาทักษะ และการสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีที่มีชีวิตชีวา หัวใจสําคัญของความร่วมมือนี้ คือการสร้างกลุ่มความสามารถในท้องถิ่นสำหรับเทคโนโลยี 5G ขั้นสูง และเทคโนโลยี 6G ในอนาคต"

"เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกันใน Open RAN กับ Aramco Digital และเพื่อรวมความสามารถทางเทคโนโลยีของ Intel ในด้านเครือข่าย การประมวลผลแบบเอดจ์ และซอฟต์แวร์ เข้ากับข้อมูลเชิงลึกในท้องถิ่นและความเป็นผู้นําในอุตสาหกรรมของ Aramco Digital เรามุ่งมั่นที่จะเร่งการปรับใช้โซลูชัน Open RAN แบบ edge-native ในซาอุดิอาระเบียและที่อื่น ๆ" [Sachin Katti รองประธานอาวุโสของ Intel และผู้จัดการทั่วไปของ Network and Edge Group] กล่าว

ศูนย์พัฒนา Open RAN มีแผนที่จะเริ่มดําเนินการในปี 2024 ซึ่งนับเป็นก้าวสําคัญในการเดินทางของซาอุดิอาระเบียสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

เกี่ยวกับ Aramco Digital:

Aramco Digital เป็นบริษัทด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีในเครือของ Aramco ซึ่งเป็นบริษัท พลังงานและเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับโลก Aramco Digital มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในภาคส่วนต่างๆ

เกี่ยวกับ Intel:

Intel (NASDAQ: INTC) เป็นผู้นําระดับโลกในด้านนวัตกรรมการประมวลผล บริษัทออกแบบและสร้างเทคโนโลยีที่จําเป็น ซึ่งทําหน้าที่เป็นรากฐานสําหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของโลก

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53882082/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Hosam M. Al-Gharib
media.inquires@aramcodigital.com

ที่มา: Aramco Digital

SingPost เปิดใช้งานการขนส่งโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซแบบเรียลไทม์ทั่วเอเชียแปซิฟิกด้วย Boomi

Logo

ทีมงาน SingPost ผู้ให้บริการไปรษณีย์และโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซชั้นนำ ร่วมมือกับ Boomi เพื่อเสริมการให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 75  เปอร์เซนต์

SINGAPORE & CHESTERBROOK, Pa.–(BUSINESS WIRE)–10 มกราคม 2024

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่อและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ประกาศในวันนี้ว่า  Singapore Post Limited (SingPost) มีการร่วมมือกับ แพลตฟอร์ม Boomi เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและเพิ่มความเร็วในการให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับเป้าหมายการปรับแปลงเป็นระบบดิจิทัล

SingPost Enables Real-Time eCommerce Logistics Delivery Across Asia Pacific With Boomi (Graphic: Business Wire)

SingPost เปิดใช้งานการขนส่งโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซแบบเรียลไทม์ทั่วเอเชียแปซิฟิกด้วย Boomi (กราฟิก: Business Wire)

ในขณะที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลกคาดว่า จะมีมูลค่าสูงถึง 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 รายได้จากอีคอมเมิร์ซเฉพาะในเอเชียคาดว่าจะสูงถึง 1.92 ล้านล้านเหรียญในปี 2024 ในฐานะผู้ให้บริการไปรษณีย์และโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก SingPost ให้บริการ 13 ตลาดทั่วจุดหมายปลายทางทั่วโลกถึง 220 แห่ง ด้วยเป้าหมายที่มุ่งเน้นการจัดส่งพัสดุอีคอมเมิร์ซทั้งในประเทศและต่างประเทศ SingPost ได้เริ่มโครงการปรับแปลงเป็นระบบดิจิทัล พร้อมกับการใช้งานเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงแพลตฟอร์มบูรณการข้อมูลที่ปรับแต่งได้ และ AI เชิงสร้างสรรค์

เพื่อปรับปรุงธุรกิจให้ทันสมัยท่ามกลางภูมิทัศน์ห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน พร้อมการปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น SingPost จึงต้องการโซลูชันที่ปรับขนาดได้และมีประสิทธิภาพสำหรับการปรับแปลงข้อมูลและแผนที่ข้อมูล รวมถึงการจัดการบูรณาการและอินเทอร์เฟซโปรแกรมมิ่งสำหรับแอปพลิเคชัน (API)

“ข้อมูลเป็นรากฐานสำคัญสำหรับธุรกิจของเรา เราใช้ข้อมูลเพื่อประสานการจัดส่งโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร โดยคำนึงถึงประสบการณ์ของลูกค้าเป็นหลัก เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ลูกค้าของเราได้รับข้อมูลที่อัปเดตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์จนถึงสินค้ามาถึงหน้าประตูบ้าน” Noel Singgih, Group CIO ของ SingPost กล่าว

ในการตรวจสอบให้แน่ใจว่า ข้อมูลพร้อมใช้งาน และสามารถใช้งานได้แบบเรียลไทม์ เป็นส่วนสำคัญในเป้าหมายการปรับแปลงเป็นระบบดิจิทัลของ SingPost บริษัทต้องการยกเลิกการใช้ข้อมูลแบบแนวดิ่ง ปรับปรุงการกำกับดูแลข้อมูล และเปลี่ยนจากระบบเดิมที่ซ้ำซ้อน เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ SingPost ต้องการแพลตฟอร์มบูรณาการที่เสถียรและเชื่อถือได้สำหรับบริการ (iPaaS)

“เราต้องการแพลตฟอร์มบูรณาการเชิงกลยุทธ์สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) และการผสานข้อมูลแบบ API เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดสำหรับธุรกิจของเราและความต้องการตามฤดูกาล” Singgih กล่าว “ด้วยแพลตฟอร์ม Boomi ในปัจจุบัน เราสามารถเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นถึง 75 เปอร์เซนต์ จากที่เราต้องใช้เวลาห้าถึงหกสัปดาห์ ปัจจุบันเราใช้เวลาน้อยกว่าสองสัปดาห์ ความร่วมมือของเรากับ Boomi ช่วยให้เราสามารถปรับปรุงความโปร่งใสในการจัดส่งและการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ช่วยให้เรามีความคล่องตัวยิ่งขึ้น และมีโอกาสทางการตลาดสูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดกลางและผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซ”

“ในโลกดิจิทัลที่เราเชื่อมต่อถึงกันโดยทั่ว การก้าวนำหน้าเป็นกุญแจสำคัญ Boomi ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วและในวงกว้าง เพื่อให้บรรลุการปรับแปลงให้เป็นระบบดิจิทัลและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นพันธมิตรกับ SingPost ในการปรับแปลงบริษัทดิจิทัลแห่งแรก โดยมุ่งเน้นที่ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์” Thomas Lai รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi
Boomi มีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นโดยการเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกันกับทุกสิ่งและจากทุกที่ ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการบนระบบคลาวด์ในฐานะบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟท์แวร์ที่ให้บริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก Boomi มีฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย – รวมถึง Accenture, Capgemini, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi ในการค้นหา จัดการ และผสานรวมข้อมูล ในขณะเดียวกัน ก็เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘B’, และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53866937/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ:
Jasmine Ee
Head of Media and Analyst Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi, LP

GIGABYTE ปลดปล่อยความมหัศจรรย์ของ AI ในงาน CES 2024: ผู้บุกเบิกเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC, เทคโนโลยีสีเขียว, AIoT และGaming Powerhouses

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–10 มกราคม 2024

GIGABYTE Technology ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านไอทีที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านระบบคลาวด์และคอมพิวเตอร์ AI และยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ด้วยนวัตกรรมฮาร์ดแวร์ กำลังเป็นศูนย์กลางที่งาน CES 2024 ด้วยซีรีส์เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ที่ล้ำสมัย ซึ่งเน้นโดยเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ AMD Instinct™ MI300A APU, NVIDIA Grace Hopper Superchip, และ NVIDIA HGX H100 8-GPU ชิปใหม่เหล่านี้จากผู้นำในอุตสาหกรรมได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการเติบโตแบบทวีคูณของ AI โดยจัดการพารามิเตอร์โมเดลและชุดข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น จึงถือเป็นก้าวสำคัญใหม่ในภูมิทัศน์ของ AI

GIGABYTE's presentation at CES includes cutting-edge AI/HPC servers, servers for advanced data centers, green computing solutions, AIoT, and AI-powered flagship computers, embodying the booth theme "Future of COMPUTING". (Photo: Business Wire)

การนำเสนอของ GIGABYTE ที่งาน CES มีทั้งเซิร์ฟเวอร์เทคโนโลยี HPC/AI สุดล้ำ, เซิร์ฟเวอร์สำหรับศูนย์ข้อมูลขั้นสูง, โซลูชันการประมวลผลสีเขียว, AIoT, และคอมพิวเตอร์รุ่นเรือธงที่ประมวลผลด้วยเทคโนโลยี AI, โดยรวมอยู่ในบูธที่มาในธีม “อนาคตแห่งระบบประมวลผล” (รูป: Business Wire)

ที่บูธ GIGABYTE ยังจัดแสดงโซลูชั่นระบบประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับเวิร์กโหลด AI จำนวนมากพร้อมลดการใช้พลังงานลง บรรลุเป้าหมายแห่งความยั่งยืนด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยลง

นิทรรศการของ GIGABYTE ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมที่หลากหลาย เซิร์ฟเวอร์ โซลูชันadvanced cooling solutions AIoT และคอมพิวเตอร์รุ่นเรือธงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งออกแบบมาสำหรับนักเล่นเกมและผู้สร้าง โดยรวบรวมบูธต่างๆ ในหัวข้อ "Future of COMPUTING" แบ่งเป็นห้าส่วนที่โดดเด่น

เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC: คอมพิวเตอร์ระดับ Exascale

GIGABYTE และบริษัทในเครือ Giga Computing กำลังเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ระดับท็อปสี่ตัวที่งาน CES เซิร์ฟเวอร์ G383-R80 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมล่าสุด รองรับ AMD Instinct™ MI300A APU ซึ่งผสานรวม CPU, GPU และหน่วยความจำ HBM3 แบบรวมขนาด 128GB เพื่อรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์

ความโดดเด่นอีกอย่างคือ AI server ซีรีส์ G593 ที่มาพร้อมกับ NVIDIA HGX H100 8-GPU ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการฝึกฝนโมเดล AI และการอนุมานภายในการกำหนดค่า 5U ความหนาแน่นสูงที่ไม่มีใครเทียบได้ เซิร์ฟเวอร์นี้มีความเป็นเลิศในเกณฑ์มาตรฐานการฝึกอบรม MLPerf และพิสูจน์ให้เห็นถึงความเก่งกาจของเวิร์กโหลด AI ที่หลากหลาย

สำหรับความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ที่ปรับขนาดได้และยืดหยุ่น GIGABYTE ขอแนะนำ XH23-VG0 ซึ่งขับเคลื่อนโดย NVIDIA Grace Hopper Superchip ซึ่งยึดตามการออกแบบโมดูลาร์ MGX โดยมอบสล็อตขยาย FHFL สำหรับแอปพลิเคชัน AI/HPC ขนาดใหญ่ G493-SB0 รองรับ GPU Gen5 สล็อตคู่ 8 ช่อง รองรับปริมาณงานที่หลากหลาย รวมถึง generative AI การจำลองเสมือน การเรนเดอร์ และกราฟิก 3D

ศูนย์ข้อมูลที่ยั่งยืน: ระบบประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อม

โซลูชันการประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อมของ GIGABYTE ช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ท่ามกลางการดำเนินงานที่ต้องใช้การประมวลผลสูงและเวิร์กโหลด AI เซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมระบายความร้อนด้วยของเหลวและแบบ immersion cooling-ready servers ได้รับการรับประกันประสิทธิภาพด้วยการออกแบบระบายความร้อนชั้นนำของอุตสาหกรรมของ GIGABYTE ซึ่งรับประกันประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม (PUE) และต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ได้เปรียบ GIGABYTE ยังนำเสนอระบบ direct liquid cooling (DLC) และโซลูชันการทำความเย็นแบบ single-phase immersion cooling ซึ่งรวมทั้งหมดในหนึ่งเดียว สำหรับนิทรรศการพร้อมตู้เซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กรและถังแช่ A1P0-EA0

การใช้งานไอทีแบบ Agile

ที่บูธ GIGABYTE ขอแนะนำเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูล S183-SH0 ซึ่งได้รับการปรับแต่งสำหรับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) โดยมี E1.S NVMe SSD จำนวน 32 ตัวสำหรับการจัดเก็บและเรียกค้นข้อมูลความเร็วสูง นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ R163-P32 พร้อมโปรเซสเซอร์ตระกูล AmpereOne™ ที่รองรับสูงสุด 192 คอร์ และเซิร์ฟเวอร์ Edge ความหนาแน่นสูง E163-S30 ที่สร้างขึ้นสำหรับสภาพแวดล้อมเครือข่าย 5G เซิร์ฟเวอร์ที่ล้ำสมัยเหล่านี้ช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถปรับตัวเข้ากับแนวโน้มของตลาดที่กำลังพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

IoT ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และความคล่องตัวทางอิเล็กทรอนิกส์

GIGABYTE นำเสนอโซลูชั่นอัจฉริยะที่ครอบคลุมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมด้วย  Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) และระบบเทเลเมติกส์ของยานพาหนะช่วยให้ขับขี่อัตโนมัติในสภาพถนนที่ซับซ้อน คอมพิวเตอร์แบบแล็ปท็อปที่ทนทานเป็นพิเศษและพีซีอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่มีความทนทานสูงและประสิทธิภาพที่เสถียรในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นในสถานการณ์ของสถานีตรวจอากาศที่บูธ

การเล่นเกมและการสร้างสรรค์

GIGABYTE ได้รับการยกย่องด้าน gaming and creator computers รวมถึง AORUS AERO และ แล็ปท็อป เมนบอร์ด การ์ดกราฟิก และจอภาพ 4K OLED ของ GIGABYTE Gaming series แสดงให้เห็นถึงพลังและเสน่ห์ในงาน CES กลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม AI ในปี 2024 ของ GIGABYTE มีคอร์ AI เจเนอเรชันถัดไปและ AI Nexus ที่เป็นกรรมสิทธิ์สำหรับประสบการณ์ AI ที่ราบรื่นในด้านประสิทธิภาพ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และ AI กำเนิด นอกจากนี้ ผู้ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ยังสามารถสำรวจการออกแบบที่มีน้ำหนักเบาราวขนนก 1.49 กก. ของแล็ปท็อป AERO 14 OLED และจอแสดงผล OLED HDR 2.8K ที่ปรับเทียบสี ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานไปสู่อีกระดับหนึ่ง

เยี่ยมชมหน้าเวบเพจของ GIGABYTE’s CES event page.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53876542/en

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology


Sharp เตรียมเข้าร่วมงาน CES 2024 ซึ่งเป็นงานกิจกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่สำคัญในอเมริกา

Logo

ลาสเวกัส–(BUSINESS WIRE)–4 มกราคม 2024

Sharp Corporation จะเข้าร่วมในงาน CES 2024 ซึ่งเป็นหนึ่งในงานกิจกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก ตามสโลแกนที่ว่า “Toward the Future for a Better Life (ก้าวล้ำไปในอนาคต)” Sharp จะส่งเสริมเทคโนโลยีระดับเวิร์ลคลาสที่หลากหลายในตลาดโลกด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้กรรมสิทธิ์ของเรา

  • ไฮไลท์
  1. การใช้ชีวิตแบบสมาร์ท
    เทคโนโลยีที่ลดข้อกังวลต่างๆ มากมายภายในบ้านและทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณ
    ผู้สอนเสมือนจริง (บอตอธิบายรายละเอียด) ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบ Edge AI ที่ทาง Sharp ได้พัฒนาขึ้นมาชื่อว่า CE-LLM*1 (Communication Edge-LLM) จะทำการแนะนำนิทรรศการผ่านการสนทนาแบบอินเตอร์แอคทีฟอย่างไร้ที่ติ นอกจากนี้เตาอบความความเร็วสูงที่ลดเวลาในการปรุงอาหารลงอย่างมากด้วยเทคโนโลยีการทำความร้อนที่มีลักษณะเฉพาะตัวและการควบคุมแหล่งจ่ายความร้อนได้อย่างลงตัวที่สุด นิทรรศการนี้ยังมีทั้งเครื่องเป่าผมและเครื่องดูดฝุ่นทรงตั้งที่มาพร้อมกับเสียงรบกวนต่ำและทรงพละกำลังสูง
  2. การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม
    แนวคิดที่จะมอบความเร็วและประสิทธิภาพต่อแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ นิทรรศการนี้จึงประกอบไปด้วยเทคโนโลยีกล้องที่รองรับเทคโนโลยี XR นอกจากการนำเสนอภาพเสมือนจริงในการสนทนาและแนวคิดต่างๆ ต่อการดำเนินธุรกิจโดยใช้แว่นตา XR*2 และระบบ AI และจอแสดงข้อมูลที่สามารถใช้งานได้กับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น คำแนะนำในการใช้งานของตู้เสื้อผ้า นอกจากนี้ เซ็นเซอร์รับกลิ่น Olfactory ที่ใช้ระบบ AI ที่ได้รับการพัฒนาด้วยการปรับเทคโนโลยีพื้นผิวของจอแสดงผล ช่วยในการตรวจจับกลิ่นโดยการเลียนแบบสิ่งมีชีวิต และอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ก๊าซ IMS (ion Mobility Spectrometry) ที่ใช้องค์ประกอบการปล่อยอิเล็กตรอนในชั้นบรรยากาศจะนำใช้ในการจัดแสดง
  3. ความยั่งยืน
    เทคโนโลยีต่างๆ ที่สร้างพลังงานหมุนเวียนแห่งโลกอนาคตและแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ดียิ่งขึ้น การจัดแสดงป้าย LCD แบบใช้การสะท้อนแสงสำหรับจอกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ชนิดสีที่ใช้ภายนอกอาคารและ ePoster ที่มีการใช้พลังงานต่ำ Sharp จะยังทำการเปิดตัวอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้ภายในอาคารอย่าง LC-LH ที่ใช้แสงสว่างภายในอาคารและให้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง และสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ IoT ได้อีกด้วย รีโมตคอนโทรลของ TV ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ LC-LH ก็นำมาแสดงด้วยเช่นเดียวกัน
  • ตำแหน่งบูทของ Sharp: 17229 เซ็นทรัลฮอล์ ลาสเวกัสคอนเวนชันเซ็นเตอร์ (เนวาดา สหรัฐอเมริกา)
  • วันและเวลาจัดนิทรรศการ: 9 ถึง 12 มกราคม 2024 (วันอังคารถึงวันศุกร์) เวลา: 10:00 – 18:00 น.
    สำหรับรายละเอียด: Dates and Hours (ces.tech)

*1

ระบบจะตอบการสนทนาและการโต้ตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบไร้ที่ติด้วยการตัดสินใจจัดการกับคำถามในทันทีโดยใช้ Edge AI เช่น LLM ที่ติดตั้งมาพร้อมกับระบบ หรือ AI บนคลาวด์ เช่น Chat GPT สำหรับการตอบคำถามจากผู้ใช้งาน

*2

เทคโนโลยี XR/เทคโนโลยี CR: เทคโนโลยีที่ใช้สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านการผสานระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนจริง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53873296/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ทีมประชาสัมพันธ์และการสร้างแบรนด์ของ Sharp Corporation
pr-brand@sharp.co.jp

แหล่งข้อมูล: Sharp Corporation





Tim Liu CTO ของ Hillstone Networks แชร์แนวโน้มความปลอดภัยทางไซเบอร์ประจำปี 2024

Logo

CTO’s Corner: การนำทางภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่กำลังพัฒนากับ Tim Liu

ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–22 ธันวาคม 2023

Hillstone Networks ภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2024 นั้นถูกเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งนำเสนอทั้งความท้าทายและโอกาส ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกำลังติดตามแนวโน้มสำคัญหลายประการอย่างใกล้ชิดซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงกลยุทธ์ด้านไอทีที่เป็นนวัตกรรมเพื่อรับมือกับพวกมัน Tim Liu CTO แบ่งปันแนวโน้มสูงสุดของเขาในปี 2024:

ผลกระทบของ AI ต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์

การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยได้รับแรงกระตุ้นจากการเปิดตัว ChatGPT และเทคโนโลยี AI อื่นๆ ในปี 2023 ทั้งยังได้เปลี่ยนรูปแบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า AI จะสัญญาว่าจะปรับปรุงความคิดสร้างสรรค์ ประสิทธิภาพการทำงาน และการปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ทั่วไป แต่ก็ยังนำมาซึ่งเวกเตอร์ภัยคุกคามใหม่แบบใหม่อีกด้วย ธรรมชาติของ 'wild West' ในขอบเขตของ AI ร่วมกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ความอ่อนแอของ AI ต่อการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตและการหาประโยชน์ทางวิศวกรรมสังคมที่มีการเสริมพลังด้วยกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เป็นผลให้เกิดความซับซ้อนอีกชั้นต่อภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ เมื่อ AI เข้าถึงได้มากขึ้น ยิ่งก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ทั้งในวัตถุประสงค์ด้านดีและด้านที่เป็นอันตราย อีกทั้งเราต้องยังคงตื่นตัวเสมอเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมา

ความท้าทายด้านความปลอดภัยบนคลาวด์

การนำระบบคลาวด์มาใช้ยังคงไม่หยุดยั้งโดยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการริเริ่มด้าน AI ขององค์กร อย่างไรก็ตาม รูปแบบความรับผิดชอบร่วมกันด้านความปลอดภัยบนคลาวด์และการปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นไม่เป็นที่เข้าใจในระดับสากลโดยเฉพาะในระดับผู้บริหารระดับสูงและระดับคณะกรรมการ ปัญหาต่างๆ เช่น ข้อกังวลด้านความปลอดภัยของอินสแตนซ์บนคลาวด์ที่มีการจัดการแบบระบบไอทีเงาและการขาดการดูแลโดยทีมไอทีที่มีประสบการณ์ มีส่วนทำให้เกิดความท้าทายด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ที่ยังคงอยู่

การขยายพื้นที่โจมตี

การแพร่หลายของอุปกรณ์ Edge รวมถึงอุปกรณ์ IoT สิ่งอำนวยความสะดวกที่เชื่อมต่อกับ 5G และยานพาหนะไฟฟ้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายกำลังขยายขอบเขตภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้นอย่างรวดเร็ว การป้องกันเครือข่ายแบบดั้งเดิมจะต้องพัฒนาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ของการโจมตีใหม่ ๆ และจุดเข้าใช้งานใหม่เหล่านี้โดยต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมสู่ความปลอดภัยทางไซเบอร์

ปัจจัยมนุษย์ในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

ท่ามกลางการมุ่งเน้นไปที่ AI Cloud และอุปกรณ์ปลายทาง ปัจจัยมนุษย์ยังคงเป็นเวกเตอร์การโจมตีที่แพร่หลาย เหตุการณ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์มักเกิดจากการกระทำของมนุษย์โดยเน้นน้ำหนักไปที่ของการปฏิบัติด้านความปลอดภัยพื้นฐาน การอัปเดตการฝึกอบรมพนักงานและการจัดการอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงภัยคุกคามทางไซเบอร์ และทำให้ชัดเจนว่าการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นเป็นปัญหาของผู้คนมากพอ ๆ กับเทคโนโลยี

การแปลงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยดิจิตอล

ในขณะที่ธุรกิจพึ่งพาการทำธุรกรรมดิจิตอลมากขึ้นการสร้างและการรักษาความไว้วางใจดิจิทัลจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น กลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีส่วนทำให้ความไว้วางใจดิจิทัลโดยเน้นที่ท่าทางความปลอดภัยแบบองค์รวมและการพัฒนาที่พัฒนาเช่นการดำเนินงานด้านความปลอดภัย (SECOPS) เครื่องมือเช่น SIEM และ XDR มีบทบาทสำคัญในการย้ายจากการรื้อล่วงหน้าไปยังท่าโพสต์ที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจจับการตอบสนองและการบรรเทา แนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่เช่น SASE และ SSE เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับวิธีการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรและแบบบูรณาการ

ภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2024 ต้องการการปรับตัวและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการไปอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนองค์กรจะต้องระมัดระวังการจัดลำดับความสำคัญของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เน้นผู้คนเป็นศูนย์กลางและยอมรับกลยุทธ์ความปลอดภัยแบบองค์รวมเพื่อนำทางภูมิทัศน์การคุกคามที่พัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

สุขสันต์วันหยุดจาก Hillstone Networks

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ส่งมอบทั้งความลึกและความกว้างของการป้องกันให้กับบริษัททุกขนาดตั้งแต่ Edge ไปจนถึง Cloud ตลอดจนทั่วทั้งภาระงาน แนวทางการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แบบบูรณาการของ Hillstone Networks นำมาซึ่งความครอบคลุม การควบคุมและการรวมเข้าด้วยกันให้กับองค์กรกว่า 26,000 แห่งทั่วโลกwww.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งที่มา: Hillstone Networks

Dr. Akira Yoshino ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะได้รับรางวัล Grand Prize ของ VinFuture Prize

Logo

TOKYO & HANOI, Vietnam–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2023

Dr. Akira Yoshino ผู้ทรงคุณวุฒิกิตติมศักดิ์ของ Asahi Kasei ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะได้รับรางวัล Grand Prize สำหรับ VinFuture Prize ประจำปี 2023 เพื่อยกย่องการมีส่วนร่วมในการประดิษฐ์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LIB)

Dr. Yoshino at the Award Ceremony (Photo: Business Wire)

Dr. Yoshino ในงานเฉลิมฉลองรางวัล (ภาพถ่าย: Business Wire)

Dr. Yoshino ได้มีการคิดค้นวิธีการผสมผสานคาร์บอนใหม่สำหรับอิเล็กโทรดเชิงลบ และ LiCoO2 (ลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์) สำหรับอิเล็กโตรดขั้วบวก พัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับ LIB ซึ่งใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุสำหรับสะสมกระแสบวก และสร้างเซลล์ LIB เซลล์แรกของโลก นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์สำหรับ LIB รวมถึงเทคโนโลยีสำหรับการผลิตอิเล็กโตรด เทคโนโลยีสำหรับการประกอบแบตเตอรี่ และเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งเสริมให้ LIB เป็นแบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่ได้ขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา

Dr. Akira Yoshino ผู้ทรงคุณวุฒิกิตติมศักดิ์ของ Asahi Kasei กล่าวว่า "รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่คิดค้นขึ้นนี้ไม่เพียงทำให้ไอทีระบบเคลื่อนที่สามารถเป็นไปได้ในสังคมเท่านั้น แต่ยังสร้างความยั่งยืนสำหรับอนาคตอีกด้วย LIB จะมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในการใช้พลังงานทดแทนสำหรับการขนส่งและการใช้งานอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น"

รางวัล VinFuture Prize ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นในปี 2020 โดยมูลนิธิ VinFuture ในเวียดนาม เป็นรางวัลที่เชิดชูนักประดิษฐ์และนักวิจัยที่มีความสามารถโดดเด่นจากสถาบันการศึกษา ศูนย์การวิจัย และภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกย่องการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวล้ำและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่นำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเชิงบวกสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก

LIB มีส่วนในการนำอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับข้อมูลและการสื่อสารไปใช้งานทั่วโลกเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีการใช้ยานพาหนะระบบไฟฟ้าและระบบจัดเก็บพลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนความยั่งยืนระดับโลก

พิธีมอบรางวัล VinFuture Prize ประจำปี  2023 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เดือนธันวาคม ปี 2023 ที่กรุงฮานอย เวียดนาม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://vinfutureprize.org/

เกี่ยวกับ Asahi Kasei

Asahi Kasei Group มีส่วนร่วมในการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1922 เนื่องโดยธุรกิจแอมโมเนียและเส้นโยเซลลูโลส โดย Asahi Kasei มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการปรับแปลงพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจในเชิงรุก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของคนในทุกยุคทุกสมัย ด้วยพนักงานกว่า 48,000 คนทั่วโลก บริษัทมีส่วนสนับสนุนสังคมที่ยั่งยืนด้วยการจัดหาแนวทางแก้ไขปัญหาความท้าทายของโลกผ่านสามภาคส่วนของธุรกิจ ได้แก่ วัสดุ บ้าน และการดูแลสุขภาพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.asahi-kasei.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53873584/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Asahi Kasei Corp.
Ryo Kobayashi
อีเมล: ak-houdou@om.asahi-kasei.co.jp

แหล่งข้อมูล: Asahi Kasei

The Bangkok Reporter