MidOcean Energy ของ EIG แต่งตั้ง Armand Lumens เป็น CFO

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

MidOcean Energy (“MidOcean”) อันเป็นบริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศแต่งตั้ง Armand Lumens ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ในวันนี้

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

Mr. Lumens นำประสบการณ์กว่า 30 ปีที่มีความเกี่ยวข้องอย่างมากและมีความเชี่ยวชาญในวงกว้างมาสู่ MidOcean ทั้งในด้าน M&A หุ้นนอกตลาด การพัฒนาธุรกิจ การค้าขาย การเงิน การตรวจสอบ การจัดการความเสี่ยง การร่วมลงทุน การเสนอขายหุ้นแก่เอกชน และการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Armand เข้าสู่ทีม MidOcean” De la Rey Venter ผู้เป็น CEO ของ MidOcean กล่าว “เรามั่นใจในความสามารถของเขาในการขับเคลื่อนความเป็นเลิศทางการเงิน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้บริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาของเขาจะเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่า ในขณะที่ MidOcean จะยังคงดำเนินการตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ต่อไป”

Lumens กล่าวว่า “MidOcean อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะสร้างผลกระทบสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านของภาคส่วนพลังงานผ่านความเชี่ยวชาญและมุ่งเน้นไปที่ LNG ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับ De la Rey และทีม EIG เนื่องจากมันจะเป็นการสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลก”

ล่าสุด Mr. Lumens ดำรงตำแหน่ง Group CFO ของ Neptune Energy ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและปรับใช้กลยุทธ์ทางการเงินและไอทีของบริษัท ตลอดจนบรรลุความสำเร็จในการดำเนินงาน ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งที่ Neptune Energy เขาดำรงตำแหน่ง Group CFO ที่ Louis Dreyfus ก่อนหน้านี้ Mr. Lumens ทำงานที่ Shell มานานกว่า 24 ปี โดยดำรงตำแหน่งอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง CFO ของ Shell Trading ประธานผู้ตรวจสอบภายใน และหัวหน้าฝ่ายการรายงานและการวางแผนภายนอกของกลุ่มอีกด้วย

Mr. Lumens สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและ MBA จากมหาวิทยาลัย Maastricht และปริญญาโทสาขาการเงินจาก London Business School เขาเป็นผู้ตรวจสอบภายในที่ผ่านการรับรองและเป็นศิษย์เก่าของหลักสูตรภาวะผู้นำผู้บริหารของ IMD Mr. Lumens สามารถพูดภาษาอังกฤษ ดัตช์ ฝรั่งเศส เยอรมัน และอิตาลีได้อย่างคล่องแคล่ว

เกี่ยวกับ EIG
EIG คือนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีมูลค่าภายใต้การบริหาร 24.7 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2024 EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 47.9 พันล้านดอลลาร์ให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัท 410 แห่งใน 42 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy
MidOcean Energy ซึ่งเป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย ฟื้นตัวได้ ต้นทุน และคาร์บอนได้ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมมา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง Global Head of LNG ของ Shell Plc ด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

EIG
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งที่มา: EIG

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53985677/en

Falcon 2: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของ UAE เปิดตัวซีรีส์โมเดล AI ใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Llama 3 ใหม่ของ Meta

Logo

  • ซีรีส์ Falcon 2 รุ่นใหม่เปิดตัวโมเดล AI ซึ่งเป็นโอเพ่นซอร์ส หลายภาษา และหลายโมเดลและเป็นโมเดล AI เพียงโมเดลเดียวที่มีความสามารถในการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษา
  • Falcon 2 11B ใหม่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Llama 3 8B ของ Meta และทำงานได้เทียบเท่ากับโมเดล Google Gemma 7B ชั้นนำ ซึ่งได้รับการยืนยันแต่ละรุ่นตามกระดานคะแนน Hugging Face Leaderboard
  • แผนเร่งด่วนปัจจุบันรวมการสำรวจ 'Mixture of Experts' เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่อง

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

Technology Innovation Institute (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ชั้นนำระดับโลกและเป็นเสาหลักด้านการวิจัยประยุกต์ของ Advanced Technology Research Council (ATRC) ของ Abu Dhabi ได้เปิดตัวโครงการวิจัยครั้งที่สองของโมเดลระบบภาษาขนาดใหญ่ (LLM) – Falcon 2 ภายในซีรีส์นี้ บริษัทได้เปิดตัวสองเวอร์ชันที่ก้าวล้ำ ได้แก่ Falcon 2 11B ซึ่งเป็น LLM ที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้น โดยมีการทดสอบบน 5.5 ล้านล้านโทเค็นพร้อมพารามิเตอร์ 11 พันล้านรายการ และ Falcon 2 11B VLM ที่มีความโดดเด่นด้วยความสามารถของโมเดลการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษา (VLM) ซึ่งจะช่วยให้สามารถแปลงอินพุตภาพเป็นเอาท์พุตข้อความได้ แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะสามารถรองรับได้หลายภาษา หากแต่ Falcon 2 11B VLM มีความโดดเด่นในโมเดลต่อเนื่องหลายรูปแบบรุ่นแรกของ TII และเป็นรุ่นเดียวในตลาดระดับสูงในปัจจุบันที่มีความสามารถในการแปลงภาพให้เป็นข้อความ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในนวัตกรรม AI

Falcon Image Caption Generator (Photo: AETOSWire)

ระบบสร้างคำบรรยายภาพ Falcon (ภาพถ่าย: AETOSWire)

การทดสอบกับโมเดล AI ที่โดดเด่นหลายรุ่นในคลาสเดียวกันในบรรดาโมเดลที่มีการทดสอบแล้วต่างๆ Falcon 2 11B มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Llama 3 ที่มีการเปิดตัวใหม่ล่าสุดของ Meta พร้อมพารามิเตอร์ 8 พันล้านรายการ (8B) และทำงานได้เทียบเท่า Gemma 7B ของ Google ในช่วงแรก (Falcon 2 11B: 64.28 เทียบกับ Gemma 7B: 64.29) ซึ่งได้รับการยืนยันแต่ละส่วนโดย Hugging Face ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในสหรัฐอเมริกาที่ให้บริการเครื่องมือการประเมินตามวัตถุประสงค์และกระดานคะแนนระดับโลกสำหรับ LLM แบบเปิด ที่สำคัญกว่านั้น Falcon 2 11B และ 11B VLM ต่างก็เป็นโอเพ่นซอร์ส ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่จำกัด ในอนาคตอันใกล้นี้ มีแผนที่จะขยายโมเดล Falcon 2 รุ่นใหม่ โดยจะมีการเปิดตัวขนาดต่างๆ และจะมีการปรับแต่งโมเดลเหล่านี้เพิ่มเติมด้วยความสามารถด้านการเรียนรู้ขั้นสูงสำหรับเครื่อง อย่างเช่น 'Mixture of Experts' (MoE) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันประสิทธิภาพไปสู่ระดับที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

โมเดล AI ทั้งหมดของ TII ทั้งที่เปิดตัวก่อนหน้านี้จนถึงปัจจุบันได้รับการจัดอันดับในระดับสูงสุดทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ในฐานะโอเพ่นซอร์ส LLM ที่ทรงพลังสูงสุด โมเดล Falcon 2 11B อเนกประสงค์ที่มีการลดขนาดลงและมีการตั้งค่าเพื่อให้ TII มีการใช้งานในตลาดมากยิ่งขึ้นในโลกของ AI เจเนอเรทีฟที่มีการพัฒนาตลอดเวลา

โมเดล Falcon 2 11B มาพร้อมความสามารถในการรองรับหลายภาษา สามารถรับมือกับงานในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน โปรตุเกส และภาษาอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและขยายประสิทธิผลในสถานการณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย Falcon 2 11B VLM ซึ่งเป็นโมเดลที่มีการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษา มีความสามารถในการระบุและแปลภาพและการมองเห็นจากสภาพแวดล้อม พร้อมแอปพลิเคชันการใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิเช่น การดูแลสุขภาพ การเงิน อีคอมเมิร์ซ การศึกษา และกฎหมาย แอปพลิเคชันเหล่านี้สามารถใช้งานทั้งการจัดการเอกสาร การจัดเก็บถาวรระบบดิจิทัล และการจัดทำดัชนีบริบท เพื่อสนับสนุนผู้ใช้งานที่มีความบกพร่องด้านการมองเห็น นอกเหนือจากนี้ โมเดลเหล่านี้ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เพียงหน่วยเดียว ทำให้สามารถปรับขนาดได้อย่างเต็มรูปแบบ และง่ายในการปรับใช้และผสานรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่มีขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อป และอุปกรณ์อื่นๆ เป็นต้น

H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC และที่ปรึกษาด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และเทคโนโลยีขั้นสูงของประธานาธิบดี UAE กล่าวว่า “ด้วยการเปิดตัวของ Falcon 2 11B เรามีการเปิดตัวโมเดลแรกในซีรีส์ Falcon 2 ในขณะที่ Falcon 2 11B แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่น เราขอยืนยันความมุ่งมั่นของเราต่อการพัฒนาของโอเพ่นซอร์สและต่อ Falcon Foundation ด้วยโมเดลต่อเนื่องหลายรูปแบบอื่นๆ ที่จะออกสู่ตลาดในขนาดต่างๆ ในเร็วๆ นี้ เป้าหมายของเราคือ เพื่อให้แน่ใจว่า นักพัฒนาและหน่วยงานที่ให้ความสำคัญในความเป็นส่วนตัวจะสามารถเข้าถึงหนึ่งในโมเดล AI ที่ดีที่สุด เพื่อเริ่มต้นใช้งาน AI ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ”

Dr. Hakim Hacid กรรมการบริหารและรักษาการหัวหน้านักวิจัยของ AI Cross-Center Unit ที่ TII กล่าวถึงโมเดลดังกล่าวว่า “AI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาต่างตระหนักถึงคุณประโยชน์มากมายของโมเดลขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากการลดข้อกำหนดด้านความสามารถในการประมวลผลและสอดคล้องตามเกณฑ์ความยั่งยืนแล้ว โมเดลเหล่านี้ยังมีความยืดหยุ่นที่มากขึ้น โดยมีการผสานรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน edge AI ได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป นอกเหนือจากนี้ ความสามารถในการแปลงการมองเห็นให้เป็นภาษาของ Falcon 2 เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่สำหรับการเข้าถึง AI ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ด้วยการแปลงภาพให้เป็นข้อความได้เป็นอย่างดี”

ความอเนกประสงค์ของ Falcon 2 11B ยังช่วยให้ TII พิจารณาการทำงานร่วมกับนวัตกรรมของ GenAI ที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือ การนำความสามารถในการเรียนรู้รูปแบบใหม่ของเครื่องที่เรียกว่า ‘Mixture of Experts’ ตามที่กล่าวถึงข้างต้น วิธีการนี้มีความเกี่ยวข้องกับการรวมเครือข่ายขนาดเล็กที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า โดเมนที่มีฐานความรู้สูงสุดสามารถทำงานร่วมกันเพื่อนำเสนอการตอบสนองที่ซับซ้อนและมีการปรับแต่งได้เป็นอย่างดี – เหมือนการมีทีมผู้ช่วยที่ชาญฉลาดซึ่งแต่ละคนมีความรู้ที่แตกต่างกันมาทำงานร่วมกัน เพื่อการคาดการณ์หรือตัดสินใจเมื่อจำเป็น แนวทางนี้ไม่เพียงจะช่วยให้สามารถมีความแม่นยำที่สูงขึ้น แต่ยังช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถปูทางไปสู่ระบบ AI ที่มีความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Falcon 2 11B ได้รับอนุญาตภายใต้ TII Falcon License 2.0 ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บน Apache 2.0 ที่ผ่านการรับรอง โดยรวมนโยบายการใช้งานซึ่งเป็นที่ยอมรับเพื่อส่งเสริมการใช้งาน AI อย่างรอบคอบ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเดลใหม่ได้ที่ FalconLLM.TII.ae

แหล่งข้อมูลAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53984622/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan, Senior Director of Communications
Jennifer.dewan@tii.ae

แหล่งข้อมูล: The Technology Innovation Institute

บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ใช้ Boomi เพื่อสร้าง Data Core ที่เสถียร

Logo

HEB Construction ของนิวซีแลนด์ใช้ Boomi เพื่อเชื่อมต่อการดําเนินงานในท้องถิ่นและบูรณาการเข้ากับการปรับปรุง ERP ของบริษัทแม่ให้ทันสมัย ปกป้องความสามารถในท้องถิ่น การกํากับดูแล และความพร้อมของ AI

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

Boomi™ ผู้นําด้านบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ได้ประกาศในวันนี้ว่า HEB Construction เลือก Boomi เพื่อเปิดใช้งานการส่งมอบโครงการปรับปรุงการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ให้ทันสมัย ซึ่งรับประกันความสอดคล้องทั่วโลกกับบริษัทแม่ สนับสนุนการกํากับดูแลท้องถิ่น และสร้างปรัชญาการนํากลับมาใช้ใหม่

Major Construction Company Deploys Boomi to Build Stable Data Core (Graphic: Business Wire)

บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ใช้ Boomi เพื่อสร้าง Data Core ที่เสถียร (กราฟิก: Business Wire)

HEB Construction (HEB) เป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ที่มีพนักงาน 1,500 คนในนิวซีแลนด์ บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดยให้บริการโครงการพัฒนาถนน ทางรถไฟ ทางทะเล ที่ดิน และเมืองทั่วประเทศ ในปี 2015 HEB ถูกซื้อกิจการโดย VINCI Construction

ในปี 2022 HEB เริ่มนําโครงการ ERP ของบริษัทแม่มาใช้ ซึ่งถือเป็นการใช้งานครั้งแรกนอกสหภาพยุโรป แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วแพลตฟอร์ม ERP จะเข้ามาแทนที่ระบบในประเทศทั้งหมด แต่ก็ไม่เหมาะสําหรับ HEB เนื่องจากการครบกำหนดของการลงทุนด้านเทคโนโลยีในท้องถิ่นที่มีอยู่ และกรอบการกํากับดูแลที่ดําเนินการอยู่

“ด้วยข้อกําหนดด้านกฎระเบียบและการทํางานของนิวซีแลนด์ ซึ่งขัดแย้งกับกับตลาดที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ จึงเห็นได้ชัดว่า 'การปลูกถ่ายดิจิทัล' นั้นไม่เหมาะสม เนื่องจาก HEB ต้องการแนวทางที่แตกต่างออกไป” Mircel Van Der Walt สถาปนิกองค์กรของ HEB Construction กล่าว “ทีมของผมได้พิจารณาแนวทางการบูรณาการแบบไฮบริดแทน การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงได้รับแรงผลักดันจากความจําเป็นสําหรับระบบการกํากับดูแลที่เป็นไปตามข้อกำหนดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความจําเป็นของเราในการรักษาความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ในระบบท้องถิ่นเช่น ทรัพยากรบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่า ERP ใหม่จะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยนี้ เราตระหนักดีว่า HEB จะได้รับความไว้วางใจจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมโดยใช้แกนกลางที่มั่นคงเท่านั้น”

HEB ใช้ integration platform as a service (iPaaS) ของ Boomi เพื่อสร้างฮับและพูดถึงรูปแบบการบูรณาการระหว่างแอปพลิเคชันในท้องถิ่น รวมถึงบัญชีเงินเดือน ใบบันทึกการทำงาน การจัดการสินค้าคงคลัง และระบบบํารุงรักษาอุปกรณ์ การใช้โครงสร้างข้อมูลของ ERP เป็นมาตรฐานข้อมูล HEB ได้สะท้อนรูปแบบท้องถิ่นด้วยสแต็ก ERP ทั่วโลกเพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างฮับกับฮับ แนวทางนี้ทำให้เกิดการสื่อสารที่ราบรื่นระหว่างทั้งสองบริษัท และสร้างรูปแบบการบูรณาการที่นํากลับมาใช้ใหม่ได้

“แม้ว่าโครงการ ERP จะมีความซับซ้อน แต่ 'สล็อต' ของเราในการเปิดตัวทั่วโลกที่ใหญ่ขึ้นก็ยังคงรักษากรอบเวลา 12 เดือนที่เข้มงวดเหมือนเดิม แต่ด้วย Boomi Enterprise Platform เรามีเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถส่งมอบตรงเวลา รวมถึงสร้างอินเทอร์เฟซการออกแบบที่มีคุณค่าในการนํากลับมาใช้ใหม่ โดยสามารถจําลองสิ่งที่เราประสบความสําเร็จในส่วนอื่นๆ ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการ์ดเรล ข้อบังคับ และข้อกําหนดในการปฏิบัติงานในท้องถิ่นที่คล้ายคลึงกัน”

HEB ยังใช้ Boomi Master Data Hub (MDH) เพื่อเพิ่มการทํางานร่วมกันและความแม่นยําให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วย MDH HEB สามารถจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างครอบคลุมผ่านเลเยอร์ที่เป็นนามธรรมสามชั้น ได้แก่ คน โครงการ และอุปกรณ์

“ด้วยการกําหนดขอบเขตระหว่างต้นแบบข้อมูลทั้งสามแบบ ข้อมูล ERP จึงสามารถป้อนผ่านได้อย่างแม่นยำ และลงจอดในตำแหน่งที่ควรจะเป็นในท้องถิ่น และในทางกลับกัน ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ข้อมูลการจ้างงานใหม่จะดึงข้อมูล 'ผู้คน' ของ Boomi ของเรา และไหลไปที่ ERP เมื่อถึงความสมบูรณ์ของข้อมูลขั้นต่ำ

“เรากําลังกลายเป็นธุรกิจที่เน้นดิจิทัล ไม่ใช่แค่บริษัทก่อสร้างที่มีข้อมูลเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเราไม่ได้เพียงแค่ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมเท่านั้น เรากําลังให้ความหมายแก่ระบบโดยการเชื่อมต่อระบบเหล่านี้เข้ากับแกนข้อมูลองค์กรที่มีความเสถียร สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับแผน AI ของเรา เนื่องจากคุณไม่สามารถมี AI ได้หากไม่มี IA (สถาปัตยกรรมข้อมูล) ด้วย Boomi ตอนนี้เราพร้อมแล้ว”

Nathan Gower ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายองค์กร APAC ของ Boomi กล่าวว่า “นี่เป็นตัวแทนที่แท้จริงของนวัตกรรมในท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทระดับโลกยอมรับข้อกําหนดเฉพาะที่จําเป็นในภูมิภาค HEB ใช้ Boomi เพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแบบผสมผสาน และด้วยการทําเช่นนั้น ได้สร้างความเข้าใจร่วมกันว่าไม่มีค่ายไหน แต่ทั้งสององค์กรใช้ระบบและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างผลลัพธ์แบบบูรณาการที่บรรลุเป้าหมายร่วมกัน”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจด้วยการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ในฐานะบริษัทชั้นนําการให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) ระดับโลก Boomi เฉลิมฉลองให้กับลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 20,000 รายและเครือข่ายพันธมิตร 800 รายทั่วโลก องค์กรต่างๆ หันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน ข้อมูล และผู้คนเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© © 2024 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์. ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่าย Influencer Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53984377/en

ที่มา: Boomi

AGC Group ได้รับการรับรอง First Cradle to Cradle Certified® เป็นครั้งแรกสําหรับผลิตภัณฑ์กระจกภายใน Mirox MNGE ในเอเชีย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

Mirox MNGE ของ AGC Glass Asia กระจกตะกั่วต่ำ ได้รับรางวัล Cradle to Cradle Certified® ในระดับทองแดงตามเวอร์ชัน 3.1 การรับรองนี้ครอบคลุมถึงการผลิตโดยบริษัทในเครือ AGC Group สองแห่งในเอเชีย ได้แก่ PT Asahimas Flat Glass Tbk และ AGC Float Glass (ประเทศไทย)

The AGC Group Obtains Its First Cradle to Cradle Certified® for Mirox MNGE Interior Glass Products in Asia (Graphic: Business Wire)

AGC Group ได้รับการรับรอง First Cradle to Cradle Certified® เป็นครั้งแรกสําหรับผลิตภัณฑ์กระจกภายใน Mirox MNGE ในเอเชีย (รูปกราฟิก​: Business Wire)

กระจก Mirox MNGE ได้รับการประเมินอย่างละเอียดตามเกณฑ์การประเมินหลักห้าประเภท ได้แก่ สุขภาพวัสดุ การนําวัสดุกลับมาใช้ใหม่ พลังงานหมุนเวียน การดูแลน้ำ และความเป็นธรรมทางสังคม การรับรองนี้ไม่เพียงตรวจสอบข้อมูลประจําตัวด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการได้รับการรับรองอาคารเขียว เช่น LEED, WELL และ Green Star (ออสเตรเลีย)

AGC Group ได้กําหนด “ค่านิยมทางสังคมสามประการ” ที่จะสร้างขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในแผนการจัดการระยะกลาง “AGC plus-2026” หนึ่งในนั้นคือ “Blue planet” มีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมโลก ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ด้วยการได้รับการรับรอง Cradle to Cradle Certified® กลุ่มบริษัทกําลังสานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง

เกี่ยวกับ AGC

AGC Inc. (สํานักงานใหญ่: โตเกียว ประธานและซีอีโอ: Yoshinori Hirai) (TOKYO: 5201) เป็นบริษัท แม่ของ AGC Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นกระจกชั้นนําของโลก และผู้จัดจําหน่ายกระจกแผ่นราบ ยานยนต์ และจอแสดงผล เคมีภัณฑ์ เซรามิก ตลอดจนวัสดุและส่วนประกอบไฮเทคอื่นๆ ด้วยนวัตกรรมทางเทคนิคที่สั่งสมมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ AGC Group ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยมากมาย กลุ่มบริษัทมีพนักงานประมาณ 57,000 คนทั่วโลก และสร้างยอดขายต่อปีประมาณ 2.0 ล้านล้านเยน (ประมาณ 13.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ผ่านการดําเนินงานในกว่า 30 ประเทศและภูมิภาค เรียนรู้เพิ่มเติมที่ เว็บไซต์ของ AGC และบน LinkedIn

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53983396/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Irene Chen โทร: +65 6273 5656, อีเมล: info-pr@agc.com

RunPod ระดมทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐในการระดมทุน Seed ที่นําโดย Intel Capital และ Dell Technologies Capital

Logo

RunPod ผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกสําหรับแอปพลิเคชัน AI กําลังดึงดูดนักพัฒนาจากหลากหลายอุตสาหกรรม และเร่งการเติบโตของแพลตฟอร์ม

MT. LAUREL, N.J.–( BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

RunPod ซึ่งเป็น Launchpad ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับใช้แอปพลิเคชัน AI แบบฟูลสแตกแบบกําหนดเอง ประกาศในวันนี้ว่าได้ระดมทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการระดมทุน Seed ซึ่งนําโดย Intel Capital และ Dell Technologies Capital โดยมีความร่วมมือจาก Julien Chaummond, Nat Friedman และ Adam Lewis ร่วมกับการจัดหาเงินทุน Mark Rostick รองประธานและกรรมการผู้จัดการอาวุโสของ Intel Capital จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ RunPod

RunPod เป็นบริการประมวลผลบนคลาวด์ GPU ที่กระจายทั่วโลกสําหรับการฝึกอบรม การปรับใช้ และการปรับขนาดโมเดล AI ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์หลักสองรายการของ RunPod ได้แก่ GPU Cloud และ Serverless นักพัฒนาสามารถหมุนอินสแตนซ์ GPU ตามความต้องการได้ในไม่กี่คลิก และสร้างจุดสิ้นสุด API ที่ปรับขนาดอัตโนมัติสําหรับการอนุมานแบบปรับขนาดบนโมเดล AI ในการผลิต

“ความสามารถในการสร้างและปรับใช้แอปพลิเคชัน AI ในวงกว้างจะเป็นสิ่งสําคัญยิ่งต่อการนําไปใช้และการใช้งาน” Amjad Masad นักลงทุน RunPod กล่าว “ทีม RunPod ได้ให้ความสําคัญกับประสบการณ์นักพัฒนาอย่างชัดเจน เพื่อสร้างโซลูชันที่สวยงามซึ่งช่วยให้บุคคลสามารถพัฒนาแอป AI ที่กําหนดเองได้อย่างรวดเร็ว หรือการบูรณาการ ในขณะเดียวกันก็ปูทางให้องค์กรต่างๆ สามารถปฏิบัติตามคํามั่นสัญญาของ AI ได้อย่างแท้จริง”

RunPod ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเรียกใช้เวิร์กโหลด GPU ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้พวกเขามุ่งเน้นไปที่การทํางานของแมชชีนเลิร์นนิงน้อยลง และให้ความสําคัญกับการสร้างแอปพลิเคชันมากขึ้น ความสามารถเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์สําหรับนักพัฒนาและส่งผลให้ RunPod ขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยการเติบโตของรายได้ 10 เท่าทุกปี

“RunPod เริ่มต้นจากการเป็นสนามเด็กเล่นสําหรับนักพัฒนาและนักนวัตกร ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาไปทําวิจัย พัฒนา และปรับแต่งโครงการของพวกเขา ตอนนี้มีชุมชนนักพัฒนามากกว่า 100,000 คน” Zhen Lu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ RunPod กล่าว “เราเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะ RunPod สร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างการให้อิสระแก่นักพัฒนา ในการเปิดตัวสิ่งที่พวกเขาต้องการ ในขณะที่ยังคงมีโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือที่จําเป็นเพื่อช่วยในการปรับแต่ง การพัฒนา และการปรับใช้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง”

การเกิดขึ้นของปริมาณงานเฉพาะด้าน AI ทําให้เกิดความต้องการด้านการคํานวณที่เพิ่มขึ้น เมื่อโซลูชั่นท่ใช้งานได้จริงแล้ว แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่พร้อมใช้งานทันที จะไม่คุ้มค่าหรือเร็วพอที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างแบบกําหนดเองได้อีกต่อไป ด้วย RunPod นักพัฒนาสามารถพัฒนา ฝึกอบรม ปรับขนาด และเปิดตัวแอปพลิเคชัน AI แบบฟูลสแตกแบบกําหนดเอง หรือการบูรณาการในระบบคลาวด์ในระดับโลกได้อย่างน่าเชื่อถือและง่ายดาย

“RunPod เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งฐานลูกค้าและรายได้ ด้วยการนําเสนอแพลตฟอร์มที่กว้างขวาง รวดเร็ว และใช้งานง่าย ซึ่งตอบสนองความต้องการของนักพัฒนาและแอปพลิเคชันโมเดลสามมิติของพวกเขา” Mark Rostick รองประธานและหุ้นส่วนผู้จัดการอาวุโสของ Intel Capital กล่าว “ผมได้ดูโมเมนตัมของ RunPod ตั้งแต่สตาร์ทอัพขนาดเล็กที่นำเสนอระบบนิเวศให้กับนักพัฒนาแต่ละราย เพื่อเริ่มต้นการวิจัยและพัฒนาไปจนถึงข้อเสนอแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ ที่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถปรับขนาดผลิตภัณฑ์และโซลูชันคุณภาพสูงที่กําหนดเองได้”

การเติบโตอย่างรวดเร็วและการยอมรับของนักพัฒนาทําให้เกิดความจําเป็นในการขยายทีมเกือบ 10 เท่าในปีที่ผ่านมา โดยสร้างตัวเองให้เป็นผู้นําในการบุกเบิกการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย GPU AI แพลตฟอร์มดังกล่าวเพิ่งเปิดตัวความสามารถในการปรับใช้อินสแตนซ์การประมวลผลของ CPU ซึ่งเป็นก้าวสําคัญในการสร้างโซลูชันระบบคลาวด์แบบองค์รวม การระดมทุน Seed นี้จะช่วยให้ RunPod สามารถยกระดับชีวิตประจําวันของนักพัฒนา สร้างพันธมิตรใหม่และการบูรณาการ เพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่น และนําเสนอรากฐานที่สมบูรณ์แบบสําหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน สําหรับการพัฒนาโมเดล AI แบบกําหนดเอง

“ในขณะที่องค์กรปรับใช้แอปพลิเคชัน AI ในการผลิตมากขึ้น กุญแจสู่ความสําเร็จคือการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปรับขนาดได้ นี่คือสิ่งที่ Zhen, Pardeep และทีมงานสร้างขึ้นด้วยแพลตฟอร์ม RunPod” Radhika Malik หุ้นส่วนของ Dell Technologies Capital กล่าว “พวกเขามุ่งมั่นที่จะรักษาประสบการณ์การพัฒนาเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่พวกเขาทํา ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกอย่างท่วมท้นจากชุมชน และการเติบโตของผู้ใช้ที่น่าประทับใจและยั่งยืน”

เกี่ยวกับ RunPod:

RunPod เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ GPUที่กระจายทั่วโลก ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับใช้แอปพลิเคชัน AI แบบฟูลสแตกแบบกําหนดเองได้ง่ายๆ ทั่วโลก และในวงกว้าง ด้วยข้อเสนอหลักของ RunPod อินสแตนซ์ GPU และ GPU แบบไร้เซิร์ฟเวอร์ นักพัฒนาสามารถพัฒนา ฝึกฝน และปรับขนาดแอปพลิเคชัน AI ในระบบคลาวด์เดียวภายในไม่กี่วินาที RunPod มุ่งมั่นที่จะทําให้การประมวลผลบนคลาวด์สามารถเข้าถึงได้และราคาไม่แพง โดยไม่กระทบต่อคุณสมบัติ การใช้งาน หรือประสบการณ์ มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคคลและองค์กรด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย  ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถปลดล็อกศักยภาพของ AI และการประมวลผลบนคลาวด์ได้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ RunPod โปรดไปที่ https://www.runpod.io/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ
Chris Love
press@runpod.io

ที่มา: RunPod

การวิจัยวัคซีนที่ใช้ LC-Plasma ได้รับเลือกสำหรับโครงการ SCARDA

Logo

– มุ่งเน้นการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ –

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings)(TOKYO:2503) และ National Institute of Infectious Diseases (NIID) ร่วมมือกันดำเนินการศึกษาเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในการป้องกันของพลาสม่าสายพันธุ์ L. lactis [โพสต์ไบโอติก] (LC-Plasma) สำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ เราขอประกาศว่า ข้อเสนอสำหรับการร่วมมือในการวิจัยของเราได้รับการยอมรับให้เป็นโครงการสำหรับการวิจัยและการพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาวัคซีนโดยศูนย์ยุทธศาสตร์การวิจัยและการพัฒนาวัคซีนขั้นสูงทางชีวการแพทย์เพื่อการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (Strategic Center of Biomedical Advanced Vaccine Research and Development for Preparedness and Response – SCARDA) ในหน่วยงานของญี่ปุ่น สำหรับการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ (Medical Research and Development – AMED)

ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการวิจัย

หัวข้อ: การพัฒนาวัคซีนโดยใช้พลาสม่าสายพันธุ์ Lactococcus ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นความจำโดยธรรมชาติ

ตัวแทน: Tetsuro Matano รองอธิบดี NIID

ตัวแทน: Daisuke Fujiwara เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ผู้จัดการทั่วไป สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ Kirin Holdings

หัวข้อเฉพาะ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาวัคซีนโดยใช้ LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ

ภูมิหลัง
SCARDA ก่อตั้งขึ้นที่ AMED เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2022 ตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อเสริมเงินทุนการวิจัยเชิงกลยุทธ์และเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์การวิจัยและการพัฒนาระดับโลก (https://www.amed.go.jp/en/program/list/21/index.html) SCARDA สนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาสำหรับวัคซีนรุ่นใหม่ มีความคาดหวังว่า วัคซีนแบบดั้งเดิมจะสามารถกระตุ้นการตอบสนองภูมิคุ้มกันแบบปรับสภาพ รวมถึงการตอบสนองของแอนติบอดีและทีเซลล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสและแบคทีเรีย เมื่อไม่นานมานี้ มีการพูดคุยกันถึงแนวคิดการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผ่านการฝึก และมีการทดลองพัฒนาวัคซีนที่มีการกระตุ้นการตอบสนองโดยธรรมชาติต่อโรคติดเชื้อให้มีประสิทธิผล ซึ่งยังไม่บรรลุผลสำเร็จ

LC-Plasma มีคุณลักษณะที่โดดเด่นในความสามารถกระตุ้นเซลล์พลาสมาซีตอยด์เดนไดรติก (plasmacytoid dendritic cells – pDCs) และกระตุ้นการผลิตอินเตอร์เฟอรอน ซึ่งนำไปสู่การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น จากการวิจัยร่วมกันกับ NIID ทาง Kirin Holdings มีการยืนยันว่า สามารถยับยั้งตัวจำลองแบบ SARS-CoV-2 ได้โดย pDC ส่วนลอยเหนือตะกอนจากการเพาะเลี้ยง ที่ได้รับการกระตุ้นด้วย LC-Plasma (Ishii et al, BBRC 662:26, 2023)

ในขณะนี้ Kirin Holdings และ NIID มีการดำเนินการวิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนาวัคซีนที่กระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติต่อการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ โดยใช้ LC-Plasma สำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ โครงการนี้มีขึ้นเพื่อสำรวจศักยภาพของการฉีดวัคซีน LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ รวมถึง SARS-CoV-2 และไวรัสไข้หวัดใหญ่

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจยา) และภาพส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทมีการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจยาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ซึ่งยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 มีการก่อตั้ง Kirin Holdings ขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันมุ่งเน้นการขยายภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้ วิสัยทัศน์ของ Kirin Group ปี 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่ม จนถึงด้านเภสัชกรรม นับจากนี้เป็นต้นไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถเติบอย่างยั่งยืนในองค์กร

* สร้างเสริมคุณค่าร่วมกัน ผสานรวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53976235/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Press Contact
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

National Institute of Infectious Diseases Contact
1-23-1 Toyama, Shinjuku-ku, Tokyo
+81-3-5285-1111
info@nih.go.jp

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

ATMECS Global เร่งสร้างนวัตกรรม AI ด้วยการเข้าร่วมเครือข่ายพันธมิตร NVIDIA ในฐานะที่ปรึกษาของ Solution Advisor

Logo

ซานโฮเซ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–06 พฤษภาคม 2024

ATMECS Global ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้และโซลูชันทางวิศวกรรม ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าเครือข่ายพันธมิตร NVIDIA ในฐานะที่ปรึกษาของ Solution Advisor แล้ว โดยความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของ ATMECS เพื่อกำหนดนิยามใหม่ของภูมิทัศน์ AI และ ML พร้อมเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมและความเป็นเลิศในการนำเสนอโซลูชัน AI ยุคถัดไป

Lori Banas-Chief AI/ML Officer (Photo: Business Wire)

Lori Banas-หัวหน้าเจ้าหน้าที่ AI/ML (รูปภาพ: Business Wire)

ATMECS จะสนับสนุนลูกค้าในการสร้างและปรับใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนโดย NVIDIA ที่หลากหลาย — รวมถึงผ่านการใช้ NVIDIA Omniverse ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการพัฒนาสำหรับแบบจำลองเสมือนจริงของวัตถุทางกายภาพ, AI ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ที่ประกอบกับไมโครเซอร์วิสแบบอินเฟอเรนซ์ต่าง ๆ NVIDIA NIM และ แพลตฟอร์ม NVIDIA AI Enterprise สำหรับการปรับใช้บนระบบคลาวด์และในสถานที่ รวมทั้งแพลตฟอร์ม NVIDIA Jetson สำหรับ AI และวิทยาการหุ่นยนต์แบบ Edge ที่เร่งความเร็ว

ลอรี บานัส ซึ่งเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ AI/ML ของ  ATMECS ได้เล่าความตื่นเต้นที่มีต่อการประกาศนี้ว่า “พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ NVIDIA ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของเราในการใช้พลังการเปลี่ยนแปลงของ AI และ ML เรามุ่งมั่นที่จะปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ และนำเสนอโซลูชัน AI ที่ล้ำสมัยซึ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันสำหรับลูกค้าของเรา”

ความร่วมมือกับ NVIDIA ช่วยให้ ATMECS สามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและเทคโนโลยี AI และ ML ที่หลากหลาย รวมถึง GPU ที่ล้ำสมัย เครือข่ายความเร็วสูง และแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุม  ผลงานเครื่องมือและความเชี่ยวชาญของ NVIDIA นี้ช่วยให้ ATMECS ออกแบบและใช้งานโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูง ซึ่งตอบสนองกรณีการใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรม ตั้งแต่สื่อและความบันเทิงไปจนถึงการดูแลสุขภาพ การเงิน การค้าปลีก และการผลิต

“ด้วย NVIDIA เราไม่เพียงแค่ยอมรับอนาคตของ AI เท่านั้น;  เรากำลังกำหนดรูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยสร้างมูลค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ให้กับลูกค้าและอุตสาหกรรมของเราทั่วโลก” ราวี เวลากาปุดี ผู้ก่อตั้งและประธานของ ATMECS กล่าว

ด้วย AI ลูกค้าของ ATMECS เปลี่ยนวิธีดำเนินการและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ จึงเกิดความได้เปรียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด AI ที่มีการแข่งขันสูง  ด้วยการบูรณาการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของ NVIDIA เข้ากับความเชี่ยวชาญในด้าน AI และการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางของ ATMECS ความร่วมมือดังกล่าวจึงพร้อมนำเสนอโซลูชั่นที่ไม่เพียงแต่พัฒนากระบวนการทางธุรกิจ แต่ยังสร้างมูลค่าที่สำคัญให้กับลูกค้าด้วย

กายาทรี มาโลลัน ซีอีโอของ ATMECS กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ NVIDIA นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มคุณค่าที่เรานำเสนอ  แต่ยังเป็นตัวเร่งในการส่งเสริมและขยายกลุ่มผู้มีความสามารถของเรา ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเติบโต”

การประกาศนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ATMECS ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและส่งมอบคุณค่าที่โดดเด่นผ่าน AI การสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ และการขับเคลื่อนคลื่นแห่งความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าและอุตสาหกรรมในวงกว้างของพวกเขาต่อไป

คุณสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ ATMECS และโครงการริเริ่มด้าน AI ได้ที่ www.atmecs.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53971471/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ลอรี บานัส- หัวหน้าเจ้าหน้าที่ AI/ML
lori.banas@atmecs.com
info@atmecs.com

ที่มาข้อมูล: ATMECS Global

KLDiscovery ดำเนินการเพื่อเสริมสร้างงบดุลและรากฐานทางการเงินระยะยาว

Logo

บรรลุข้อตกลงในหลักการกับผู้ถือหุ้นกู้และผู้ให้กู้ยืมเงินระยะยาวเพื่อลดหนี้

โครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งจะสนับสนุนรูปแบบการเติบโตของ KLDiscovery และการลงทุนในโซลูชันลูกค้าชั้นนำของตลาด

คาดว่าจะปิดธุรกรรมได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้

อีเดน แพรรี, มินนิโซตา–(BUSINESS WIRE)–03 พฤษภาคม 2024

KLDiscovery Inc. (“KLDiscovery” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการจัดการข้อมูล การกำกับดูแลข้อมูล eDiscovery และบริการให้คำปรึกษา ได้ประกาศวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงในหลักการกับผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพหลักและเงินต้น ผู้ให้กู้ยืมระยะยาวจะช่วยลดหนี้ระยะยาวของบริษัทได้อย่างมาก และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของบริษัท ส่งผลให้ KLDiscovery สามารถมุ่งเน้นไปที่รูปแบบการเติบโตของบริษัท และขับเคลื่อนการลงทุนในโซลูชันลูกค้าชั้นนำของตลาดได้

“การประกาศในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทของเราในขณะที่เราก้าวไปสู่อนาคตด้วยโครงสร้างเงินทุนที่สนับสนุนทีมงานชั้นนำในอุตสาหกรรมของเรา และวัตถุประสงค์การเติบโตและผลกำไรในระยะยาว” Chris Weiler ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ KLDiscovery กล่าว “KLDiscovery เป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งโดยมีตำแหน่งทางการตลาดชั้นนำ มีแบรนด์ชั้นนำ และมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต ข้อตกลงนี้เน้นย้ำความเชื่อของพันธมิตรทุนรายสำคัญของเราในวิสัยทัศน์นั้น และจะทำให้บริษัทของเรามีความยืดหยุ่นทางการเงินที่จำเป็นในการส่งมอบนวัตกรรม การคิดขั้นสูง และข้อเสนอที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันที่ลูกค้าของเราคาดหวังจากเรา ทีมงาน KLDiscovery ทั่วโลกมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม และกำลังก้าวไปข้างหน้าโดยมุ่งเน้นที่การช่วยเหลือลูกค้าของเราในจัดการกับข้อมูลที่ท้าทายที่สุด ความต้องการด้านกฎหมาย และกฎระเบียบ”

ภายใต้การดำเนินการตามเอกสารขั้นสุดท้าย ธุรกรรมดังกล่าวทำให้เกิดการแปลงหุ้นกู้แปลงสภาพคงเหลือของบริษัทให้เป็นประมาณ 96% ของส่วนของหุ้นสามัญคงค้างเสมือนของ KLDiscovery นอกจากนี้ ระยะเวลาครบกำหนดของเงินกู้ของบริษัทจะขยายไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2027

ข้อตกลงในหลักการนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของผู้ถือหุ้นกู้ของ KLDiscovery รวมถึงผู้ให้กู้ยืมระยะยาวของ KLDiscovery อีกทั้งยังทำให้บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในการเติบโตและบริการและซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยี การแบ่งส่วนทุนโดยประมาณที่อธิบายไว้ข้างต้นอาจมีการปรับเปลี่ยนอันเป็นผลมาจากการหารืออย่างต่อเนื่องและเอกสารสรุปของการทำธุรกรรม

ข่าวนี้มาพร้อมกับผลการดำเนินงานทางการเงินที่ทำลายสถิติของ KLDiscovery ในปี 2023 ซึ่งสะท้อนถึงรายได้ทั้งปีที่แข็งแกร่ง EBITDA และ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว บริษัทกำลังสร้างแรงผลักดันนี้ด้วยการขยายขนาดอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการกับเรื่องที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุดแทนฐานลูกค้าทั่วโลกที่กำลังเติบโต KLDiscovery ยังคงลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งนำโดย Nebula ซึ่งเป็นโซลูชันขับเคลื่อน AI / ML แบบ end-to-end ระดับเรือธงของบริษัท ซึ่งทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มเดียวในการมีส่วนร่วมสำหรับข้อมูลทางกฎหมายและข้อมูลประเภทอื่น ๆ

ที่ปรึกษา KLDiscovery

Gibson, Dunn & Crutcher LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย Guggenheim Securities, LLC ทำหน้าที่เป็นวาณิชธนากร AlixPartners ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ C Street Advisory Group ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการสื่อสารเชิงกลยุทธ์

เกี่ยวกับ KLDiscovery

KLDiscovery ให้บริการและซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยบริษัทกฎหมาย องค์กร และหน่วยงานภาครัฐในการแก้ปัญหาความท้าทายด้านข้อมูลที่ซับซ้อน ด้วยสำนักงานในสถานที่ตั้ง 26 แห่งใน 17 ประเทศ KLDiscovery เป็นผู้นำระดับโลกในการนำเสนอโซลูชั่นการจัดการข้อมูล การกำกับดูแลข้อมูล และ eDiscovery ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน เพื่อสนับสนุนความต้องการในการดำเนินคดี การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการตรวจสอบภายในของลูกค้า KLDiscovery ให้บริการแก่องค์กรต่างๆ มานานกว่า 30 ปี โดยนำเสนอการรวบรวมข้อมูลและการสืบสวนทางนิติเวช การประเมินกรณีเบื้องต้น การประมวลผลข้อมูล แอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ และการโฮสต์ข้อมูลสำหรับการตรวจสอบเอกสารบนเว็บ และบริการตรวจสอบเอกสารที่ได้รับการจัดการ นอกจากนี้ ด้วยธุรกิจการจัดการข้อมูลแบบ Ontrack ระดับโลก KLDiscovery ได้มอบการกู้คืนข้อมูลระดับโลก การกู้คืนระบบในกรณีที่ระบบหลักเกิดความเสียหาย การสกัดและกู้คืนอีเมล การทำลายข้อมูล และการจัดการเทปสำรองข้อมูล KLDiscovery ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในอเมริกาเหนือจากทั้ง Inc. Magazine (Inc. 5000) และ Deloitte (Deloitte's Technology Fast 500) อีกทั้ง CEO Chris Weiler ยังได้รับรางวัล Ernst & Young Entrepreneur of the Year™ ประจำปี 2014 อีกด้วย นอกจากนี้ KLDiscovery ยังเป็นพันธมิตรที่ได้รับการรับรองด้านสัมพัทธภาพและรักษาศูนย์ข้อมูลที่ได้รับการรับรอง ISO/IEC 27001 ทั่วโลก เยี่ยมชม www.kldiscovery.com เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้

บทความคาดการณ์ในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วย “ข้อความคาดการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของมาตรา 27A ของกฎหมายหลักทรัพย์ปี 1933 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21E ของกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ปี 1934 และกฎหมายการปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลของสหรัฐอเมริกาปี 1995 ข้อความทั้งหมดอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ นอกเหนือจากแถลงการณ์ข้อเท็จจริงในอดีต ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความเกี่ยวกับข้อกำหนดและระยะเวลาของธุรกรรมการแปลงหนี้ วิสัยทัศน์ของบริษัทในอนาคต และความเชื่อของพันธมิตรทุนรายสำคัญในวิสัยทัศน์ดังกล่าว ประโยชน์ของความยืดหยุ่นทางการเงินในอนาคต ที่จะมอบให้กับบริษัท การขยายบริษัท และการลงทุนของบริษัทในการเติบโตและบริการและซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า เมื่อใช้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ คำว่า “ประมาณการ” “คาดหวัง” “คาดคะเน” “คาดการณ์” “เชื่อ” “อาจ” “จะ” “ควร” “อนาคต” และรูปแบบต่างๆ ของคำเหล่านี้หรือ สำนวนที่คล้ายกัน (หรือคำหรือสำนวนเชิงลบดังกล่าว) มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ไม่ได้รับประกันผลการดำเนินงาน เงื่อนไข ผลลัพธ์ หรือเหตุการณ์ในอนาคต และเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน ข้อสมมติฐาน และปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ทราบและไม่ทราบหลายประการ ซึ่งหลายปัจจัยอยู่นอกเหนือการควบคุมของฝ่ายบริหารของ KLDiscovery ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริง หรือผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมากจากที่กล่าวถึงในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่แท้จริง ได้แก่: ผลที่ตามมาของระดับหนี้ที่มีนัยสำคัญของ KLDiscovery ซึ่งรวมถึงระยะเวลาครบกำหนดที่รอดำเนินการและศักยภาพในการเร่งของสิ่งนั้นในเดือนมิถุนายน 2024 และความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระหนี้เมื่อถึงกำหนดหรือเพื่อรักษาหลักประกัน แหล่งเงินทุนทางเลือก การเข้าสู่ข้อตกลงขั้นสุดท้ายในส่วนที่เกี่ยวกับและการปิดธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงในหลักการที่อธิบายไว้ข้างต้นกับผู้ถือหุ้นกู้หลักของ KLDiscovery และผู้ให้กู้ยืมเงินกู้ยืมระยะยาวของ KLDiscovery ความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นของ KLDiscovery ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลที่ควบคุมชุดข้อมูลไคลเอนต์ที่ประมวลผลและจัดเก็บ ความสามารถของ KLDiscovery ในการดำเนินงานในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการแข่งขันครั้งนี้ ความเสี่ยงที่รายได้จะลดลงหาก KLDiscovery ไม่ปรับรูปแบบการกำหนดราคา ความสามารถในการดึงดูด จูงใจ และรักษาพนักงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม รวมถึงสมาชิกของทีมผู้บริหารอาวุโสของ KLDiscovery ความสามารถในการรักษาระดับการบริการลูกค้าและขยายการดำเนินงาน ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ KLDiscovery ที่อาจก่อให้เกิดการเปิดเผยทางกฎหมาย ความเสียหายต่อชื่อเสียง และการไม่สามารถให้บริการได้ ความสามารถของ KLDiscovery ในการพัฒนาและประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น Nebula ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ และปรับรูปแบบธุรกิจให้ทันกับแนวโน้มของอุตสาหกรรม ความเสี่ยงที่ผลิตภัณฑ์และบริการของ KLDiscovery ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบของบุคคลที่สามได้ อาจไม่มีเทคโนโลยีของบุคคลที่สามที่ KLDiscovery ใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการของตน; การหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ ข้อเสนอ เว็บไซต์ และเครือข่ายของ KLDiscovery ปัญหาที่เกิดจากการนำระบบธุรกิจรวมแบบใหม่ของ KLDiscovery ไปใช้ ความสามารถในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการหลังเกิดภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ความต่อเนื่องทางธุรกิจ โรคหรือภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่คล้ายคลึงกัน เช่น โควิด-19 การใช้ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของเราโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยบุคคลที่สามและ/หรือการละเมิดความปลอดภัยของข้อมูลและเหตุการณ์อื่น ๆ การเรียกร้องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่อาจเกิดขึ้น และความสามารถในการปฏิบัติตามข้อจำกัดทางการค้าต่างๆ เช่น การคว่ำบาตรและการควบคุมการส่งออก ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานระหว่างประเทศของ KLDiscovery ความเสี่ยงเหล่านี้และปัจจัยอื่นๆ ที่มีการกล่าวถึงในส่วน “ปัจจัยความเสี่ยง” ของรายงานประจำปีของ KLDiscovery ในแบบฟอร์ม 10-K และรายงานรายไตรมาสในแบบฟอร์ม 10-Q ที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“SEC”) และรายงานอื่นใดที่ KLDiscovery ยื่นต่อ SEC อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่แสดงหรือบอกเป็นนัยในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่จัดทำโดย KLDiscovery หรือในนามของบริษัท เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้ นักลงทุนไม่ควรใช้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้ามากเกินไปในการคาดการณ์ผลลัพธ์หรือผลลัพธ์ที่แท้จริง ข้อความทั้งหมดกล่าวถึง ณ วันที่จัดทำเท่านั้น และเว้นแต่จะกำหนดไว้ตามกฎหมาย KLDiscovery ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออย่างอื่น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Danny Zambito
888.811.3789
danny.zambito@kldiscovery.com

แหล่งที่มา: KLDiscovery Inc.

กราเดียนท์ (Gradiant) เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ CURE Chemicals พร้อมลงสู่ตลาดอุตสาหกรรมสำคัญของโลก

Logo

จัดเต็มกับผลงานด้านสูตรทางเคมีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะกว่า 300 รายการ ที่มาพร้อมด้วยองค์ความรู้จากการทำงานจริงและประสบการณ์ด้านการให้บริการระดับโลกเพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความยั่งยืน ทั้งยังช่วยลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด

เมืองบอสตัน (BOSTON)–(BUSINESS WIRE)–29 เมษายน 2024

ในวันที่ 16 เมษายน 2567 กราเดียนท์ (Gradiant) ผู้ให้บริการระบบบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงระดับโลกแบบครบวงจร ได้แถลงเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ CURE Chemicals แล้ววันนี้ เพื่อสานต่อภารกิจด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการค้าของกราเดียนท์ (Gradiant) โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ CURE Chemicals พร้อมเป็นผู้สร้างหลักเกณ์ใหม่ด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพให้กับอุตสาหกรรมสำคัญต่าง ๆ ของโลก

กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ CURE Chemicals นั้นประกอบด้วยสูตรสารยับยั้งการกัดกร่อนและตะกรัน สารเคมีแปรรูป ไบโอไซด์ เคมีล้างตะกรันและน้ำยาทำความสะอาด ไปจนถึงสารสร้างตะกอนและสารเร่งการรวมตะกอนที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะกว่า 300 รายการ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผ่านการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับกระบวนการบำบัดน้ำ โดยช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด

การเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ CURE Chemicals เป็นเหมือนหมุดหมายสำคัญสำหรับกราเดียนท์ (Gradiant) ในการขยายผลงานให้ครอบคลุมไปถึงสารเคมีชนิดพิเศษที่จะมาช่วยเสริมขีดความสามารถด้านการบำบัดน้ำของเราได้อย่างครบวงจร” ปรากาช โกวินตัน (Prakash Govindan)  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ของ กราเดียนท์ (Gradiant) กล่าว “ตอนนี้เราคือธุรกิจด้านการบำบัดน้ำที่มีผลงานทครอบคลุมครบจบในหนึ่งเดียว โดยให้บริการในรูปแบบที่สามารถออกแบบได้เองตามความต้องการ มีอุปกรณ์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ มีบริการการเดินระบบและซ่อมบำรุง (O&M) และมีสารเคมีชนิดพิเศษที่จัดเตรียมไว้แล้วโดยเฉพาะเพื่อส่งมอบความเชี่ยวชาญอย่างครบวงจรด้วยเทคโนโลยี SmartOps AI ที่เข้ามาเสริมประสิทธิภาพให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างอัจฉริยะและมีความถูกต้องแม่นยำสูง”

CURE ได้ผ่านการพัฒนาด้วยการวิจัยที่ล้ำสมัยผสมผสานกับข้อเสนอแนะด้านการปฏิบัติงานที่ได้มีการปรับแต่งให้ตรงตามข้อกำหนดของอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไปจนถึงพลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมเหมืองแร่ไปจนถึงอุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงอุตสาหกรรมยารักษาโรค “เราดีใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถนำวิธีการเชิงเคมีนี้ลงสู่ตลาดโลกได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำผลงานได้ดีกว่าบริษัทผู้ครองตลาด แต่ยังสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสูงสุดด้านความปลอดภัยและความยั่งยืนได้ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี” Vipan Kalia หัวหน้าฝ่ายเคมีของกราเดียนท์ (Gradiant) กล่าว

หากคุณอยากรู้ว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ CURE Chemicals มีประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของคุณอย่างไร สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com/solutions/cure-chemicals

เกี่ยวกับ กราเดียนท์ (Gradiant)

กราเดียนท์ (Gradiant) เป็นผู้ให้บริการระบบบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงระดับโลกแบบครบวงจรที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะซึ่งขับเคลื่อนโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านน้ำ จึงทำให้บริษัทพร้อมให้บริการต่อภารกิจที่สำคัญของลูกค้าในอุตสาหกรรมสำคัญต่าง ๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ยารักษาโรค อาหารและเครื่องดื่ม ลิเทียมและแร่ธาตุที่สำคัญตลอดจนพลังงานหมุนเวียน นวัตกรรมของ (Gradiant) ช่วยลดการใช้น้ำและการปล่อยน้ำเสีย กเรียกคืนทรัพยากรที่มีคุณค่า และยังช่วยฟื้นฟูน้ำเสียให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่เป็นน้ำสะอาดได้ โดยบริษัทมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองบอสตันก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) และปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,000 คนทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

     ช่องทางติดต่อบริษัท
     ฟิลิกซ์ หวัง (Felix Wang)
     กราเดียนท์ (Gradiant)
     ประธานฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศ
     fwang@gradiant.com

     แหล่งที่มา: Gradiant

The Bangkok Reporter