Entropik นำเสนอรายงานที่สร้างโดย AI ใน Decode และ Qatalyst – การปฏิวัติการรายงานวิจัยด้วย Generative AI

Logo

เบงกาลูรู ประเทศอินเดีย–(BUSINESS WIRE)–01 กรกฎาคม 2024

Entropik บริษัทชั้นนำด้านความรู้เชิงมนุษย์ เปิดตัวคุณลักษณะล่าสุดบนแพลตฟอร์ม Decode และ Qatalyst คือ รายงานที่สร้างขึ้นโดย AI

ในอดีต การวิจัยตลาดและอุตสาหกรรมข้อมูลเชิงลึกอาศัยการระบุการค้นพบเชิงลึกด้วยข้อมูลพื้นฐานของผู้บริโภค โดยทั่วไปข้อมูลเหล่านี้จะถูกซ่อนไว้ลึกๆ ในการสัมภาษณ์และข้อมูลการสำรวจ และใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ในการขุดด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม รายงานที่สร้างโดย AI ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ Generative AI เพื่อขุดข้อมูลเชิงลึกที่ซ่อนอยู่ และแปลงให้เป็นรายงานที่พร้อมนำเสนอด้วยการแสดงภาพที่ชัดเจนและการวิเคราะห์เชิงลึก

ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เข้าใจแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคและผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด

วิธีการรายงานแบบดั้งเดิมในการวิจัยตลาดมักจะใช้เวลานานและใช้แรงงานมาก” Ranjan Kumar ซีอีโอของ Entropik กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเปิดตัวฟีเจอร์รายงานที่สร้างโดย AI ใหม่ของเรา ซึ่งช่วยลดภาระเหล่านี้ได้อย่างมากด้วยการนำเสนอรายงานคุณภาพสูงและข้อมูลเชิงลึกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำที่น่าทึ่ง ช่วยให้นักวิจัยสามารถตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ฟีเจอร์รายงานที่สร้างโดย AI นำเสนอ:

การรายงานอย่างง่ายดายด้วยสามตัวเลือก:

สร้างตั้งแต่เริ่มต้น: ควบคุมการออกแบบและเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์โดยการเลือกเทมเพลต อัปโหลดรูปภาพที่กำหนดเอง และปรับแต่งรายงานให้ตรงตามความต้องการเฉพาะ

สร้างด้วย AI โดยเริ่มจากสื่อ: ปรับปรุงการสร้างรายงานโดยเลือกสื่อจากการศึกษาของคุณ สร้างโครงร่างพร้อมชื่อและธีมที่ปรับแต่งได้

สร้างด้วย AI เริ่มต้นด้วยพรอมต์: สร้างรายงานโดยการป้อนพรอมต์หรือวัตถุประสงค์การวิจัยที่ต้องการ หรือโดยเลือกจากพรอมต์ตัวอย่าง

การทำงานร่วมกันและการรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุง:

รายงานที่สร้างโดย AI มีฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น:

มุมมองการนำเสนอ: นำเสนอรายงานโดยตรงจากแพลตฟอร์ม Decode และ Qatalyst เพื่อให้มั่นใจถึงการไหลเวียนของข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ

รายงานที่แชร์ได้: แบ่งปันรายงานกับทีมผ่านลิงก์เพื่อการเข้าถึงได้ทันที

การเข้ารหัสข้อมูล: เพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งโดยการเข้ารหัสรายงานเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

รายงานที่ดาวน์โหลดได้: รักษาการเข้าถึงแบบออฟไลน์โดยการดาวน์โหลดรายงานในรูปแบบ PPT PPT format.

เกี่ยวกับ Entropik

Entropik บริษัท Human Insights AI ชั้นนำ มุ่งเน้นการวิจัยผู้บริโภคและผู้ใช้ ขณะเดียวกันก็นำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีแบบสแตนด์อโลน กลุ่มเทคโนโลยีของเราประกอบด้วย Emotion AI, Behavior AI, Predictive AI และ Generative AI ซึ่งรองรับลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 150 รายในหลากหลายภาคส่วน ด้วยการอ้างสิทธิบัตรทั่วโลก 17 ฉบับใน Multimodal Emotion AI และรางวัลอื่นๆ เช่น Amazon AI Award 2018 เราจึงได้รับการยอมรับจาก Gartner ให้เป็นหนึ่งใน '5 ผู้ขายสุดเจ๋งด้าน AI' ของอินเดีย เยี่ยมชมเราได้ที่ https://www.entropik.io เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อมวลชน: Reshma Poojary; reshma.poojary@entropik.io

ที่มา: Entropik

Medisca เปิดศูนย์บรรจุหีบห่อยาแห่งใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายทั่วโลก

Logo

PLATTSBURGH, N.Y.–(BUSINESS WIRE)–27 มิถุนายน 2024

Medisca ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 20 เดือนมิถุนายน ปี 2024 สำหรับศูนย์บรรจุหีบห่อและกระจายสินค้าแห่งใหม่ใน Plattsburgh รัฐ New York งานนี้เป็นการเฉลิมฉลองสำหรับทีมงานอันทรงคุณค่าที่ Plattsburgh ของ Medisca รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐและรัฐบาลกลาง ประกอบด้วย สมาชิกสภาหญิง Elise Stefanik วุฒิสภา Dan Stec และสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Billy Jones

Left to right: Mitchell Rubin, Medisca CFO | Assemblyman Billy Jones | Stephane Nizri, Medisca Head of Engineering | Sanjay Goorachurn, Medisca CEO | Antonio Dos Santos, Medisca Founder and Chairman | Maria Zaccardo, Medisca Co-Founder and Vice-Chair | Congresswoman Elise Stefanik | Panagiota Danopoulos, Medisca SVP Global Strategy and Innovation | Senator Dan Stec | Larry Harney, Medisca Operations Manager (Photo: Business Wire)

ซ้ายไปขวา: Mitchell Rubin, Medisca CFO | สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Billy Jones | Stephane Nizri, หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ Medisca | Sanjay Goorachurn, Medisca CEO | Antonio Dos Santos, ผู้ก่อตั้งและประธานของ Medisca | Maria Zaccardo, ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานของ Medisca | สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Elise Stefanik | Panagiota Danopoulos, รองประธานผู้อาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมระดับโลกของ Medisca | วุฒิสมาชิก Dan Stec | Larry Harney, ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของ Medisca (ภาพถ่าย: Business Wire)

“งานนี้ถือเป็นการเสร็จสมบูรณ์ของโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่ Medisca เคยทำมาในประวัติศาสตร์ 35 ปีของเรา” Antonio Dos Santos ผู้ก่อตั้งและประธานของ Medisca กล่าว “ศูนย์แห่งใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างขยันขันแข็งและการอุทิศตนของบุคลากรใน Medisca รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราเพื่อรองรับความต้องการด้านยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

การลงทุนอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคทางภาคเหนือ

หลังจากการก่อตั้งและการลงทุนในภูมิภาคทางภาคเหนือมาเป็นเวลา 32 ปี การเปิดศูนย์แห่งใหม่ของ Medisca ใน Plattsburgh เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของพนักงานในภูมิภาคนี้

“ศูนย์แห่งใหม่ของ Medisca เป็นข้อพิสูจน์ถึงกลุ่มบุคลากรในท้องถิ่นที่มีทักษะความสามารถ โดยมีการจัดหางานในท้องถิ่นที่มีค่าตอบแทนดีจำนวน 65 ตำแหน่ง พร้อมแผนการขยายเพิ่มเติม” สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Elise Stefanik กล่าว “การลงทุนครั้งสำคัญใน Plattsburgh นี้ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งในภูมิภาคของเรา ผมมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุน Medisca และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่มีการลงทุนในชุมชนของเรา และขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจสำหรับครอบครัวของกลุ่มบุคลากรที่ทำงานหนักในทางตอนเหนือและภูมิภาคทางภาคเหนือ”

กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อรองรับความต้องการด้านยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายที่เพิ่มขึ้น

การผสานรวมการดำเนินงานที่มีอยู่ให้เป็นศูนย์แห่งเดียว พร้อมเครื่องจักรนวัตกรรมใหม่และขั้นตอนการทำงานแบบอัตโนมัติ ศูย์แห่งใหม่นี้จะช่วยเสริมขีดความสามารถของบริษัทได้เป็นอย่างมาก เพื่อรองรับการบริการกลุ่มการดูแลสุขภาพที่หลากหลาย

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศูนย์แห่งใหม่นี้จะช่วยให้ Medisca สามารถขยายขีดความสามารถในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสำหรับเภสัชกรและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เพื่อให้พวกเขาสามารถจัดเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายและยาที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยเช่นคุณและผม ไม่เพียงเฉพาะที่นี่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่สำหรับทั่วโลก” Sanjay Goorachurn, Medisca CEO กล่าว

การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่สามารถปรับขนาดได้ การเสริมคุณภาพสำหรับระบบที่จัดตั้งขึ้น และการให้ความสำคัญต่อสุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับบุคลากรของ Medisca เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจในทุกครั้งระหว่างการออกแบบและการสร้างศูนย์แห่งใหม่นี้ ข้อพิจารณาหลักที่สำคัญ ได้แก่ การเปิดตัวห้องการผลิตที่ได้รับมาตรฐาน ISO โดยมีการปรับแต่งตามความต้องการ และการใช้ประโยชน์จากระบบการจัดการคลังสินค้าแบบปรับแต่งเองเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

“เมื่อรวมทุกส่วนเข้าด้วยกัน ศูนย์แห่งใหม่นี้จึงเป็นตัวอย่างที่ล้ำสมัยซึ่งใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม ตลอดจนมาตรการด้านคุณภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวด เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์ บุคลากร และสิ่งแวดล้อมของเรา” Dos Santos กล่าว

ศูนย์แห่งใหม่ของ Medisca ที่ Plattsburgh นี้ผ่านการตรวจสอบของรัฐ New York และการตรวจสอบเอกสารและระบบโดยบุคคลที่สามเป็นที่สำเร็จ และยังผ่านการตรวจสอบจากผู้ให้สิทธิอนุญาตเพิ่มเติมและการตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการแก่ตลาดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก หากต้องการดูรายละเอียดเกี่ยวกับศูนย์แห่งใหม่นี้ โปรดคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Medisca

Medisca ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 และเป็นผู้นำระดับโลกในด้านยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายและโซลูชันห่วงโซ่อุปทานด้านยา โดยมีผลิตภัณฑ์หลากหลายกว่า 2,000 รายการ พร้อมเสริมด้วยคลังสูตรยาทั้งที่เป็นกรรมสิทธิ์และมีการปรับแต่งเองกว่า 10,000 รายการ บวกกับความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และการบริการด้านการผสมยา การให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การทดสอบเชิงวิเคราะห์ และอื่นๆ อีกมากมาย Medisca นำเสนอโซลูชันที่มีการปรับแต่งอย่างประณีตเพื่อรองรับภาคส่วนด้านสุขภาพความเป็นอยู่ที่หลากหลายทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medisca.com และติดตามเราได้ที่ LinkedIn, Facebook และ YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Medisca Communications
communications@medisca.com
1-800-665-6334

แหล่งข้อมูล: Medisca

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54087780/en

บริษัท Mitsui Chemicals และ ARRK ได้จัดหาวัสดุสำหรับคอนเซ็ปต์คาร์สมรรถนะสูง

Logo

TAFNEX CF/PP และชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่พัฒนาโดย Mitsui Chemicals Group ได้ค้นพบถึงการนำไปใช้งานในรถยนต์ที่มีดีไซน์พื้นฐานจาก Toyota Fortuner ซึ่งออกแบบโดย TCD ASIA

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 มิถุนายน 2024

Mitsui Chemicals, Inc. (Tokyo:4183; ประธานและ CEO: HASHIMOTO Osamu) และบริษัทย่อย ARRK Corporation (โอซาก้า; ประธานและ CEO: MOROZUMI Naoki) ในวันนี้ได้ประกาศว่าวัสดุที่พัฒนาโดยทั้งสองบริษัทได้ถูกนำมาใช้ในคอนเซ็ปต์คาร์สมรรถนะสูงซึ่งมีดีไซน์พื้นฐานมาจาก Toyota Fortuner ชิ้นส่วนประกอบพิมพ์ด้วยพลาสติกอัดเม็ดแบบโดยตรง*1 ที่พัฒนาร่วมกันโดยบริษัท Mitsui Chemicals และ ARRK รวมถึง TAFNEX CF/PP*2 ซึ่งเป็นแผ่นเรซินโพลีโพรพีลีนเสริมคาร์บอนไฟเบอร์แบบทิศทางเดียวที่พัฒนาโดย Mitsui Chemicals ได้ค้นพบการนำใช้งานในรถยนต์  TOYOTA Hyper-F CONCEPT ซึ่งได้รับการออกแบบโดยบริษัท TCD ASIA CO., LTD.*3 (กรุงเทพฯ ประเทศไทย ประธาน: KAWAZOE Takayuki).

TAFNEX™ CF/PP and 3D-printed components find application in the TOYOTA Hyper-F CONCEPT (Photo: Business Wire)

TAFNEX™ CF/PP และชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติได้ค้นพบถึงการนำไปใช้งานในรถยนต์ TOYOTA Hyper-F CONCEPT (ภาพถ่าย: Business Wire)

TAFNEX CF/PP และชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดแบบโดยตรงซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ โดยจะจัดแสดงในงาน Bangkok Auto Salon 2024 เป็นงานแสดงรถยนต์คัสต้อมที่จะจัดขึ้นในเมืองหลวงของประเทศไทยในระหว่างวันที่ 26-30 มิถุนายน และจัดแสดงในงาน Bangsaen Grand Prix 2024 โดยเป็นงานแข่งรถที่จะจัดขึ้นบริเวณรอบนอกกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 3-7 กรกฎาคม

TOYOTA Hyper-F CONCEPT เป็นคอนเซ็ปต์คาร์สมรรถนะสูงพร้อมดีไซน์การแต่งสไตล์ที่ผสมผสานการขับขี่บนถนนและสมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ได้รับการต่อยอดจากสนามแข่งรถโดยธุรกิจมอเตอร์สปอร์ตของ TCD ASIA วัสดุใหม่ดังกล่าวให้บริษัทสามารถลดน้ำหนักของคอนเซ็ปต์คาร์ได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การปรับที่นั่งแบบสปอร์ต 4 ที่นั่งให้เหมาะสมยังช่วยมอบความเพลิดเพลินรูปแบบใหม่ที่ผู้ขับขี่ไม่เคยสัมผัสได้บนรถสองที่นั่งมาก่อน

วัสดุ TAFNEX CF/PP ถูกนำมาใช้สำหรับชิ้นส่วนประกอบตกแต่งในส่วนของกันชนหน้าและช่องระบายอากาศที่ฝากระโปรง ในขณะที่ชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดแบบโดยตรงจะติดตั้งเข้ากับกรอบท่อลมของฝากระโปรงรถ

*1 ชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดแบบโดยตรง

ในปี 2020 บริษัท Mitsui Chemicals ได้เปิดตัวการลงทุนและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท Dreams Design Corporation (นาโกย่า ไอจิ; คณะกรรมการตัวแทน: OKUMURA Yasuyuki) เป็นผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนายานยนต์ จากนั้นในปี 2023 บริษัท Mitsui Chemicals ได้เริ่มการลงทุนและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในลักษณะเดียวกันกับบริษัท ExtraBold Inc. (โทชิมะ, โตเกียว; CEO: HARA Yuji) เป็นผู้ผลิตเครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดแบบโดยตรง

ชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่ติดตั้งเข้ากับคอนเซ็ปต์คาร์เป็นการนำเทคโนโลยีการออกแบบชิ้นส่วนรถยนต์ของบริษัท Dreams Design มาผสานกับเครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติรุ่น EXF-12 ของบริษัท ExtraBold ที่สามารถพิมพ์ชิ้นส่วนขนาดใหญ่ด้วยความเร็วสูงได้ เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติและเทคโนโลยี Post Processing ของบริษัท ARRK ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมนี้ โดยให้บริการทุกกระบวนการตั้งแต่การพัฒนาต้นแบบไปจนถึงการผลิตแบบจำนวนมาก รวมถึงเทคโนโลยีวัสดุคอมโพสิตโพลีโอเลฟินส์ที่พัฒนาโดยบริษัท Mitsui Chemicals เพื่อใช้ในการพิมพ์แบบ 3 มิติ

การใช้งานกลไกที่ใช้ในการฉีดขึ้นรูป เครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดพลาสติกโดยตรงจะเป็นการผลิตโครงสร้างจากเม็ดพลาสติกได้โดยตรง ข้อดีของกลไกนี้มีความล้ำหน้ามากกว่าเครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติทั่วไปคือปริมาณพลาสติกที่ปล่อยออกมานั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างคงที่ ช่วยให้ผลิตโครงสร้างขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อใช้งานในการผลิตจำนวนมากที่มีความหลากหลายในปริมาณต่ำสำหรับผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์แบบ 3 มิติแบบไม่ใช้แม่พิมพ์จะช่วยลดทั้งระยะเวลาในการพัฒนาและการลงทุนแรกเริ่มที่จำเป็น รวมถึงต้นทุนสำหรับแม่พิมพ์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ คาดว่าเทคโนโลยีนี้จะมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์แบบ 3 มิติสามารถบดกลับเป็นเม็ดและรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบสำหรับการพิมพ์แบบ 3 มิติต่อไปได้

*2 TAFNEX™ CF/PP

TAFNEX™ CF/PP เป็นเทปแบบทิศทางเดียว (เทป UD) ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ (CF) และโพลีโพรพีลีน (PP) แบบคอมโพสิตโดยใช้เทคโนโลยีอันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท Mitsui Chemicals นอกจากจะมีน้ำหนักเบา มีความแข็งแกร่งสูง พร้อมความสามารถในการขึ้นรูปที่ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับดีไซน์ที่หลากหลายได้ เช่น การสร้างลวดลายคล้ายหินอ่อน TAFNEX ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับงานใช้ในยานยนต์และโดรน ตลอดจนการนำไปใช้งานอื่นๆ ในภาคอุตสาหกรรมและสำหรับผู้บริโภค การนำไปใช้งานดังกล่าวรวมถึงการเสริมแรงเฉพาะที่ของชิ้นส่วนแม่พิมพ์แบบฉีดขึ้นรูปหรืออัดแบบขึ้นรูป และวัสดุดังกล่าวยังสามารถแปรรูปเป็นชิ้นส่วนในรูปแบบของท่อหรือแผ่นลามิเนตได้

เว็บไซต์พิเศษ: Mitsui Chemicals TAFNEX (mitsuichemicals.com)

บริษัท *3 TCD ASIA CO., LTD.เป็นบริษัทย่อยในประเทศไทยของ TOYOTA CUSTOMIZING & DEVELOPMENT Co., Ltd.

อ้างอิง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54087356/en

ข้อมูลติดต่อ

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ โปรดติดต่อ:
แผนกสื่อสารองค์กร
Mitsui Chemicals, Inc.
โทร.: +81-3-6880-7500
แบบฟอร์มสอบถาม: https://form.mitsuichemicals.com/corporate/cc_pr_csr_en?param=13

ฝ่ายสร้างตลาดใหม่ แผนกสร้างธุรกิจใหม่

ARRK Corporation

ที่อยู่อีเมลสำหรับสอบถาม: daishiro_takahashi@arrk.co.jp

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ TAFNEX CF/PP หรือชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติ โปรดติดต่อ:
แผนกพัฒนาโมบิลิตี้โซลูชัน ภาคธุรกิจโมบิลิตี้โซลูชัน

Mitsui Chemicals, Inc.

ที่อยู่อีเมลสำหรับการสอบถามข้อมูล:
Atsushi.Miyata@mitsuichemicals.com (TAFNEX)
Naomi.Urakawa@mitsuichemicals.com (ชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติ)
TAFNEX แบบฟอร์มสอบถาม

แหล่งที่มา: Mitsui Chemicals, Inc.

NielsenIQ (NIQ) ร่วมมือกับ SPAR International นำเสนอบริการ Spaceman ทั่วโลก

Logo

  • บริการ NIQ Spaceman ขยายไปยังพันธมิตรของ SPAR ทุกรายทั่วโลก

CHICAGO–(BUSINESS WIRE)–26 มิถุนายน 2024

NielsenIQ (NIQ) ผู้นำระดับโลกด้านข่าวกรองสำหรับผู้บริโภค มีความภูมิใจประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ SPAR International BV เพื่ออำนวยความสะดวกในการบูรณาการบริการสำหรับ NIQ Spaceman NIQ จะนำเสนอบริการการจัดการพื้นที่ให้กับองค์กรต่างๆ ในประเทศของ SPAR ทั่วโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับตำแหน่งทางการตลาดของพันธมิตรองค์กรค้าปลีกทั้งหมด

SPAR คือกลุ่มผู้ค้าปลีกและค้าส่งที่เป็นเจ้าของและดำเนินการอย่างเป็นอิสระชั้นนำของโลก โดยมีการทำงานเป็นหุ้นส่วนกันภายใต้แบรนด์ SPAR และกลุ่มประกอบด้วยร้านค้ามากกว่า 13,984 แห่งในกว่า 48 ประเทศ SPAR International BV รับผิดชอบในการพัฒนาเครือข่าย SPAR ทั่วโลก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผลผลิต และความสามารถในการทำกำไรของพันธมิตรผู้ค้าปลีกและค้าส่ง

ชุด NIQ Spaceman ปลดล็อกกระบวนการสร้างแผนผังพลาโนแกรมแบบอัตโนมัติเชิงบูรณาการ พร้อมโมดูลที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า วิเคราะห์ประสิทธิภาพและโอกาสทั่วพลาโนแกรม เพื่อช่วยในการตัดสินใจด้านการจำหน่ายได้อย่างดีที่สุด การบูรณาการข้อมูลพลาโนแกรมพร้อมการเติมเต็มและระบบธุรกิจอื่นๆ จะช่วยเสริมการดำเนินงานในแต่ละวันมีความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น

“ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับเราในการสนับสนุนองค์กรในประเทศของ SPAR ทั้งหมดในการเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่ชั้นวางสินค้าและส่งเสริมการเติบโตในตลาดที่หลากหลาย ด้วยการใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเราในการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่ได้รับการคัดเลือกในอดีต เราประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนการเติบโตผ่านกลยุทธ์การจัดการพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ” Simon Trott ผู้นำด้านการวิเคราะห์ของ NIQ

ด้วยประเภทสินค้าและความต้องการของนักช้อปมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างพลาโนแกรม มีการใช้งาน NIQ Spaceman อย่างแพร่หลายใน 79 ประเทศ ครอบคลุมผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 2000 รายการ และสินค้าอื่นๆ ทั่วโลก การใช้ซอฟต์แวร์นี้จะช่วยให้ลูกค้า NIQ สามารถเพิ่มยอดขายได้สูงขึ้น 10-35% ปรับเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดประเภท และลดจำนวนสินค้าคงคลังลงได้ถึง 10-30%

“เรามีความยินดีในการร่วมมือกับ NIQ เพื่อให้องค์กรระดับประเทศทั่วโลกของเราสามารถเข้าถึงโซลูชันนี้ ซอฟต์แวร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ NIQ Spaceman ช่วยให้พันธมิตรของเราสามารถควบคุมข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลรอบด้านเกี่ยวกับการจัดสรรพื้นที่ โครงร่าง และการจัดวางผลิตภัณฑ์ ความร่วมมือในครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราต่อพันธมิตรในการนำเสนอโซลูชันล้ำสมัยที่ขับเคลื่อนความสำเร็จ” Tom Rose หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ SPAR International

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ NIQ Spaceman โปรดคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ NIQ:

NielsenIQ (NIQ) คือบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนำของโลก ซึ่งนำเสนอความเข้าใจในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคอย่างครบถ้วนที่สุด และเผยให้เห็นถึงเส้นทางใหม่สู่การเติบโต NIQ ร่วมมือกับ GfK ใน 2023 เพื่อนำผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองมารวมตัวกัน พร้อมการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ มีการดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP NIQ นำเสนอ Full View™ สำหรับการอ่านข้อมูลการขายปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด มาพร้อมกับการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Sweta.patra@nielseniq.com

แหล่งข้อมูล: NielsenIQ

HARMAN ประกาศตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ในประเทศไทย

Logo

โรงงานแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ในแหลมฉบังซึ่งห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 90 นาทีจะรองรับการผลิตทุกภาคส่วนของ HARMAN โดยมุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ที่พร้อมใช้งานและโซลูชันด้านส่วนประกอบ

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–20 มิถุนายน 2024

HARMAN ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ในเครือ Samsung Electronics Co., Ltd. ได้จัดงานเปิดตัวการก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงงานใหม่ขนาด 47,000 ตร.ม. โดยประมาณและตั้งอยู่ในแหลมฉบัง ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 125 กิโลเมตร ตามกลยุทธ์ในการจัดตั้งขึ้นภายในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทยและใกล้เคียงกับโรงงานผลิตของแบรนด์ด้านยานยนต์และเทคโนโลยีชั้นนำหลากหลายแห่ง

แม้โรงงานแห่งนี้จะรองรับหน่วยธุรกิจด้านยานยนต์ของ HARMAN หลายหน่วย แต่การผลิตที่โรงงานใหม่ในประเทศไทยนี้จะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในภาคส่วนยานยนต์ของบริษัทเป็นหลัก โดย HARMAN เป็นผู้นำระดับโลกในการผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับยานพาหนะที่เชื่อมต่อระหว่างกันที่จะเปลี่ยนเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ให้เป็นประสบการณ์การใช้งานด้านยานยนต์ที่มีคุณค่าต่อผู้บริโภค โรงงานผลิตแห่งใหม่ในประเทศไทยจะเอื้อให้บริษัทสามารถขยับขยายโซลูชันเหล่านี้เพิ่มเติมและบรรลุเป้าหมายตามคำสัญญาในการรังสรรค์ประสบการณ์การใช้งานภายในยานพาหนะให้แก่ผู้บริโภคในระดับยานยนต์

ประธานฝ่ายยานยนต์ของ HARMAN อย่าง Christian Sobottka ตลอดจนผู้นำระดับสูงรายอื่น ๆ ของ HARMAN ฉลองการเปิดตัวครั้งนี้โดยการร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของไทยอย่างพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล และเจ้าหน้าที่ของไทยรายอื่น ๆ ที่ได้กล่าวคำปราศรัยเกี่ยวกับการประสานกำลังในด้านเศรษฐกิจ นวัตกรรม และการเติบโตที่โรงงานใหม่ของ HARMAN จะให้การเกื้อหนุนในภูมิภาค

“HARMAN มุ่งมั่นในการรับรองให้แน่ใจว่าเราจะสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ที่พร้อมใช้งานตามความต้องการของพันธมิตร OEM ซึ่งจะเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานด้านไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อระหว่างกันให้แก่ผู้บริโภคดังที่ผู้บริโภคคาดหวังว่าจะได้รับภายในยานพาหนะของตน” Christian Sobottka ประธานฝ่ายยานยนต์ของ HARMAN กล่าว “การขยายแหล่งผลิตของเราไปยังพื้นที่อย่างประเทศไทยมาพร้อมกับข้อดีหลายประการ ตัวอย่างเช่น กลุ่มบุคลากรที่หลากหลายและการตั้งอยู่ในระยะที่ใกล้กับพันธมิตร OEM โดยประเทศไทยไม่เพียงมีประสบการณ์ด้านการผลิตที่สนับสนุนทั้งภาคส่วนยานยนต์และเทคโนโลยีมาหลายปี แต่ยังกำลังผันตัวเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตรายใหญ่ให้กับทั้งยานพาหนะไฟฟ้าและเทคโนโลยีด้านยานยนต์สมัยใหม่ ปัจจัยจากการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในด้านการผลิตเทคโนโลยีระดับสูงของประเทศไทยกับความรวดเร็วที่จำเป็นในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าด้านยานยนต์ในปัจจุบันจึงเป็นเหตุให้เราตัดสินใจดำเนินการในภูมิภาคนี้ได้โดยง่าย”

“การตัดสินใจของ HARMAN ในการสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในแหลมฉบังถือเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย” ดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าว “การลงทุนครั้งนี้สอดรับกับกลยุทธ์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในวงกว้างของประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการก่อตั้งซัพพลายเชนด้านยานยนต์สมัยใหม่ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ โรงงานแห่งใหม่ยังจะมีส่วนช่วยเศรษฐกิจในพื้นที่โดยการสร้างโอกาสในการฝึกอบรมบุคลากรและงานใหม่ ๆ ให้แก่แรงงานในพื้นที่ 1,200”

HARMAN จะร่วมมือกับ ESR Group Limited (“ESR”) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการจัดการสินทรัพย์ที่จับต้องได้ตามหลักเศรษฐกิจกระแสใหม่แห่งเอเชียแปซิฟิกในการออกแบบและก่อสร้าง โดยการออกแบบโรงงานของ HARMAN จะยึดตามมาตรฐาน FM ระดับสากลในด้านความปลอดภัยและการคืนสภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศไทย รวมทั้งจะมุ่งเป้าดำเนินการเพื่อให้ได้รับการรับรองระดับทองคำด้านความเป็นผู้นำด้านการออกแบบที่อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม (Leadership in Energy and Environmental Design หรือ “LEED”) ที่เป็นระบบประเมินการก่อสร้างตามหลักอาคารสีเขียวที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด อีกทั้งยังเป็นตัวบ่งชี้ที่ได้รับการยอมรับเกี่ยวกับการบรรลุและความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน

HARMAN ดำเนินงานอยู่ทั่วโลกโดยมีโรงงานผลิตด้านยานยนต์ในบราซิล จีน ฮังการี อินเดีย และเม็กซิโก อีกทั้งยังมีพนักงานสำหรับการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการโดยเฉพาะอีกกว่า 12,000 ราย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในราคา คุณภาพ และการส่งมอบที่เหมาะสม ซึ่งได้เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ล่าสุดของ HARMAN เนื่องจากปริมาณการผลิตยานพาหนะเป็นจำนวนมากของประเทศ การมี OEM จัดตั้งอยู่อย่างมาก ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่ประกอบด้วยบุคลากรอันหลากหลายสำหรับการผลิตเทคโนโลยี แม้ว่ามีการคาดการณ์ว่าจะก่อสร้างโรงงานเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 แต่ HARMAN จะเริ่มดำเนินการว่าจ้างบุคลากรในพื้นที่สำหรับตำแหน่งบางตำแหน่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ และวางแผนสร้างแรงงานในท้องถิ่นประมาณ 1,200 รายตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มจนไปถึงวันเปิดทำการอย่างเป็นทางการของโรงงานในปีถัดไป

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฝ่ายยานยนต์ของ HARMAN โปรดไปที่ car.harman.com

เกี่ยวกับ HARMAN

HARMAN (harman.com) ออกแบบและวางแผนวิศวกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เชื่อมต่อระหว่างกันสำหรับผู้ผลิตยานยนต์ ผู้บริโภค และองค์กรทั่วโลก รวมถึงระบบรถยนต์ที่เชื่อมต่อกัน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเสียงและภาพ โซลูชันระบบอัตโนมัติสำหรับองค์กร ตลอดจนบริการที่รองรับอินเทอร์เน็ตประสานสรรพสิ่ง (Internet of Things) แบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ เช่น AKG®, Harman Kardon®, Infinity®, JBL®, Lexicon®, Mark Levinson® และ Revel®  ส่งผลให้ HARMAN มีชื่อเสียงในหมู่ผู้ชื่นชอบเกี่ยวกับเสียง นักดนตรี และสถานที่จัดงานบันเทิงที่ใช้จัดการแสดงทั่วโลก รถยนต์กว่า 50 ล้านคันที่ขับเคลื่อนอยู่บนถนนในปัจจุบันประกอบด้วยระบบเสียงและระบบรถยนต์ที่เชื่อมต่อกันของ HARMAN บริการซอฟต์แวร์ของเราช่วยขับเคลื่อนอุปกรณ์เคลื่อนที่และระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกันหลายพันล้านรายการ ซึ่งผสานการทำงานอย่างปลอดภัยทั่วทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ที่ทำงานและที่บ้าน ไปจนถึงรถยนต์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ HARMAN มีแรงงาน 30,000 รายโดยประมาณทั่วอเมริกา ยุโรป และเอเชีย โดย HARMAN ได้กลายเป็นบริษัทในเครือที่ Samsung Electronics Co., Ltd. เป็นเจ้าของทั้งหมดในเดือนมีนาคม 2017

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Dawn Geary
ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารระดับสากล – ยานยนต์
+1 248-463-0921
Dawn.Geary@harman.com

แหล่งข้อมูล: HARMAN

Medidata เปิดตัว Clinical Data Studio โดยใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ข้อมูลในการทดลองทางคลินิกให้ทันสมัย

Logo

นำเสนอกิจกรรมการตรวจสอบข้อมูลและการกระทบยอดด้วย AI แบบฝังเร็วขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ทําให้วงจรชีวิตข้อมูลง่ายขึ้นด้วยการเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลจํานวนมาก

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–18 มิถุนายน 2024

Medidata แบรนด์ในเครือ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการชั้นนําด้านโซลูชันการทดลองทางคลินิกสําหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ประกาศเปิดตัว Medidata Clinical Data Studio   ซึ่งเป็นประสบการณ์แบบครบวงจรที่ปลดล็อกพลังที่แท้จริงของข้อมูลการวิจัยทางคลินิก เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถควบคุมคุณภาพของข้อมูลได้ดีขึ้น และความสามารถในการส่งมอบการทดลองที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับผู้ป่วยได้เร็วขึ้น

Clinical Data Studio สร้างขึ้นบน  แพลตฟอร์ม Medidata  โดยผสานข้อมูลจากทั้งแหล่งข้อมูล Medidata และแหล่งข้อมูลที่ไม่ใช่ Medidata เร่งการตัดสินใจตลอดกระบวนการทดลองทางคลินิกเต็มรูปแบบ ส่งมอบข้อมูลแบบองค์รวม และกลยุทธ์ความเสี่ยงที่เชื่อมโยงผู้ป่วย สถานที่ และผู้สนับสนุน ทีมวิจัยสามารถระบุปัญหาข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นและสัญญาณความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้เข้าใจผู้ป่วยได้แม่นยํายิ่งขึ้น สิ่งนี้จะช่วยลดความท้าทายที่เกิดจากระบบข้อมูลแบบไซโล และช่วยให้การตรวจสอบข้อมูลการดําเนินการและการกระทบยอดเร็วขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์

“Clinical Data Studio ปลดล็อกระบบนิเวศของข้อมูลทางคลินิกในวงกว้าง ขับเคลื่อนโดย AI แบบฝัง เรากําลังทําให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นประชาธิปไตย และเปิดเผยสัญญาณ ความเสี่ยง และข้อมูลเชิงลึกที่สําคัญที่สุด สิ่งนี้เมื่อรวมกันแล้วจะช่วยเร่งการดําเนินการทดลองและสร้างข้อมูลที่สมบูรณ์สําหรับการค้นพบใหม่” Tom Doyle ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Medidata กล่าว

Clinical Data Studio นําเสนอพื้นที่ทํางานที่ครอบคลุมสําหรับการบูรณาการ การแปลง และการจัดการข้อมูล ซึ่งรวมถึงการกระทบยอดข้อมูลที่ได้รับความช่วยเหลือจาก AI และการตรวจจับความผิดปกติ รายการข้อมูลแบบบริการตนเอง การจัดการคุณภาพตามความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง และเครื่องมือในการใช้ข้อมูลแบบองค์รวม และกลยุทธ์ความเสี่ยงที่ได้รับการสนับสนุนจากเวิร์กโฟลว์และการแสดงภาพ

“เมื่อปริมาณข้อมูลและแหล่งข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ การจัดการข้อมูลนี้และการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์จึงมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ไม่เพียงส่งผลต่อเวลาในการนำออกสู่ตลาด แต่ยังทําให้การส่งมอบการรักษาแก่ผู้ป่วยล่าช้าอีกด้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ป่วย” Dr. Nimita Limaye รองประธานฝ่ายวิจัย Life Sciences R&D Strategy and Technology, IDC กล่าว “ด้วยการทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการข้อมูลทั้งหมดของตน ทั้งข้อมูล Medidata และข้อมูลที่ไม่ใช่ Medidata ได้ในที่เดียว Medidata Clinical Data Studio มีศักยภาพที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมด้วยการเร่งการทดลองทางคลินิกและรับการรักษาผู้ป่วยได้เร็วขึ้น”

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและผู้คนที่มีสุขภาพดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก ฉลองครบรอบ 25 ปีของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในการทดลองมากกว่า 33,000 ครั้ง และผู้ป่วย 10 ล้านคน Medidata นําเสนอความเชี่ยวชาญชั้นนําของอุตสาหกรรมข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้ามากกว่า 2,200 ราย ไว้วางใจแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งความก้าวหน้าทางคลินิก และนําการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY PA) มีสํานักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นําโดย Everest Group และ IDC หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเรา @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งให้เกิดความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงสำหรับการทํางานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คน เพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างประสบการณ์แฝดเสมือนจริงของโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ลูกค้าของเราสามารถกําหนดกระบวนการสร้าง การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอใหม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลกระทบที่มีความหมายในการทําให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้น ความงดงามของ Experience Economy คือ เศรษฐกิจที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางเพื่อประโยชน์ของทุกคน  ทั้งผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน Dassault Systèmes นําคุณค่ามาสู่ลูกค้าทุกขนาดมากกว่า 350,000 ราย ในทุกอุตสาหกรรม ในกว่า 150 ประเทศ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์. 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, Compass icon, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้า หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักทะเบียนการค้าและบริษัท Versailles ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้า Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดแจ้ง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

ที่มา: Medidata

Crayon ได้รับรองความสามารถด้าน SaaS จาก AWS ย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมบนคลาวด

Logo

การรับรองความสามารถนี้ ยืนยันความสามารถของ Crayon ด้าน SaaS และถือเป็น ความสามารถลำดับที่ 2 ที่บริษัทได้รับภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี

ออสโล, นอร์เวย์–(BUSINESS WIRE)–12 มิถุนายน 2024

Crayon บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านบริการ IT และนวัตกรรม ประกาศวันนี้ว่า บริษัทได้รับรองความสามารถด้าน SaaS ของ Amazon Web Services (AWS) การรับรองอันทรงเกียรติครั้งนี้ ยกย่อง Crayon ในฐานะ AWS Partnerที่มีประสบการณ์อันยาวนานในการช่วยองค์กรออกแบบโซลูชัน Software-as-a-Service (SaaS) และโซลูชันบนคลาวด์บน AWS

“การได้รับความสามารถด้าน AWS SaaS เป็นข้อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทและความสามารถของทีมเราในการมอบโซลูชันระบบคลาวด์ระดับแนวหน้า” Melissa Mulholland ซีอีโอของ Crayon กล่าว “การได้รับการยอมรับนี้ไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงความสามารถทางเทคนิคของเรา แต่ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการช่วยเหลือลูกค้าให้ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงระบบคลาวด์ของตัวเองอีกด้วย”

ความสามารถด้าน AWS SaaS ช่วยให้ Crayon โดดเด่นในฐานะพันธมิตรของ AWS ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางเทคนิคและความสำเร็จของลูกค้าที่พิสูจน์แล้วในการออกแบบโซลูชัน SaaS บน AWS ความสามารถนี้ยอมรับความสามารถของ Crayon ในการช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนจากระบบที่ล้าสมัยไปสู่แพลตฟอร์ม SaaS ที่ทันสมัยได้อย่างราบรื่น Crayon ช่วยลูกค้าในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับโซลูชัน SaaS ของลูกค้าโดยการออกแบบสถาปัตยกรรมแอปพลิเคชันที่กำหนดเองและกรอบโซลูชันที่ครอบคลุมซึ่งปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย

“การได้รับความสามารถด้าน AWS SaaS ยืนยันตำแหน่งของเราในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในระบบนิเวศคลาวด์” Florian Rosenberg CTO ของ Crayon กล่าว “ความสามารถอย่างลึกซึ้งของทีมเราในโซลูชัน SaaS และคลาวด์เนทีฟบน AWS ช่วยให้เราสามารถสนับสนุนลูกค้าในการบรรลุความเป็นเลิศในการดำเนินงาน”

โปรแกรมความสามารถของ AWS ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลูกค้าในการระบุพันธมิตรของ AWS ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางเทคนิคและความสำเร็จที่พิสูจน์ได้ในด้านเฉพาะต่างๆ พันธมิตรที่มีความสามารถด้าน AWS SaaS อย่าง Crayon มีประสบการณ์และความสามารถอย่างกว้างขวางในการช่วยให้องค์กรต่างๆ เปลี่ยนผ่านและประสบความสำเร็จกับโซลูชัน SaaS บน AWS โดยมั่นใจในการผสานรวมและการใช้งานที่ราบรื่นเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า

นี่เป็นความสามารถลำดับที่สองที่ Crayon ได้รับในปีนี้ โดยครั้งแรกคือด้าน Generative AI

Crayon มีความสามารถ AWS ทั้งหมดเจ็ดรายการ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทพร้อมกับ AWS ในการช่วยให้องค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมใช้ศักยภาพของคลาวด์อย่างเต็มที่ ขับเคลื่อนนวัตกรรม และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของพวกเขาให้ดีที่สุด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Melanie Coffee
melanie.coffee@crayon.com
+47 46 74 8648

แหล่งข้อมูล: Crayon

ระบบจัดการสถานีชาร์จ (CSMS) ของ Autel Energy ได้รับการรับรอง OCPP 2.0.1 ถือเป็นการยกระดับการทำงานร่วมกันและความปลอดภัยในการชาร์จ EV ขั้นสูง

Logo

นครนิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–11 มิถุนายน 2024

Autel Energy ผู้ให้บริการโซลูชั่นและบริการระบบการชาร์จ EV (รถยนต์ไฟฟ้า) ชั้นนำ ได้ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าระบบจัดการสถานีชาร์จ (CSMS) นั้นได้รับการรับรอง OCPP 2.0.1 จาก Open Charge Alliance (OCA) แล้ว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาความสามารถในการทำงานร่วมกันและความปลอดภัยของโซลูชั่นการชาร์รถไฟฟ้า(EV) และตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมธุรกิจการชาร์จรถไฟฟ้า EV

Autel Energy’s Charging Station Management System (CSMS) Achieves OCPP 2.0.1 Certification (Graphic: Business Wire)

ระบบการจัดการสถานีชาร์จ (CSMS) ของ Autel Energy ได้รับการรับรอง OCPP 2.0.1 (กราฟิก: Business Wire)

OCPP 2.0.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Open Charge Point Protocol (OCPP) ที่ออกโดย OCA ในปี 2020 ถือเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในด้านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างสถานีชาร์จและซอฟต์แวร์การจัดการสถานีชาร์จ โปรโตคอลนี้มอบความสามารถในการชาร์จอัจฉริยะขั้นสูงและคุณสมบัติในการควบคุมที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับสาธารณูปโภค ผู้ดำเนินกิจการสถานีชาร์จ (CPO) และเจ้าของรถไฟฟ้า ปัจจุบัน มีเพียง 14 บริษัททั่วโลกเท่านั้นที่ได้รับการรับรองอันทรงเกียรตินี้

CSMS ของ Autel Energy มีโปรไฟล์ Core และโปรไฟล์ความปลอดภัยขั้นสูงและสมบูรณ์แบบของระบบ OCPP 2.0.1 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น นอกจากนี้ Autel ยังได้สรุปการพัฒนาสำหรับโปรไฟล์ที่เหลืออีก 6 โปรไฟล์ของ OCPP 2.0.1 และพร้อมที่จะได้รับการรับรองเต็มรูปแบบทันทีที่ OCA เปิดกระบวนการรับรองสำหรับโปรไฟล์เหล่านี้

โซลูชั่นซอฟต์แวร์การชาร์จ Autel EV ประกอบด้วย CSMS และแอปพลิเคชั่นการชาร์จ ทั้งยังให้บริการลูกค้ามากกว่า 100,000 รายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก รองรับการชาร์จมากกว่า 600,000 ครั้งต่อเดือน และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 42 ล้านกิโลกรัม

ด้วยการได้รับการรับรอง OCPP 2.0.1 Autel รับประกันความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นผ่านการใช้โปรโตคอล Transport Layer Security (TLS) ซึ่งรองรับกลไกการเข้ารหัสและการตรวจสอบสิทธิ์การใช้งานที่จำเป็น ด้วยการใช้โปรโตคอลการสื่อสารที่ได้มาตรฐาน CSMS รับประกันการรับส่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ โดยมีการเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลทั้งหมดระหว่างสถานีชาร์จและระบบคลาวด์เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล การปลอมแปลง และการโจมตี การตรวจสอบสิทธิ์แบบสองทางระหว่างสถานีชาร์จและระบบคลาวด์ทำให้มั่นใจได้ว่าปลายทั้งสองด้านของการสื่อสารนั้นเชื่อถือได้ ช่วยป้องกันการเข้าถึงอุปกรณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต CSMS นำเสนอความสามารถในการทำงานร่วมกันที่ยอดเยี่ยมและความเสถียรของระบบที่เป็นเลิศ สามารถผสานรวมอุปกรณ์ชาร์จจากผู้ผลิตหลายรายได้อย่างราบรื่น ทำให้มีความมั่นใจได้ถึงความเข้ากันได้ในวงกว้าง อีกทั้งยังมีความคล่องตัว ตลอดจนความเสถียรสูงและน่าเชื่อถือ

ความสำเร็จนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ ของระบบการจัดการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ของ Autel Energy ในด้านนวัตกรรมและศักยภาพทางเทคโนโลยี รวมถึงโปรโตคอลหลักของอุตสาหกรรม เพิ่มความไว้วางใจของลูกค้าและความสามารถในการแข่งขัน ความยืนยัน และความมุ่งมั่นของเรา ในการจัดหาโซลูชันการชาร์จคุณภาพสูง ที่มีความปลอดภัย และทำงานร่วมกันได้กับทุกระบบ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54038346/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Tom Rakoczy ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
tomr@autel.com

แหล่งที่มา: Autel Energy

Kioxia และ Xinnor ร่วมมือกันเพื่อส่งมอบโซลูชัน PCIe 5.0 NVMe SSD RAID ประสิทธิภาพสูงสําหรับแอปพลิเคชันระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–05 มิถุนายน 2024

Kioxia Corporation ผู้นําระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจํา ประกาศในวันนี้ว่า KIOXIA PCIe® 5.0 NVMe™ SSD ได้รับการทดสอบความเข้ากันได้ และความสามารถในการทํางานร่วมกันกับโซลูชัน Xinnor, Ltd. (“Xinnor”) RAID และประสบความสําเร็จในการรัน PostgreSQL มากกว่าโซลูชัน RAID ของซอฟต์แวร์ที่มีการกําหนดค่าฮาร์ดแวร์เดียวกันถึง 25 เท่า(1). โซลูชันนี้จะสาธิตในบูธ KIOXIA ที่งาน COMPUTEX TAIPEI ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนถึง 7 มิถุนายน

KIOXIA CM7 Series PCIe(R) 5.0 NVMe(TM) SSDs (Photo: Business Wire)

KIOXIA CM7 Series PCIe(R) 5.0 NVMe(TM) SSD (ภาพ: Business Wire)

PostgreSQL (พร้อมส่วนขยาย pgvector) และฐานข้อมูลเวกเตอร์มีความสําคัญมากขึ้นสําหรับระบบ generative AI และ RAG (Retrieval Augmented Generation) มากกว่าเดิม และผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นโดยใช้โซลูชัน xiRAID Opus และ KIOXIA PCIe® 5.0 NVMe™ SSD ของ Xinnor สําหรับแอปลิเคชัน generative AI และ RAG

เซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่มีอินเทอร์เฟซ PCIe® 5.0 และ SSD ความเร็วสูงที่สอดคล้องกัน เป็นที่ต้องการสําหรับแอปพลิเคชันประสิทธิภาพสูง เช่น generative AI และความสําคัญของ SSD ที่เข้ากันได้กับ PCIe® 5.0 เพื่อรองรับความต้องการที่กำลังเพิ่มมากขึ้น โซลูชัน RAID ซอฟต์แวร์ประสิทธิภาพสูงของ Kioxia และ Xinnor ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของ PCIe® 5.0 SSD สําหรับ AI, Machine Learning (ML) และแอปพลิเคชันการวิเคราะห์ข้อมูลในศูนย์ข้อมูลขององค์กรภายในองค์กร KIOXIA CM7 Series SSD ประสบความสําเร็จในการทดสอบความเข้ากันได้ที่ดําเนินการโดยทั้งสองฝ่าย

ความสําเร็จของโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูลรุ่นต่อไปจะขึ้นอยู่กับการทํางานร่วมกันของระบบนิเวศและความพยายามในการทดสอบการทํางานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในปัจจุบันและอนาคตทํางานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และส่งมอบตามที่คาดไว้ ในฐานะผู้นําด้าน SSD ระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล Kioxia มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้าด้วยโซลูชันหน่วยความจําที่เป็น นวัตกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนคลื่นลูกใหม่ของแอปพลิเคชันและบริการ Kioxia จะยังคงสนับสนุนระบบนิเวศ PCIe® 5.0 ต่อไป และเพิ่มมูลค่าสูงสุดของ PCIe® 5.0 NVMe™ SSD ประสิทธิภาพสูง

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง: กลุ่มผลิตภัณฑ์ KIOXIA Enterprise SSD
https://www.kioxia.com/en-jp/business/ssd/enterprise-ssd.html

หมายเหตุ

(1) เมื่อเทียบกับโซลูชัน RAID มาตรฐานใน Linux (mdraid / mdadm) ในโหมดลดระดับโดยที่ไดรฟ์ตัวหนึ่งล้มเหลว ในการดําเนินการอ่านฐานข้อมูล (สืบค้น)

*Xinnor และ xiRAID เป็นเครื่องหมายการค้าของ Xinnor, Ltd.

*NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นําระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจํา ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจําแฟลชและโซลิดสเตตไดร์ฟ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory รุ่นก่อนได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจําแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจํา” โดยนําเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและหน่วยความจำ – คุณค่าพื้นฐานสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจําแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ กําลังกําหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลลูกค้า:

Kioxia Group
สำนักงานขายทั่วโลก
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจําเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54031655/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
Tel: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

ส่องสว่างบนยอดตึกไทเป 101 GIGABYTE กำหนดนิยามใหม่ให้กับวิวัฒนาการของ AI ที่เร่งด้วยการประมวลผลแบบยุคใหม่ที่งาน COMPUTEX

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–03 มิถุนายน 2024

GIGABYTE Technology ผู้มีกิตติศัพท์ระดับโลกในด้านความสามารถในการวิจัยและพัฒนา จะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของตนที่งาน COMPUTEX ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ถึง 7 มิถุนายน ภายใต้หัวข้อ “ACCEVOLUTION” โดยยกย่องยุคใหม่ของการเร่งการประมวลผลและเวลาของ AI AI ซึ่งยังคงเป็นเทรนด์สำคัญ โดยได้ดึงดูดผู้นำอุตสาหกรรม รวมถึงซีอีโอจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของงาน COMPUTEX และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง อาคารไทเป 101 จะมีการประดับไฟเพื่องาน COMPUTEX โดยคำว่า GIGABYTE จะส่องสว่างในวันที่ 4 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ถึง 22.00 น. เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรม AI และต้อนรับแขกจากต่างประเทศ

Shining Bright atop Taipei 101, GIGABYTE Redefines AI Evolution Accelerated by Next-Generation Computing at COMPUTEX (Photo: Business Wire)

ส่องสว่างบนยอดตึกไทเป 101 GIGABYTE กำหนดนิยามใหม่ให้กับวิวัฒนาการของ AI ที่เร่งด้วยการประมวลผลแบบยุคใหม่ที่งาน COMPUTEX (ภาพ: Business Wire)

ผู้นำที่โดดเด่นด้านการพัฒนาชิพระดับโลกจะเข้าร่วมงาน COMPUTEX โดยมีเป้าหมายที่จะยืนยันอิทธิพลของพวกเขาในยุค AI และกระชับความสัมพันธ์กับห่วงโซ่อุปทานของไต้หวัน GIGABYTE ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ รู้สึกเป็นเกียรติที่จะเชิญ CEO เหล่านี้มาที่บูธเพื่อสำรวจเทคโนโลยีล่าสุด กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ GIGABYTE ครอบคลุมทั้งวงจรชีวิตของ AI โดยมีเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมและโซลูชั่นเซิร์ฟเวอร์ที่ยืดหยุ่น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลในอนาคตด้วยโซลูชั่นระบายความร้อนขั้นสูง จะถูกจัดแสดงในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนที่งาน COMPUTEX นอกจากนี้ GIGABYTE จะนำเสนอผลิตภัณฑ์พีซีที่ได้รับรางวัล Red Dot Award สาธิตผลิตภัณฑ์ใหม่ และมอบประสบการณ์ AI ให้กับเหล่านักเล่นเกมและผู้สร้าง

GIGABYTE ได้คงความเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดในตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่หลากหลายที่สุด ในปีนี้ เซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ AI รุ่นเรือธง G593 ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านฟีเจอร์ความหนาแน่นสูง (HD) และการออกแบบที่ยืดหยุ่น ได้รับการจัดแสดงเพื่อรองรับชิปรุ่นใหม่ของ NVIDIA H200 และ B100 รวมถึงรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับ MI300X ของ AMD นอกจากนี้ ในงานแสดงจะนำเสนอเซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ X รุ่นใหม่ ซึ่งใช้การออกแบบโมดูลาร์ MGX ของ NVIDIA ที่ช่วยลดเวลาในการพัฒนาและเร่งการปรับใช้ศูนย์ข้อมูล ลูกค้าสามารถเลือกระหว่างCPU AMD EPYC, Intel Xeon x86 หรือซุปเปอร์ชิพ NVIDIA Grace Hopper Arm ซึ่งนำเสนอการกำหนดค่าที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการด้านการคำนวณโดยเฉพาะ

โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้รับความนิยมมากขึ้นใน AI เพื่อรองรับจำนวนพารามิเตอร์ที่เพิ่มขึ้น GIGABYTE จึงได้จัดแสดงเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับสถาปัตยกรรม Blackwell รุ่นล่าสุดของ NVIDIA โดยมีการออกแบบที่มีความหนาแน่นสูง (HD) ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง พร้อมด้วยซุปเปอร์ชิพ B100 และ B200 อันทรงพลัง โดย B100 จะเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ซีรีส์ G593 ในขณะที่ประสิทธิภาพระดับถัดไปของ B200 ทำให้เกิดความท้าทายด้านความร้อนที่เกินกว่าความสามารถในการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิม GIGABYTE ได้จัดการกับเรื่องนี้ด้วยวิศวกรรมการระบายความร้อนชั้นนำของอุตสาหกรรมอันได้แก่ direct liquid cooling นอกจากนั้น GB200 ที่ได้รับการคาดหวังอย่างสูงจะถูกจัดแสดงในตู้ระบายความร้อนด้วยของเหลวในชื่อ GB200 NVL72 ซึ่งทำหน้าที่เป็น GPU ขนาดใหญ่ที่สามารถบรรลุประสิทธิภาพการอนุมานถึง 30 เท่าของ GPU H100 ในจำนวนที่เท่ากัน สิ่งนี้ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมไม่เพียงแต่ได้เห็นนวัตกรรมเหล่านี้โดยตรง แต่ยังมีส่วนร่วมในการอภิปรายเกี่ยวกับอนาคตของการพัฒนา AI และการใช้งานคอมพิวเตอร์อีกด้วย

ขอแนะนำ GIGA POD ซึ่งเป็นโซลูชันการรวมแร็คแบบครบวงจรของ GIGABYTE โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านเซิร์ฟเวอร์และประสบการณ์มากกว่า 20 ปีที่ได้รับจากพันธมิตรอย่าง CSP GIGA POD เป็นการบูรณาการระบบที่สมบูรณ์ รวมถึงการวางแผนสถาปัตยกรรม การรวมอุปกรณ์ การติดตั้งซอฟต์แวร์ และการทดสอบหลังการใช้งาน มีการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ AI ที่แตกต่างกันด้วย NVIDIA SXM หรือ AMD Instinct GPUs หรือซุปเปอร์ชิพ NVIDIA และกำลังค่อยๆ ขยายไปยังเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ติดตั้ง GPU ระดับบนสุดในอนาคต GIGA POD ยังเป็นการสาธิตที่สำคัญของวิศวกรรมการระบายความร้อนของ GIGABYTE โดยติดตั้งโมดูล HGX ในแชสซี 5U ของเซิร์ฟเวอร์ G593 ที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ เซิร์ฟเวอร์ที่มีความหนาแน่นสูงดังกล่าวช่วยให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการเลือกการกำหนดค่า 9 แร็คพร้อมเซิร์ฟเวอร์ AI 4 เซิร์ฟเวอร์ต่อแร็ค 42U หรือการกำหนดค่า 5 แร็คพร้อมเซิร์ฟเวอร์ AI 8 แร็คต่อแร็ค 48U ทำให้ได้พื้นที่การใช้งานเกือบสองเท่าและปรับปรุงประสิทธิภาพของทรัพยากรได้อย่างมาก GIGABYTE ยังได้เชิญ Northern Data Group ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของโซลูชันการประมวลผลคลัสเตอร์ (GIGA POD) และผู้ให้บริการคลาวด์ Generative AI รายใหญ่ที่สุดของยุโรป ให้เข้าร่วมในกิจกรรมพิเศษ “Executive Dialogue with AI Visionaries” กับผู้จัดการทั่วไปของบริษัทย่อยของ GIGABYTE อย่าง Giga Computing การพูดคุยแบบไลฟ์สดจะครอบคลุมถึงการทำงานร่วมกัน กุญแจสู่ความสำเร็จ และมุมมองเกี่ยวกับอนาคตของ AI

การพัฒนา AI ขยายขอบเขตไปไกลกว่าการคำนวณ GPU ไปสู่โครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลที่ครอบคลุม รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลและการส่งข้อมูลเครือข่าย ความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาของ GIGABYTE ในด้านอุณหภูมิ กลไก และการออกแบบโมดูลาร์ทำให้มั่นใจได้ถึงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสำหรับสถาปัตยกรรมไอที

GIGABYTE เป็นผู้บุกเบิกโซลูชั่น advanced cooling solutions เทคโนโลยีการเรียนรู้ เช่น การระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง และการ immersion cooling ด้วยความเชี่ยวชาญในการบูรณาการข้ามสาขาวิชา GIGABYTE ได้พัฒนาแผ่นเย็น, แร็ควาง DLC และถังแช่ของตัวเอง โดยนำเสนอโซลูชั่นการระบายความร้อนที่ครอบคลุม ที่งาน COMPUTEX นั้น GIGABYTE จะจัดแสดงระบบทำความเย็นแบบจุ่มเฟสเดียว ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง และแร็ควางเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนที่ประตูหลัง (RDHx) แบบใหม่ ด้วยความร่วมมือกับ nVent นั้น GIGABYTE ได้ติดตั้ง Hyperion ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์อันดับสามของสเปน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ฟูลแร็คที่มี RDHx การตั้งค่านี้เชื่อมต่อกับเครื่องทำความเย็นกลางแจ้ง โดยสามารถกระจายความร้อนได้สูงสุดถึง 54,000 วัตต์ต่อชั่วโมง ช่วยลดความต้องการเครื่องปรับอากาศ และจัดการฮอตสปอตทางคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

GIGABYTE นำเสนอทั้งความสามารถในการฝึกอบรมโมเดล AI ที่แข็งแกร่งและแอปพลิเคชัน AI ที่ใช้งานได้จริงผ่านคอมพิวเตอร์ฝังตัวระดับอุตสาหกรรม การสาธิตครอบคลุมโรงงานอัจฉริยะที่มีวิชันซิสเต็มที่ใช้ AI และคอมพิวเตอร์ฝังตัวที่มีความเสถียรสูงสำหรับการควบคุมระยะไกล รวมถึงบาร์ร้านค้าปลีกที่ใช้แผงพีซีรวมกับการจดจำ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ความก้าวหน้าใน AI และ CPU/GPU รุ่นต่อไปยังสนับสนุนแอปพลิเคชันยานยนต์อัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพ ADAS และอุปกรณ์ Telematic ในรถยนต์

การเพิ่มขึ้นของ AI กำลังเปลี่ยนแปลงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เมนบอร์ด GIGABYTE ซีรีส์ Z790 ได้รับการออกแบบมาสำหรับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และรองรับกราฟิกการ์ดซีรีส์ RTX 40 SUPER ซึ่งมอบประสิทธิภาพสูงสุดด้วยจำนวนคอร์ที่ได้รับการปรับปรุง VRAM และความเร็วหน่วยความจำ กราฟิกการ์ดใช้การเร่งความเร็ว AI นำเสนอการประมวลผลและการประมวลผลกราฟิกที่ยอดเยี่ยมสำหรับงานระดับมืออาชีพและเกม AAA ในขณะเดียวกันก็เตรียมผู้ใช้สำหรับแอปพลิเคชันใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อีกด้วย แล็ปท็อป AORUS 17X และ 16X AI มี AI Nexus ของ GIGABYTE พร้อมด้วยฟีเจอร์ AI Boost AI Generator และ AI Power Gear ซึ่งมอบประสิทธิภาพที่ดีขึ้น การสร้าง AI ที่ราบรื่น และเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น ในพื้นที่สำหรับมอบประสบการณ์ AI ของบูธของเรา ผู้เข้าชมสามารถสำรวจแอปพลิเคชัน AI ล่าสุดและโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งรวมถึง NVIDIA ACE และ ChatRTX ที่จะเจาะลึกเข้าไปในเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยได้

เยี่ยมชมงาน COMPUTEX ของ GIGABYTE ได้ที่ event page

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54023006/en

ติดต่อ

ผู้ประสานการติดต่อสื่อมวลชน: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

แหล่งที่มา: GIGABYTE Technology






The Bangkok Reporter