Kioxia พัฒนา SSD บรอดแบนด์พร้อมอินเทอร์เฟซแบบออปติคอลสำหรับศูนย์กลางข้อมูลสีเขียว (Green Data Center) แห่งยุคต่อไป

Logo

การสาธิตเทคโนโลยีในงานสัมมนา Future of Memory and Storage ที่บูธ Kioxia หมายเลข 307

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

Kioxia Corporation บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ จะจัดแสดงต้นแบบของ SSD บรอดแบนด์พร้อมอินเทอร์เฟซแบบออปติคอลสำหรับศูนย์กลางข้อมูลแห่งยุคต่อไปในงานประชุม “FMS: the Future of Memory and Storage” ซึ่งจะจัดขึ้นในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างวันที่ 6 ถึง 8 สิงหาคม เทคโนโลยี SSD ช่วยเพิ่มระยะห่างทางกายภาพระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้อย่างมาก โดยเปลี่ยนอินเทอร์เฟซการเดินสายไฟฟ้าเป็นแบบออปติคัล ลดขนาดสายไฟลง แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานและคุณภาพสัญญาณที่สูงเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความยืดหยุ่นสูงให้กับการออกแบบและการใช้งานระบบศูนย์ข้อมูลอีกด้วย

การใช้อินเทอร์เฟซแบบออปติคัลทำให้สามารถรวบรวมส่วนประกอบแต่ละชิ้นที่ประกอบเป็นระบบ เช่น SSD และ CPU และเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น นับเป็นการพัฒนาต่อยอดของ “ระบบคอมพิวเตอร์แบบแยกส่วน” ที่สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพตามปริมาณงานที่เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ ด้วยความสมบูรณ์ของสัญญาณที่สูง อินเทอร์เฟซแบบออปติคัลจึงสามารถทำให้สภาพแวดล้อมการประมวลผล เช่น อวกาศ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้

ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากโครงการ “การพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวแห่งยุคต่อไป” ของญี่ปุ่น JPNP21029 ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนจากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO) ซึ่งอยู่ภายใต้ “โครงการกองทุนนวัตกรรมสีเขียว: การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคถัดไป”  ในโครงการทุนนี้ เทคโนโลยีรุ่นต่อไปได้รับการพัฒนาโดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลในปัจจุบัน ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการนี้ Kioxia กำลังพัฒนา SSD บรอดแบนด์ที่มีอินเทอร์เฟซออปติคัลสำหรับการจัดเก็บข้อมูลในศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวรุ่นต่อไป

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งมุ่งมั่นในการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตทไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทก่อนหน้าได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “ความจำ” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าอีกทั้งยังสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติอันล้ำสมัยของ Kioxia หรือ BiCS FLASH™ กำลังกำหนดทิศทางของอนาคตของระบบจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ เช่น ราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Satoshi Shindo
Tel: +81-3-6478-2404

แหล่งที่มา: Kioxia Corporation

Gradiant ประกาศการเติบโตอย่างรวดเร็วของยอดขายด้วยยอดสั่งซื้อใหม่กว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024

Logo

การเติบโตดัวกล่าวขับเคลื่อนโดยการขยายตัวทางภูมิศาสตร์และความก้าวหน้าเชิงกลยุทธ์ในภาคส่วนเซมิคอนดัคเตอร์และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงข้อเสนอต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นในตลาดอุตสาหกรรมอื่นๆ

BOSTON–(BUSINESS WIRE)–06 สิงหาคม 2024

Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชันระดับโลกด้านการบำบัดน้ำและน้ำเสีย ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับการปิดยอดสั่งซื้อใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 ได้มากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยังคงสามารถรักษาสถิติจากยอดสั่งซื้อในไตรมาสแรกซึ่งทำสถิติสูงสุดที่ 337 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลประกอบการในครั้งนี้ถือเป็นปีที่ห้าที่สามารถทำยอดขายประจำปีได้มากขึ้นเป็นสองเท่า และเป็นผลจากการที่บริษัทขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ไปยังสหรัฐอเมริกาและมุ่งเน้นภาคส่วนการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงที่สำคัญทั่วโลก

Gradiant ยังคงให้บริการแก่ผู้นำในอุตสาหกรรมสำคัญๆ ทั่วโลก ซึ่งกลายเป็นพันธมิตรด้านโซลูชันน้ำที่ทุกคนนึกถึง โดยมีการลงนามในข้อตกลงใหม่สำหรับการออกแบบ สร้าง และดำเนินการโรงงานบำบัดน้ำและรีไซเคิลน้ำเสียรายหลักในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชีย โดยคำสั่งซื้อใหม่จำนวนมากเป็นคำสั่งซื้อสำหรับโครงการที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐอเมริกาและเอเชีย รวมถึงลูกค้าประจำที่มีการใช้โซลูชันของ Gradiant มากขึ้นเรื่อยๆ จากประสบการณ์เชิงบวกในเทคโนโลยีและทีมงาน คำสั่งซื้อใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 เป็นคำสั่งซื้อจากลูกค้าหลายราย รวมถึง Micron, STMicroelectronics, AB InBev, Coca-Cola, Nestle, Rio Tinto, Petronas, ADNOC และ Nama Water

ข้อตกลงเหล่านี้เน้นย้ำถึงความต้องการที่สูงขึ้นในภาคส่วนการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงที่สำคัญ อาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมหนักสำหรับโซลูชันที่ช่วยลดการใช้น้ำ เรียกคืนทรัพยการที่มีค่า และฟื้นฟูน้ำเสียเพื่อคืนสู่ธรรมชาติ ข้อตกลงเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Gradiant ในการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั่วโลกในภูมิทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และกฎระเบียบต่างๆ

อุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้น้ำทั่วโลกสูงถึง 50% Gradiant นำเสนอเทคโนโลยีแบบครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับความท้าทายที่ซับซ้อนด้านน้ำและน้ำเสีย สำหรับอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก รวมถึงภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม ยา การขุดเหมือง พลังงานหมุนเวียน และพลังงานไฟฟ้า โซลูชันของ Gradiant ช่วยให้พันธมิตรในภาคส่วนอุตสาหกรรมสามารถมั่นใจได้ว่า จะสามารถบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและความยั่งยืนด้วยต้นทุน CAPEX และ OPEX ที่ต่ำที่สุด

ความสำเร็จที่ต่อเนื่องกันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นนที่เพิ่มขึ้นของ Gradiant อันเป็นผลมาจากการเพิ่ม CURE Chemicals ซึ่งเป็นชุดโซลูชันทางเคมีที่ปรับแต่งอย่างเต็มรูปแบบสำหรับการดำเนินการด้านน้ำและน้ำเสียที่เพิ่งมีการประกาศเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานนี้ จากการเติบโตที่มีมาอย่างต่อเนื่อง GWI Global Water Summit อันทรงเกียรติได้มอบรางวัลอันทรงเกียรติ “Water Company of the Year (Distinction)” และ “Water Technology Idol'' ให้กับ Gradiant ในเดือนพฤษภาคม เพื่อยกย่องผลงานความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี

“ด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของเรา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรอุตสาหกรรมเทคโลโนยีขั้นสูงใหม่ๆ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ในแนวทางที่เน้นการแก้ไขปัญหาและนวัตกรรมเชิงเทคโนโลยีของเราที่ตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืนสำหรับลูกค้าของเรา” Prakash Govindan, COO ของ Gradiant กล่าว “เรากำลังดำเนินการตามคำมั่นสัญญาของเราที่จะช่วยให้ภาคส่วนอุตสาหกรรมและชุมชนเจริญรุ่งเรืองเคียงคู่กัน และให้แน่ใจได้ว่า เราจะมีน้ำใช้สำหรับคนรุ่นต่อไป”

Gradiant ปรับเสริมแนวทางในไตรมาสที่ Q2 ด้วยการประกาศเชิงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้านการบำบัด PFAS และการผลิตลิเธียม

ในเดือนพฤษภาคม Gradiant มีการประกาศเปิดตัว ForeverGone โซลูชันแบบครบวงจรชุดแรกของอุตสาหกรรมในการกำจัดและทำลาย PFAS ซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายอย่างถาวร ForeverGone ผลิตน้ำที่สอดคล้องหรือแม้กระทั่งเกินมาตรฐานสำหรับ PFAS ในน้ำดื่มล่าสุดของ US EPA โดยโซลูชันที่บูรณาการอย่างสมบูรณ์นี้สามารถช่วยในการกำจัด PFAS ได้อย่างครอบคลุมอย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และใช้ต้นทุนโดยรวมต่ำที่สุด

นอกเหนือจากนั้น ในเดือนมิถุนายน Gradiant ประกาศเปิดตัว alkaLi ซึ่งเป็นบริษัทแยกย่อยที่แยกตัวออกต่างหาก ซึ่งมุ่งเน้นการเร่งขยายการผลิตลิเธียมเกรดแบตเตอรี่a alkaLi ดำเนินการโดย EC2 ซึ่งเป็นนวัตกรรมเกรด Gradiant ซึ่งเป็นโซลูชันแบบครบวงจรชุดแรกและโซลูชันเดียวในอุตสาหกรรมที่ออกแบบมาเพื่อสกัด แยกความเข้มข้น และแปลงลิเธียมเกรดแบตเตอรี่ alkaLi นำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในโลกสำหรับการผลิตลิเธียมและตอบสนองเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในภาคส่วนการใช้ไฟฟ้า รองรับความต้องการในการใช้ EV อุปกรณ์กักเก็บพลังงาน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพา

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทโซลูชันน้ำที่ไม่เหมือนใคร ด้วยชุดโซลูชันที่ครบวงจรซึ่งมีความแตกต่างและเป็นกรรมสิทธิ์สำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ซึ่งขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านน้ำ บริษัทให้บริการรองรับการดำเนินการที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่างๆ ในโลก รวมถึงเซมิคอนดัคเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันเชิงนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและปริมาณน้ำเสียที่มีการปล่อยออกมา เรียกคืนทรัพยากรที่มีค่า และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด สำนักงานใหญ่ที่บอสตันก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับองค์กร
Felix Wang
Gradiant
Global Head of Branding and PR
fwang@gradiant.com

แหล่งข้อมูล: Gradiant.

การพัฒนา “IDEMITSU IFG Plantech Racing” น้ำมันเครื่องสมรรถนะสำหรับรถแข่งรุ่นแรกของโลกที่ผ่านการรับรอง API ผลิตจากวัตถุดิบจากพืชมากกว่า 80%

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

Idemitsu Kosan Co.,Ltd. (สำนักงานใหญ่: Chiyoda-ku, Tokyo กรรมการบริหารแทน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร: Shunichi Kito ต่อไปนี้จะเรียกว่า “Idemitsu”) มีการพัฒนาน้ำมันเครื่องรุ่นใหม่ IDEMITSU IFG Plantech Racing (เกรดความหนืด: 0W-20) ซึ่งใช้วัตถุดิบจากพืชมากกว่า 80% (ต่อไปนี้เรียกว่า “ผลิตภัณฑ์”) ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการรับรอง API (สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน) SP*1 เสริมให้เป็นน้ำมันเครื่องสมรรถนะสำหรับรถแข่ง*3รุ่นแรกของโลก*2 ที่ใช้วัตถุดิบจากพืช

Perspective image of “IDEMITSU IFG Plantech Racing” package (Photo: Business Wire)

ภาพมุมมองแพ็คเกจ “IDEMITSU IFG Plantech Racing” (ภาพถ่าย: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับการรับรอง Biomass Mark*4 (หมายเลขการรับรอง: 230315) จากสมาคมรีไซเคิลสารอินทรีย์ของญี่ปุ่นอีกด้วย รุ่นระดับท็อปนี้สืบทอด DNA ของ “IDEMITSU IFG/IRG Series” ซึ่งมีการจัดจำหน่ายใน 13 ประเทศเป็นหลัก ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นในเครือที่อยู่ต่างประเทศของ Idemitsu คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ประมาณเดือนพฤศจิกายน ปี 2024 โดยจะมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมในเดือนตุลาคม

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1911 Idemitsu ให้ความสำคัญกับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและการปรับปรุงเทคโนโลยีของน้ำมันหล่อลื่นมาโดยตลอด บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ในนความสามารถทางเทคโนโลยี

*1: ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพที่กำหนดโดย API สำหรับน้ำมันเครื่อง รวมถึงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ความทนทานต่อความร้อน และความทนทานต่อการสึกหรอ
*2: ดำเนินการสำรวจการตลาดเกี่ยวกับ “น้ำมันเครื่อง” (น้ำมันที่ผ่านการรับรอง API / น้ำมันจากพืช / ประสิทธิภาพการแข่งขัน) เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2023 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 โดย Trending Future Research
*3: กำหนดตามข้อกำหนดที่เทียบเท่า (ความทนทาน) โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประวัติการแข่งขันในบริษัทของเรา (การแข่งขันรถขับเคลื่อนสี่ล้อตามเวลาหรือรอบในสนามแข่ง จำกัดเฉพาะผู้เข้าร่วมที่เป็นทีมงานของบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์)
*4: เครื่องหมายชีวมวลเป็นตัวบ่งชี้ที่สามารถแสดงบนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทรัพยากรทางชีวภาพ ได้รับการรับรองจากสมาคมรีไซเคิลสารอินทรีย์ของญี่ปุ่นว่า เป็นไปตามฉลากระบุเครื่องหมายชีวมวล เนื่องจากมีการใช้วัตถุดิบจากพืชมากกว่า 80%

[ข้อมูลอ้างอิง]
เกี่ยวกับ “IDEMITSU IFG/IRG Series”

“IDEMITSU IFG/IRG Series” เป็นซีรีส์น้ำมันเครื่องที่มีการออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ โดยมีสูตรการผลิตที่เพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ให้สูงสุด

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IDEMITSU IFG/IRG Series ได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
https://www.idemitsu-nano-tailored-oil.com/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54103018/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับหัวข้อนี้
ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับ IDEMITSU IFG Plantech Racing
idemitsu-plantech-racing@idemitsu.com

หากต้องการสอบถามด้านสื่อ โปรดติดต่อ
แผนกประชาสัมพันธ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Idemitsu Kosan Co.,Ltd.
https://www.idemitsu.com/en/contact/flow/index.html

แหล่งข้อมูล: Idemitsu Kosan Co., Ltd..


Techtronic Industries รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2024 ที่ดีเยี่ยม

Logo

อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 39.9% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 550 ล้านเหรียญสหรัฐ

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–06 สิงหาคม 2024

Techtronic Industries Co. Ltd. (“TTI” หรือ “กลุ่ม”) (รหัสหุ้น: 669, OTCQX: TTNDY, TTNDF) ผู้นำระดับโลกในด้านเครื่องมือระดับมืออาชีพไร้สาย เครื่องมือ DIY และอุปกรณ์ไฟฟ้ากลางแจ้ง มีความยินดีที่จะประกาศการรวมบัญชีที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในช่วงหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2024 TTI เพิ่มยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เป็น 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.3% ตามสกุลเงินที่รายงาน และ 6.6% ตามสกุลเงินท้องถิ่น ทาง MILWAUKEE มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักในสกุลเงินท้องถิ่น และ RYOBI มีผลการดำเนินงานดีกว่าตลาด

  • TTI รายงานผลครึ่งปีแรกที่ดีเยี่ยม โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 6.3% เป็น 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15.7% เป็น 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ธุรกิจหลักของเราใน MILWAUKEE มียอดขายเพิ่มขึ้น 11.2% ตามสกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งขยายตำแหน่งผู้นำของเราในฐานะแบรนด์เครื่องมือไฟฟ้าระดับมืออาชีพอันดับ 1 ทั่วโลก
  • อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 67จุดพื้นฐาน (bps) เป็น 39.9% ในครึ่งแรกของปี 2024
  • มีการสร้างกระแสเงินสดอิสระในครึ่งปีแรกเป็นประวัติการณ์ที่ 508 ล้านเหรียญสหรัฐ และปรับปรุงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (gearing) เป็น 9.2%
  • นาย Steven Philip Richman ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ TTI เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2024

ไฮไลท์ผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับครึ่งปีแรกประจำปี 2024

2024

2023

US$’

US$’

million

million

Changes

รายได้

7,312

6,879

+6.3%

อัตรากำไรขั้นต้น

39.9%

39.3%

+67 bps

กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT)

626

560

+11.8%

กำไรเจ้าของบริษัท

550

476

+15.7%

กำไรต่อหุ้น (EPS) (เซนต์สหรัฐ)

30.12

26.00

+15.8%

กระแสเงินสดอิสระ

508

301

+207 m

เงินปันผลระหว่างกาลต่อหุ้น (ประมาณเซนต์สหรัฐ)

13.90

12.23

+13.7%

อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 67 จุดพื้นฐาน (bps) เป็น 39.9% ในครึ่งปีแรกของปี 2024 เราปิดครึ่งปีแรกของปี 2024 ด้วยสต๊อกสินค้ามูลค่า 4,027 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 71 ล้านเหรียญสหรัฐจากสิ้นปี 2023 และลดลง 554 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว เรามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) จำนวน 626 ล้านเหรียญสหรัฐในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 11.8% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2023 อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายอยู่ที่ 8.6% ซึ่งเพิ่มขึ้น 42 จุดพื้นฐานจากครึ่งปีแรกของปี 2023 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15.7% เป็น 550 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสุทธิลดลง 34.0% เป็น 32 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงการลดหนี้ที่มีต้นทุนสูงอย่างยอดเยี่ยมและการใช้ประโยชน์จากการเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างมีประสิทธิภาพ กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 15.8% เป็น 30.12 เซนต์สหรัฐ ส่วนของทุนหมุนเวียนเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายดีขึ้น 409 จุดพื้นฐานเป็น 18.7% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2023 อัตราส่วนการกู้ยืม (gearing) ดีขึ้นเป็น 9.2% ขณะที่เรามีกระแสเงินสดอิสระในเชิงบวกจำนวน 508 ล้านเหรียญสหรัฐในครึ่งปีแรกของปี 2024 ซึ่งดีขึ้น 207 ล้านเหรียญสหรัฐจากครึ่งปีแรกของปี 2023 เรามีตำแหน่งที่ดีในการขับเคลื่อนการแปลงกระแสเงินสดอิสระที่แข็งแกร่งในปีต่อๆ ไป

กลุ่มอุปกรณ์พลังงาน TTI มีการเติบโตของยอดขาย 7.1% ตามสกุลเงินท้องถิ่น เป็น 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ธุรกิจ MILWAUKEE มีการเติบโตเป็นเลขหลักเดียวในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีการเพิ่มขึ้น 11.2% ตามสกุลเงินท้องถิ่น กลุ่มธุรกิจของเราที่เน้นผู้บริโภคมีผลประกอบการที่ดีในครึ่งปีแรกของปี 2024 โดยมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในกลุ่มอุปกรณ์กลางแจ้ง RYOBI มีการเติบโตของยอดขายในระดับกลางของเลขหลักเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว ธุรกิจการทำความสะอาดและการดูแลพื้นของเราให้ผลกำไรที่ดีขึ้น 9.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ 428 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้ที่สร้างขึ้นในครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว

คณะกรรมการได้มีมติประกาศเงินปันผลระหว่างกาลที่ 108.00 เซนต์ฮ่องกง (ประมาณ 13.90 เซนต์สหรัฐ) (ปี 2023: 95.00 เซนต์ฮ่องกง (ประมาณ 12.23 เซนต์สหรัฐ)) ต่อหุ้น สำหรับช่วงหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2024 เงินปันผลระหว่างกาลจะจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่ลงทะเบียนในบัญชีสมาชิกของบริษัท ณ วันที่ 6 กันยายน 2024 คาดว่าเงินปันผลระหว่างกาลจะจ่ายในหรือประมาณวันที่ 19 กันยายน 2024

นาย Horst Julius Pudwill ประธานของ TTI กล่าวว่า “เรามีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในครึ่งปีแรกของปี 2024 รวมถึงการสร้างกระแสเงินสดอิสระที่ดีงามและการเสริมสร้างงบดุลของเราโดยการจัดการทุนหมุนเวียนอย่างมีระเบียบ ด้วยการเลื่อนตำแหน่ง Steven Philip Richman เป็น CEO และกลุ่มบุคลากรที่มีความสามารถที่สนับสนุนเขา เรามีตำแหน่งที่ดีเยี่ยมในการเติบโตของตลาดโดยรวมและขยายความเป็นผู้นำของเรา”

นาย Steven Philip Richman CEO ของ TTI กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของเราสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขยายตำแหน่งความเป็นผู้นำในตลาดภายในกลุ่มธุรกิจ MILWAUKEE และกลุ่มผู้บริโภค พร้อมกับการแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่ง เรามุ่งมั่นต่อกลยุทธ์ของเราที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและดีกว่าอย่างชัดเจน รวมถึงบุคลากรที่ยอดเยี่ยมเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเรา”

เกี่ยวกับ TTI

TTI เป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีไร้สายที่ครอบคลุมเครื่องมือพลังงาน อุปกรณ์พลังงานกลางแจ้ง การทำความสะอาดพื้นและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สำหรับผู้ใช้งาน DIY ผู้บริโภค มืออาชีพ และอุตสาหกรรมในบ้าน การก่อสร้าง การบำรุงรักษา อุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทมีพื้นฐานที่สร้างขึ้นจากสี่ปัจจัยกลยุทธ์หลัก ได้แก่ แบรนด์ที่ทรงพลัง ผลิตภัณฑ์ที่นวัตกรรม บุคลากรที่ยอดเยี่ยม และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาเทคโนโลยีไร้สาย กลยุทธ์การเติบโตระดับโลกของการค้นคว้านวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้งได้นำ TTI ไปสู่ตำแหน่งแนวหน้าของอุตสาหกรรมขณะรักษามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่สูง แบรนด์ที่ทรงพลังของ TTI รวมถึง MILWAUKEE, RYOBI และ AEG เครื่องมือพลังงาน อุปกรณ์เสริมและเครื่องมือช่าง ผลิตภัณฑ์กลางแจ้ง RYOBI ผลิตภัณฑ์จัดแนวและวัดของ EMPIRE และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น HOOVER, VAX, DIRT DEVIL และ ORECK

TTI ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งฮ่องกง จำกัด ในปี 1990 โดยเป็นหนึ่งในหุ้นองค์ประกอบของดัชนี Hang Seng ดัชนีเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืนขององค์กร Hang Seng ดัชนี FTSE RAFI™ All-World 3000 ดัชนี FTSE4Good Developed และ ดัชนี MSCI ACWI บริษัทยังซื้อขายในตลาดที่ดีที่สุดของ OTCQX ภายใต้สัญลักษณ์ “TTNDY” และ “TTNDF” สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมที่ www.ttigroup.com

เครื่องหมายการค้าทั้งหมดที่อยู่ในรายการนอกเหนือจาก AEG, OTCQX และ RYOBI เป็นของกลุ่มบริษัท AEG เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ AB Electrolux (publ.) และใช้ภายใต้ใบอนุญาต OTCQX เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ OTC Markets Group Inc. RYOBI เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Ryobi Limited และใช้ภายใต้ใบอนุญาต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับการสอบถามข้อมูลนักลงทุนสัมพันธ์:

Main Contact
TTI Investor Relations – North America
Ross Gilardi
รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์
Email: ross.gilardi@ttihq.com

Asia/Pacific
TTI Investor Relations – Asia
Jimmy Li
ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
Email: jimmy.li@tti.com.hk

ที่มา: Techtronic Industries Co. Ltd.

โครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ร่วมมือกับ Oxford Nanopore เพื่อพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับพันธุศาสตร์ของประชากรหลายเชื้อชาติของสิงคโปร์

Logo

โครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์จะจัดลําดับจีโนม 10,000 จีโนม เพื่อปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมทางพันธุกรรมและความหลากหลายในประชากรเอเชียที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติของสิงคโปร์ผ่านเทคโนโลยีการหาลําดับขั้นสูงที่ใช้นาโนพอร์

อ็อกซ์ฟอร์ด อังกฤษ–(BUSINESS WIRE)–05 สิงหาคม 2024

Oxford Nanopore Technologies (Oxford Nanopore) ได้ประกาศโครงการสําคัญร่วมกับโครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ ซึ่งนําโดย Precision Health Research, Singapore (PRECISE) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแคตตาล็อกโครงสร้างที่มีการปรับเปลี่ยนที่ครอบคลุม ซึ่งแสดงถึงสามกลุ่มชาติพันธุ์หลักในสิงคโปร์ ได้แก่ ชาวจีน ชาวมาเลย์ และชาวอินเดีย ความแตกต่างทางพันธุกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสําคัญในการช่วยนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยทางการแพทย์ เข้าใจความหลากหลายทางพันธุกรรมและโรคของมนุษย์ ความคิดริเริ่มนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Oxford Nanopore ในการพัฒนาการวิจัยทางพันธุกรรมและผลลัพธ์ด้านการดูแลสุขภาพในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับประชากรที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักไม่ได้รับการเสนอในฐานข้อมูลจีโนม

ส่วนของโครงการ Oxford Nanopore จะมุ่งเน้นไปที่การจัดลําดับจีโนม 10,000 จีโนมที่เป็นตัวแทนของประชากรที่หลากหลายของสิงคโปร์ รวมถึงชุมชนมาเลย์ อินเดีย และจีนที่เข้าร่วมในกลุ่มประชากร PRECISE-SG100K โครงการนี้จะใช้เครื่องมือหาลําดับ PromethION 48 ที่มีเอาต์พุตสูงของ Oxford Nanopore เพื่อส่งมอบข้อมูลจีโนมที่มีรายละเอียดและครอบคลุมเพื่อพัฒนาการวิจัยและสนับสนุนการดูแลสุขภาพที่มีความแม่นยํา โครงการนี้เริ่มขึ้นในช่วงกลางปี 2024 และจะดําเนินการนานถึง 12 เดือน

แพลตฟอร์มของ Oxford Nanopore นําเสนอความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นที่เหนือชั้นในการหาลําดับ DNA/RNA และสามารถระบุลักษณะชิ้นส่วน DNA/RNA ดั้งเดิมทั้งแบบสั้นและยาวพิเศษ รวมถึงการตรวจหาเมทิลเลชัน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่สําคัญที่พบใน DNA โดยไม่จําเป็นต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมและด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ความสามารถนี้ ซึ่งไม่สามารถทําได้ด้วยการอ่านสั้นๆ หรือวิธีการแบบดั้งเดิม ถือเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการระบุความแตกต่างทางพันธุกรรมที่หลากหลายได้อย่างแม่นยํา ซึ่งจําเป็นต่อการทําความเข้าใจโรคที่ซับซ้อนและปรับแต่งแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

Oxford Nanopore ได้ทําการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้ขยายห้องปฏิบัติการในสิงคโปร์เพื่อรองรับกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นในการฝึกอบรม การถ่ายทอดความรู้ และการเพิ่มทักษะของเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคในท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงการปรับใช้ซีเควนเซอร์ภายในศูนย์วิทยาศาสตร์สิงคโปร์และสถาบันเทคโนโลยีสิงคโปร์เพื่อใช้ในโปรแกรมการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ปริญญาตรี และการศึกษาผู้ใหญ่

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเข้าถึงศูนย์กระจายสินค้าในสิงคโปร์ผ่านการขยายความร่วมมือกับ UPS Healthcare ซึ่งส่งผลให้การส่งมอบโฟลว์เซลล์ไปยังสิงคโปร์และทั่วเอเชียแปซิฟิกได้เร็วขึ้น

Gordon Sannghera ซีอีโอของ Oxford Nanopore กล่าวว่า:

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับโครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ เพื่อสร้างชุดข้อมูลจีโนมอ้างอิงที่กว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุดชุดหนึ่งของโลก ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความมุ่งมั่นของเราในการดูแลสุขภาพที่แม่นยําเท่านั้น แต่ยังวางตําแหน่งทางยุทธศาสตร์ให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางสําคัญสําหรับจีโนมในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งส่งเสริมความก้าวหน้าที่สําคัญในการวิจัยทางการแพทย์และผลลัพธ์ด้านการดูแลสุขภาพ”

นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรอื่นๆ ในโครงการนี้ด้วย รวมถึง NovogeneAIT ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการทำงานร่วมกันอย่างแข็งแกร่งในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมในด้านจีโนมิกส์

Oxford Nanopore ได้ร่วมมือกับทีมวิทยาศาสตร์เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้อมูลจีโนมที่สมบูรณ์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยอุปกรณ์หาลําดับ Oxford Nanopore ซึ่งส่งผลให้เกิดชุดข้อมูล “เทโลเมียร์ถึงเทโลเมียร์” ที่ก้าวล้ำ และอยู่ในการเตรียมพร้อมสําหรับการเริ่มต้นโปรแกรมการหาลําดับที่ใหญ่ขึ้น

เกี่ยวกับ Oxford Nanopore Technologies

เป้าหมายของ Oxford Nanopore Technologies คือการมอบประโยชน์สูงสุดให้กับสังคมผ่านการเปิดใช้งานการวิเคราะห์ทุกสิ่งโดยทุกคนและทุกที่ บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการตรวจจับแบบนาโนพอร์รุ่นใหม่สําหรับการวิเคราะห์ DNA และ RNA แบบเรียลไทม์ประสิทธิภาพสูง เข้าถึงได้ และปรับขนาดได้ เทคโนโลยีนี้ถูกนํามาใช้ในกว่า 120 ประเทศเพื่อทําความเข้าใจชีววิทยาของมนุษย์และโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง พืช สัตว์ แบคทีเรีย ไวรัส และสภาพแวดล้อมทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ของ Oxford Nanopore Technologies มีไว้สําหรับการใช้งานด้านอณูชีววิทยาและไม่ได้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการวินิจฉัย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://nanoporetech.com/

เกี่ยวกับ Precision Health Research, Singapore (PRECISE)

Precision Health Research, Singapore (PRECISE) เป็นหน่วยงานกลางที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประสานงานความพยายามทั้งหมดของสิงคโปร์ในการดําเนินการระยะที่ 2 ของโครงการ National Precision Medicine (NPM) สามระยะของสิงคโปร์

NPM ระยะที่ 2 มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพในสิงคโปร์ และปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วยผ่านข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับจีโนมเอเชียและโซลูชันการดูแลสุขภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ใน NPM ระยะที่ 2 PRECISE จะร่วมมือกับพันธมิตรด้านการวิจัยและทางคลินิกในสิงคโปร์ รวมถึง Agency for Science, Technology and Research (A*STAR), Lee Kong Chian School of Medicine, National Healthcare Group, National University Health System, National University of Singapore และ SingHealth Duke-NUS Academic Medical Centre เพื่อศึกษาโครงสร้างทางพันธุกรรมของชาวสิงคโปร์ที่มีสุขภาพดีจำนวน 100,000 คนและกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะกลุ่ม ข้อมูลทางพันธุกรรมจะถูกบูรณาการเข้ากับข้อมูลวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม และข้อมูลทางคลินิกโดยละเอียด เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อโรคและสภาวะต่างๆ ของชาวเอเชีย

นอกจากนี้ NPM ระยะที่ 2 จะช่วยเพิ่มความกว้างและความลึกของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Precision Medicine โดยการดึงดูดและยึดบริษัทต่างชาติในสิงคโปร์ไว้ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสใหม่ๆ  ให้กับบริษัทในประเทศ เพื่อยกระดับและเร่งรัดภาคส่วนการแพทย์ที่แม่นยํา PRECISE ทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ A*STAR สํานักงานความร่วมมืออุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ และคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการเติบโตในระยะต่อไปสําหรับอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีชีวการแพทย์ของสิงคโปร์

PRECISE เป็นโครงการของ Consortium for Clinical Research and Innovation ประเทศสิงคโปร์ (CRIS) โดย PRECISE ได้รับการสนับสนุนจาก National Research Foundation ประเทศสิงคโปร์ (NRF) ภายใต้ RIE2020 White Space (MOH-000588 และ MOH-001264) และบริหารงานโดยกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ผ่าน National Medical Research Council (NMRC), MOH Holdings Pte Ltd

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.npm.sg

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

media@nanoporetech.com

ที่มา: Oxford Nanopore Technologies

บาฮามาสเปิดตัวกฎหมายการแปลงสินทรัพย์ดิจิทัล: พระราชบัญญัติ DARE 2024

Logo

บาฮามาสก้าวนำด้วยพระราชบัญญัติ DARE 2024

NASSAU, The Bahamas–(BUSINESS WIRE)–31 กรกฎาคม 2024

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งบาฮามาส (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์) ประกาศในวันนี้ว่า พระราชบัญญัติสินทรัพย์ดิจิทัลและหลักทรัพย์จดทะเบียน 2024 (DARE 2024) ผ่านการรับรองเป็นกฏหมายโดยรัฐสภาของบาฮามาส ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างตำแหน่งของประเทศในฐานะผู้นำด้านการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล กฎหมายนี้สร้างขึ้นบนรากฐานที่กำกับโดยพระราชบัญญัติ DARE 2020 โดยนำเสนอการปฏิรูปที่ครอบคลุมซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของสินทรัพย์ดิจิทัลและตลาดสกุลเงินดิจิทัล

“DARE 2024 ถือเป็นมาตรฐานใหม่ในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราในการบริหารความเสี่ยงอย่างเสถียร” Christina Rolle กรรมการบริหารของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ กล่าว “เรามีการสร้างกรอบการทำงานที่ไม่เพียงเน้นการคุ้มครองนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมนวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบอีกด้วย เสริมให้บาฮามาสเป็นแนวหน้าในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก”

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ใช้แนวทางเชิงรุกสำหรับ DARE 2024 เพื่อรับรองความสอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับสากลปัจจุบัน และคำแนะนำของหน่วยงานควบคุมมาตรฐาน รวมถึงมาตรฐานของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ระหว่างประเทศสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล และคำแนะนำของคณะปฏิบัติการทางการเงิน กฏหมายใหม่นี้ยังเป็นผลจากการเปรียบเทียบความก้าวหน้าของกฎหมายและระเบียบควบคุมระดับโลก การพัฒนาความเสี่ยงที่เกิดขึ้น และการปรึกษาหารือกับผู้ถือหุ้นและอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง

จุดเด่นสำคัญของ DARE 2024 ได้แก่:

  1. ขยายขอบเขตปัจจุบัน กฏหมายครอบคลุมกิจกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้างขึ้น รวมถึงบริการให้คำปรึกษาหรือการบริหารจัดการ อนุพันธ์สินทรัพย์ดิจิทัล และบริการสเตคกิ้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ยังมีความยืดหยุ่นในการเพิ่มกิจกรรมเพิ่มเติมตามการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค
  2. ข้อกำหนดการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลขั้นสูงการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการคุ้มครองนักลงทุนและผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงข้อกำหนดด้านระบบและการควบคุมที่เข้มงวด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสมบูรณ์และความปลอดภัยของธุรกรรม
  3. กรอบการทำงานดูแลสินทรัพย์ที่เสถียร: บทบัญญัติใหม่กำหนดให้มีการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลหรือบริการดูแลกระเป๋าเงินภายใต้ DARE 2024 และเพิ่มการคุ้มครองผลประโยชน์ของลูกค้าโดยกำหนดให้เข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้ นอกเหนือจากบทบัญญัติอื่นๆ
  4. กรอบการทำงานสเตคกิ้งDARE 2024 เปิดตัวระบบการเปิดเผยข้อมูลแบบใหม่สำหรับสเตคกิ้งสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นของลูกค้า หรือการดำเนินการ หรือการบริหารจัดการกลุ่มสเตคกิ้งในฐานะธุรกิจ
  5. กรอบการทำงาน Stablecoin ที่ครอบคลุมพระราชบัญญัตินี้กำหนดคำจำกัดความที่ชัดเจนสำหรับ stablecoins เพื่อรองรับการลงทะเบียน stablecoins ที่มีอยู่ ระบุรูปแบบที่ได้รับการยอมรับสำหรับสินทรัพย์สำรอง และกำหนดข้อกำหนดใหม่สำหรับการดูแลและการบริหารจัดการ การแยก การรายงานและการไถ่ถอนสินทรัพย์สำรอง ห้ามออก stablecoin แบบอัลกอริทึมโดยเด็ดขาด
  6. ผู้ออกสินทรัพย์ดิจิทัลมาตรการคุ้มครองนักลงทุนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยการรวมมาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับผู้ออกสินทรัพย์ดิจิทัล นอกเหนือไปจากข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลและรายงานทางการเงินใหม่

ในบรรดาข้อกำหนดที่โดดเด่นอื่นๆ ของ DARE 2024 ได้แก่ มาตรฐานที่เข้มงวดในการจัดการกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง กฏหมายฉบับใหม่ยังมีการระบุการจำแนกประเภทของโทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนได้ว่าเป็นสินทรัพย์ทางการเงินหรือของผู้บริโภค ระบุข้อกำหนดด้านสภาพคล่องและการรายงาน ห้ามออกโทเค็นส่วนตัว และแนะนำข้อจำกัดบางประการในการขุดโทเค็น

คาดว่าการนำ DARE 2024 มาใช้จะช่วยรักษากรอบการกำกับดูแลที่เสถียรและปฏิบัติได้จริงสำหรับผู้ประกอบการด้าน fintech รายใหม่และธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่จัดตั้งขึ้นในบาฮามาส ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของประเทศ ในฐานะศูนย์กลางการเงินระดับนานาชาติชั้นนำ กฏหมายฉบับใหม่นี้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนากรอบการกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง พร้อมมอบการคุ้มครอบที่ดีขึ้นสำหรับผู้บริโภคและนักลงทุน

พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ 2024 ผ่านการรับรองให้เป็นกฏหมายในบาฮามาส พร้อมกับ DARE 2024 โดยปรับปรุงระบอบการกำกับดูแลสำหรับอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ เพื่อให้แน่ใจในกรอบการทำงานที่เสถียรและคล่องตัวมีความสอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลกและแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับสากล

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DARE 2024 และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในบาฮามาส หรือพระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ 2024 ได้ที่: https://www.scb.gov.bs/

ข้อมูลบรรณาธิการ:

  1. สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสินทรัพย์ดิจิทัลและหลักทรัพย์ที่ลงทะเบียน 2024 ได้ที่เว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการ (www.scb.gov.bs/dare-act-2024-information/)
  2. สามารถดูพระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ 2024 ได้ที่เว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการ (www.scb.gov.bs/legislative-framework/acts-and-regulations/)
  3. นอกเหนือจากพระราชบัญญัติ SIA และ DARE แล้ว คณะกรรมาธิการยังรับรองพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการลงทุน 2019 พระราชบัญญัติผู้ให้บริการทางการเงินและองค์กร 2020 และพระราชบัญญัติการซื้อเครดิตคาร์บอน 2022

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Shari Smith
Vice President, Burson
shari.smith@bursonglobal.com

แหล่งข้อมูล: Securities Commission of The Bahamas

SingleStore เปิดตัวโปรแกรมเร่งการพัฒนา AI dot_product ใหม่

Logo

โปรแกรมใหม่ที่จะส่งเสริมสตาร์ทอัปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้พัฒนาแอปพลิเคชัน AI ระดับโลก

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–31 กรกฎาคม 2024

SingleStore แพลตฟอร์มข้อมูลเรียลไทม์ที่ช่วยผู้ใช้ในการทำธุรกรรม วิเคราะห์ และปรับบริบทของข้อมูล ได้ประกาศในวันนี้ว่ากำลังจะเปิดตัวโปรแกรมเร่งการพัฒนาใหม่สำหรับสตาร์ทอัป AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โปรแกรมนี้เสริมสร้างวิสัยทัศน์ของ SingleStore ในการร่วมมือกับธุรกิจในภูมิภาคเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชัน AI ระดับโลก

SingleStore มุ่งมั่นต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการพัฒนา AI ในเอเชียและทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินเดียและสิงคโปร์ที่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ด้วยการลงทุนจากรัฐบาลและภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้นในด้านการพัฒนา AI เป้าหมายของ SingleStore สำหรับโปรแกรมเร่งการพัฒนานี้คือการช่วยชุมชนสตาร์ทอัปในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ล้ำสมัยผ่านการใช้ข้อมูลอย่างดีที่สุดและรับผิดชอบ สตาร์ทอัปที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์จะสามารถสมัครขอรับเครดิตจาก SingleStore เพื่อช่วยในการสร้าง เติบโต และขยายภารกิจของตัวเองได้

“นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการอยู่ในวงการเทคโนโลยีในอินเดียและสิงคโปร์ เนื่องจากเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตและหลากหลายกำลังดึงดูดการลงทุนทางเทคโนโลยี” Raj Verma ซีอีโอของ SingleStore กล่าว “เรามาที่นี่เพื่อช่วยให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นศูนย์กลางของ AI และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และมุ่งมั่นที่จะมอบแพลตฟอร์มข้อมูลที่แข็งแกร่งให้กับผู้ใช้เพื่อรองรับความต้องการด้านข้อมูลในปัจจุบันและอนาคต”

“การตลาด B2B เริ่มมีการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น เราจึงต้องการแพลตฟอร์มข้อมูลที่มีความเร็ว ขนาด และความเรียบง่าย ซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อมูลอัตโนมัติในเสี้ยววินาทีแทนที่จะใช้เวลาหลายนาที” Aravind Murthy ผู้ร่วมก่อตั้ง Factors.AI กล่าว “เราภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับ SingleStore ในการส่งเสริมการพัฒนาและการนำ AI มาใช้ พร้อมกับให้การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์กับลูกค้า B2B ของเราด้วย”

SingleStore ยังคงเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์ AI เชิงสร้างสรรค์ในฐานะแพลตฟอร์มข้อมูลเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถทำหน้าที่เป็นร้านค้าครบวงจรสำหรับแอปพลิเคชัน AI ทั้งหมด ทางบริษัทได้เปิดตัวแพลตฟอร์มข้อมูลเวอร์ชันล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2024 และโปรแกรมเร่งการพัฒนา AI ใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการสนับสนุนสตาร์ทอัปและลูกค้าที่ต้องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อพัฒนาการเติบโตของบริษัทตัวเอง

ในปี 2024 SingleStore ได้รับรางวัล TrustRadius Top Rated Awards ประจำปี 2024 ถึงห้ารางวัล ซึ่งมากที่สุดเท่าที่บริษัทเคยได้รับในปีเดียว สี่รางวัลดังกล่าวได้รับเป็นปีที่สามติดต่อกัน ในขณะที่การได้รับการยอมรับในหมวดหมู่ฐานข้อมูลเวกเตอร์ (Vector Database) ถือเป็นรางวัลแรก

หากต้องการสัมผัสประสบการณ์ว่าแอปพลิเคชัน AI ใหม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรใน SingleStore โปรดไปที่นี่ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ SingleStore ที่นี่

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

  • ทดลองใช้ SingleStore โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  • อ่าน บล็อก SingleStore เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศวันนี้
  • ติดตาม SingleStore ทาง XFacebookLinkedIn และ Instagram

เกี่ยวกับ SingleStore

SingleStore ช่วยให้องค์กรชั้นนำของโลกสร้างและปรับขนาดแอปพลิเคชันอัจฉริยะโดยใช้แพลตฟอร์มข้อมูลเดียวที่ช่วยให้คุณทำธุรกรรม วิเคราะห์ และปรับบริบทข้อมูลแบบเรียลไทม์ ด้วยการนำเข้าข้อมูลแบบสตรีมมิ่ง รองรับทั้งธุรกรรมและการวิเคราะห์ ความสามารถในการขยายตัวในแนวนอน และความสามารถในการค้นหาเวคเตอร์แบบไฮบริด SingleStore ช่วยให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น 10-100 เท่า โดยมีค่าใช้จ่าย 1/3 เมื่อเทียบกับสถาปัตยกรรมแบบเดิม ลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก รวมถึงบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 และผู้นำข้อมูลระดับโลก ใช้ SingleStore เพื่อขับเคลื่อนแอปพลิเคชันและการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ singlestore.com ติดตามเรา  @SingleStoreDB บน ​​X หรือเยี่ยมชม www.singlestore.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการการแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Heather Lowe
Director of Communications & PR at SingleStore
hlowe-ctr@singlestore.com

ที่มา: SingleStore

Eisai เลือก Clinical Data Studio ของ Medidata เพื่อเสริมสร้างและปรับปรุงประสิทธิภาพของการทดลองทางการแพทย์และประสบการณ์ของผู้ป่วย

Logo

โซลูชันที่ใช้เทคโนโลยี AI จะช่วยให้ Eisai เร่งการตรวจสอบและการปรับปรุงข้อมูลได้เร็วขึ้น 80%

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–26 กรกฎาคม 2024 

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวิต ประกาศว่า Eisai Inc. (“Eisai”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Eisai Co., Ltd. ที่ตั้งอยู่ในโตเกียวในสหรัฐอเมริกา เป็นลูกค้ารายแรกที่ใช้ Medidata Clinical Data Studio ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดย Eisai Inc จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ข้อมูลที่เป็นนวัตกรรมนี้เพื่อให้ควบคุมข้อมูลทางการแพทย์ได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน อำนวยความสะดวกในการดำเนินการทดลองทางการแพทย์ที่สามารถขยายขนาดและมีความซับซ้อน รวมถึงเพิ่มประสบการณ์ของผู้ป่วย”

“เราได้รวม Clinical Data Studio ของ Medidata เข้ากับแพลตฟอร์มการจัดการการทดลองทางการแพทย์ของเรา เนื่องจากความสามารถในการทำลายข้อจำกัดของข้อมูลและบูรณาการอย่างราบรื่นกับซอฟต์แวร์ที่เราใช้ในปัจจุบัน พร้อมกับรักษาคุณภาพและความสมบูรณ์ของข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้ด้วย”

Shobha Dhadda, Ph.D. หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ทางคลินิกและการดำเนินงานที่ Eisai กล่าว

“การมีชุดเทคโนโลยีที่สามารถประมวลผลข้อมูลทางคลินิกและข้อมูลผู้ป่วยที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ลดทอนคุณภาพหรือจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มเติม

Clinical Data Studio ขับเคลื่อนโดย Medidata Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรเพียงแห่งเดียวในอุตสาหกรรมที่จัดการแหล่งข้อมูลทั้งหมดจากส่วนกลาง ปรับปรุงความน่าเชื่อถือของข้อมูลทั่วทั้งระบบนิเวศการทดลองทางคลินิกทั้งหมด ด้วยการผสานรวมข้อมูลจากแหล่ง Medidata ทั้งสองแหล่งอย่างราบรื่น รวมถึง Medidata Rave EDC และแหล่งที่ไม่ใช่ Medidata เช่น ห้องปฏิบัติการหรือระบบบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่น Clinical Data Studio จึงปรับปรุงกระบวนการนำเข้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเปิดใช้งานการตรวจสอบอัตโนมัติผ่านข้อตกลงการถ่ายโอนข้อมูลที่กำหนดค่าไว้ การใช้ AI จะช่วยลดปัญหาที่เกิดจากระบบข้อมูลที่แตกต่างกัน และเสนอการตรวจสอบข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันก็ให้มุมมองที่ครอบคลุมของข้อมูลผู้ป่วยที่สามารถตรวจสอบ แสดงภาพ และดำเนินการได้พร้อมกัน

“Eisai ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการดูแลสุขภาพเอาชนะความซับซ้อนของการทดลองทางการแพทย์สมัยใหม่ผ่าน Clinical Data Studio และส่งเสริมการทำงานร่วมกันเกี่ยวกับข้อมูลที่สะอาดและนำไปปฏิบัติได้มากขึ้น” Janet Butler รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายขายทั่วโลกของ Medidata กล่าว

“เราช่วยให้ทีมการศึกษาสามารถระบุปัญหาข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และได้รับความเข้าใจที่แม่นยำยิ่งขึ้นของผู้ป่วยด้วยการมอบประสบการณ์การจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบครบวงจร”

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในการทดลองมากกว่า 33,000 รายการและผู้ป่วย 10 ล้านคน Medidata นำเสนอความเชี่ยวชาญชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้ากว่า 2,200 รายไว้วางใจแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งความก้าวหน้าทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้นพบเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเรา @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งให้เกิดความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงสำหรับการทํางานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คน เพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างประสบการณ์แฝดเสมือนจริงของโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ลูกค้าของเราสามารถกําหนดกระบวนการสร้าง การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอใหม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลกระทบที่มีความหมายในการทําให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้น ความงดงามของ Experience Economy คือ เศรษฐกิจที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางเพื่อประโยชน์ของทุกคน  ทั้งผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน Dassault Systèmes นําคุณค่ามาสู่ลูกค้าทุกขนาดมากกว่า 350,000 ราย ในทุกอุตสาหกรรม ในกว่า 150 ประเทศ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์. 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอน Compass, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้า หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักทะเบียนการค้าและบริษัท Versailles ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้า Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดแจ้ง

เกี่ยวกับ Eisai Inc.

Eisai Inc. เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพมนุษย์ เป็นบริษัทในเครือด้านเภสัชกรรมในสหรัฐฯ ของบริษัท Eisai Co., Ltd. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในโตเกียว ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองนัทลีย์ รัฐนิวเจอร์ซี โดยดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้านเนื้องอกวิทยาและประสาทวิทยา ซึ่งรวมถึงการวิจัยและพัฒนา การผลิต รวมถึงอุปทานและโลจิสติกส์ระดับโลก และกิจกรรมเชิงพาณิชย์ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://us.eisai.com และติดตามเราบน X และ LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ
การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

ที่มา: Medidata

Kioxia คว้ารางวัล Lifetime Achievement Award จาก FMS จากผลงานการคิดค้นแฟลช NAND แบบ 3 มิติ

Logo

ทีมพัฒนาของ Kioxia คว้ารางวัลจากการคิดค้นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติ BiCS FLASH อันล้ำสมัย

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–25 กรกฎาคม 2024

Kioxia Corporation ซึ่งเป็นผู้คิดค้นหน่วยความจำแฟลชแบบ NAND คว้ารางวัล Lifetime Achievement Award ประจำปี 2024 จาก FMS: the Future of Memory and Storage โดยทีมวิศวกรรมจาก Kioxia ซึ่งได้แก่คุณฮิเดอากิ อาโอจิ, เรียวตะ คัตสึมาตะ, มาซารุ คิโตะ, มาซารุ คิโดะ และฮิโรยาสึ ทานากะ จะขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้จากผลงานการพัฒนาและจัดจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติรายแรก เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้ได้กลายมาเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการใช้งานทางคอมพิวเตอร์ต่างๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ศูนย์ข้อมูล, AI และอุตสาหกรรม

Kioxia นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติ BiCS FLASHTM ที่งาน VLSI Symposium เมื่อปี 2007 โดยหลังจากประกาศตัวต้นแบบไป Kioxia ก็เดินหน้าพัฒนาเพื่อยกระดับเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อการผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งในที่สุดก็ได้เปิดตัวหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติ 48 ชั้นขนาด 256 กิกะบิต (Gb) ตัวแรกของโลกไปเมื่อปี 2015

“การคิดค้นหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติของ Kioxia ได้พลิกโฉมการจัดเก็บข้อมูลไป เปลี่ยนจากการยกระดับเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมมาเป็นโซลูชันสุดล้ำที่ตอบโจทย์ระบบคอมพิวเตอร์ยุคใหม่” คุณ Chuck Sobey ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานทั่วไปของ FMS กล่าว “เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอผลงานอันสำคัญนี้ และอยากจะเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

หน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติ BiCS FLASH มาพร้อมโครงสร้างแบบวางซ้อน 3 มิติที่ช่วยเพิ่มความจุและยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน หน่วยความจำรูปแบบนี้ได้พลิกโฉมแวดวงธุรกิจการจัดเก็บข้อมูลไปจากเดิม เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เกิดโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลที่มีความหนาแน่นสูงขึ้นพร้อมรักษาความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพไว้ดังเดิม ซึ่งช่วยยกระดับขีดความสามารถให้กับศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค และอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชอีกด้วย เทคโนโลยี BiCS FLASH ของ Kioxia ใช้การวางซ้อนแบบแนวตั้ง (Vertical stacking) ซึ่งขจัดข้อจำกัดที่พบในแฟลช NAND เชิงระนาบ ช่วยเปิดทางให้เกิดการพัฒนาโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลหน่วยความจำต่างๆ ในอนาคต ทั้งยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของ Kioxia Corporation ในฐานะผู้นำวงการอีกด้วย

“นวัตกรรมทางเทคนิคของหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติจาก Kioxia นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่” คุณอัตสึชิ อิโนอุเอะ รองประธานและผู้บริหารด้านเทคโนโลยีจากแผนกหน่วยความจำของ Kioxia Corporation กล่าว “เทคโนโลยีของเราทำให้เพื่อนร่วมวงการได้มองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ช่วยให้หน่วยความจำแฟลชสามารถเพิ่มความหนาแน่นของการจัดเก็บข้อมูลต่อเซลล์ ดาย และแพ็กเกจได้อย่างมาก ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นความสำเร็จของเราได้รับการยอมรับ และหวังว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกหลายปีต่อจากนี้ครับ”

“เพื่อนๆ วิศวกรใน Kioxia ต่างเป็นแรงบันดาลใจให้ผม ไม่เพียงแต่ในเรื่องความสำเร็จทางเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงความมุ่งมั่นที่จะยกระดับวงการโดยอาศัยการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้งและคอยช่วยเหลือผู้ที่ทำงานด้านเทคโนโลยีรอบๆ ตัว” คุณเรียวตะ คัตสึมาตะ วิศวกรอาวุโสจากศูนย์พัฒนาหน่วยความจำขั้นสูงของ Kioxia Corporation กล่าว “ผลงานของเราไม่เพียงแต่สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง แต่ยังช่วยให้คนในวงการหันมาสนใจการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และร่วมมือกันอีกด้วย ผมดีใจมากที่ได้เห็นผู้คนยอมรับในความเป็นผู้นำและวิสัยทัศน์นี้”

เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิตินี้ยังคว้ารางวัล Imperial Invention Prize จาก National Commendation for Invention ประจำปี 2020 ในประเทศญี่ปุ่น และได้รับรางวัล Award for Science and Technology ประจำปี 2023 จาก The Commendation for Science and Technology โดยกระทรวงการศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงรางวัล IEEE Andrew S. Grove Award ประจำปี 2021

หมายเหตุ:

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทภายนอก

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ มุ่งเน้นด้านการพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและไดรฟ์แบบโซลิดสเตต (SSD) โดยเฉพาะ เมื่อเดือนเมษายนปี 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมได้แยกตัวจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND เมื่อปี 1987 บริษัท Kioxia มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้นด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบต่างๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้มีสิทธิ์เลือกและส่งมอบประโยชน์ให้กับสังคมผ่านหน่วยความจำต่างๆ ทั้งนี้ เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติอันล้ำสมัยของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ มีส่วนช่วยในการยกระดับการจัดเก็บข้อมูลสำหรับการใช้งานที่มีความหนาแน่นสูงแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

โคตะ ยามาจิ
ประชาสัมพันธ์
Kioxia Corporation
+81-3-6478-2319
kioxia-hd-pr@kioxia.com

แหล่งที่มา: Kioxia Corporation

A2RL ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่: เปิดตัวการแข่งขันรถโดรนอัตโนมัติ มูลค่าเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–25 กรกฎาคม 2024

Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) ซึ่งเปิดตัวอย่างน่าประทับใจในเดือนเมษายนนี้ที่สนาม Yas Marina Circuit ได้ประกาศความท้าทายต่อไปกับ Drone Champions League (DCL) ซึ่งเป็นองค์กรแข่งรถโดรนมืออาชีพชั้นนําของโลก ต่อยอดจากความสําเร็จของงานเปิดตัวครั้งแรก A2RL Drone Race ยังคงพัฒนาขอบเขตของเทคโนโลยีอัตโนมัติ โดยผสมผสานทักษะของมนุษย์เข้ากับความก้าวหน้าทางนวัตกรรมในการบินอัตโนมัติ

The Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) x Drone Champions League (DCL) (Graphic: AETOSWire)

A2RL ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่: เปิดตัวการแข่งขันแข่งรถโดรนอัตโนมัติมูลค่าเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ภาพ: AETOSWire)

การแข่งขันรถโดรนอัตโนมัติจะรวบรวมทีมจากทั่วโลก ต้อนรับทีมแข่งรถด้วยโดรนที่จัดตั้งขึ้น สถาบันวิจัย และ 'มือใหม่' ที่กระตือรือร้น ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะแข่งขันกันเพื่อชิงเงินรางวัลที่น่าตื่นเต้นมูลค่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะบรรลุความคล่องตัวและความเร็วสูงสุดในขณะที่หลบหลีกผ่านวัตถุที่ขวางทางได้สําเร็จ เปิดให้ลงทะเบียนแล้วที่ a2rl.io และทีมที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างเข้มงวด เพื่อระบุทีมที่เข้าแข่งขันที่ประสบความสําเร็จ ผู้ที่ผ่านการคัดกรองจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมในชุดภารกิจที่จะช่วยให้คณะกรรมการตัดสินสามารถประเมินความสามารถของทีมในการใช้เครื่องจําลองโอเพ่นซอร์สเพื่อบินโดรนโดยอัตโนมัติ รอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2025 ซึ่งจะมีการตัดสินผู้ชนะ

A2RL จัดขึ้นโดย ASPIRE A2RL ผสมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความเป็นอิสระ และกีฬาเอ็กซ์ตรีมเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของการขับเคลื่อนในอนาคต และได้รับการยกย่องว่าเป็นลีกแข่งรถอัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดในโลก การแข่งขันโดรนอัตโนมัติสุดมันส์ A2RL จะเห็นนักวิจัยที่แข่งขันกันตั้งโปรแกรมโดรนเพื่อนําทางผ่านประตูต่างๆหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง โดยใช้เซ็นเซอร์ในตัวและพลังการคํานวณ เป้าหมายหลักของการแข่งขันคือการกําหนดเกณฑ์มาตรฐานสําหรับการบรรลุนวัตกรรมสูงสุดในอัลกอริทึมในขณะที่ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์น้อยที่สุดในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน

เช่นเดียวกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด A2RL Drone Challenge จะรวมถึงการมุ่งเน้นไปที่ STEM และนักเรียนมัธยมปลายจะได้รับการต้อนรับให้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน

ในการประกาศการแข่งขันครั้งใหม่ H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC กล่าวว่า “เมื่อคุณทดลองในสภาวะสุดขั้วเท่านั้น คุณจึงจะค้นพบขอบเขตใหม่หรือความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง เรากําลังสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความร่วมมือระดับโลก ขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และสร้างอนาคตที่โซลูชันอัตโนมัติเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและปรับปรุงคุณภาพชีวิต”

Stephane Timpano ซีอีโอของ ASPIRE กล่าวว่า “นี่เป็นวิวัฒนาการที่น่าตื่นเต้นของซีรีส์การแข่งรถเอ็กซ์ตรีม A2RL ของเรา DCL เป็นพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันด้วยประสบการณ์การแข่งรถโดรนอันล้ำค่ามาหลายปี เราไม่เพียงแต่เพิ่มมิติใหม่แห่งการขับขี่อัตโนมัติให้กับการแข่งรถด้วยโดรนเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจํากัดของอากาศยานไร้คนขับผ่านการแข่งขันครั้งนี้”

Markus Stampfer ประธานบริหารของ Drone Champions AG ผู้จัดงาน Drone Champions League (DCL) กล่าวว่า “ที่ DCL ภารกิจของเราคือการก้าวข้ามขีดจำกัดของการแข่งรถด้วยโดรนมาโดยตลอด หลังจากประสบความสําเร็จในการผสานโลกของการแข่งรถด้วยโดรนเสมือนจริงและทางกายภาพเข้าด้วยกัน การร่วมมือกับ ASPIRE เพื่อพัฒนาการบินด้วยโดรนอัตโนมัติถือเป็นก้าวต่อไปตามธรรมชาติสําหรับเรา เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้นําประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่กว้างขวางของเรามาสู่การแข่งขันที่บุกเบิกนี้ โดยสนับสนุน ASPIRE ด้วยความรู้ที่เราได้รับจากการพัฒนาโดรนสำหรับการแข่งขัน และการทํางานร่วมกับนักบินโดรนที่ดีที่สุดในโลกเป็นเวลาหลายปี”

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีโดรน การแข่งขันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงการใช้โดรนได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและขับเคลื่อนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น สุขภาพและโลจิสติกส์ได้ในที่สุด

สอบถามข้อมูลสื่อมวลชนได้ที่ comms@a2rl.io หรือ ATRC@edelman.com

Twitter

LinkedIn

Instagram

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54099128/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
Jennifer.dewan@tii.ae

ที่มา: Abu Dhabi Autonomous Racing League


The Bangkok Reporter