Medidata คว้าตำแหน่งสุดยอดผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก

Logo

นิวยอร์ก –(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

Medidata (แบรนด์ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำในวงการวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิต) ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตประจำปี 2024 ที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก รายงานนี้ได้ประเมินผู้ให้บริการ 13 รายโดยอิงตามผลลัพธ์ที่ผลิตภัณฑ์ของผู้ให้บริการเหล่านี้มีต่อตลาด และขีดความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและประสบผลสำเร็จ

Rave CTMS จาก Medidata เป็นผู้นำวงการในการมอบบริการส่งข้อมูลผู้ป่วยแบบเรียลไทม์และราบรื่นที่พลิกโฉมระบบการติดตามผลการลงทะเบียน และช่วยให้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นและมีข้อมูลประกอบ ทั้งนี้ Rave CTMS ช่วยยกระดับการทำงานร่วมกัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงรายการข้อมูลด้วยตนเอง และทำให้การทดลองเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นพร้อมความแม่นยำที่เหนือชั้น โดยช่วยให้ทีมศึกษาวิจัยเห็นข้อมูลต่าง ๆ ได้ในทันที

คุณ Tom Doyle ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Medidata กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำสูงสุดในด้าน CTMS จากทาง Everest Group” และ “รางวัลนี้ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการพลิกโฉมการวิจัยและตอกย้ำถึงกลยุทธ์ของเราในการนำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่ผ่าน AI ที่จะปฏิวัติวิธีการออกแบบ วางแผน และจัดการการทดลองแบบครบวงจรขององค์กรต่าง ๆ พร้อมมอบผลลัพธ์สูงสุด”

คุณ Tom Doyle ยังกล่าวเสริมด้วยว่า “ในปี 2025 Medidata จะนำข้อมูลเชิงลึกจาก AI เข้ามาผสานรวมกับโซลูชันด้านการวางแผนและการดำเนินการวิจัย ช่วยให้สามารถจำลองการออกแบบการทดลอง ลดความยุ่งยากของกระบวนการ และยกระดับประสิทธิภาพให้ดีขึ้นได้”

Medidata เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน CTMS, การบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และการทดลองทางคลินิกแบบแยกจากศูนย์ (DCT) จาก Everest Group สำหรับ Rave EDC ของ Medidata, แพลตฟอร์ม Medidata และผลงานของทางบริษัทใน DCT

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของเรา

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata มุ่งพัฒนาการรักษาให้มีความอัจฉริยะยิ่งขึ้นและช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata ได้พัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาแล้ว 25 ปีจากการทดลองกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย บริษัทนี้จึงมีความเชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของวงการ ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่ผ่าน ๆ มาในระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก แพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ที่ลงทะเบียนกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้าประมาณ 2,200 ราย เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งคิดค้นนวัตกรรมทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ Dassault Systèmes(Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์กซิตี และได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.medidata.com และติดตามเราที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes ช่วยเร่งให้มนุษย์มีความก้าวหน้ามากขึ้น เราให้บริการสภาพแวดล้อมเสมือนในการทำงานร่วมกับแก่ธุรกิจและผู้คนเพื่อคิดค้นนวัตกรรมที่ยั่งยืน เมื่อมีการสร้างประสบการณ์แบบ Virtual Twin ที่เหมือนกับโลกความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ของเรา ลูกค้าของเราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการสร้างสรรค์ ผลิต และจัดการวงจรการใช้งานสำหรับผลิตภัณฑ์ของตนได้ และช่วยให้โลกใบนี้ยั่งยืนยิ่งขึ้นได้เป็นอย่างดี ความสวยงามของเศรษฐกิจประสบการณ์ (Experience Economy) ก็คือเศรษฐกิจแบบนี้จะคำนึงถึงมนุษย์เป็นสำคัญเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน ทั้งนี้ Dassault Systèmes ได้สร้างคุณค่าให้กับลูกค้ากว่า 350,000 รายการในทุกขนาด ทุกวงการ และในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนสิทธิ์ทุกประการ 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอน Compass, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS คือเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งภายใต้กฎหมายของฝรั่งเศส และมีการจดทะเบียนกับ Versailles Trade และหน่วยงานทะเบียนบริษัทภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ เครื่องหมายการค้าอื่นทั้งหมดจะเป็นของเจ้าของรายนั้น ๆ การใช้เครื่องหมายการค้าใด ๆ ของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยชัดแจ้ง

เกี่ยวกับ Everest Group

Everest Group เป็นบริษัทด้านการวิจัยชั้นนำของโลก ซึ่งช่วยให้ผู้นำทางธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ การประเมิน PEAK Matrix® ของ Everest Group มาพร้อมการวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกที่องค์กรต่าง ๆ ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญในการเลือกผู้ให้บริการระดับสากล ตำแหน่งที่ตั้ง รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันภายในส่วนตลาดต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชันเหล่านี้เองก็เลือกใช้ PEAK Matrix® ในการวัดและเทียบผลิตภัณฑ์ของตนกับผู้อื่นในวงการหรือตลาด โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเนื้อหาเชิงลึกที่ www.everestgrp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ของ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งที่มา: Medidata

Medidata และ Bioforum เสริมสร้างความสัมพันธ์ยาวนานกว่าทศวรรษเพื่อพัฒนาข้อมูลทางคลินิกและโซลูชันไบโอเมตริกสำหรับการทดลองทางคลินิก

Logo

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นใช้ประโยชน์จาก Clinical Data Studio และไบโอเมตริกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อมอบบริการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสำหรับลูกค้าของ Bioforum

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024 

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ประกาศข้อตกลงองค์กรฉบับใหม่กับ Bioforum ซึ่งเป็น CRO ด้านไบโอเมตริกที่ให้บริการแก่ผู้สนับสนุนการทดลองทางคลินิกทั่วโลก

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นจากการทำงานร่วมกันมากกว่าทศวรรษจะช่วยให้ลูกค้าด้านเทคโนโลยีชีวภาพของ Bioforum เข้าถึงเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Medidata ได้กว้างขวางขึ้น ทำให้ประสบการณ์การพัฒนาทางคลินิกมีความคล่องตัวมากขึ้น นอกเหนือจากโซลูชัน Medidata เช่น Medidata Rave EDC และ Medidata Rave RTSM ซึ่ง Bioforum ได้ใช้ประโยชน์เพื่อจัดทำการศึกษาวิจัย 60 รายการในด้านการรักษาที่หลากหลาย CRO ยังเพิ่ม Medidata Clinical Data Studio และ Medidata eConsent เพื่อปรับปรุงการไหลของข้อมูล รักษาความสมบูรณ์ของข้อมูล และให้เป็นไปตามข้อกำหนด

“ทีมผู้เชี่ยวชาญ บริการไบโอเมตริกชั้นนำของอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราส่งผลให้ Bioforum ช่วยให้ผู้สนับสนุนสามารถจัดการข้อมูลทางคลินิกได้อย่างราบรื่นในที่เดียว และมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะปลอดภัย ถูกต้อง และพร้อมสำหรับการวิเคราะห์” Amir Malka ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งร่วมของ Bioforum กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เสริมสร้างความร่วมมือกับ Medidata และร่วมกันมอบโซลูชันขั้นสูงที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าเพื่อเติบโตได้”

“ความร่วมมือที่ขยายขึ้นกับ Bioforum จะนำการจัดการการทดลองทางคลินิกที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่คล่องตัว ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเหล่านั้นออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น” Janet Butler รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายขายทั่วโลกของ Medidata กล่าว “การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการเฝ้าระวังข้อมูลผู้ป่วยและ RBQM จะช่วยให้เราเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับ Bioforum และมอบสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลคุณภาพสูงที่ราบรื่นให้กับลูกค้าของพวกเขาได้”

Bioforum จะสนับสนุนงาน NEXT New York ของ Medidata ที่กำลังจะจัดขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมการทดลองทางคลินิกชั้นนำที่บริษัทจัดขึ้น โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 ถึง 14 พฤศจิกายน ณ นครนิวยอร์ก

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและทำให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในการทดลองมากกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย โดยนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านรายในลูกค้าประมาณ 2,200 รายไว้วางใจในแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและครบวงจรของ Medidata ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งการค้นพบทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้บหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ทำงานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คนเพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน การสร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่เป็นคู่ขนานกับโลกแห่งความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ของเราจะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถกำหนดนิยามใหม่ให้กับกระบวนการสร้างสรรค์ การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอของลูกค้าได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลอย่างมากในการทำให้โลกยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ความงามของเศรษฐกิจประสบการณ์คือเศรษฐกิจที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นหลักเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และพลเมือง Dassault Systèmes มอบคุณค่าให้กับลูกค้ามากกว่า 350,000 รายในอุตสาหกรรมทุกขนาดในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอนเข็มทิศ, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักงานทะเบียนการค้าและบริษัทแวร์ซายส์ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้าของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน

เกี่ยวกับ Bioforum the Data Masters

Bioforum the Data Masters เป็นองค์กรวิจัยทางคลินิกชั้นนำระดับโลก (CRO) ที่เชี่ยวชาญด้านบริการและโซลูชันด้านไบโอเมตริกสำหรับอุตสาหกรรมยา เทคโนโลยีชีวภาพ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีสุดล้ำช่วยให้ Bioforum ให้บริการต่างๆ มากมาย รวมถึงการจัดการข้อมูล ชีวสถิติ การเขียนโปรแกรมเชิงสถิติ และการเขียนทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ นำยาและการรักษาใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราและบริการของเรา โปรดไปที่ www.bioforumgroup.com หรือค้นหาเราบน LinkedIn ได้ที่ https://il.linkedin.com/company/bioforum-ltd

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medidata PR
Medidata.PR@3ds.com

ความสัมพันธ์กับนักวิเคราะห์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งข้อมูล: Medidata

VentureOne ของ ATRC เปิดตัว QuantumGate เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับยุคควอนตัมที่งาน CyberQ

Logo

  • บริษัทน้องใหม่เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูงเพื่อปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น
  • เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทได้รับการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งอาบูดาบี (Abu Dhabi’s Technology Innovation Institute)

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

VentureOne ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการค้าของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council) ได้เปิดตัว QuantumGate บริษัทใหม่ที่ให้นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูงเพื่อปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลขององค์กรต่างๆ ในยุคควอนตัมที่งาน CyberQ ซึ่งจัดที่เมืองอาบูดาบีในวันนี้

ATRC’s VentureOne Launches QuantumGate to Secure Data for the Quantum Era at CyberQ (Photo: AETOSWire)

VentureOne ของ ATRC เปิดตัว QuantumGate เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับยุคควอนตัมที่งาน CyberQ (ภาพ: AETOSWire)

ท่าน Faisal Al Bannai เลขาธิการของ ATRC กล่าวว่า “ยุคควอนตัมไม่ใช่ภัยคุกคามที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป ยุคดังกล่าวได้มาถึงแล้ว การเปิดตัว QuantumGate ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลอันล้ำค่าจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โซลูชันภายในประเทศของ QuantumGate จะช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของประเทศและองค์กรของเราจะยังคงปลอดภัยอยู่เสมอ”

“องค์กรแทบทุกแห่งต่างก็ใช้อัลกอริทึมการเข้ารหัสเพื่อเข้ารหัสและปกป้องข้อมูล” ดร. Najwa Aaraj ซึ่งเป็น CEO ของสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีกล่าว “แต่ความก้าวหน้าในการประมวลผลแบบควอนตัมจะทำให้อัลกอริทึมจำนวนมากตกยุคในเวลาเพียงแค่ 5 ถึง 10 ปีเท่านั้น ถึงแม้จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน แต่ผู้ไม่ประสงค์ดีก็สามารถรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลขององค์กรไว้เพื่อถอดรหัสในภายหลังเมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์มีให้ใช้งานอย่างแพร่หลายมากกว่านี้ นั่นหมายความว่าความเสี่ยงอยู่ใกล้แค่เอื้อม ข้อมูลขององค์กรตกอยู่ในความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว”

ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลของ QuantumGate ใช้เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์จากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลของตนจากภัยคุกคามที่มีอยู่ในปัจจุบันและภัยคุกคามใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับด้านการเข้ารหัสข้อมูลที่จะมีการประกาศใช้ ชุดผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย:

  • QSphere ซึ่งประกอบด้วย VPN สำหรับยุคควอนตัม และอีเมล โฟลเดอร์ไฟล์ และแอปพลิเคชันเข้ารหัส-ถอดรหัสข้อความสำหรับยุคควอนตัม
  • Salina เครื่องมือจัดการตัวตนและการเข้าถึงที่ออกแบบมาเพื่อลดความยุ่งยากของขั้นตอนการยืนยันตัวตนโดยตัดความจำเป็นในการใช้รหัสผ่านออกไป 

“ความก้าวหน้าล่าสุดในการประมวลผลแบบควอนตัมทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทุกคนเห็นตรงกันว่าโซลูชันการเข้ารหัสในปัจจุบันจะถูกท้าทายอย่างรุนแรงในอีกไม่ช้า” คุณ Reda Nidhakou รักษาการ CEO ของ VentureOne ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ QuantumGate กล่าว “เพื่อป้องกันความสูญเสียครั้งใหญ่ ธุรกิจที่มีความละเอียดอ่อนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับยุคควอนตัมในทันที ซึ่งภารกิจของเราก็คือการทำให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผ่านโซลูชันที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และล้ำสมัย”

นอกจากจะมอบผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลแล้ว QuantumGate จะให้บริการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในการเปลี่ยนผ่านจากการใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเก่าไปใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับยุคควอนตัม พร้อมทั้งรับประกันว่าการดำเนินงานจะเกิดการหยุดชะงักน้อยที่สุด

QuantumGate เป็นบริษัทลำดับที่สามที่ VentureOne เปิดตัวต่อจาก SteerAI บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีการเดินทางแบบอัตโนมัติซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2024 และ AI71 บริษัทที่สร้างโซลูชันทางธุรกิจโดยใช้โมเดล AI ช่วยสร้างของ Falcon ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2023

LinkedIn

ที่มาAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151175/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Menna Massoud
Menna.massoud@edelman.com

ที่มา: QuantumGate

Greenery นำเสนอโซลูชันสำหรับการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำที่การประชุม COP29

Logo

Greenery ในฐานะตัวแทนจากเกาหลีใต้ที่การประชุม COP29 ได้นำเสนอระบบการจัดการน้ำในนาข้าวและวิธีแปรรูปมูลสัตว์ให้เป็นถ่านชีวภาพ พร้อมเน้นย้ำให้ผู้ร่วมการประชุมทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญของการใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการเกษตร

บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

Greenery, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศจากเกาหลีใต้ได้นำเสนอโซลูชันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ที่การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ครั้งที่ 29 (COP29)

ในการบรรยายหัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำ” Greenery ได้นำเสนอกรณีศึกษากรณีแรกของบริษัท ว่าด้วยระบบระบายน้ำในนาข้าวที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนและอนุรักษ์น้ำ โดยระบบนี้จะวัดปริมาณและติดตามการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการเฝ้าสังเกตระดับน้ำและรวบรวมข้อมูลสภาพภูมิอากาศและดิน ซึ่งจะมีการเปิดตัวโปรเจ็กต์นี้ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญด้านข้อมูลที่นำโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีของเกาหลีใต้และสำนักงานสังคมสารสนเทศแห่งชาติ (NIA) ภายในสิ้นปี การใช้ข้อมูลด้านการเกษตรของโปรเจ็กต์นี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และมีผู้เข้าร่วมสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการผสานความร่วมมือตลอดทั้งการประชุม

Wonho Lee, Director of the Climate Tech Division at Greenery, presents on the urgent need for low-carbon agriculture. (Image: Greenery)

คุณ Wonho Lee ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศของ Greenery นำเสนอเกี่ยวกับความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรแบบคาร์บอนต่ำ (ภาพ: Greenery)

สำหรับกรณีศึกษากรณีที่สอง Greenery ได้นำเสนอโปรเจ็กต์ในการนำมูลสัตว์ที่เป็นต้นตอหลักในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของฟาร์มต่างๆ มาแปรรูปเป็นถ่านชีวภาพ โดยถ่านชีวภาพสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ถึง 100 ปีโดยประมาณ ซึ่งนับว่ามีประสิทธิภาพในการลดคาร์บอนในระดับสูง ในการนำเสนอกรณีศึกษานี้ Greenery ได้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมปศุสัตว์

การบรรยายนี้ปิดท้ายด้วยการอธิปรายกลุ่มเกี่ยวกับความจำเป็นในการใช้โซลูชันที่อาศัยเทคโนโลยีและวิธีการที่เข้มงวดในการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการเกษตร ซึ่งการอภิปรายนี้ได้เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญที่ว่า เนื่องจากการเกษตรมีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านอาหารอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการเกษตรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ คุณ Saskia Sanders ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายจากสำนักงานเกษตรกรรมแห่งสหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ คุณ Pankaj Kumam ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของหน่วยงานประเมินและตรวจสอบ Enviance และคุณ Soojeong Myeong หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันสิ่งแวดล้อมแห่งเกาหลีก็เข้าร่วมการอภิปรายกลุ่มด้วย

Greenery มอบโซลูชันด้านความยั่งยืนจำนวนมาก รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์, การประเมินวงจรชีวิต (Life Cycle Assessments หรือ LCA) และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Greenery ได้เปิดตัว ENVION ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ LCA ที่ประเมินผลกระทบที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีต่อสภาพแวดล้อมตลอดทั้งวงจรชีวิต โดยจะติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอนของกระบวนการ

“การเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำจำเป็นอย่างยิ่งต่อการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” คุณ Yoosik Hwang ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ Greenery กล่าว “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืนในภาคการเกษตรผ่านโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152074/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Greenery, Inc.
Gyeongin Park
+82-2-6274-3600
gi.park@greenery.im

ที่มา: Greenery, Inc.

รายงานของ NIQ ชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่กำหนดทิศทางการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025

Logo

นวัตกรรมในราคาที่จับต้องได้ การช้อปปิ้งที่ยกระดับด้วย AI และสินค้าที่ยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

NielsenIQ (NIQ) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคได้เผยแพร่รายงานสถานะของสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทน (T&D) ซึ่งชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่จะกระตุ้นการเติบโตในภาคส่วนนี้ ในขณะที่แบรนด์ต่างๆ เตรียมตัวรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ราคาที่จับต้องได้ ความสะดวกสบาย ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมที่ขับเคลื่อนด้วย AI คือปัจจัยสำคัญในการตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภค

ประเด็นสำคัญจากรายงานฉบับนี้

  • ผู้บริโภค 67% มีแนวโน้มที่จะลองใช้สินค้าใหม่หากมีราคาที่จับต้องได้
  • ผู้บริโภค 70% ยินดีซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืนและประหยัดพลังงานเมื่อสินค้าดังกล่าวมีราคาสมเหตุสมผล
  • หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นที่เปียกและแห้งมียอดขายเพิ่มขึ้น 55% ในปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการสินค้าที่มีฟังก์ชันการทำงานหลากหลาย
  • ผู้บริโภค 40% เต็มใจที่จะทำตามคำแนะนำที่ทำงานด้วย AI ในการช้อปปิ้งในชีวิตประจำวัน
  • สมาร์ทโฟนที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงมียอดขายเพิ่มขึ้น 33% สะท้อนถึงความต้องการอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ที่มีประสิทธิภาพสูง
  • รายได้รวมทั่วโลกของสินค้า T&D 36% มาจากการขายทางออนไลน์ โดยมีประเทศจีน ทวีปยุโรป และภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นแหล่งรายได้หลัก

แนวโน้มสำคัญที่ควรจับตามองในปี 2025

  1. ราคาที่จับต้องได้และการซื้อที่มุ่งเน้นความคุ้มค่า:
    ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับราคาที่จับต้องได้มากกว่าที่เคยเป็นมา โดยผู้บริโภค 67% ระบุว่าตนยินดีที่จะลองใช้สินค้าใหม่หากสินค้าดังกล่าวมีราคาที่จับต้องได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภค 70% พร้อมจะซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืนและประหยัดพลังงานในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งแนวโน้มนี้นับเป็นโอกาสทองสำหรับแบรนด์ที่สามารถนำเสนอตัวเลือกสินค้าราคาไม่แพงแต่มีความทนทาน
  2. ความสะดวกสบายและฟังก์ชันการทำงานหลากหลายกำลังเป็นที่ต้องการ:
    สินค้าที่ช่วยประหยัดเวลาและมีฟังก์ชันการทำงานหลากหลายมีส่วนสำคัญในการเติบโตของสินค้า T&D ดังจะเห็นได้จากยอดขายของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นที่เปียกและแห้งที่เพิ่มขึ้น 55% แบรนด์สินค้า T&D ควรพิจารณาที่จะนำเสนอสินค้าที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
  3. เทคโนโลยีด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีกำลังมาแรง:
    เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นสุขภาพกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีกระแสหลัก โดยอุปกรณ์แบบสวมใส่มียอดขายแบบเทียบปีต่อปีเพิ่มขึ้น 3% และเนื่องจากผู้บริโภคนำสินค้าที่เน้นด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และสุขอนามัยเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน แบรนด์ที่สามารถใส่คุณสมบัติเหล่านี้ลงในสินค้าของตนจะยังคงน่าดึงดูดในสายตาของผู้บริโภค สินค้าสำหรับระบบบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องปรับอุณหภูมิ และอุปกรณ์ด้านฟิตเนสที่เชื่อมต่อได้เป็นสินค้ามาแรงสำหรับแนวโน้มนี้
  4. AI และการเชื่อมต่ออัจฉริยะในการซื้อของผู้บริโภค:
    รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่า AI มีบทบาทต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากขึ้น โดยนักช้อป 40% ยินดีรับฟังคำแนะนำแบบอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่แบรนด์สินค้า T&D จะใช้ AI ในการมอบประสบการณ์ด้านสินค้าที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล นอกจากนี้การเชื่อมต่อก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ดังจะเห็นได้จากยอดขายสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลสูงที่เพิ่มขึ้น 33% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ที่มีประสิทธิภาพสูงของผู้บริโภค
  5. ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญ:
    ความยั่งยืนเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจำนวนมาก โดยผู้บริโภคเกินครึ่งยินดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งความทนทาน การประหยัดพลังงาน และวัสดุที่ยั่งยืนเป็นปัจจัยในการพิจารณาซื้อที่สำคัญที่สุด ซึ่งบ่งชี้ว่าแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับด้านเหล่านี้จะมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน
  6. ความสำคัญของประสบการณ์แบบผสมผสานทุกช่องทาง:
    ปัจจุบันยอดขายออนไลน์คิดเป็น 36% ของรายได้สำหรับสินค้า T&D ทั่วโลก โดยมีประเทศจีน ทวีปยุโรป และภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นแหล่งรายได้หลัก เนื่องจากผู้บริโภคที่ใช้ทั้งช่องทางในการซื้อแบบดิจิทัลและการซื้อที่หน้าร้านมีจำนวนเพิ่มขึ้น บริษัทที่จำหน่ายสินค้า T&D ก็จะต้องมอบประสบการณ์แบบผสมผสานทุกช่องทางที่ราบรื่นเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ฟีเจอร์แบบโต้ตอบ เช่น Augmented Reality (AR) จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคกลุ่ม Millennials และ Gen Z ได้ดีเป็นพิเศษ โดยผู้บริโภคเหล่านี้เกิน 1 ใน 3 สนใจที่จะช้อปปิ้งแบบใช้ AR

“สำหรับแบรนด์สินค้า T&D แล้ว ปี 2025 จะเป็นปีของการมอบคุณค่าผ่านนวัตกรรมที่มีความหมาย” คุณ Julian Baldwin ประธานฝ่าย Tech & Durables ของ NIQ กล่าว “ผู้บริโภคมีความระมัดระวัง แต่ก็ยินดีซื้อสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกสบาย ความยั่งยืน และสุขภาพ การให้ความสำคัญกับด้านเหล่านี้จะทำให้บริษัทต่างๆ มีสถานะในตลาดที่แข็งแกร่งขึ้น และจะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตได้”

ทำไมแนวโน้มเหล่านี้จึงมีความสำคัญในปี 2025

ความต้องการของผู้บริโภคเหล่านี้เผยให้เห็นช่องทางสำคัญสำหรับแบรนด์ที่มุ่งหวังจะคว้าส่วนแบ่งการตลาดในปี 2025 ซึ่งการมุ่งเน้นนวัตกรรมที่สอดคล้องกับราคาที่จับต้องได้ ความยั่งยืน และความสะดวกสบาย จะช่วยให้บริษัทผู้จำหน่ายสินค้า T&D ตอบสนองความต้องการที่กำลังเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นการเติบโตได้ AI และฟีเจอร์อัจฉริยะจะยังคงยกระดับประสบการณ์ในการช้อปปิ้งต่อไป โดยเป็นสิ่งที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ มีโอกาสดึงดูดผู้บริโภคที่สนใจเทคโนโลยีได้มากขึ้น

ทั้งนี้ คุณสามารถดาวน์โหลดรายงาน “สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับ: การกระตุ้นการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025” เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ NIQ:

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค ซึ่งให้ความเข้าใจที่ครอบคลุมที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเผยให้เห็นช่องทางใหม่ๆ สำหรับการเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้ควบรวมกับ GfK ซึ่งเป็นการรวมผู้นำในอุตสาหกรรมสองรายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลทั่วโลกในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้เข้าด้วยกัน ปัจจุบัน NIQ ดำเนินธุรกิจในประเทศต่างๆ 95 ประเทศที่มี GDP คิดเป็น 97% ของ GDP  ทั่วโลก โดย NIQ ให้ Full View™ ที่ประกอบด้วยมุมมองด้านการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุดพร้อมด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มล้ำสมัย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.niq.com

เกี่ยวกับรายงานสถานะของ T&D:

รายงานประจำปีว่าด้วยสถานะของสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในหัวข้อ “สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับ: การกระตุ้นการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025” ของ NIQ อาศัยการวิเคราะห์ล่าสุดและการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของ NIQ ในด้านสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทน นวัตกรรม พฤติกรรมของผู้บริโภค การตลาดแบบผสมผสานทุกช่องทาง และการวัดผลทางการตลาด ซึ่งสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้อ่านก็คือรายงานที่ให้ Full ViewTM เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและความต้องการในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

คุณ Filip Filipov อดีตผู้บริหาร Skyscanner ร่วมงานกับ OAG ในตำแหน่ง Chief Operating Officer

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

OAG ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำของโลกสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกมีความยินดีที่จะประกาศการแต่งตั้งคุณ Filip Filipov เข้าดำรงตำแหน่ง Chief Operating Officer คนใหม่ของบริษัท

คุณ Filipov ซึ่งเป็นอดีตรองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ของ Skyscanner มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเติบโตของบริษัทด้านการท่องเที่ยวดิจิทัลดังกล่าว และเป็นผู้นำทีมต่างๆ ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่ง เขาเป็นผู้ที่มีข้อมูลเชิงลึกจำนวนมากจากภาคส่วนการท่องเที่ยวและเทคโนโลยี พร้อมด้วยประสบการณ์ในการขยายธุรกิจอันมีค่า

ในฐานะ COO ของ OAG คุณ Filipov จะมุ่งเน้นที่การยกระดับการดำเนินธุรกิจ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานไปพร้อมๆ กับพัฒนาวิสัยทัศน์ด้านกลยุทธ์ในระยะยาวของบริษัท การแต่งตั้งในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์เร่งการเติบโตของ OAG ซึ่งมีการเข้าซื้อกิจการ Infare เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2023 การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นการเพิ่มข้อมูลค่าตั๋วเครื่องบินให้กับแพลตฟอร์มข้อมูลของ OAG ช่วยให้บริษัทสามารถให้โซลูชันข้อมูลที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั้งในด้านอุปทาน อุปสงค์ และการกำหนดราคา

คุณ Filip เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงให้กับบริษัทร่วมทุนและบริษัทให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ อาทิเช่น บริษัท Opera Solutions ในนิวยอร์กและลอนดอน

คุณ Phil Callow  ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ OAG กล่าวว่า “คุณ Filip มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับภาคส่วนการท่องเที่ยวและเทคโนโลยี และเนื่องจาก OAG ยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ความเชี่ยวชาญของเขาจะมีค่าอย่างยิ่งในการชี้แนะพวกเราผ่านช่วงเวลาขยายการเติบโตที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ความสนใจที่เขามีต่ออุตสาหกรรมการบินและข้อมูลทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับวัฒนธรรมของเราที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นสิ่งแรกและมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพเป็นอย่างยิ่ง”

คุณ Filip ได้กล่าวเกี่ยวกับการแต่งตั้งในครั้งนี้ว่า:

“ผมดีใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ OAG ผมรู้สึกทึ่งกับความเชี่ยวชาญที่หลากหลายและความทะเยอทะยานที่องค์กรแห่งนี้มี และความสามารถอันโดดเด่นขององค์กรในการผสมผสานข้อมูลด้านอุปทาน อุปสงค์ และการกำหนดราคาเข้าด้วยกันก็ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ต่อยอดความสำเร็จและนำประสบการณ์ในการขยายธุรกิจของผมมาปรับใช้กับการดำเนินงานทุกภาคส่วนเพื่อผลประโยชน์สำหรับลูกค้าของเรา”

การแต่งตั้งครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่คุณ Shane Corstorphine ซึ่งเป็นอดีต CFO ของSkyscanner ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง NED ในเดือนกรกฎาคม

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศด้านการบิน โดยมีเครือข่ายข้อมูลเที่ยวบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG ได้ที่ www.oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

pressoffice@oag.com

ที่มา: OAG

Toshiba เริ่มจัดส่งตัวอย่างขั้นทดสอบของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือยที่มีความต้านทานขณะทำงานต่ำและมีความเสถียรสูงสำหรับใช้ในอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์

Logo

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (หรือ Toshiba) ได้พัฒนา “X5M007E120” ซึ่งเป็น MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือย[1] สำหรับอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์ [2] พร้อมโครงสร้างที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความต้านทานขณะทำงานต่ำและให้ความเสถียรสูง โดยได้มีการจัดส่งตัวอย่างขั้นทดสอบเพื่อให้ลูกค้าประเมินแล้วในขณะนี้

Toshiba: X5M007E120, a bare die 1200V silicon carbide (SiC) MOSFET for automotive traction inverters with an innovative structure that deliver both low On-resistance and high reliability. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: X5M007E120 ซึ่งเป็น MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือยสำหรับอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์ พร้อมโครงสร้างที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความต้านทานขณะทำงานต่ำและให้ความเสถียรสูง (กราฟิก: Business Wire)

ความเสถียรของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์แบบทั่วไปจะลดลงในกรณีที่ความต้านทานขณะทำงานเพิ่มขึ้นเมื่อไดโอดของตัวอุปกรณ์ได้รับพลังงานแบบไบโพลาร์[3] ระหว่างการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับ[4] ซึ่ง MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ของ Toshiba ลดปัญหานี้ด้วยโครงสร้างอุปกรณ์ที่ฝังไดโอดแบริเออร์ Schottky (SBD) ลงใน MOSFET เพื่อปิดการทำงานไดโอดของตัวอุปกรณ์ แต่การวางตำแหน่ง SBD บนชิปจะลดพื้นที่สำหรับช่องกระแสไฟฟ้าที่จะกำหนดความต้านทานของ MOSFET ขณะนำกระแสไฟฟ้า และเพิ่มความต้านทานขณะทำงานของชิป

SBD ที่ฝังอยู่ใน X5M007E120 จะถูกจัดเรียงในรูปแบบร่องสลับแทนการจัดเรียงรูปแบบแถบที่มักจะใช้โดยทั่วไป ซึ่งการจัดวางลักษณะนี้ช่วยลดการให้พลังงานไดโอดตัวอุปกรณ์แบบไบโพลาร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็จะเพิ่มขีดจำกัดสูงสุดของการทำงานแบบยูนิโพลาร์เป็นสองเท่าของพื้นที่ปัจจุบันโดยประมาณ แม้ว่าจะกินพื้นที่ติดตั้ง SBD เดียวกันก็ตาม[5] นอกจากนี้ความหนาแน่นของช่องกระแสไฟฟ้ายังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการจัดเรียงแบบแถบ ส่วนความต้านทานขณะนำงานต่อพื้นที่หน่วยจะลดลง 20% ถึง 30% โดยประมาณ[5] ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นพร้อมกับความต้านทานขณะทำงานต่ำในขณะที่ยังคงรักษาความเสถียรในกรณีที่มีการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับจะช่วยให้อินเวอร์เตอร์ที่ใช้ในการควบคุมมอเตอร์ (เช่น อินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์) ใช้พลังงานน้อยลง

การลดความต้านทานขณะทำงานของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์จะส่งผลให้กระแสไฟฟ้าส่วนเกินไหลผ่าน MOSFET ขณะไฟฟ้าลัดวงจร[6] ซึ่งจะลดความทนทานต่อไฟฟ้าลัดวงจร การเพิ่มการนำกระแสไฟฟ้าของ SBD ที่ฝังเพื่อเพิ่มความเสถียรเมื่อมีการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับยังส่งผลให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลเพิ่มขึ้นขณะไฟฟ้าลัดวงจรด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการลดความทนทานต่อไฟฟ้าลัดวงจร ดายเปลือยแบบใหม่นี้มีโครงสร้างแบริเออร์แบบลึก[7]  ที่ช่วยลดกระแสไฟฟ้าส่วนเกินใน MOSFET และกระแสไฟฟ้ารั่วไหลใน SBD ในระหว่างไฟฟ้าลัดวงจร ช่วยเพิ่มความทนทานในขณะที่ยังคงรักษาความเสถียรในกรณีที่มีการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับได้อย่างยอดเยี่ยม

ผู้ใช้สามารถปรับแต่งดายเปลือยให้ตรงกับความต้องการด้านการออกแบบของตนโดยเฉพาะและนำโซลูชันไปปรับใช้ตามจุดมุ่งหมายของตนได้

Toshiba คาดการณ์ว่าจะจัดส่งตัวอย่างทางวิศวกรรมของ X5M007E120 ในปี 2025 และจะเริ่มการผลิตจำนวนมากในปี 2026 โดยในระหว่างนี้ บริษัทจะสำรวจความเป็นไปได้ในการปรับปรุงลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์เพิ่มเติม

Toshiba จะร่วมสร้างสังคมปลอดคาร์บอนด้วยการมอบเซมิคอนดักเตอร์กำลังที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าในส่วนงานที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเป็นสำคัญ เช่น อินเวอร์เตอร์สำหรับควบคุมมอเตอร์ และระบบควบคุมกำลังไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

หมายเหตุ:
[1] ผลิตภัณฑ์ชิปแบบไม่มีบรรจุภัณฑ์
[2] อุปกรณ์ที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้มาจากแบตเตอรี่เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ และควบคุมมอเตอร์ต่างๆ ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือรถยนต์ไฮบริด (HEV)
[3] การทำงานแบบไบโพลาร์เมื่อมีการใช้แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้ากับไดโอด pn ระหว่างเดรนและซอร์ส
[4] การทำงานที่กระแสไฟฟ้าไหลจากซอร์สไปยังเดรนของ MOSFET เนื่องจากกระแสไฟฟ้าในวงจรไหลย้อน
[5] เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ของ Toshiba ที่ใช้การจัดเรียงรูปแบบแถบ
[6] ปรากฏการณ์ที่เกิดการนำกระแสไฟฟ้าระยะยาวในโหมดที่ไม่ปกติ เช่น เมื่อวงจรควบคุมขัดข้อง เทียบกับการนำกระแสไฟฟ้าระยะสั้นระหว่างการทำงานเปิดปิดสวิตช์ตามปกติ ซึ่งจำเป็นต้องมีความทนทานที่สามารถทนต่อการทำงานในกรณีที่ไฟฟ้าลัดวงจรติดต่อกันระยะเวลาหนึ่งโดยไม่ล้มเหลว
[7] องค์ประกอบของโครงสร้างอุปกรณ์ที่มีไว้ควบคุมสนามไฟฟ้าแรงสูงที่เกิดขึ้นเนื่องจากไฟฟ้ามีแรงดันสูง ซึ่งเป็นส่วนที่มีผลเป็นอย่างมากต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์

การใช้งาน

  • อินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์

คุณสมบัติ

  • มีความต้านทานขณะทำงานต่ำและมีความเสถียรสูง
  • ดายเปลือยสำหรับยานยนต์
  • ผ่านการรับรอง AEC-Q100
  • พิกัดแรงดันไฟฟ้าระหว่างเดรนและซอร์ส: VDSS=1200V
  • พิกัดกระแสไฟฟ้า (กระแสตรง) ที่เดรน: ID=(229)A[8]
  • ความต้านทานขณะทำงานต่ำ:
    RDS(ON)=7.2mΩ (ปกติ) (VGS=+18V, Ta=25°C)
    RDS(ON)=12.1mΩ (ปกติ) (VGS=+18V, Ta=175°C)

หมายเหตุ
[8] ค่าโดยประมาณ

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(Ta=25°C, เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น)

หมายเลขชิ้นส่วน

X5M007E120

บรรจุภัณฑ์

ชื่อบรรจุภัณฑ์ของ Toshiba

2-7Q1A

ขนาด (มม.)

ปกติ

6.0×7.0

พิกัด

สูงสุด

สัมบูรณ์

แรงดันไฟฟ้าระหว่างเดรนและซอร์ส VDSS (V)

1200

แรงดันไฟฟ้าระหว่างเกตและซอร์ส VGSS (V)

+25/-10

กระแสไฟฟ้าที่เดรน (กระแสตรง) ID (A)

(229)[8]

กระแสไฟฟ้าที่เดรน (พัลส์) ID พัลส์ (A)

(458)[8]

อุณหภูมิช่องกระแสไฟฟ้า Tch (°C)

175

ค่า

ทางไฟฟ้า

แรงดันขีดเริ่มที่เกต

Vth (V)

VDS =10V,

ID=16.8mA

ปกติ

4.0

ความต้านทานขณะทำงาน

ระหว่างเดรนและซอร์ส

RDS(on) (mΩ)

ID=50A,

VGS =+18V

ปกติ

7.2

ID=50A,

VGS =+18V,

Ta=175°C

ปกติ

12.1

แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้า

VSD (V)

ISD=50A,

VGS =-5V

ปกติ

-1.21

แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้า

VSD (V)

ISD=50A,

VGS=-5V,

Ta=175°C

ปกติ

-1.40

ความต้านทานที่เกตภายใน

rg (Ω)

เดรนเปิด,

f=1MHz

ปกติ

3.0

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ X5M007E120 ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
Toshiba เริ่มจัดส่งตัวอย่างขั้นทดสอบของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือยที่มีความต้านทานขณะทำงานต่ำและมีความเสถียรสูงสำหรับใช้ในอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์กำลังไฟฟ้าซิลิคอนคาร์ไบด์ของ Toshiba ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
อุปกรณ์กำลังไฟฟ้าซิลิคอนคาร์ไบด์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ
* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ซึ่งรวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ประกาศ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านเซมิคอนดักเตอร์และโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง ได้นำนวัตกรรมและประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่าครึ่งศตวรรษมาใช้เพื่อมอบเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน, LSI ของระบบ และผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นแก่ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ธุรกิจ

พนักงานที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 19,400 ชีวิตล้วนมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูงสุด และส่งเสริมการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนร่วมสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกหนแห่ง

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54145871/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับลูกค้าที่ต้องการสอบถามข้อมูล
Power & Small Signal Device Sales & Marketing Dept.I
โทร: +81-44-548-2216
ติดต่อเรา

สำหรับสื่อที่ต้องการสอบถามข้อมูล
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Dept.
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. ประกาศได้รับสัญญามูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ในภูมิภาคอเมริกาและตะวันออกกลาง

Logo

สปริง เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–07 พฤศจิกายน 2024

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH) ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้รับรางวัลโครงการใหม่มูลค่า 6 ล้านดอลลาร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศว่าได้รับรางวัลโครงการใหม่มูลค่า 9 ล้านดอลลาร์ในทวีปอเมริกา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค

รางวัลโครงการใหม่เหล่านี้จะใช้ความสามารถในการเคลือบป้องกันการกัดกร่อนของ Perma-Pipe และระบบฉนวน XTRU-THERM® ซึ่งเป็นโฟมโพลียูรีเทนแบบสเปรย์หุ้มด้วยปลอกโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง

รางวัลโครงการใหม่เหล่านี้ช่วยเสริมงานในมือของเราซึ่งมีการเติบโตอย่างมาก แบ็คล็อกอยู่ที่ 75.0 ล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2024 และขณะนี้เกิน 100.0 ล้านดอลลาร์

Marc Huber รองประธานอาวุโสประจําภูมิภาคอเมริกาของ Perma-Pipe กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีกับรางวัลเหล่านี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในตลาดอเมริกา และการเสริมสร้างตําแหน่งของเราในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอย่างต่อเนื่อง”

Saleh Sagr รองประธานอาวุโสประจําภูมิภาค MENA ของ Perma-Pipe กล่าวว่า “รางวัลล่าสุดใน MENA ส่วนใหญ่มอบให้กับโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในเขตภูมิภาค GCC รางวัลเหล่านี้ยืนยันตําแหน่งผู้นําในตลาดของเรา และเปิดโอกาสให้เราได้สาธิตผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนําของอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าใหม่ได้ชม”

David Mansfield ประธานและซีอีโอกล่าวว่า “การเติบโตในทุกภูมิภาคเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โดยรวมของเรา และเราภูมิใจที่ได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น ซึ่งช่วยให้ Perma-Pipe สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับตําแหน่งผู้นําในตลาดต่อไปได้

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH, “Perma-Pipe” หรือ “บริษัท”) เป็นผู้นําระดับโลกในด้านระบบท่อหุ้มฉนวนล่วงหน้าและระบบตรวจจับการรั่วไหลสําหรับน้ำมันและก๊าซ ระบบทำความร้อนและความเย็นในเขตพื้นที่ และการใช้งานอื่นๆ บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการประดิษฐ์ที่กว้างขวางเพื่อพัฒนาโซลูชันระบบท่อที่ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการขนส่งของเหลวหลายประเภทอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยรวมแล้ว Perma-Pipe มีการดําเนินงานใน 15 แห่งใน 6 ประเทศ

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข้อความและข้อมูลอื่น ๆ ที่มีอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ซึ่งสามารถระบุได้โดยใช้คําศัพท์ที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า ถือเป็น “ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ปี 1993 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 21E ของบทบัญญัติกฎหมายหลักทรัพย์ ปี 1934 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ความปลอดภัยที่สร้างขึ้นโดยหลักเกณฑ์ดังกล่าว  ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียง ข้อความเกี่ยวกับผลการดําเนินงานและการดําเนินงานที่คาดหวังในอนาคตของบริษัท ข้อความเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาว่าอยู่ภายใต้ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมายที่มีอยู่ในการดําเนินงานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของบริษัท ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงสิ่งต่อไปนี้: (i) ผลกระทบของไวรัสโคโรนา (“COVID-19”) ต่อผลการดําเนินงาน สถานะทางการเงิน และกระแสเงินสดของบริษัท (ii) ความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทของลูกค้า (iii) ความสามารถของบริษัทในการปฏิบัติตามพันธสัญญาทั้งหมดในวงเงินสินเชื่อของบริษัท (iv) ความสามารถของบริษัทในการชําระหนี้และต่ออายุวงเงินสินเชื่อระหว่างประเทศที่กำลังจะหมดอายุ (v) ความสามารถของบริษัทในการดําเนินการตามแผนกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลกําไรและกระแสเงินสดที่เป็นบวก (vi) ผลกระทบจากความอ่อนแอและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก (vii) ความผันผวนของราคาเหล็กและความสามารถของบริษัทในการชดเชยการเพิ่มขึ้นของราคาเหล็กผ่านการเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ (viii) ระยะเวลาในการรับคําสั่งซื้อ การดําเนินการ การส่งมอบ และการยอมรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท (ix) การใช้จ่ายของภาครัฐในโครงการที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทลดลง และความท้าทายต่อสภาพคล่องและการเข้าถึงเงินทุนของลูกค้าที่ไม่ใช่ภาครัฐของบริษัท (x) ความสามารถของบริษัทในการเจรจาข้อตกลงการเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้าสําหรับสัญญาขนาดใหญ่ได้สําเร็จ (xi) การกําหนดราคาเชิงรุกของคู่แข่งที่มีอยู่และการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ในตลาดที่บริษัทดําเนินธุรกิจอยู่ (xii) ความสามารถของบริษัทในการซื้อวัตถุดิบในราคาที่เหมาะสมและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับซัพพลายเออร์ (xiii) ความสามารถของบริษัทในการผลิตสินค้าที่ปราศจากข้อบกพร่องที่แฝงอยู่ และการกู้คืนจากซัพพลายเออร์ที่อาจจัดหาวัสดุที่มีข้อบกพร่องให้กับบริษัท (xiv) การลดหรือยกเลิกคําสั่งซื้อที่รวมอยู่ในแบ็คล็อกของบริษัท (xv) ความสามารถของบริษัทในการเรียกเก็บเงินลูกหนี้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการในตะวันออกกลาง (xvi) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัท (xvii) ความสามารถของบริษัทในการดึงดูดและรักษาผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรหลัก (xviii) ความสามารถของบริษัทในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดหวังจากความคิดริเริ่มการเติบโต (xix) ความสามารถของบริษัทในการตีความการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบและกฎหมายภาษี (xx) ความสามารถของบริษัทในการใช้ผลขาดทุนสุทธิจากการดําเนินงานที่ยกไป (xxi) การกลับรายการของรายได้และกําไรที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้อันเป็นผลมาจากการประมาณการที่ไม่ถูกต้องซึ่งทําขึ้นโดยเชื่อมโยงกับการรับรู้รายได้ตามเปอร์เซ็นต์ของงานที่แล้วเสร็จของบริษัท (xxii) ความล้มเหลวของบริษัทในการสร้างและรักษาการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพต่อการรายงานทางการเงิน และ (xxiii) ผลกระทบของภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่มีศักยภาพ และผู้อ่านรายอื่น ๆ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบในการประเมินข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า และควรระวังอย่าพึ่งพาข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมากเกินไป ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ทําในที่นี้จัดทําขึ้นเฉพาะ ณ วันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และเราไม่มีภาระผูกพันในการอัปเดตข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลต่อผลการดําเนินงานของเราสามารถดูได้จากเอกสารที่ยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถดูได้ที่ https://www.sec.gov และภายใต้หัวข้อศูนย์นักลงทุนในเว็บไซต์ของเรา (http://investors.permapipe.com)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

David Mansfield ประธานและซีอีโอ

นักลงทุนสัมพันธ์ Perma-Pipe
investor@permapipe.com
847.929.1200

ที่มา: Perma-Pipe International Holdings, Inc.

จากการทำนาข้าวสู่ไบโอชาร์: Greenery นำเสนอเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำเชิงนวัตกรรมที่ COP29

Logo

Greenery บริษัทด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศที่นำเสนอโซลูชันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จะนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมสำหรับเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำในการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศครั้งที่ 29 (COP29) ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศอาเซอร์ไบจานในปีนี้

โซล ประเทศเกาหลีใต้ (BUSINESS WIRE)–06 พฤศจิกายน 2024

Greenery, Inc. จะจัดงานสัมมนาและนิทรรศการในหัวข้อการเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรกรรมและการเลี้ยงสัตว์คาร์บอนต่ำที่ Korea Pavilion ในเขตบลูโซนของ COP29 ระหว่างวันที่ 11 ถึง 13 พฤศจิกายน

A low-carbon farming project at Haenam, South Korea (Image: Greenery)

โครงการเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำที่แฮนัม ประเทศเกาหลีใต้ (ภาพ: Greenery)

Greenery, Inc. บริษัทด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเกาหลีใต้ ให้บริการที่ปรึกษาด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงการวางแผนการดำเนินการด้านสภาพอากาศ การประเมินวงจรชีวิต (LCA) และการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ

ในเดือนตุลาคมปีนี้ Greenery ได้เปิดตัว ENVION ซึ่งเป็นโซลูชันซอฟต์แวร์ LCA ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิต โดย ENVION นั้นได้ยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจากับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมระดับโลกแล้ว

นอกจากนี้ Greenery ยังดำเนินการในส่วนของ POPLE ซึ่งเป็นศูนย์รับรองเครดิตคาร์บอนแบบสมัครใจและเป็นตลาดกลางด้วย โดยสำนักงานเลขาธิการ POPLE ยังคงรักษามาตรฐานในระดับสูงสำหรับการตรวจสอบเครดิตและให้ความราบรื่นในการทำธุรกรรมต่างๆ ในตลาด

ในงาน COP29 นี้ ทาง Greenery จะแนะนำวิธีการใหม่ๆ ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านกรณีศึกษาสองกรณีในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรคาร์บอนต่ำในงานสัมมนาวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้

กรณีศึกษากรณีแรกจะศึกษาระบบการทำฟาร์มอัจฉริยะซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นโปรแกรมเรือธงร่วมกันโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีของเกาหลีใต้กับหน่วยงานสังคมสารสนเทศแห่งชาติ ระบบการทำฟาร์มนี้สามารถลดทั้งการปล่อยก๊าซมีเทนและประหยัดน้ำได้จากการตรวจสอบระดับน้ำในนาข้าวแบบเรียลไทม์

ในกรณีศึกษากรณีที่สอง ทาง Greenery จะสาธิตว่าของเสียจากปศุสัตว์ ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากฟาร์ม สามารถแปลงเป็นไบโอชาร์ได้อย่างไร ไบโอชาร์เป็นคำผสมระหว่างคำว่า “biomass (ชีวมวล)” และ “charcoal (ถ่านไม้)” ซึ่งสามารถกักเก็บคาร์บอนได้นานประมาณหนึ่งร้อยปี ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดก๊าซคาร์บอนได้

การบรรยายในงานสัมมนาจะประกอบด้วยการอภิปรายกลุ่มเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัยและวิธีการลดปริมาณคาร์บอนจากภาคเกษตรกรรม โดยมี Saskia Sanders ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายของสำนักงานเกษตรแห่งสหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์, Pankaj Kumam ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ Enviance และ Soojeong Myeong หัวหน้าคณะนักวิจัยของสถาบันสิ่งแวดล้อมเกาหลีเข้าร่วมการหารือในครั้งนี้ด้วย

ในช่วงนิทรรศการที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 ถึง 13 พฤศจิกายน ผู้เข้าร่วมจะได้รับชมการนำเสนอที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืนต่างๆ

“การประชุมของภาคีต่างๆ ได้รวบรวมผู้นำระดับโลกเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน” Yoosik Hwang ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Greenery กล่าว “เราอยู่ที่นี่เพื่อแสดงให้เห็นว่าภาคเกษตรกรรมไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาภาวะโลกร้อนเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของแนวทางแก้ไขอีกด้วย”

COP29 ถือเป็นการประชุมครั้งล่าสุดของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ซึ่งรัฐบาลและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกจะมารวมตัวกันเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เร่งด่วน การประชุมในปีนี้ที่ประเทศอาเซอร์ไบจานจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเจรจาระดับโลกเกี่ยวกับการบรรเทาก๊าซเรือนกระจกและความยั่งยืน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54147821/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Greenery, Inc.
Na Yeon Kim
+82-2-6274-3600
annettenayeon@greenery.im

ที่มา: Greenery, Inc.


The Bangkok Reporter