MidOcean Energy ของ EIG เตรียมเข้าซื้อหุ้นของ Tokyo Gas ในพอร์ตโฟลิโอของสี่โครงการ LNG แบบบูรณาการของออสเตรเลียมูลค่า 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายของโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) คุณภาพสูงที่หมุนเวียนด้วยเงินสดสร้างรากฐานสำหรับ MidOcean Energy

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–07 ตุลาคม 2565

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุสัญญาหลักที่เกี่ยวข้องกับ Tokyo Gas Co., Ltd (“Tokyo Gas”) เพื่อเข้าซื้อหุ้นของ Tokyo Gas ในพอร์ตโฟลิโอของสี่โครงการ LNG แบบบูรณาการของออสเตรเลีย

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง MidOcean จะเข้าซื้อหุ้นของ Tokyo Gas ใน Gorgon LNG, Ichthys LNG, Pluto LNG และ Queensland Curtis LNG เพื่อพิจารณาเป็นเงินสดรวม 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการแบบบูรณาการเหล่านี้ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกและตะวันออกของออสเตรเลีย และเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของก๊าซ LNG ไปยังเอเชีย โดยมีสัญญาจ้างหรือจ่ายระยะยาวที่หลากหลายกับคู่สัญญาระดับการลงทุน และไปยังตลาดก๊าซในประเทศของออสเตรเลีย พอร์ตโฟลิโอนี้คาดว่าจะสร้างก๊าซ LNG สุทธิให้กับ MidOcean ได้ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นการผลิตที่ได้รับการสนับสนุนจากปริมาณสำรองที่มีอายุการใช้งานยาวนานและโครงสร้างต้นทุนที่แข่งขันได้ทั่วโลก พอร์ตโฟลิโอได้รับประโยชน์จากผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์ ซึ่งรวมถึง Chevron, INPEX, Woodside และ Shell และขยายห่วงโซ่คุณค่าก๊าซ LNG จากการดำเนินงานต้นน้ำไปจนถึงกลางน้ำ การทำให้เป็นของเหลว และการขาย

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวกลยุทธ์ของ MidOcean ในการสร้างบริษัทก๊าซ LNG บูรณาการแบบ ‘pure play’ ระดับโลกที่มีคุณภาพสูงและหลากหลาย และใช้ประโยชน์จากประสบการณ์การลงทุนที่กว้างขวางของ EIG ในภาคส่วนก๊าซ LNG ระดับโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธกิจหลายพันล้านเหรียญดอลลาร์ต่อโครงการก๊าซ LNG หลายโครงการในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดรวมถึงการได้มาของรายการส่วนได้เสียที่มีอำนาจควบคุมใน GNL Quintero S.A. ซึ่งเป็นสถานีระเหยก๊าซ LNG ที่ใหญ่ที่สุดในชิลี ธุรกรรมดังกล่าวยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การจัดการ "Compass 2030" ของ Tokyo Gas Group ซึ่ง Tokyo Gas ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบ Net-Zero

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “การเปิดตัว MidOcean สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งของเราในก๊าซ LNG ว่าเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของก๊าซ LNG ในฐานะแหล่งพลังงานด้านกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ เราเชื่อว่าธุรกรรมนี้จะช่วยให้ MidOcean มีพอร์ตโฟลิโอขั้นพื้นฐานของสินทรัพย์ LNG แบบบูรณาการที่คุ้มค่าและคุ้มราคาในเขตปกครองที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการจัดหาลูกค้าหลักในญี่ปุ่น เอเชีย และทั่วโลกในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า”

ในเดือนมิถุนายน 2565 EIG ได้ประกาศว่า De la Rey Venter ผู้มีประสบการณ์ด้านก๊าซ LNG ซึ่งเคยร่วมงานกับ Shell ได้เข้าร่วม MidOcean ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยนำประสบการณ์ 25 ปีในการดำเนินงานก๊าซ LNG การจัดการข้อตกลง และความเป็นผู้นำทางธุรกิจระดับโลก

Mr. Venter กล่าวว่า “ด้วยการประกาศในวันนี้ MidOcean กำลังดำเนินการขั้นตอนแรกสู่การตระหนักถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างธุรกิจก๊าซ LNG ที่มีคุณสมบัติแบบ pure play ซึ่งเราคาดว่าจะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่อนาคตแบบ Net Zero เราเห็นโอกาสมากมายในการขยายจุดยืนของ MidOcean ในการจัดหาตลาดก๊าซ LNG ทั่วโลก และตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับพันธมิตรและลูกค้ารายใหม่ของเรา”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะปิดในครึ่งแรกของปี 2566 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม รวมถึงการอนุมัติด้านกฎระเบียบของออสเตรเลีย

Barrenjoey, Barclays และ JP Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมนี้ และ White & Case ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ EIG

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดย EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 387 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรปชั้นนำหลายแห่ง  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปยังเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซด์ MidOcean’s website ได้ที่ www.midoceanenergy.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221007005100/en/

ติดต่อ:

สื่อ
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thunder Cranes เปิดตัวในตะวันออกกลางและแอฟริกา

Logo

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–05 ต.ค. 2565

Thunder Cranes ยินดีที่จะประกาศว่าได้เปิดตัวการดำเนินงานในตะวันออกกลางและแอฟริกา ก่อนหน้านี้บริษัทรถเครนนอกชายฝั่งได้ดำเนินการโดยมีฐานอยู่ที่ดูไบตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2562 ซึ่งขณะนี้ได้เปิดทำการแล้ว และนอกจากนี้ ยังได้เปิดฐานปฏิบัติการใหม่ในลูอันดาเพื่อให้บริการแก่แองโกลาและแอฟริกาตะวันตก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221003005551/en/

Thunder Cranes TC90 Pedestal Crane

Thunder Cranes TC90 Pedestal Crane

Dinesh Arumugam ซีอีโอของ Thunder Cranes กล่าวว่า "ในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำของตลาดสำหรับเครนให้เช่านอกชายฝั่ง Thunder Cranes มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าในตะวันออกกลางและแอฟริกาด้วยโซลูชันการยกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับโครงการนอกชายฝั่ง"

Arumugam กล่าวต่อว่า "แนวโน้มตลาดในภูมิภาคเหล่านี้ในปี 2023 นั้นยอดเยี่ยม และยิ่งไปกว่านั้น เรารู้ว่าเมื่อได้รับโอกาสในการสนับสนุนโครงการนอกชายฝั่งในตลาดใหม่ ลูกค้าจะพบว่า Thunder Cranes มีค่าจากมุมมองด้านประสิทธิภาพ"

ตั้งแต่ปี 1995 Thunder Cranes ได้จัดหาแบรนด์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเครนโมดูลาร์แบบพกพาที่ได้มาตรฐาน API ซึ่งพัฒนาขึ้นในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน Thunder Cranes มีสำนักงานใหญ่อยู่ในมาเลเซียและดำเนินงานทั่วโลก โดยมีฐานอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไทย มาเลเซีย บรูไน และแองโกลา

แพลตฟอร์มรุ่นเก่าจำนวนมากไม่ได้ติดตั้งเครนที่มีความจุเพียงพอหรือไม่ครอบคลุมเพื่อรองรับโครงการปัจจุบัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีเครนชั่วคราวที่สามารถติดตั้งได้เมื่อจำเป็น ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า เครนโมดูลาร์แบบพกพาได้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในโครงการนอกชายฝั่งที่หลากหลายในการแทรกแซงบ่อน้ำ P&A การก่อสร้าง การเปลี่ยนเครน และการรื้อถอน

เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการยกนอกชายฝั่ง Thunder Cranes ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าผ่านประสิทธิภาพการทำงานที่เชื่อถือได้และปลอดภัย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ส่งผลให้ได้รับสัญญาบริการระยะยาวกับบริษัทน้ำมันและก๊าซในประเทศมาเลเซีย ประเทศไทย บรูไนและดูไบ ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยโครงการในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และแองโกลา

ในปี 2022 Thunder Cranes ได้รับสัญญาระยะยาวอีกฉบับหนึ่งกับบริษัทน้ำมันรายใหญ่ในประเทศไทย Dinesh Arumugam กล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นตลาดหลักสำหรับ Thunder Cranes และตั้งแต่สัญญาแรกของเราที่นั่นในปี 2550 เราได้ทำงานร่วมกับเชฟรอน PTTEP และ Mubadala เป็นประจำ รางวัลล่าสุดนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่สม่ำเสมอและประวัติด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมของเรา นอกจากนี้ เรายังได้จัดหาโครงการในแองโกลาเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการเปลี่ยนรถเครน และในอีก 6 เดือนข้างหน้า เราจะประมูลสัญญาในหลายประเทศ รวมถึงในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บรูไน กาตาร์ เติร์กเมนิสถาน อินเดีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย"

www.thundercranes .com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221003005551/en/

ติดต่อ:

Ywan Georges Carraz
Thunder Cranes
ywan@thundercranes.com 
+60128385716

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

CHINT เริ่มลดคาร์บอนเมื่อสิ้นสุดการรณรงค์ระดับโลก

Logo

ขณะนี้ถึงเวลาสำหรับการลดคาร์บอนทั่วโลกแล้ว และแคมเปญระดับโลกกำลังดำเนินการอยู่

เซี่ยงไฮ้–(บิสิเนส ไวร์)–30 ก.ย. 2022

CHINT Limitless ประสบความสำเร็จในการปิดฤดูกาลสร้างแบรนด์ระดับโลก โดยได้มีความก้าวหน้าในการแบ่งปันโซลูชันการลดคาร์บอนกับประเทศและภูมิภาคต่างๆ มากกว่า 10 แห่ง และออกเดินทางสำรวจเส้นทางใหม่สำหรับธุรกิจจีนในการสื่อสารกับบริษัทต่างๆ ที่ต่างประเทศ “CHINT หยั่งรากลึกในตลาดพลังงานไฟฟ้าทั่วโลก และกำลังสำรวจศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงพลังงานอย่างต่อเนื่อง ความปรารถนาของเราคือมีส่วนร่วมในการแบ่งปันแนวความคิดที่เป็นนวัตกรรมและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าทั่วโลก และทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อสร้างโลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” คุณ Lily Zhang ซีอีโอของ CHINT Electrics กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220930005156/en/

CHINT carbon reduction gets underway as the Global Campaign comes to a close (Photo: Business Wire)

การลดคาร์บอนของ CHINT กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่การรณรงค์ระดับโลกใกล้จะสิ้นสุดลง (ภาพ: Business Wire)

โดยครอบคลุมหลายทวีปตั้งแต่ตะวันออกไปจนถึง ตะวันตก ครอบคลุมประเทศต่างๆ ทั้งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ ครอบคลุมระยะเวลาเกือบ 100 วัน ผ่านการผสมผสานระหว่างวิธีการทางออนไลน์และด้วยตนเอง โดยใช้การประชุมสุดยอดแบรนด์ การเข้าชมและจัดแสดงสินค้าในร้าน การแกะกล่องแบบสด การริเริ่มเพื่อสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ CHINT เรียกร้องให้พันธมิตรทั่วโลกมีส่วนร่วมของอย่างกระตือรือร้น ร้านค้าพิเศษของ CHINT เกือบ 100 แห่งใน 5 ทวีป จากยุโรป เอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกาได้ตอบรับ และต่อมาได้เรียกร้องให้มีการสนับสนุนลูกค้าจากคู่ค้าในสาขาต่างๆ เช่น โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ ศูนย์ข้อมูล ส่วนประกอบ HVAC และ LV ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการค้นพบวิธีแก้ปัญหาการลดคาร์บอนภายในอุตสาหกรรม

ในสเปน CHINT และสมาคมไฟฟ้าในท้องถิ่นได้ร่วมกันจัดสัมมนาผ่านเว็บเพื่อหารือเกี่ยวกับลักษณะทางเทคนิคและสถานการณ์การใช้งานของอุตสาหกรรมโดยใช้ผลิตภัณฑ์ CHINT เป็นตัวอย่าง ในอินโดนีเซีย CHINT และพันธมิตรในท้องถิ่นร่วมมือกันและแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญกับช่างไฟฟ้ากว่า 150 คน

การพัฒนาที่ยั่งยืนได้กลายเป็นประเด็นระดับโลก และภาคพลังงานอยู่ในระดับแนวหน้าในแง่ของการลดคาร์บอน CHINT มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นพลังงานอัจฉริยะ จะนำความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม 38 ปีมาทำงานเพื่อจัดการกับความต้องการพลังงานสีเขียว ไฟฟ้าอัจฉริยะ และการลดคาร์บอนอัจฉริยะทั่วโลก โดยจะมอบบทบาทอย่างเต็มที่ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสะสมและความสามารถด้านวิศวกรรมโครงการและการใช้งาน โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในเชิงรุก 140 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานทั่วโลกของ “CHINT Solutions”

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220930005156/en/

ติดต่อ:

Cora Geng
gxiaol@chintglobal.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

โครงสร้างพื้นฐานของก๊าซ การรวมพลังงานหมุนเวียนมีความสำคัญต่อการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของเอเชีย: Black & Veatch

Logo

ผู้นำระดับโลกด้านการลดการปล่อยคาร์บอนชี้ให้เห็นถึงโซลูชั่นการผลิต การส่ง และการจำหน่ายแบบบูรณาการมากขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบพลังงานแบบคาร์บอนต่ำของเอเชีย

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–27 ก.ย. 2565

ในปัจจุบันที่การแข่งขันกันที่สูงขึ้นในเอเซียเพื่อขยายการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ผันแปรได้ ดังนั้นเทคโนโลยีการผลิต การส่ง และการจัดจำหน่ายจะต้องมีการบูรณาการมากขึ้นเพื่อสร้างสมดุลให้กับเครือข่ายไฟฟ้า เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน และบรรลุเป้าหมายด้านการลดคาร์บอน

“ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ใช้ไฟฟ้าในระดับที่สูง เช่น ศูนย์ข้อมูลและการใช้พลังงานไฟฟ้าของการขนส่ง กำลังเพิ่มภาระให้กับเครือข่ายไฟฟ้าของเอเชีย อุตสาหกรรมไฟฟ้าสามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของเอเชียได้โดยการปรับใช้โซลูชันการแยกคาร์บอน ไฮโดรเจน พลังงานหมุนเวียน และการจัดเก็บพลังงานที่มีอยู่และเกิดขึ้นใหม่” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Black & Veatch กล่าว

จากรายงาน Black & Veatch 2022 Asia Electric Report  ผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมมองว่าการรวมพลังงานหมุนเวียนเข้ากับระบบเครือข่ายไฟฟ้าเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าของเอเชียกำลังเผชิญอยู่ หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสำรวจในอุตสาหกรรมเปิดเผยว่าพวกเขาไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ อุปสรรคอันดับต้น ๆ ในการให้บริการที่เชื่อถือได้แก่ลูกค้าก็คือการลงทุนที่ต่ำเกินไปในด้านการส่งและการจัดเก็บพลังงานที่ไม่เพียงพอ

ราวครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าในอีกห้าปีข้างหน้าจะมี "การลงทุนมากขึ้น" ในโรงงานก๊าซหรือ LNG สู่พลังงานรวมกับการดักจับคาร์บอน ในขณะที่ 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการผลิตก๊าซธรรมชาติจะยังคงอยู่ ส่วนสำคัญของกริดหลังปี 2578

Chaudhary จะเสนอแนวทางที่เป็นไปได้สำหรับการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนที่งาน Enlit Asia 2022  ในเดือนกันยายน ในระหว่างการประชุมของผู้นำอุตสาหกรรม ชื่อว่า “‘Let’s be Realistic’: How Can ASEAN  Achieve its 2050 Net Zero Emission Targets?” นอกจากนี้ เขายังจะหารือถึงวิธีการบรรลุประสิทธิภาพด้านต้นทุนตลอดจนห่วงโซ่ของก๊าซธรรมชาติทั้งหมด ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของ Black & Veatch คนอื่น ๆ จะนำเสนอเกี่ยวกับ ไฮโดรเจน ระบบกักเก็บพลังงาน และระบบขนส่งพลังงาน

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยยืนหยัดต่อสู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2564 มีมูลค่าเกิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220918005073/en/

ข้อมูลการติดต่อสื่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

สายด่วนสื่อตลอด 24 ชั่วโมง | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG เตรียมเข้าถือครองหุ้น 25% ของธุรกิจต้นน้ำระดับโลกทั้งหมดของ Repsol ในการจับมือเป็นพันธมิตรครั้งใหม่

Logo

พอร์ตโฟลิโอธุรกิจต้นน้ำเกรดสูงขนาดใหญ่ที่ให้พลังงานที่ไว้ใจได้เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–07 กันยายน 2565

วันนี้ EIG ผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงในสัญญาหลัก (definitive agreement) กับ Repsol S.A. (“Repsol”) เพื่อเข้าถือหุ้น 25% ใน Repsol Upstream บริษัทด้านการสำรวจและผลิต (“E&P”) ระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจต้นน้ำด้านน้ำมันและก๊าซระดับโลกทั้งหมดของ Repsol ความเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ทำให้ Repsol มีเงินทุนเพิ่มขึ้นสำหรับเพิ่มการลงทุนในด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนการเติบโตกลุ่มการผลิตพลังงานหมุนเวียน เชื้อเพลิงหมุนเวียน และผลิตภัณฑ์หมุนเวียนของ Repsol

ภายใต้ข้อกำหนดในข้อตกลงดังกล่าว Breakwater Energy บริษัทลูกที่ตั้งขึ้นมาใหม่โดย EIG เป็นเจ้าของทั้งหมด จะได้รับผลประโยชน์ 25% ใน Repsol Upstream โดยคิดเป็นมูลค่ารวมราว 4.8 พันล้านดอลลาร์รวมหนี้ โดย Repsol จะถือในส่วนที่เหลือ 75% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงมูลค่าสุทธิของบริษัทที่ราว 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับ Repsol Upstream บริษัทจะอยู่ภายใต้การควบคุมของ Repsol เป็นหลัก และจะถูกรวมในบัญชีของ Repsol

Repsol Upstream เป็นบริษัทด้านการสำรวจและผลิตระดับโลกชั้นนำ ซึ่งจะเป็นเจ้าของและบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจต้นน้ำที่มีความหลากหลายทั่วโลกของ Repsol ที่จะสร้างการดำเนินงานที่ทำให้เกิดเงินสดและมีความยืดหยุ่นรอบ ๆ ศูนย์กลางประจำภูมิภาคหลัก ๆ โดยให้ความสำคัญกับสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก มีการคาดการณ์ว่า Repsol Upstream จะผลิตน้ำมันได้ราว 590,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 รวมถึงได้พิสูจน์และมีน้ำมันสำรองราว 2.3 พันล้านบาร์เรลเที่ยบเท่าสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยประมาณ 70% เป็นก๊าซ นอกจากนั้น Repsol Upstream ยังถือครองทรัพยากรคอนทิงเจนท์มูลค่า 3.8 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าในวันเดียวกัน

บริษัทมุ่งมั่นกับการเป็นผู้นำในการลดการปล่อยก๊าซเรือยกระจก (GHG) โดยได้นำเป้าในปัจจุบันของ Repsol มาใช้ในช่วงเริ่มแรก ซึ่งได้แก่การลดความเข้มข้นของคาร์บอนให้ได้ 75% ภายในปี 2568 เริ่มนับจากปี 2559 และการนำแผนลดการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ รวมถึงการกำหนดเป้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง บริษัทยังมีธุรกิจการสำรวจสีเขียวที่มุ่งไปทางการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) รวมถึงโครงการด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและการเก็บรักษาไฮโดรเจน

Repsol Upstream จะยังคงแรงงานปัจจุบันและทีมผู้บริหารชุดเดิมของธุรกิจไว้ โดยบริษัทคาดว่าจะได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ Repsol ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการต้นน้ำที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงความรู้จาก EIG ทางด้านตลาดตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วโลก และประสบการณ์ต้นน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ทะเลเหนือ บราซิล และเอเชียแปซิฟิก Repsol Upstream ยังจะได้ประโยชน์จาก EIG ในด้านความเชี่ยวชาญใหม่ล่าสุดจากการก่อตั้ง การพลิกโฉม และการขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปของ Harbor Energy ได้สำเร็จ EIG เชื่อว่าธุรกรรมครั้งนี้จะพา Repsol Upstream เดินบนเส้นทางที่สู่สภาพคล่องของตลาดในอนาคต ทั้ง Repsol และ EIG ยังมองเห็นศักยภาพในการพาธุรกิจเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยของตลาด

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “การเปลี่ยนผ่านพลังงานมีส่วนในทุกการตัดสินใจของเรา และพวกเราตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับผู้นำระดับโลกที่เป็นความสำเร็จของ Repsol ในโอกาสอันน่าสนใจนี้เพื่อเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อุตสาหกรรมของเรา การประเมินผลกระทบของ ESG ถูกผนวกรวมในการลงทุนหลักของ EIG และการทำงานด้านบริหารจัดการของพอร์ตโฟลิโอ และเราตั้งตารอที่จะได้ทำงานกับ Repsol ธุรกิจระดับโลกและผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เพื่อเดินหน้าสร้างหลักปฏิบัติที่ดีของธุรกิจของ ESG ต่อไป ขณะที่โลกต้องการทำตามเป้าหมายในการกำจัดคาร์บอนควบคู่ไปกับการสร้างความน่าเชื่อถือ เราเชื่อว่าความร่วมมือกันครั้งนี้อยู่ในจุดที่เหมาะสมในการช่วยให้เราตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกต่อพลังงานที่สามารถเข้าถึงได้ มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย”

Josu Jon Imaz ซีอีโอของ Repsol กล่าวว่า “เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และข้อตกลงที่เป็นการบุกเบิกนี้จะทำให้เราสามารถคงทิศทางเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจต้นน้ำเอาไว้ได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของบริษัทและธุรกิจพลังงานแบบต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2593”

EIG ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมครั้งนี้ จะได้รับสิทธิ์ในการเสนอสมาชิก 2 คนให้นั่งในคณะกรรมการบริหารของ Repsol Upstream จากทั้งหมด 8 คน โดย Repsol จะเสนอชื่อ 4 คน ส่วนที่เหลืออีก 2 คนจะเป็นคณะกรรมการอิสระ นอกจากนี้ EIG จะได้รับสิทธิ์ในการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงสองคนในทีมผู้บริหารของ Repsol Upstream โดย 1 คนจะรับตำแหน่งผู้อำนวนการของ ESG และอีก 1 คนจะเป็นหัวหน้าโครงการพิเศษต่าง ๆ รวมถึงการเตรียมขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)

คาดว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้จะปิดได้ภายใน 6 เดือน โดยเป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

Goldman Sachs & Co LLC และ J.P. Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมนี้ให้กับ EIG โดย Goldman Sachs & Co LLC, J.P. Morgan และ Lazard ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาตลาดทุนที่เกี่ยวข้องการเงินของธุรกรรมนี้ และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับ EIG

เกี่ยวกับ EIG 
EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดย EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 387 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรปชั้นนำหลายแห่ง  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปยังเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com.

เกี่ยวกับ Repsol 
Repsol เป็นบริษัทด้านพลังงานที่หลากหลายระดับโลก ซึ่งเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานด้วยความมุ่งมั่นที่บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 บริษัทมีการจ้างงานพนังงาน 24,000 คนทั่วโลกผ่านทุกห่วงโซ่คุณค่าทางด้านพลังงาน และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าราว 24 ล้านคนในเกือบ 100 ประเทศ

Repsol ได้นำโมเดลเทคโนโลยีลดคาร์บอนแบบบูรณาการมาใช้เพื่อบรรลุเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยอิงจากประสิทธิภาพที่ได้รับการยกระดับ กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น การผลิตเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ การพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน และการขับเคลื่อนให้เกิดโครงการใหม่ ๆ เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ในอุตสาหกรรม

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220906006122/en/

ติดต่อ:

สื่อ 
EIG 

FGS Global 
Kelly Kimberly / Brandon Messina 
+1 212-687-8080 
EIG-SVC@sardverb.com

Repsol 
+34 91 753 8787 
prensa@repsol.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

นอกเหนือจากการลดการปล่อยคาร์บอนในสายการผลิตพลังงานหมุนเวียนแล้ว eBook ของ Black & Veatch ยังกล่าวถึงว่าด้วยการ ลดการปล่อยคาร์บอนในช่วงเวลาที่เหมาะสมในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของออสเตรเลีย

Logo

บริษัทผู้ให้บริการโซลูชั่นของงานระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในระดับโลกได้เปิดเผยถึงโอกาสในการที่จะบรรลุเป้าหมายของการลดคาร์บอนแบบที่ใช้ต้นทุนต่ำสำหรับภาคอุตสาหกรรมหนักของออสเตรเลีย

เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–01 ก.ย. 2565

การผสานรวมโซลูชันของงานระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านพลังงาน น้ำ และเทคโนโลยีที่สำคัญอื่น ๆ จะทำให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของออสเตรเลียมีโอกาสที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกขั้นตอนของกระบวนการทำเหมือง

eBook เล่มใหม่ของ Black & Veatch ที่มีชื่อว่า Beyond Renewables: Impactful Decarbonisation of Australia’s Mining Sector  ได้เขียนถึงแนวทางใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และให้รายละเอียดของข้อมูลเกี่ยวกับการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนในการทำเหมืองของออสเตรเลีย

eBook เล่มนี้ ได้เขียนถึง ว่าในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทเหมืองแร่ได้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนของการขจัดคาร์บอน อย่างมาก

ใน eBook เล่มนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำและพลังงานของ Black & Veatch ได้เสนอแผนพัฒนาการกำจัดคาร์บอนที่ในแบบที่มีประสิทธิภาพในช่วงเวลา 30 ปี ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเหมืองแร่มีความเข้าใจถึงการ จัดการกับงบประมาณที่จำกัด ไทม์ไลน์ของเทคโนโลยี และกฎระเบียบที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่คล้ายกับของการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สำคัญอื่น ๆ

“แผนพัฒนาการลดคาร์บอนจำเป็นต้องมีการวางแผนในระยะยาวสิ่งสำคัญในขั้นตอนการวางแผนซึ่งครอบคลุมเวลาหลายทศวรรษ คือต้องหลีกเลี่ยงผลที่ตามมาของการติดอยู่ในเส้นทางที่ปราศจากทางเลือกอื่น ทั้งนี้ต้องอาศัยความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความพร้อมของเทคโนโลยีและต้นทุน เราให้ความกระจ่างนี้ผ่านการปรับใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย ร่วมกับการประเมินความพร้อมของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่อย่างตรงไปตรงมา”” Mick Scrivens รองประธาน ผู้อำนวยการทวีปออสเตรเลียแปซิฟิกของ Black & Veatch กล่าว

แผนงานการลดการปล่อยคาร์บอนจะช่วยให้บริษัทเหมืองแร่ประเมินเทคโนโลยีที่พร้อมใช้ในเชิงพาณิชย์และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ และนำเสนอเส้นทางที่ปราศจากความเสี่ยงในการปล่อยมลพิษให้เป็นศูนย์ แผนงานดังกล่าวแสดงให้นักลงทุนและชุมชนเห็นว่าผู้ดำเนินการขุดเหมืองแร่กำลังวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและการดำเนินงานของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแต่ละรายการอย่างเป็นระบบตลอดระยะช่วงของการดำเนินงาน

eBook นี้ ยังครอบคลุมหัวข้ออื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การผลิตไฮโดรเจนสีเขียว การจัดเก็บพลังงานในระยะยาว การใช้พลังงานไฟฟ้าของยานพาหนะและอุปกรณ์ การดักจับอากาศโดยตรง การรีไซเคิลน้ำที่ปล่อยคาร์บอนศูนย์ วัตถุระเบิดกับพลังงานนิวเคลียร์เครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็กที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ ตลอดจน โอกาสสร้างรายได้ในอนาคตจากการผลิตไฟฟ้าหลังปิดเหมือง

Scrivens ได้พูดเกี่ยวกับโอกาสของออสเตรเลียในการลดการปล่อยคาร์บอนที่งาน NT Resources Week ในเดือนสิงหาคม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • ดาวน์โหลด eBook ชื่อ Beyond Renewables: Impactful Decarbonisation of Australia's Mining Sector ได้ฟรี ที่นี่
  • Black & Veatch ได้เข้าร่วม the Australian Hydrogen Council  (AHC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเร่งการผลิตพลังงานที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ทั่วโลก และเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจพลังงานไฮโดรเจนทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นสมาชิกของสภาไฮโดรเจน Hydrogen Council, ศูนย์ความปลอดภัยของไฮโดรเจน Center for Hydrogen Safety, สมาคมเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและพลังงาน สภาธุรกิจไฮโดรเจนแห่งแคลิฟอร์เนีย California Hydrogen Business Council และสมาคมพลังงานแอมโมเนีย Ammonia Energy Association
  • Black & Veatch ออกแบบ และสร้าง Electric Island ซึ่งเป็นสถานีชาร์จแบบสาธารณะความจุสูงแห่งแรก ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าขนาดกลางและขนาดใหญ่ และเป็นแม่แบบสำหรับยานพาหนะและอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่เหมือง
  • BHP ว่าจ้าง Black & Veatch ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบและวิศวกรของโครงการขยายแหล่งน้ำ Escondida หรือ Escondida Water Supply Expansion (EWSE) ที่เหมือง Minera Escondida ในชิลี ซึ่งเป็นโครงการจัดหาเหมืองทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยน้ำกลั่น 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำใต้ดิน

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยยืนหยัดต่อสู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2564 มีมูลค่าเกิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220822005329/en/

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch เข้าร่วม Australian Hydrogen Council ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ออสเตรเลีย

Logo

ผู้นำในการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของออสเตรเลีย ในขณะที่ประเทศกำลังเดินหน้าแผนพัฒนาอุตสาหกรรมไฮโดรเจนมูลค่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมืองเมลเบิร์น, ประเทศออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2565

Black & Veatch ได้เข้าร่วม Australian Hydrogen Council (AHC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพยายามเร่งการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกให้นำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ และเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจพลังงานไฮโดรเจนทั่วโลก

Dr Fiona Simon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AHC กล่าวว่าจุดแข็งอย่างหนึ่งของ AHC คือความกว้างขวางและความลึกซึ้งในกลุ่มสมาชิก ซึ่งรวมถึงบริษัทระดับโลกอย่าง Black & Veatch

Dr Simon กล่าวอีกว่า “ในฐานะที่เป็นผู้นำในการสนับสนุนการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยการเปลี่ยนผ่านสู่ไฮโดรเจน Black & Veatch จะนำความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติมมาสู่สมาชิกของเรา และเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับบริษัทนี้”

Mick Scrivens รองประธานและผู้อำนวยการของ Black & Veatch ประจำภูมิภาคออสเตรเลียแปซิฟิก กล่าวว่า “ไฮโดรเจนและแอมโมเนียจะเป็นปัจจัยสำคัญในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนออกจากระบบพลังงาน ซัพพลายเชน และอุตสาหกรรมหนักของโลก ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างผู้นำด้านวิศวกรรม เช่น Black & Veatch และองค์กรภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น Australian Hydrogen Council จะช่วยให้บรรลุถึงเป้าหมายอันแรงกล้าของออสเตรเลียในการจัดหาแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับตลาดในประเทศและเอเชีย”

ไฮโดรเจนมีศักยภาพในการลดและทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากฟอสซิลเพื่อการผลิตไฟฟ้า ตลอดจนการจัดเก็บพลังงาน การให้ความร้อน การขนส่ง การผลิตสารเคมีและปุ๋ยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ไฮโดรเจนสามารถเปลี่ยนเป็นแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนที่ปราศจากคาร์บอน 100%

แอมโมเนียเป็นสารเคมีเหลวที่ประกอบด้วยไนโตรเจนและไฮโดรเจน มีพลังงานหนาแน่นกว่าไฮโดรเจนบริสุทธิ์ มีความเสถียรอย่างเหลือเชื่อและสามารถทำให้เป็นของเหลวได้ง่ายสำหรับการกักเก็บและจัดส่งไปทั่วโลกในลักษณะเดียวกันกับ LNG

แอมโมเนียสามารถใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นตัวกลางเพื่อกักเก็บพลังงาน สามารถเผาได้โดยตรงโดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน สามารถเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ หรือ สามารถดัดแปลงให้เปลี่ยนกลับไปเป็นไฮโดรเจนในฐานะตัวนำพลังงานได้

การดัดแปลงโครงสร้างพื้นฐานของ LNG ให้กระจายไปทั่วโลกนั้น สถานีปลายทางที่รับ LNG และโรงกักเก็บ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งแอมโมเนียให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

รายงานเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าในเอเชียในปี 2565 ของ Back & Veatch ระบุว่า 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าไฮโดรเจนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใน 10 ปีนับจากนี้ มากกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ

นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าประเทศออสเตรเลียจะมีสัดส่วนของอุปทานแอมโมเนียที่ปราศจากคาร์บอนมากกว่า 10% ทั่วโลกภายในปี 2578

Scrivens กล่าวเพิ่มเติมว่า “Black & Veatch มีประวัติการทำงานยาวนาน 80 ปีในการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนของโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านไฮโดรเจน ตั้งแต่บริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและการออกแบบไปจนถึงการดำเนินงาน เรายังคงสนับสนุนโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงโครงการในประเทศออสเตรเลีย”

AHC เป็นหน่วยงานสูงสุดสำหรับอุตสาหกรรมไฮโดรเจนในประเทศออสเตรเลีย โดยมีสมาชิกจากห่วงโซ่คุณค่าด้านไฮโดรเจนทั้งหมด ซึ่งรวมทั้ง ผู้ผลิตยานยนต์ บริษัทพลังงาน ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน องค์กรวิจัย และรัฐบาล

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Black & Veatch 
Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานร่วมเป็นเจ้าของ 100% โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงานมากกว่า 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com  และทางโซเชียลมีเดีย ติดตามเราได้ทาง www.bv.com และโซเชียลมีเดีย

ข้อมูลการติดต่อสื่อ
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com 
ฮอตไลน์สำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

eBook ใหม่ของ Black & Veatch ตรวจสอบโอกาสสำหรับก๊าซธรรมชาติเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของทวีปเอเชีย

Logo

eBook ใหม่ของ Black & Veatch ตรวจสอบโอกาสสำหรับก๊าซธรรมชาติเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของทวีปเอเชีย

ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานแนะนำระบบพลังงานคาร์บอนต่ำของเอเชีย
ควรมีการผลิตระบบไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อสร้างความมีเสถียรภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้า

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–26 กรกฎาคม 2565

การขยายตัวของโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานหมุนเวียน และรวมถึงโรงไฟฟ้าประเภทใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในทวีปเอเชีย ควรพัฒนาไปพร้อมกับการเพิ่มเสถียรภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้าซึ่งจะต้องใช้โซลูชันแบบบูรณาการ จะเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานที่ประสบความสำเร็จ

ใน eBook ฉบับใหม่นี้มีชื่อว่า Natural Gas: An Energy Transition Fuel for Asia  โดย Black & Veatch ได้เน้นย้ำถึงโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการลดการปล่อยก๊าซมลพิษของระบบพลังงาน ซึ่งโอกาสเหล่านี้รวมถึงการผลิตและการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานไฟฟ้าผ่านเทคโนโลยีกังหันและการพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกที่ยั่งยืน อย่างเช่น ไฮโดรเจน eBook ฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าสามารถประหยัดต้นทุนได้โดยการวางแผนผ่านมูลค่าก๊าซธรรมชาติทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Black & Veatch กล่าวว่า “เพื่อรองรับการผลิตพลังงานทดแทนที่ผันแปรได้ที่เพิ่มขึ้น การใช้โซลูชันแบบบูรณาการ รวมถึงการผลิตก๊าซเป็นเชื้อเพลิงจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาเสถียรภาพโครงข่ายระดับภูมิภาคและเพิ่มความยืดหยุ่น”

Chaudhary กล่าวเสริมว่าในขณะที่ทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยจัดการกับพลังงานสะอาดที่จะไม่มีการปล่อยมลพิษจะมาแทนที่พลังงานฟอสซิล ในระยะเวลาอันใกล้ที่เทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานมีวิวัฒนาการ การผสมผสานของโซลูชันการผลิตจะเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

ใน eBook ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของ Black & Veatch จะประเมินโอกาสในการสร้างรายได้จากแหล่งก๊าซตั้งแต่การสร้างแบบจำลองเชิงพาณิชย์ในระยะเริ่มต้นของโครงการจัดทำแหล่งทุนที่เหมาะสมไปจนถึงกำหนดการและประโยชน์ความเป็นโมดูลของการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน LNG แบบลอยน้ำ โดยมีรายละเอียดว่าการวางแผนโครงการแบบองค์รวมสามารถนำเสนอโอกาสในการร่วมค้นหาและบูรณาการจัดเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว​ (LNG receiving terminals) ควบคู่ไปกับโรงไฟฟ้าประเภทที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ตลอดจนผู้รับซื้อไฟฟ้าของ 'พลังงานความเย็น' รายอื่น ๆ รวมถึงศูนย์ข้อมูลไปจนถึงเครื่องทำความเย็น ในขณะเดียวกันก็ออกแบบให้การเผาไหม้ของไฮโดรเจนสีเขียวที่ปราศจากการปล่อยคาร์บอนใช้งานขึ้นที่โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง

เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ Chaudhary แนะนำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียพิจารณาโอกาสในคุณค่าของก๊าซและประเมินวัฎจักรของสินทรัพย์ภายใต้การลงทุน เนื่องจากเทคโนโลยีการแยกคาร์บอนเสริมอื่น ๆ มีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและทางด้านเทคนิค

ตามรายงานของ Black & Veatch 2022 Asia Electric Report พลังงานที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงมีอนาคตในฐานะกลุ่มการลงทุนในทวีปเอเชีย โดยประมาณ 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมี ‘การลงทุนมากขึ้น’ ในโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานก๊าซหรือโรงไฟฟ้าแบบ LNG-to-power รวมกับการการดักจับคาร์บอน ในขณะที่ 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการผลิตก๊าซเป็นเชื้อเพลิงจะยังคงเป็นส่วนสำคัญของโครงข่ายพลังงานหลังปี 2578

Chaudhary จะหารือเกี่ยวกับบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของก๊าซและ LNG ในการผสมผสานพลังงานของอาเซียนที่งาน Future Energy Asia event เดือนกรกฎาคม 2565 ในระหว่างการเสวนาเรื่อง “Decarbonisation & GHG Commitment – Gas and LNG as Cleaner Fuels to Bridge ASEAN's Energy Transition”

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

  • ดาวน์โหลดฟรี eBook ของ Natural Gas: An Energy Transition Fuel for Asia ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch คือบริษัทออกแบบด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงาน 100 เปอร์เซ็นต์ร่วมเป็นเจ้าของ มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการพัฒนาความยืดหยุ่น และคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมในการดำเนินงานกว่า 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางสื่อสังคม

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220718005345/en/

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Quorum Software เปิดเผยวิสัยทัศน์ระดับโลกด้วย Quorum Energy Suite

Logo

ชุดรวมใหม่ที่เชื่อมโยงผู้คน เวิร์กโฟลว์ และระบบทั่วทั้งระบบนิเวศด้านพลังงาน

ฮูสตัน–(BUSINESS WIRE)–12 กรกฎาคม 2565

Quorum Software (Quorum) ผู้นำซอฟต์แวร์ระดับโลกที่อุทิศให้กับอุตสาหกรรมด้านพลังงาน เปิดเผยวิสัยทัศน์ระดับโลกที่ขยายออกไปด้วย Quorum Energy Suite (QES) ที่เป็นพอร์ตโฟลิโอโซลูชันที่ครอบคลุมซึ่งจะทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับนวัตกรรมและการเติบโตของบริษัท

หลังจากการควบรวมธุรกิจระหว่าง Quorum และ Aucerna ในปีที่แล้ว และการเข้าซื้อธุรกิจซอฟต์แวร์น้ำมันและก๊าซของ TietoEVRY ทั้งนี้ Quorum ได้รวมแอปพลิเคชัน 38 รายการไว้ในพอร์ตโฟลิโอเดียว

แอปพลิเคชัน QES มีการกระจายไปยังส่วนการทำงานในเก้าขอบเขตของอุตสาหกรรม ตั้งแต่การวางแผนในกระบวนการต้นน้ำ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และการสำรองผ่านการดำเนินการและการปฏิบัติงานในหลุมเจาะ การบัญชี การจัดการที่ดิน และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ไปจนถึงกระบวนการกลางน้ำและการวัด รวมถึงการขนส่งและการขนส่งสินค้า ชื่อผลิตภัณฑ์ยังคงเหมือนเดิมและกำหนดด้วยภาษากลาง ทำให้ตลาดเข้าใจว่า QES ให้บริการธุรกิจของตนอย่างไร

“Quum Energy Suite แสดงให้เห็นชุดแอปพลิเคชันและการบริการที่กว้างและลึกที่สุดในตลาด และนำความสามารถอันยิ่งใหญ่มาสู่ลูกค้าของเราด้วยการขยายมูลค่าที่พวกเขามีในปัจจุบัน” Tyson Greer ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Quorum Software กล่าว

QES จะจัดลำดับความสำคัญของนวัตกรรมด้วยการขยายความเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนของบริษัท ด้วยการเปิดใช้งานการนำเข้าและส่งออก LNG และส่งมอบเวิร์กโฟลว์แบบบูรณาการทั่วทั้งระบบนิเวศด้านพลังงาน โดยใช้ประโยชน์จากคลาวด์และความสามารถด้านดิจิทัลอื่น ๆ

“Quorum ส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยการให้ข้อมูลที่พร้อมสำหรับการตัดสินใจ การทำงานอัตโนมัติ และการผสานรวมที่ให้ผลลัพธ์ในวันนี้และเส้นทางสู่อนาคตที่เชื่อมต่อกัน” Gene Austin ซีอีโอของ Quorum Software กล่าว “ในขณะที่ลูกค้าของเรากำลังแข่งขันกันเพื่อชิงเงินทุน พลังงาน และความสามารถ Quorum อยู่ที่นั่นในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ซึ่งมอบความเชี่ยวชาญความเชี่ยวชาญเฉพาะบุคคลเชิงลึก และเทคโนโลยีชั้นนำเพื่อขับเคลื่อนผลกำไรและการเติบโต”

ดูรายละเอียดในเว็บไซต์ใหม่ของ Quorum Software ได้ที่ quorumsoftware.com

เกี่ยวกับ Quorum Software

Quorum Software เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมพลังงานชั้นนำทั่วโลก โดยให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,800 รายทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงานใน 55 ประเทศ โซลูชันของ Quorum ขับเคลื่อนการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจพลังงานโดยเชื่อมโยงผู้คน เวิร์กโฟลว์ และระบบเข้ากับข้อมูลที่พร้อมสำหรับการตัดสินใจ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราได้ส่งมอบซอฟต์แวร์ตัวแรกของอุตสาหกรรมสำหรับนักบัญชีโรงงานก๊าซ และในปัจจุบัน โซลูชันของเราทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวด้วยมาตรฐานและการบูรณาการข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกไว้วางใจผู้เชี่ยวชาญและการใช้งานของ Quorum เพื่อนำทางการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานให้ประสบความสำเร็จในขณะที่ส่งมอบคุณค่าทั้งในปัจจุบันและอนาคต สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ quorumsoftware.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220711005692/en/

ติดต่อ:

Lauren Force
Quorum@pancomm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG ดำเนินการกระจายหุ้น Harbor Energy plc เสร็จสิ้น

Logo

EIG ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Harbour

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2565

EIG ผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้กระจายหุ้นของ Harbor Energy plc (HBR.L หรือ “บริษัท”) ที่ถือโดย Harbor North Sea Holdings Ltd. (“Harbour North Sea”) ให้แก่นักลงทุนกองทุน EIG ผ่านการกระจายหลาย ๆ รอบหลังจากการควบรวมกิจการของ Premier Oil plc และ Chrysaor Holdings Ltd. Harbour North Sea ได้รับ 36.46% ของบริษัท EIG จัดการการถือครองในบริษัทผ่านกองทุนการลงทุนผ่านบริษัทโฮลดิ้งหลายแห่ง (“EIG Holding Structure”) การกระจายหุ้นผ่าน EIG Holding Structure จะส่งผลให้มีกฎเกณฑ์สำหรับการยื่นทำธุรกรรมด้านการซื้อขายหลักทรัพย์จำนวนมาก

EIG ขอชี้แจงให้ชัดเจนดังนี้

  • ไม่มีการขายหุ้นของบริษัทในการกระจายหุ้นครั้งนี้
  • หลังจากการกระจายหุ้นนี้ EIG จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยถือหุ้นประมาณ 16% ของจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่ ผ่านยานพาหนะที่มีการจัดการและการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
  • R. Blair Thomas และ Steven Farris จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานและผู้อำนวยการของบริษัทตามลำดับ
  • ผู้ถือหุ้นในเครือ EIG จะต้องเสียภาษีสำหรับการกระจายหุ้นครั้งนี้ ดังนั้นผู้ถือหุ้นเหล่านี้บางรายอาจขายหุ้นเพื่อให้ครอบคลุมภาระภาษีดังกล่าวเมื่อจำเป็น

R. Blair Thomas ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EIG กล่าวว่า “วันนี้ EIG ได้กระจายหุ้นใน Harbor Energy ให้กับนักลงทุนกองทุน เนื่องจาก EIG ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดหลังจากการกระจาย เราจึงยังคงมุ่งมั่นต่อภาคส่วนนี้ เชื่อมั่นในกลยุทธ์ปัจจุบันของบริษัท และสนับสนุนทีมผู้บริหารของบริษัท”

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 25 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565, EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 40.1 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 380 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรปชั้นนำหลายแห่ง  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปยังเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220707005792/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter