Tusk Innovation ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ Black Friday

Logo

KUALA LUMPUR, Malaysia–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2022

Tusk Inc. Limited (www.tusklimited.com) บริษัทที่เริ่มต้นในปี 2012 ในฐานะบริษัทจัดการเงินทุนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ซึ่งมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก และปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทโซลูชันไฟฟ้าชั้นนำที่มุ่งเน้นการผลิตสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์การทำเหมือง พลังงานแสงอาทิตย์ และอะแดปเตอร์ กำลังประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ Black Friday สายผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับไฟฟ้า ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://tusklimited.com/products

This product is sold with a 7in 1 Solar Panel, so you don’t have to pay for the panel. (Photo: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์นี้ขายพร้อมแผงโซลาร์เซลล์ 7in 1 คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าแผง (ภาพ: Business Wire)

ในฐานะหนึ่งในบริษัทโซลูชันไฟฟ้าชั้นนำ Tusk ประกาศให้ส่วนลด 30% สำหรับนวัตกรรมของ Tusk ในวัน Black Friday สำหรับอุปกรณ์การทำเหมืองแบบคอมโบ ซึ่งรวมเอาแผงโซลาร์เซลล์เข้ากับเครื่องขุดบิตคอยน์ เพื่อให้การทำเหมืองเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญใดๆ เนื่องจากไฟฟ้าเป็นปัญหาหลักในอุตสาหกรรมการทำเหมือง

โดยการปรับล่าสุดจากวัสดุโพลีคริสตัลไลน์เป็นวัสดุเซลล์แสงอาทิตย์ นวัตกรรมของ Tusk มีการทดสอบประสิทธิภาพของการรวมผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์เข้ากับเครื่องขุดคริปโตเคอเรนซี และได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด นักลงทุนด้านนวัตกรรมของ Tusk สามารถทำเหมืองคอยน์ของตนได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีการหยุดชะงักแล้วในขณะนี้ ทั้งยังมีความเสี่ยงน้อยลง และได้ผลกำไรสูงสุด

นี่เป็นความพยายามในการลดปริมาณไฟฟ้าที่ใช้เมื่อลูกค้าทำการขุดคริปโตเคอเรนซี และได้รับการเปิดเผยโดย John Walls ประธานฝ่ายปฏิบัติการ (COO) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามรายงานของ Walls "รายงานต่างๆ แสดงให้เห็นว่าปริมาณไฟฟ้าที่คนงานเหมืองต้องการอาจมากเกินกว่าที่จะจัดการได้ ดังนั้น เราจึงได้ตัวเลือกที่สมเหตุสมผล"

กำไรจากการขุด

แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีและให้ผลกำไรสูงสำหรับใครหลายๆ คนในการสร้างฟาร์มเหมืองคริปโตเคอเรนซี แต่ก็มีการคาดเดามากมายว่าพวกเขาอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการใช้ไฟฟ้า Tusk Inc ได้สร้างโซลูชันที่ใช้งานได้ยาวนานด้วยการมอบแผงโซลาร์เซลล์ที่ไม่สัมพันธ์กับค่าไฟฟ้าของคุณและอุปกรณ์การขุดบิตคอยน์ที่สามารถทำการขุดแบบคู่ได้ คุณสามารถขุดคอยน์ของคุณโดยไม่ต้องคอยกังวลกับความผันผวนของตลาด

Tusk Inc ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และสหราชอาณาจักร มีความโดดเด่นที่แตกต่างจากที่อื่น โดยลูกค้าสามารถรับบริการพัฒนากระเป๋าเงินดิจิทัล (crypto wallet) รวมถึงหน่วยประมวลผลกราฟิกจากบริษัทที่มีสำนักงานอยู่ในสามทวีป นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ในการพัฒนาบล็อกเชน และโซลูชันการขุดบิตคอยน์ รวมถึงด้านอื่นๆ อีกมากมาย

เกี่ยวกับ Tusk

ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการ และต่อมาทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็ได้เข้ามามีส่วนร่วม ปัจจุบัน Tusk Inc เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโซลูชันไฟฟ้าชั้นนำ พวกเขาภูมิใจในความสามารถในการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากพวกเขาอยู่ในธุรกิจการบริหารความเสี่ยงมานานกว่าทศวรรษ และด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหลายประการ พวกเขาได้รวมกิจการที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าไว้ในระบบการจัดการความเสี่ยง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการขุดคริปโตเคอเรนซี โดยใช้วัสดุเซลล์แสงอาทิตย์

ข้อมูลติดต่อ

John Walls
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
john@tusklimited.com
(+60)1117000943

แหล่งที่มา: Tusk Inc. Limited

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Midea VRF เข้าสู่ระดับโลก เปิดตัวรถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง

Logo

JAKARTA, Indonesia–(BUSINESS WIRE)–15 พฤศจิกายน 2022

การประชุมสุดยอด G20 ที่บาหลีนำเสนอผลการก่อสร้างล่าสุดของรถไฟความเร็วสูง (HSR) สายจาการ์ตา-บันดุง ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยระยะทางยาวทั้งหมด 142 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุดตามการออกแบบอยู่ที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้อินโดนีเซียเข้าสู่ "ยุครถไฟความเร็วสูง " Midea นำเสนอโซลูชัน HVAC ระดับมืออาชีพ และการบริการที่เข้าถึงผู้ใช้มากที่สุด พร้อมนำเสนอ "Midea Coolness" สำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง ด้วย 126 ODU และ 705 IDU จาก Midea VC Pro

Midea VC Pro VRFs have been used in Jakarta-Bandung High-Speed Railway (HSR), Dubai Expo and many other overseas projects. (Graphic: Business Wire)

มีการนำ Midea VC Pro VRFs มาใช้ในโครงการรถไฟความเร็วสูง (HSR) จาการ์ตา-บันดุงในงาน Dubai Expo และโครงการในต่างประเทศอีกหลายโครงการ (กราฟิก: Business Wire)

โครงการ HVAC เป็นการสนับสนุนอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง โดยรถไฟจากจาการ์ตา-บันดุงตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบป่าฝนเขตร้อนของหมู่เกาะชวา และได้รับอิทธิพลจากภูมิอากาศแถบเส้นศูนย์สูตร ผู้ปฏิบัติงานของ HSR จึงต้องการระบบเครื่องปรับอากาศส่วนกลางที่เชื่อถือได้และมีความเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถปรับให้เข้ากับอุณหภูมิที่สูงและสภาพการทำงานที่มีความชื้นสูงโดยไม่มีการหยุดทำงาน และสามารถคงระดับอุณหภูมิของพื้นที่อาคาร HSR ให้คงที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม HVAC ระดับโลก Midea Building Technologies นำเสนอโซลูชันระบบเครื่องปรับอากาศมืออาชีพสำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบระบายความร้อนด้วยชิปของเหลวแบบหลายตัว โดยสามารถช่วยระบายความร้อนของชิ้นส่วนควบคุมระบบไฟฟ้าให้เย็นลงได้ทันเวลา และสามารถลดอุณหภูมิของชิ้นส่วนควบคุมระบบไฟฟ้าได้ประมาณ 8 องศา ซึ่งสามารถรักษาความเย็นในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงได้เป็นอย่างดี ในกรณีของความทนทานต่อการกัดกร่อน ODU ของ VC Pro VRFs ยังคงสามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนของเกลืออย่างรุนแรงได้ โดยผ่านการจำลองการทดสอบเชิงทดลอง

นอกจากประสบกับปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่และการเข้าออกของประชากรจำนวนมากในสถานี HSR ไซต์ 4 ที่ Midea MBT ชนะการประมูลแล้ว ยังมีอาคารอยู่หกประเภท เช่น อาคารสถานี อาคารอพาร์ทเมนท์ เป็นต้น เป็นไซต์ที่มีความซับซ้อนมากที่สุดสำหรับการติดตั้งเครื่องปรับอากาศสำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง นอกเหนือจากนั้น ที่ประเทศอินโดนีเซีย การจัดหาวัสดุการติดตั้งสำหรับโครงการก็มีข้อจำกัดในหลาย ๆ ด้าน จึงต้องมีการประเมินทุกปัจจัยในกระบวนการคัดเลือก แผนการออกแบบเครื่องปรับอากาศยังมีการปรับปรุงครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุด ระบบที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ปรับจนเหมาะสมสำหรับโครงการติดตั้ง HVAC ก็บรรลุผลสำเร็จโดยมีการผสมผสานระหว่างดีไซน์หลากหลายรูปแบบและโครงร่างแบบผสมผสาน

ยังมีการใช้งาน Midea VC Pro VRFs ใน Dubai Expo และโครงการในต่างประเทศอีกหลายโครงการด้วยเช่นกัน ในปัจจุบัน Midea Building Technologies ได้ปรับเครือข่ายการขายและบริการในตลาดต่างประเทศ โดยมีการสร้างโครงร่างที่ครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยีหลักและผลิตภัณฑ์ดั้งเดิม ไปจนถึงโซลูชันที่แตกต่างกันไปตามการปรับแต่งให้เหมาะสม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52969740/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Lori Luo
+86 13512784739
luory17@midea.com

แหล่งที่มา: Midea

Black & Veatch แต่งตั้ง Ruturaj Govilkar ให้เป็นผู้นำธุรกิจอินเดียในฐานะลูกค้ารุ่นใหม่ผู้มองหาโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดคาร์บอน ยั่งยืน และมีความยืดหยุ่น

Logo

เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย–(BUSINESS WIRE)–4 พฤศจิกายน 2022

Black & Veatch ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ ได้แต่งตั้ง Ruturaj Govilkar ให้เป็นผู้จัดการประจำประเทศและเป็นกรรมการผู้จัดการของอินเดีย เพื่อคุมการเติบโตของบริษัท เขาจะมาดูแลธุรกิจทุกด้านของ Black & Veatch ภายในประเทศ

ข่าวดังกล่าวเป็นไปตามคำมั่นสัญญามูลค่า 100 ล้านล้านรูปีของอินเดียเมื่อไม่นานมานี้ (ประมาณ 1.35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) คำมั่นที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 25 ปีต่อจากนี้ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างงาน และสามารถพึ่งพาตนเองในด้านพลังงานภายในปี 2047 ด้วยผู้เชี่ยวชาญในประเทศที่มีมากกว่า 800 คนประจำอยู่ที่เมืองมุมไบและเมืองปูเน่ โดยทีมจะใช้ผลงานทั้งหมดในด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลกของบริษัทในการมอบโซลูชันที่เข้ากับท้องถิ่นแบบผสานรวมสำหรับลูกค้าชาวอินเดีย

"มีนักพัฒนาชาวอินเดียรุ่นใหม่และธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และผลประโยชน์ที่ยั่งยืนมากขึ้นจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เริ่มตั้งแต่การปรับใช้โซลูชันด้านพลังงานใหม่ ไปจนถึงการออกแบบ การสร้างศูนย์ข้อมูลและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอุตสาหกรรมและการประมวลผลอื่นๆ” กล่าวโดย Govilkar “การใช้ประโยชน์จากมาตรฐานและเทคโนโลยีระดับโลกขั้นสูงของ Black & Veatch ทำให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะลดต้นทุนการดำเนินงาน ปรับปรุงให้น่าเชื่อถือและยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงตอบสนองความคาดหวังใหม่ๆ เพื่อผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าเดิม”

การดำเนินงานในอินเดียของ Black & Veatch ได้ให้โซลูชันโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าในอินเดีย ตลอดจนทรัพยากรด้านวิศวกรรมที่เชี่ยวชาญและมีคุณภาพสูงสำหรับโครงการ Black & Veatch ที่ส่งไปทั่วโลก

“Ruturaj นำประสบการณ์มากมายจากโครงการระดับนานาชาติในยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย และประสบการณ์จากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น น้ำมัน ก๊าซ น้ำ และพลังงาน” Hoe Wai Cheong ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าว “เขาเหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่งที่จะต้องแนะนำลูกค้าชาวอินเดียผู้กำลังสำรวจหาโอกาสต่างๆ อันเป็นผลมาจากเมกะเทรนด์ระดับโลก เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้า เชื้อเพลิงสะอาด การทำให้คาร์บอนเป็นศูนย์ การแปลงเป็นดิจิทัล และความยืดหยุ่น”

Govilkar ทำงานให้ Black & Veatch มาหลายบทบาทตั้งแต่ที่เข้ามาในปี 2010 เขามีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลก อีกทั้งยังสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมเคมีจากมหาวิทยาลัย Nagpur

คลิกที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดรูปประกอบเสริม

ข้อความจากบรรณาธิการ:

• Black & Veatch ให้การสนับสนุนชุมชนในอินเดียมาตั้งแต่ปี 1969 และสืบทอดสิ่งต่างๆ มาจากหน่วยงานที่เข้าครอบครองก่อนหน้านี้ซึ่งมีความเป็นมาย้อนหลังนานขึ้นไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 800 คนจากสถานที่สองแห่งในอินเดียทำโครงการด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างทั่วโลกและภายในอินเดีย โครงการล่าสุดได้แก่ สถานีเติมก๊าซธรรมชาติแห่งแรกทางชายฝั่งตะวันออกของอินเดีย ซึ่งเป็นสถานีจัดเก็บและเติมก๊าซธรรมชาติแบบลอยน้ำแห่งแรกในรัฐคุชราตของอินเดีย และอีกโครงการคือการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ของ Adani Power โดยลดต้นทุนการดำเนินงานและการปล่อยมลพิษ

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม จัดซื้อ ให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมผลงานด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนซึ่งมีมานานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกด้วยการแก้ปัญหาเรื่องความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ในรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2021 มีมากกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางโซเชียลมีเดีย

ติดต่อ

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Adani Power ของอินเดียเลือก Black & Veatch เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ด้านพลังงานความร้อนลดต้นทุนการดำเนินงานและลดการปล่อยมลพิษ

Logo

ผู้นำโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกใช้โปรแกรมการจัดการประสิทธิภาพสินทรัพย์ (APM) เพื่อส่งมอบข้อมูลเชิงลึกที่ทันเวลาและนำไปปฏิบัติได้

มุมไบ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–13 ตุลาคม 2565

Adani Power Limited (APL) ได้แต่งตั้ง Black & Veatch เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและปรับปรุงความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของสินทรัพย์ด้านพลังงานในอินเดีย โดยมีเป้าหมายรวมถึงการลดการปล่อยคาร์บอนโดยรวม

Black & Veatch จะใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่หน่วยความร้อน 23 หน่วยเพื่อตรวจสอบสถานภาพและประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่สำคัญแบบเรียลไทม์ การดำเนินการดังกล่าวจะสนับสนุนการทำงานที่เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานการผลิตพลังงานความร้อนเกือบ 12 กิกะวัตต์ (GW) ในอินเดีย โดยลดการปิดระบบที่ไม่ได้ตั้งแผนไว้ให้น้อยที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มากขึ้น

“ความท้าทายที่ภาคพลังงานของอินเดียได้รับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ทดสอบความยืดหยุ่นของรูปแบบธุรกิจของเรา ด้วยความรอบคอบ แน่วแน่ และมีวินัย เราสามารถจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพของสินทรัพย์ของเราด้วยความช่วยเหลือจากการวิเคราะห์ข้อมูลและความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม” Jayadeb Nanda ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Adani Power Limited กล่าว

โซลูชันการจัดการประสิทธิภาพด้านสินทรัพย์ที่ดำเนินการโดย Black & Veatch จะช่วยให้ Adani Power มีบริการตรวจสอบและวินิจฉัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเดียและศูนย์ทั่วโลก บริการตรวจสอบและวินิจฉัยระยะไกลสร้างกระบวนการทำซ้ำได้ที่สำเร็จ ความผิดปกติด้านประสิทธิภาพที่สำคัญ แนะนำการดำเนินการสืบสวนสอบสวน และกำหนดมาตรการแก้ไขทันทีและกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงและลดต้นทุนในโรงงานขนาดต่าง ๆ และสภาพแวดล้อม

Hoe Wai Cheong ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch ให้ความเห็นเกี่ยวกับคุณค่าของโปรแกรมที่จะนำมาสู่ Adani Power ได้กล่าวว่า “อุตสาหกรรมทุกขนาดกำลังเผชิญกับตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ซึ่งความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่า การดำเนินงานที่เชื่อถือได้มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น พอร์ตโฟลิโอของโซลูชันการจัดการประสิทธิภาพด้านสินทรัพย์ของ Black & Veatch บรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ด้วยการรวมการวิเคราะห์ข้อมูล บุคลากร และกระบวนการต่าง ๆ เพื่อแจ้งและชี้นำการตัดสินใจในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งช่วยให้ธุรกิจบรรลุผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ยืดหยุ่น และทำกำไรได้”

Adani Power Limited (APL) เป็นส่วนหนึ่งของ Adani Group ที่มีความหลากหลาย APL เป็นผู้ผลิตพลังงานความร้อนเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 12,450 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนในรัฐคุชราต รัฐมหาราษฏระ รัฐกรณาฏกะ รัฐราชสถาน และรัฐฉัตติสครห์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 40 เมกะวัตต์ในรัฐคุชราต

โซลูชัน ASSET360® Monitoring & Diagnostics (M&D) ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ (AI)/ภาษาเครื่อง (ML) บนคลาวด์ของ Atonix Digital ซึ่งรวมพลังของการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เข้ากับเวิร์กโฟลว์การทำงานร่วมกันในตัว แพลตฟอร์มนี้ปรับใช้โมเดล ML อย่างรวดเร็ว ตรวจจับความเบี่ยงเบนในการปฏิบัติงาน อำนวยความสะดวกในการวินิจฉัย และเชื่อมโยงทีมเพื่อให้แน่ใจว่าจะแก้ไขปัญหาได้

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch ใช้กระบวนการตรวจสอบและวินิจฉัยกับหน่วยผลิตไฟฟ้ามากกว่า 150 หน่วย ซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 50,000 เมกะวัตต์
  • Black & Veatch ดำเนินการศูนย์ตรวจสอบและวินิจฉัยสี่แห่งโดยมุ่งเน้นที่การผลิตพลังงาน การผลิตพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมซึ่งดำเนินการผลิต และแหล่งผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (DER)
  • Black & Veatch ช่วยลูกค้าได้มากกว่า 121 ล้านดอลลาร์จากการตรวจหาและประเมินปัญหาด้านวิศวกรรมช่วงเริ่มต้น ตรวจสอบทรัพย์สินมากกว่า 25,000 รายการด้วยโซลูชัน ASSET360® ซึ่งขับเคลื่อนโดย AtonixOI

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยยืนหยัดต่อสู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2564 มีมูลค่าเกิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221003005482/en/

ข้อมูลการติดต่อสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

MidOcean Energy ของ EIG เตรียมเข้าซื้อหุ้นของ Tokyo Gas ในพอร์ตโฟลิโอของสี่โครงการ LNG แบบบูรณาการของออสเตรเลียมูลค่า 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายของโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) คุณภาพสูงที่หมุนเวียนด้วยเงินสดสร้างรากฐานสำหรับ MidOcean Energy

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–07 ตุลาคม 2565

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุสัญญาหลักที่เกี่ยวข้องกับ Tokyo Gas Co., Ltd (“Tokyo Gas”) เพื่อเข้าซื้อหุ้นของ Tokyo Gas ในพอร์ตโฟลิโอของสี่โครงการ LNG แบบบูรณาการของออสเตรเลีย

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง MidOcean จะเข้าซื้อหุ้นของ Tokyo Gas ใน Gorgon LNG, Ichthys LNG, Pluto LNG และ Queensland Curtis LNG เพื่อพิจารณาเป็นเงินสดรวม 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการแบบบูรณาการเหล่านี้ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกและตะวันออกของออสเตรเลีย และเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของก๊าซ LNG ไปยังเอเชีย โดยมีสัญญาจ้างหรือจ่ายระยะยาวที่หลากหลายกับคู่สัญญาระดับการลงทุน และไปยังตลาดก๊าซในประเทศของออสเตรเลีย พอร์ตโฟลิโอนี้คาดว่าจะสร้างก๊าซ LNG สุทธิให้กับ MidOcean ได้ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นการผลิตที่ได้รับการสนับสนุนจากปริมาณสำรองที่มีอายุการใช้งานยาวนานและโครงสร้างต้นทุนที่แข่งขันได้ทั่วโลก พอร์ตโฟลิโอได้รับประโยชน์จากผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์ ซึ่งรวมถึง Chevron, INPEX, Woodside และ Shell และขยายห่วงโซ่คุณค่าก๊าซ LNG จากการดำเนินงานต้นน้ำไปจนถึงกลางน้ำ การทำให้เป็นของเหลว และการขาย

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวกลยุทธ์ของ MidOcean ในการสร้างบริษัทก๊าซ LNG บูรณาการแบบ ‘pure play’ ระดับโลกที่มีคุณภาพสูงและหลากหลาย และใช้ประโยชน์จากประสบการณ์การลงทุนที่กว้างขวางของ EIG ในภาคส่วนก๊าซ LNG ระดับโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธกิจหลายพันล้านเหรียญดอลลาร์ต่อโครงการก๊าซ LNG หลายโครงการในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดรวมถึงการได้มาของรายการส่วนได้เสียที่มีอำนาจควบคุมใน GNL Quintero S.A. ซึ่งเป็นสถานีระเหยก๊าซ LNG ที่ใหญ่ที่สุดในชิลี ธุรกรรมดังกล่าวยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การจัดการ "Compass 2030" ของ Tokyo Gas Group ซึ่ง Tokyo Gas ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบ Net-Zero

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “การเปิดตัว MidOcean สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งของเราในก๊าซ LNG ว่าเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของก๊าซ LNG ในฐานะแหล่งพลังงานด้านกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ เราเชื่อว่าธุรกรรมนี้จะช่วยให้ MidOcean มีพอร์ตโฟลิโอขั้นพื้นฐานของสินทรัพย์ LNG แบบบูรณาการที่คุ้มค่าและคุ้มราคาในเขตปกครองที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการจัดหาลูกค้าหลักในญี่ปุ่น เอเชีย และทั่วโลกในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า”

ในเดือนมิถุนายน 2565 EIG ได้ประกาศว่า De la Rey Venter ผู้มีประสบการณ์ด้านก๊าซ LNG ซึ่งเคยร่วมงานกับ Shell ได้เข้าร่วม MidOcean ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยนำประสบการณ์ 25 ปีในการดำเนินงานก๊าซ LNG การจัดการข้อตกลง และความเป็นผู้นำทางธุรกิจระดับโลก

Mr. Venter กล่าวว่า “ด้วยการประกาศในวันนี้ MidOcean กำลังดำเนินการขั้นตอนแรกสู่การตระหนักถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างธุรกิจก๊าซ LNG ที่มีคุณสมบัติแบบ pure play ซึ่งเราคาดว่าจะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่อนาคตแบบ Net Zero เราเห็นโอกาสมากมายในการขยายจุดยืนของ MidOcean ในการจัดหาตลาดก๊าซ LNG ทั่วโลก และตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับพันธมิตรและลูกค้ารายใหม่ของเรา”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะปิดในครึ่งแรกของปี 2566 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม รวมถึงการอนุมัติด้านกฎระเบียบของออสเตรเลีย

Barrenjoey, Barclays และ JP Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมนี้ และ White & Case ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ EIG

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดย EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 387 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรปชั้นนำหลายแห่ง  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปยังเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซด์ MidOcean’s website ได้ที่ www.midoceanenergy.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221007005100/en/

ติดต่อ:

สื่อ
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thunder Cranes เปิดตัวในตะวันออกกลางและแอฟริกา

Logo

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–05 ต.ค. 2565

Thunder Cranes ยินดีที่จะประกาศว่าได้เปิดตัวการดำเนินงานในตะวันออกกลางและแอฟริกา ก่อนหน้านี้บริษัทรถเครนนอกชายฝั่งได้ดำเนินการโดยมีฐานอยู่ที่ดูไบตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2562 ซึ่งขณะนี้ได้เปิดทำการแล้ว และนอกจากนี้ ยังได้เปิดฐานปฏิบัติการใหม่ในลูอันดาเพื่อให้บริการแก่แองโกลาและแอฟริกาตะวันตก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221003005551/en/

Thunder Cranes TC90 Pedestal Crane

Thunder Cranes TC90 Pedestal Crane

Dinesh Arumugam ซีอีโอของ Thunder Cranes กล่าวว่า "ในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำของตลาดสำหรับเครนให้เช่านอกชายฝั่ง Thunder Cranes มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าในตะวันออกกลางและแอฟริกาด้วยโซลูชันการยกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับโครงการนอกชายฝั่ง"

Arumugam กล่าวต่อว่า "แนวโน้มตลาดในภูมิภาคเหล่านี้ในปี 2023 นั้นยอดเยี่ยม และยิ่งไปกว่านั้น เรารู้ว่าเมื่อได้รับโอกาสในการสนับสนุนโครงการนอกชายฝั่งในตลาดใหม่ ลูกค้าจะพบว่า Thunder Cranes มีค่าจากมุมมองด้านประสิทธิภาพ"

ตั้งแต่ปี 1995 Thunder Cranes ได้จัดหาแบรนด์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเครนโมดูลาร์แบบพกพาที่ได้มาตรฐาน API ซึ่งพัฒนาขึ้นในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน Thunder Cranes มีสำนักงานใหญ่อยู่ในมาเลเซียและดำเนินงานทั่วโลก โดยมีฐานอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไทย มาเลเซีย บรูไน และแองโกลา

แพลตฟอร์มรุ่นเก่าจำนวนมากไม่ได้ติดตั้งเครนที่มีความจุเพียงพอหรือไม่ครอบคลุมเพื่อรองรับโครงการปัจจุบัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีเครนชั่วคราวที่สามารถติดตั้งได้เมื่อจำเป็น ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า เครนโมดูลาร์แบบพกพาได้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในโครงการนอกชายฝั่งที่หลากหลายในการแทรกแซงบ่อน้ำ P&A การก่อสร้าง การเปลี่ยนเครน และการรื้อถอน

เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการยกนอกชายฝั่ง Thunder Cranes ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าผ่านประสิทธิภาพการทำงานที่เชื่อถือได้และปลอดภัย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ส่งผลให้ได้รับสัญญาบริการระยะยาวกับบริษัทน้ำมันและก๊าซในประเทศมาเลเซีย ประเทศไทย บรูไนและดูไบ ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยโครงการในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และแองโกลา

ในปี 2022 Thunder Cranes ได้รับสัญญาระยะยาวอีกฉบับหนึ่งกับบริษัทน้ำมันรายใหญ่ในประเทศไทย Dinesh Arumugam กล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นตลาดหลักสำหรับ Thunder Cranes และตั้งแต่สัญญาแรกของเราที่นั่นในปี 2550 เราได้ทำงานร่วมกับเชฟรอน PTTEP และ Mubadala เป็นประจำ รางวัลล่าสุดนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่สม่ำเสมอและประวัติด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมของเรา นอกจากนี้ เรายังได้จัดหาโครงการในแองโกลาเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการเปลี่ยนรถเครน และในอีก 6 เดือนข้างหน้า เราจะประมูลสัญญาในหลายประเทศ รวมถึงในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บรูไน กาตาร์ เติร์กเมนิสถาน อินเดีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย"

www.thundercranes .com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221003005551/en/

ติดต่อ:

Ywan Georges Carraz
Thunder Cranes
ywan@thundercranes.com 
+60128385716

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

CHINT เริ่มลดคาร์บอนเมื่อสิ้นสุดการรณรงค์ระดับโลก

Logo

ขณะนี้ถึงเวลาสำหรับการลดคาร์บอนทั่วโลกแล้ว และแคมเปญระดับโลกกำลังดำเนินการอยู่

เซี่ยงไฮ้–(บิสิเนส ไวร์)–30 ก.ย. 2022

CHINT Limitless ประสบความสำเร็จในการปิดฤดูกาลสร้างแบรนด์ระดับโลก โดยได้มีความก้าวหน้าในการแบ่งปันโซลูชันการลดคาร์บอนกับประเทศและภูมิภาคต่างๆ มากกว่า 10 แห่ง และออกเดินทางสำรวจเส้นทางใหม่สำหรับธุรกิจจีนในการสื่อสารกับบริษัทต่างๆ ที่ต่างประเทศ “CHINT หยั่งรากลึกในตลาดพลังงานไฟฟ้าทั่วโลก และกำลังสำรวจศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงพลังงานอย่างต่อเนื่อง ความปรารถนาของเราคือมีส่วนร่วมในการแบ่งปันแนวความคิดที่เป็นนวัตกรรมและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าทั่วโลก และทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อสร้างโลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” คุณ Lily Zhang ซีอีโอของ CHINT Electrics กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220930005156/en/

CHINT carbon reduction gets underway as the Global Campaign comes to a close (Photo: Business Wire)

การลดคาร์บอนของ CHINT กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่การรณรงค์ระดับโลกใกล้จะสิ้นสุดลง (ภาพ: Business Wire)

โดยครอบคลุมหลายทวีปตั้งแต่ตะวันออกไปจนถึง ตะวันตก ครอบคลุมประเทศต่างๆ ทั้งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ ครอบคลุมระยะเวลาเกือบ 100 วัน ผ่านการผสมผสานระหว่างวิธีการทางออนไลน์และด้วยตนเอง โดยใช้การประชุมสุดยอดแบรนด์ การเข้าชมและจัดแสดงสินค้าในร้าน การแกะกล่องแบบสด การริเริ่มเพื่อสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ CHINT เรียกร้องให้พันธมิตรทั่วโลกมีส่วนร่วมของอย่างกระตือรือร้น ร้านค้าพิเศษของ CHINT เกือบ 100 แห่งใน 5 ทวีป จากยุโรป เอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกาได้ตอบรับ และต่อมาได้เรียกร้องให้มีการสนับสนุนลูกค้าจากคู่ค้าในสาขาต่างๆ เช่น โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ ศูนย์ข้อมูล ส่วนประกอบ HVAC และ LV ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการค้นพบวิธีแก้ปัญหาการลดคาร์บอนภายในอุตสาหกรรม

ในสเปน CHINT และสมาคมไฟฟ้าในท้องถิ่นได้ร่วมกันจัดสัมมนาผ่านเว็บเพื่อหารือเกี่ยวกับลักษณะทางเทคนิคและสถานการณ์การใช้งานของอุตสาหกรรมโดยใช้ผลิตภัณฑ์ CHINT เป็นตัวอย่าง ในอินโดนีเซีย CHINT และพันธมิตรในท้องถิ่นร่วมมือกันและแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญกับช่างไฟฟ้ากว่า 150 คน

การพัฒนาที่ยั่งยืนได้กลายเป็นประเด็นระดับโลก และภาคพลังงานอยู่ในระดับแนวหน้าในแง่ของการลดคาร์บอน CHINT มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นพลังงานอัจฉริยะ จะนำความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม 38 ปีมาทำงานเพื่อจัดการกับความต้องการพลังงานสีเขียว ไฟฟ้าอัจฉริยะ และการลดคาร์บอนอัจฉริยะทั่วโลก โดยจะมอบบทบาทอย่างเต็มที่ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสะสมและความสามารถด้านวิศวกรรมโครงการและการใช้งาน โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในเชิงรุก 140 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานทั่วโลกของ “CHINT Solutions”

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220930005156/en/

ติดต่อ:

Cora Geng
gxiaol@chintglobal.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

โครงสร้างพื้นฐานของก๊าซ การรวมพลังงานหมุนเวียนมีความสำคัญต่อการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของเอเชีย: Black & Veatch

Logo

ผู้นำระดับโลกด้านการลดการปล่อยคาร์บอนชี้ให้เห็นถึงโซลูชั่นการผลิต การส่ง และการจำหน่ายแบบบูรณาการมากขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบพลังงานแบบคาร์บอนต่ำของเอเชีย

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–27 ก.ย. 2565

ในปัจจุบันที่การแข่งขันกันที่สูงขึ้นในเอเซียเพื่อขยายการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ผันแปรได้ ดังนั้นเทคโนโลยีการผลิต การส่ง และการจัดจำหน่ายจะต้องมีการบูรณาการมากขึ้นเพื่อสร้างสมดุลให้กับเครือข่ายไฟฟ้า เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน และบรรลุเป้าหมายด้านการลดคาร์บอน

“ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ใช้ไฟฟ้าในระดับที่สูง เช่น ศูนย์ข้อมูลและการใช้พลังงานไฟฟ้าของการขนส่ง กำลังเพิ่มภาระให้กับเครือข่ายไฟฟ้าของเอเชีย อุตสาหกรรมไฟฟ้าสามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของเอเชียได้โดยการปรับใช้โซลูชันการแยกคาร์บอน ไฮโดรเจน พลังงานหมุนเวียน และการจัดเก็บพลังงานที่มีอยู่และเกิดขึ้นใหม่” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Black & Veatch กล่าว

จากรายงาน Black & Veatch 2022 Asia Electric Report  ผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมมองว่าการรวมพลังงานหมุนเวียนเข้ากับระบบเครือข่ายไฟฟ้าเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าของเอเชียกำลังเผชิญอยู่ หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสำรวจในอุตสาหกรรมเปิดเผยว่าพวกเขาไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ อุปสรรคอันดับต้น ๆ ในการให้บริการที่เชื่อถือได้แก่ลูกค้าก็คือการลงทุนที่ต่ำเกินไปในด้านการส่งและการจัดเก็บพลังงานที่ไม่เพียงพอ

ราวครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าในอีกห้าปีข้างหน้าจะมี "การลงทุนมากขึ้น" ในโรงงานก๊าซหรือ LNG สู่พลังงานรวมกับการดักจับคาร์บอน ในขณะที่ 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการผลิตก๊าซธรรมชาติจะยังคงอยู่ ส่วนสำคัญของกริดหลังปี 2578

Chaudhary จะเสนอแนวทางที่เป็นไปได้สำหรับการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนที่งาน Enlit Asia 2022  ในเดือนกันยายน ในระหว่างการประชุมของผู้นำอุตสาหกรรม ชื่อว่า “‘Let’s be Realistic’: How Can ASEAN  Achieve its 2050 Net Zero Emission Targets?” นอกจากนี้ เขายังจะหารือถึงวิธีการบรรลุประสิทธิภาพด้านต้นทุนตลอดจนห่วงโซ่ของก๊าซธรรมชาติทั้งหมด ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของ Black & Veatch คนอื่น ๆ จะนำเสนอเกี่ยวกับ ไฮโดรเจน ระบบกักเก็บพลังงาน และระบบขนส่งพลังงาน

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยยืนหยัดต่อสู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2564 มีมูลค่าเกิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220918005073/en/

ข้อมูลการติดต่อสื่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

สายด่วนสื่อตลอด 24 ชั่วโมง | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG เตรียมเข้าถือครองหุ้น 25% ของธุรกิจต้นน้ำระดับโลกทั้งหมดของ Repsol ในการจับมือเป็นพันธมิตรครั้งใหม่

Logo

พอร์ตโฟลิโอธุรกิจต้นน้ำเกรดสูงขนาดใหญ่ที่ให้พลังงานที่ไว้ใจได้เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–07 กันยายน 2565

วันนี้ EIG ผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงในสัญญาหลัก (definitive agreement) กับ Repsol S.A. (“Repsol”) เพื่อเข้าถือหุ้น 25% ใน Repsol Upstream บริษัทด้านการสำรวจและผลิต (“E&P”) ระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจต้นน้ำด้านน้ำมันและก๊าซระดับโลกทั้งหมดของ Repsol ความเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ทำให้ Repsol มีเงินทุนเพิ่มขึ้นสำหรับเพิ่มการลงทุนในด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนการเติบโตกลุ่มการผลิตพลังงานหมุนเวียน เชื้อเพลิงหมุนเวียน และผลิตภัณฑ์หมุนเวียนของ Repsol

ภายใต้ข้อกำหนดในข้อตกลงดังกล่าว Breakwater Energy บริษัทลูกที่ตั้งขึ้นมาใหม่โดย EIG เป็นเจ้าของทั้งหมด จะได้รับผลประโยชน์ 25% ใน Repsol Upstream โดยคิดเป็นมูลค่ารวมราว 4.8 พันล้านดอลลาร์รวมหนี้ โดย Repsol จะถือในส่วนที่เหลือ 75% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงมูลค่าสุทธิของบริษัทที่ราว 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับ Repsol Upstream บริษัทจะอยู่ภายใต้การควบคุมของ Repsol เป็นหลัก และจะถูกรวมในบัญชีของ Repsol

Repsol Upstream เป็นบริษัทด้านการสำรวจและผลิตระดับโลกชั้นนำ ซึ่งจะเป็นเจ้าของและบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจต้นน้ำที่มีความหลากหลายทั่วโลกของ Repsol ที่จะสร้างการดำเนินงานที่ทำให้เกิดเงินสดและมีความยืดหยุ่นรอบ ๆ ศูนย์กลางประจำภูมิภาคหลัก ๆ โดยให้ความสำคัญกับสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก มีการคาดการณ์ว่า Repsol Upstream จะผลิตน้ำมันได้ราว 590,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 รวมถึงได้พิสูจน์และมีน้ำมันสำรองราว 2.3 พันล้านบาร์เรลเที่ยบเท่าสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยประมาณ 70% เป็นก๊าซ นอกจากนั้น Repsol Upstream ยังถือครองทรัพยากรคอนทิงเจนท์มูลค่า 3.8 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าในวันเดียวกัน

บริษัทมุ่งมั่นกับการเป็นผู้นำในการลดการปล่อยก๊าซเรือยกระจก (GHG) โดยได้นำเป้าในปัจจุบันของ Repsol มาใช้ในช่วงเริ่มแรก ซึ่งได้แก่การลดความเข้มข้นของคาร์บอนให้ได้ 75% ภายในปี 2568 เริ่มนับจากปี 2559 และการนำแผนลดการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ รวมถึงการกำหนดเป้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง บริษัทยังมีธุรกิจการสำรวจสีเขียวที่มุ่งไปทางการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) รวมถึงโครงการด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและการเก็บรักษาไฮโดรเจน

Repsol Upstream จะยังคงแรงงานปัจจุบันและทีมผู้บริหารชุดเดิมของธุรกิจไว้ โดยบริษัทคาดว่าจะได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ Repsol ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการต้นน้ำที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงความรู้จาก EIG ทางด้านตลาดตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วโลก และประสบการณ์ต้นน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ทะเลเหนือ บราซิล และเอเชียแปซิฟิก Repsol Upstream ยังจะได้ประโยชน์จาก EIG ในด้านความเชี่ยวชาญใหม่ล่าสุดจากการก่อตั้ง การพลิกโฉม และการขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปของ Harbor Energy ได้สำเร็จ EIG เชื่อว่าธุรกรรมครั้งนี้จะพา Repsol Upstream เดินบนเส้นทางที่สู่สภาพคล่องของตลาดในอนาคต ทั้ง Repsol และ EIG ยังมองเห็นศักยภาพในการพาธุรกิจเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยของตลาด

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “การเปลี่ยนผ่านพลังงานมีส่วนในทุกการตัดสินใจของเรา และพวกเราตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับผู้นำระดับโลกที่เป็นความสำเร็จของ Repsol ในโอกาสอันน่าสนใจนี้เพื่อเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อุตสาหกรรมของเรา การประเมินผลกระทบของ ESG ถูกผนวกรวมในการลงทุนหลักของ EIG และการทำงานด้านบริหารจัดการของพอร์ตโฟลิโอ และเราตั้งตารอที่จะได้ทำงานกับ Repsol ธุรกิจระดับโลกและผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เพื่อเดินหน้าสร้างหลักปฏิบัติที่ดีของธุรกิจของ ESG ต่อไป ขณะที่โลกต้องการทำตามเป้าหมายในการกำจัดคาร์บอนควบคู่ไปกับการสร้างความน่าเชื่อถือ เราเชื่อว่าความร่วมมือกันครั้งนี้อยู่ในจุดที่เหมาะสมในการช่วยให้เราตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกต่อพลังงานที่สามารถเข้าถึงได้ มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย”

Josu Jon Imaz ซีอีโอของ Repsol กล่าวว่า “เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และข้อตกลงที่เป็นการบุกเบิกนี้จะทำให้เราสามารถคงทิศทางเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจต้นน้ำเอาไว้ได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของบริษัทและธุรกิจพลังงานแบบต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2593”

EIG ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมครั้งนี้ จะได้รับสิทธิ์ในการเสนอสมาชิก 2 คนให้นั่งในคณะกรรมการบริหารของ Repsol Upstream จากทั้งหมด 8 คน โดย Repsol จะเสนอชื่อ 4 คน ส่วนที่เหลืออีก 2 คนจะเป็นคณะกรรมการอิสระ นอกจากนี้ EIG จะได้รับสิทธิ์ในการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงสองคนในทีมผู้บริหารของ Repsol Upstream โดย 1 คนจะรับตำแหน่งผู้อำนวนการของ ESG และอีก 1 คนจะเป็นหัวหน้าโครงการพิเศษต่าง ๆ รวมถึงการเตรียมขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)

คาดว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้จะปิดได้ภายใน 6 เดือน โดยเป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

Goldman Sachs & Co LLC และ J.P. Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมนี้ให้กับ EIG โดย Goldman Sachs & Co LLC, J.P. Morgan และ Lazard ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาตลาดทุนที่เกี่ยวข้องการเงินของธุรกรรมนี้ และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับ EIG

เกี่ยวกับ EIG 
EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดย EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 387 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรปชั้นนำหลายแห่ง  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปยังเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com.

เกี่ยวกับ Repsol 
Repsol เป็นบริษัทด้านพลังงานที่หลากหลายระดับโลก ซึ่งเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานด้วยความมุ่งมั่นที่บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 บริษัทมีการจ้างงานพนังงาน 24,000 คนทั่วโลกผ่านทุกห่วงโซ่คุณค่าทางด้านพลังงาน และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าราว 24 ล้านคนในเกือบ 100 ประเทศ

Repsol ได้นำโมเดลเทคโนโลยีลดคาร์บอนแบบบูรณาการมาใช้เพื่อบรรลุเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยอิงจากประสิทธิภาพที่ได้รับการยกระดับ กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น การผลิตเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ การพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน และการขับเคลื่อนให้เกิดโครงการใหม่ ๆ เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ในอุตสาหกรรม

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220906006122/en/

ติดต่อ:

สื่อ 
EIG 

FGS Global 
Kelly Kimberly / Brandon Messina 
+1 212-687-8080 
EIG-SVC@sardverb.com

Repsol 
+34 91 753 8787 
prensa@repsol.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

นอกเหนือจากการลดการปล่อยคาร์บอนในสายการผลิตพลังงานหมุนเวียนแล้ว eBook ของ Black & Veatch ยังกล่าวถึงว่าด้วยการ ลดการปล่อยคาร์บอนในช่วงเวลาที่เหมาะสมในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของออสเตรเลีย

Logo

บริษัทผู้ให้บริการโซลูชั่นของงานระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในระดับโลกได้เปิดเผยถึงโอกาสในการที่จะบรรลุเป้าหมายของการลดคาร์บอนแบบที่ใช้ต้นทุนต่ำสำหรับภาคอุตสาหกรรมหนักของออสเตรเลีย

เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–01 ก.ย. 2565

การผสานรวมโซลูชันของงานระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านพลังงาน น้ำ และเทคโนโลยีที่สำคัญอื่น ๆ จะทำให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของออสเตรเลียมีโอกาสที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกขั้นตอนของกระบวนการทำเหมือง

eBook เล่มใหม่ของ Black & Veatch ที่มีชื่อว่า Beyond Renewables: Impactful Decarbonisation of Australia’s Mining Sector  ได้เขียนถึงแนวทางใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และให้รายละเอียดของข้อมูลเกี่ยวกับการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนในการทำเหมืองของออสเตรเลีย

eBook เล่มนี้ ได้เขียนถึง ว่าในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทเหมืองแร่ได้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนของการขจัดคาร์บอน อย่างมาก

ใน eBook เล่มนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำและพลังงานของ Black & Veatch ได้เสนอแผนพัฒนาการกำจัดคาร์บอนที่ในแบบที่มีประสิทธิภาพในช่วงเวลา 30 ปี ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเหมืองแร่มีความเข้าใจถึงการ จัดการกับงบประมาณที่จำกัด ไทม์ไลน์ของเทคโนโลยี และกฎระเบียบที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่คล้ายกับของการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สำคัญอื่น ๆ

“แผนพัฒนาการลดคาร์บอนจำเป็นต้องมีการวางแผนในระยะยาวสิ่งสำคัญในขั้นตอนการวางแผนซึ่งครอบคลุมเวลาหลายทศวรรษ คือต้องหลีกเลี่ยงผลที่ตามมาของการติดอยู่ในเส้นทางที่ปราศจากทางเลือกอื่น ทั้งนี้ต้องอาศัยความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความพร้อมของเทคโนโลยีและต้นทุน เราให้ความกระจ่างนี้ผ่านการปรับใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย ร่วมกับการประเมินความพร้อมของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่อย่างตรงไปตรงมา”” Mick Scrivens รองประธาน ผู้อำนวยการทวีปออสเตรเลียแปซิฟิกของ Black & Veatch กล่าว

แผนงานการลดการปล่อยคาร์บอนจะช่วยให้บริษัทเหมืองแร่ประเมินเทคโนโลยีที่พร้อมใช้ในเชิงพาณิชย์และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ และนำเสนอเส้นทางที่ปราศจากความเสี่ยงในการปล่อยมลพิษให้เป็นศูนย์ แผนงานดังกล่าวแสดงให้นักลงทุนและชุมชนเห็นว่าผู้ดำเนินการขุดเหมืองแร่กำลังวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและการดำเนินงานของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแต่ละรายการอย่างเป็นระบบตลอดระยะช่วงของการดำเนินงาน

eBook นี้ ยังครอบคลุมหัวข้ออื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การผลิตไฮโดรเจนสีเขียว การจัดเก็บพลังงานในระยะยาว การใช้พลังงานไฟฟ้าของยานพาหนะและอุปกรณ์ การดักจับอากาศโดยตรง การรีไซเคิลน้ำที่ปล่อยคาร์บอนศูนย์ วัตถุระเบิดกับพลังงานนิวเคลียร์เครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็กที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ ตลอดจน โอกาสสร้างรายได้ในอนาคตจากการผลิตไฟฟ้าหลังปิดเหมือง

Scrivens ได้พูดเกี่ยวกับโอกาสของออสเตรเลียในการลดการปล่อยคาร์บอนที่งาน NT Resources Week ในเดือนสิงหาคม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • ดาวน์โหลด eBook ชื่อ Beyond Renewables: Impactful Decarbonisation of Australia's Mining Sector ได้ฟรี ที่นี่
  • Black & Veatch ได้เข้าร่วม the Australian Hydrogen Council  (AHC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเร่งการผลิตพลังงานที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ทั่วโลก และเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจพลังงานไฮโดรเจนทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นสมาชิกของสภาไฮโดรเจน Hydrogen Council, ศูนย์ความปลอดภัยของไฮโดรเจน Center for Hydrogen Safety, สมาคมเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและพลังงาน สภาธุรกิจไฮโดรเจนแห่งแคลิฟอร์เนีย California Hydrogen Business Council และสมาคมพลังงานแอมโมเนีย Ammonia Energy Association
  • Black & Veatch ออกแบบ และสร้าง Electric Island ซึ่งเป็นสถานีชาร์จแบบสาธารณะความจุสูงแห่งแรก ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าขนาดกลางและขนาดใหญ่ และเป็นแม่แบบสำหรับยานพาหนะและอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่เหมือง
  • BHP ว่าจ้าง Black & Veatch ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบและวิศวกรของโครงการขยายแหล่งน้ำ Escondida หรือ Escondida Water Supply Expansion (EWSE) ที่เหมือง Minera Escondida ในชิลี ซึ่งเป็นโครงการจัดหาเหมืองทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยน้ำกลั่น 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำใต้ดิน

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยยืนหยัดต่อสู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2564 มีมูลค่าเกิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220822005329/en/

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter