Walmart Foundation ทุ่มเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา

Logo

คำแถลงจาก Donna Morris ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Walmart

BENTONVILLE, Ark.–(BUSINESS WIRE)–26 พฤศจิกายน 2023

Walmart, Inc. และ Walmart Foundation ยังคงมองหาวิธีอย่างต่อเนื่องที่จะช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่สร้างความเสียหายอย่างมากในอิสราเอลและฉนวนกาซา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา ภายหลังการโจมตีของผู้ก่อการร้ายโดยกลุ่มฮามาส เมื่อมีการหยุดต่อสู้ชั่วคราว Walmart Foundation ทุ่มเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุน Direct Relief ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในการช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินแก่พลเรือนในฉนวนกาซาตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต

การบริจาคนี้มาจากเงินลงทุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐของ Walmart Foundation ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าในงานบริการฉุกเฉินของ Magen David Adom ในอิสราเอล

พวกเราร่วมส่งกำลังใจไปยังผู้ร่วมงานของเรา ลูกค้า และสมาชิก ผู้ซึ่งได้รับผลกระทบเป็นการส่วนตัว รวมถึงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์นี้ เรามาร่วมกันส่งกำลังใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความเมตตาสู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราดำเนินงานกันอย่างแข็งขันที่ Walmart และ Sam’s Club เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ไม่มีใครทอดทิ้งใคร

เกี่ยวกับ Walmart

Walmart Inc. (NYSE: WMT) เป็นธุรกิจค้าปลีกหลายช่องทางที่ขับเคลื่อนโดยผู้คนและการใช้เทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถประหยัดเงินและมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น – ในทุกที่และทุกเวลา – ไม่ว่าจะเป็นในร้านค้า ทางออนไลน์ และผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ในแต่ละสัปดาห์ ลูกค้าและสมาชิกประมาณ 240 ล้านคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยที่ร้านค้ากว่า 10,500 แห่งของเรา และเว็บไซต์ eCommerce มากมายใน 19 ประเทศ ด้วยรายรับในปีงบประมาณ 2023 มูลค่า 611 พันล้านเหรียญสหรัฐ Walmart มีการว่าจ้างพนักงานโดยประมาณ 2.1 ล้านคนทั่วโลก Walmart ยังคงเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน เป็นองค์กรการกุศล และโอกาสในการจ้างงาน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Walmart ได้ที่ corporate.walmart.com ติดตามเราบน Facebook ได้ที่ facebook.com/walmart บน X (เดิมชื่อ Twitter) ได้ที่ twitter.com/walmart และบน LinkedIn ได้ที่ linkedin.com/company/walmart/

เกี่ยวกับองค์กรการกุศลของ Walmart

Walmart.org เป็นตัวแทนองค์กรการกุศลของ Walmart และ Walmart Foundation โดยมีการมุ่งเน้นที่จุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจ Walmart.org ดำเนินการเพื่อจัดการากับปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ และทำงานร่วมกันกับผู้อื่น เพื่อจุดประกายการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบที่ยั่งยืน Walmart มีร้านค้าอยู่ใน 19 ประเทศ มีการว่าจ้างพนักงานกว่า 2 ล้านคน และดำเนินธุรกิจร่วมกับซัพพลายเออร์นับพันราย ซึ่งเป็นผลให้ทางซัพพลายเออร์ก็มีการจ้างงานพนักงานหลายล้านคนด้วยเช่นกัน Walmart.org ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยสนับสนุนโครงการสร้างโอกาสการเติบโตในงานสำหรับพนักงานแรวหน้า เพิ่มความเท่าเทียม เสริมสร้างงานเพื่อลดอัตราความอดอยาก สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมสำหรับกลุ่มคนในห่วงโซ่อุปทาน ปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติ ลดขยะของเสียและการปล่อยมลพิษ และสร้างชุมขนที่แข็งแกร่ง สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.walmart.org หรือติดตามบน X (เดิมชื่อ Twitter) @Walmartorg

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: Walmart Media Relations (https://corporate.walmart.com/news/contact-media-relations)

แหล่งข้อมูล: Walmart Inc.

Mori Building เฉลิมฉลองการเปิดตัว Azabudai Hills อย่างเป็นทางการ

Logo

การพัฒนาเมืองใหม่จะช่วยสร้างย่านใหม่ระดับโลกใจกลางกรุงโตเกียว
เป็นเมืองภายในเมือง ซึ่งผู้คนสามารถอยู่อาศัย ทำงาน และสนุกสนานได้ในระยะที่เดินถึงได้
มุ่งเน้นเรื่อง ธรรมชาติ & สุขภาพด้วยพื้นที่เขียวขจีขนาด 24,000 ม.2
ทำเลที่ตั้งดีเยี่ยม และฟังชันการทำงานแบบผสมผสานจะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันระดับนานาชาติของโตเกียว

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–24 พฤศจิกายน 2023

Mori Building Co., Ltd. นักพัฒนาภูมิทัศน์เมืองชั้นนำของญี่ปุ่น มีการประกาศเปิดตัว Azabudai Hills อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นย่านคอมเพล็กซ์แบบผสมผสานและเป็นย่านใหม่ระดับโลกใจกลางกรุงโตเกียว Embracing the concept of “Modern Urban Village – Green & Wellness”, Azabudai Hills ยึดถือแนวคิด Modern Urban Village – Green & Wellness” เป็นสถานที่สำคัญที่อุดมด้วยธรรมชาติ พร้อมฟังก์ชันการช้านแบบผสมผสานในเมือง เช่น ศูนย์ธุรกิจชั้นนำ ที่พักอาศัย ร้านค้าปลีก ศูนย์วัฒนธรรม สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์ สถาบันการศึกษา และพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความเขียวขจีที่รวบรวมผู้คนมารวมกัน

©DBOX for Mori Building Co., Ltd - Azabudai Hills (Graphic: Business Wire)

©DBOX สำหรับ Mori Building Co., Ltd – Azabudai Hills (กราฟิก: Business Wire)

วิสัยทัศน์ของ Mori Building สำหรับ Azabudai Hills คือการปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นชุมชนแนวคิด "Green & Wellness" ตามมาตรฐานแห่งทศวรรษที่ 21 โดยผู้คนสามารถใช้ชีวิตร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน  Azabudai Hills ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 8.1 เฮกตาร์ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 861,700 ม.² รวมถึงพื้นที่สำนักงาน 214,500 ม.² พื้นที่สีเขียว 24,000 ม.² ที่พักอาศัย 1,400 ยูนิต ห้องพักในโรงแรม 122 ห้อง ตลอดจนร้านค้าปลีกและร้านอาหารประมาณ 150 แห่ง Mori JP Tower เพิ่มสูงขึ้นอีก 330 เมตร ทำให้กลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ย่าน “เมืองภายในเมือง” ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่นี้จะต้อนรับพนักงานออฟฟิศประมาณ 20,000 คน และผู้อยู่อาศัย 3,500 คน เมื่อคนเต็ม และคาดว่าจะต้อนรับผู้มาเยือน 30 ล้านคนต่อปี

“Mori Building ทุ่มเทให้กับการสร้างและรักษาความมีชีวิตชีวาของเมืองผ่านโครงการพัฒนาเมืองขนาดใหญ่” Shingo Tsuji ประธานและ CEO ของ Mori Building Co., Ltd. กล่าว “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรายังคงประเมินทิศทางของเมืองในอนาคตต่อไป เมื่อสังคมพัฒนาขึ้น เมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่า สิ่งที่ผู้คนต้องการจากการใช้ชีวิตในเมืองในอนาคตคือ ความสามารถในการเข้าถึงฟังก์ชันการใช้งานแบบผสมผสาน พร้อมการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และเพลิดเพลินไปกับความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราต้องการสร้างพื้นที่ที่คุณค่าเหล่านี้ในใจกลางกรุงโตเกียว Azabudai Hills แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเราตามหลักการ ‘Green & Wellness’ สำหรับชีวิตในเมือง เช่นเดียวกับความตั้งใจของเราที่จะสนับสนุนความสามารถเทียบเท่าระดับนานาชาติของเมืองโตเกียว”

การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Green & Wellness

Azabudai Hills สะท้อนวิสัยทัศน์ของ Mori เกี่ยวกับ Modern Urban Village – Green & Wellness ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแมกไม้เขียวขจีที่รวบรวมผู้คนมารวมตัวกันเพื่อสร้างชุมชนแห่งใหม่ในใจกลางกรุงโตเกียว

การออกแบบสถาปัตยกรรมของ Azabudai Hills เริ่มต้นขึ้นโดยการเน้นการสัญจรไปมาของผู้คนและภูมิทัศน์จตุรัสกลางเมือง Central Green จากนั้น จึงพิจารณาสถานที่สำหรับอาคารสูง โดยผสมผสานไปกับแมกไม้เขียวขจี ซึ่งเป็นแนวคิดที่ตรงกันข้ามกับทิศทางในการวางผังสร้างอาคารแบบดั้งเดิม

นอกเหนือจากนี้ การใช้งานอาคารสูงขนาดกะทัดรัดยังเอื้อให้สามารถพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ให้กับพื้นที่ได้ โดยการรวบรวมที่ดินขนาดเล็กจำนวนมาก จากนั้น สร้างตึกระฟ้าสามแห่งในบริเวณนั้น Mori Building มีการสร้างพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของหมู่แมกไม้ในระดับชั้นฐาน นี่เป็นพื้นฐานแนวคิดเมืองสวนแบบแนวตั้งที่ Mori Building นำไปใช้ในโครงการที่โดดเด่นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา รวมถึง ARK Hills, Roppongi Hills และ Toranomon Hills

Azabudai Hills ดึงผู้คนให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นด้วยพืชพรรณนานาชนิดกว่า 320 สายพันธุ์ที่เปลี่ยนพื้นที่ในแต่ละฤดูกาล จะมีการสร้างสวนผลไม้ขนาดประมาณ 200 ม.² บนพื้นที่สีเขียวโดยมีไม้ผล 11 ชนิด เปิดโอกาสให้ชาวเมืองได้มีโอกาสใกล้ชิดกับธรรมชาติที่หาได้ยาก

การจัดแสดงงานศิลปะสาธารณะทั่วบริเวณคอมเพล็กซ์ช่วยสร้างพื้นที่ศิลปะในเมืองผสมผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว และผู้คนสามารถจินตนาการความเชื่อมโยงกับโลกธรรมชาติได้ หอศิลป์ Azabudai Hills จะเป็นแหล่งส่งเสริมวัฒนธรรมหลักใน Azabudai Hills ซึ่งจะมีการพัฒนาตามแนวคิดที่ว่า “ทุกแห่งหนในเมืองคือพิพิธภัณฑ์”

ทีมงานสถาปัตยกรรมและการออกแบบชั้นนำ ประกอบด้วย Pelli Clarke & Partners และ Heatherwick Studio รวมตัวกันเพื่อสร้างแลนด์มาร์กที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบญี่ปุ่น โดยคำนึงถึงความงามของท้องถิ่น ภูมิประเทศ และองค์ประกอบตามฤดูกาล พร้อมกันนั้น ก็มีการนำเสนอแนวคิดใหม่ในการใช้ชีวิตในเมืองที่เน้นความเขียวขจี ความเป็นอยู่ที่ดี และกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติในวงกว้าง

“เมืองต่างๆ เป็นสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ และ Azabudai Hills มีการขับเคลื่อนวิวิฒนการเป็นอย่างมาก โดยผสมผสานสถาปัตยกรรม ธรรมชาติ และชุมชนเข้าด้วยกัน ด้วยการประสานงานร่วมมือโดยตรงกับ Mr. Minoru Mori และ Mr. Shingo Tsuji ช่วยให้เราสามารถสร้างเมืองภายในเมืองที่มีชีวิตชีวา มีความหลากหลาย และมีวัฒนธรรม” Fred Clarke ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนของ Pelli Clarke & Partners กล่าว “โดยการคำนึงถึงพลเมืองเป็นอันดับแรก Mori Building และทีมออกแบบสร้างสรรค์การมีส่วนร่วมในศิลปะและวิทยาศาสตร์ในการสร้างอนาคตให้เมืองของเรา และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ!”

“เราได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างย่านเมืองที่เชื่อมโยงอารมณ์ของผู้คนในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป” Thomas Heatherwick ผู้ก่อตั้ง Heatherwick Studio กล่าว “โดยการผสมผสานเชื่อมโยงวัฒนธรรมและสังคมเข้ากับภูมิทัศน์แบบสามมิติที่ไม่เหมือนใคร พร้อมภูมิทัศน์ตามวิสัยทัศน์ ช่วยให้สามารถเชื่อมโยงผู้มาเยือนกับชุมชนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน และสามารถเพลิดเพลินกับพื้นที่สาธารณาสีเขียวแบบเปิดได้ ที่นี่เป็นพื้นที่สาธารณะที่มีความสนุกสนานและไม่เหมือนใครในกรุงโตเกียว และได้รับการออกแบบมาเพื่อตราตรึงในใจตลอดไป”

บ้านสำหรับธุรกิจชั้นนำและสถาบันระดับโลก

Azabudai Hills ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันตามแนวคิด Green & Wellness ในบรรดาพันธมิตรอันทรงเกียรติเหล่านี้ ประกอบด้วย Keio University Center for Preventive Medicine; The British School in Tokyo ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในใจกลางเมือง, Janu Tokyo เปิดตัวครั้งแรกในโลกกับแบรนด์พี่น้องของ Aman และเป็นโรงแรมแห่งเดียวที่อยู่ระหว่างการพัฒนา, Aman Residences ในโตเกียว นำเสนอมาตรฐานการครองชีพแนวใหม่ด้วยจำนวนเพียง 91 ยูนิต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ Aman ที่มีความครบครัน, Tokyo Venture Capital Hub ซึ่งรวบรวมบริษัทร่วมลงทุนในญี่ปุ่นกว่า 70 แห่ง ร้านค้าปลีกประมาณ 150 แห่ง รวมถึงแบรนด์หรูระดับโลก, Azabudai Hills Marke ซึ่งส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และ MORI Building DIGITAL ART MUSEUM : EPSON teamLab Borderless ซึ่งเดิมมีที่ตั้งอยู่ที่ Odaiba, Tokyo สถานประกอบการอันโดดเด่นหลายแห่งเหล่านี้ได้เปิดให้บริการแล้วใน Azabudai Hills โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมายที่จะเปิดให้บริการหลังเดือนธันวาคม ปี 2023

กำหนดการเปิดตัวที่กำลังจะมาถึง

  • ปลายเดือนมกราคม ปี 2024 – Azabudai Hills Market
  • ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 – MORI Building Digital Art Museum: EPSON teamLab Borderless
  • เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 – Janu Tokyo
  • ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 – Garden Plaza (แบรนด์หรู)
     

35 ปีแห่งการสร้างสรรค์

โครงการ Azabudai Hills เริ่มขึ้นในปี 1989 ด้วยการก่อตั้ง Council of Redeveloping Cities โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่แนวยาว เป็นเนินเขาและหุบเขาที่มีภูมิประเทศที่ซับซ้อน ก่อนการพัฒนาใหม่ ย่านต่างๆ มีความกระจัดกระจายเต็มไปด้วยบ้านไม้และอาคารขนาดเล็ก จึงมีการปรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและปรับปรุงการใช้งานในเมือง

นับจากนั้นเป็นต้นมา Mori Building Co. มีการร่วมมือกันกับเจ้าของที่ดินกว่า 300 รายที่มีภูมิหลังที่หลากหลายมาเป็นเวลาเกือบ 35 ปี เพื่อสร้างสรรค์ Azabudai Hills โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากเจ้าของที่ดินและผู้คนในท้องถิ่น ในปี 2017 ผังเมืองได้รับการอนุมัติและการก่อสร้างได้เริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม ปี 2019

“ผมกำลังจะมีอายุครบ 99 ปีในเดือนธันวาคมนี้ และโครงการ Azabudai Hills ได้เริ่มขึ้นในช่วงอายุกลาง 60 ปีของผม เรามีการวางแนวทางอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่า ทุกคนไปในทิศทางเดียวกันกับแผนการพัฒนาใหม่นี้ เมื่อตัดสินใจกันได้ โครงการก็มีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว จนแทบไม่น่าเชื่อว่า เรากำลังจะมาถึงเส้นชัยแล้ว Mori Building มีบทบาทสำคัญการเป็นผู้นำการพัฒนาและทำให้โครงการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเป็นจริงได้” Kenichi Magatani ประธาน Azabudai Hills Urban Redevelopment Association กล่าว

“ฉันอาศัยอยู่ในละแวกนี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ไม่เคยเห็นโครงการพัฒนาเมืองที่มีพลวัตเช่นนี้ในใจกลางเมืองมาก่อน ฉันมั่นใจว่า ผู้คนจะประทับใจไม่เพียงแค่ตึกสูงตระการตาเท่านั้น แต่ยังตื่นตาตื่นใจไปกับความเขียวขจีที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอันน่าทึ่ง เช่น ตลาดและร้านอาหาร ร้านค้าปลีก พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การแพทย์ และโรงเรียนนานาชาติ ฉันเชื่อมั่นว่า ย่านนี้จะเป็นแหล่งใหม่ที่ทำให้โตเกียวและญี่ปุ่นจะเป็นที่จดจำไปอีกนาน” Magatani กล่าว

นวัตกรรมความอำนวยความสะดวก/ระบบนิเวศ VC

Azabudai Hills เป็นบ้านสำหรับ Tokyo Venture Capital Hub (TVCH) ซึ่งเป็นศูนย์กลางร่วมลงทุนขนาดใหญ่แห่งแรกในญี่ปุ่น TVCH ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมกลุ่มสตาร์ทอัพในประเทศ แลกเปลี่ยนแนวคิดทางธุรกิจระหว่าง VC และผู้ประกอบการ และสร้างสรรค์ระบบนิเวศที่ฟื้นฟูเศรษฐกิจนวัตกรรมของญี่ปุ่น

TVCH ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 และชั้น 5 ของ Garden Plaza B โดยมีการนำเสนอพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ที่สามารถใช้ในการทำงานร่วมกันที่ดีที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเสนอการลงทุน การสัมมนา เวิร์กช็อป และกิจกรรมงานสร้างเครือข่ายต่างๆ TVCH จะเป็นเจ้าภาพรวมองค์กร VC กว่า 70 องค์กร และ VC อิสระชั้นนำ ได้แก่ Drone Fund, Incubate Fund, Spiral Capital รวมถึง Japan Venture Capital Association และ University of Tokyo Edge Capital Partners (UTEC)

นอกจากนี้ กลุ่มสตาร์ทอัพ VC และองค์กรต่างๆ ที่ TVCH จะได้รับการส่งเสริมให้ร่วมทีมกับผู้ทำงานในศูนย์เสริมสร้างนวัตกรรมอื่นๆ เช่น ARCH and CIC Tokyo และ Japan Innovation Campus ในซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่อื่นๆ ของ Mori ในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ

ผู้นำด้านความยั่งยืน

Azabudai Hills เป็นผู้นำในการส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนและรีไซเคิลทรัพยากร นับตั้งการก่อสร้างแล้วเสร็จ ไฟฟ้า 100% ที่จ่ายให้กับคอมเพล็กซ์จะมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน และบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ผ่านโครงการริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมระบบนานาชาติด้านพลังงานงานทดแทน (Renewable Energy 100% – RE100) ซึ่งนำโดย Climate Group จาก UK โดยมีการปรับใช้เทคโนโลยี AI ในศูนย์พลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการการใช้พลังงานแบบผสมผสานของคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่แห่งนี้

นอกจากนี้ Azabudai Hills ยังมีการปรับใช้มาตรการทั่วทั้งบริเวณคอมเพล็กซ์แห่งนี้ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้พลังงานทดแทน การนำน้ำฝนกลับมาใช้ใหม่ในการรดน้ำ และการรีไซเคิลพลาสติก

Azabudai Hills ได้รับการเสนอรางวัลอันทรงเกียรติด้านสิ่งแวดล้อมหลายรางวัล รวมถึงได้รับการรับรอง LEED Neighborhood Development ระดับสูงสุดสำหรับการพัฒนาแบบผสมผสาน การรับรอง LEED’s BD+C (Building Design/Core and Shell Development) รวมถึงการรับรอง WELL

สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับ Azabudai Hills และแนวคิดต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ด้านล่างนี้:
https://onl.tw/VYcx5TJ

Mori Building คือนักพัฒนาเมืองเชิงนวัตกรรมซึ่งมีสำนักงานที่ตั้งอยู่ในโตเกียว บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มศักยภาพของเมืองให้สูงสุดด้วยการสร้างและดูแลรักษาศูนย์กลางเมืองที่ปลอดภัย ยั่งยืน และเป็นสากลตามแนวคิด Vertical Garden City อันเป็นเอกลักษณ์ของบริษัท ประกอบด้วยศูนย์กลางอาคารสูงสำหรับธุรกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว และที่พักอาศัย แนวคิดนี้มีการปรับใช้ในโครงการระดับแนวหน้าต่างๆ ของบริษัท รวมถึง ARK Hills, Roppongi Hills และ Toranomon Hills ในโตเกียว และ Shanghai World Financial Center Mori Building ยังดำเนินการธุรกิจด้านการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ การบริหารโครงการ และบริการให้คำปรึกษา โดยสามารถเข้าดูรายละเอียดและแนวคิดของบริษัทได้ที่ www.mori.co.jp/en

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53861780/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามเกี่ยวกับสื่อนานาชาติ

Weber Shandwick
Mayuko Harada (Japan)
moribldg@webershandwick.com

Shiwei Yin (Outside Japan)
moribldgnyc@webershandwick.com

แหล่งข้อมูล: Mori Building Co., Ltd.












การประชุมนวัตกรรม ECI International Eco-Village ครั้งที่ 2 (ยูคุน ประเทศจีน) ประจำปี 2023 Yucun Dream Gala ได้เริ่มขึ้นแล้ว

Logo

HUZHOU, China–(BUSINESS WIRE)–23 พฤศจิกายน 2023

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2023 การประชุมนวัตกรรม ECI International Eco-Village (หยูคุน ประเทศจีน) ประจำปี 2023 Yucun Dream Gala จัดโดย IECIA (International Entrepreneurs, Creatives and Innovators Association) ที่ยูคุน เมืองเทียนหวงผิง อำเภออันจี๋ ได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากทั่วทุกมุมโลกร่วมกันหารือเกี่ยวกับประสบการณ์ระหว่างประเทศเกี่ยวกับนวัตกรรมและการพัฒนาชนบทสีเขียว และร่วมกันเปิดตัวโครงการริเริ่มการพัฒนาอารยธรรมระบบนิเวศในชนบทระดับโลกในหัวข้อ "ความปรารถนาสร้างอนาคตสีเขียว"

Group photo of participating guests (Photo: Business Wire)

ภาพถ่ายกลุ่มของแขกที่เข้าร่วม (รูปภาพ: Business Wire)

ที่งานกาล่า หมู่บ้านต้าหยู ได้ลงนามในสัญญากับ สถาบันวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยชิงหวา คณะธุรกิจระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง สถาบันอุตสาหกรรมไม้ไผ่ของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง A&F และโรงเรียนการออกแบบของวิทยาลัยหูโจวซึ่งเชื่อมโยงการฝึกอบรมผู้มีความสามารถในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้ากับการฟื้นฟูความสามารถในชนบท สถาบันวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยชิงหวาจะร่วมกันสร้างเวิร์กสเตชันการศึกษาด้านสุนทรียศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิงหวา(สถานีอันจี๋) และพิพิธภัณฑ์ศิลปะชีวิตใหม่ในหมู่บ้านต้าหยู และร่วมกันจัดงาน "Anji Mountain and River Art Season" และ "International Young Artists Forum" เพื่อปรับโฉมสุนทรีภาพในชนบทตามหมู่บ้านต้าหยู คณะธุรกิจระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง จะจัดตั้ง "สํานักงานตัวแทนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี" และ "ฐานปฏิบัติสําหรับนักศึกษาต่างชาติ" เพื่อร่วมมือกับหมู่บ้านต้าหยูในการส่งผู้มีความสามารถระดับนานาชาติเข้าฟื้นฟูชนบทและช่วยส่งเสริมแบรนด์ระดับสากล โรงเรียนการออกแบบของวิทยาลัยหูโจวมุ่งเน้นไปที่ "การออกแบบสีเขียว" เพื่อส่งเสริมการพัฒนาหมู่บ้านต้าหยู การฟื้นฟูชนบท และวางแผนที่จะสร้างระบบการเรียนรู้ร่วมกันแบบ "สี่ในหนึ่งเดียว" ของ "การเรียนรู้ทฤษฎีร่วมกัน การทํากิจกรรมร่วมกัน การสร้างตําแหน่งร่วมกัน และการแก้ปัญหาร่วมกัน" สถาบันอุตสาหกรรมไม้ไผ่ของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง A&F จะช่วยหมู่บ้านหลิวเจียถัง เมืองซางซู ในการสร้าง "หมู่บ้านแรกของการท่องเที่ยวไม้ไผ่ในประเทศจีน" และร่วมกันสร้างเวิร์กสเตชันระดับปริญญาเอก และฐานการฝึกอบรมระดับสูงกว่าปริญญาตรีของสถาบันวิจัยไม้ไผ่ และมุ่งเน้นส่งเสริมการศึกษาธรรมชาติ และการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไม้ไผ่

ในระหว่างงานกาล่าได้มีการเปิดตัว "Global Village Chief Forum" อย่างเป็นทางการ ในอนาคตหมู่บ้านต้าหยูมีแผนที่จะเชิญ "หัวหน้าหมู่บ้านระดับโลก" มาพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้สำหรับหมู่บ้านยุคใหม่ และส่งเสริมภูมิปัญญาในการสร้างอารยธรรมระบบนิเวศในชนบทระดับโลก

ติดต่อ

ติดต่อ: Lijun Jia
อีเมล: seven@eci-academy.com
โทรศัพท์: +86130 6264 6939
เว็บไซต์: https://global.eciawards.org/#/

แหล่งข้อมูล: IECIA (International Entrepreneurs, Creatives and Innovators Association)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53861895/en

Mary Kay Inc. ประกาศความร่วมมือกับ Global Shea Alliance เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนและการเสริมสร้างพลังของผู้หญิง

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2023

Mary Kay Inc. ผู้เป็นแบรนด์ความงามระดับโลกและยังสนับสนุนการเสริมสร้างพลังของผู้หญิง รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Global Shea Alliance (GSA) ซึ่งเป็นสมาคมอุตสาหกรรมที่ไม่แสวงหาผลกำไร ดำเนินการออกแบบ พัฒนา และมอบกลยุทธ์อันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเชียร์ที่สามารถแข่งขันได้และมีความยั่งยืนทั่วโลก ความร่วมมือครั้งใหม่นี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืนและภารกิจในการเสริมสร้างพลังให้กับผู้หญิงทั่วโลก

“This partnership marks a significant step in our journey to promote sustainable beauty practices. By collaborating with the Global Shea Alliance, we aim to further harness the transformative potential of shea in skincare and cosmetics," said Deborah Gibbins, Chief Operating Officer at Mary Kay. (Credit: Mary Kay Inc.).

“การเป็นพาร์ทเนอร์ในครั้งนี้เป็นก้าวที่สำคัญสำหรับการส่งเสริมข้อปฏิบัติด้านความงามที่มีความยั่งยืน ด้วยความร่วมมือกับ Global Shea Alliance เราตั้งเป้าหมายที่จะสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากน้ำมันเชียร์ (shea) ให้มากขึ้น ซึ่งมีศักยภาพนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง” Deborah Gibbins กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท Mary Kay กล่าว (แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.)(Credit: Mary Kay Inc.).

ค่านิยมหลักของ GSA ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการส่งเสริมห่วงโซ่คุณค่าที่ครอบคลุม การส่งเสริมอุตสาหกรรมก่อนการแข่งขันและอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจโดยรับประกันความยั่งยืนและรักษาความลับในทุกธุรกรรมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

“เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เข้าร่วม Global Shea Alliance” Deborah Gibbinsประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของเราเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติด้านความงามที่ยั่งยืน ด้วยความร่วมมือกับ GSA เรามุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไป ควบคุมศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงของน้ำมันเชียร์ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง”

Mamatou Djaffo ประธาน Global Shea Alliance แสดงความกระตือรือร้นเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนครั้งใหม่ “เราขอต้อนรับ Mary Kay Inc. ด้วยใจจริง” Mamatou Djaffo กล่าว “ชื่อเสียงอันโดดเด่นของพวกเขาในฐานะตัวแทนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืนขององค์กรสอดคล้องกับภารกิจของเราอย่างสมบูรณ์แบบ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสร่วมมือกับ Mary Kay เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่สำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เรามุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่สำหรับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกหนือจากความงามเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับแต่ละบุคคล ยังส่งเสริมความยั่งยืน และส่งเสริมให้อนาคตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สำหรับผู้หญิงหลายล้านคนที่ต้องพึ่งพาเชียร์”

ความร่วมมือที่น่าตื่นเต้นระหว่าง Mary Kay Inc. และ Global Shea Alliance ในปีที่กำลังจะมาถึงนี้จะเป็นหัวหอกการริเริ่มที่มุ่งเป้าไปที่การยกระดับความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของผู้สะสมและผู้แปรรูปเชียร์ ตลอดจนความพยายามในการดำเนินการที่สำคัญในการฟื้นฟูพื้นที่สวนสาธารณะที่เสื่อมโทรมในแอฟริกาตะวันตกอีกด้วย

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Mary Kay ให้การต้อนรับ Aaron Adu กรรมการผู้จัดการ GSA และ Olawunmi Osholake รองกรรมการผู้จัดการ GSA ที่โรงงานผลิต Richard R. Rogers (R3) Manufacturing / R&D Center ในเมืองลูอิสวิลล์ รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ ตามด้วยการประชุมเพื่อสำรวจความร่วมมือและโอกาสในการมีส่วนร่วม

เกี่ยวกับ Mary Kay

อดีต ปัจจุบัน และตลอดไป Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกดั้งเดิม เธอได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของตัวเองในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ เพื่อทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางตกแต่งสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ที่ FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราใน X (ชื่อเดิมคือ Twitter)

เกี่ยวกับ Global Shea Alliance

GSA เป็นสมาคมอุตสาหกรรมที่ไม่แสวงหากำไรซึ่งมีสมาชิก 919 รายจาก 39 ประเทศ รวมถึงผู้รวบรวมและพัฒนาสตรี แบรนด์และผู้ค้าปลีก ซัพพลายเออร์ส่วนผสม ภาคประชาสังคม สถาบันการวิจัย และผู้กำหนดนโยบาย GSA ส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรม แนวปฏิบัติที่มีคุณภาพ ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน และมาตรฐานและความต้องการเชียร์ในอาหารและเครื่องสำอาง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://globalshea.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53861266/en

ติดต่อ
Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.




AIT Worldwide Logistics วางแผนเพิ่มขอบข่ายการให้บริการด้วยการควบรวมกับ Lubbers Logistics Group

Logo

การดีลเชิงกลยุทธ์จะทำให้ AIT อยู่ในบทบาทผู้เล่นสำคัญของการขนส่งทางบกและเซกเมนต์พลังงาน

ITASCA Ill–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2023

AIT Worldwide Logistics ผู้นำที่ให้บริการโซลูชันซัพพลายเชนระดับโลกได้เข้าร่วมในข้อตกลงซื้อกิจการ Lubbers Logistics Group ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์สัญชาติยุโรปที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านบริการขนส่งมูลค่าสูง ซับซ้อน และเน้นเรื่องเวลา การซื้อขายนี้จะนับเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับ AIT ที่จะขยายขอบข่ายระดับโลกต่อไป รวมถึงยกระดับข้อเสนอต่าง ๆ ของการขนส่งทางบก ตัวแทนบริการขนส่งสินค้าต่างประเทศ และบริการโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในเซกเมนต์พลังงาน

Once the acquisition of Lubbers is finalized, more than 350 new teammates in 18 offices will join AIT's European network. (Graphic: Business Wire)

เมื่อการควบรวม Lubbers เสร็จสิ้น เพื่อนร่วมทีมใหม่กว่า 350 คน จาก 18 สำนักงาน จะมาเข้าร่วมอยู่ในเครือข่ายยุโรปของ AIT (Graphic: Business Wire)

ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา Lubbers ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในชโคเนอะเบก เนเธอร์แลนด์ ได้สถาปนาตัวเองเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของโซลูชันการขนส่งระดับสูงสุดสำหรับเซกเมนต์มูลค่าสูง มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการขนส่งทางบก สินค้าขนาดใหญ่ และบริการตัวแทนขนส่งสินค้าต่างประเทศ บริษัทมีพนักงาน 377 คน ทำงานทั่วฮับขนส่งทางบกทั้งเก้าฮับ และฮับส่งสินค้าอีกเก้าแห่ง Lubbers ประกาศได้ว่ามีเครื่องข่ายขยายของแหล่งอำนวยความสะดวกที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทั่วทั้งยุโรป

“วิธีการแบบวันสตอปชอปที่มั่นคงของ Lubbers และความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าชั้นนำของอุตสาหกรรมทำให้บริษัทนี้เหมาะสำหรับ AIT” Greg Weigel เจ้าหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบริหารของ AIT กล่าว “เราเห็นศักยภาพสำคัญของเครือข่ายที่กว้างขวาง โดยเราจะทำให้การดำเนินงานด้านตัวแทนบริการขนส่งสินค้าต่างประเทศและความเชี่ยวชาญในเซกเตอร์พลังงานเติบโตขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าระดับโลกของ AIT เรายังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พัฒนาโซลูชันจากต้นจนจบด้วยบริการมิดเดิลไมล์ในยุโรป ให้คู่กันไปกับ U.S. Middle Mile Network ที่เราเพิ่งเริ่มไปเมื่อไม่นานนี้”

เครือข่ายของ Lubbers จะเพิ่มสำนักงานใหม่ 18 แห่ง ให้เครือข่ายที่มีอยู่แล้วทั่วโลกของ AIT มากกว่า 125 แห่ง ขณะเดียวกันก็ขยายเขตสัญญาณบริการไปยังสี่ประเทศใหม่ได้แก่ เดสมาร์ก นอร์เวย์ โรมาเนีย และตุรกี Lubbers ยังมีแหล่งอำนวยความสะดวกในเยอรมนี อิตาลี และ สหราชอาณาจักร

“การรวมพลังกันกับ AIT Worldwide Logistics เป็นการเดินกลยุทธ์ที่จะช่วยให้เราสามารถมอบบริการสุดพิเศษให้ลูกค้าเราได้ต่อไป ขณะเดียวกันก็ขยายขอบข่ายของเราในระดับโลก” Gary Roche ซีอีโอของ Lubbers กล่าว “ประวัติผลงานที่แข็งแรงของ AIT และการอุทิศต่อบริการลูกค้านั้นสอดคล้องกับคุณค่าของเรา และเราก็มองหาอนาคตอันสดใสไปด้วยกัน”

 “เรากำลังเตรียมที่จะต้อนรับ Lubbers ให้มาเข้าร่วมเครือข่าย AIT” Vaughn Moore ประธานและซีอีโอของ AIT กล่าว “ดีลนี้จะยกระดับบทบาทของเราในยุโรปและทำให้เราเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้นในเซกเตอร์พลังงาน ช่วยให้เราบริการลูกค้าปัจจุบันไปพร้อมกับสร้างโอกาสใหม่ ๆ วิธีการที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางธุรกิจของ Lubbers รวมถึงชื่อเสียงด้านคุณภาพอันยอดเยี่ยมสอดคล้องกับวัฒนธรรม AIT อย่างสมบูรณ์แบบ”

การควบรวม Lubbers ของ AIT คาดว่าจะได้ข้อสรุปตอนสิ้นปี 2023 และต่อไปจะต้องขอการอนุมัติตามกฏข้อบังคับตามธรรมเนียม ยังไม่มีการเปิดเผยข้อตกลงในตอนนี้

Kirkland & Ellis LLP และ NautaDutilh N.V. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ AIT ทั้งคู่เกี่ยวกับเรื่องการควบรวม Nielen Schuman B.V. กำลังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้ Lubbers ส่วน Loyens & Loeff N.V. กำลังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้ Lubbers

เกี่ยวกับ AIT Worldwide Logistics

AIT Worldwide Logistics เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระดับที่ช่วยบริษัทเติบโตด้วยการขยายการเข้าถึงตลาดทั่วโลก ที่พวกเขาสามารถขายและ/หรือ จัดซื้อวัตถุดิบ ส่วนประกอบ และสินค้าสำเร็จรูปได้ เป็นเวลากว่า 40 ปี ที่ผู้นำโซลูชันซัพพลายเชนที่ตั้งอยู่ในชิคาโกนี้ได้พึ่งพิงวิธีการที่มีการให้คำปรึกษาในการสร้างเครือข่ายทั่วโลกและความเป็นพาร์ตเนอร์ที่เชื่อใจได้ในเกือบทุกอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ยานบิน ยานยนต์ การค้าปลีกให้ลูกค้า อาหาร รัฐบาล การดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีขั้นสูง วิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมและชีวิต ที่ได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และปรับสเกลได้ โมเดลธุรกิจอันยืดหยุ่นของ AIT ช่วยปรับแต่งการขนส่งตั้งแต่ต้นจนถึงประตูบ้านผ่านทะเล อากาศ ทางบก และราง — ตามเวลาและตามงบ ด้วยเพื่อนร่วมทีมผู้เชี่ยวชาญที่ประจำอยู่ทั่วโลกทั้งใน เอเชีย, ยุโรป และอเมริกาเหนือ ตัวเลือกบริการแบบครบของ AIT ยังมีเรื่องการจัดการเรื่องศุลกากร คลังสินค้า และบริการนำเสนอสินค้าถึงบ้านลูกค้าโดยตรง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aitworldwide.com

ภารกิจของเรา

ที่ AIT เรามองหาโอกาสอย่างแข็งขันที่จะซื้อความเชื่อใจลูกค้าด้วยการมอบโซลูชันโลจิสติกส์ทั่วโลกสุดพิเศษ รวมถึงให้คุณค่าเพื่อนร่วมงาน พันธมิตร และชุมชนของเราด้วย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53859335/en

ติดต่อ

Matt Sanders
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
+1 (630) 766-8300
msanders@aitworldwide.com

แหล่งที่มา: AIT Worldwide Logistics

Black & Veatch พัฒนาการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศอินโดนีเซีย

Logo

Augustus Global Investment ร่วมมือกับ Black & Veatch สำหรับกรณีศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทั้งด้านเทคนิคและทางเศรษฐกิจในการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเขตจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย

JAKARTA, Indonesia–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

Black & Veatch ผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันพื้นฐานที่สำคัญ ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับ Augustus Global Investment (AGI) ในการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศอินโดนีเซีย

โครงการนี้มุ่งมั่นในการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้อิเล็กโตรไลเซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังานทดแทน

Black & Veatch จัดสร้างโรงงานและวิเคราะห์เทคโนโลยี ประมาณการต้นทุนตามลำดับความสำคัญสำหรับการผลิตและกักเก็บไฮโดรเจน การศึกษาพบว่า โครงการนี้มีความเป็นไปได้ทั้งด้านเทคนิคและทางเศรษฐกิจ และมีศักยภาพที่จะมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในประเทศอินโดนีเซีย

Narsingh Chaudhary ประธานบริษัท Black & Veatch ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดีย กล่าวว่า “ด้วยพลังงานมหาศาลและทรัพยากรหมุนเวียนในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงพลังงานความร้อนใต้ดิน โครงการนี้มีศักยภาพอย่างมากที่จะเป็นตัวเร่งในการเศรษฐกิจสำหรับไฮโดรเจนในระยะยาวสำหรับประเทศอินโดนีเซียในทศวรรษหน้า”

และเขาได้กล่าวเสริมว่า “Black & Veatch อยู่ในระดับแนวหน้าของห่วงโซ่คุณค่าไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างโรงงานผลิตและกักเก็บไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดแห่งของโลกแบบครบวงจรในปัจจุบันนี้ และเรายินดีที่จะนำความเชี่ยวชาญระดับโลกของเรามาสู่ภูมิภาคเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการเหล่านี้”

จะมีการสร้างโรงงานผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Arun Lhokseumawe Special Economic Zone (SEZ) ในเขตจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีบ โรงงานแห่งนี้คาดว่า จะสามารถผลิตไฮโดรเจนได้ถึง 98.5 ตันต่อวัน (TPD) และมีกำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ (MW)

Fadi Krikor, CEO ของ AGI เป็นบริษัทการลงทุนในเยอรมนีที่มุ่งเน้นโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน กล่าวว่า "Augustus มองเห็นโอกาสทั่วโลกสำหรับการลงทุนระยะยาวในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของประเทศไปสู่พลังงานสะอาดในอนาคต"

การพัฒนาโรงงานผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมคาดว่าจะมีมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนหนึ่งของความพยายามในประเทศอินโดนีเซียเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางในระดับคาร์บอน รวมถึงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญา โดยเน้นไปที่พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานความร้อนใต้ดิน รวมถึงไฮโดรเจน

Black & Veatch มีส่วนร่วมในการสร้างกำลังการผลิตอิเล็กโตรไลซิส 245 MW โดยมีการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า รวมถึงในฐานะผู้ให้บริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ และการก่อสร้าง (EPC) สำหรับโรงงาน Advanced Clean Energy Storage ในเมืองเดลต้า รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตและกักเก็บไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ในงาน Enlit Asia 2023 Chaudhary จะนำเสนอแผนงานเพื่อให้บรรลุระดับการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในระบบพลังงานอนาคตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ติดต่อ Black & Veatch หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุจากบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทให้บริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราในการปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลก โดยมุ่งเน้นความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

มีเดีย:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA EMAIL | Media@bv.com

แหล่งข้อมูล: Black & Veatch

โครงการเร่งปลูกป่า (Accelerator) ที่เน้นความหลากหลายทางชีวภาพของ Terraformation ได้รับการสนับสนุนขยายการบุกเบิกสำหรับเฟสแรก และได้รับการยืนยันอีกสองเฟส

Logo

  • เฟสแรกในเอเชียแปซิฟิกเปิดตัวสี่โครงการทั่วฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ซึ่งครอบคลุมการฝึกอบรมด้านป่าไม้สำหรับโครงการ The Nature Conservancy Asia ในนิวซีแลนด์และอินโดนีเซียด้วยเช่นกัน
  • เฟสถัดไปในโครงการเร่งปลูกป่า (Accelerator) ของ Terraformation ต่อเนื่องไปจนถึงเฟสที่ 2 โดยได้รับเงินสนับสนุน 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการพัฒนาโครงการคาร์บอนเต็มรูปแบบ

WAIMEA, Hawaii–(BUSINESS WIRE)–9 พฤศจิกายน 2023

Terraformation บริษัทป่าไม้ระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นโดย Yishan Wong  อดีต CEO ของ Reddit ประกาศความคืบหน้าของเฟสแรกจากโครงการ Seed to Carbon Forest Accelerator เข้าสู่เฟสที่ 2 ซึ่งช่วยให้ทีมป่าไม้สามารถเริ่มต้นโครงการนำร่องได้ และมีการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น สถานอนุบาลพืชพันธุ์ และธนาคารเมล็ดพันธุ์ โครงการ Accelerator ของ Terraformation เป็นโครงการแรกของโลกที่มุ่งเน้นความหลากหลายทางชีวภาพ และได้รับทุนสนับสนุนโครงการคาร์บอนสำหรับผู้ปลูกป่าทั่วโลก โดยเสริมเงินทุนในส่วนที่สำคัญ เทคโนโลยี และทักษะที่จำเป็นเพื่อฟื้นฟูชุมชนพื้นเมืองที่มีความหลากหลาย

Terraformation’s biodiversity-focused forest accelerator gains momentum as the first cohort scales its operations and two more cohorts confirmed (Photo: Business Wire)

โครงการเร่งปลูกป่า (Accelerator) ที่เน้นความหลากหลายทางชีวภาพของ Terraformation ได้รับการสนับสนุนการบุกเบิกสำหรับเฟสแรก และได้รับการยืนยันอีกสองโครงการ (ภาพถ่าย: Business Wire)

หลังจากเสร็จสิ้นเฟสแรกของโครงการ Accelerator แล้ว รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อประเมินศักยภาพของโครงการที่จะเติบโตเป็นโครงการคาร์บอนเต็มรูปแบบ รวมถึงการฝึกอบรมการดำเนินธุรกิจ ความหลากหลายทางชีวภาพ ตลาดคาร์บอน และป่าไม้ ขณะนี้ ทีมงานได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมให้เข้าสู่เฟสที่ 2 เป็นระยะเวลาสูงสุดสองปี ในระหว่างเฟสนี้ ทีมงานป่าจะมีการยื่นเอกสารการออกแบบโครงการ (PDD) กับสำนักทะเบียนคาร์บอน และเตรียมการสำหรับการขยายตลาดคาร์บอน นอกเหนือจากการติดตามข้อมูลระดับคาร์บอน และผลกระทบทางสังคมสำหรับโครงการฟื้นฟูป่าชุมชนพื้นเมือง โดย Terraformation จะทำงานร่วมกับทีมงานป่าไม้ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ในอนาคต เช่น เครดิตคาร์บอนที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพระดับสูง และโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนอื่นๆ ในระหว่างที่พวกเขาก้าวเข้าสู่เฟสสุดท้ายของโครงการ Accelerator

ความคืบหน้าของทั้งสามโครงการที่ดำเนินเข้าสู่เฟสที่ 2 ของโครงการ Accelerator มีดังนี้:

  • การแก้ไขปัญหาน้ำทะเลโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนในกานานี้ จะเป็นการฟื้นฟูป่าชายเลนกว่า 2,000 เฮกตาร์ในพื้นที่ชุ่มน้ำ Ramsar ที่มีความเสื่อมโทรมลง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดน้ำท่วมและการพังทลายของหน้าดิน ในขณะเดียวกัน ก็สร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืนในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเชิงฟื้นฟู เกษตรกรรม และการเลี้ยงผึ้ง โครงการนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับเจ้าของผืนดินและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย
  • Fundación Grupo Argosโครงการนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างเจ้าของผืนดินเอกชนขนาดเล็กและขนาดกลางในโคลอมเบีย เพื่อฟื้นฟูป่าดิบเขตร้อนพื้นที่ 1,150 เฮกตาร์ โดยมุ่งเน้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพและการดักจับคาร์บอน พัฒนากิจกรรมวนเกษตรเพื่อปรับปรุงความเชื่อมโยงระหว่างป่าที่มีอยู่ และยกระดับการจัดการลุ่มน้ำในชุมชนท้องถิ่น
  • Eco2Libriumโครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูสายพันธุ์พื้นเมือง 45 สายพันธุ์ด้วยกัน (รวมถึงหลายสายพันธุ์ที่หายาก ถูกทำลาย และเป็นสายพันธุ์พื้นเมืองเฉพาะ) ในป่า Kakamega – ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่มากที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาตะวันออก และเป็นสายพันธุ์ที่หายากในป่าดงดิบ Guineo-Congolian ประโยชน์ของโครงการนี้ช่วยให้สามารถสร้างงานได้มากกว่า 500 ตำแหน่ง โดยเน้นที่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ และโครงการการศึกษาในท้องถิ่น

สองกลุ่มโครงการใหม่ที่เปิดตัวเข้าสู่เฟส 1

Terraformation ยังมีการเปิดตัวสองกลุ่มโครงการใหม่ที่เข้าสู่เฟส 1 โดยมีฐานตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกลุ่มโครงการ 2 นี้ประกอบด้วยหกโครงการที่มีศักยภาพในการฟื้นฟูป่าพื้นที่เกือบ 23,000 เฮกตาร์ทั่วทั้งป่าชายเลน พื้นที่แห้งแล้ง และป่าพรุ กลุ่มโครงการ 3 กำลังอยู่ระหว่างเตรียมการ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ของ Terraformation กำลังเข้าเยี่ยมชมสถานที่เพื่อพบกับทีมงานในแอฟริกาตะวันตกและตะวันออก และยังมีอีกกลุ่มโครงการปลูกป่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในละตินอเมริกาซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวในต้นปีหน้า โดยจะเปิดให้ส่งใบสมัครได้ภายในวันที่ 30 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 นี้

การเข้าร่วมการฝึกอบรมยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทีมงานป่าไม้ยังต้องเผชิญ ด้วยเหตุนี้ Terraformation จึงนำร่องความร่วมมือกับ The Nature Conservancy Asia-Pacific ในการจัดหลักสูตรการเสริมสร้างศักยภาพและการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกป่าเฉพาะทางสำหรับโครงการป่าไม้และทีมงานท้องถิ่นในนิวซีแลนด์และอินโดนีเซีย

โครงการ Seed to Carbon Forest แห่งแรกของ Terraformation มีการเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของทีมงานปลูกป่าใหม่หลายพันทีม เพื่อการดักจับคาร์บอนในวงกว้างและจำกัดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โครงการ Accelerator จะมอบเงินทุนขั้นต้นที่จำเป็นให้แก่ทีมงานป่าไม้ จัดการฝึกอบรมในการฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นเมืองที่มีความยืดหยุ่น และชุดเครื่องมือเพื่อเพิ่มความโปร่งใสของโครงการ ในระหว่างขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของโครงการฟื้นฟูป่าไม้ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ

Yishan Wong ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Terraformation กล่าว: “เราจำเป็นที่จะต้องมีทีมงานป่าไม้ใหม่ให้ทันท่วงทีเพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับเครดิตคาร์บอนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพคุณภาพสูง โดยการสร้างแหล่งเครดิตใหม่ที่มีความโปร่งใสสูงกว่ามาตรฐานปัจจุบัน เรากำลังดำเนินการเพื่อสร้างความไว้วางใจในตลาดโดยดำเนินการตรวจสอบคุณภาพควบคู่กับการเน้นเสริมผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ในพื้นที่ เพื่อให้มีโครงการที่มีความสมบูรณ์ซึ่งเน้นความสำคัญที่ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งให้ประโยชน์อย่างแท้จริง และสร้างสภาพภูมิอากาศที่เท่าเทียมกันสำหรับชุมชนท้องถิ่น

ความร่วมมือใหม่ๆ พร้อมนำเสนอทรัพยากรและการเข้าถึงที่เพิ่มขึ้น

โครงการ Accelerator ได้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นในวงกว้างเมื่อ Terraformation บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้รับการยอมรับในฐานะพันธมิตรทางด้านเทคนิคโดย AFR100 ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มจากสหภาพแอฟริกา สถาบันทรัพยากรโลก รัฐบาลเยอรมนี และธนาคารโลก เพื่อฟื้นฟูป่าที่ถูกทำลายและเสื่อมโทรมเป็นพื้นที่ 100 ล้านเฮกตาร์ทั่วแอฟริกาภายในปี 2030

Terraformation ยังมีการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Forest Stewardship Council (FSC) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับนานาชาติ โดยมีผู้ดำเนินการหลายฝ่าย ที่ส่งเสริมการรับผิดชอบจัดการป่าไม้ของโลก โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายกลุ่มผู้จัดการป่าของ FSC และผู้ให้ทุนสนับสนุนโอกาสใหม่ๆ ผ่านโครงการ Accelerator ของ Terraformation

Terraformation และ Restor ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการทำแผนที่เชิงพื้นที่แบบเปิดสำหรับบุคคลทั่วไปและองค์กรต่างๆ สามารถทำงานร่วมกัน โดยมุ่งเน้นการพื้นฟูป่าไม้ของโลกเพื่อรักษาเสถียรภาพของสภาพภูมิอากาศ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และสร้างชุมชนที่เจริญรุ่งเรือง และร่วมมือกันเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานในการเข้าถึงเงินทุนสนับสนุนด้านป่าไม้ และเป็นชุมชนออนไลน์เพื่อการฟื้นฟูและอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุด ทีมงานป่าไม้บนแพลตฟอร์มระดับโลกของ Restor สามารถใช้โปรไฟล์ของโครงการที่มีอยู่เพื่อเริ่มขั้นตอนการสมัครสำหรับโครงการ Seed to Carbon Forest Accelerator ของ Terraformation ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นแล้วในวันนี้ การผสานข้อมูลที่ล้ำสมัยและเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันของ Restor บวกกับผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ของ Terraformation จะช่วยให้โครงการฟื้นฟูป่าต่อๆ ไปจะได้รับการเสริมศักยภาพให้สูงขึ้น”

Tom Elliot, CEO ของ Restor กล่าว: “การฟื้นฟูเป็นการสร้างสภาวะให้ผู้คนและธรรมชาติเจริญเติบโตไปคู่กัน เรามีความภูมิใจในการนำเสนอโครงการ Seed to Carbon Forest Accelerator ของ Terraformation สู่ชุมชนเพื่อการฟื้นฟู โดยการผสานเครื่องมือที่ล้ำสมัยและโปร่งใสของ Restor บวกกับผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ของ Terraformation จะช่วยให้เราสามารถสร้างโอกาสสำหรับโครงการต่อๆ ไปของเรา และสร้างผลตอบรับในวงกว้างยิ่งขึ้น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Seb Leman/Ella Hatfield
Headland Consultancy
SLeman@headlandconsultancy.com
ehatfield@headlandconsultancy.com

Angela Jo Tu
Head of PR & Brand, Terraformation
angela@terraformation.com

แหล่งข้อมูล: Terraformation

ไวท์เปเปอร์ฉบับใหม่ของมูลนิธิ Tholos Foundation แสดงทางเลือกนิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลดอัตราการสูบบุหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด

Logo

WASHINGTON–(BUSINESS WIRE)–8 พฤศจิกายน 2023

มูลนิธิ Tholos Foundation ร่วมมือกับ Pacific Alliance Institute ในญี่ปุ่น และองค์กรที่ปรึกษา Scantech Strategy Advisors ในสวีเดน เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับนโยบาย Safer Nicotine Works เกี่ยวกับวิธีการที่ สวีเดนและญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการลดอัตราการสูบบุหรี่ลง โดยการแนะนำ ผลิตภัณฑ์นิโคตินทางเลือกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

Safer Nicotine Works วิเคราะห์ผลกระทบของนิโคตินในช่องปากและยาสูบแบบให้ความร้อนต่ออัตราการสูบบุหรี่ในสวีเดนและญี่ปุ่น จากผลงาน Vaping Works ซึ่งศึกษาประสบการณ์การสูบไอควันจากสี่ประเทศ และพบว่า ประเทศต่างๆ ที่หันมาใช้การสูบไอควัน เช่น (สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส แคนาดา และนิวซีแลนด์) พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ลดลงถึงสองเท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก

ในญี่ปุ่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนสามารถลดอัตราการสูบบุหรี่ของผู้ชายลงได้ต่ำกว่า 30% ตั้งแต่ครั้งแรกอย่างน่าทึ่ง

ในสวีเดน ซึ่งมีอัตราการสูบบุหรี่ 5.6% 1 พร้อมกลายเป็นประเทศ ‘ปลอดบุหรี่’ ภายในปีนี้ อัตราการสูบบุหรี่ที่ลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นผลจากผลิตภัณฑ์นิโคตินที่เพิ่มขึ้นในปี 2019

ผลการวิจัยของมูลนิธิ Tholos Foundation ระบุว่า ผู้บริโภคในทั้งสองประเทศเป็นผู้นำไปสู่ทางเลือกการเปลี่ยนแปลงที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น บทบาทสำคัญของผู้กำหนดนโยบายเพื่อให้แน่ใจว่า ทางเลือกเหล่านี้สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ โดยมีข้อมูลยืนยันว่า นิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นนี้ช่วยให้สามารถเลิกการสูบบุหรี่ได้เป็นอย่างมาก ด้วยผลิตภัณฑ์นิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น การสูบไอควัน ยาสูบแบบให้ความร้อน ถุงนิโคติน และสนัส อัตราการสูบบุหรี่จึงลดลงได้อย่างรวดเร็ว

Lorenzo Montanari รองประธานมูลนิธิ Tholos Foundation แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการค้นพบนี้ว่า:

นิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นนี้ สามารถช่วยชีวิตผู้คนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง ประสบการณ์ในสวีเดนและญี่ปุ่น รวมถึงสหราชอาณาจักร แคนาดา นิวซีแลนด์ และฝรั่งเศส พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อผู้คนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น พวกเขาจะเลือกผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น ขณะนี้ เรามีอุปกรณ์ที่ช่วยเราในการต่อสู้กับอัตราการสูบบุหรี่ที่สูงขึ้นอย่างอันตราย ซึ่งรัฐบาลทั่วโลกจะต้องสนับสนุนพลเมืองของตนให้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีกว่า

ความสำเร็จในสวีเดนและญี่ปุ่นที่สามารถลดอัตราการสูบบุหรี่ให้น้อยลงได้นั้น เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์การควบคุมยาสูบอย่างครอบคลุม โดยมีการควบคุมผลิตภัณฑ์นิโคตินทางเลือก เน้นความสำคัญที่สุขภาพของประชาชน ประสบการณ์ในสวีเดนและญี่ปุ่นเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศต่างๆ ที่มุ่งลดอัตราการสูบบุหรี่และสนับสนุนทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องสูบบุหรี่ โดยการทำให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์นิโคตินทางเลือกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และการดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเหมาะสม ประเทศต่างๆ จึงสามารถปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสาธารณสุขและแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ได้อย่างมีนัยสำคัญ

สามารถดูลิงก์รายงานฉบับเต็มได้ที่นี่ https://tholosfoundation.org/wp-content/uploads/2023/10/Tholos-Safer-Nicotine-Works.pdf.

1 การใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินสำหรับผู้ใหญ่ — สำนักงานสาธารณสุขแห่งสวีเดน (folkhalsomyndigheten.se)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53758339/en

ติดต่อ

Lorenzo Montanari
อีเมล: lmontanari@tholosfoundation.org

แหล่งข้อมูล: Tholos Foundation


Mary Kay Ash Foundation℠ เฉลิมฉลองห้าปีสำหรับการสร้างอนาคตในการวิจัยโรคมะเร็ง โดยร่วมมือกับ UT Southwestern Medical Center

Logo

DALLAS–(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2023

The Mary Kay Ash Foundation℠ ผู้นำและผู้สนับสนุนการค้นหาวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่มีผลต่อสุขภาพของผู้หญิงมานานหลายทศวรรษ และ UT Southwestern Medical Center ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์การแพทย์เชิงวิชาการชั้นนำของประเทศในเมือง Dallas, Texas ร่วมเฉลิมฉลองห้าปีแห่งความสำเร็จในการทำงานร่วมมือกันในโครงการ International Postdoctoral Scholars in Cancer Research Fellowship ซึ่งทุนนี้จัดขึ้นที่ Harold C. Simmons Comprehensive Cancer Center ที่ UT Southwestern Medical Center โดยเป็นโครงการปริญญาเอกสองปีที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation

International Postdoctoral Scholars in Cancer Research, Class of 2023. Back Row: Dongqi Xie, Ph.D. (left), Principal Investigator Jerry Shay, Ph.D. (middle), Pedro Nogueira, Ph.D. (right); Front Row: Debora Andrade Silva, Ph.D. (left), Hong-Yi Liu, Ph.D. (middle), and Maria Del Chica Parrado, Ph.D. (right). (Photo: Mary Kay Inc.)

ทุนระดับปริญญาเอกระดับนานาชาติในการวิจัยโรคมะเร็ง ชั้นปี 2023 แถวหลัง: Dongqi Xie, Ph.D. (ซ้าย), Principal Investigator Jerry Shay, Ph.D. (กลาง), Pedro Nogueira, Ph.D. (ขวา); แถวหน้า: Debora Andrade Silva, Ph.D. (ซ้าย), Hong-Yi Liu, Ph.D. (กลาง) และ Maria Del Chica Parrado, Ph.D. (ขวา) (ภาพถ่าย: Mary Kay Inc.)

โปรแกรมนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับสมัครนักวิจัยจากประเทศต่างๆ ที่โดดเด่นในสาขาของตน แบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่า ให้คำปรึกษา และมอบทุนตอบแทนเพื่อสนับสนุนการแสวงหาความรู้ต่อไปในประเทศบ้านเกิด โดยนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปต่อยอด

จนถึงปัจจุบัน โครงการนี้ประสบความสำเร็จในการสรรหานักวิจัยระดับปริญญาเอกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง 13 คนจากบราซิล จีน เยอรมนี เม็กซิโก สิงคโปร์ สเปน และโปรตุเกส โดยเจ็ดคนในจำนวนนี้ประสบความสำเร็จในโครงการนี้ อีกหกคนยังคงดำเนินโครงการวิจัยของตนเองใน Dallas ต่อไป และทุกคนล้วนได้รับความสนับสนุนในการตีพิมพ์ผลงานวิจัยที่โดดเด่น

“เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้วที่มูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation และ UT Southwestern Medical Center ได้ร่วมมือกันในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่มีผลต่อสุขภาพของผู้หญิงตลอดมา” Michael Lunceford ประธานคณะกรรมการบริหารของมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation กล่าว “ความร่วมมือของเรายังคงนำนวัตกรรมที่สำคัญมาสู่แนวหน้าเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง โดยขจัดอุปสรรคและสนับสนุนการแบ่งปันข้อมูลข้ามพรมแดนและทั่วโลก การค้นพบนี้จะได้รับการแบ่งปันในระดับโลกและช่วยเหลือผู้หญิงทั่วทุกมุมโลก”

ภายใต้คำแนะนำด้านความเชี่ยวชาญจาก Dr. Jerry Shay ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาเซลล์และโดดเด่นด้านผู้สูงอายุในสาขา Geriatrics ที่ UT Southwestern Medical Center ของ The Southland Financial Corporation โดยโปรแกรมนี้ดึงดูดและคัดเลือกผู้สมัครที่มีความโดดเด่นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจที่จะได้บุคคลที่มีคุณสมบัติสูงจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลายมาเข้าร่วม ในความพยายามเพื่อสรรหาบุคคลากรล่าสุด นักวิชาการที่โดดเด่นสองคนจะได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการคือ Debora Andrade Silva, Ph.D. จาก University of Sao Paulo ในบราซิล และ Quan Wang, Ph.D. จาก Shanghai Jiao Tong University ในจีน

“เราขอขอบคุณการลงทุนอย่างต่อเนื่องของมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ใน UT Southwestern Medical Center และอนาคตของการวิจัยโรคมะเร็ง ด้วยการสนับสนุนของมูลนิธิ เราสามารถดึงดูดผู้สมัครระดับแนวหน้าจากประเทศต่างๆ นำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัยของเราในการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และสร้างสรรค์ความก้าวหน้าด้านการวิจัยเป็นอย่างมาก” Dr. Jerry Shay กล่าว “ทุนระดับปริญญาเอกระดับโลกเปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถด้านการวิจัยโรคมะเร็งที่หลากหลายมีโอกาสดำเนินการวิจัยโรคมะเร็งด้วยระบบที่ล้ำสมัยที่ศูนย์มะเร็ง UT Southwestern Simmons Cancer Center และในประเทศบ้านเกิดของพวกเขา”

มูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation มีความภูมิใจในการสานต่อมรดกอันยาวนาน เพื่อสร้างสรรค์ให้โลกเป็นสถานทีที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากขึ้นสำหรับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53709537/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

The Mary Kay Ash Foundation
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Ash Foundation

หกทศวรรษแห่งการอุทิศตน: Mary Kay เผยแพร่รายงานเชิงลึกเกี่ยวกับด้านที่สำคัญต่อความยั่งยืนอย่างมีนัยสำคัญ

Logo

รายงานพิเศษเกี่ยวกับความยั่งยืน ประจำปี 2023’ เน้นย้ำผลกระทบที่มีต่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของ Global Beauty Brand ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา

DALLAS–(BUSINESS WIRE)–2 พฤศจิกายน 2023

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนระดับโลกด้านความยั่งยืนและการดูแลองค์กร เผยแพร่ “รายงานพิเศษเกี่ยวกับความยั่งยืน ประจำปี 2023” โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของแบรนด์ ในการยกระดับชีวิตของผู้หญิงและรับประกันอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีชองแบรนด์นี้ Mary Kay มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือระดับโลกกับผู้ถือหุ้นหลัก และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขององค์กรสหประชาชาติ เพื่อเสริมสร้างความก้าวหน้าในด้านที่สำคัญต่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ

Mary Kay details its unwavering commitment to enriching lives and ensuring a sustainable future for all in its latest report. (Asset Source: Mary Kay Inc.)

Mary Kay เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการยกระดับชีวิตของผู้หญิงและรับประกันอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคนในรายงานล่าสุด (แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.)

“ความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงคำคำหนึ่งสำหรับพวกเรา – แต่มีการสานต่อเป็นโครงสร้างที่สำคัญว่า เรามีจุดยืนอย่างไรในฐานะแบรนด์” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “ในขณะที่เราเฉลิมฉลองความสำเร็จของเราในปีนี้ เรายังคงมีความแน่วแน่ในภารกิจของเรา เรามุ่งมั่นที่จะมีความรับผิดชอบมากขึ้นในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม เพื่อให้มั่นใจว่า Mary Kay ไม่เพียงเพิ่มพลังให้แก่ผู้หญิง แต่ยังมีการปกป้องบ้านที่เราอยู่ร่วมกันอีกด้วย”

ในโลกที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว Mary Kay เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง โดยสนับสนุนพลังของผู้หญิง ในขณะเดียวกัน มีความตระหนักถึงการขับเคลื่อนที่ผู้หญิงมีส่วนสำคัญในการกำหนดเศรษฐกิจโลก และผลักดันการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญด้านความยั่งยืน รายงานประจำปี 2023 เน้นย้ำถึงโครงการริเริ่มทั่วโลกที่ขับเคลื่อนโดยผู้หญิง:

ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

  • ทรัพยากรพื้นฐานและมีค่า: น้ำ
  • พลังของผู้หญิงในการอนุรักษ์
  • แกนนำผู้หญิงในการฟื้นฟูมหาสมุทร

ความยั่งยืนทางสังคม

  • การพลิกโฉมหน้าวิทยาศาสตร์ระดับโลก
  • ปลดปล่อยศักยภาพผู้ประกอบการสตรีอย่างเต็มที่
  • ป้องกันอย่างทรงพลัง
  • เป็นผู้นำในการวิจัยโรคมะเร็งในสตรี

ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ

  • ความหลากหลายและไม่แบ่งแยก: ผู้ขับเคลื่อนหลักในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์
  • เพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการสตรีกว่าล้านคนทั่วโลก
  • เป็นผู้บุกเบิกการวิจัยความเท่าเทียมทางเพศในอัลกอริทึมและปัญญาประดิษฐ์

รายงานเป็นไปตาม รายงานความยั่งยืนและผลกระทบทางสังคมประจำปี 2020-2022 ของ Mary Kay ซึ่งครอบคลุมเสาหลักสามประการของความยั่งยืน ได้แก่ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay คลิก ที่นี่

เกี่ยวกับ Mary Kay

จากอดีต สู่ปัจจุบัน และตลอดไป Mary Kay Ash หนึ่งในผู้ก้าวข้ามกำแพงวัฒนธรรมดั้งเดิม และเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ความงามตามความฝันของเธอในเท็กซัส เมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียว นั่นคือ การทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอีสระหลายล้านคน ในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่การเปิดโอกาสของ Mary Kay ได้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตัวเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงาม และการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราให้แก่คนรุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนได้ทำตามความฝันของพวกเขา สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ที่ FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ Twitter

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53711947/en

ติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.

The Bangkok Reporter