Nippon Steel Corporation (NSC) เตรียมซื้อกิจการของ U. S. Steel เพื่อผนึกกำลังร่วมสร้าง ‘ผู้ผลิตเหล็กที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’

Logo

NSC เข้าซื้อกิจการของ U. S. Steel ในราคา 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นสำหรับธุรกรรมเงินสดทั้งหมด โดยคิดเป็น 40% พรีเมี่ยม สำหรับมูลค่าที่กำหนดและมีผลทันทีสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ U. S. Steel

เป็นการควบรวมสองบริษัทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคม

ผสมผสานเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และความสามารถในการผลิตเพื่อให้สามารถบริการลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น

เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่มีความหลากหลายและพร้อมในการแข่งขันในสหรัฐอเมริกา เพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่ลูกค้าผ่านความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านเหล็กกล้าระดับโลกสองราย

NSC ได้รับเกียรติเข้าร่วมข้อตกลงการเจรจาต่อรองร่วมกับ United Steelworkers Union ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ถือหุ้น

ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล็กกล้าทั่วไปไปสู่การลดคาร์บอนและโลกที่ยั่งยืน

U. S. Steel จะยังคงชื่อเสียงที่โดดเด่นและสำนักงานใหญ่ยังคงอยู่ที่ Pittsburgh, PA

การทำธุรกรรมจะเป็นไปตามกระบวนการทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของ U. S. Steel

สร้างมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ถือหุ้นของทั้ง NSC และ U. S. Steel

จะมีการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกันในเวลา 8:00 น. โซนเวลา ET เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของการทำธุรกรรม

TOKYO & PITTSBURGH–(BUSINESS WIRE)–22 ธันวาคม 2023

Nippon Steel Corporation (NSC) (TSE: 5401) ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำของโลก และ United States Steel Corporation (NYSE: X) ("U. S. Steel”) ผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านแร่เหล็กต้นทุนต่ำ การผลิตเหล็กกล้าแบบโรงถลุงขนาดเล็ก และความสามารถในการตกแต่งเหล็กกล้าขั้นสุดท้ายที่หาที่เปรียบมิได้ ประกาศร่วมกันในวันนี้ว่า มีการตกลงขั้นสุดท้ายตามที่ NSC จะเข้าซื้อกิจการของ U. S. Steel ทั้งหมดโดยเป็นการทำธุรกรรมด้วยเงินสดที่ 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหุ้นประมาณ 14.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ บวกกับภาระหนี้ รวมเป็นมูลค่ากิจการโดยรวม 14.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ราคาซื้อต่อหุ้นมีมูลค่าเท่ากับ 55.00 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 40% พรีเมี่ยมสำหรับราคาปิดของหุ้น U. S. Steel เมื่อวันที่ 15 เดือนธันวาคม ปี 2023 ธุรกรรมดังกล่าวได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการบริหารของทั้ง NSC และ U. S. Steel

การเข้าซื้อกิจการ U. S. Steel ของ NSC จะช่วยเสริมขีดความสามารถด้านการผลิตและเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และช่วยให้สามารถขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ที่ NSC สามารถให้บริการแก่ผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงลูกค้าและสังคมโดยรวม ธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นการกระจายขอบเขตการดำเนินงานทั่วโลกของ NSC โดยการขยายการผลิตในปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ โดยขยายเพิ่มพื้นที่ทางภูมิศาสตร์หลักในญี่ปุ่น อาเซียน และอินเดีย ผลจากการเข้าซื้อกิจการ U. S. Steel ของ NSC จะส่งผลให้กำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบโดยรวมต่อปีตามที่คาดการณ์ไว้ขึ้นสูงถึง 86 ล้านตัน – เอื้อให้สามารถเร่งความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ NSC เพื่อเพิ่มกำลังในการผลิตเหล็กกล้าดิบทั่วโลกให้ถึง 100 ล้านตันต่อปี

Eiji Hashimoto ประธาน NSC กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ธุรกรรมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของสองบริษัทที่มีความสามารถในการผลิตและมีเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ซึ่งแสดงความมุ่งมั่นของเราเพื่อให้สามารถนำเสนอบริการแก่ลูกค้าได้ทั่วโลก รวมถึงความตั้งใจที่จะสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้นโดยการลดคาร์บอนในการผลิตเหล็กกล้า NSC มีความชื่นชมใน U. S. Steel และเคารพในเทคโนโลยีชั้นนำมาตลอด รวมถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน และบุคลากรที่มีความสามารถสูง เราเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถร่วมกันรับมือกับความท้าทายในการยกระดับแรงบันดาลใจของเราให้สูงยิ่งขึ้น ธุรกรรมนี้จะเสริมสร้างภาพลักษณ์ของเราในสหรัฐอเมริกา และเรามุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามสัญญาสหภาพแรงงานที่มีอยู่ทั้งหมดของ U. S. Steel เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้ดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทีมงานของ U. S. Steel เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองบริษัทและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’

Takahiro Mori รองประธานบริหารของ NSC กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่า ธุรกรรมครั้งนี้เป็นประโยชน์สูงสุดของทั้งสองบริษัท โดยเพิ่มมูลค่าหุ้นเพื่อผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel และขณะเดียวกัน ก็เพิ่มโอกาสในการเติบโตในระยะยาวของ NSC เรามีงบดุลที่ดี และเรามั่นใจในความสามารถของเราที่จะปลดล็อกศักยภาพในการร่วมมือกันของ NSC และ U. S. Steel เพื่อเสริมสร้างความก้าวล้ำในการผลิตเหล็กกล้า สร้างมูลค่าในระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท รวมถึงลูกค้า พนักงาน ซัพพลายเออร์ ชุมชน และผู้ถือหุ้น”

David B. Burritt ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ U. S. Steel กล่าวว่า “NSC มีประวัติที่ดีซึ่งสามารถพิสูจน์ได้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ การดำเนินงาน และการลงทุนในโรงงานถลุงเหล็กทั่วโลก และเรามีความมั่นใจ เช่นเดียวกับกลยุทธ์ของเราว่า การรวมตัวในครั้งนี้จะเป็นผลดีเยี่ยมสำหรับทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง การทำธุรกรรมในครั้งนี้จะเป็นการทำให้เราสามารถตระหนักถึงมูลค่าอันมหาศาลของบริษัทในปัจจุบัน และเป็นผลมาจากกระบวนการทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมของคณะกรรมการบริหารของเรา สำหรับพนักงาน U. S. Steel ของเรา ซึ่งเราขอบคุณในการดำเนินงานกันมาตลอด การดำเนินธุรกรรมในครั้งนี้ เป็นการผสมผสานบริษัทผลิตเหล็กกล้าที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน ทั้งการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไม่เคยเปลี่ยน การมีเป้าหมายร่วมกัน ค่านิยม และกลยุทธ์ที่มีการสนับสนุนจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน สำหรับลูกค้า U. S. Steel และ NSC ร่วมกันสร้างบริษัทผลิตเหล็กกล้าระดับโลกอย่างแท้จริง โดยการผสมผสานความสามารถและนวัตกรรมซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาของลูกค้าได้ การประกาศควบรวมกิจการในวันนี้ ยังเป็นการเอื้อประโยชน์แก่สหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน โดยรับประกันการแข่งขันในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าภายในประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในภาพลักษณ์ของเราทั่วโลก การมุ่งเน้นการลดคาร์บอนร่วมกันของเรานั้น คาดว่าจะสามารถเพิ่มความสามารถของเราที่จะจัดหาโซลูชันนวัตกรรมการผลิตเหล็กกล้าให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน”

ผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์

  • ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในฐานะผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลกการทำธุรกรรมในครั้งนี้เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยทั้งจาก NSC และ U. S. Steel เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยและนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าคุณภาพสูง เช่น เหล็กกล้าสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้า และเหล็กแผ่นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สำหรับลูกค้าทั่วโลก NSC และ U. S. Steel จะร่วมพัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกและความสามารถด้านการผลิต เพื่อเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการปรับแปลงด้านดิจิทัลในการผลิตเหล็กกล้า เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้า U. S. Steel เป็นนักพัฒนานวัตกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ด้วยการดำเนินการ Big River Steel ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงถลุงเหล็กกล้าที่ยั่งยืนและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ ในการดำเนินธุรกรรมร่วมกันนี้จะได้รับการขับเคลื่อนโดยการรวบรวมเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและความรู้ความชำนาญจากทั้ง U. S. Steel และ NSC เข้าด้วยกัน รวมถึงการดำเนินงานอย่างคุ้มทุน มีการประหยัดพลังงาน และการรีไซเคิล เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของ NSC จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถทางเทคนิคในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากเหมืองแร่ การหลอม และการผลิตในสหรัฐอเมริกาของ U. S. Steel ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในสหรัฐอเมริกาได้ดียิ่งขึ้น
  • เสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองความต้องการเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก U. S. Steel เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาอันยาวนาน ในขณะที่ NSC ประสบความสำเร็จในการให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐอเมริกามานานหลายทศวรรษเช่นกัน การร่วมมือกันกับ U. S. Steel จะช่วยเสริมให้ NSC มีความพร้อมยิ่งขึ้นในการรองรับความต้องการเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเหล็กกล้าสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และระบบไฟฟ้า รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ นอกเหนือจากนี้ NSC ยังมีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าประสิทธิภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับการใช้งานทุกประเภท
  • ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล็กกล้าระดับโลกไปสู่การลดคาร์บอนและสร้างโลกที่ยั่งยืน NSC และ U. S. Steel มีความมุ่งมั่นเดียวกันที่จะลดคาร์บอนภายในปี 2050 และตระหนักว่า การแก้ไขปัญหาความท้าทายด้านความยั่งยืนเป็นเสาหลักพื้นฐานในการดำรงอยู่และการเติบโตของผู้ผลิตเหล็กกล้า ประเด็นสำคัญของความร่วมมือหลังการทำธุรกรรมนี้คือ การดำเนินการตามเป้าหมายนี้ต่อไปและขับเคลื่อนเทคโนโลยีทางเลือกในการลดคาร์บอน NSC มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสามประการเพื่อมุ่งบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางของคาร์บอนภายในปี 2050 รวมถึงเทคโนโลยีการฉีดไฮโดรเจนเข้าในเตาถลุงเหล็กกล้า การผลิตเหล็กกล้าคุณภาพสูงในเตาอาร์คไฟฟ้าขนาดใหญ่ และการใช้ไฮโดรเจนในกระบวนการลดปริมาณเหล็กโดยตรง U. S. Steel มีการมุ่งเน้นการลดระดับคาร์บอนในทำนองเดียวกัน รวมถึงการใช้พลังงานให้น้อยลงอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานปัจจุบัน การบูรณาการความสามารถของเตาอาร์คไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนการลดคาร์บอน และการสร้างโรงถลุงจขนาดเล็กที่ล้ำสมัยแห่งที่สองที่ Arkansas
  • เคารพข้อตกลงทั้งหมดระหว่าง U. S. Steel และ United Steelworkers Union: NSC มีประวัติที่ดีเยี่ยมด้านความปลอดภัยในที่ทำงานและการทำงานร่วมกันกับสหภาพแรงงาน จะมีการดำเนินกาตามข้อตกลงทั้งหมดของ U. S. Steel ที่มีต่อพนักงาน รวมถึงข้อตกลงการเจรจาต่อรองทั้งหมดกับสหภาพแรงงาน และ NSC มีความมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้อย่างเหนียวแน่น
  • ความมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นอย่างเหนียวแน่น รวมทั้งความสัมพันธ์กับพนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ และชุมชน การผสานรวมพนักงานมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ภายหลังการปิดข้อตกลงสำหรับการทำธุรกรรมนี้  U. S. Steel จะยังคงชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ แบรนด์ และยังคงมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Pittsburgh, PA NSC มุ่งมั่นที่จะสานต่อความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับซัพพลายเออร์ ลูกค้า ชุมชนโดยรอบ และบุคลากรของ U. S. Steel ที่สนับสนุนการดำเนินงานของ U. S. Steel มาตลอด และมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่มีประสิทธิผลสำหรับชุมชนเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
  • สร้างมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งของ NSC และ U. S. Steel ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของ NSC ในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’ ซึ่งพร้อมรองรับการเติบโตที่สูงขึ้น เสริมสร้างความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น และมูลค่าระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้นของ NSC ข้อเสนอเงินสดทั้งหมดนี้ยังสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นและมีความเสถียรสำหรับผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel ธุรกรรมนี้ถือเป็นผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและเสถียรซึ่งดำเนินการโดย U. S. Steel และคณะกรรมการบริหาร โดยราคาซื้อ 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นคิดเป็นพรีเมียม 40% จากราคาปิดของหุ้น U. S. Steel ในวันที่ 15 เดือนธันวาคม ปี 2023

รายละเอียดการทำธุรกรรม

คาดการณ์ว่าจะสามารถปิดธุรกรรมนี้ได้ในช่วงไตรมาสที่สองหรือสามของปีปฎิทิน 2024 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel และได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบการกำกับดูแลและเงื่อนไขการปิดตามข้อกำหนดอื่นๆ ที่กำหนดไว้ NSC วางแผนที่จะสนับสนุนเงินทุนสำหรับการทำธุรกรรมโดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาการกู้ยืมจากธนาคารญี่ปุ่นบางแห่ง และมีภาระผูกพันทางการเงินตามหลักประกันอยู่แล้ว การทำธุรกรรมนี้จะไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขทางการเงินใดๆ

ที่ปรึกษา

Citi ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับ NSC Ropes & Gray LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายสำหรับ NSC Barclays Capital Inc., Goldman Sachs & Co. LLC และ Evercore ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับ U. S. Steel Milbank LLP and Wachtell, Lipton, Rosen & Katz ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายสำหรับ U. S. Steel

การประชุมทางโทรศัพท์

NSC และ U. S. Steel จะมีการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการพร้อมนักวิเคราะห์และนักลงทุนในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 18 เดือนธันวาคม ปี 2023 เวลา 8:00 น. โซนเวลา EST ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา (22:00 น. โซนเวลา JST ตามเวลาในญี่ปุ่น) สามารถเข้าฟังการประชุมที่จะมีการเผยแพร่ออกอากาศและเข้าดูการนำเสนอสไลด์ได้ในเว็บไซต์ของ U. S. Steel www.ussteel.com และคลิกที่ส่วน “นักลงทุน” และสามารถรับชมย้อนหลังหลังการประชุมได้ที่เว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของ U. S. Steel ได้ที่: https://investors.ussteel.com/

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกรรมที่นำเสนอได้ที่ www.BestDealforAmericanSteel.com

เกี่ยวกับ NSC

NSC เป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นในของโลก NSC มีกำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 66 ล้านตัน และมีพนักงานประมาณ 100,000 คนทั่วโลก ฐานการผลิตของ NSC อยู่ที่ญี่ปุ่น และบริษัทมีการดำเนินงานใน 15 ประเทศนอกเหนือจากในญี่ปุ่น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินเดีย ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม บราซิล เม็กซิโก สวีเดน จีน และอื่นๆ NSC มีการก่อตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว และมุ่งเน้นในการสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีกับพนักงาน สหภาพแรงงาน ซัพพลายเออร์ ลูกค้า และชุมชน ในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’ NSC แสวงหาเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิตชั้นนำของโลก และมีส่วนช่วยเหลือสังคม โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.nipponsteel.com

เกี่ยวกับ U. S. Steel

U. S. Steel เป็นผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำ มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1901 ด้วยการมุ่งเน้นอย่างแน่วแน่ด้านความปลอดภัย จึงมีการพัฒนากลยุทธ์ Best for All® ซึ่งมุ่งเน้นลูกค้าของบริษัทเป็นสำคัญ โดยมุ่งเน้นอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับ U. S. Steel และผู้ถือหุ้น ในการเน้นย้ำด้านนวัตกรรม U. S. Steel ให้บริการแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ การก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า พลังงาน ภาชนะบรรจุ และบรรจุภัณฑ์ ด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง บริษัทยังมีการคงไว้ซึ่งการผลิตแร่เหล็กขั้นสูงและมีความสามารถในการผลิตเหล็กกล้าดิบต่อปีเป็นปริมาณ 22.4 ล้านตันสุทธิ U. S. Steel มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Pittsburgh, Pennsylvania และมีการดำเนินงานระดับโลกทั่วสหรัฐอเมริกาและในยุโรปกลาง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.ussteel.com

ข้อมูลเพิ่มเติม และแหล่งข้อมูล

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอระหว่าง United States Steel Corporation (ซึ่งจะเรียกว่า บริษัท”) และ NSC ในการดำเนินธุรกรรมที่นำเสนอนี้ บริษัทจะยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (“SEC”) รวมถึงหนังสือมอบฉันทะของบริษัทตามตาราง 14A (ซึ่งเรียกว่า “หนังสือมอบฉันทะ”) ข้อมูลในหนังสือมอบฉันทะฉบับร่างนี้จะยังไม่สมบูรณ์และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ จะมีการนำส่งหนังสือมอบฉันทะฉบับสมบูรณ์ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท บริษัทยังอาจมีการยื่นเอกสารอื่นๆ ต่อ SEC ที่เกี่ยวเนื่องการทำธุรกรรมที่นำเสนอนี้ด้วยเช่นกัน ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ถือเป็นเอกสารทดแทนสำหรับหนังสือมอบฉันทะ หรือสำหรับเอกสารอื่นๆ ที่อาจมีการยื่นต่อ SEC ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ จะมีการนำส่งธุรกรรมที่นำเสนอดังกล่าวไปยังผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อพิจารณา ก่อนดำเนินการตัดสินใจลงคะแนนเสียงใดๆ ผู้ถือหุ้นของบริษัทควรอ่านเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีการยื่นหรือจะมีการยื่นต่อ SEC รวมถึงหนังสือมอบฉันทะ ตลอดจนการแก้ไขหรือเอกสารเพิ่มเติมใดๆ สำหรับเอกสารเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และหากหรือเมื่อใดที่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท, NSC, และการทำธุรกรรมที่นำเสนอ

ผู้ถือหุ้นของบริษัทจะสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะฉบับร่างและหนังสือมอบฉันทะฉบับสมบูรณ์ได้ฟรี (ในแต่ละกรณี หากและเมื่อมีผลบังคับใช้) รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท, NSC และการทำธุรกรรมที่นำเสนอ เมื่อมีการยื่นเอกสารดังกล่าวต่อ SEC โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่เว็บไซต์ของ SEC (www.sec.gov) นอกจากนี้ ยังสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะและเอกสารอื่นๆ ที่ทางบริษัทยื่นต่อ SEC ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสามารถส่งคำขอไปยัง United States Steel Corporation, 600 Grant Street, Pittsburgh, Pennsylvania 15219 ติดต่อ: เลขานุการบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ 412-433-1121 หรือได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท www.ussteel.com

ผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรม

NSC, บริษัทและคณะกรรมการ, และเจ้าหน้าที่บริหารและพนักงานบางคน อาจเป็นผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรม โดยเป็นผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อดำเนินการธุรกรรมที่นำเสนอ ข้อมูลเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทที่อาจถือเป็นผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรมสำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทตามหลักเกณฑ์ของ SEC ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่นำเสนอ รวมถึงคำจำกัดความเกี่ยวกับผลประโยชน์โดยตรงหรือโดยอ้อม โดยการถือหลักทรัพย์ ซึ่งมีการระบุไว้ในหนังสือมอบฉันทะที่มีการยื่นต่อ SEC ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้จะมีการระบุรวมไว้ในหนังสือมอบฉันทะประจำปีของแต่ละบริษัทและเอกสารอื่นๆ ที่มีการยื่นต่อ SEC และจะมีการรวมไว้ในหนังสือมอบฉันทะเมื่อยื่นต่อสำนักงาน สามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะและเอกสารอื่นๆ ตามที่กล่าวถึงในข้างต้นนี้ได้ฟรี

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัทและ NSC ซึ่งอาจมีการใช้เป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามคำนิยามที่กำหนดไว้ภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์เอกชนปี 1995 และกฎหมายหลักทรัพย์อื่นๆ ที่อาจมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน เรากำหนดให้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์นี้ครอบคลุมภายใต้ข้อกำหนดด้านความคุ้มครองสำหรับแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ในแต่ละส่วนดังกล่าว โดยทั่วไปแล้ว เรามีการระบุแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า โดยใช้คำว่า “เชื่อว่า” “คาดหวังว่า” “ตั้งใจ” “ประเมินการ” “มุ่งหมาย” “โครงการ” “เป้าหมาย” “คาดการณ์” “กำหนด” “ควร” “วางแผน” “จุดมุ่งหมาย” “อนาคต” “จะ” “อาจจะ” และข้อความที่คล้ายคลึงกัน หรือโดยการใช้วันที่ในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการหารือใดๆ ที่แสดงถึงมุมมองทั่วไปเกี่ยวกับการดำเนินงานในอนาคตหรือผลทางการเงิน ผลการดำเนินงานหรือทางการเงิน แนวโน้ม เหตุการณ์หรือการพัฒนาที่เราคาดหวังหรือคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต การประหยัดต้นทุนตามคาดการณ์ เงินทุนที่ต้องใช้และการปรับปรุงกระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงาน และการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงแถลงการณ์เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ และระยะเวลาที่ธุรกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การไม่มีคำเหล่านี้หรือข้อความที่คล้ายคลึงไม่ได้หมายความว่า จะไม่ถือเป็นแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์จะเป็นแถลงการณ์ทั้งหมดที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต แต่เป็นการแสดงถึงความเชื่อของบริษัทในเป้าหมายอนาคต แผนการ และความคาดหวังเกี่ยวกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเหตุการณ์อื่นๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หลายๆ ข้อความดังกล่าวอาจมีความไม่แน่นอน และอยู่เหนือการควบคุมของบริษัทหรือของ NSC โดยมีความเป็นไปได้ที่ผลลัพธ์ตามจริงและสถานะทางการเงินของบริษัทหรือของ NSC อาจมีความแตกต่างจากผลลัพธ์ที่คาดหารร์ไว้ในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ ฝ่ายบริหารของบริษัทหรือของ NSC เชื่อว่า แถลงการณ์เชิงคาดการณ์เหล่านี้มีความสมเหตุสมผล ณ จุดเวลาที่จัดทำขึ้น อย่างไรก็ตาม จะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีการระบุข้อความคาดการณ์ที่เกินความจริง เนื่องจากข้อความแถลงการณ์ดังกล่าวจะระบุถึงสถานการณ์ ณ วันที่จัดทำขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์นี้ ยังประกอบด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจเป็นเหตุให้ผลลัพธ์ตามจริงแตกต่างจากประสบการณ์ในอดีตของบริษัทหรือของ NSC และความคาดหวังหรือการคาดการณ์ของเราในปัจจุบัน ความเสี่ยงและความแน่นอน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ความสามารถของทุกฝ่ายในการดำเนินธุรกรรมที่นำเสนอให้เสร็จสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนดหรือทันเวลา ระยะเวลา การรับตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลสำหรับธุรกรรมที่นำเสนอ ซึ่งอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายยุติข้อตกลงฉบับสมบูรณ์และแผนการควบรวมกิจการตามที่ระบุไว้ในการทำธุรกรรมที่นำเสนอ (“ข้อตกลงควบรวมกิจการ”) การเกิดขึ้นของเหตุการณ์ การเปลี่ยนแปลงหรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่อาจทำให้ยุติข้อตกลงควบรวมกิจการ ความเป็นไปได้ที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทอาจไม่อนุมัติสำหรับธุรกรรมที่นำเสนอ ความเสี่ยงและความแน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติของผู้ถือหุ้น ความเสี่ยงที่คู่สัญญาในข้อตกลงควบรวมกิจการอาจไม่สามารถตอบสนองเงื่อนไขของธุรกรรมที่นำเสนอได้ทันเวลาหรือไม่ได้เลย ความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่สามารถจัดการเวลาในการดำเนินการธุรกิจ เนื่องจากธุรกรรมที่นำเสนอ ข้อจำกัดบางประการในระหว่างการทำธุรกรรมที่นำเสนอ ซึ่งอาจมีผลกระต่อความสามารถของบริษัทในการติดตามโอกาสทางธุรกิจหรือธุรกรรมเชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงที่การประกาศใดๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่นำเสนออาจมีผลกระทบทางลบต่อราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัทหรือของ NSC หรือของ American Depositary Receipts ความเสี่ยงของต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ไม่คาดคิดอันเป็นผลมาจากธุรกรรมที่นำเสนอ ความเสี่ยงของการดำเนินคดีใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ และความเสี่ยงที่ธุรกรรมที่นำเสนอและการประกาศอาจมีผลกระทบต่อความสามารถของบริษัทของของ NSC ในการรักษาลูกค้าและรักษาหรือว่าจ้างบุคลากรที่สำคัญ และคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ต่อลูกค้า ซัพพลายเออร์ พนักงาน ผู้ถือหุ้น และความสัมพันธ์ทางธุรกิจอื่นๆ และผลการดำเนินงานและธุรกิจโดยทั่วไป และความเสี่ยงในการที่ธุรกรรมที่นำเสนอกำลังรอดำเนินการและมีผลกระทบต่อการบริหารของบริษัท บริษัทขอแนะนำให้อ่านข้อมูลเพิ่มเติมใน Form 10-K สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2022 และรายงานไตรมาสใน Form 10-Q สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 เดือนกันยายน ปี 2023 และเอกสารอื่นๆ ที่มีการยื่นต่อ SEC เกี่ยวกับความเสี่ยงอื่นๆ ที่มีผลต่อการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท เอกสารเหล่านี้ประกอบด้วยและมีการระบุถึงปัจจัยสำคัญที่อาจมีผลทำให้ผลลัพธ์ตามจริงมีความแตกต่างจากแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ ความเสี่ยงเกี่ยวกับแถลงการณ์เชิงคาดการ์ของ NSC รวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ การเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจมหภาคระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา กำลังการผลิตส่วนเกินและอุปทานส่วนเกินในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า แนวทางการปฏิบัติด้านการค้าและราคาที่ไม่เป็นธรรมในตลาดระดับภูมิภาคของ NSC ความเป็นไปได้ที่ราคาเหล็กกล้าตกต่ำ หรือมีอุปทานในแร่เหล็กสูงเกิน ความเป็นไปได้ที่ราคาตลาดของวัตถุดิบที่สำคัญจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความเป็นไปได้ที่ค่าเงินเยนญี่ปุ่นจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐและสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ ที่สำคัญ การสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับวัสดุทดแทน ความสามารถของ NSC ในการลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ความเป็นไปได้ที่การดำเนินงานอาจไม่เป็นไปตามแผนพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการ หรือการลงทุน หรือการเป็นพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการหรือการลงทุนอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ภัยพิบัติทางธรรมชาติและอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของ NSC รวมถึงเหตุการณ์อื่นๆ ที่อาจมีผลเสียต่อการดำเนินการธุรกิจของ NSC ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และความท้าทายในการทำให้ระดับคาร์บอนให้เป็นกลางสำหรับ NSC ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง สังคม และกฎหมาย ต่อการดำเนินธุรกิจในระบบเศรษฐกิจแบบควบรวม ความเป็นไปได้ที่จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์ของเรา หรือก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและมีความเสียหายอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตเหล็กกล้ารายอื่น ความเป็นไปได้เราอาจไม่สามารถปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา หรือเผชิญกับการเรียกร้องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาโดยบุคคลที่สาม การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและข้อบังคับของประเทศที่เราดำเนินธุรกิจ รวมถึงกฎหมายการค้าและอัตรา รวมถึงกฎหมายภาษี สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย และความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและธุรกิจของเรา อันเนื่องมาจากการละเมิดข้อมูลและการโจรกรรมข้อมูล ข้อมูลทั้งหมดในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นข้อมูล ณ วันที่ที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทหรือ NSC จะไม่มีหน้าที่ใดๆ ในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อความสำหรับผลลัพธ์ตามจริง หรือาการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ของบริษัทหรือ NSC ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ยกเว้นตามกฎหมายกำหนด

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53872312/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

NSC Contacts
สื่อ
pr_contact@jp.nipponsteel.com
Kayo Kikuchi / +81-3-6867-2977 / kikuchi.26s.kayo@jp.nipponsteel.com
Masato Suzuki / +81-3-6867-2135 / suzuki.s4f.masato@jp.nipponsteel.com

ผู้ลงทุน
ir@jp.nipponsteel.com
Yuichiro Kaneko / +81-80-9022-6867 / kaneko.yc3.yuichiro@jp.nipponsteel.com
Yohei Kato / +81-80-2131-0188 / kato.rk5.yohei@jp.nipponsteel.com

สอบถามทั่วไป (U.S.)
Nippon Steel North America, Inc. / +1 (713) 654 7111

U.S. Media Contacts
NSCMedia@teneo.com
Robert Mead / +1 (917) 327 9828 / Robert.Mead@teneo.com
Monika Driscoll / +1 (929) 388 9442 / Monika.Driscoll@teneo.com
Tucker Elcock / +1 (917) 208 4652 / Tucker.Elcock@teneo.com

U. S. Steel Contacts
สื่อ
Tara Carraro
Senior Vice President, Chief Communications Officer
T- 412-433-1300
E- media@uss.com

Kelly Sullivan / Ed Trissel
Joele Frank, Wilkinson Brimmer Katcher
T- 212-355-4449

ผู้ลงทุน
Emily Chieng
Investor Relations Officer
T – (412) 618-9554
E – ecchieng@uss.com

แหล่งข้อมูล: United States Steel Corporation and Nippon Steel Corporation

ไทยประกันชีวิต, สถานี PTT, คิง เพาเวอร์, คาเฟ่ อเมซอน, Royal Umbrella, Aurora, VISTRA, TrueOnline, ฟาร์มเฮ้าส์, VITADAY, M-150 และ TOPS เป็นหนึ่งในผู้ชนะได้รับรางวัล World Branding Awards ประจำปี 2023 – 2024

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2023

งานประกาศรางวัล World Branding Awards ครั้งที่ 17 มีความยินดีประกาศความสำเร็จและผลประกอบการของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลกบางส่วน ในฐานะผู้ชนะระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก รางวัล World Branding Awards ประจำปี 2023 – 2024 มีแบรนด์มากกว่า 1,500 แบรนด์จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “แบรนด์แห่งปี” ในจำนวนนี้ มีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศน้อยกว่า 200 แบรนด์

พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้มีการจัดขึ้นอีกครั้งที่พระราชวังเคนซิงตัน กรุงลอนดอน ได้ให้การต้อนรับแขกมากกว่า 100 คน และดำเนินรายการโดย David Croft ผู้จัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง

ผู้ชนะระดับโลกที่ได้รับยกย่องในความเป็นเลิศและมีการสร้างแบรนด์ที่ไร้ที่ติภายในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Sunsilk (สหราชอาณาจักร), LURPAK (เดนมาร์ก), Marriott International (สหรัฐอเมริกา) และ IKEA (สวีเดน)

ผู้ชนะได้รับรางวัลจากประเทศ ได้แก่ ไทยประกันชีวิต, สถานี PTT, คิง เพาเวอร์, คาเฟ่ อเมซอน, Royal Umbrella, Aurora, VISTRA, TrueOnline, ฟาร์มเฮ้าส์, VITADAY, M-150 และ TOPS ผู้ชนะระดับประเทศอื่นๆ ได้แก่ FERN- D (ฟิลิปปินส์), Frank & Co. (อินโดนีเซีย), Chow Tai Fook (ฮ่องกง), Sokos Hotels (ฟินแลนด์), Airland (ฮ่องกง) และ Getha (มาเลเซีย) เป็นต้น

มีเพียง 14 แบรนด์ที่ได้รับเลือกให้เข้ารับรางวัล Regional Tier ในปีนี้ ได้แก่ Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น), GIG (คูเวต), MR.DIY (มาเลเซีย), M-150 (ไทย) และ HECOM (ฮ่องกง) แบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นรายการโปรดจากผู้บริโภคใน 4 ประเทศขึ้นไปจากมากกว่า 3 พื้นที่ในภูมิภาคเชิงภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองสำหรับการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น เพื่อคงความตระหนักรู้ในฐานะแบรนด์ แบรนด์จะต้องสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและเสถียร นั่นหมายถึงไม่เพียงเฉพาะการสร้างวัฒนธรรมและชุมชนแบรนด์ผ่านทางการตลาดเท่านั้น แต่ยังรับประกันว่า แบรนด์จะมีความน่าสนใจสำหรับทุกคนทุกเจเนอเรชั่น” Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

มีผู้บริโภคมากกว่า 150,000 รายเข้าร่วมกระบวนการนำเสนอชื่อทั่วโลกในปีนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว แต่ละประเทศมีแบรนด์ที่ชนะได้รับรางวัลเพียง 5 แบรนด์เท่านั้น ซึ่งได้รับการพิสูจน์ได้ว่า การได้รับรางวัล World Branding Award ถือเป็นความสำเร็จอันน่าจดจำ

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลพรีเมียร์ของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีการจดทะเบียน รางวัลนี้ยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

โซเชียลมีเดีย

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/
Twitter: https://twitter.com/WorldBranding
Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/
LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

อีเมล: editorial@brandingforum.org

แหล่งข้อมูล: World Branding Awards

เส้นทางการเสริมพลังของ Mary Kay ยังคงดำเนินต่อไป : แบรนด์เข้าร่วมหลักการเสริมพลังของผู้หญิงในเอเชียแปซิฟิก

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2023

Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนระดับโลกสำหรับการเสริมสร้างพลังของผู้หญิง ได้ประกาศในวันผู้ประกอบการสตรี (Women's Entrepreneurship Day) ว่า บริษัทได้กลายเป็นผู้ลงนามอย่างเป็นทางการใน Women's Empowerment Principles (WEPs) แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในเดือนมีนาคม 2019 ก้าวแรกของ Mary Kay Inc. ในการเดินทางของ WEP โดยกลายเป็นผู้ลงนามระดับโลกในระหว่างการประชุม WEPs ซึ่งจัดขึ้นนอกรอบของ Commission on Status of Women (CSW63)

"At Mary Kay, we lead by enabling women from all walks of life with the right tools, mentorship, and education so they can make choices leading to a fulfilling and meaningful life for themselves, their families, and communities,” said Wendy Wang, President, Mary Kay Asia Pacific Region. (Photo credit: Mary Kay Inc.).

"ที่ Mary Kay เราเป็นผู้นำโดยช่วยส่งเสริมผู้หญิงจากทุกสาขาอาชีพด้วยเครื่องมือที่ถูกต้อง การให้คำปรึกษา และการศึกษาที่เหมาะสม เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเลือกที่นำไปสู่ชีวิตที่เติมเต็มและมีความหมายสำหรับตนเอง ครอบครัว และชุมชน” Wendy Wang ประธาน Mary Kay ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าว (เครดิตภาพ: Mary Kay Inc.)

ในขณะที่ Mary Kay ฉลองครบรอบ 60 ปี บริษัทได้เข้าร่วม WEP เพื่อแสดงตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้นำด้านผู้ประกอบการสตรีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสื่อความถึงโอกาสทางธุรกิจที่ไม่มีใครเทียบได้ พร้อมส่งเสริมสถานที่ทำงานที่สนับสนุน และตอบแทนชุมชนผ่านโครงการริ่เริ่มกิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กร (CSR)

WEP จัดทำกรอบการทำงานแบบองค์รวมสำหรับบริษัทต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมพลังของผู้หญิงในสถานที่ทำงาน ตลาด และชุมชน ทั้งยังขับเคลื่อนผลลัพธ์เชิงบวกสำหรับสังคมและธุรกิจ WEP เปิดตัวในปี 2010 โดย UN Women และ UN Global Compact WEP ได้รับแจ้งจากแรงงานระหว่างประเทศ และมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีพื้นฐานมาจากการยอมรับว่าธุรกิจต่างๆ มีส่วนได้ส่วนเสียและมีความรับผิดชอบต่อความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมอำนาจของสตรี

ในแถลงการณ์ Wendy Wang ประธาน Mary Kay ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า:

“จากการแสวงหาเส้นทาง WEP ระดับโลกที่ Mary Kay ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 ในวันนี้ ณ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทได้ยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นสัญญาที่จะช่วยเร่งปิดช่องว่างระหว่างเพศในสถานที่ทำงาน ตลาด และชุมชน 'การเสริมพลังของผู้หญิง' เป็นมากกว่าความสำเร็จในอาชีพของผู้หญิง – มันต้องมีมุมมองแบบองค์รวม แผนงานไปสู่ความก้าวหน้าและผลกระทบที่วัดได้ เช่นเดียวกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด รวมถึงภาคเอกชน – และ WEP ก็กำลังทำเช่นนั้น ที่ Mary Kay เราเป็นผู้นำโดยช่วยส่งเสริมผู้หญิงจากทุกสาขาอาชีพด้วยเครื่องมือที่ถูกต้อง การให้คำปรึกษา และการศึกษาที่เหมาะสม เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเลือกที่นำไปสู่ชีวิตที่เติมเต็มและมีความหมายสำหรับตนเอง ครอบครัว และชุมชน”

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญของ WEP สำหรับ Mary Kay ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Mary Kay China เพิ่งเปิดตัวรายงาน Mary Kay China Empowering Women Impact Report ครั้งแรกในหัวข้อ "Thinking Like A Woman" (คิดเหมือนกับผู้หญิง) รายงานดังกล่าวได้ปฏิบัติตามหลักการที่ 7 ว่าด้วย “การวัดผลและการรายงาน” ” และหลักการที่ 6 ว่าด้วย “การริเริ่มและการสนับสนุนของชุมชน”

การดำเนินการของ WEP:

รายงานดังกล่าวเปิดเผยผลงานของ Mary Kay China และผลลัพธ์ในการเสริมพลังของผู้หญิงเพื่อให้บรรลุความสำเร็จผ่านแนวทางที่หลากหลาย ทั้งในการเป็นผู้นำ ตลาด สถานที่ทำงาน และงานชุมชน ส่วนรายงานฉบับต่อๆ ไปจะครอบคลุมถึงคำมั่นสัญญาและอิทธิพลของ Mary Kay ในประเทศอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ ความสำเร็จบางส่วนต่อไปนี้ ได้ครอบคลุมหลักการ WEPs ทั้ง 7 ประการซึ่งถูกเน้นย้ำในรายงาน:

ผู้นำมายาวนานและผู้สนับสนุนระดับโลกเพื่อการเสริมพลังสตรี

  • Mary Kay ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกลายเป็นผู้ลงนาม WEPs
  • ใช้กลยุทธ์การพัฒนา "All For Her" เพื่อให้การสนับสนุนรอบด้านสำหรับที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ

เพิ่มขีดความสามารถของสตรีผ่านธุรกิจ

  • ตั้งแต่ปี 2022 ถึงเดือนมีนาคม 2023 มีที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ 1,327,082 คนเข้าร่วมการฝึกอบรม

ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2022 Mary Kay ได้ลงทุนมากกว่า 80 ล้านหยวน (หยวนจีน) ในการเพิ่มศักยภาพทางดิจิทัลเพื่อพัฒนาเครื่องมือทางธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์สำหรับที่ปรึกษาด้านความงาม

สถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้หญิงในการทำงาน

  • ในปี 2022 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงในทีมผู้บริหารและพนักงานของ Mary Kay China ทั้งคู่อยู่ที่ 57% ในขณะที่ 64% ของพนักงานที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้หญิงด้วย
  • ในปี 2022 พนักงานของ Mary Kay China 93% ได้เข้าร่วมการฝึกอบรมเกี่ยวกับการจัดการโปรเจ็ค แนวโน้มของตลาด และความเป็นผู้นำ โดยมีเซสชันการฝึกอบรมเฉลี่ย 1.6 ครั้งต่อคน เวลาการฝึกอบรม 6 ชั่วโมง และเงินลงทุนในการฝึกอบรม 1,500 หยวน

การให้กลับคืนสู่ชุมชน

  • ณ เดือนเมษายน 2023 ผู้หญิงทั้งหมด 257,117 คนได้รับประโยชน์จากโครงการ CSR ของ Mary Kay China
  • ในปี 2022 ที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของ Mary Kay China และพนักงาน 1,267 คนได้บริจาคเงินในการให้บริการอาสาสมัครมากกว่า 9,000 ชั่วโมงในความสามารถที่หลากหลาย: ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครที่ไม่ใช่แพทย์ในศูนย์ศัลยกรรมปากแหว่งเพดานโหว่ ช่วยทำความสะอาดชุมชนของพวกเขา หรือจัดชั้นเรียนความงามฟรีเพื่อการกุศล

เกี่ยวกับ Mary Kay

Then. Now. Always. (ตั้งแต่ก่อนนั้น ตอนนี้และตลอดไป) Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกเดิม เธอได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของตัวเองในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ เพื่อทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางตกแต่งสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com ค้นหาเกี่ยวกับเราใน  Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราใน X (ชื่อเดิมคือ Twitter)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53871013/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.



แก้ไขและแทนที่: Aurora, PTT Station และ Royal Umbrella เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศคว้ารางวัล 2023 – 2024 World Branding Awards

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–15 ธันวาคม 2023

World Branding Awards ครั้งที่ 17 ยกย่องความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายสำหรับกลุ่มแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก ในฐานะผู้ชนะเลิศระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก 2023 – 2024 World Branding Awards มีแบรนด์เข้าร่วมมากกว่า 1,500 แบรนด์จากกว่า 40 ประเทศที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “แบรนด์แห่งปี” ในจำนวนนี้ มีไม่ถึง 200 แบรนด์ที่เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศ

พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้จัดขึ้นที่ต้นกำเนิดของรางวัลนี้ นั่นคือ พระราชวังเคนซิงตัน สหราชอาณาจักร โดยได้ต้อนรับแขกกว่า 100 คนทั่วโลก และดำเนินรายการโดย David Croft ผู้จัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง

ผู้ชนะเลิศระดับโลกที่ได้พิสูจน์ความเป็นเลิศและการสร้างแบรนด์อย่างไร้ที่ติในอุตสาหกรรม ได้แก่ Sunsilk (สหราชอาณาจักร), LURPAK (เดนมาร์ก), Marriott International (สหรัฐอเมริกา), และ IKEA (สวีเดน)

ผู้ชนะเลิศจากประเทศไทย ได้แก่ Thai Life Insurance, PTT Station, King Power, M-150, Café Amazon, Royal Umbrella, Aurora, VITADAY, TrueOnline, Farmhouse, และ TOPS ผู้ชนะเลิศจากประเทศอื่นๆ ได้แก่ FERN- D (ฟิลิปปินส์), Frank & Co. (อินโดนีเซีย), Chow Tai Fook (ฮ่องกง), Sokos Hotels (ฟินแลนด์), Mercadona (สเปน), Airland (ฮ่องกง), และ Getha (มาเลเซีย) และยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้

มีเพียง 14 แบรนด์เท่านั้นที่คว้ารางวัล Regional Tier ในปีนี้ ได้แก่ Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น), GIG (คูเวต), MR.DIY (มาเลเซีย), M-150 (ไทย), HECOM (ฮ่องกง), และ VITADAY (ไทย) แบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์โปรดของผู้บริโภคใน 4 ประเทศขึ้นไปภายใต้ 3 ภูมิภาคขึ้นไปทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองความพยายามอย่างต่อเนื่องซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น ในการคงการตอบรับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง แบรนด์จะต้องมีการสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่น สะท้อนถึงความเป็นแบรนด์และคงอยู่ตราบเท่านาน ซึ่งไม่เพียงเป็นการสร้างวัฒนธรรมและชุมชนสำหรับแบรนด์ผ่านการตลาดเท่านั้น แต่ยังต้องรับประกันได้ว่า ผู้คนทุกเจนเนอเรชันจะยังให้การตอบรับแบรนด์และมีความสนใจในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง” Mr Richard Rowles ประธานของ World Branding Forum กล่าว

ในปีนี้ มีผู้บริโภคเข้าร่วมในการเสนอชื่อทั่วโลกมากกว่า 150,000 คน โดยเฉลี่ยแล้ว ในแต่ละประเทศมีเพียง 5 แบรนด์เท่านั้นที่คว้ารางวัลชนะเลิศ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า การได้รับรางวัล World Branding Award นี้ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งยวด

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะเลิศทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลอันทรงเกียรติของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการจดทะเบียน รางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

โซเชียลมีเดีย

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/

Twitter: https://twitter.com/WorldBranding

Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/

LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

อีเมล: editorial@brandingforum.org

แหล่งข้อมูล: World Branding Awards

Panda High Plains Hemp Gin ดำเนินการขั้นสุดท้ายในการเปิดตัวโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับโลกตะวันตกทางออนไลน์

Logo

DALLAS–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2023

Panda Biotech ประกาศในวันนี้ว่า การก่อสร้างอาคารได้เสร็จสมบูรณ์ และขั้นตอนการเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการเพื่อเปิดตัวโครงการ Panda High Plains Hemp Gin™ (the “Panda Hemp Gin”) สู่ตลาดออนไลน์จะเริ่มต้นในช่วงต้นไตรมาสที่ 4 กระบวนการทดสอบการใช้งานเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ในโรงงานขนาด 500,000 ตารางฟุตในเมือง Wichita Falls รัฐเท็กซัส Panda Hemp Gin จะดำเนินการแปรรูปกัญชาระดับอุตสาหกรรมเป็นปริมาณ 10 เมตริกตันต่อชั่วโมง เพื่อใช้ในการผลิตเส้นใยเกรดสำหรับสิ่งทอ กากใยผสม กากใยผสมแบบสั้น และผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่อุดมด้วยสารอาหาร ซึ่งจะมีการนำมาอัดเป็นก้อน โรงงานแห่งนี้คาดว่าจะเป็นศุนย์แปรรูปกัญชาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับโลกตะวันตก และเป็นหนึ่งในศูนย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

Inside the Panda Hemp Gin, a 500,000 square foot industrial hemp processing facility in Witchita Falls, Texas scheduled to begin commercial operations Q1 2024. (Photo: Business Wire)

ภายใน Panda Hemp Gin ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชาขนาด 500,000 ตารางฟุตในเมือง Wichita Falls รัฐเท็กซัส มีกำหนดจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 (ภาพถ่าย: Business Wire)

“ในแต่ละส่วนของสายการผลิต Panda Hemp Gin รวมถึงท่อลมเหนือศีรษะความยาวสามไมล์ การกลั่น การผสม ระบบทอฝ้ายเชิงกล การบรรจุถุงและจัดเก็บ การอัดก้อน และอื่นๆ จะมีการเริ่มการทำงาน ตรวจสอบ ปรับสมดุล และทดสอบการใช้งานแยกกัน” Scott Evans รองประธานบริหารของ Panda Biotech กล่าว “ปัจจุบัน อุปกรณ์ทั้งหมดได้รับการนำเข้าระบบออนไลน์เพื่อให้บริการอย่างเป็นทางการโดยแยกแต่ละอุปกรณ์”

กระบวนการทางวิศวกรรมและการผลิตที่ Panda Hemp Gin ได้รับการรับรองโลกสีเขียวจาก Mid-South Engineering Company โดยมีการใช้เฉพาะแหล่งพลังงานหมุนเวียน ตามหลักการ Green Bond ของ International Capital Market Association โดย Panda Biotech ยังมีการร่วมมือกับ Oritain ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบย้อนกลับทางวิทยาศาสตร์ เพื่อนำกัญชาที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้สูงสุดที่ปลูกในสหรัฐอเมริกา 100 เปอร์เซนต์ออกสู่ตลาด

นอกเหนือจากนี้ Panda Biotech มีการลงนามในสัญญากับผู้ผลิตเพื่อปลูกต้นกัญชงสำหรับฤดูการปลูกในปี 2024 รวมถึงการซื้อเส้นใยป่านกัญชาที่ได้รับการเก็บเกี่ยวหรือแปรรูปแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้เปิดตัวโปรแกรมการจ่ายเพื่อปลูกที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับผู้ผลิตเพื่อเริ่มปลูกกัญชาจาก Panda ด้วยเงินรับประกันล่วงหน้าและการสนับสนุนด้านพืชไร่ ผู้ผลิต Panda ยังได้รับเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการทดสอบและผ่านการพิสูจน์แล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และประสบความสำเร็จในการลดความเสี่ยงที่ผู้ผลิตอาจประสบและเน้นย้ำความมุ่งมั่นและคำมั่นสัญญาจาก Panda ในการสนับสนุนชุมชนเกษตรกรรม ประโยชน์ในการปลูกกัญชานั้นมีมาก เนื่องจากเป็นพืชหมุนเวียนที่ดีเยี่ยม ซึ่งช่วยในการปรับสภาพดินและให้อัตรากำไรที่สูง หากสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถใช้แบบสอบถามสำหรับผู้ปลูกได้ที่ pandabiotech.com

เกี่ยวกับ PANDA BIOTECH

Panda Biotech, LLC เป็นบริษัทเอกชน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Dallas รัฐเท็กซัส และเป็นผู้บุกเบิกรายแรกในอุตสาหกรรมเส้นใยป่านกัญชาและกากใย Panda Biotech มีประสบการณ์ด้านการบริหารระดับผู้นำในการพัฒนา จัดหาเงินทุน ก่อสร้าง และดำเนินการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่สำหรับพลังงานสะอาด โดยมีการพัฒนาโครงการ 22 โครงการด้วยเงินทุน 12 พันล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณ ปัจจุบัน บริษัทกำลังพัฒนาโรงงานผลิตเหล้าจินจากกัญชาเชิงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โครงการแรกของ Panda คือ Panda High Plains Hemp Gin™ LLC (Panda Hemp Gin) โดยเป็นความร่วมมือกันกับ Aka-Ag, LLC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Southern Ute Indian Tribe Growth Fund โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ Wichita Falls รัฐเท็กซัส โดยเป็นโรงงานแปรรูปกัญชาขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับโลกตะวันตก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pandabiotech.com และ @pandabiotech บน Instagram, Twitter หรือ LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Beth Gebhard
SVP, Marketing and Public Relations
beth.gebhard@pandabiotech.com

แหล่งข้อมูล: Panda Biotech

Aurora, PTT Station และ Royal Umbrella เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศคว้ารางวัล 2023 – 2024 World Branding Awards

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–8 ธันวาคม 2023

World Branding Awards ครั้งที่ 17 ยกย่องความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายสำหรับกลุ่มแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก ในฐานะผู้ชนะเลิศระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก 2023 – 2024 World Branding Awards มีแบรนด์เข้าร่วมมากกว่า 1,500 แบรนด์จากกว่า 40 ประเทศที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “แบรนด์แห่งปี” ในจำนวนนี้ มีไม่ถึง 200 แบรนด์ที่เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศ

พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้จัดขึ้นที่ต้นกำเนิดของรางวัลนี้ นั่นคือ พระราชวังเคนซิงตัน สหราชอาณาจักร โดยได้ต้อนรับแขกกว่า 100 คนทั่วโลก และดำเนินรายการโดย David Croft ผู้จัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง

ผู้ชนะเลิศระดับโลกที่ได้พิสูจน์ความเป็นเลิศและการสร้างแบรนด์อย่างไร้ที่ติในอุตสาหกรรม ได้แก่ Sunsilk (สหราชอาณาจักร), LURPAK (เดนมาร์ก), Marriott International (สหรัฐอเมริกา), และ IKEA (สวีเดน)

ผู้ชนะเลิศจากประเทศไทย ได้แก่ Thai Life Insurance, PTT Station, M-150, Café Amazon, Royal Umbrella, Aurora, VITADAY, TrueOnline, Farmhouse, และ TOPS ผู้ชนะเลิศจากประเทศอื่นๆ ได้แก่ FERN- D (ฟิลิปปินส์), Frank & Co. (อินโดนีเซีย), Chow Tai Fook (ฮ่องกง), Sokos Hotels (ฟินแลนด์), Mercadona (สเปน), Airland (ฮ่องกง), และ Getha (มาเลเซีย) และยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้

มีเพียง 14 แบรนด์เท่านั้นที่คว้ารางวัล Regional Tier ในปีนี้ ได้แก่ Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น), GIG (คูเวต), MR.DIY (มาเลเซีย), M-150 (ไทย), HECOM (ฮ่องกง), และ VITADAY (ไทย) แบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์โปรดของผู้บริโภคใน 4 ประเทศขึ้นไปภายใต้ 3 ภูมิภาคขึ้นไปทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองความพยายามอย่างต่อเนื่องซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น ในการคงการตอบรับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง แบรนด์จะต้องมีการสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่น สะท้อนถึงความเป็นแบรนด์และคงอยู่ตราบเท่านาน ซึ่งไม่เพียงเป็นการสร้างวัฒนธรรมและชุมชนสำหรับแบรนด์ผ่านการตลาดเท่านั้น แต่ยังต้องรับประกันได้ว่า ผู้คนทุกเจนเนอเรชันจะยังให้การตอบรับแบรนด์และมีความสนใจในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง” Mr Richard Rowles ประธานของ World Branding Forum กล่าว

ในปีนี้ มีผู้บริโภคเข้าร่วมในการเสนอชื่อทั่วโลกมากกว่า 150,000 คน โดยเฉลี่ยแล้ว ในแต่ละประเทศมีเพียง 5 แบรนด์เท่านั้นที่คว้ารางวัลชนะเลิศ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า การได้รับรางวัล World Branding Award นี้ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งยวด

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะเลิศทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลอันทรงเกียรติของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการจดทะเบียน รางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

โซเชียลมีเดีย

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/

Twitter: https://twitter.com/WorldBranding

Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/

LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

อีเมล: editorial@brandingforum.org

แหล่งข้อมูล: World Branding Awards

นักวิจัยโรคมะเร็งชื่อดังระดับโลกจากสเปนและสหรัฐอเมริกา ผนึกกำลังเพื่อจัดการกับความต้องการและความท้าทายที่สำคัญในการวิจัยโรคมะเร็งในสตรี

Logo

จากสถิติพบว่าผู้หญิง 1 ใน 3 จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระหว่างที่มีชีวิตอยู่ ความก้าวหน้าในการวิจัยและการรักษาอย่างทันท่วงทีมีความสำคัญต่อสุขภาพของผู้หญิง

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–8 ธันวาคม 2023

Mary Kay Inc.ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางตกแต่งสีขายตรงอันดับ 1 ของโลก และมูลนิธิที่บริษัทสนับสนุน ซึ่งรวมถึงมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundationในสหรัฐอเมริกา ยังคงให้การสนับสนุนอย่างมั่นคง เพื่อการวิจัยโรคมะเร็งของผู้หญิงผ่านการให้ทุนสนับสนุนแผนงานวิจัย และโครงการวิจัยต่างๆ การมอบทุนให้กับนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และการอำนวยความสะดวกในการทดลองทางคลินิก ทั้งหมดนี้เพื่อการค้นหาวิธีการรักษา

”The incidence of breast cancer in women is seeing an upward trend in the world, and today we can say that 1 in 3 women will be diagnosed with cancer in their lifetime,” said Dr. O’Shaughnessy (Courtesy of Joyce O'Shaughnessy, M.D.).

“อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงกำลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และในปัจจุบันเราสามารถพูดได้ว่าผู้หญิง 1 ใน 3 จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระหว่างที่มีชีวิตอยู่” ดร. O’Shaughnessy กล่าว (ได้รับความอนุเคราะห์จากแพทย์หญิง Joyce O'Shaughnessy)

เมื่อเร็วๆ นี้ Mary Kay ได้จัดการประชุมเสมือนจริงระหว่าง ดร. Joyce O'Shaughnessyเฉลิมฉลองประธานสตรีในการวิจัยมะเร็งเต้านมที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเบย์เลอร์และประธานการวิจัยมะเร็งเต้านมที่ U.S. Oncology ในดัลลัส รัฐเท็กซัส และ ดร. Eva Ciruelos ผู้ประสานงานหน่วยมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และ โรงพยาบาล HM และประธานกลุ่ม SOLTI ด้านการวิจัยมะเร็งเต้านมและมูลนิธิ FERO ที่ได้รับทุนการสนับสนุนจาก Mary Kay Spain ซึ่งประจำอยู่ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ทั้งสองเป็นผู้นำทีมวิจัยของตนเองในประเทศบ้านเกิดของตน โดยมุ่งเน้นที่การสืบสวนรูปแบบมะเร็งที่หายากและลุกลามในสตรี ได้แก่ มะเร็งเต้านมระยะลุกลามชนิดทริปเปิลเนกาทีฟ (TNBC)  แม้จะอยู่ห่างจากกันหลายพันไมล์ แต่ทั้งสองรู้จักกันมานาน – และร่วมมือกันเป็นเวลาหลายปีในการวิจัย TNBC เพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาและการรักษาโรคร้ายแรงนี้

นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ 2 คนในสาขาของตน นั่งลงเพื่อหารือเกี่ยวกับความสำคัญของความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก โดยเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนสำหรับนักวิจัยทั่วโลกในการแบ่งปันการค้นพบและความก้าวหน้าเพื่อรวบรวมผลลัพธ์

“มันไม่ใช่เรื่องของการมีความคิดที่ดีที่สุด แต่เป็นการร่วมมือกันเพื่อให้ผู้ป่วยแต่ละรายได้รับการรักษาที่ดีที่สุด และนี่คือสิ่งที่ต้องซึมซาบในอุตสาหกรรมการแพทย์ คลินิก และเภสัชกรรม อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงกำลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และในปัจจุบันเราสามารถพูดได้ว่าผู้หญิง 1 ใน 3 จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระหว่างที่มีชีวิตอยู่2” ดร. O’Shaughnessy กล่าว

“หากไม่มีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะวินิจฉัยโรคที่เฉพาะเจาะจงได้” ดร.Ciruelos ให้ความเห็น “การติดตามการรักษาของผู้ป่วยแต่ละรายในลักษณะเฉพาะบุคคลถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อนั้นเราจะสามารถระบุได้ว่าเหตุใดการรักษาแบบเดียวกันสำหรับผู้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันจึงได้ผลสำหรับบางคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนอื่นๆ”

พวกเขายืนยันความผิดหวังกับความแตกต่าง และความไม่เท่าเทียมกัน ที่พวกเขาเห็นในการเข้าถึงการรักษา ยา และการรักษาในประเทศต่างๆ และเรียกร้องให้มีความเป็นเอกภาพในการเสนอการรักษาที่เท่าเทียมกันมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยทุกคน โดยไม่คำนึงถึงที่อยู่อาศัยของพวกเขา นักวิจัยทั้งสองยังเห็นพ้องกันว่าการหาเวลาอุทิศตนให้กับการวิจัยโรคมะเร็งอย่างเต็มที่เป็นเรื่องยาก เนื่องจากต้องรับมือกับความท้าทายด้านเงินทุน และแสดงความขอบคุณต่อผู้สนับสนุน ซึ่งรวมถึงมูลนิธิ Mary Kay Ash และมูลนิธิ Fero ที่ทำให้งานช่วยชีวิตของพวกเขาเป็นไปได้

ดร. O'Shaughnessy กล่าวเสริมว่า “ในปี 1985 เรารู้สึกหงุดหงิดอย่างมากจากการไม่มีทางเลือกในการรักษาสำหรับผู้หญิงที่เป็นมะเร็ง วันนี้เราเห็นความก้าวหน้าอย่างมากในเรื่องนี้ และฉันก็มองโลกในแง่ดีขึ้นต่อความสำเร็จของนักวิจัยรุ่นต่อไป”

ด้วยการให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยมะเร็งโดยมูลนิธิ Mary Kay Ash ในสหรัฐอเมริกา และรางวัลมอบทุนของ Mary Kay Spain ให้กับมูลนิธิ FERO ในสเปน ทำให้ดร. O’Shaughnessy และ ดร. Ciruelos สามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้ Mary Kay เป็นแถวหน้าของการวิจัยโรคมะเร็งของผู้หญิง โดยสนับสนุนการวิจัยที่ก้าวล้ำซึ่งนำโดยผู้หญิงเพื่อผู้หญิง Mary Kay มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือนักวิจัยทั่วโลก โดยสนับสนุนการวิจัยเชิงแปล (การวิจัยที่เชื่อมโยงการวิจัยในห้องปฏิบัติการกับผู้ป่วยโดยตรง) การทดลองทางคลินิกที่มุ่งปรับปรุงการตรวจหา การพยากรณ์โรค และการรักษาโรคมะเร็งในสตรี ตลอดจนองค์กรที่สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง เช่น มูลนิธิ FERO ในประเทศสเปน

ติดตามบทสนทนาเต็มๆ ของพวกเขาได้ที่ Mary Kay Global YouTube channel.

เกี่ยวกับ Mary Kay

จากนั้น ตอนนี้ เสมอ Mary Kay Ash หนึ่งในผู้ที่ทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จ ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่ Mary Kay ได้เพิ่มศักยภาพให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางตกแต่งสี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และน้ำหอมที่ทันสมัย Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็ง และความรุนแรงในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบเราได้ที่  Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ X (เดิมชื่อว่าทวิตเตอร์)

1 “ที่มา บริษัท ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ฉบับปี 2023 ยอดขายมูลค่าที่ RSP ข้อมูลปี 2022”

2 สมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน https://www.cancer.org/cancer/types/breast-cancer/about/how-common-is-breast-cancer.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53867905/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.


เปิดตัว APO Productivity Databook 2023

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–6 ธันวาคม 2023

Asian Productivity Organization (APO) เปิดตัว APO Productivity Databook 2023 ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ประจำปีที่รวบรวมสถิติและแนวโน้มความสามารถในการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างครอบคลุม โดยนำเสนอการวิเคราะห์โดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ช่วยให้ผู้ถือหุ้นทำความเข้าใจภูมิทัศน์ปัจจุบันและตัดสินใจได้ตามข้อมูล วิธีการที่เคร่งครัดและมาตรฐานการรวบรวมข้อมูลของ Databook ช่วยให้สามารถมั่นใจได้ถึงชื่อเสียงในฐานะแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ สำหรับทุกคนที่มีความสนใจในความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศในเอเชีย

Example of data from the APO Productivity Databook 2023: Figure 5.13 Half-Century Total Factor Productivity index by Country, 1970-2021 (Graphic: Business Wire)

ตัวอย่างข้อมูลจาก APO Productivity Databook 2023: ภาพ 5.13 ดัชนีความสามารถในการผลิตปัจจัยรวมครึ่งศตวรรษตาประเทศ ปี 1970-2021 (กราฟิก: Business Wire)

APO Productivity Databook เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยสามารถช่วยเหลือผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำทางธุรกิจ และนักวิจัยในการวางแผนเศรษฐกิจ เปรียบเทียบประสิทธิภาพการผลิตในประเทศกับมาตรฐานระดับภูมิภาคและระดับโลก และระบุโอกาสและความท้าทายในการเติบโต

ไฮไลต์สำคัญของ APO Productivity Databook 2023

  • โปรไฟล์สมาชิก APO ยี่สิบเอ็ดโปรไฟล์และโปรไฟล์ระดับภูมิภาคห้าแห่ง พร้อมตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพการทำงาน
  • แนะนำวิธีการใหม่ เช่น การรวมมูลค่าของทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงาน (MER) และประเมินปริมาณที่ดินและคุณภาพแรงงานที่ดีขึ้น
  • แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ: ตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2021 เศรษฐกิจของ Asia31 (สมาชิก APO 21 ราย และผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก 10 ราย) เติบโตทุกปีที่ 4% ในปี 2021 คิดเป็น 48% ของเศรษฐกิจโลก เทียบกับสหรัฐอเมริกา (16%) และ EU27 (14%) การคาดการณ์ในปี 2030 ระบุว่า ส่วนแบ่งเศรษฐกิจโลกของเอเชียเพิ่มขึ้นเป็น 53%
  • การวิเคราะห์เฉพาะภาคส่วน: แม้จะมีการกระจายภาคส่วน เกษตรกรรม ป่าไม้ และประมง ยังคงครอบสัดส่วนในการจ้างงานในเอเชียในปี 2021 โดยคิดเป็นสัดส่วนของการจ้างงานถึง 30% ในขณะเดียวกัน การผลิตก็กลายเป็นภาคส่วนที่สำคัญ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของมูลค่าเพิ่มทั้งหมดใน 12 ประเทศในเอเชีย

APO Productivity Databook 2023 มีจำหน่ายทั้งในรูปแบบดิจิทัลและฉบับพิมพ์ และสามารถเข้าดูและดาวน์โหลดได้ฟรีจากลิงก์ด้านล่าง

https://doi.org/10.61145/TRKP9496

จะมีการอัปเดต APO Productivity Database 2023 ซึ่งเป็นเครื่องมือออนไลน์ที่แสดงข้อมูลการผลิตของ 31 ประเทศในเอเชีย และเกณฑ์มาตรฐานจากกลุ่มเศรษฐกิจหลายกลุ่มทั่วโลกในลิงก์ด้านล่างด้วยเช่นกัน

https://www.apo-tokyo.org/productivitydatabook/

เกี่ยวกับ APO

Asian Productivity Organization (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่อุทิศตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่แสวงหาผลประโยชน์ และไม่เลือกปฏิบัติ มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้งแปดคน และปัจจุบัน APO ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย อิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย เตอร์กิเย และเวียดนาม

APO วางแผนในการกำหนดอนาคตของภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสมาชิกผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความคิด โครงการริเริ่มในการสร้างขีดความสามารถของสถาบัน และการแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิต

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53867246/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อเพื่อขอรายละเอียด:
Digital Information Unit, APO: pr@apo-tokyo.org;
โทร: +81-3-3830-0411;
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org.

แหล่งข้อมูล: Asian Productivity Organization

Mary Kay ขยายสู่ฮังการี การยกระดับความงามและการสร้างเสริมพลังในยุโรปกลาง

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–1 ธันวาคม 2023

บริษัท Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นแบรนด์ความงามอันโดดเด่นและผู้สนับสนุนระดับโลกในการสร้างเสริมศักยภาพของผู้หญิงในระดับโลก รู้สึกตื่นตเต้นที่ได้ประกาศถึงการขยายุรกิจไปยังฮังการี ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ถือเป็นการรุกครั้งล่าสุดของบริษัทในตลาดยุโรป การขยายธุรกิจนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการฉลองครบรอบ 60 ปีที่สำคัญของ Mary Kay โดยเน้นย้ำถึงมรดกที่ยืนยาวในการนำเสนอโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีใครเทียบได้และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางแบบมีสีคุณภาพสูง

With Hungary’s rich cultural tapestry, vibrant heritage, and dynamic economy, Mary Kay Inc. is set to introduce a range of initiatives aimed at bolstering the economic empowerment of Hungarian women. (Credit: Mary Kay Inc.)

ด้วยพรมวัฒนธรรมอันมั่งคั่งของฮังการี มรดกอันมีชีวิตชีวา และเศรษฐกิจที่ไม่หยุดนิ่ง Mary Kay Inc. จึงเตรียมที่จะแนะนำโครงการริเริ่มสร้างสรรค์ต่างๆ ที่มุ่งเป้าไปยังการส่งเสริมการเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของหญิงสาวชาวฮังการี (เครดิต: Mary Kay Inc. )

การดำเนินงานของ Mary Kay Hungary จะได้รับการดูแลจากสำนักงานของ Mary Kay ในสาธารณรัฐเช็ก ณ กรุงปราก เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการขยายตัวครั้งยิ่งใหญ่นี้ จึงมีการจัดกิจกรรมทั้งในปรากและบูดาเปสต์ การขยายธุรกิจนี้ต่อยอดมาจากการได้รับรางวัลล่าสุดของแบรนด์ในการเป็นแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 ของโลกในด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางสีโดยบริษัท Euromonitor International1

“การขยายธุรกิจไปยังฮังการีเป็นสิ่งหนึ่งที่เราคำนึงถึงมาโดยตลอด และเรารู้ว่าถึงเวลาที่จะแนะนำโอกาสในการทำงานที่ไม่มีใครเทียบได้และผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ในตลาดใหม่แห่งนี้มาถึงแล้ว” Tara Eustace ประธานของ Mary Kay ในภูมิภาคยุโรปกล่าว “ฉันมั่นใจว่าภายใต้การนำของ Edita Szaboova และตลาด Mary Kay สาธารณรัฐเช็กและสโลวาเกียที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของเรา เราจะสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ที่สดใสและมีความเป็นไปได้สำหรับผู้หญิงในฮังการี”

Edita Szaboova ผู้จัดการทั่วไปของ Mary Kay สาธารณรัฐเช็กและสโลวาเกีย แสดงความกระตือรือร้นเกี่ยวกับการขยายตลาดใหม่

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มอบอำนาจให้กับเหล่าผู้ประกอบการหญิงที่มีความมุ่งมั่นในฮังการี ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจหลักของเราในการยกระดับชีวิตของผู้หญิง” Szaboova กล่าว “การเป็นผู้ประกอบการได้รับความเคารพและการสนับสนุนอย่างสูงในฮังการี และงานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงจะเปิดรับโอกาสใหม่นี้ในการทำงาน เรียนรู้ และสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนของตนเองได้”

ด้วยพรมวัฒนธรรมอันมั่งคั่งของฮังการี มรดกอันมีชีวิตชีวา และเศรษฐกิจที่ไม่หยุดนิ่ง บริษัท Mary Kay Inc. พร้อมที่จะแนะนำโครงการริเริ่มสร้างสรรค์ต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของหญิงสาวชาวฮังการี โดยโครงการริเริ่มเหล่านี้ได้รวมถึงโปรแกรมการศึกษา การให้คำปรึกษา และการลงทุนทางเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศอีกด้วย

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดติดตาม Mary Kay Hungary ออนไลน์ได้ที่ www.marykay.hu และเชื่อมต่อกันอยู่เสมอบน Instagram และ Facebook

About Mary Kay

Then. Now. Always. (ตั้งแต่ก่อนนั้น ตอนนี้และตลอดไป) Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกดั้งเดิม เธอได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของตัวเองในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ เพื่อทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางตกแต่งสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่  marykayglobal.com ค้นหาเกี่ยวกับเราใน Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ใน X (ชื่อเดิมคือ Twitter)

1 ” ที่มา Euromonitor International Limited; ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ฉบับปี 2023 ยอดขายมูลค่าที่ราคาปลีกผู้บริโภค (RSP) ข้อมูลปี 2022”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.




APO ยังคงให้ความสนับสนุน สปป.ลาว ในการเพิ่มผลผลิต

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–28 พฤศจิกายน 2023

Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการ Asian Productivity Organization (APO) เยือน สปป.ลาว เมื่อวันที่ 23 และ 24 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 เพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง และเปิดงานเทศกาลการเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ

APO Secretary-General Dr. Indra Pradana Singawinata (L) with Deputy Prime Minister and Minister of Foreign Affairs, H.E. Saleumxay Kommasith. (Photo: Business Wire)

Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการ APO (ซ) พร้อมด้วย H.E. Saleumxay Kommasith รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ภาพถ่าย: Business Wire)

ในระหว่างการเยือน Dr. Indra เลขาธิการ ได้พบกับ H.E. Saleumxay Kommasith รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ H.E. Malaythong Kommasith รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ เพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายด้านการผลิตและโอกาสที่ สปป.ลาว กำลังเผชิญ และการสนับสนุนจาก APO สำหรับกลยุทธ์การผลิตระดับชาติ รองนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณต่อ APO สำหรับการสนับสนุนการขับเคลื่อนการผลิตของประเทศอย่างต่อเนื่อง และชื่นชมประสิทธิผลของการให้ความช่วยเหลือจาก APO ต่อ SME และภาครัฐของ สปป.ลาว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวง Kommasith เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างผลกระทบโดยตรงในวงกว้าง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยตลาดที่เปิดเสรีมากขึ้นในภูมิภาค ความสามารถในการแข่งขันจึงเป็นเป้าหมายหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยหวังว่า จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและมากยิ่งขึ้นจาก APO ต่อความคืบหน้าในการผลิตของ สปป.ลาว

Dr. Indra เลขาธิการ แสดงความยินดีกับ สปป.ลาว สำหรับความคืบหน้าที่โดดเด่นในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตนับตั้งแต่เข้าร่วม APO ในปี 2002 ซึ่งบรรลุระดับการเติบโตของแรงงานได้เร็วที่สุดในกลุ่มประเทศสมาชิกอื่นๆ ในระหว่างปี 2011–17 นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ สปป.ลาว จะต้องกระจายโครงสร้างทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการเติบโตของผลิตภาพในภาคส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งสร้างงานและรายได้ การปรับปรุงการจัดการด้านกฎระเบียบที่สนับสนุนการผลิต และการดำเนินธุรกิจที่ง่ายดายยิ่งขึ้นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปรับใช้งานได้  Dr. Indra กล่าวเสริม

เลขาธิการ APO เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ APO ในการทำงานร่วมกันกับ สปป.ลาว ในการผลิต โดยให้บริการที่ปรึกษาด้านนโยบาย โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถ โครงการริเริ่มที่ชาญฉลาด และแพลตฟอร์มการแบ่งปันความรู้ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ สปป.ลาว ใช้ประโยชน์จากการเป็นสมาชิกใน APO และรับประโยชน์จากแนวทางปฏิบัติและประสบการณ์ที่ดีของสมาชิกอื่นๆ

Dr. Indra เลขาธิการ ยังเปิดงาน National Productivity Festival และ Exhibition on Innovations for Higher Quality ซึ่งจัดโดย Department of Small and Medium Enterprise of the Ministry of Industry and Commerce ของ สปป.ลาว โดยกล่าวยกย่องความคิดสร้างสรรค์และพลวัตของชาวลาวและองค์กรที่มุ่งมั่นปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพในด้านต่างๆ รวมถึงเยาวชน และหวังว่างานมหกรรมและนิทรรศการนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมและความร่วมมือมากยิ่งขึ้นระหว่างผู้ถือหุ้นระดับประเทศ รวมถึง สปป.ลาว และสมาชิก APO รายอื่นๆ

เกี่ยวกับ APO

Asian Productivity Organization (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่อุทิศตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือกัน โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่เลือกปฏิบัติ APO ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกร่วมก่อตั้งแปดคน ปัจจุบันประกอบด้วยประเทศสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย อิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย เตอร์กิเย และเวียดนาม

APO กำหนดอนาคตของภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิก ผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ ทำหน้าที่เป็นคลังความคิด โครงการริเริ่มในการสร้างขีดความสามารถของสถาบัน และการแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิต

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53863386/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
Digital Information Unit, APO:
pr@apo-tokyo.org
โทร: +81-3-3830-0411
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

แหล่งข้อมูล: Asian Productivity Organization

The Bangkok Reporter