NIQ BASES เปิดเผยรายชื่อผู้ชนะนวัตกรรมก้าวล้ำปี 2024 และเทรนด์ยอมนิยมที่ขับเคลื่อนการเติบโต

Logo

  • นักสร้างสรรค์นวัตกรรมยอดเยี่ยม: รางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 (2024 Breakthrough Innovation Award) ยกย่องผู้ชนะ 8 รายและผู้ได้รับเกียรติเป็นคลื่นลูกใหม่ 5 รายจากสำหรับผลิตภัณฑ์ชั้นนำที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งในประเทศไทย และโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
  • นวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโต: ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผลงานดีเกินค่าเฉลี่ยของแต่ละหมวดหมู่ โดยมีอัตราการปิดการขายสูงขึ้น 4 เท่าและการจัดจำหน่ายสูงขึ้น 2 เท่าในช่วงปีเปิดตัว นอกจากนี้ ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำยังสามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่า 50% ในปีที่สองของการเปิดตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบอันยั่งยืนของนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์
  • เทรนด์เกิดใหม่: ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นในเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนผสมที่ได้รับแรงบันดาลใจทางด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและเกาหลี รวมถึงผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและผลติภัณฑ์แบบเฉพาะบุคคล กำลังกำหนดอนาคตของนวัตกรรม FMCG ในภูมิภาคนี้อย่างรวดเร็ว

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

NielsenIQ (NIQ) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภค มีความภูมิใจที่จะเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมยังคงเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ ในงานสุดพิเศษที่จัดขึ้นในประเทศไทย NIQ BASES ได้จัดงานเฉลิมฉลองให้กับผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 โดยยกย่องแบรนด์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดและดึงดูดผู้บริโภคด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อันโดดเด่น

Celebrating Excellence: Winners and Wavemaker honorees of the 2024 NielsenIQ BASES Breakthrough Innovation Awards in Thailand. (Photo: Business Wire)

ร่วมเฉลิมฉลองความเป็นเลิศ: ผู้ชนะและผู้ได้รับเกียรติเป็นคลื่นลูกใหม่จากงานประกาศรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำของ NielsenIQ BASES ประจำปี 2024 ในประเทศไทย (รูปภาพ: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลเหล่านี้เปิดตัวระหว่างปี 2022 ถึง 2023 และประสบความสำเร็จในการนำทางไปสู่ภูมิทัศน์ของผู้บริโภคที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ขับเคลื่อนการเติบโตผ่านนวัตกรรม

ในตลาดที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งความคาดหวังของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสภาวะตลาดยังคงคาดเดาไม่ได้ นวัตกรรมยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังการเติบโตที่ยั่งยืน ตามรายงานของ NIQ BASES นักสร้างสรรค์นวัตกรรมยอดเยี่ยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบความสำเร็จในการปิดยอดเร็วสูงขึ้น 4 เท่า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สูงขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วงปีเปิดตัว เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับการเปิดตัวใหม่ ข้อมูลนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมเชิงกลยุทธ์สามารถผลักดันแบรนด์ให้ก้าวล้ำหน้าคู่แข่งขัน

“การเปิดตัวนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จยังคงเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตของแบรนด์ที่ยึดตามความต้องการของผู้บริโภคและการยอมรับของผู้ค้าปลีก” โกตัม เซธ รองประธาน NIQ BASES กล่าว “ผู้ชนะในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงยอดขายอันแข็งแกร่งในช่วงปีเปิดตัวและพลังอันยั่งยืนแห่งนวัตกรรมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รายการนี้เฉลิมฉลองให้กับสิ่งสร้างสรรค์ของผู้ผลิต FMCG ที่บรรลุผลสำเร็จในการขับเคลื่อนการเติบโต อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อเราจับคู่แนวคิดอันยอดเยี่ยมกับผลิตภัณฑ์อันเหนือชั้นและการกระตุ้นเชิงกลยุทธ์ ความสำเร็จของนักการตลาดเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่านวัตกรรมที่ประสบผลสำเร็จสามารถเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตได้ แม้ในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจอันท้าทายก็ตาม”

NIQ BASES เพิ่มศักยภาพให้กับแบรนด์ FMCG ด้วยข้อมูลเชิงลึกอันล้ำสมัยเพื่อกระตุ้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงแบรนด์ และการกระตุ้นเปิดตัวสู่ตลาด ด้วยสิทธิบัตรมากกว่า 100 ฉบับและฐานข้อมูลนวัตกรรมที่ได้รับการประเมิน 500,000 รายการ ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญในแพลตฟอร์ม AI, Neuro และ Agile สิ่งเหล่านี้ทำให้ NIQ มีความเชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ในด้านพลวัตของตลาดและกลยุทธ์ที่ดำเนินการได้จริงเพื่อความสำเร็จ

เฉลิมฉลองให้กับนักสร้างสรรค์นวัตกรรมก้าวล้ำ

ผู้ชนะรางวัลรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำในปีนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความเป็นเลิศในการดำเนินการ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ก้าวข้ามความยุ่งเหยิงของตลาดเท่านั้น แต่ยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ที่ชนะเลิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งโดยเฉลี่ย 56% ในช่วงปีที่สองเมื่อเทียบกับครั้งแรก ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังแห่งนวัตกรรมที่มีจุดมุ่งหมาย

ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา แบรนด์ต่างๆ มากกว่า 900 แบรนด์ทั่วโลกได้รับการยกย่องด้วยเกียรติยศอันทรงเกียรตินี้ รวมถึงนวัตกรรมประมาณ 600 รายการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากหมวดหมู่ต่างๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม (60%) และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและบ้าน (37%)

ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 ในประเทศไทย ได้แก่:

  • พี.อาร์.บิ๊กแบ็กรสสาหร่าย โดยพี.อาร์.ฟู้ดแลนด์
  • นมเมจิ ไฮโปรตีน โดยซี.พี.เมจิ
  • จูปาจุ๊ปส์ กัมมี่ไบท์ส แอนด์ ทูปส์ โดยเพอร์เฟตติ ฟาน เมลล์
  • ชาเขียวสกัดเย็นฮารุ โดยดริงก์ เอ็นเตอร์ไพรส์
  • ลอรีอัล ปารีส ไกลโคลิก-ไบรท์ สกิน โดยลอรีอัล ประเทศไทย
  • ลักซ์ โกลว์ บอดี้ วอช 3X แอนด์ 5X กลูต้า โดยยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง
  • ยาสีฟันดาร์ลี่ ออล ชายนี่ ไวท์ เอนไซม์ (เฟรช มิ้นท์) และ ยาสีฟันดาร์ลี่ ออล ชายนี่ ไวท์ เอนไซม์ (ฟลอรัล เฟรช) โดยฮอว์ลี่ย์ แอนด์ ฮาเซล เคมิคอล (ประเทศไทย)
  • แชมพูรีจอยส์ โคเรียน เจจู โรส เอดิชั่น โดยพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย)

หมวดหมู่คลื่นลูกใหม่ (Wavemaker) เป็นการยกย่องการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเร็วในการปิดยอดจากตลาดอันแข็งแกร่งและศักยภาพสำหรับความสำเร็จในอนาคต

คลื่นลูกใหม่ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 ในประเทศไทย ได้แก่:

  • ป๊อกกี้ ครัชฟรุตแอนด์นัท โดยไทยกูลิโกะ
  • อเมซอนแบล็ค อเมซอนเอสเพรสโซ่ และอเมซอนลาเต้ โดยดริงก์ เอ็นเตอร์ไพรส์
  • คิวมินซี สมูทตี้ โปรไบโอติก โดยเทรา ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ
  • ลิปตัน ไอซ์ที แบล็ค สปาร์คกลิ้ง เลมอน น้ำตาล 0% โดยซันโทรี่ เป๊ปซิโค เบเวอเรจ (ประเทศไทย)
  • คาราบาว เบียร์ ลาเกอร์ และ คาราบาว เบียร์ ดังเคิล โดยคาราบาว กรุ๊ป

ผู้ชนะแต่ละรายแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่ดี ผลิตภัณฑ์ที่ดี และการกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญ 3 ประการของ NIQ BASES ที่สามารถสร้างความสำเร็จในตลาดอันโดดเด่น

เทรนด์นวัตกรรมเกิดใหม่

การวิเคราะห์นวัตกรรมก้าวล้ำปี 2024 เน้นย้ำถึงโอกาสสำคัญสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ได้แก่:

  • สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี: ผลิตภัณฑ์ที่มีแคลอรี่ต่ำ น้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ หรือส่วนผสมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของลำไส้ ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดหมู่อาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ตลาดบางแห่งยังแสวงหาประโยชน์ด้านฟังก์ชันการทำงาน เช่น การเพิ่มพลังงานและภูมิคุ้มกัน
  • แรงบันดาลใจทางวัฒนธรรม: ส่วนผสมและรสชาติที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทรนด์เกาหลีและญี่ปุ่นกำลังได้รับกระแสตอบรับอย่างดีในหลากหลายหมวดหมู่ ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
  • ท้องถิ่นและกำหนดเอง: มีความต้องการส่วนผสมในท้องถิ่นหรือที่มาจากแหล่งยั่งยืนในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับแต่งตามความต้องการของท้องถิ่นในหมวดหมู่ต่างๆ จากภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น

“ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้แสดงถึงโอกาสที่สามารถดำเนินการได้จริงสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่จะตอบสนองต่อความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่หรือช่องว่างในตลาดเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่และสร้างการเชื่อมโยงที่ยั่งยืนกับผู้บริโภค” เซธกล่าวเสริม

นวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมช่วยแก้ปัญหาผู้บริโภค และทำได้ดีกว่าสิ่งอื่นใด! ใช้พลังแห่งนวัตกรรมเพื่อเติมชีวิตใหม่ให้กับแบรนด์ของคุณ

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภค ซึ่งนำเสนอความเข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคอย่างครบถ้วนที่สุด และเผยให้เห็นเส้นทางใหม่ๆ สู่การเติบโต NIQ ผนวกรวมกับ GfK ในปี 2023 ส่งผลให้ทั้งสองผู้นำในอุตสาหกรรมมีการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ มีการดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ซึ่งคิดเป็น 97% ของ GDP ของโลก โดย NIQ นำเสนอ Full View™ ด้วยการนำเสนอข้อมูลการขายปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมมากที่สุด พร้อมด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มอันทันสมัย

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.niq.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อมวลชน:
Natharin Nunai, natharin.nunai@nielseniq.com

แหล่งที่มา: NielsenIQ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54162202/en

NIQ, World Data Lab และ SPATE เปิดตัวรายงาน “Beauty Futures” – คู่มือการเดินทางของผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ความงามทั่วโลก

Logo

รายงานฉบับสมบูรณ์ที่จะเปิดเผยถึงแนวโน้มการใช้จ่ายและความชอบด้านความงามของกลุ่มคนในช่วงอายุต่างๆ

• กลุ่มคนในรุ่นมิลเลนเนียลจะเป็นแรงผลักดันในการเติบโตสูงสุดอยู่ที่ 193 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะแซงหน้าคนรุ่น X ภายในปี 2034

• กลุ่มคนรุ่น X เป็นผู้นำการใช้จ่ายด้านความงามในปี 2024 โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 150 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในทศวรรษหน้า

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–09 ธันวาคม 2024

NielsenIQ (NIQ) ร่วมมือกับ World Data Lab และ SPATE เพื่อเผยแพร่รายงานฉบับสมบูรณ์สำหรับกลุ่มคนในช่วงอายุต่างๆ โดยมุ่งเน้นเฉพาะตลาดความงามในทศวรรษหน้า

รายงานดังกล่าวได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับความชอบของกลุ่มคนในช่วงอายุต่างๆ นิสัยการใช้จ่าย ค่านิยม ลำดับความสำคัญ แรงจูงใจ พฤติกรรมการซื้อ และอิทธิพลที่มีต่อแนวโน้มในอุตสาหกรรมความงามทั่วโลก รายงานดังกล่าวได้เน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของคนแต่ละรุ่นที่มีต่อการกำหนดความชอบและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในทศวรรษหน้า

โดยกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลจะเป็นผู้นำในเทรนด์นี้โดยขับเคลื่อนการใช้จ่ายด้านความงามทั่วโลกเกือบครึ่งหนึ่งอยู่ที่ 193 พันเหรียญสหรัฐฯ โดยกลุ่มคนรุ่น Gen Z ตามมาเป็นอันดับสองที่ 158 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อุตสาหกรรมความงามทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนที่ 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยคาดการณ์การเติบโตอยู่ที่ 700 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2034 โดยภูมิภาคเอเชียจะเป็นผู้มีส่วนสนับสนุนอยู่ที่ 310 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แคลร์ มาร์ตี้ รองประธาน NIQ Beauty แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการวิจัยดังกล่าวว่า “ที่ NIQ เราตระหนักดีว่าการทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างวัยเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงามที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป นี่คือโอกาสสำหรับบริษัทต่างๆ ที่จะก้าวข้ามแนวทางแบบ “เหมารวม” และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับกลุ่มคนในแต่ละรุ่น ข้อมูลแนวโน้มผู้บริโภคและยอดขายของเราจะช่วยให้แบรนด์ความงามค้นพบความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบรับ เข้าใจคุณค่าของผู้บริโภค และนำทางไปสู่การค้าปลีก”

ข้อมูลสำคัญด้านความงามจากกลุ่มคนในรุ่นต่างๆ:

คนรุ่นมิลเลนเนียลจะครองอุตสาหกรรมความงามในช่วงทศวรรษหน้า:

• คนรุ่นมิลเลนเนียลที่เกิดระหว่างปี 1977 – 1995 จะเป็นผู้นำการเติบโตของตลาดความงามทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า และจะแซงหน้าคนรุ่น X ในฐานะผู้มีอิทธิพลในการใช้จ่ายด้านความงามในปี 2034 โดยคิดเป็น 24% ของการใช้จ่ายทั่วโลก

• การใช้จ่ายของกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผมในปี 2024 จะแซงหน้าตลาดโดยรวมทั้งในสหรัฐอเมริกาและในภูมิภาคอื่นของโลก โดยคนรุ่นมิลเลนเนียลมากกว่าครึ่งหนึ่ง (56%) มักคิดถึงรูปลักษณ์ของตนเองเป็นส่วนใหญ่ และมักจะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติหรือผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนในกิจวัตรด้านความงาม

• การใช้จ่ายของกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลด้านบริการความงามจะเติบโตมากที่สุดภายในปี 2034 โดยภูมิภาคยุโรปจะเป็นผู้นำในเทรนด์นี้ โดยกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียล 57% ในยุโรปจะใช้จ่ายด้านความงามไปกับบริการเสริมสวย และมีเพียง 6% สำหรับการแต่งหน้า เมื่อเทียบกับกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลในอเมริกาเหนือที่มีสัดส่วนของการแต่งหน้าคิดเป็น 11% ของการใช้จ่ายทั้งหมด

• คนรุ่นมิลเลนเนียลได้รับอิทธิพลจากเทรนด์ TikTok โดยแฮชแท็ก #makeupover30 เป็นแฮชแท็ก TikTok อันดับหนึ่ง โดยเติบโตถึง 194.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงการค้นหาเคล็ดลับและผลิตภัณฑ์เฉพาะตามความกังวลและความต้องการในวัยของพวกเขา ตัวอย่างเช่น การค้นหาบน TikTok ที่จะเน้นไปที่ความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ไขมันวัวในการดูแลผิว โดยมียอดดูเฉลี่ย 14.1 ล้านครั้งต่อสัปดาห์

Gen X เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายด้านความงามมากที่สุด:

• Gen X ซึ่งเกิดระหว่างปี 1965-1980 เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าสูงสุดในการใช้จ่ายด้านความงามในปี 2024 ถึงปี 2034 โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 150 พันล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยภูมิภาคอเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิกจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับกลุ่ม Gen X มากกว่าครึ่งหนึ่ง โดยมีชนชั้นกลางของประเทศจีนและคนรวยของประเทศอินเดียเป็นผู้มีส่วนสนับสนุนหลัก

• Gen X มีส่วนร่วมอย่างมากในด้านความงาม โดยมีการเข้าถึงที่สูงกว่าประชากรทั้งหมดใน 80% ของหมวดหมู่ความงามที่ได้รับการวิเคราะห์ สกินแคร์เป็นหมวดหมู่ที่เติบโตเร็วที่สุดในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเติบโต 4.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (26 พันล้านดอลลาร์)

• ความสะดวกสบายมาเป็นอันดับแรกในฐานะช่องทางที่คนรุ่น X เลือก และมีแนวโน้มว่าจะซื้อสินค้าในสถานที่แบบครบวงจร เช่น Amazon และ Hypermarket ต่างๆ

• ยอดดู TikTok ของคนรุ่น Gen X ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางเพิ่มขึ้นเป็น 53% โดย #over40makeup กลายเป็นแฮชแท็กยอดนิยม (6.9 ล้านครั้ง) ในปี 2024 โดยผลิตภัณฑ์ เช่น Guide Beauty Wand สำหรับผู้บริโภคที่ชอบโปรโมชั่นกำลังได้รับความนิยมในหมู่ผู้สร้างคอนเทนต์คนรุ่น X บน TikTok

“เราคาดการณ์ว่านี่เป็นครั้งแรกที่อุตสาหกรรมความงามทั่วโลกจะมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ” วูล์ฟกัง เฟิงเลอร์ ซีอีโอของ World Data Lab กล่าว “ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความต้องการของผู้บริโภคในทุกวัยและทุกประเทศที่ต้องการใช้เครื่องสำอางและบริการความงาม”

“การทำความเข้าใจเทรนด์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Google Search ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการก้าวไปข้างหน้า เพราะจะเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ในความสนใจและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละรุ่น” Yarden Horwitz ผู้ก่อตั้งร่วมของ SPATE กล่าว

เนื่องจากคนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z นั้นให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พวกเขาจึงพิจารณาถึงความยั่งยืนในผลิตภัณฑ์ความงามในแง่มุมต่างๆ คนรุ่นมิลเลนเนียลมีแนวโน้มที่จะเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยหรือไม่มีเลย (+3.2 คะแนน) ในขณะที่กลุ่มคนในรุ่น Gen Z จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางสังคมหรือสนับสนุนชุมชนที่มีความเสี่ยงหรือชนกลุ่มน้อย (+1.2 คะแนน)

รายงาน Beauty Futures ที่เป็นคู่มือการเดินทางของผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ความงามทั่วโลกในช่วงอายุต่างๆ เป็นรายงานเรือธงของ NIQ ที่ให้มุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับผู้บริโภคของผลิตภัณฑ์ความงามทั่วโลก โดยรายงานจะครอบคลุมถึง:

– การคาดการณ์สำหรับอุตสาหกรรมความงามทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า

– ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมการซื้อสำหรับทุกช่วงอายุ

– เทรนด์ความงามใหม่ๆ จาก Google และ TikTok

หากคุณต้องการสำเนา โปรดคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชั้นนำของโลก ซึ่งมอบความเข้าใจที่ครอบคลุมที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและเปิดเผยเส้นทางใหม่ๆ สู่การเติบโต โดย NIQ ได้รวมตัวกับ GfK ในปี 2023 โดยการนำผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองรายที่มีการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้มาอยู่รวมกัน ปัจจุบัน NIQ มีการดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยการอ่านข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งได้นำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัยของ ​​NIQ ผ่าน Full ViewTM

เกี่ยวกับ World Data Lab

World Data Lab ได้สร้างข้อมูลเฉพาะที่มีการคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อวัดและคาดการณ์แนวโน้มของผู้บริโภค การใช้จ่ายของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงทางประชากร และความคืบหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนจนถึงปี 2034 แนวทางวิทยาศาสตร์ข้อมูลขั้นสูงของเรา ซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญและเผยแพร่ใน Nature นั้นได้อบความแม่นยำ ความสดใหม่ และความสอดคล้องที่ไม่มีใครเทียบได้ในทุกกลุ่มประชากรใน 180 ประเทศและมากกว่า 6,000 เมือง

 เกี่ยวกับ SPATE

Spate เป็นแพลตฟอร์มวิจัยตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งวิเคราะห์สัญญาณการค้นหามากกว่า 20,000 ล้านสัญญาณและวิดีโอ TikTok มากกว่า 60 ล้านวิดีโอทั่วโลก โดยมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาพรวมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยข้อมูลของ Spate ทำให้แบรนด์ต่างๆ เข้าใจโลกแห่งความงามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ดีขึ้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับอายุ เช่น ความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการแต่งหน้าสำหรับผิวในวัยผู้ใหญ่บน Google Search และ TikTok

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ชื่อผลิตภัณฑ์และบริษัททั้งหมดเป็น trademarks™ หรือ registered® ของผู้ถือที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้าเหล่านี้ไม่ได้หมายความถึงความเกี่ยวข้องหรือการรับรองจากผู้ถือเครื่องหมายการค้านั้นๆ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

ผู้คว้ารางวัล ASEAN Steel Architectural Awards ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกได้รับการประกาศชื่อในงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในมาเลเซีย

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–19 พฤศจิกายน 2024

ผู้คว้ารางวัล BlueScope Steel Architectural Awards ASEAN ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกได้รับการประกาศชื่อในงานกาลาดินเนอร์ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียในวันที่ 14 พฤศจิกายน หน่วยงานด้านอุตสาหกรรมที่ได้รับการยกย่องจำนวนมาก ทั้งสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ (ASA) จากประเทศไทย, Ikatan Arsitek Indonesia (IAI) จากประเทศอินโดนีเซีย, University of Architecture Ho Chi Minh City (UAH) จากประเทศเวียดนาม, ACG Media Group จากประเทศมาเลเซีย และ AustCham Singapore จากประเทศสิงคโปร์ได้ร่วมมือกับ NS BlueScope ในการจัดตั้งรางวัลนี้ขึ้นเพื่อยกย่องชื่นชมการใช้เหล็กกล้าอย่างสร้างสรรค์และล้ำสมัยในโครงการด้านสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: Business Wire)

รางวัลแบ่งออกเป็นห้าประเภท โดยจะมีการประกาศผู้คว้ารางวัลเพียงหนึ่งเดียวจากโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในแต่ละประเภท บริษัทจากประเทศมาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนามได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้เข้าชิงรอบสุดท้ายของ ASEAN โดยคัดเลือกจากผู้ชนะการแข่งขันภายในประเทศทั้งสิ้น 14 รายชื่อ โครงการต่าง ๆ ได้รับการประเมินจากความเป็นเลิศด้านการออกแบบ นวัตกรรม และความยั่งยืน โดยคณะกรรมการจะให้คะแนนจากคุณลักษณะด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ความสวยงามไปจนถึงฟังก์ชันการใช้งานและประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นเป็นพิเศษในเรื่องการช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่นของผลงานนั้น ๆ

ผู้คว้ารางวัลในแต่ละประเภทมีดังนี้

  • อุตสาหกรรม: The Industrial Foundry for Marine Vessels โดย Ar. Naksit Wisetmora
  • พาณิชย์: รีสอร์ต Vana Vasa โดย M J Kanny Architect
  • ที่พักอาศัย: LAAB is More โดย Studio Sifah
  • สถาบันและอื่น ๆ: มัสยิด Daing Abdul Rahman โดย Razin Architects
  • ความงามเหนือกาลเวลาของเหล็กกล้า COLORBOND®: ศูนย์ประชุม CIDB โดย Arkiskape

คุณ Connell Zhang ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของ NS BlueScope & China กล่าวว่า “งานประกาศรางวัลที่จัดขึ้นมาใหม่นี้จะช่วยให้ผลงานทางสถาปัตยกรรมจากเหล็กกล้าที่เหนือชั้นที่สุดบางแห่งในภูมิภาคของเราเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ในฐานะผู้นำวงการด้านโซลูชันเหล็กกล้าแบบทาสีและแบบเคลือบ เราภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับวงการก่อสร้างและช่วยให้เกิดโครงการต่าง ๆ ที่สวยงามและผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดีเหล่านี้ ซึ่งส่งเสริมชุมชนของเราได้เป็นอย่างดีและยกระดับความยั่งยืน”

ผู้คว้ารางวัลได้รับการประกาศชื่อในงานประกาศรางวัลที่ Hilton Kuala Lumpur Hotel โดยมีตัวแทนราว 150 คนเข้าร่วมงาน ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติบางท่าน ซึ่งรวมถึงคุณ Danielle Heinecke ข้าหลวงใหญ่แห่งออสเตรเลียประจำมาเลเซีย คุณ Danielle Heinecke ได้ชื่นชมความสวยงามของบรรดาผลงานที่ชนะรางวัลและกล่าวถึงประโยชน์มากมายที่ผลงานเหล่านี้มีต่อชุมชนในพื้นที่

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้คว้ารางวัล BlueScope Steel Architectural Awards ASEAN โดยคลิกที่นี่

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

James Li | Vice President, Business Transformation, NS BlueScope Pte. Ltd.
T +65 6832 3512 | M +65 9626 2750
อีเมล james.li@bluescope.com | เว็บไซต์ www.nsbluescope.com

แหล่งที่มา: NS BLUESCOPE

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54154173/en


SBC Medical Group Holdings ประกาศการเจรจาร่วมกันเกี่ยวกับสัญญาหลักเพื่อเข้าซื้อกิจการ Aesthetic Healthcare Holdings Pte. Ltd ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกเวชศาสตร์ความงามหลายแห่งในสิงคโปร์

Logo

Aesthetic Healthcare สร้างฐานที่มั่นคงเพื่อขยายธุรกิจสู่เอเชียและยกระดับความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานของ SBC ในตลาดโลก

SBC จะใช้ประโยชน์จากการผนึกกำลังด้านการดำเนินงานและดำเนินกลยุทธ์การเติบโตเพื่อขยายธุรกิจในแนวดิ่งและเข้าถึงภูมิภาคใหม่

TOKYO

Quit Like Sweden ร่วมฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของสวีเดน

Logo

สต็อกโฮล์ม–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

ในวันนี้ ชาวสวีเดนได้กลายเป็นกลุ่มคนปลอดบุหรี่อย่างเป็นทางการแล้ว ความแพร่หลายของการสูบบุหรี่ทั่วประเทศลดลงเหลือ 5.3% ที่น่าสนใจก็คือ ในบรรดาคนที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของสวีเดนมาตลอดชีวิต ตัวเลขนี้ลดลงเหลือ 4.5% ส่วนคนจากประเทศอื่น ๆ ในยุโรปที่ย้ายมาอยู่ในสวีเดนก็มีแนวโน้มมากขึ้นถึงสามเท่าที่จะสูบบุหรี่หากก่อนหน้านี้ไม่ได้เลือกย้ายมาอยู่ที่สวีเดน (24%1 เทียบกับ 7.8%)

Quit Like Sweden (แพลตฟอร์มที่มุ่งเผยแพร่ “Swedish Experience”) ร่วมยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ด้วยการเรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ มาร่วมพัฒนาอีกหลายล้านชีวิตทั่วโลกไปด้วยกัน

คุณ Suely Castro  ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Quit Like Sweden กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ความสำเร็จของสวีเดนเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการพิสูจน์ว่าแนวคิดนี้ได้ผลจริงสำหรับผู้คนทั่วโลก”

“ในวันนี้ เราสามารถร่วมยินดีไปกับพัฒนาการด้านสุขภาพของสาธารณชนได้ เมื่อนำแนวทางทดแทนการสูบบุหรี่แบบ “เข้าถึงได้” “ยอมรับได้” และ “มีค่าใช้จ่ายไม่แพง” มาเสริมให้กับมาตรการและโปรแกรมต่าง ๆ ในการหยุดและป้องกันการสูบบุหรี่ สวีเดนได้พิสูจน์ให้ทั่วโลกได้เห็นแล้วว่า การลดการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่นั้นไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นเรื่องที่ทำได้จริง และตอนนี้เราก็อยากให้ทั่วโลกมาร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จทั่วโลก”

เกี่ยวกับ Quit Like Sweden

Quit Like Sweden เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ในการนำ Swedish Experience ไปปรับใช้เพื่อลดความแพร่หลายของการสูบบุหรี่ โดยการนำแนวทางทดแทนที่เข้าถึงได้ ยอมรับได้ และมีค่าใช้จ่ายไม่แพงมาผสานรวมกับมาตรการและโปรแกรมต่าง ๆ ในการหยุดและป้องกันการสูบบุหรี่

1 คณะกรรมาธิการยุโรป, ยูโรบารอมิเตอร์พิเศษ 539 – ทัศนคติที่ชาวยุโรปมีต่อยาสูบและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง, 2024 (ดูได้ที่ https://europa.eu/eurobarometer/surveys/detail/2995)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บุคคลติดต่อ

info@quitlikesweden.org

แหล่งที่มา: Quit Like Sweden

Beerenberg ชนะคดีเหนือ Aspen Aerogel ในเกาหลี

Logo

เกาหลี–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

คณะกรรมการพิจารณาและอุทธรณ์คดีทรัพย์สินทางปัญญา (Korea Intellectual Property Trial and Appeal Board หรือ IPTAB) แห่งเกาหลี ได้ตัดสินให้สิทธิบัตร 3 ฉบับของ Aspen Aerogel เกี่ยวกับวัสดุไฮโดรโฟบิกแอโรเจลที่ได้รับการปรับปรุงถือเป็นโมฆะ

Specializing in insulations solutions of high-quality and efficiency, Beerenberg has developed cost-effective insulation products that meet the industry's challenges regarding corrosion, the need for low lifetime costs and quick installation. (Photo: Business Wire)

Beerenberg ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันฉนวนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ฉนวนแบบคุ้มค่าใช้จ่ายที่ตอบโจทย์ความท้าทายของอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกัดกร่อน ความต้องการด้านค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานที่ต่ำ และการติดตั้งที่รวดเร็ว (รูปภาพ: Business Wire)

ข้อสรุปนี้มีขึ้นหลังจากที่ IPTAB พบว่าสิทธิบัตรดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการได้รับอนุมัติ ได้แก่ การขาดคำอธิบาย ขาดความคิดสร้างสรรค์ และขาดความแปลกใหม่

คำตัดสินของ IPTAB สอดคล้องกับข้อสรุปจากคณะกรรมาธิการด้านการค้าของเกาหลี (Korea Trade Commission หรือ KTC) ที่มีขึ้นก่อนหน้านี้ในปีเดียวกัน ซึ่งระบุว่าข้อกล่าวอ้างเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรจากฝั่ง Aspen Aerogels นั้นไม่มีมูลความจริง

Beerenberg ได้กล่าวอ้างมาตั้งแต่ต้นว่าข้อกล่าวหาจาก Aspen Aerogels ไม่ถูกต้อง

“หลังจากถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ว่าละเมิดสิทธิบัตรมาหลายปี เรารู้สึกพอใจที่ชนะคดีนี้จากการตัดสินของ IPTAB” Arild Apelthun ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO กล่าว

Beerenberg ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันฉนวนระดับไฮเอนด์เฝ้ารอคำตัดสินนี้มาอย่างยาวนาน

“เราหวังว่าคำตัดสินนี้จะช่วยให้ความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของเราหมดไป และเราตั้งตารอที่จะนำเสนอฉนวนคุณภาพสูงแก่ลูกค้าของเรา” Geir Harris ซึ่งดำรงตำแหน่ง SVP ฝ่าย Business Development กล่าว

เกี่ยวกับ Beerenberg AS

Beerenberg มอบโซลูชันที่คุ้มค่าใช้จ่ายแก่บริษัทด้านอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทมาอย่างยาวนานกว่า 47 ปี โดย Beerenberg เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านการบริการดัดแปลงและบำรุงรักษาบนพื้นที่ไหล่ทวีปของนอร์เวย์ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการระบบหุ่นยนต์และผลิตภัณฑ์ฉนวนระดับโลก ความเชี่ยวชาญของกลุ่มบริษัทนี้ครอบคลุมวงจรชีวิตทั้งหมดของอุตสาหกรรมปิโตรเลียม โดยเชี่ยวชาญตั้งแต่การศึกษาภาคสนามและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ไปจนถึงการบำรุงรักษา ดัดแปลง และขยายอายุการใช้งาน ซึ่งได้มีการแบ่งกิจกรรมด้านการดำเนินงานออกเป็นบริษัท Beerenberg Services และบริษัทในเครือ ทั้งนี้ Beerenberg ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Bergen มีสำนักงานย่อยอยู่ที่เมือง Stavanger และ Skien ในนอร์เวย์ รวมทั้งในโปแลนด์ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ประเทศไทย สิงคโปร์ และบราซิล ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.beerenberg.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54150433/en

ข้อมูลติดต่อ

Ingrid Lovise Færøyvik | VP Communications 
452 50 135 / 55 52 66 00

Beerenberg Services AS 
www.beerenberg.com   

ที่มา: Beerenberg AS

ผู้ประกอบการหญิง 35 รายจากอาเซียนและญี่ปุ่น หารือเกี่ยวกับความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ นวัตกรรม และความยั่งยืนในเวียงจันทน์

Logo

เวียงจันทน์ ลาว–(BUSINESS WIRE)–06 พฤศจิกายน 2024

ผู้ประกอบการหญิงสาว 35 รายจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นมารวมตัวกันที่สปป.ลาวเพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและความยั่งยืนในองค์กรของตน การอภิปรายโต๊ะกลมผู้ประกอบการหญิงสาวในอาเซียนและญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5-6 พฤศจิกายน ณ โรงแรมคราวน์พลาซ่า จัดขึ้นโดยศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นร่วมกับองค์กรเยาวชนอาเซียน โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการประสานงานอาเซียนด้าน วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย  ASEAN ACCESS, สภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเชียตะวันออก และสมาคมนักธุรกิจสตรีลาว

Thirty five women entrepreneurs from ASEAN and Japan discuss economic resilience, innovation and sustainability in Vientiane on Nov. 5-6. (Photo: Business Wire)

ผู้ประกอบการสตรี 35 รายจากอาเซียนและญี่ปุ่นหารือเกี่ยวกับความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ นวัตกรรม และความยั่งยืนในเวียงจันทน์เมื่อวันที่ 5-6 พฤศจิกายน (ภาพ: Business Wire)

การอภิปรายที่โต๊ะกลมถือเป็นเวทีสําคัญในการจัดการกับอุปสรรคสําคัญที่ผู้ประกอบการหญิงสาวต้องเผชิญในภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบรรลุทั้งนวัตกรรมและความยั่งยืนในธุรกิจของตน โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อระบุวิธีแก้ปัญหาในทางปฏิบัติเพื่อเพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจที่นําโดยผู้หญิง เพื่อปูทางไปสู่การเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและความร่วมมือระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น

การอภิปรายมุ่งเน้นไปที่สองประเด็นสําคัญ ได้แก้ การเสริมสร้างความเชื่อมโยงและการเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นตัว สําหรับการเชื่อมโยง ผู้เข้าร่วมได้สํารวจวิธีต่างๆ ในการปรับปรุงการเข้าถึงทางการเงิน ส่งเสริมการลงทุนซึ่งคำนึงถึงเพศสภาพ และสร้างทักษะดิจิทัลและความรู้ทางการเงินเพื่อให้แน่ใจว่ามีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างปลอดภัย ภายใต้หัวข้อการฟื้นตัว ผู้เข้าร่วมได้กล่าวถึงการลดความไม่เสมอภาคทางเพศในการเป็นเจ้าของ MSME และส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่ช่วยให้ผู้หญิงเป็นผู้นําธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ผู้เข้าร่วมงานยังได้เข้าร่วมเยี่ยมชมธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ 2 แห่งในสปป.ลาว ได้แก่ Enterprise & Development Consultants Co., Ltd. (EDC) และ Leuxay Construction Co., Ltd.การเยี่ยมชมเหล่านี้ทำให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าเกี่ยวกับกลยุทธ์การดําเนินงานและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของที่ประสบความสําเร็จใน สปป.ลาว ซึ่งช่วยอํานวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนความรู้ และเปิดช่องทางที่เป็นไปได้สําหรับความร่วมมือในอนาคต

งานนี้มีการหยิบยกประเด็นความท้าทายในการเข้าถึงเงินช่วยเหลือและเงินกู้สําหรับผู้ประกอบการสตรี เนื่องจากกฎระเบียบด้านการบริหาร การแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ และการขาดความยืดหยุ่นในการแก้ปัญหาด้านเงินทุน นอกจากนี้ ยังมีการหยิบยกประเด็นความท้าทายในการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ขั้นพื้นฐาน การระบุโซลูชันดิจิทัลที่เหมาะสมกับความต้องการ และการทําให้มั่นใจว่าพนักงานมีทักษะที่จําเป็นในการตอบสนองต่อวิวัฒนาการที่รวดเร็วของเทคโนโลยี และความสามารถในการปกป้องลูกค้า ผู้เข้าร่วมยังเรียกร้องให้มีเครือข่ายผู้ประกอบการสตรีที่มีการฟื้นตัวมากขึ้นเพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดความไม่เสมอภาคทางเพศต่อการเป็นเจ้าของธุรกิจของผู้หญิง

ผลการหารือทั้งหมดจะเผยแพร่ในรายงานการประชุมสุดยอดผู้ประกอบการหญิงสาวอาเซียน-ญี่ปุ่น ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2025

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1981 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54147820/en

ติดต่อ

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

URL: https://www.asean.or.jp/
TEL: +81 (0)3-5402-8118

อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

ที่มา: ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

Cascale เปิดตัวโมเดลการมีส่วนร่วมของสมาชิกแบบใหม่ พร้อมยกระดับข้อมูลจากซัพพลายเออร์และผู้ผลิต

Logo

อัมสเตอร์ดัม ฮ่องกง และโอกแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–31 ตุลาคม 2024

Cascale (เดิมชื่อว่า Sustainable Apparel Coalition) จะเปิดตัวโมเดลการมีส่วนร่วมของสมาชิกและการกำกับดูแลรูปแบบใหม่ เพื่อพัฒนาการตัดสินใจให้เปิดรับความแตกต่างมากขึ้น พร้อมมุ่งยกระดับข้อมูลจากซัพพลายเออร์และผู้ผลิตอย่างแน่วแน่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ (ซึ่งเกิดขึ้นกับโครงสร้างและผังทีมสมาชิกขององค์กร) จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการที่จะให้มีคนหลาย ๆ กลุ่มอยู่ในซัพพลายเชนอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น รวมถึงตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Cascale ในเรื่องความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการพัฒนาเครื่องมือและมาตรฐานอุตสาหกรรม ทั้งนี้ Cascale มุ่งส่งเสริมการทำงานร่วมกันทั่วทั้งอุตสาหกรรม รวมถึงสร้างความร่วมมือที่เท่าเทียมและมั่นคงยิ่งขึ้นในวงการสินค้าอุปโภคบริโภคโดยการทำให้แบรนด์และซัพพลายเออร์มีอิทธิพลที่สมดุลกันมากขึ้น

ในฐานะองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่อาศัยแนวคิดแบบมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่าย (Multi-Stakeholder Initiative หรือ MSI) Cascale มีพันธกิจในการมอบห่วงโซ่คุณค่าแบบครบวงจรโดยปราศจากอคติ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความเท่าเทียมและการเข้าถึงบริการได้สำหรับทุกคน องค์กรคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ จึงมุ่งแสวงหาจุดกึ่งกลางระหว่างความต้องการกับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลากหลายกลุ่ม (ตั้งแต่บริษัทขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็ก) ผู้ผลิต แบรนด์ และ NGO ต่าง ๆ ซึ่งจะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาอนาคตขององค์กรและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกันสำหรับวงการสินค้าอุปโภคบริโภค

ในการรับมือกับข้อเสนอแนะและบทสนทนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง Cascale จึงได้ปรับโครงสร้างของทีมสมาชิก โดยเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นที่ระดับภูมิภาคมาเป็นการมุ่งเน้นตามประเภทสมาชิกแทน รวมถึงจะนำกระบวนการกำกับดูแลรูปแบบใหม่เข้ามาปรับใช้ด้วย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อให้บริการแก่สมาชิกที่เป็นผู้ผลิต รวมถึงแบรนด์/ผู้ค้าปลีกได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน สมาชิกที่เป็นพันธมิตรก็ยังมีส่วนร่วมได้ผ่านทีมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สมาชิกทุกรายจะได้รับการสนับสนุนและโอกาสต่าง ๆ แบบเฉพาะตัวยิ่งขึ้นผ่านกระบวนการที่มีการวางโครงสร้างแบบใหม่เพื่อช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้นในช่วงระหว่างการเปลี่ยนผ่านนี้

คุณ Andrew Martin ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายบริหารของ Cascale กล่าวว่า “เมื่อใช้โครงสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกรูปแบบใหม่นี้ เรามีเป้าหมายที่จะสร้างระบบการจัดหาตัวแทนที่ครอบคลุมหลากหลายกลุ่มมากขึ้นและสร้างผลลัพธ์ได้จริง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกความคิดเห็น (โดยเฉพาะผู้ผลิต) จะเป็นที่รับฟังและนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับงานของเราในทุก ๆ ด้านรวมถึงการยกระดับ Higg Index อย่างต่อเนื่องและการพัฒนาโปรแกรมการดำเนินการร่วมกัน” และกล่าวอีกด้วยว่า “การมุ่งเน้นเรื่องความร่วมมือที่เท่าเทียมและการยกระดับกระบวนการครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ Cascale มีต่อเรื่องความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการบรรจบกันของอุตสาหกรรม ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยให้เรามอบบริการแก่สมาชิก ส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ และขับเคลื่อนให้เกิดผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนอย่างเห็นได้ชัดได้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ส่วนของห่วงโซ่คุณค่า”

ทีมการมีส่วนร่วมของสมาชิกจาก Cascale เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งนี้ ทีมนี้ทำงานอย่างไม่ลดละเพื่อเสาะหาและยกระดับข้อเสนอแนะจากสมาชิก (โดยเฉพาะผู้ผลิต) เพื่อให้มั่นใจว่าความต้องการของพวกเขาเหล่านี้ได้ถูกนำมาประกอบกระบวนการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น ความพยายามดังกล่าวนี้ช่วยให้เกิดแนวทางที่เปิดรับความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีตัวแทนจากหลากหลายกลุ่มมากขึ้นสำหรับผู้ผลิต ทั้งยังช่วยยกระดับบทบาทต่อการพัฒนาเครื่องมือและแนวคิดต่าง ๆ ของ Cascale อีกด้วย

โครงสร้างที่ Cascale พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันมากยิ่งขึ้น โดยจะเห็นได้จากการสรรหาสมาชิกเข้าร่วมทีมสมาชิก รวมถึงตำแหน่งใหม่อย่างผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการกำกับดูแลการเป็นสมาชิก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อข้อเสนอแนะจากซัพพลายเออร์ที่ต้องการให้มีการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมในเชิงปฏิบัติมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นที่ Cascale มีต่อการดำเนินงานร่วมกันและเน้นย้ำถึงการพินิจพิเคราะห์และความพร้อมปรับตัวอย่างต่อเนื่องขององค์กร นอกจากนี้ โครงสร้างแบบใหม่นี้ยังสอดรับกับคำแนะนำจากคุณ Ilishio Lovejoy ซึ่งเป็นนักวิจัยและปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการโปรแกรมอยู่ที่ Laudes Foundation อีกด้วย Cascale ช่วยสนับสนุนการศึกษาที่ใช้เวลา 2 ปีของคุณ Lovejoy ในเรื่องเกี่ยวกับ MSI โดยอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลภายในและเปิดให้สัมภาษณ์พูดคุยกับพนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เธอได้นำเสนอกรณีศึกษาของเธอที่งานประชุมประจำปีของ Cascale ที่จัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ที่มิวนิก ซึ่งในงานดังกล่าว เธอยังได้ร่วมพูดคุยกับวิทยากรท่านต่าง ๆ รวมถึงตัวแทนสมาชิกในคณะกรรมการจากสามภาคส่วนขององค์กรอีกด้วย เพื่อพูดคุยถึงทฤษฎีว่าด้วยกระบวนการที่เป็นธรรม

หลังจบงาน คุณ Lovejoy กล่าวว่า “ดิฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับความตึงเครียดในการดำเนินงานร่วมกันที่ Cascale รวมถึงเจาะลึกว่ากระบวนการที่เป็นธรรมจะเป็นกลไกอันล้ำค่าในการตรวจสอบและลดความตึงเครียดเชิงโครงสร้าง การทำงาน และอารมณ์ในแนวคิดแบบมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่ายเช่นนี้ได้อย่างไรบ้าง” รวมถึง “ดิฉันอยากจะขอบคุณคุณ Colin Browne และคณะกรรมการของ Cascale ที่ได้เชิญดิฉันมานำเสนอผลงานและให้ดิฉันได้มาร่วมพูดคุยแบบเปิดอกในเรื่องยาก ๆ เช่นนี้เพื่อมุ่งให้เกิดการดำเนินงานร่วมกันที่ดียิ่งขึ้นค่ะ”

Cascale ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนภาคส่วนการผลิต ซึ่งมีความสำคัญมากในการบรรลุเป้าหมายด้านการดำเนินการร่วมกัน เมื่อไม่นานมานี้ องค์กรยังได้ประกาศถึงผลเชิงบวกจากโปรแกรมการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศของผู้ผลิต (Manufacturer Climate Action Program หรือ MCAP) ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่ช่วยให้บรรดาผู้ผลิตจากทั่วโลกมาร่วมมือกันเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และเปิดรับทั้งสมาชิกของ Cascale และผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน Cascale ยังได้ประกาศการทำงานร่วมกับสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องแต่งกายของบังกลาเทศ (BGMEA) โดยมุ่งส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในภาคส่วนเครื่องแต่งกายในภูมิภาคที่กำลังประสบภาวะวิกฤตนี้

ข้อมูลจากซัพพลายเออร์ยังคงมีความสำคัญสูงสุดในขณะที่ Cascale กำลังพัฒนาเครื่องมือ Higg Index ซึ่งมีบริษัทใช้งานกว่า 40,000 แห่งและมีให้บริการบน Worldly เท่านั้น ในแต่ละปี เครื่องมือจะได้รับการอัปเดตให้สอดรับกับความต้องการและเรื่องสำคัญ ๆ ของสมาชิก การอัปเดตเหล่านี้ทำให้เครื่องมือสามารถมอบข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด เพื่อช่วยให้มีการตัดสินใจทางธุรกิจที่ยั่งยืน ทั้งยังสนับสนุนการปฏิบัติตามภาระหน้าที่การรายงานในปัจจุบันและที่เกิดขึ้นใหม่อีกด้วย ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 การอัปเดต Higg Materials Sustainability Index (Higg MSI) และ Higg Facility Environmental Module (Higg FEM) จะมีข้อเสนอแนะจากสมาชิกและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วย

Higg MSI (ซึ่งเป็นเครื่องมือการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมแบบ Cradle-to-gate สำหรับวัสดุต่าง ๆ ที่ได้รับการอัปเดตเมื่อเดือนตุลาคม) แสดงให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันทั่วทั้งอุตสาหกรรมเป็นเวลาสามปีเกี่ยวกับแนวทางและโมเดลด้านผ้าคอตตอนโดยเฉพาะ นับเป็นการตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับความสอดคล้องกันและความน่าเชื่อถือของข้อมูลเกี่ยวกับเส้นใยโดยเฉพาะ โดยในเดือนพฤศจิกายน การอัปเดต Higg FEM จะเป็นการต่อยอดมาจากการทำงานร่วมกันแบบเชิงลึกในปี 2023 อีกด้วย ทั้งนี้ การอัปเดต Higg FEM ครั้งใหญ่ล่าสุดได้นำข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 140 รายมาใช้ โดยมีผู้ผลิตเป็นกลุ่มที่มีประชากรมากที่สุด

ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของ Cascale ต่างมาร่วมมือกันเพื่อดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศให้รวดเร็วยิ่งขึ้นและขยายผลลัพธ์ในวงกว้างผ่านแนวทางด้านความยั่งยืนที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวซึ่งช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บุคคลติดต่อ

คุณ Beatrice Thumi เจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสารของ Cascale
beatrice.thumi@cascale.org

แหล่งที่มา: Cascale

Mary Kay ได้รับการยกย่องในด้านความเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์ต่อเนื่องเป็นปีที่สองในงาน Texan by Nature 20 ประจำปี 2024

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–31 ตุลาคม 2024

Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมสกินแคร์และความยั่งยืน ได้รับรางวัล Texan by Nature 20 (TxN 20) ประจำปี 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านการอนุรักษ์ Texan by Nature ที่ก่อตั้งโดยอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Laura Bush โดย Texan by Nature จัดงานประจำปีเพื่อเชิดชู 20 ธุรกิจที่ตั้งอยู่หรือดำเนินงานในรัฐเท็กซัสที่แสดงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และความยั่งยืนซึ่งอิงจากข้อมูลผ่านโครงการ TxN 20

Founded by former First Lady Laura Bush, Texan by Nature annually celebrates 20 businesses based or operating in Texas that demonstrate data-backed commitments to conservation and sustainability through the TxN 20 initiative. Photo Credit: Grant Miller Photography

องค์กร Texan by Nature ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Laura Bush จัดงานประจำปีเพื่อเชิดชู 20 ธุรกิจที่ดำเนินงานในเท็กซัสซึ่งแสดงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และความยั่งยืนที่อิงจากข้อมูลผ่านโครงการ TxN 20 เครดิตภาพ: Grant Miller Photography

“การได้รับเกียรตินี้เป็นปีที่สองติดต่อกันแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Mary Kay ในการผสานรวมแนวทางที่ยั่งยืนเข้ากับธุรกิจของเราผ่านนวัตกรรม การสนับสนุน และความรับผิดชอบ” Virginie Naigeon-Malekหัวหน้าฝ่ายความรับผิดชอบองค์กรและความยั่งยืนของ Mary Kay กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่ในรายชื่อขององค์กรอนุรักษ์ทรงพลังอื่น ๆ ทั่วรัฐเท็กซัส สำหรับ Mary Kay ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของเรา—เรามุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกสำหรับคนรุ่นต่อไป”

เราเชื่อในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการลงมือทำ ความร่วมมือ และรูปแบบนวัตกรรม” Joni Carswell ซีอีโอและประธานของ Texan by Nature กล่าว “ถือเป็นเกียรติที่ได้ยกย่อง Mary Kay บริษัทที่แสดงให้เห็นว่าการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนผ่านการอนุรักษ์นั้นสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาวทั้งต่อผลกำไร ผู้คน และโลกใบนี้

Cristi Gomez, PhD, DABT, ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกฎระเบียบ ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านวิจัยและพัฒนาของ Mary Kay ได้เข้าร่วมการประชุม Texan by Nature Conservation Summit ครั้งที่ 6 ซึ่งนำเสนอความมุ่งมั่น นวัตกรรม และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจากหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับ Texan by Nature  โดย Gomez ได้ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “การสร้างคุณค่าในระบบโดยรวม” ซึ่งกล่าวถึงการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ ผลกำไรและความยั่งยืน รวมถึงการประเมินผลลัพธ์จากทุกส่วนในระบบ งานนี้จัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 23 ตุลาคม ณ ศูนย์ประธานาธิบดี George W. Bush

รางวัล TxN 20 ยกย่องผู้นำในอุตสาหกรรม 12 ภาคส่วนในรัฐเท็กซัสที่อยู่แนวหน้าของความพยายามในการอนุรักษ์และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ผู้ชนะรางวัลรายอื่น ๆ สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของ Texan by Nature

เกี่ยวกับ Mary Kay

อดีต ปัจจุบัน และตลอดไป หนึ่งในผู้บุกเบิกที่ทำลายกำแพงเพดานแก้ว Mary Kay Ash ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในรัฐเท็กซัสเมื่อปี 1963 ด้วยเป้าหมายเดียวคือการยกระดับชีวิตผู้หญิง ความฝันนั้นได้เติบโตเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกฝ่ายขายอิสระนับล้านคนในกว่า 35 ประเทศ ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา โอกาสจาก Mary Kay ได้เสริมพลังให้ผู้หญิงสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้ผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay มุ่งมั่นในการลงทุนในวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตสกินแคร์ที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการอนุรักษ์โลกของเราให้คนรุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากมะเร็งและความรุนแรงในครอบครัว และสนับสนุนเยาวชนให้ทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ทาง Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือ ติดตามเราได้ที่ X (ชื่อเดิม Twitter)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54144848/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.




Barracuda Technologies เปิดตัวโครงการโรงงานไบโอรีไฟเนอรีแบบมอดุลาร์ครั้งแรกในอินเดีย

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–29 ตุลาคม 2024

Barracuda Technologies Pvt. Ltd. บริษัทย่อยทางอ้อมของ Barracuda Technologies Inc. บริษัทสตาร์ตอัปที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก (สหรัฐอเมริกา) เพิ่งได้ดำเนินการสร้างโครงการโรงงานไบโอรีไฟเนอรีแบบมอดุลาร์ (modular Bio-Refinery) ครั้งแรกในอินเดียสำเร็จไป โดยถือเป็นก้าวสำคัญในด้านการผลิตวัสดุแบบยั่งยืนและหมุนเวียน (sustainable and circular materials) โรงงานไบโอรีไฟเนอรีระดับกึ่งเชิงพาณิชย์นี้ใช้กระบวนการแยกองค์ประกอบชีวมวล (biomass fractionation) เฉพาะของบริษัท เพื่อแปรรูปเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว, ฟางข้าวสาลี, ลำต้นกล้วย, กากอ้อย, ปาล์ม EFB, หญ้า Brachiaria (บราซิล), กัญชง และวัตถุดิบอื่น ๆ ให้กลายเป็นวัสดุที่มีค่า เช่น ลิกนินบริสุทธิ์ (clean Lignin), เซลลูโลส, ไบโอซิลิกา (bio-silica) และเฮมิเซลลูโลส (hemi-cellulose) โรงงานนี้สามารถใช้ชีวมวลได้หลากหลายประเภทและมีของเหลวเหลือทิ้งใกล้ศูนย์ (near-zero liquid discharge) จึงเป็นการดำเนินการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปราศจากของเสีย

เซลลูโลสของ Barracuda มีศักยภาพในการนำไปใช้งานหลากหลาย เช่น การใช้ในวัสดุที่ไม่ถักทอ (non-woven materials) อย่างกระดาษและภาชนะบนโต๊ะอาหาร รวมถึงการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ (biofuels), ไมโครไฟบริลเลต เซลลูโลส (micro fibrillated cellulose : MFC) และนาโนเซลลูโลส (nano cellulose : CNC) รวมถึงการใช้งานอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ลิกนินบริสุทธิ์ของ Barracuda ซึ่งมีคุณสมบัติ เช่น การป้องกันการไหม้ (anti-charring), การต้านรังสียูวี (UV resistance) และความทนต่อความชื้น และยังมีศักยภาพในการนำไปใช้กับสารเคลือบ กาว เครื่องสำอาง วัสดุก่อสร้าง อาหารเสริมสัตว์ เทอร์มอพลาสติก พอลิยูรีเทน และอื่น ๆ อีกด้วย Barracuda กำลังดำเนินการผลิตไบโอบิทูเมน (Bio-Bitumen) จากลิกนินที่มี โรงงานไบโอรีไฟเนอรียังผลิตไบโอซิลิกาที่มีประโยชน์ในหลากหลายการใช้งาน เช่น ยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อาหาร วัสดุทั้งหมดของ Barracuda เป็นวัสดุที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ

โครงสร้างแบบมอดุลาร์ของโรงงานไบโอรีไฟเนอรีนี้ช่วยแก้ปัญหาด้านการขนส่งและการจัดการวัตถุดิบที่มีความหนาแน่นต่ำ โดยเอื้อต่อโมเดลแบบระบบศูนย์กลางและเครือข่าย (hub-and-spoke model) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน โครงการนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรของกระบวนการของ Barracuda แต่ยังเป็นทางออกให้กับปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การเผาซังข้าว และยกระดับเศษวัสดุให้มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างมหาศาล

Navin Singhania (ผู้ได้ชื่อว่า “มนุษย์เส้นใย”) ผู้ก่อตั้ง Barracuda Technologies และผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการแยกองค์ประกอบชีวมวลกล่าวว่า “นี่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของวงการวัสดุที่ยั่งยืน โรงงานไบโอรีไฟเนอรีแบบมอดุลาร์เปลี่ยนแปลงทุกด้านของปัญหาที่มีมายาวนานเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานและปัญหาด้านการขนส่งวัตถุดิบที่มีความหนาแน่นต่ำและ CAPEX กระบวนการของ Barracuda นั้นมีต้นทุนที่ต่ำมาก สะอาด และเป็นระบบหมุนเวียน เราจะผลิตไฟเบอร์และลิกนินที่ถูกที่สุดในตลาดโลกปัจจุบัน” “เรากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจำนวนมาก และจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ
info@barra-labs.com

แหล่งที่มา : Barracuda Technologies

The Bangkok Reporter