NielsenIQ BASES เปิดตัว BASES Creative Product AI ซึ่งเป็นเครื่องมือชนิดใหม่เพื่อทดสอบ คัดกรอง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพขึ้น

Logo

เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ใหม่นี้เป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในการทดสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ในรอบ 70 ปี

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2565

NielsenIQ BASES ผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ รู้สึกยินดีที่ได้ประกาศเปิดตัวการพัฒนาเทคโนโลยีด้านวิธีการทดสอบ คัดกรอง และเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์โดยใช้ BASES Creative Product AI โดย BASES Creative Product AI สร้างขึ้นโดยใช้โมเดลและอัลกอริธึมมากกว่า 100 แบบในการสร้างเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถคาดการณ์ประสิทธิภาพและระบุวิธีใหม่ ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์

การเปิดตัว BASES Creative Product AI เป็นก้าวสำคัญสำหรับเครื่องมือรุ่นต่อไปที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่น่าตื่นเต้นใหม่ ๆ ให้แก่ผู้บริโภค BASES Creative Product AI ได้รับการฝึกโดยใช้การทดสอบจากผู้บริโภคใน 35 ประเทศ มีการประเมินผลิตภัณฑ์ในตลาดกว่า 11,000 รายการเพื่อเสาะหาความชอบของผู้บริโภค คุณภาพทางประสาทสัมผัส และข้อมูลประชากร NielsenIQ ยังคงฝึก BASES Creative Product AI อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์นี้ทุกสัปดาห์

Chris Sinclair หัวหน้าฝ่ายเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ระดับโลกของ NielsenIQ BASES กล่าวว่า “BASES Creative Product AI เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ที่สุดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรอบกว่า 60 ปี ลูกค้าของเราจะได้พบกับวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่การวิจัยก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นวิธีที่ชาญฉลาด คล่องตัว ประหยัดต้นทุน และสร้างสรรค์กว่าในการสร้างสูตรผลิตภัณฑ์ที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค”

การศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพของ BASES Creative Product AI สามารถทำได้โดยใช้ตัวอย่างเพียง 20 ตัวอย่างต่อผลิตภัณฑ์ที่ทดสอบ โดยช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพขณะที่มีการใช้ข้อมูลเชิงลึกจากหมวดหมู่อาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกได้อีกด้วย นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพสามารถใช้ได้กับผลิตภัณฑ์แต่ละรายการใน 35 ประเทศ ช่วยลดขั้นตอนการวิจัยที่ยืดเยื้อ โดยเห็นผลในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์

ความสำเร็จในตลาดปัจจุบันต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกแบบไดนามิกเพื่อแข่งขันในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี BASES จะเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการสร้างแนวคิด การประเมินผลิตภัณฑ์ และการเพิ่มประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับ NielsenIQ

NielsenIQ บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลระดับโลกที่มอบมาตรฐานชั้นเลิศในการประเมินพฤติกรรมผู้บริโภคและการค้าปลีกผ่านความเข้าใจผู้บริโภคหลากหลายช่องทางที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก โดยมีความเชื่อมโยง สมบูรณ์ และนำไปดำเนินการได้มากที่สุด NielsenIQ เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับอุตสาหกรรมที่เราให้บริการ และเป็นผู้บุกเบิกที่กำหนดอนาคตศตวรรษหน้าของการประเมินผู้บริโภคและการค้าปลีก ข้อมูล ข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อมโยงถึงกัน และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ของเราจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทสินค้าที่อยู่ในรูปแบบของบรรจุภัณฑ์สำหรับอุปโภค (CPG) และบริษัทค้าปลีก ช่วยให้บริษัทเหล่านี้ใกล้ชิดกับชุมชนที่พวกเขาให้บริการมากขึ้น และช่วยขับเคลื่อนการเติบโต

NielsenIQ ซึ่งเป็นบริษัทในพอร์ตโฟลิโอของ Advent International โดยมีการดำเนินงานในตลาดมากกว่า 90 แห่ง และครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเข้าไปที่ NielsenIQ.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220927005555/en/

ติดต่อข่าวสาร

อเมริกาเหนือ: Gillian Mosher (gillian.mosher@nielseniq.com)
ลาตินอเมริกา: Ari Rodriguez (ari.rodriguez@nielseniq.com)
เอเชียแปซิฟิก: Tarini Mathur Kaul (tarini.mathurkaul@nielseniq.com)
ยุโรป: Julia Mayer (julia.mayer@nielseniq.com).
จีน: Hana Hu (hana.hu@nielseniq.com)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ชิคาโกโอแฮร์ แทนที่ ลอนดอนฮีทโธรว์ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อมากที่สุด

Logo

สหรัฐฯ ครองตำแหน่งศูนย์กลางระดับโลกที่ชะลอสู่การฟื้นตัวหลังเกิดโรคระบาด

การค้นพบที่สำคัญ:

  • ชิคาโกโอแฮร์ (ORD) เป็นท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อกันมากที่สุดในโลก
  • ลอนดอนฮีทโธรว์ (LHR) ร่วงมาอยู่อันดับที่ 22 ทั่วโลก แต่ยังคงครองอันดับ 1 ของยุโรปไว้
  • ท่าอากาศยานนานาชาติเม็กซิโกซิตี้ (MEX) เป็นท่าอากาศยานนอกสหรัฐอเมริกาที่มีการเชื่อมต่อมากที่สุด
  • โตเกียวฮาเนดะ (HND) ขึ้นจากอันดับที่ 22 ในปี 2562 เป็นอันดับที่ 14 ในปี 2565
  • ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี (DEL) เป็นท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อกันมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2565

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางชั้นนำของโลก ในวันนี้เปิดเผย Megahubs 2022 ในการเป็นสนามบินที่มีการเชื่อมต่อระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก 50 อันดับแรก อัปเดตล่าสุดในปี 2562 โดย Megahubs ให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่ว่าการหยุดชะงักของการเดินทางอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อการเชื่อมต่อทั่วโลกได้อย่างไร

ในขณะที่ ลอนดอนฮีทโธรว์ (LHR) ยังคงรักษาอันดับที่หนึ่งในบรรดายุโรปฮัป แต่จากอันดับทั่วโลกร่วงจากอันดับที่ 1 ในปี 2562 มาอยู่อันดับที่ 22 ในปีนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล (CDG) และ ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต (FRA) ประสบปัญหาคล้ายกัน โดยร่วงจาก 10 อันดับแรกมาอยู่อันดับที่ 27 และอันดับที่ 30

ท่าอากาศยานของสหรัฐฯ ครองการเป็น Megahubs ระดับโลก โดยชิคาโกโอแฮร์ (ORD; อันดับ 1), ท่าอากาศยานนานาชาติดัลลาส-ฟอร์ตเวิร์ธ (DFW; อันดับ 2) และ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ทสฟิลด์–แจ็คสัน แอตแลนตา (ATL; อันดับ 3) อยู่ในสามอันดับแรกของท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อมากที่สุดในโลก ท่าอากาศยานนานาชาติเม็กซิโกซิตี้ (MEX) อยู่ที่อันดับสูงสุดนอกสหรัฐอเมริกาในส่วนของการเป็น Megahub อันดับที่ 8 เพิ่มขึ้น 7 ตำแหน่งจากอันดับที่ 15 ในปี 2562

“ตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังเกิดโรคระบาด ในขณะที่สหรัฐฯ ครองตลาดเนื่องจากตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง เราอาจเห็นยุโรปและศูนย์กลางระดับโลกอื่น ๆ ไล่ตามได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่การฟื้นตัวเต็มที่” John Grant ประธานฝ่ายบริหารด้านวิเคราะห์ของ OAG กล่าว

Megahub ที่เชื่อมต่อมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคือ ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี (DEL) เนื่องจากท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงร่วงจาก 50 อันดับแรก ท่าอากาศยานนานาชาติมุมไบ (BOM) อยู่ในอันดับที่ 6 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี (SIN) ร่วงมาอยู่อันดับที่ 12

สำหรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมจาก Megahubs 2022 และระเบียบวิธีการทั้งหมด โปรดดูบทวิเคราะห์ที่นี่

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางชั้นนำของโลก ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ปี 2472 มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ OAG ดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.oag.com และติดตามเราบน Twitter @OAG Aviation

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220927005042/en/

ติดต่อ:

Chrissy Azevedo, Corporate Ink for OAG
pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hitachi Metals Ltd.: ประกาศเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อทางการค้า

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 ก.ย. 2565

Hitachi Metals, Ltd. (ต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท”) ขอประกาศว่าได้มีมติในการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้ว่า ชื่อทางการค้าของบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้

การเปลี่ยนชื่อทางการค้าข้างต้นจะเกิดขึ้นโดยมีเงื่อนไขว่า  การเข้าประมูลซื้อกิจการของ K.K. BCJ-52 ซึ่งถูกเผยแพร่สู่สาธารณะในวันนี้จะต้องเป็นไปอย่างสำเร็จ และขั้นตอนอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนชื่อทางการค้า รวมถึงการแก้ไขบางส่วนของข้อบังคับบริษัท ก็ต้องเสร็จสมบูรณ์เช่นกัน

1. ชื่อทางการค้าใหม่

Proterial, Ltd.

2. กำหนดวันเปลี่ยนชื่อทางการค้า

4 มกราคม 2566

3. เหตุผลในการเปลี่ยนชื่อทางการค้า

บริษัทมีต้นกำเนิดมาจาก Hitachi จำกัด ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2453 และแยกตัวออกมาเป็นบริษัทอิสระในปี 2499 โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา บริษัทก็ได้เติบโตขึ้นโดยการมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์มากมายให้กับสังคมซึ่งพัฒนาด้วยความสามารถเทคโนโลยีขั้นสูง  หลังจากการดำเนินการตามการประมูลเข้าซื้อกิจการแล้วเสร็จ บริษัทจะเร่งความพยายามในการปฏิรูปและเติบโตต่อไปโดยร่วมมือกับหุ้นส่วนใหม่ทุกราย โดยมีเป้าหมายที่จะกลายมาเป็นบริษัทที่ "นำความยั่งยืนมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูง" ทั้งนี้ ด้วยการได้รับโอกาสการปรับโครงสร้างเงินทุนตามแผน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำหรับการแยกตัวเป็นอิสระเป็นครั้งที่สอง บริษัทจึงประสงค์เปลี่ยนชื่อใหม่ให้เป็นชื่อที่เหมาะสมกับการเริ่มต้นแห่งการเติบโตครั้งใหม่

4. แนวความคิดเบื้องหลังชื่อบริษัท

ชื่อ “Proterial” สะท้อนถึงแก่นแท้ของปรัชญาองค์กรของเรา ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบสามประการ ได้แก่ ภารกิจในการ “ทำให้ทุกคนเข้าถึงคุณภาพที่ดีที่สุด วิสัยทัศน์ในการ“นำความยั่งยืนด้วยประสิทธิภาพสูง” และค่านิยมในการมี “ความซื่อสัตย์สุจริตที่ไม่เสื่อมคลาย” ร่วมกับการมี “ความเคารพรักสามัคคีซึ่งกันและกัน” มันจึงเป็นการรวมคำว่า "pro-" กับคำว่า "material"

“Pro-” แสดงออกถึง “  pro สามประการ” ของเรา:

Professional ความเป็นมืออาชีพ — งานที่เหนือความคาดหมาย
Progressive มุ่งความก้าวหน้า — จิตวิญญาณที่ท้าทาย
Proactive ทัศนคติเชิงรุก — ทัศนคติที่พร้อมในเชิงธุรกิจ

“Material หรือ วัสดุ” หมายถึงวัสดุที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งเทคโนโลยีดั้งเดิมของเราผลิตขึ้นและเป็นรากฐานของข้อดีทั้งสาม ด้วยการมุ่งเน้นที่การแก้ปัญหาของลูกค้าและการสร้างคุณค่าใหม่ ๆ  เราสัญญาว่าจะมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนผ่านผลิตภัณฑ์และบริการภายใต้ปรัชญาของเรา

5. การเปลี่ยนชื่อทางการค้าของกลุ่มบริษัท

ชื่อทางการค้าของกลุ่มบริษัทในเครือของบริษัทที่มีชื่อปัจจุบันว่า “Hitachi” จะถูกเปลี่ยนในวันที่ 4 มกราคม 2566 อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ชื่อบางส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงภายในวันที่ 3 มกราคม 2566 หรือหลังจากวันที่ 5 มกราคม 2566 ตามความเหมาะสม

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220926005322/en/

ติดต่อ:

Akio Minami

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

Hitachi Metals, Ltd.

akio.minami.cq@hitachi-metals.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hytera เปิดตัว HR65X Compact DMR Repeater รุ่นใหม่

Logo

โดยสามารถปรับใช้และเชื่อมต่อเครือข่ายได้ง่าย Hytera HR65X Compact DMR Repeater ช่วยให้ธุรกิจตั้งค่าการครอบคลุมวิทยุสองทางที่เสถียรได้ในสถานที่ที่กำหนดโดยใช้สอยพื้นที่น้อยที่สุดและใช้งานได้มากที่สุด

เซินเจิ้น จีน–(บิสิเนส ไวร์)–26 ก.ย. 2022

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพ ได้เพิ่มสมาชิกรายอื่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Digital Mobile Radio (DMR) ด้วยการเปิดตัว HR65X Compact DMR Repeater ในฐานะที่เป็น Repeater ตัวที่สองของ Hytera หลังจากเปิดตัว DMR รุ่นใหม่ H Series ของ Hytera ในปี 2021, HR65X ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นวิธีที่คล่องตัวในการสร้าง ขยาย หรือเพิ่มความครอบคลุมของ ระบบวิทยุแบบสองช่องทาง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220926005368/en/

Hytera Launches New Generation Compact DMR Repeater HR65X (Photo: Business Wire)

Hytera เปิดตัว HR65X Compact DMR Repeater รุ่นใหม่ (รูปภาพ: Business Wire)

HR65X ขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาสามารถติดตั้งกับผนังได้อย่างยืดหยุ่น หรือพกติดตัวไปด้วยในกระเป๋าเป้พร้อมอุปกรณ์เสริมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ด้วยข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับเงื่อนไขการติดตั้งในสถานที่ HR65X ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อการสื่อสารได้ทุกที่ที่ต้องการ โดย repeater มีให้เลือกสองรุ่น: รุ่นพลังงานสูง 25W พร้อมพัดลมและพลังงานต่ำ 10W โดยไม่มีพัดลม

จากระบบ DMR ธรรมดาแบบตำแหน่งเดียวสำหรับอาคารแนวราบไปจนถึงระบบ IP multi-site สำหรับอาคารสูง HR65X ส่งสัญญาณที่ทรงพลังและเสถียรไปยังทุกมุม โดยมีน้ำหนักเพียงประมาณ 2 กก. และสามารถสะพายหลังได้อย่างง่ายดาย  เมื่ออยู่ในอากาศด้วยโดรน HR65X จะกลายเป็นโซลูชั่นครอบคลุมกรณีฉุกเฉิน สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องทวนสัญญาณรุ่นอื่นๆ จาก Hytera และสร้างเครือข่ายที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการที่แตกต่างกัน

HR65X ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานโดยใช้ไฟ AC หรือแบตเตอรี่เสริม ทำให้สามาถทำงานต่อไปในกรณีที่ไฟฟ้าดับ เมื่อเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟ AC แบตเตอรี่จะทำงานเป็นตัวสำรอง  ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ แบตเตอรี่ 12.5Ah พร้อมที่จะรองรับการทำงาน 10W สูงสุด 9 ชั่วโมง และการทำงานสูงสุด 25W สูงสุด 4 ชั่วโมง โซลูชันสำรองพลังงานนี้ช่วยลดการลงทุนและกำลังคนในการบำรุงรักษาสำหรับการเพิ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าของ UPS

HR65X ทำงานในโหมดแอนะล็อก โหมด DMR หรือโหมดผสมดิจิตอล/แอนะล็อก ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าวิทยุแอนะล็อกยังคงเชื่อมต่อกับเครือข่าย DMR ใหม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงปกป้องการลงทุนครั้งก่อนของลูกค้าในระดับสูงสุด  ด้วยระบบ Extended Network Management System (XNMS) ผู้ใช้สามารถอัปเดตการกำหนดค่า HR65X จากระยะไกลได้ในเวลาไม่กี่นาที และตรวจสอบสถานะการทำงานและการเตือนในแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดเวลาและทรัพยากรอย่างมากในการรักษาอุปกรณ์ทวนสัญญาณในไซต์ต่างๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hytera HR65X compact DMR repeater โปรดไปที่: https://www.hytera.com/en-products/digital-radio/dmr-system/hr65x/

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) เป็น ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพ ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า และหลากหลายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ธุรกิจและผู้ใช้ที่มีความสำคัญต่อภารกิจ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการรับมือเหตุฉุกเฉิน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.hytera.com/en/home.html

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220926005368/en/

ติดต่อ:

lele.yao@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Arm ประกาศสมาชิกคณะกรรมการคนใหม่และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินคนใหม่

Logo

ไฮไลท์ข่าว

  • กรรมการคนใหม่ Karen Dykstra และ Jeff Sine เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ Arm
  • Jason Child ดำรงตำแหน่งซีเอฟโอคนใหม่

เคมบริดจ์ อังกฤษ–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2565

ในวันนี้ Arm ประกาศแต่งตั้งสมาชิกคณะกรรมการคนใหม่ Karen Dykstra อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบริหารของ AOL และ Jeff Sine ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนของ Raine Group โดยมีผลทันที ผู้นำที่มีคุณสมบัติสูงเหล่านี้นำความเชี่ยวชาญที่หลากหลายมาสู่ Arm ในขณะที่บริษัทเตรียมการสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพ

Rene Haas ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Arm กล่าวว่า “ผมขอต้อนรับ Karen และ Jeff ผู้นำทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมทั้งสองจะนำประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและหลากหลายมาสู่ Arm Board”

Arm ยังประกาศแต่งตั้ง Jason Child เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ทั้งนี้ Child มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในการเป็นผู้นำในบริษัทที่มีการเติบโตสูงและขยายฟังก์ชันทางการเงินทั่วโลก ซึ่ง Child จะเข้าร่วมกับ Arm ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 และเป็นผู้นำองค์กรการเงินและไอทีระดับโลกของบริษัทโดยรายงานต่อ Haas

Haas กล่าวเสริมว่า “Jason เป็นผู้นำที่มีประสบการณ์ด้านการเงินและเทคโนโลยีระดับโลก ประสบการณ์ที่กว้างขวางของเขาด้านการจัดการทางการเงินในบริษัทมหาชนและการเสนอขายหุ้น IPO จะประเมินค่าไม่ได้ในการเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพ ฉันหวังว่าจะได้ร่วมงานกับเขาในฐานะส่วนหนึ่งของทีมผู้นำของ Arm ในขณะที่เรายังคงกำหนดอนาคตของระบบคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นบน Arm”

Child จะเข้ามาแทนซีเอฟโอ Inder Singh ซึ่งจะยังคงอยู่ที่ Arm ในบทบาทที่ปรึกษาและช่วยเหลือในการเปลี่ยนแปลงจนถึงเดือนพฤศจิกายนก่อนที่จะก้าวไปสู่โอกาสใหม่

Haas กล่าวว่า “ฉันอยากจะขอบคุณ Inder สำหรับการมีส่วนร่วมและความเป็นผู้นำของเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เขาได้ช่วยบริษัทในการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างตั้งแต่เข้าร่วมในปี 2562 รวมถึงการสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งด้วยระบบและกระบวนการที่อัปเกรดแล้วในทีมการเงิน ไอที และความปลอดภัยทางไซเบอร์ เราขอให้เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างดีที่สุด”

ครั้งล่าสุด Child ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสและซีเอฟโอที่ Splunk ตั้งแต่ปี 2562 โดย Child ดำรงตำแหน่งซีเอฟโอหลายตำแหน่ง รวมถึงที่ Groupon ซึ่งเขาช่วยการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2554 และในตำแหน่งซีเอฟโอที่ Amazon International ก่อนร่วมงานกับ Splunk

“นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท Arm มีประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งในด้านนวัตกรรมและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์” Child กล่าว “Arm เป็นประเภทผู้นำระดับโลก และผมตื่นเต้นที่จะเข้าร่วมเป็นซีเอฟโอในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับบริษัทนี้”

เกี่ยวกับ Karen Dykstra

ก่อนหน้านี้คุณ Dykstra ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบริหารของ AOL ซึ่งเป็นเว็บพอร์ทัลและผู้ให้บริการออนไลน์ ก่อนร่วมงานกับ AOL เธอเป็นหุ้นส่วนที่ Plainfield Asset Management และดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Plainfield Direct ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาธุรกิจของ Plainfield ก่อนหน้านี้เธอใช้เวลากว่า 25 ปี กับ Automatic Data Processing (ADP) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันการจัดการทรัพยากรบุคคลแก่นายจ้าง โดยล่าสุดดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ปัจจุบัน คุณ Dykstra เป็นคณะกรรมการของ VMware และ Gartner และยังดำรงตำแหน่งคณะกรรมการของ Boston Properties, Crane และ AOL

เกี่ยวกับ Jeff Sine

คุณ Sine เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนของ The Raine Group ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ระดับโลกที่มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยี สื่อและการสื่อสาร ก่อนก่อตั้ง Raine เขาดำรงตำแหน่งรองประธานและหัวหน้าบริหารรระดับโลกฝ่ายวาณิชธนกิจด้านเทคโนโลยี สื่อและโทรคมนาคมที่ UBS Investment Bank เป็นกรรมการผู้จัดการที่ Morgan Stanley และเป็นทนายความที่ Sullivan & Cromwell ในนิวยอร์กและลอนดอน ปัจจุบัน คุณ Sine ดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการของกลุ่มบริษัทและบริษัทย่อยของ Raine หลายแห่ง นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งคณะกรรมการวิทยุสาธารณะแห่งชาติ (NPR) (รองประธาน), ITHAKA, บริการทดสอบทางการศึกษา (ETS) (ประธาน), มหาวิทยาลัยอเมริกัน และ The Manhattan Theatre Club

เกี่ยวกับ Jason Child

อาชีพการงานของ Jason Child ครอบคลุม 30 ปีในทุกด้านของการเงินและกลยุทธ์ระดับโลก การบัญชี ตลาดทุน/การเงิน การดำเนินการเสนอขายหุ้น IPO และนักลงทุนสัมพันธ์ เขามีประสบการณ์มากมายในการปรับขนาดเทคโนโลยีแบบผกผันภายในซอฟต์แวร์องค์กร/SaaS, อีคอมเมิร์ซ, การค้าท้องถิ่น, ฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภค/IOT และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยออนไลน์ โดยล่าสุดเขาดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสและซีเอฟโอของ Splunk บริษัทเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการแอปพลิเคชัน การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด ตลอดจนการวิเคราะห์ธุรกิจและเว็บ ก่อนบทบาทผู้บริหารระดับสูง Jason ใช้เวลามากกว่า 11 ปีในการเป็นผู้นำทีมการเงินระดับโลกที่หลากหลายใน Amazon และทำหน้าที่เป็นซีเอฟโอของ Amazon International ทั้งนี้ Jason ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการบริหารของ Coupang, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะ Foster School of Business ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ซึ่งปัจจุบันเขาทำหน้าที่ในคณะกรรมการ Global Advisory Board

เกี่ยวกับ Arm

Arm เทคโนโลยี กำลังกำหนดอนาคตของระบบคอมพิวเตอร์ การออกแบบโปรเซสเซอร์และแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ประหยัดพลังงานของเราได้เปิดใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูงในชิปมากกว่า 230 พันล้านชิป และเทคโนโลยีของเราขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์อย่างปลอดภัยตั้งแต่เซ็นเซอร์ไปยังสมาร์ทโฟนและซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีกว่า 1,000 ราย เรากำลังเปิดใช้งานปัญญาประดิษฐ์ให้ทำงานได้ทุกที่ และในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เรากำลังมอบรากฐานสำหรับความไว้วางใจในโลกดิจิทัล ตั้งแต่ชิปไปจนถึงคลาวด์ อนาคตกำลังถูกสร้างขึ้นบน Arm

ข้อมูลทั้งหมดมีให้ "ตามที่เป็น" และไม่มีการรับประกันหรือการเป็นตัวแทน เอกสารนี้อาจใช้ร่วมกันได้อย่างอิสระ ระบุแหล่งที่มา และไม่มีการแก้ไข Arm เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm Limited (หรือบริษัทย่อย) แบรนด์หรือชื่อผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของผู้ถือแต่ละราย © 1995-2022 Arm Group

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220926005775/en/

ติดต่อ:

สื่อ
Arm External Communications
Eliza Walsh
Global-PRteam@arm.com

นักลงทุนสัมพันธ์
Arm IR
Ian Thornton
ian.thornton@arm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gradiant ประกาศรายชื่อประธานฝ่ายปฏิบัติการระดับโลกและการว่าจ้างเชิงกลยุทธ์เพื่อการเร่งการเติบโตของธุรกิจ

Logo

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–27 ก.ย. 2565

Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชั่นน้ำระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า Govind Alagappan ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการระดับโลก โดย Govind มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในอุตสาหกรรมน้ำ ซึ่งเขาจะนำความรู้เชิงลึกในการขายและความเป็นเลิศในการดำเนินงาน การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และการเติบโตของตลาดทั่วโลกมาให้กับบริษัท อนึ่ง Govind จะรายงานต่อ Prakash Govindan ซึ่งเป็น COO ของ Gradiant

ก่อนบทบาทปัจจุบันของเขา Govind เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Evoqua ผู้ให้บริการโซลูชันการบำบัดน้ำและน้ำเสียชั้นนำ และผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์ระดับโลกให้กับ SUEZ Water Technologies ทั้งนี้ ระหว่างดำรงตำแหน่งที่ Evoqua เขาได้พัฒนาและดำเนินกลยุทธ์การเติบโตร่วมกันสำหรับธุรกิจทั้งหมดของ Evoqua ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งภายใต้การนำของเขาได้ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้บริษัททุกปี อนึ่ง Govind จะยังคงประจำอยู่ที่สิงคโปร์ต่อไป

“ด้วยการแต่งตั้ง Govind Alagappan ให้ดำรงตำแหน่งประธานของ Global Operations เราได้เพิ่มมิติและความมีชั้นเชิงของทีมผู้นำของ Gradiant ทั้งนี้ เพราะเขามีทักษะและประสบการณ์ที่เหมาะสมในการนำบริษัทผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้” Prakash Govindan กล่าว “ประวัติการทำงาน ประสบการณ์ระดับนานาชาติ และความตื่นเต้นในการเข้าร่วมกับธุรกิจของเราทำให้เขาเป็นผู้นำในอุดมคติที่จะนำ Gradiant ไปสู่ระดับต่อไปได้สำเร็จ”

Gradiant ยังได้ประกาศการจ้างงานเชิงกลยุทธ์ใหม่ ๆ อื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจ การจ้างงานรอบนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโซลูชันของ Gradiant ในตลาดอเมริกาเหนือ ส่งเสริมขนาดและการปรับใช้ Gradiant AI ให้กับลูกค้าทั่วโลก และสะท้อนถึงตำแหน่งที่แข็งแกร่งในฐานะบริษัทที่น่าร่วมงานด้วย

  • Delph Mak ผู้อำนวยการอาวุโสของ Gradiant AI Delph เธอเข้ามาร่วมทีมจาก Xylem บริษัทเทคโนโลยีน้ำชั้นนำระดับโลกที่ซึ่งเธอดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโสของธุรกิจดิจิทัล นอกจากนี้ เธอยังดำรงตำแหน่งระดับสูงกับ Deloitte Consulting และ Industry Development ของ PUB Singapore Delph เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมและการจัดการที่ MIT ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในสิงคโปร์
  • Mike Boyd รองประธานฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในอุตสาหกรรมน้ำ โดยล่าสุดดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโสประจำภูมิภาคของ DuPont Water Solutions Mike เข้าร่วมงานกับ Desalitech หลังจากจบ Series A ในปี 2555 และมีบทบาทนำในการขยายธุรกิจผ่านการออกจากกิจการและการเข้าซื้อกิจการของ DuPont Water Solutions ในปี 2563 ปัจจุบัน Mike ประจำอยู่ที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา
  • John Tracy รองประธานฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ John มีประสบการณ์รวมกัน 20 ปีในอุตสาหกรรมน้ำ เป็นผู้นำด้านการขายและการตลาดกับ Fluid Technology Solutions และ Oasys Water รวมถึงวิศวกรรมและการขายกับ Osmonics, Betz Labs และ ABB นอกจากนี้ John ยังมีประสบการณ์ 15 ปีในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ในการจัดการผลิตภัณฑ์ กับ Axcelis Technologies และ Akrion เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมเคมีและปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ John ประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของ Gradiant ในบอสตัน

Gradiant, ซึ่งเป็น “บริษัทเทคโนโลยีน้ำแห่งปี” และ “สถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยม” จากการจัดอันดับของ Global Water Intelligence ปี 2565 กำลังขยายทีมทั่วทั้งสำนักงานทั่วโลก สามารหาตำแหน่งงานว่างได้ใน หน้าอาชีพ ของ Gradiant

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นน้ำระดับโลกสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ด้วยชุดโซลูชั่นแบบครบวงจร end-to-end ที่แตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ซึ่งขับเคลื่อนโดยความคิดระดับแนวหน้าในด้านน้ำ Gradiant ให้บริการแก่ลูกค้าในการดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจในอุตสาหกรรมที่สำคัญ ๆ ของโลก Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) และอยู่ในสถานะที่ไม่เหมือนใครเพื่อจัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นของโลกซึ่งเกิดจากอุตสาหกรรม การเติบโตของประชากร และความวิตกกังวลที่เกี่ยวกับน้ำ ปัจจุบัน Gradiant มีพนักงานมากกว่า 450 คน ดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ระดับโลกในบอสตัน สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค และห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานในอีก 12 ประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gradiant.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220914005489/en/

ติดต่อองค์กร:

Felix Wang

รองประธานฝ่ายการตลาด Gradiant

fwang@gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gradiant ได้รับการจัดอันดับสูงในรางวัล Real Leaders ECO Innovation and Great Place to Work ด้านนวัตกรรมของผู้นำและที่ทำงานยอดเยี่ยม

Logo

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–27 ก.ย. 2022

Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชั่นระดับโลกและผู้พัฒนาน้ำเทคโนโลยีสะอาด ได้รับรางวัลที่ 7 โลกจาก Real Leaders ECO Innovation Awards 2022 สำหรับบริษัทที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก และได้รับรางวัล Great Place to Work จากสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในสิงคโปร์ และห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีระดับโลก

"รางวัลของเราจาก Real Leaders และ Great Place to Work เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวัฒนธรรมนวัตกรรมและผลกระทบด้านความยั่งยืนของ Gradiant" Anurag Bajpayee ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Gradiant กล่าว “วัฒนธรรมของ Gradiant เป็นแรงบันดาลใจ และผมภูมิใจอย่างยิ่งในทีมของเราที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาตินี้ได้  สถานะนี้ตอกย้ำตำแหน่งของเราในฐานะนายจ้างดีเด่น โดยสร้างความแตกต่างและประสบการณ์การทำงานในเชิงบวกสำหรับทีมของเราทั่วโลก เรามุ่งหวังที่จะส่งเสริมวัฒนธรรมในที่ทำงานและประสบการณ์ของพนักงานโดยใช้ข้อมูลจากแบบสำรวจ Great Place to Work”

รางวัล Real Leaders ECO Innovation เป็นเกียรตินิยมสำหรับบริษัทต่างๆ ที่ใช้โซลูชันด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อสิ่งที่ดีกว่า เป็นการจัดอันดับบริษัทระดับโลกประจำปีที่ขับเคลื่อนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกภาคส่วนที่สำคัญของเศรษฐกิจ โดย Gradiant อยู่ในอันดับที่ 7 ของโลกสำหรับเทคโนโลยี Carrier Gas Extraction (CGE) ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ซึ่งใช้ในการส่งมอบโซลูชันน้ำที่ยั่งยืนสำหรับเจ้าของแบรนด์ยาที่ติดอันดับ Fortune 500 ในสิงคโปร์  กระบวนการ CGE ของ Gradiant เลียนแบบวัฏจักรฝนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรมโดยใช้กระบวนการทางอุณหพลศาสตร์และส่งผลให้มีอัตราการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้ 96% และค่าใช้จ่ายด้านทุนสูงถึง 30% และประหยัดต้นทุนการดำเนินงานได้ 40% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีของคู่แข่ง

Gradiant Singapore ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น Great Place to Work สำหรับปี 2022 ถึง 2023 โดยได้รับการคัดเลือกจากการสำรวจพนักงาน  Great Place to Work เป็นบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาอิสระ และกระบวนการรับรองของบริษัทพิจารณาองค์ประกอบมากกว่า 60 ประการของประสบการณ์การทำงานโดยรวม พนักงาน 80% ที่ Gradiant ระบุว่าบริษัทเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับพนักงานเพียง 53% ในบริษัทระดับโลกทั่วไป 88% ของพนักงานกล่าวว่าพวกเขารู้สึกภาคภูมิใจในงานของตน และ 86% เชื่อว่าฝ่ายบริหารมีความซื่อสัตย์และมีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ

“บริษัทของเราสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาความท้าทายด้านน้ำที่สำคัญที่สุดของโลก” Prakash Govindan ผู้ร่วมก่อตั้งและซีโอโอของ Gradiant กล่าว “สิงคโปร์เป็นสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคของเราและเป็นที่ตั้งของ Global Technology Labs ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่วิศวกรของเราแปลนวัตกรรมจากขนาดมาตรฐานไปสู่การค้าอย่างรวดเร็ว เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยอมรับในด้านนวัตกรรมของเราและยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีที่สุดให้กับทีมงาน  พนักงานที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจและสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นผู้นำตลาด”

Gradiant ซึ่งเป็น "Water Technology Company of the Year" ในปี 2022 โดย Global Water Intelligence กำลังขยายทีมงานทั่วทั้งสำนักงานทั่วโลก สามารถดูตำแหน่งงานว่างได้ที่ Gradiant

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นระดับโลกและผู้พัฒนาโครงการน้ำสะอาดสำหรับการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง ด้วยชุดโซลูชั่นแบบ end-to-end ที่โดดเด่นและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gradiant ที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ  Gradiant ให้บริการแก่ลูกค้าในการดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจในอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก  Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำใครเพื่อจัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นของโลกที่เกิดจากอุตสาหกรรม การเติบโตของประชากร และความเครียดจากน้ำ ปัจจุบัน Gradiant มีพนักงานมากกว่า 450 คน ดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ระดับโลกในบอสตัน  สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค และห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานใน 12 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม www.gradiant.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220907005081/en/

ติดต่อ:

สำหรับฝ่ายองค์กร:
Felix Wang
รองประธานฝ่ายการตลาด Gradiant
fwang@gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

eCloudvalley เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ปี 2565

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2565

eCloudvalley Digital Technology ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียโดย HR Asia ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำด้านทรัพยากรบุคคล วัฒนธรรมของ eCloudvalley แห่งนวัตกรรมของ Day 1  ซึ่งส่งผลให้เกิดสภาพการทำงานไร้ที่ติ นิตยสาร HR Asia ได้แจกจ่ายชุดแบบสอบถามให้กับหลายองค์กรเพื่อให้พนักงานตอบคำถามโดยไม่เปิดเผยตัวตน และจากผลการศึกษาดังกล่าวพบว่า eCloudvalley ได้คะแนนสูงเหนือค่าเฉลี่ยของตลาดมากในด้าน "การส่งเสริมนวัตกรรม การสร้างสภาพแวดล้อมที่ใช้ร่วมกันและยืดหยุ่น และสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร "

บริษัทที่เกิดในคลาวด์แห่งนี้ ได้กำหนดกระบวนการสรรหาเชิงกลยุทธ์เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้ที่มีความสามารถด้านคลาวด์ผ่านกระบวนการสรรหาของตนเองที่เรียกว่า "STAR Principle"  STAR เป็นตัวย่อสำหรับ สถานการณ์ ภารกิจ การดำเนินการ และผลลัพธ์ หรือ Situation, Task, Action, and Result ซึ่งกำหนดให้แผนกสรรหาบุคลากรสามารถถามคำถามที่เข้ากับแต่ละสถานการณ์และประเมินว่าผู้สมัครสามารถให้โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและที่ยืดหยุ่นในระยะเวลาที่จำกัดได้หรือไม่

คุณ MP Tsai ตำแหน่ง Chief Executive Officer (CEO) จาก eCloudvalley ได้กล่าวว่า "อุตสาหกรรมคลาวด์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เฉพาะผู้ที่มีกรอบความคิดที่เป็นไปเพื่อการเติบโต หรือ growth mindset เท่านั้น ที่จะเอาชนะความท้าทายนี้ได้ ทุกคนใน eCloudvalley เป็นผู้เปลี่ยนเกม หรือ game changer ในตลาด ในขณะที่ eCloudvalley เติบโตอย่างต่อเนื่องและกลุ่มผู้มีความสามารถของเราก็ขยายตัวเพิ่ม เราจะยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณของ Day 1 ต่อไปพร้อม ๆ ไปกับการเปิดรับนวัตกรรม ทั้งนี้ ที่ eCloudvalley เรามีคำกล่าวที่ว่า 'มีเพียงสิ่งที่คุณนึกไม่ถึง แต่ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้'”

ภายใต้นโยบาย D&I ตอนนี้อัตราส่วนทางเพศเกือบเท่ากัน โดยทั้งนี้ เพื่อคงความเป็นนวัตกรรมและส่งเสริมกิจกรรมเชิงรุก eCloudvalley ได้เปิดตัว "โปรแกรมฮีโร่" ในปี 2564 โดยมีเป้าหมายในการปลูกฝัง KOLs คลาวด์อย่างมีกลยุทธ์ ในปีนี้ โปรแกรมได้ดึงดูดทีมงานข้ามชาติสี่ทีม และสมาชิกในทีมจะพบปะกับผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกในแต่ละเดือนเพื่อรับประสบการณ์โดยตรง ซึ่ง eCloudvalley เชื่อว่าสามารถก่อให้เกิดสายธารแห่งความรู้ได้

เกี่ยวกับ eCloudvalley

eCloudvalley (ECV) เป็นคู่ค้า AWS Premier Tier Services ที่เกิดบนคลาวด์ที่มุ่งเน้นการให้บริการคลาวด์แบบครบวงจรแก่ลูกค้า ซึ่งเชี่ยวชาญใน Next Generation Managed Services, Cloud Migration, Big Data & Analytics, Cloud Native Development, CDN และ DevOps บนคลาวด์ และ ECV ได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีพนักงานมากกว่า 600 คน มีบริษัท 10 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้รับการรับรองด้านไอทีมากกว่า 1,000 รายการ และให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,800+ ราย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220825005315/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Siaoyu Chien siaoyu.chien@ecloudvalley.com

Cathy Ye cathy.ye@ecloudvalley.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

โครงสร้างพื้นฐานของก๊าซ การรวมพลังงานหมุนเวียนมีความสำคัญต่อการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของเอเชีย: Black & Veatch

Logo

ผู้นำระดับโลกด้านการลดการปล่อยคาร์บอนชี้ให้เห็นถึงโซลูชั่นการผลิต การส่ง และการจำหน่ายแบบบูรณาการมากขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบพลังงานแบบคาร์บอนต่ำของเอเชีย

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–27 ก.ย. 2565

ในปัจจุบันที่การแข่งขันกันที่สูงขึ้นในเอเซียเพื่อขยายการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ผันแปรได้ ดังนั้นเทคโนโลยีการผลิต การส่ง และการจัดจำหน่ายจะต้องมีการบูรณาการมากขึ้นเพื่อสร้างสมดุลให้กับเครือข่ายไฟฟ้า เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน และบรรลุเป้าหมายด้านการลดคาร์บอน

“ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ใช้ไฟฟ้าในระดับที่สูง เช่น ศูนย์ข้อมูลและการใช้พลังงานไฟฟ้าของการขนส่ง กำลังเพิ่มภาระให้กับเครือข่ายไฟฟ้าของเอเชีย อุตสาหกรรมไฟฟ้าสามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของเอเชียได้โดยการปรับใช้โซลูชันการแยกคาร์บอน ไฮโดรเจน พลังงานหมุนเวียน และการจัดเก็บพลังงานที่มีอยู่และเกิดขึ้นใหม่” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Black & Veatch กล่าว

จากรายงาน Black & Veatch 2022 Asia Electric Report  ผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมมองว่าการรวมพลังงานหมุนเวียนเข้ากับระบบเครือข่ายไฟฟ้าเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าของเอเชียกำลังเผชิญอยู่ หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสำรวจในอุตสาหกรรมเปิดเผยว่าพวกเขาไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ อุปสรรคอันดับต้น ๆ ในการให้บริการที่เชื่อถือได้แก่ลูกค้าก็คือการลงทุนที่ต่ำเกินไปในด้านการส่งและการจัดเก็บพลังงานที่ไม่เพียงพอ

ราวครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าในอีกห้าปีข้างหน้าจะมี "การลงทุนมากขึ้น" ในโรงงานก๊าซหรือ LNG สู่พลังงานรวมกับการดักจับคาร์บอน ในขณะที่ 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการผลิตก๊าซธรรมชาติจะยังคงอยู่ ส่วนสำคัญของกริดหลังปี 2578

Chaudhary จะเสนอแนวทางที่เป็นไปได้สำหรับการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนที่งาน Enlit Asia 2022  ในเดือนกันยายน ในระหว่างการประชุมของผู้นำอุตสาหกรรม ชื่อว่า “‘Let’s be Realistic’: How Can ASEAN  Achieve its 2050 Net Zero Emission Targets?” นอกจากนี้ เขายังจะหารือถึงวิธีการบรรลุประสิทธิภาพด้านต้นทุนตลอดจนห่วงโซ่ของก๊าซธรรมชาติทั้งหมด ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของ Black & Veatch คนอื่น ๆ จะนำเสนอเกี่ยวกับ ไฮโดรเจน ระบบกักเก็บพลังงาน และระบบขนส่งพลังงาน

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยยืนหยัดต่อสู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2564 มีมูลค่าเกิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220918005073/en/

ข้อมูลการติดต่อสื่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

สายด่วนสื่อตลอด 24 ชั่วโมง | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย คว้ารางวัล New Business Growth 2022 จากแปซิฟิค ครอส

Logo

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–26 กันยายน 2565

แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย นายหน้าประกันด้านสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านผลประโยชน์ของพนักงานระดับโลก ภาคภูมิใจกับรางวัลล่าสุดที่ได้รับ ซึ่งได้แก่ รางวัล New Business Growth 2022 จาก แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ จำกัด (มหาชน) โดยทีม แปซิฟิค ครอส ได้มอบรางวัลดังกล่าวในวันที่ 9 กันยายน 2565 ในงาน Once in a Blue Moon ที่ทางแปซิฟิค ครอสเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้น ณ โรงแรมดับเบิ้ลยูในย่านสีลมของกรุงเทพมหานคร พร้อมแขกเข้าร่วมงานกว่า 150 คน

Ricky Batten ผู้จัดการทั่วไปแห่งแปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย เป็นตัวแทนขึ้นรับรางวัลพร้อมนำสมาชิกทีมเข้าร่วมงานหลายคน หลังแสดงความขอบคุณไปยัง แปซิฟิค ครอส สำหรับ “การจัดงานอันยอดเยี่ยม” แล้ว Batten กล่าวว่า “เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับรางวัลนี้ และผมรู้ว่าผมได้พูดแทนทุกคนที่ แปซิฟิค ไพรม์ นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับการยกย่องจากผู้นำอุตสาหกรรมรายอื่น ๆ รวมถึงเพื่อนร่วมวงการของเรา ฉะนั้น ผมขอขอบคุณ ขณะที่เรากำลังเดินหน้าเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ พวกเราหวังว่าจะได้สานต่อและสร้างความสัมพันธ์นี้ให้เดินหน้าต่อไป”

แปซิฟิค ไพร์ม เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแปซิฟิค ไพร์ม ที่เป็นเจ้าของรางวัลและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมประกันสุขภาพกว่า 20 ปี บริษัทนายหน้าประกันแห่งนี้ ภาคภูมิใจกับแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและพันธมิตรของตน ผู้ให้คำปรึกษาที่สามารถพูดได้หลายภาษาและผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี ทีมสำหรับงานด้านสินไหมโดยเฉพาะ รวมถึงบริการที่เพิ่มมูลค่า และระบบจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ที่ทันสมัยของบริษัทที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนของกระบวนการด้านการประกันภัยให้กับลูกค้าบุคคลทั่วไปและลูกค้าระดับองค์กร

“Simplifying Insurance” คือคติพจน์ของ แปซิฟิค ไพร์ม สะท้อนผ่านทุกความพยายามของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือเปรียบเทียบแผนที่ใช้ภายในบริษัท หรือการเข้าซื้อบริษัทลูกของธุรกิจเทคโนโลยีประกันภัยอย่าง CXA Group ในฮ่องกงและสิงคโปร์เมื่อปี 2564 เห็นได้ว่า แปซิฟิค ไพร์ม มุ่งลงทุนในการสร้างเครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีของตัวเองเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นหาและเปรียบเทียบโซลูชันด้านประกันสุขภาพที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของตัวเอง เครื่องมือเปรียบเทียบแผนยังให้ลูกค้าเข้าถึงแผนประกันสุขภาพที่อิงคู่แข่งในตลาดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญด้านประกันของบริษัทคอยตอบคำถามและให้การปรึกษาอย่างเป็นกลาง

เกี่ยวกับ แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย

แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย เป็นบริษัทนายหน้าประกันสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านผลประโยชน์ของพนักงานระดับโลก มุ่งเน้นกับการมอบโซลูชันที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าบุคคลทั่วไปและลูกค้าระดับองค์กร แปซิฟิค ไพร์ม ก่อตั้งขึ้นในปี 2543 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในฮ่องกงและสำนักงานกว่า 12 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสิงคโปร์ ดูไบ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย ได้ที่ https://www.pacificprime.co.th/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220921005080/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
Stephen Ho ผู้อำนวยการการตลาด – แปซิฟิค ไพร์ม
+852 3589 0508

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter