เพิ่มหมวดสาเกญี่ปุ่นใน “ASI Bootcamp in Malaysia 2022”

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–04 ตุลาคม 2565

Association de la Sommellerie Internationale (ASI) ได้จัดสัมมนา “ASI Bootcamp in Malaysia 2022” ตลอดสามวันที่ “DoubleTree by Hilton Kuala Lumpur” ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 14 กันยายน เพื่อให้ความรู้แก่ซอมเมลิเยร์รุ่นเยาว์ที่จะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221002005097/en/

ASI Bootcamp (Photo: Business Wire)

ASI Bootcamp (ภาพ: Business Wire)

Japan Sake and Shochu Makers Association (JSS) ได้สรุปความร่วมมือกับ ASI ในปีนี้ JSS ได้จัด Sake Masterclass ที่เกี่ยวข้องกับเหล้าสาเกห้าชนิดเพื่อแสดงความมหัศจรรย์ของเหล้าสาเกแก่ซอมเมลิเยร์รุ่นเยาว์ในแคมป์ โดย JSS ยังให้โอกาสในการลิ้มรสสาเก 12 ชนิดที่โต๊ะชิม

ASI Bootcamp เป็นโปรแกรมด้านการศึกษาที่พัฒนาและส่งเสริมโดย ASI โดยปีนี้นับเป็นครั้งที่สองที่จัดขึ้นหลังจากงานเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว งานสามวันคุณภาพสูงและเข้มข้นนี้ประกอบด้วย 27 เซสชันของมาสเตอร์คลาส เวิร์กช็อป และการลิ้มรสสำหรับซอมเมลิเยร์รุ่นเยาว์ 47 คนที่ได้รับการคัดเลือกจาก 22 ประเทศทั่วโลก

ความนิยมของสาเกทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และซอมเมลิเยร์ที่เข้าร่วมหลายคนต่างก็ตั้งตารอที่จะแนะนำหมวดสาเก มาสเตอร์คลาสความยาว 40 นาทีในหัวข้อ “Sake -Ingredients, techniques, styles” ได้จัดขึ้นเพื่อดูแลเรื่องนี้ โดยครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น รายละเอียดที่จำเป็น ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างไวน์และสาเก บทบาทของโคจิ (ข้าวมอลต์) อูมามิ และความแตกต่างในวิธีการจับคู่สาเกกับอาหารที่เฉพาะเจาะจง

ผู้เข้าร่วมมีคำถามมากมาย และมาสเตอร์คลาสยังได้รับความสนใจจากผู้สอนคนอื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดแสดงความสนใจอย่างมากในขอบเขตศักยภาพของสาเกที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

ซอมเมลิเยร์จำเป็นต้องมีความรู้กว้างขวางในด้านเครื่องดื่มและไวน์โดยเฉพาะ การรวมหมวดหมู่สาเกไว้ในบูตแคมป์แบบเข้มข้นตลอดสามวันนี้จะช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ถึงสาเกได้อย่างมากและส่งผลดีต่อพลังของแบรนด์

JSS จะยังคงดำเนินกิจกรรมร่วมกับ ASI และสมาคมซอมเมลิเยร์อื่น ๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลก

ลิงก์ SNS ของ Japan Sake and Shochu Makers Association มีดังต่อไปนี้
FB: https://www.facebook.com/japansakeshochu
IG: https://www.instagram.com/japansakeshochu_en/
YouTube: https://www.youtube.com/user/JapanSakeOfficial
Twitter: https://twitter.com/jss_sake_en

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221002005097/en/

ติดต่อ:

Japan sake PR Secretariat
Contact person: Satoru Suzuki
Mail: Japansake@jk-soken.co.jp
FAX: 81-3-5441-2587

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hytera เปิดตัวกล้องติดตัวสมาร์ท 4G พร้อมคุณสมบัติแบบ PushTalk กดเพื่อพูด

Logo

ด้วยตัวเครื่องที่บางเฉียบและฟังก์ชันระดับมืออาชีพกล้องติดตัว  Hytera SC580 Smart 4G Body Camera ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดได้

เซินเจิ้น จีน–(BUSINESS WIRE)–3 ต.ค. 2565

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพ ได้เปิดตัว SC580 Smart 4G Body Camera  เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ซีรี่ส์กล้องแบบสวมร่างกาย กล้องติดตัวรุ่นใหม่นี้ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 177 กรัมอัดแน่นด้วยคุณสมบัติวิดีโอขั้นสูงในตัวเครื่องที่บางเฉียบและทนทาน โดยจะสตรีมวิดีโอ เสียง และภาพถ่ายจากภาคสนามไปยังศูนย์บัญชาการผ่านเครือข่าย LTE ส่วนตัว เครือข่ายเซลลูลาร์ หรือ WLAN

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221002005002/en/

Hytera Releases Smart 4G Body Camera with Push-to-Talk Feature (Graphic: Business Wire)

Hytera เปิดตัวกล้องติดตัวแบบสมาร์ท 4G พร้อมคุณสมบัติ กดปุ่มเพื่อพูด Push-to-Talk (กราฟิก: Business Wire)

หน่วยงานด้านความปลอดภัยสาธารณะใช้กล้องติดตัวในการเก็บหลักฐานและรักษาความโปร่งใสในการบังคับใช้กฎหมาย ในขณะที่กล้องติดตัวมีบทบาทสำคัญในการยับยั้งความรุนแรงและปกป้องเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ ผลิตภัณฑ์รุ่น SC580 มีความเป็นเลิศในการจับภาพวิดีโอที่ชัดเจนในสถานการณ์ที่ท้าทาย เช่น ในสภาพแสงน้อยและทัศนวิสัยไม่ดี การใช้งานในสภาพแสงที่น้อยได้ของ SC580 เกิดขึ้นได้ด้วยเซ็นเซอร์สตาร์ไลท์ ซึ่งสามารถจับภาพที่มีสีสันระดับ HD พร้อมรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ใบหน้าคนหรือหมายเลขป้ายทะเบียนรถในเวลากลางคืน ด้วยเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 6 แกน กล้องติดตัวกล้องนี้สามารถจับภาพวิดีโอที่นิ่งและชัดเจนแม้ในขณะที่ผู้ใช้กำลังเคลื่อนไหวอยู่

อายุการใช้งานแบตเตอรี่เป็นปัญหาทั่วไปอย่างหนึ่งของการทำงานของกล้องติดตัว SC580 ทำงานด้วยการใช้พลังงานที่เหมาะสมที่สุดและอยู่ได้นานกว่ากะของเจ้าหน้าที่ 12 ชั่วโมง แบตเตอรี่สำรองในตัวที่สามารถรองรับการบันทึกได้ 3-5 นาที ทำให้ SC580 สามารถบันทึกต่อไปได้แม้ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเปลี่ยนแบตเตอรี่หลักแบบถอดได้

“กล้องติดตัวสามารถจับภาพหลักฐาน ที่ช่วยสร้างความชัดเจน และเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ในแต่ละวัน” Ke Wang รองประธานของ Hytera กล่าว “เราได้ศึกษาความคิดเห็นของผู้ใช้จำนวนมากเพื่อพัฒนาคุณสมบัติที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ ด้วยวิธีนี้ เราจึงทำให้กล้องติดตัว SC580 เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังเพื่ออำนวยความสะดวกในการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น”

ด้วยการใช้แอปพลิเคชัน Hytera Push-to-talk over Cellular (PTToC หรือ PoC) SC580 ทำงานอเนกประสงค์เป็นวิทยุ PoC ปุ่ม Push-to-talk (PTT) หรือปุ่มกดเพื่อพูดช่วยรองรับการโทรด้วยเสียงที่ใช้งานง่าย ในขณะที่คีย์การบันทึกวิดีโอที่จัดเรียงตามหลักสรีรศาสตร์ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้สามารถเริ่มการบันทึกได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางความเร่งรีบของกิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องติดตัวอัจฉริยะ Hytera SC580 4G โปรดไปที่: https://www.hytera.com/en-products/body-worn-camera/body-worn-camera/sc580/

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพ ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า และหลากหลายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ธุรกิจและผู้ใช้ที่ภารกิจของพวกเขามีความสำคัญมาก เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการรับมือเหตุฉุกเฉิน เรียนรู้เพิ่มเติมที่ https://www.hytera.com/en/home.html.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221002005002/en/

ติดต่อ:

lele.yao@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

CHINT เริ่มลดคาร์บอนเมื่อสิ้นสุดการรณรงค์ระดับโลก

Logo

ขณะนี้ถึงเวลาสำหรับการลดคาร์บอนทั่วโลกแล้ว และแคมเปญระดับโลกกำลังดำเนินการอยู่

เซี่ยงไฮ้–(บิสิเนส ไวร์)–30 ก.ย. 2022

CHINT Limitless ประสบความสำเร็จในการปิดฤดูกาลสร้างแบรนด์ระดับโลก โดยได้มีความก้าวหน้าในการแบ่งปันโซลูชันการลดคาร์บอนกับประเทศและภูมิภาคต่างๆ มากกว่า 10 แห่ง และออกเดินทางสำรวจเส้นทางใหม่สำหรับธุรกิจจีนในการสื่อสารกับบริษัทต่างๆ ที่ต่างประเทศ “CHINT หยั่งรากลึกในตลาดพลังงานไฟฟ้าทั่วโลก และกำลังสำรวจศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงพลังงานอย่างต่อเนื่อง ความปรารถนาของเราคือมีส่วนร่วมในการแบ่งปันแนวความคิดที่เป็นนวัตกรรมและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าทั่วโลก และทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อสร้างโลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” คุณ Lily Zhang ซีอีโอของ CHINT Electrics กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220930005156/en/

CHINT carbon reduction gets underway as the Global Campaign comes to a close (Photo: Business Wire)

การลดคาร์บอนของ CHINT กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่การรณรงค์ระดับโลกใกล้จะสิ้นสุดลง (ภาพ: Business Wire)

โดยครอบคลุมหลายทวีปตั้งแต่ตะวันออกไปจนถึง ตะวันตก ครอบคลุมประเทศต่างๆ ทั้งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ ครอบคลุมระยะเวลาเกือบ 100 วัน ผ่านการผสมผสานระหว่างวิธีการทางออนไลน์และด้วยตนเอง โดยใช้การประชุมสุดยอดแบรนด์ การเข้าชมและจัดแสดงสินค้าในร้าน การแกะกล่องแบบสด การริเริ่มเพื่อสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ CHINT เรียกร้องให้พันธมิตรทั่วโลกมีส่วนร่วมของอย่างกระตือรือร้น ร้านค้าพิเศษของ CHINT เกือบ 100 แห่งใน 5 ทวีป จากยุโรป เอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกาได้ตอบรับ และต่อมาได้เรียกร้องให้มีการสนับสนุนลูกค้าจากคู่ค้าในสาขาต่างๆ เช่น โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ ศูนย์ข้อมูล ส่วนประกอบ HVAC และ LV ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการค้นพบวิธีแก้ปัญหาการลดคาร์บอนภายในอุตสาหกรรม

ในสเปน CHINT และสมาคมไฟฟ้าในท้องถิ่นได้ร่วมกันจัดสัมมนาผ่านเว็บเพื่อหารือเกี่ยวกับลักษณะทางเทคนิคและสถานการณ์การใช้งานของอุตสาหกรรมโดยใช้ผลิตภัณฑ์ CHINT เป็นตัวอย่าง ในอินโดนีเซีย CHINT และพันธมิตรในท้องถิ่นร่วมมือกันและแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญกับช่างไฟฟ้ากว่า 150 คน

การพัฒนาที่ยั่งยืนได้กลายเป็นประเด็นระดับโลก และภาคพลังงานอยู่ในระดับแนวหน้าในแง่ของการลดคาร์บอน CHINT มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นพลังงานอัจฉริยะ จะนำความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม 38 ปีมาทำงานเพื่อจัดการกับความต้องการพลังงานสีเขียว ไฟฟ้าอัจฉริยะ และการลดคาร์บอนอัจฉริยะทั่วโลก โดยจะมอบบทบาทอย่างเต็มที่ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสะสมและความสามารถด้านวิศวกรรมโครงการและการใช้งาน โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในเชิงรุก 140 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานทั่วโลกของ “CHINT Solutions”

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220930005156/en/

ติดต่อ:

Cora Geng
gxiaol@chintglobal.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ประกาศเปิดตัวโมดูลอัจฉริยะ SC680A LTE ใหม่ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการประยุกต์ใช้ AI ของแมชชีนวิชัน

Logo

ลาสเวกัส–(BUSINESS WIRE)–28 ก.ย. 2565

Quectel Wireless Solutions ผู้ให้บริการโซลูชัน IoT ระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่าได้เปิดตัวโมดูลอัจฉริยะ SC680A ใหม่ ซึ่งมีตัวเลือกการเชื่อมต่อที่หลากหลาย รวมถึง LTE Cat 6, Wi-Fi 802.11ac และ Bluetooth 5.0 พร้อมประสิทธิภาพของระบบอันทรงพลังและฟังก์ชันมัลติมีเดียที่หลากหลาย โมดูลอัจฉริยะ SC680A มุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ IoT ระดับกลาง ซึ่งรวมถึง POS และจุดชำระเงิน อุปกรณ์พกพาอุตสาหกรรมสำหรับโลจิสติกส์และคลังสินค้า โซลูชันอินโฟเทนเมนต์ในรถยนต์และกล้องติดรถยนต์ รวมถึงแอพพลิเคชั่นขนาดเล็กและรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220928005031/en/

Quectel's new SC680A LTE smart module (Photo: Business Wire)

โมดูลอัจฉริยะ SC680A LTE ใหม่ของ Quectel (รูปภาพ: Business Wire)

Norbert Muhrer ประธานและ CSO ของ Quectel กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะแนะนำโมดูลอัจฉริยะแบบบูรณาการขั้นสูงอีกตัวหนึ่ง ซึ่งช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกได้รับความยืดหยุ่นมากขึ้นในการออกแบบอุปกรณ์ IoT ของพวกเขา" “มันช่วยมอบความหลากหลายให้กับอุตสาหกรรมและผู้บริโภค IoT แนวดิ่งที่มีอัตราข้อมูลสูงพร้อมกับคุณสมบัติของกล้องที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ SC680A ยังมีวงจรชีวิตที่ยาวนานจนถึงปี 2571 เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการความพร้อมใช้งานของฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้น และช่วยให้ภาค IoT สร้างโซลูชัน IoT ที่พิสูจน์ในอนาคตได้”

โมดูล SC680A ของ Quectel ใช้พลังของแพลตฟอร์ม Qualcomm QCM4290  ซึ่งใช้ตัวประมวลผลแอปพลิเคชัน Kryo 260 แบบ octa-core 64 บิต ที่ปรับแต่งเองได้เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีเยี่ยมบนอุปกรณ์

โมดูล SC680A รองรับเครือข่ายเซลลูลาร์ LTE Cat 6 แบบมัลติโหมดพร้อมเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้น เช่น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11ac และความสามารถในการอัปเกรดเป็น Wi-Fi 6 L1+L5 ระบบดูอัลแบนด์หลายกลุ่ม (dual-band multi-constellation)และ ตัวรับ GNSS ที่มีความแม่นยำสูง (GPS/ GLONASS/ BDS/ Galileo/ NavIC/ QZSS) ยังถูกฝังเอาไว้สำหรับบริการระบุตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด อีกด้วย

Quectel SC680A มีระบบปฏิบัติการ Android 12 ในตัว ซึ่งช่วยให้อัปเกรดในอนาคตเป็น Android 13 หรือ 14 ได้ และเหมาะสำหรับการรับรอง Google GMS อนึ่งโมดูลที่มาพร้อมกับ Adreno 610 GPU อันทรงพลังนี้รองรับกล้องสูงสุดสี่ตัว และกล้องคู่ที่มีความละเอียดสูงสุด 25 MP ที่สามารถทำงานได้พร้อมกัน

กลุ่มผลิตภัณฑ์ SC680A นำเสนอตัวเลือกที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก:

  • SC680A-NA สำหรับอเมริกาเหนือ ตัวอย่างโมดูล SC680A-NA จะวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2565
  • SC680A-WF (Wi-Fi และบลูทูธเท่านั้น) สำหรับตลาดทั่วโลกจะวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2565
  • SC680A-EM สำหรับ ยุโรป ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา (EMEA), เกาหลี, เอเชียใต้, อินเดีย, ละตินอเมริกา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ พร้อมตัวอย่างที่คาดว่าจะวางจำหน่ายในปลายเดือนกันยายน 2565
  • SC680A-JP อีกรุ่นหนึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนสำหรับตลาดญี่ปุ่น

ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับโมดูลอัจฉริยะรุ่นก่อนหน้าของ Quectel เช่น SC600Y/ SC600T/ SC606T/SC686A ได้แบบ pin-to-pin ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ SC680A สามารถช่วยนักพัฒนา IoT อัพเกรดเทอร์มินัลอัจฉริยะของตนได้อย่างง่ายดายและเร่งเวลาในการออกสู่ตลาดของอุปกรณ์

Quectel อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการช่วยสร้างโลกที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชัน IoT และบริการแบบครบวงจร นอกจากโมดูลอัจฉริยะที่ครอบคลุมทุกกลุ่มตลาดตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับพรีเมียมแล้ว Quectel ยังมีเสาอากาศประสิทธิภาพสูงที่ครอบคลุมอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสาอากาศ Combo ของ Quectel ซึ่งรวมเทคโนโลยีหลายอย่าง เช่น 4G, Wi-Fi และ GNSS ซึ่งให้โซลูชันเสาอากาศที่ยืดหยุ่นสูงและเชื่อถือได้สำหรับการใช้งานกลางแจ้ง

โมดูล SC680A จะถูกจัดแสดงที่งาน MWC ลาสเวกัส ที่บูธหมายเลข W1.520 ในวันที่ 28-30 กันยายน 2565 โดยจะวางจำหน่ายทั่วไปในช่วงเดือนตุลาคม

เกี่ยวกับ Quectel

ความหลงใหลในโลกที่ชาญฉลาดของ Quectel ผลักดันให้เราเร่งสร้างนวัตกรรม IoT โดยในฐานะองค์กรที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เราเป็นผู้ให้บริการโซลูชัน IoT ระดับโลกที่มีฝ่ายสนับสนุนและบริการที่โดดเด่น ทีมงานระดับโลกที่กำลังเติบโตของเราซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญกว่า 4,000 คนเป็นผู้กำหนดจังหวะสำหรับนวัตกรรมในโมดูลเซลลูลาร์, GNSS, Wi-Fi และ Bluetooth®, เสาอากาศ และการเชื่อมต่อ IoT ด้วยสำนักงานระดับภูมิภาคและการสนับสนุนทั่วโลก ความเป็นผู้นำระดับนานาชาติของเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา IoT และช่วยสร้างโลกที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: www.quectel.com, LinkedIn, Facebook กับ Twitter.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220928005031/en/

ติดต่อ:

Ashley Liu, media@quectel.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

นำภาษาจีนและวัฒนธรรมไต้หวันมาสู่มหาวิทยาลัยในอเมริกา

Logo

ซินจู๋ ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–29 ก.ย. 2022

NTHU เพิ่งได้รับทุนจากกระทรวงศึกษาธิการ (MOE) Chinese Proficiency Program และกำลังเตรียมส่งครูที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นพิเศษเพื่อสอนภาษาจีนในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา รวมถึงมหาวิทยาลัยมิชิแกน แอน อาร์เบอร์  นอกจากนี้ โครงการนี้ยังจะนำนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ไปไต้หวันเพื่อเรียนภาษาจีน มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรม และช่วยเหลือในการศึกษาสองภาษาในโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษา

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220928005010/en/

Members of the Chinese Proficiency Program at NTHU.(Photo: National Tsing Hua University)

สมาชิกของโครงการ Members of the Chinese Proficiency Program ที่ NTHU.(ภาพ: National Tsing Hua University)

นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนที่ลึกซึ้งระหว่างไต้หวันและสหรัฐอเมริกา โครงการนี้จะช่วยปลุกจิตสำนึกของไต้หวันในมหาวิทยาลัยในอเมริกา

NTHU ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ University of Illinois at Urbana-Champaign, Duke University, University of Hawaii และ University of Michigan, Ann Arbor และได้ส่งอาจารย์ภาษาจีนไปยังสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปลายปี 2021และ Duke University และ University of Hawaii ได้ส่งนักเรียนหกคนไปเรียนภาษาจีนที่ NTHU โดยได้รับการสนับสนุนจากทุน Chinese Proficiency Scholarship

ประธานฝ่ายกิจการระดับโลก Yen Ta-jen (嚴大任) กล่าวว่านอกเหนือจากประสบการณ์การสอนที่กว้างขวางแล้ว ครูภาษาจีนที่ได้รับเลือกให้เดินทางไปสหรัฐอเมริกายังเชี่ยวชาญในงานอดิเรกของจีน เช่น การตัดกระดาษ ไพ่นกกระจอก และหมากรุก และบางคนก็มีทักษะในการเล่น erhu การวาดภาพทิวทัศน์ และการแต่งหน้าโอเปร่าปักกิ่ง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นรูปแบบการทูตทางวัฒนธรรมที่มีประสิทธิภาพสูง

Chen Jingjia (陳敬佳) ซึ่งสอนภาษาจีนในต่างประเทศมาหลายปีแล้ว กำลังเตรียมที่จะเริ่มต้นสอนที่ Duke University. Chiu Yuting (邱于庭) ปัจจุบันเป็นนักเรียนในกลุ่มการศึกษาภาษาจีนของหลักสูตรสหวิทยาการและปริญญาโทนานาชาติ

นักศึกษา Duke University ที่เรียนภาษาจีนมาจากหลากหลายภาควิชา โดยมีเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจนและมีทัศนคติที่ดี Chiu กำลังจะเพิ่มโมดูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมไต้หวันในภาคเรียนที่จะมาถึง

Li Yu-an (李玉安) ซึ่งเป็นนักเรียนในกลุ่มการศึกษาภาษาจีนของโครงการสหวิทยาการและปริญญาโทนานาชาติกำลังจะไปสอนภาษาจีนที่ University of Hawaii ซึ่งนักเรียนจำนวนมากเป็นลูกของผู้อพยพชาวจีน แม้ว่าพวกเขาจะพูดภาษาจีนไม่ค่อยได้ แต่ก็มีความสนใจในวัฒนธรรมจีนเป็นอย่างมาก

นักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวอเมริกันสองคนจาก Duke University ได้แก่ Cole Walker และ Andrew Yue Qin ซึ่งทั้งคู่สามารถสนทนาภาษาจีนได้แล้ว  นอกจากวิชาภาษาจีนที่ NTHU แล้ว พวกเขายังมีวิชาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไต้หวัน และได้ไปทัศนศึกษาที่ไทเป ไถหนาน และฮัวเหลียน

NTHU ยังได้ลงนามข้อตกลงกับ Massachusetts Institute of Technology, University of Hawaii, และ University of Illinois at Urbana-Champaign เพื่อจัดตั้งศูนย์ภาษาจีน จัดให้มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษา และร่วมกันพัฒนาสื่อการเรียนการสอน Yen Ta-jen หวังว่าโปรแกรมที่คล้ายคลึงกันจะถูกนำไปใช้กับมหาวิทยาลัยในยุโรปในอนาคตอันใกล้นี้

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220928005010/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
NTHU
(886)3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

พระราชบัญญัติการลงโทษจากอุบัติเหตุร้ายแรง กฎหมายด้านความปลอดภัยฉบับใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการก่อสร้างของเกาหลี

Logo

LG U+, GSIL และ POSCO ICT จัดแสดงโซลูชันความปลอดภัยอัจฉริยะที่งาน K-ConSafety Expo 2022 เพื่อตอบสนองต่อ SAPA

โกยาง เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–28 กันยายน 2565

เมื่อเร็วๆ นี้ในเกาหลีใต้ ความจำเป็นในการจัดการด้านความปลอดภัยในพื้นที่อุตสาหกรรมได้เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการลงโทษจากอุบัติเหตุร้ายแรง (SAPA) เนื่องจากอุบัติเหตุร้ายแรงในพื้นที่อุตสาหกรรมได้กลายเป็นประเด็นทางสังคมที่สำคัญ รัฐสภาได้ผ่าน SAPA ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2565 แม้ว่า SAPA จะไม่แตกต่างจากพระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่จัดตั้งขึ้นมากนักเนื่องจากพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง ในขณะเดียวกันก็รับประกันความปลอดภัยของคนงาน โดยได้ขยายขอบเขตของภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องออกไปมากพอสมควรด้วยการลงโทษที่เพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับการละเมิดกฎหมาย หากพบว่าสาเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรงเป็นความประมาทเลินเล่อในการจัดการด้านความปลอดภัย SAPA จะกำหนดความรับผิดทางอาญาต่อเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าหน้าที่จัดการที่รับผิดชอบซึ่งไม่สามารถรับรองความปลอดภัยในการดำเนินธุรกิจของตนได้ นอกจากนี้พระราชบัญญัติยังกำหนดบทลงโทษทางการเงินแก่ธุรกิจหรือสถาบันที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแลและค่าเสียหายเชิงลงโทษสูงถึงห้าเท่าของความเสียหายจริง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220927005624/en/

K-ConSafety Expo showcases the latest smart safety solutions. (Photo: Business Wire)

งาน K-ConSafety Expo จัดแสดงโซลูชันความปลอดภัยอัจฉริยะล่าสุด (ภาพ: Business Wire)

ตามสถิติของกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในปี 2564 มาจากอุตสาหกรรมการก่อสร้าง และจำนวนผู้บาดเจ็บคิดเป็นมากกว่า 25% ของทั้งหมด นอกจากนี้การเสียชีวิตในอุตสาหกรรมการก่อสร้างมีส่วนทำให้เกือบครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิต 446 รายในช่วงครึ่งแรกของปี 2565

ด้วยความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นในการปฏิบัติตาม SAPA โซลูชันและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้รับการเผยแพร่เพื่อใช้แนวทางเชิงรุกเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บล้มตายในสถานที่ก่อสร้าง LG U+ เปิดตัว “Smart Safety Solution” แพลตฟอร์มความปลอดภัยอัจฉริยะที่ใช้ Bluetooth และการเรียนรู้ของเครื่อง เนื่องจาก LG U+ ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมและส่งเสริมผู้เชี่ยวชาญ บริษัทจึงได้เปิดตัวโซลูชันด้านความปลอดภัยแบบบูรณาการที่ใช้ประโยชน์จากระบบการตรวจสอบ ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ความปลอดภัยอัจฉริยะ U+ อย่างเช่น U+ Smart Safety Harness, หมวกนิรภัย, Beacon และ Hook พร้อมเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ IoT เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย สำหรับคนงานและขจัดอันตรายด้านความปลอดภัยที่ไซต์อุตสาหกรรม GSIL บริษัทด้านความปลอดภัยอัจฉริยะ เปิดตัวแพลตฟอร์มบูรณาการความปลอดภัยอัจฉริยะ “BE-IT” ด้วยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่ 4 เช่น IoT, ICT และ AI มอบโซลูชันเพื่อจัดการปัญหาด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงานผ่านข้อมูลความปลอดภัยแบบบูรณาการในภาคสนาม ในขณะนี้กำลังหารือเกี่ยวกับแอปพลิเคชันระบบและแผนการทำงานร่วมกันสำหรับโซลูชันของ GSIL กับ F1 Stadium ของคูเวต, เมืองอัจฉริยะ South Saad Al Abdullah, LA Metro Construction ในสหรัฐอเมริกา, Long Son ในเวียดนาม และอื่น ๆ

งาน K-ConSafety Expo ซึ่งจะจัดขึ้นที่ KINTEX ในเมืองโกยางระหว่างวันที่ 19-21 ตุลาคม เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พบกับผลิตภัณฑ์และโซลูชันล่าสุดของบริษัทด้านความปลอดภัยในการก่อสร้างอัจฉริยะ เพื่อจัดการความปลอดภัยในสถานที่และป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง นอกจาก LG U+ และ GSIL แล้ว POSCO ICT จะเข้าร่วมในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน K-ConSafety Expo โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (www.k-consafetyexpo.com)

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220927005624/en/

ติดต่อ:

Naru Kang
KINTEX
+82-(0)31-995-8044
internationalbusiness@kintex.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hytera เปิดตัววิทยุเคลื่อนที่ DMR รุ่น HM6 Series เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับคนทำงานบนท้องถนน

Logo

วิทยุเคลื่อนที่แบบสองทิศทาง Hytera HM6 series Professional DMR Mobile Two-way Radios ขนาดกะทัดรัดและใช้งานได้หลากหลาย ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ยินและให้ได้ยินอย่างชัดเจนต่อต้านเสียงรบกวนจากท้องถนน เชื่อมต่อและทำงานร่วมกับทีมได้ดียิ่งขึ้น

เซินเจิ้น จีน–(BUSINESS WIRE)–28 กันยายน 2565

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพ ได้ขยายพอร์ตโฟลิโอวิทยุสื่อสารเคลื่อนที่แบบสองทิศทาง DMR ด้วยการเปิดตัว 2 รุ่นใหม่ ได้แก่ HM68X และ HM65X โดย HM68X/65X เป็นส่วนหนึ่งของวิทยุ DMR รุ่น H Series รุ่นใหม่ของ Hytera ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การเชื่อมต่อด้วยเสียงและข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ปฏิบัติงานบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นคนขับที่ส่งพัสดุ ช่างซ่อมบำรุงสายไฟฟ้า หรือหน่วยลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยทั่ววิทยาเขต

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220927005660/en/

Hytera Launches HM6 Series DMR Mobile Radios to Empower Workforce on the Road (Photo: Business Wire)

Hytera เปิดตัววิทยุเคลื่อนที่ DMR รุ่น HM6 Series เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับคนทำงานบนท้องถนน (ภาพ: Business Wire)

โมดูลาร์และการออกแบบที่กะทัดรัดทำให้วิทยุเคลื่อนที่ HM6 ติดตั้ง ถอด และใช้งานในรถยนต์ได้ง่าย HM68X มาพร้อมปุ่มและจอแสดงผลแบบผลึกเหลว ซึ่งสามารถอ่านได้ทั้งในที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรงและในที่มีแสงน้อย HM65X ไม่มีจอแสดงผลหรือปุ่มบนยูนิตหลัก แต่จะทำงานร่วมกับหัวควบคุมแบบมือถือ (HHCH) แทน ซึ่งทำให้ HM65X มีความยืดหยุ่นในการติดตั้งใต้เบาะนั่ง ในกระโปรงหลัง หรือที่ใดก็ได้ในรถ เมื่อใช้ HHCH ผู้ใช้สามารถเปิดและปิดวิทยุ สลับช่องและรายชื่อ ปรับระดับเสียง และดูข้อความได้อย่างง่ายดาย

วิทยุเคลื่อนที่รุ่น HM6 series ให้เสียงที่ยอดเยี่ยมในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ AI จะกรองเสียงสะท้อนและเสียงพื้นหลัง อย่างเช่น เสียงแตรและเสียงเครื่องยนต์ โมดูล BT 5.0 ในตัวไม่เพียงแต่ทำให้จับคู่กับอุปกรณ์เสริมเครื่องเสียง BT ได้ง่ายเท่านั้น เพิ่มความสามารถรอบตัวเพิ่มเติม แต่ยังอำนวยความสะดวกในการโปรแกรมไร้สาย เมื่อพิจารณาว่าเครื่องวิทยุสามารถติดตั้งไว้ในส่วนลึกของห้องเครื่องได้ คุณลักษณะ BT จะช่วยประหยัดแรงได้มากเมื่อต้องกำหนดค่าวิทยุใหม่

ด้วยความไวของตัวรับสัญญาณที่สูง วิทยุเคลื่อนที่รุ่น HM6 จึงให้การสื่อสารที่ชัดเจนและเชื่อถือได้แม้ในพื้นที่ที่สัญญาณไม่เสถียรหรืออ่อน พวกมันทำงานในโหมดแอนะล็อกหรือดิจิทัล สำหรับธุรกิจที่มีระบบแอนะล็อก ความเข้ากันได้ของแอนะล็อก/ดิจิทัลช่วยให้การย้ายข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่นโดยมีการหยุดชะงักน้อยที่สุด นอกจากการโทรด้วยเสียงที่เชื่อถือได้แล้ว วิทยุเคลื่อนที่รุ่น HM6 ให้บริการต่าง ๆ อย่างเช่น ข้อความ การส่งข้อมูล การเตือนฉุกเฉิน การเปิด/ปิดวิทยุ และตำแหน่ง GPS บริการเหล่านี้ช่วยเพิ่มผลิตภาพและความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงานที่ใช้เวลานานบนท้องถนนเพื่อทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิทยุเคลื่อนที่แบบสองทิศทาง Hytera HM6 professional DMR mobile two-way radios โปรดไปที่:

HM68X: https://www.hytera.com/en-products/digital-radio/dmr-radio/hm68x/
HM65X: https://www.hytera.com/en-products/digital-radio/dmr-radio/hm65x/

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพ ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า และหลากหลายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ธุรกิจและผู้ใช้ที่มีความสำคัญต่อภารกิจ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการรับมือเหตุฉุกเฉิน เรียนรู้เพิ่มเติมที่ https://www.hytera.com/en/home.html

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220927005660/en/

ติดต่อ:

lele.yao@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia พัฒนาต้นแบบการทำงานของการ์ดหน่วยความจำ microSDXC ขนาด 2TB แรกของอุตสาหกรรม

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–28 กันยายน 2565

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นหน่วยความจำ ในวันนี้ประกาศเปิดตัวต้นแบบการทำงานของการ์ดหน่วยความจำ microSDXC ขนาด 2 เทราไบต์ (TB) ตัวแรกของอุตสาหกรรม การใช้หน่วยความจำแฟลช BiCS FLASHTM 3D ที่เป็นนวัตกรรมและตัวควบคุมที่ออกแบบภายใน ฟังก์ชันพื้นฐานของต้นแบบการทำงานของการ์ดหน่วยความจำ KIOXIA 2TB microSDXC UHS-I ได้รับการยืนยันในความหนาแน่นสูงสุดของมาตรฐาน microSDXC

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220927006137/en/

Kioxia Corporation: Industry’s First 2TB microSDXC Memory Card Working Prototype (Photo: Business Wire)

Kioxia Corporation: ต้นแบบการทำงานของการ์ดหน่วยความจำ microSDXC ขนาด 2TB แรกของอุตสาหกรรม (ภาพ: Business Wire)

เนื่องจากความจุในการบันทึกข้อมูลของสมาร์ทโฟน กล้องแอคชัน และเครื่องเล่นเกมแบบพกพายังคงเพิ่มขึ้น ความต้องการการ์ดหน่วยความจำ SD ความจุสูงพิเศษในการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดนี้ไม่เคยมีสูงเท่านี้มาก่อน ข้อมูลจำเพาะ SDXC ของ SD Association รองรับการ์ดหน่วยความจำสูงสุด 2TB มานานกว่าทศวรรษ แต่การ์ดขนาด 2TB ยังไม่สามารถผลิตได้สำเร็จจนถึงตอนนี้

การออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เป็นเอกสิทธิ์ของบริษัท ต้นแบบการทำงานของการ์ด KIOXIA 2TB สร้างขึ้นโดยสิบหกสแตก 1 เทราบิตได ของหน่วยความจำแฟลช 3D และได้ความหนาสูงสุด 0.8 มม. ตรงที่พื้นที่ติดตั้งได ทำให้เหมาะสมกับแอปพลิเคชันบันทึกข้อมูลความจุสูง

การผลิตแบบ Mass production ของการ์ดหน่วยความจำ KIOXIA 2TB microSDXC มีกำหนดจะเริ่มในปี 2566

หมายเหตุ
[1] การสำรวจข้อมูลของ Kioxia ณ วันที่ 28 กันยายน 2565

* สำหรับผลิตภัณฑ์ Kioxia: ความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่จำนวนความจุหน่วยความจำที่ผู้ใช้ปลายทางใช้ได้ ความจุที่ผู้บริโภคใช้งานได้จะลดลงเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ อย่างเช่น พื้นที่ข้อมูลโอเวอร์เฮด การจัดรูปแบบ บล็อกที่เสียหาย และข้อจำกัดอื่น ๆ และอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์และแอปพลิเคชัน

*โลโก้ SD, โลโก้ SDXC และโลโก้ microSDXC เป็นเครื่องหมายการค้าของ SD-3C LLC

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ ถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220927006137/en/

ติดต่อ:

สอบถามสื่อ:
Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division
Koji Takahata
Tel: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NielsenIQ BASES เปิดตัว BASES Creative Product AI ซึ่งเป็นเครื่องมือชนิดใหม่เพื่อทดสอบ คัดกรอง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพขึ้น

Logo

เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ใหม่นี้เป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในการทดสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ในรอบ 70 ปี

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2565

NielsenIQ BASES ผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ รู้สึกยินดีที่ได้ประกาศเปิดตัวการพัฒนาเทคโนโลยีด้านวิธีการทดสอบ คัดกรอง และเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์โดยใช้ BASES Creative Product AI โดย BASES Creative Product AI สร้างขึ้นโดยใช้โมเดลและอัลกอริธึมมากกว่า 100 แบบในการสร้างเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถคาดการณ์ประสิทธิภาพและระบุวิธีใหม่ ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์

การเปิดตัว BASES Creative Product AI เป็นก้าวสำคัญสำหรับเครื่องมือรุ่นต่อไปที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่น่าตื่นเต้นใหม่ ๆ ให้แก่ผู้บริโภค BASES Creative Product AI ได้รับการฝึกโดยใช้การทดสอบจากผู้บริโภคใน 35 ประเทศ มีการประเมินผลิตภัณฑ์ในตลาดกว่า 11,000 รายการเพื่อเสาะหาความชอบของผู้บริโภค คุณภาพทางประสาทสัมผัส และข้อมูลประชากร NielsenIQ ยังคงฝึก BASES Creative Product AI อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์นี้ทุกสัปดาห์

Chris Sinclair หัวหน้าฝ่ายเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ระดับโลกของ NielsenIQ BASES กล่าวว่า “BASES Creative Product AI เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ที่สุดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรอบกว่า 60 ปี ลูกค้าของเราจะได้พบกับวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่การวิจัยก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นวิธีที่ชาญฉลาด คล่องตัว ประหยัดต้นทุน และสร้างสรรค์กว่าในการสร้างสูตรผลิตภัณฑ์ที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค”

การศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพของ BASES Creative Product AI สามารถทำได้โดยใช้ตัวอย่างเพียง 20 ตัวอย่างต่อผลิตภัณฑ์ที่ทดสอบ โดยช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพขณะที่มีการใช้ข้อมูลเชิงลึกจากหมวดหมู่อาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกได้อีกด้วย นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพสามารถใช้ได้กับผลิตภัณฑ์แต่ละรายการใน 35 ประเทศ ช่วยลดขั้นตอนการวิจัยที่ยืดเยื้อ โดยเห็นผลในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์

ความสำเร็จในตลาดปัจจุบันต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกแบบไดนามิกเพื่อแข่งขันในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี BASES จะเป็นมาตรฐานชั้นเลิศสำหรับการสร้างแนวคิด การประเมินผลิตภัณฑ์ และการเพิ่มประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับ NielsenIQ

NielsenIQ บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลระดับโลกที่มอบมาตรฐานชั้นเลิศในการประเมินพฤติกรรมผู้บริโภคและการค้าปลีกผ่านความเข้าใจผู้บริโภคหลากหลายช่องทางที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก โดยมีความเชื่อมโยง สมบูรณ์ และนำไปดำเนินการได้มากที่สุด NielsenIQ เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับอุตสาหกรรมที่เราให้บริการ และเป็นผู้บุกเบิกที่กำหนดอนาคตศตวรรษหน้าของการประเมินผู้บริโภคและการค้าปลีก ข้อมูล ข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อมโยงถึงกัน และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ของเราจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทสินค้าที่อยู่ในรูปแบบของบรรจุภัณฑ์สำหรับอุปโภค (CPG) และบริษัทค้าปลีก ช่วยให้บริษัทเหล่านี้ใกล้ชิดกับชุมชนที่พวกเขาให้บริการมากขึ้น และช่วยขับเคลื่อนการเติบโต

NielsenIQ ซึ่งเป็นบริษัทในพอร์ตโฟลิโอของ Advent International โดยมีการดำเนินงานในตลาดมากกว่า 90 แห่ง และครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเข้าไปที่ NielsenIQ.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220927005555/en/

ติดต่อข่าวสาร

อเมริกาเหนือ: Gillian Mosher (gillian.mosher@nielseniq.com)
ลาตินอเมริกา: Ari Rodriguez (ari.rodriguez@nielseniq.com)
เอเชียแปซิฟิก: Tarini Mathur Kaul (tarini.mathurkaul@nielseniq.com)
ยุโรป: Julia Mayer (julia.mayer@nielseniq.com).
จีน: Hana Hu (hana.hu@nielseniq.com)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ชิคาโกโอแฮร์ แทนที่ ลอนดอนฮีทโธรว์ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อมากที่สุด

Logo

สหรัฐฯ ครองตำแหน่งศูนย์กลางระดับโลกที่ชะลอสู่การฟื้นตัวหลังเกิดโรคระบาด

การค้นพบที่สำคัญ:

  • ชิคาโกโอแฮร์ (ORD) เป็นท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อกันมากที่สุดในโลก
  • ลอนดอนฮีทโธรว์ (LHR) ร่วงมาอยู่อันดับที่ 22 ทั่วโลก แต่ยังคงครองอันดับ 1 ของยุโรปไว้
  • ท่าอากาศยานนานาชาติเม็กซิโกซิตี้ (MEX) เป็นท่าอากาศยานนอกสหรัฐอเมริกาที่มีการเชื่อมต่อมากที่สุด
  • โตเกียวฮาเนดะ (HND) ขึ้นจากอันดับที่ 22 ในปี 2562 เป็นอันดับที่ 14 ในปี 2565
  • ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี (DEL) เป็นท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อกันมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2565

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางชั้นนำของโลก ในวันนี้เปิดเผย Megahubs 2022 ในการเป็นสนามบินที่มีการเชื่อมต่อระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก 50 อันดับแรก อัปเดตล่าสุดในปี 2562 โดย Megahubs ให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่ว่าการหยุดชะงักของการเดินทางอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อการเชื่อมต่อทั่วโลกได้อย่างไร

ในขณะที่ ลอนดอนฮีทโธรว์ (LHR) ยังคงรักษาอันดับที่หนึ่งในบรรดายุโรปฮัป แต่จากอันดับทั่วโลกร่วงจากอันดับที่ 1 ในปี 2562 มาอยู่อันดับที่ 22 ในปีนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล (CDG) และ ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต (FRA) ประสบปัญหาคล้ายกัน โดยร่วงจาก 10 อันดับแรกมาอยู่อันดับที่ 27 และอันดับที่ 30

ท่าอากาศยานของสหรัฐฯ ครองการเป็น Megahubs ระดับโลก โดยชิคาโกโอแฮร์ (ORD; อันดับ 1), ท่าอากาศยานนานาชาติดัลลาส-ฟอร์ตเวิร์ธ (DFW; อันดับ 2) และ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ทสฟิลด์–แจ็คสัน แอตแลนตา (ATL; อันดับ 3) อยู่ในสามอันดับแรกของท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อมากที่สุดในโลก ท่าอากาศยานนานาชาติเม็กซิโกซิตี้ (MEX) อยู่ที่อันดับสูงสุดนอกสหรัฐอเมริกาในส่วนของการเป็น Megahub อันดับที่ 8 เพิ่มขึ้น 7 ตำแหน่งจากอันดับที่ 15 ในปี 2562

“ตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังเกิดโรคระบาด ในขณะที่สหรัฐฯ ครองตลาดเนื่องจากตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง เราอาจเห็นยุโรปและศูนย์กลางระดับโลกอื่น ๆ ไล่ตามได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่การฟื้นตัวเต็มที่” John Grant ประธานฝ่ายบริหารด้านวิเคราะห์ของ OAG กล่าว

Megahub ที่เชื่อมต่อมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคือ ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี (DEL) เนื่องจากท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงร่วงจาก 50 อันดับแรก ท่าอากาศยานนานาชาติมุมไบ (BOM) อยู่ในอันดับที่ 6 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี (SIN) ร่วงมาอยู่อันดับที่ 12

สำหรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมจาก Megahubs 2022 และระเบียบวิธีการทั้งหมด โปรดดูบทวิเคราะห์ที่นี่

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางชั้นนำของโลก ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ปี 2472 มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ OAG ดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.oag.com และติดตามเราบน Twitter @OAG Aviation

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220927005042/en/

ติดต่อ:

Chrissy Azevedo, Corporate Ink for OAG
pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter