SCF Partners และ T.D. Williamson ผู้นำระดับโลกด้านการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานด้านท่อส่ง ประกาศความร่วมมือด้านการลงทุน

Logo

ทัลซา รัฐโอคลาโฮมา.–(BUSINESS WIRE)–5 ก.ค. 2565

SCF Partners (“SCF”) และ T.D. Williamson, Inc. (“TDW”) มีความยินดีที่จะประกาศความร่วมมือด้านการลงทุน โดย SCF ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนด้านพลังงาน ได้ลงทุนใน TDW ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการแทรกแซงและการแยก การตรวจสอบ และการทำความสะอาดท่อและบริการสำหรับภาคการรวบรวม การส่ง และการกระจายสินค้าของอุตสาหกรรมท่อส่งก๊าซ ส่วน TDW จะดูแลด้านการรักษาทรัพย์สินที่สำคัญทั่วโลก โดยให้บริการลูกค้าใน 6 ทวีป ในกว่า 100 ประเทศ

TDW ก่อตั้งขึ้นในปี 2463 และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบำรุงรักษาท่อและความสมบูรณ์ของท่อมานานกว่า 100 ปี บริษัทมีสิทธิบัตรทั้งที่จดทะเบียนแล้วและที่รอดำเนินการจดทะเบียนเกือบ 500 รายการ ตลอดจนถึงเทคโนโลยีบุกเบิกหลัก ๆ เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดท่อ การตรวจสอบอุปกรณ์คาลิปเปอร์ และการต๊าปและเสียบปลั๊กในขณะที่เครื่องทำงานอยู่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาทรัพย์สินทางท่อที่สำคัญเอาไว้อย่างปลอดภัยและใช้งานได้ทั่วโลก ลูกค้าทั่วทั้งอุตสาหกรรมไปป์ไลน์ต่างมองหา TDW เมื่อต้องการแก้ไขปัญหาด้านเทคนิคที่ซับซ้อนที่สุด

Robert McGrew ประธานและซีอีโอของ TDW กล่าวว่า "การเป็นพันธมิตรครั้งนี้ทำให้แบรนด์และเทคโนโลยีชั้นนำของตลาดของ TDW ได้รับความเชี่ยวชาญด้านการเงินและกลยุทธ์อย่างลึกซึ้งจาก SCF เพื่อสร้างบริษัทที่แข็งแกร่งและมุ่งเน้นการเติบโตในอนาคต" "ผมตั้งตารอที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ทำให้ TDW โดดเด่นในวันนี้ และคว้าโอกาสใหม่ ๆ ที่ความร่วมมือกับ SCF จะนำมาให้"

“SCF รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำอย่าง TDW” David Baldwin หุ้นส่วนของ SCF กล่าว “ครอบครัว Williamson ได้สร้างบริษัทที่ยอดเยี่ยมตลอด 100 ปีที่ผ่านมา และ SCF รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ TDW ในบทต่อไป เราชื่นชมการอุทิศตนของบริษัทที่มีต่อบุคลากร ลูกค้า และอุตสาหกรรมของบริษัทมาโดยตลอด เรารอคอยที่จะได้ทำงานร่วมกับครอบครัวและผู้บริหารเพื่อสร้างความสำเร็จต่อยอดจากในอดีตและทำให้บริษัทเติบโตในวัฏจักรพลังงานใหม่นี้”

“เพราะความต้องการพลังงานทั่วโลกและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงทำให้เกิดความท้าทายด้านการปฏิบัติการและด้านกลยุทธ์ที่สำคัญในอุตสาหกรรมที่เราให้บริการ เรารู้สึกซาบซึ้งในโอกาสที่จะได้ทำงานร่วมกับ SCF เพื่อยกระดับและขยายบริการและการสนับสนุนลูกค้าของเราต่อไป เราตั้งตารอที่จะเข้าสู่ศตวรรษที่ 2 ของการบริการในอุตสาหกรรมพลังงานโดยมี SCF เป็นพันธมิตรและผู้ทำงานร่วมกันของเรา” Dick Williamson ประธานกิตติคุณกล่าว

Deviyani Misra-Godwin รองประธานของ SCF กล่าวว่า "TDW ขึ้นชื่อในด้านผลิตภัณฑ์และบริการระดับโลก การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสมบูรณ์ และโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานที่สำคัญจะเข้าสู่ตลาดได้อย่างปลอดภัย" “เราตั้งตารอที่จะสนับสนุน TDW ในการให้บริการทรัพย์สินเดิมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เพื่อสร้างและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในอนาคตสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานที่ประสบความสำเร็จ”

เกี่ยวกับ T.D. Williamson

T.D. Williamson (“TDW”) ให้บริการภาคการรวบรวม การส่ง และการกระจายของอุตสาหกรรมไปป์ไลน์ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการระดับโลก ซึ่งรวมไปถึงโซลูชันการแยกขั้นสูง การทำความสะอาดท่อแบบบูรณาการ และการประเมินความสมบูรณ์ ด้วยการใช้งานทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง ทั้งนี้ TDW เสนอกิจกรรมการบำรุงรักษาท่อส่งน้ำมัน และกิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ที่ครอบคลุม TDW ปลูกฝังความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ดำเนินการท่อที่ทนทานตลอดอายุของท่อ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tdwilliamson.com.

เกี่ยวกับ SCF Partners

SCF ก่อตั้งขึ้นในปี 2532 โดยให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและการเติบโตเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างและขยายบริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงาน อุปกรณ์ และเทคโนโลยีชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วโลก SCF ลงทุนในบริษัทแพลตฟอร์มมากกว่า 70 แห่ง และเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมอีกกว่า 400 แห่ง เพื่อพัฒนาบริษัทให้บริการด้านพลังงานและอุปกรณ์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 18 แห่งตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส และมีสำนักงานในคาลการี สิงคโปร์ อเบอร์ดีน และออสเตรเลีย เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.scfpartners.com.

ที่ปรึกษา

Raymond James & Associates, Inc. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ TDW Vinson & Elkins LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษให้กับ SCF Crowe & Dunlevy, Baker Botts LLP และ Allen & Overy LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษให้กับ TDW

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220705005064/en/

ติดต่อ:

Stanna Brazeel

Stanna.Brazeel@tdwilliamson.com

918-625-3912

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SINOVAC จับมือทีมวิจัย HKU-CTC และโรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง เริ่มวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกกับวัคซีนชนิดเชื้อตายที่จำเพาะต่อสายพันธุ์โอไมครอน เพื่อใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันในฮ่องกง ประเทศจีน

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–04 กรกฎาคม 2565

พิธีเปิดงานจัดขึ้นที่โรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง (Gleneagles หรือ GHK) ในการเริ่มวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกเพื่อประเมินความปลอดภัยและประเมินภูมิคุ้มกันของวัคซีนชนิดเชื้อตายที่จำเพาะต่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนของ SINOVAC ที่ถูกใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรง การทดลองนี้คาดว่าจะนำมาซึ่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อใช้เป็นแนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันในอนาคตต่อไป การทดลองครั้งนี้นำโดยทีมวิจัยทางการแพทย์ของศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC) ร่วมกับโรงพยาบาล Gleneagles

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220704005146/en/

[From right to left] Professor Ivan Hung Fan-ngai, Ru Chien & Helen Lieh Professor in Health Sciences Pedagogy, Clinical Professor and Chief of Infectious Diseases, Department of Medicine, School of Clinical Medicine, Assistant Dean (Admissions), LKS Faculty of Medicine of The University of Hong Kong; Dr Kenneth Tsang, CEO of Gleneagles Hospital Hong Kong; Ms. Cheryl Law, International Business Development Director, Asia Pacific of SINOVAC; Mr. Henry Yau, Managing Director of The University of Hong Kong Clinical Trials Centre. (Photo: Business Wire)

[จากขวาไปซ้าย] ศาสตราจารย์ Ivan Hung Fan-ngai ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ Ru Chien & Helen Lieh ด้านการสอนวิทยาศาสตร์สุขภาพ ศาสตราจารย์คลินิกและหัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อ ภาควิชาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์คลินิก ผู้ช่วยคณบดี (วิทยาลัย) คณะแพทยศาสตร์ LKS มหาวิทยาลัยฮ่องกง; Dr Kenneth Tsang ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Gleneagles Hospital Hong Kong; Cheryl Law ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ SINOVAC; Henry Yau กรรมการผู้จัดการศูนย์การทดลองทางคลินิกของมหาวิทยาลัยฮ่องกง (ภาพ: Business Wire)

ในการศึกษานี้ จะคัดเลือกอาสาสมัครผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงจำนวน 300 คนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายหรือวัคซีน mRNA ในการป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 2 หรือ 3 โดส

ศาสตราจารย์ Ivan Hung Fan-ngai ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ Ru Chien และ Helen Lieh ด้านการสอนวิทยาศาสตร์สุขภาพ, ศาสตราจารย์คลินิกและหัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อ และผู้ช่วยคณบดีภาควิชาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์คลินิก, ผู้ช่วยคณบดี (วิทยาลัย) คณะแพทยศาสตร์ LKS มหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKUMed) กล่าวในพิธีว่า "อย่างที่เราทราบ การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งในการรับมือกับโรคติดเชื้อต่าง ๆ ปัจจุบันโอไมครอนได้คร่าชีวิตผู้คนในโลกอย่างต่อเนื่อง ผมหวังว่าการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการวิจัยวัคซีนและการจัดการด้านการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

Dr Kenneth Tsang กล่าวว่า "ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสถานที่วิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกง เรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเชิงทดทองทางคลินิกนี้ และมีส่วนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาแนวทางด้านวัคซีนและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยส่งเสริมการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน"

Cheryl Law ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศของ SINOVAC กล่าวว่า "ความร่วมมือกับศาสตราจารย์ Hung ศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC) และโรงพยาบาล Gleneagles มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกของวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อต้านสายพันธุ์โอไมครอน เราหวังว่าจะพบวิธีแก้ปัญหาให้แก่ฮ่องกงและทั่วโลกเพื่อต่อสู้กับไวรัสชนิดใหม่จากผลการทดลองครั้งนี้”

SINOVAC ได้รับตัวอย่างสายพันธุ์โอไมครอนเมื่อต้นเดือนธันวาคมปี 2564 จากนั้นได้ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย (สายพันธุ์จำเพาะโอไมครอน) การวิจัยระยะพรีคลินิกแสดงให้เห็นว่าวัคซีนสามารถใช้ในสัตว์ได้อย่างปลอดภัยมีประสิทธิภาพ การวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกด้วยการฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันต่อต้านสายพันธุ์โอไมครอน ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย (IRB) ของมหาวิทยาลัยฮ่องกงและโรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง เมื่อวันที่ 12 เมษายน และจากคณะกรรมการเภสัชกรรมและสารพิษแห่งฮ่องกงเมื่อวันที่ 14 เมษายน ปี 2565 โดยอนุญาตให้ดำเนินการศึกษาทางคลินิกเกี่ยวกับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของผู้คนต่อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในฮ่องกง

เกี่ยวกับ Sinovac Biotech Ltd.

SINOVAC Biotech Ltd. (SINOVAC) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำของจีนที่มุ่งเน้นการวิจัย การพัฒนานวัตกรรม การผลิต และการค้าด้านวัคซีนที่ช่วยป้องกันโรคติดเชื้อในมนุษย์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ SINOVAC ประกอบด้วย วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ H5N1 (ไข้หวัดนก) ไข้หวัดใหญ่ H1N1 (ไข้หวัดหมู) และเอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) รวมถึงโรคติดเชื้อทั่วไปอื่น ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล นิวโมคอคคัส โปลิโอ อีสุกอีใส และคางทูม SINOVAC ยังค้นหาโอกาสในตลาดต่างประเทศ และส่งออกวัคซีนไปยังประเทศและองค์กรระหว่างประเทศหลายสิบแห่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SINOVAC ได้ที่ www.sinovac.com

เกี่ยวกับศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC)

ศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC) เป็นแพลตฟอร์มดำเนินการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแบบครบวงจรที่ทุ่มเทในการมอบความสะดวกในการจัดทำโครงการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกอย่างมืออาชีพภายใต้การดูแลของคณะแพทยศาสตร์ LKS แห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKUMed) นับตั้งแต่ก่อตั้ง ศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ดำเนินการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกที่ได้รับการสนับสนุนและที่ริเริ่มโดยผู้วิจัยเองกว่าพันรายการ ผ่านร่วมมือกับผู้สนับสนุนและผู้วิจัยทั่วโลก

เกี่ยวกับโรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง

โรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง (Gleneagles) ตั้งอยู่ที่ Wong Chuk Hang บนเกาะฮ่องกงตอนใต้ เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายด้าน ให้บริการเตียง 500 เตียง พร้อมเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย และบริการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกที่ครอบคลุมมากกว่า 35 สาขาวิชาเฉพาะและสาขาย่อย ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของฮ่องกง Gleneagles ยังมีส่วนช่วยในการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และความก้าวหน้าของการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก Gleneagles เป็นการร่วมทุนระหว่าง IHH Healthcare และ NWS Holdings Limited โดยมีมหาวิทยาลัยฮ่องกงเป็นพันธมิตรทางการแพทย์ที่สำคัญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง ได้ที่ https://www.gleneagles.hk/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220704005146/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ

Sinovac Biotech Ltd.
คุณ Will Chan
โทร: +852 61408385
อีเมล: will.chan@sinovac.com

ศูนย์วิจัยเชิงทดลองทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU-CTC)
คุณ Cathy Shen
โทร: +852 2255 2553
อีเมล: cathyswi@hku.hk

โรงพยาบาล Gleneagles ฮ่องกง
คุณ Tracy Chow
โทร: +852 3153 9330
อีเมล: tracy.chow@gleneagles.hk

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เกม SMASH LEGENDS ของ 5minlab เปิดตัว ตัวละครในตำนานตัวใหม่ ‘มายา’

Logo

  • เปิดตัวหน่วยจู่โจมคนใหม่ ‘มายา’ ในฐานะตำนานคนที่ 28
  • เริ่มอีเวนต์เทศกาลฤดูร้อน 2022 สำหรับช่วงฤดูร้อน

โซล เกาหลีใต้ 06 กรกฎาคม 2565 บริษัท 5minlab (ซีอีโอ Moonhyoung Park) ซึ่งเป็นสตูดิโออิสระของ KRAFTON Inc. (KRX: 259960) (ซีอีโอ Changhan Kim) ได้เปิดตัว ตัวละครในตำนานตัวใหม่ ‘มายา’ ในเกม SMASH LEGENDS เกมแนวแอ็กชัน PvP แบบเรียลไทม์ของพวกเขา โดยจะเปิดขายตลอดในการอัปเดตของเดือนกรกฎาคมนี้

5minlab’s SMASH LEGENDS Unveils New Legend ‘Maya’ in Update. (Graphic: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

ในฐานะตำนานคนที่ 28 มายาเป็นหน่วยจู่โจมที่ขี่หุ่นยนต์ตัวใหญ่และจะพุ่งเข้าใส่ศัตรู เธอมาด้วยความคล่องตัวที่รวดเร็วพร้อมทักษะขั้นสูงในการกระโจนและพุ่งไปข้างหน้า

หากผู้เล่นซื้อ ‘Smash Pass บทที่3: วันหนึ่ง ฉันได้พบกับเจ้าชายในฝัน’ ที่เริ่มด้วยการอัปเดตใหม่ ผู้เล่นจะได้รับรางวัลหากเลเวล Pass ไปถึงด่าน 10

นอกจากนี้ อีเวนต์เทศกาลฤดูร้อน 2022 จะเริ่มในช่วงฤดูร้อนนี้ด้วย ในช่วงของอีเวนต์ พื้นหลังและเสียงของล็อบบี้ในเกม จะเปลี่ยนเป็นธีมแนวชายหาดฤดูร้อน โดยจะมีไอเทม เช่น ลูกโป่งน้ำ น้ำผลไม้เขตร้อน และไอศกรีม บนแผนที่
นอกจากนี้ยังมีสกินธีมฤดูร้อนอีกด้วย หากผู้เล่นสวมใส่สกิน เอฟเฟกต์ในเกมก็จะเปลี่ยนไปตามธีมเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น โหมดดูโอทัชดาวน์ที่สามารถเล่นได้เฉพาะในสนามประลองแล็ปอย่างเดียว ก็ได้ถูกลงทะเบียนให้เป็นโหมดเล่นอย่างเป็นทางการแล้ว ดูโอทัชดาวน์คือโหมดแบบ 2 vs 2 ซึ่งทีมที่คุ้มกันเป้าหมายให้ไปถึงปลายทางได้ก่อน จะเป็นผู้ชนะ เนื่องจากดูโอทัชดาวน์ได้กลายเป็นโหมดอย่างเป็นทางการ จึงมีการปรับบาลานซ์ครั้งใหญ่ให้กับเหล่าตัวละครในตำนานเช่นกัน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัปเดต กรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเราและเช็กได้ในเกม

SMASH LEGENDS เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://smashlegends.com/

SMASH LEGENDS YouTube: https://www.youtube.com/SMASHLEGENDS

SMASH LEGENDS Discord: https://discord.com/channels/691836763890647120/694409158694273055

SMASH LEGENDS Library: https://en.smashlegendslib.com/

ดูคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52768249/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

KRAFTON, Inc.
Hyunjin Choi
jin@krafton.com


VOOPOO เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 รายการ บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของผู้ประกอบการ 8 ปีใน 30 นาที

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–04 ก.ค. 2022

แคมเปญ More Than Infinity ปี 2565 ของ VOOPOO จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2022 โดยที่ VOOPOO ใช้เวลา 30 นาทีในการบรรยายเรื่องราวของแบรนด์ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อตั้ง โดยเผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่าง "สัญลักษณ์อินฟินิตี้" และ จิตวิญญาณของแบรนด์และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่ไม่มีที่สิ้นสุดโดยใช้เทคโนโลยีใน 3 บท ในขณะเดียวกัน งานก็มีไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ POD 3 รายการ ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดของ VOOPOO

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220629005586/en/

Infinite innovation: The new product launch, backed by atomization platforms and chip development, manifests VOOPOO’s R&D strength. (Graphic: Business Wire)

นวัตกรรม Infinite: การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งสนับสนุนโดยแพลตฟอร์มการทำให้เป็นละอองและการพัฒนาชิป แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาของ VOOPOO (กราฟิก: Business Wire)

ธีมที่สำคัญมากในงานเสมือนจริงคือการบอกเล่าเรื่องราวการเติบโตของ VOOPOO นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ทางบริษัทได้วิวัฒนาการจากผู้ให้บริการโซลูชันชิปการทำให้เป็นละอองสู่ผู้นำในอุตสาหกรรมการทำละอองอิเล็กทรอนิกส์แบบเปิดในปัจจุบัน  VOOPOO ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาในเชิงบวกของอุตสาหกรรมผ่านชุดของนวัตกรรมใหม่ในขณะที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ของตัวเอง  นอกจากนี้ ตั้งแต่ VOOPOO เริ่มใช้กลยุทธ์โลกาภิวัตน์เมื่อปีที่แล้ว ก็ได้เปิดสาขาในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา และมาเลเซีย และจะเปิดเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินงานในระดับท้องถิ่น VOOPOO ยังยืนกรานที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับอิทธิพลระดับโลกในด้านการทำให้เป็นละอองทางอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก โดยการจัดตั้งร้านเรือธงของแบรนด์และเปิดตัวแอปในภูมิภาคต่างๆ มากขึ้น

อีกหนึ่งส่วนสำคัญของงาน VOOPOO คือเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Pod ล่าสุดสามผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ V-series สองรายการ ได้แก่ VMATE E และ VMATE Infinity Edition เป็นครั้งแรก ผลิตภัณฑ์ทั้งสองมีการติดตั้ง cartomizer ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีการปิดผนึกความสด 5A เพื่อล็อครสชาติและกลิ่นหอมของ e-liquid ที่สดใหม่ ในขณะที่การออกแบบพื้นผิวเลนส์ Fresnel สามารถลดการสัมผัสกับแสงของ e-liquid ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคงรสชาติที่สดใหม่ สำหรับผู้ใช้ วัสดุของตลับถูกเพิ่มเป็นพิเศษด้วยไอออนเงินที่มีประสิทธิภาพ 99%+ ประสิทธิภาพการต้านเชื้อแบคทีเรีย

ผลิตภัณฑ์ Drag Q ตัวที่ 3 ที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้กลับมาพร้อมกับ CMF Infinity Edition ใหม่ ในฐานะผลิตภัณฑ์ POD Drag Q ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ POD ด้วยประสิทธิภาพระดับผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมแรงดันอัจฉริยะและการฟื้นฟูรสชาติ  ในการเปิดตัวเสมือนจริง VOOPOO แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกยังอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับแรงผลักดันหลักของการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของ VOOPOO กล่าวคือ การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาที่ "เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง" จนถึงตอนนี้ VOOPOO ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการทำให้เป็นละอองบุกเบิกสามแพลตฟอร์มเพื่อรองรับผู้ใช้ที่แตกต่างกัน ได้แก่ PNP, TPP, ITO และได้พัฒนาชิป GENE สองตัวสำหรับฟังก์ชันผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ GENE AI และ GENE TT ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีการทำให้เป็นละอองที่ VOOPOO ได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้บริโภค

การเชื่อมต่อที่ไม่มีที่สิ้นสุด: จับมือกับลูกค้ากว่า 100,000 รายและแฟน ๆ กว่า 50,000,000 รายเพื่อสร้างวัฒนธรรม

การทำให้เป็นละอองทางอิเล็กทรอนิกส์ บทสุดท้ายอุทิศให้กับลูกค้าและแฟน ๆ นับล้านที่เดินคู่กับ VOOPOO ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา VOOPOO ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับร้านค้าออฟไลน์มากกว่า 100,000 แห่ง และชนะใจผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและการลงทุนในตลาดอย่างต่อเนื่อง  ความสำเร็จของตลาดเป็นหลักฐานของผลประโยชน์ร่วมกันและความร่วมมือแบบ win-win กับพันธมิตร  ในระดับโลก ผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านคนได้กลายเป็นแฟนตัวยงของ VOOPOO พวกเขาไม่เพียงแต่กระตุ้น VOOPOO ให้ยังคงสร้างผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัย แต่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการทำให้เป็นละอองทางอิเล็กทรอนิกส์ในระบบนิเวศ VOOPOO ด้วย  VOOPOO ประกาศว่าแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ VOOPOO จะเปิดในสหราชอาณาจักรและอินโดนีเซียเพื่อการโต้ตอบอย่างใกล้ชิดกับแฟนๆ ของ VOOPOO

VOOPOO ใช้เวลา 30 นาทีเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างกลยุทธ์การพัฒนาของ VOOPOO จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม วัฒนธรรมของแบรนด์ และสัญลักษณ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ 3 รายการจะคุ้มค่ากับความคาดหวังของตลาดและอุตสาหกรรม

เกี่ยวกับ VOOPOO

VOOPOO เป็นแบรนด์ชั้นนำของระบบ open pod และเติบโตอย่างรวดเร็วผ่านผลิตภัณฑ์ DRAG ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางทั่วโลกในระยะเวลาอันสั้น VOOPOO มุ่งเน้นไปที่การสร้างแพลตฟอร์มเทคโนโลยีหลักสองแพลตฟอร์มของ [Chip] และ [Atomization] VOOPOO ได้พัฒนา GENE.AI, GENE.TT และชิปอื่นๆนอกจากนี้ VOOPOO ยังได้พัฒนา Atomization Platform สามแบบอย่างอิสระ ได้แก่ TPP, PNP, ITO โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้ที่แตกต่างกัน VOOPOO มีชุดผลิตภัณฑ์หลักสี่ชุด – ARGUS, DRAG, VINCI และ V-series (Doric) VOOPOO จะยังคงพัฒนาตลาดระดับประเทศต่อไปในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแบรนด์ระดับโลกที่ทรงอิทธิพลที่สุดแบรนด์หนึ่ง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220629005586/en/

ติดต่อ:

Kai Tsu
Senior PR manager
15957944779
kai@voopootech.com

Pure Harvest Smart Farms ได้รับเงิน 180.5 ล้านเหรียญสหรัฐจากนักลงทุนทั่วโลกสู่การขยายกองทุน

Logo

  • การจัดหาเงินทุนนำทุนทั้งหมดที่ระดมทุนได้จนถึงปัจจุบันจำนวน 387.1 ล้านดอลลาร์ ตอกย้ำตำแหน่งของบริษัทในกลุ่มสตาร์ตอัปที่ได้รับทุนสนับสนุนดีที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาและเอเชียใต้ (MEASA)
  • แผนการเติบโตที่ตั้งใจและมุ่งมั่นรวมถึงฟาร์มอัจฉริยะแบบไฮบริดที่มีเทคโนโลยีสูงผ่านกลุ่มประเทศ GCC และเอเชีย
  • ฐานนักลงทุนทั่วโลกที่มีความหลากหลายสนับสนุนภารกิจของ Pure Harvest ในการเข้าถึงเทคโนโลยีในอนาคตสู่ผักและผลไม้สดคุณภาพสูงที่เติบโตอย่างยั่งยืน

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–30 มิถุนายน 2565

Pure Harvest Smart Farms (Pure Harvest) เป็นธุรกิจการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีแบบยั่งยืนชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งระดมทุนได้จำนวน 180.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการระดมทุนรอบล่าสุด การจัดหาเงินทุนดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ทั่วโลก รวมถึง Metric Capital Partners, UK, IMM Investment Corp, Korea และ Olayaan Group, KSA โดยมีนักลงทุนและผู้บริหารที่มีอยู่หลายรายเข้าร่วมด้วย บริษัทจะใช้เงินทุนร่วมกับเงินกู้รูปแบบต่าง ๆ เพื่อลงทุนในการวิจัยและพัฒนา เพื่อขยายการดำเนินงานผ่านกลุ่มประเทศ GCC และเพื่อเปิดตลาดใหม่ในเอเชีย

และสิ่งนี้เป็นการแสดงถึงการจัดหาเงินทุนที่แปลงสภาพได้มากที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาและเอเชียใต้ (MEASA) รอบการระดมทุนมีการจองซื้อเกินจำนวนมหาศาล และนักลงทุนเชิงกลยุทธ์บางส่วนยังคงหารือกันเพื่อเพิ่มขนาดต่อไป ซึ่งตอกย้ำถึงความต้องการของนักลงทุนสถาบันที่แข็งแกร่งสำหรับ Pure Harvest ทุนเพื่อการเติบโตนี้ตอกย้ำบทบาทของ Pure Harvest ในฐานะแชมป์ของภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาและเอเชียใต้ (MEASA) ภายในระบบนิเวศเกษตรกรรมไฮเทคระดับโลกที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

Sky Kurtz ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Pure Harvest Smart Farms กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการลงทุนนี้จากกลุ่มนักลงทุนทั่วโลกที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งสนับสนุนภารกิจของเรา: เพื่อควบคุมความมหัศจรรย์ของวิทยาศาสตร์ พลังของธรรมชาติ และแรงกระตุ้นของคนในการจัดหาผลิตผลที่สด อร่อย ราคาไม่แพง การปลูกอย่างยั่งยืนได้ในทุกที่  และที่ Pure Harvest เราได้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถปรับใช้โซลูชันการทำฟาร์มที่มีเทคโนโลยีสูงของเราได้อย่างน่าเชื่อถือผ่านกลุ่มประเทศ GCC ถึงเวลาแล้วที่จะเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่มีความท้าทายในแบบเดียวกันกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การพึ่งพาการนำเข้าตามฤดูกาล และการตระหนักรู้ถึงผลกระทบที่ทำลายของการเกิดวิกฤติในระยะสั้น (อย่างเช่น โควิด-19 ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้นกับระบบอาหารทั่วโลกของเรา อนาคตของการทำฟาร์มอยู่ที่นี่… ในตอนนี้เรามีทรัพยากรที่จะนำวิธีแก้ไขปัญหาของเราไปสู่โลก”

Metric Capital Partners เป็นนักลงทุนไพรเวทอิควิตี้ทั่วยุโรป มีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน ให้บริการโซลูชั่นด้านเงินทุนแก่บริษัทขนาดกลางในหลากหลายอุตสาหกรรมที่เป็นผู้ร่วมลงทุน Bjørn Tessiore หุ้นส่วนของ Metric Capital Partners กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Pure Harvest เป็นที่ชัดเจนว่าการเกษตรแบบควบคุมสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการแก้ปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร ในขณะเดียวกันก็บรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตอาหารด้วย เราเชื่อว่า Pure Harvest อยู่ในตำแหน่งที่ดีอย่างยิ่งที่จะเติบโตในตลาดที่กำลังเติบโตนี้ซึ่งขับเคลื่อนโดยทีมงานที่ยอดเยี่ยม แนวทางที่เป็นนวัตกรรม และประวัติที่พิสูจน์แล้วในการสร้างและดำเนินการในระดับต่าง ๆ ในภูมิภาคที่มีสภาพภูมิอากาศที่ยากลำบากสำหรับการเกษตร”

ความเห็นสำหรับ IMM Investment Corp บริษัทการลงทุนทางเลือกชั้นนำในเกาหลี ซึ่งประกาศการลงทุนครั้งแรก 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน Pure Harvest เมื่อเดือนตุลาคม Hyun-Chan Cho หุ้นส่วนของ IMM ให้ความเห็นว่า: “เนื่องจากการลงทุนใน Farm8 (PlanTFarm) ที่ประสบความสำเร็จมายาวนานของเรา เรารู้จักพื้นที่ CEA เป็นอย่างดี ด้วย Pure Harvest เราได้เห็นโซลูชันเสริมที่ช่วยให้เราลดจำนวนลงสองเท่าสำหรับวิทยานิพนธ์การลงทุนที่เรายังคงเชื่อมั่น และมีส่วนสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมต่อความมั่นคงด้านอาหารของโลก การอนุรักษ์น้ำ ความหลากหลายทางเศรษฐกิจ และวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืน เราภูมิใจที่ได้สนับสนุน Pure Harvest อย่างแข็งขันในขณะที่นำเสนอโซลูชันสู่ตลาดเอเชีย”

Olayan Financing Company เป็นบริษัทในซาอุดิอาระเบียที่ถือและจัดการสินทรัพย์ในตะวันออกกลางของ Olayan Group เป็นนักลงทุนรายสำคัญอีกรายหนึ่งในการระดมทุนรอบนี้ โฆษกของบริษัทกล่าวถึงการลงทุนล่าสุดของพวกเขาว่า “ลักษณะของ Pure Harvest นั้นสอดคล้องกับเราอย่างใกล้ชิด: พวกเขาเห็นวิกฤตความมั่นคงด้านอาหารทั่วโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นและได้ดำเนินการตามขั้นตอนสำคัญในการแก้ไข ความท้าทายด้านสภาพอากาศและน้ำ Pure Harvest ทำงานเพื่อพิชิตสิ่งสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก Pure Harvest ได้พิสูจน์ความสามารถในการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ปลอดภัย และยั่งยืนในราคาที่เหมาะสมอย่างไม่น่าเชื่อ และได้แสดงการเปิดกว้างในการเป็นพันธมิตรกับผู้อื่นเพื่อให้บรรลุภารกิจ ผมเชื่อว่าการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยให้พวกเขาสามารถปลดปล่อยศักยภาพที่สำคัญ และเพื่อตอบสนองความต้องการด้านอาหารที่เพิ่มขึ้นในตลาดใหม่ ๆ มากมาย เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับบริษัท ณ จุดวิกฤตนี้ในการเดินทางของพวกเขา โดยเปลี่ยนจากผู้นำระดับภูมิภาคไปสู่ระดับโลก”

การระดมทุนรอบล่าสุดนี้ตอกย้ำตำแหน่งความเป็นผู้นำของ Pure Harvest ในฐานะผู้บุกเบิก CEA ในสภาพอากาศอันเลวร้าย การระดมทุนครั้งนี้ ร่วมกันกับสิ่งจูงใจด้านการวิจัยและพัฒนาขนาดใหญ่ที่ได้รับจากองค์กร Abu Dhabi Investment Office ในปี 2563 จะช่วยให้ Pure Harvest สามารถเร่งแผนการเติบโต ปรับใช้ระบบที่กำลังเติบโตในตลาดใหม่ และเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาได้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโครงการริเริ่มด้านการเติบโตใหม่ ๆ ซึ่งรวมถึงการขยายผลิตภัณฑ์และโซลูชัน CEA ที่ประหยัดน้ำสำหรับการผลิตอาหารสัตว์

Citigroup ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ Pure Harvest

การประกาศนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับการตีพิมพ์หรือแจกจ่าย โดยตรงหรือโดยอ้อม ในหรือภายในสหรัฐอเมริกา การประกาศนี้ไม่ใช่การเสนอขายหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา หลักทรัพย์ที่อ้างถึงในที่นี้ยังไม่ได้และจะไม่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาปี 2476 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และไม่สามารถเสนอหรือขายในสหรัฐอเมริกาได้ ยกเว้นตามข้อยกเว้นที่บังคับใช้จากการจดทะเบียน ไม่มีการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสาธารณะในสหรัฐอเมริกา

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220630005406/en/

ติดต่อ:

สอบถามสื่อ

David Caldwell
pureharvest@cw8-communications.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Quorum Software ประกาศความร่วมมือด้านการวางแผนและเศรษฐกิจยุคใหม่กับ Schlumberger

Logo

Planning Space ของ Quorum ผสานรวมกับโซลูชัน Schlumberger FDPlan

ฮูสตัน–(BUSINESS WIRE)–30 มิถุนายน 2565

Quorum Software (Quorum) ผู้นำซอฟต์แวร์ระดับโลกที่อุทิศให้กับอุตสาหกรรมด้านพลังงาน ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับ Schlumberger เพื่อร่วมกันบูรณาการ Planning Space อุตสาหกรรมชั้นนำของ Quorum การวางแผนธุรกิจ และข้อเสนอด้านเศรษฐศาสตร์ปิโตรเลียม เข้ากับโซลูชันการวางแผนการพัฒนาด้าน FDPlan ซึ่งเปิดใช้งานโดย DELFI cognitive E&P environment ทั้งนี้ Schlumberger นำเสนอโซลูชั่นแบบบูรณาการโดยตรง โดยมี Planning Space เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจปิโตรเลียม

ในส่วนหนึ่งของข้อตกลง Quorum จะได้รับการวางแผน ความเสี่ยง และซอฟต์แวร์สำรองของ Merak จาก Schlumberger อีกด้วย

“Quorum และ Schlumberger ได้พัฒนาความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าและพันธมิตรของเรามาเป็นเวลาหลายทศวรรษในการให้บริการด้านอุตสาหกรรมพลังงาน” Gene Austin ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Quorum กล่าว “การรวมโซลูชันการวางแผนและเศรษฐศาสตร์ในตลาดชั้นนำของเราช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถเข้าถึงระบบนิเวศเทคโนโลยีที่สมบูรณ์ที่สุดของอุตสาหกรรมได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของเรา”

“ความร่วมมือระหว่าง Quorum และ Schlumberger จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถผสานรวมข้อมูลข้ามโดเมนและเวิร์กโฟลว์ได้อย่างราบรื่น เพื่อเร่งการตัดสินใจในการวางแผน การดำเนินงาน และห้องประชุมคณะกรรมการ” Trygve Randen ผู้อำนวยการ Digital Subsurface Solutions ของ Schlumberger กล่าว “ด้วยการผสานรวม DELFI environment และเวิร์กโฟลว์โดเมนกับโซลูชันการวางแผนธุรกิจของ Quorum เรากำลังเปิดใช้งานอุตสาหกรรมเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นประสบการณ์แบบบูรณาการอย่างแท้จริงที่เชื่อมโยงทุกฟังก์ชันในองค์กร”

ด้วยข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้ทันที Quorum และ Schlumberger ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับบริษัทพลังงานรายใหญ่หลายแห่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลกำไรผ่านการวางแผนธุรกิจที่ดีขึ้นทั่วทั้งองค์กร

เกี่ยวกับ Quorum Software

Quorum Software เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมพลังงานชั้นนำทั่วโลก โดยให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,800 รายทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงานใน 55 ประเทศ โซลูชันของ Quorum ขับเคลื่อนการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจพลังงานโดยเชื่อมโยงผู้คน เวิร์กโฟลว์ และระบบเข้ากับข้อมูลที่พร้อมสำหรับการตัดสินใจ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราได้ส่งมอบซอฟต์แวร์ตัวแรกของอุตสาหกรรมสำหรับนักบัญชีโรงงานก๊าซ และในปัจจุบัน โซลูชันของเราทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวด้วยมาตรฐานและการบูรณาการข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกไว้วางใจผู้เชี่ยวชาญและการใช้งานของ Quorum เพื่อนำทางการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานให้ประสบความสำเร็จในขณะที่ส่งมอบคุณค่าทั้งในปัจจุบันและอนาคต สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ quorumsoftware.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220630005221/en/

ติดต่อ:

สื่อ:
Lauren Force
lforce@pancomm.com
617 502 4366

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG เปิดตัวแพลตฟอร์มพลังงานหมุนเวียน Grupo Cerro ของชิลี

Logo

กิจการที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ ยังรวมไปถึงการเข้าซื้อกิจการของ ANPAC ที่เสร็จสมบูรณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ไหลออกจากแม่น้ำ 11 แห่ง ตลอดจนถึงโรงงาน Cerro Dominador ที่ตั้งอยู่ก่อนแล้ว

แพลตฟอร์มอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในชิลีด้วยโครงการนวัตกรรมที่จัดหาพลังงานหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง

วอชิงตันและซานติอาโก, ชิลี–(BUSINESS)–29 มิ.ย. 2565

EIG นักลงทุนสถาบันในภาคพลังงานทั่วโลกและหนึ่งในนักลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของโลก เปิดตัว Grupo Cerro แพลตฟอร์มพลังงานหมุนเวียนใหม่ในชิลี บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ประกอบด้วยโรงไฟฟ้า Cerro Dominador ที่มี EIG เป็นเจ้าของ และ ANPAC ที่เพิ่งถูกซื้อมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไหลผ่านแม่น้ำ 11 แห่งในภูมิภาค O'Higgins, El Maule, Bio Bio และ La Araucania ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ ANPAC ขนาด 110 เมกะวัตต์ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าและโครงการหลากหลายที่ดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ของการก่อสร้างและการพัฒนาทั้งในตลาด ณ จุดขายและตลาดที่มีอัตราภาษีคงที่

หลังการเข้าซื้อกิจการ ปัจจุบัน Grupo Cerro จะมีกำลังการผลิตติดตั้งมากกว่า 280 เมกะวัตต์ในชิลี ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้า Cerro Dominador Photovoltaic (PV) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบเข้มข้น หรือ Concentrated Solar Power (CSP) พอร์ตโฟลิโอของกลุ่มยังรวมถึงหลายโครงการที่อยู่ในขั้นสูงของการก่อสร้างและการพัฒนา ซึ่งรวมไปถึง Likana Solar complex ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ CSP ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกำลังการผลิต 690 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Pampa Union 600 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าพลังน้ำจากแม่น้ำอีกกว่า 40 เมกะวัตต์ อีกด้วย

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า "ธุรกรรมนี้คาดว่าจะช่วยให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำงานร่วมกันได้ สร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และเพิ่มความหลากหลายทางเทคโนโลยีและภูมิศาสตร์สำหรับ Grupo Cerro โดยนับจากตอนที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Cerro Dominador อันล้ำสมัย ซึ่งเป็นโครงการ CSP แห่งแรกในละตินอเมริกาเสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 การทำธุรกรรมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญในกลยุทธ์ของเราในการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง ทีมงานที่ดีที่สุดและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในชิลี”

Fernando Gonzalez ซีอีโอของ Grupo Cerro กล่าวว่า "ธุรกรรมนี้ช่วยผลักดันความมุ่งมั่นของเราต่อการเติบโตของชิลี โรงงานเหล่านี้ เมื่อรวมกับโครงการ Likana Solar และ Pampa Union ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา จะช่วยกระจายพอร์ตโฟลิโอพลังงานหมุนเวียนของเราในเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อให้สามารถผลิตพลังงานทดแทนราคาประหยัดสำหรับตลาดชิลีและจัดหาพลังงานสะอาดทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง"

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานทั่วโลกด้วยเงิน 25,000 ล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้การสนับสนุนมากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 380 โครงการใน 38 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบไปด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำมากมาย บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com.

เกี่ยวกับ Grupo Cerro

Grupo Cerro เป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นใหม่ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนโดยการจัดหาพลังงานที่สะอาดและจัดการได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันให้กับระบบในชิลีตลอดจนถึงลูกค้า อนึ่ง บริษัทจัดการพอร์ตโฟลิโอของโครงการดำเนินการมากกว่า 280 เมกะวัตต์ทั่วชิลี และท่อส่งการพัฒนาอีก 1.3 กิกะวัตต์

 ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220629005646/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

EIG

FGS Global

Kelly Kimberly / Brandon Messina

+1 212-687-8080

EIG-SVC@sardverb.com

Cerro Dominador

María José López

mjlopez@cerrodominador.com

ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและองค์กร

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

BOSGORA เปิดตัว BizNet เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจ

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–29 มิถุนายน 2565

BOSAGORA Foundation (ประธาน: Kim In-hwan) ประกาศเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนว่าได้เปิดตัว BizNet ที่มีเอกลักษณ์สำหรับการสร้างและขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220629005377/en/

BOSAGORA Foundation launched BizNet to provide a blockchain network that supports developers to learn and adapt to smart contracts. (Graphic: Business Wire)

BOSAGORA Foundation เปิดตัว BizNet เพื่อจัดหาเครือข่ายบล็อกเชนที่สนับสนุนนักพัฒนาในการเรียนรู้และปรับให้เข้ากับสัญญาอัจฉริยะ (กราฟิก: Business Wire)

การประกาศเปิดตัว BizNet ได้รับการสตรีมสดบน YouTube เพื่อให้แน่ใจว่ามีการสื่อสารอย่างอิสระกับผู้ใช้

เครือข่ายบล็อกเชนของ BOSAGORA ซึ่งเป็นการระดมทุนด้วยการเสนอขายโทเ​​​คนดิจิทัลต่อสาธารณชน (ICO) โครงการแรกในเกาหลีใต้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์โดยการใช้งบประมาณส่วนกลางที่สะสมผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในโครงการโดยผู้ให้บริการโหนด (node operator) ผ่านกิจกรรมของรัฐสภาและการสร้างบล็อก

Foundation ได้พัฒนา BizNet เพื่อจัดหาเครือข่ายบล็อกเชนที่สนับสนุนนักพัฒนาในการเรียนรู้และปรับให้เข้ากับสัญญาอัจฉริยะได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจำเป็นสำหรับการส่งมอบโทเคนที่มีลักษณะเฉพาะตัว (NFTs) และ DeFi

และเอนจินฉันทามติของ BizNet ได้รับการออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงความเข้ากันได้กับเครือข่าย Ethereum ลดเวลาแฝงที่จำเป็นสำหรับทำบล็อกให้สมบูรณ์ วงจรการสร้างบล็อกที่เหมือนกันกับเครือข่าย Ethereum และการหลีกเลี่ยงอัตราเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ ความเข้ากันได้กับเครือข่าย Ethereum ซึ่งมีระบบนิเวศทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด คาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนการขยายตัวของระบบนิเวศทางธุรกิจของ BOSAGORA เนื่องจากช่วยให้เกิดความร่วมมือและผสมผสานกับบริการต่าง ๆ ทั่วโลกที่ใช้ Ethereum

BizNet เผยแพร่ Biz-BOA ซึ่งเป็น native token ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน ผู้ใช้สามารถแปลงคะแนนหรือโทเคนที่สะสมได้โดยการใช้บริการที่นำเสนอใน BizNet เป็น Biz-BOA ผ่านฟังก์ชันการแลกเปลี่ยนของ BizNet ฟังก์ชันการแลกเปลี่ยนช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้บริการที่หลากหลายที่เข้าร่วมกับ BizNet ได้

และด้วยฟังก์ชันบริดจ์ที่จะให้บริการอย่างต่อเนื่องโดย BizNet โทเคนสามารถแลกเปลี่ยนกับเหรียญ BOA ที่ใช้ ERC20 ที่ระบุไว้ในการแลกเปลี่ยน

Foundation อิงตาม BizNet วางแผนที่จะเปิดตัวการบริการ S2E (Service-to-Earn) รวมถึง DeFi, P2E (Play-to-Earn) และ M2E (Move-to-Earn) รวมถึง NFT ตามลำดับ

“ด้วยการเปิดตัวของ BizNet มูลค่าของเหรียญ BOA คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะสร้างระบบนิเวศเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น” Kim In-hwan ประธาน BOSGORA Foundation กล่าว “เราจะพยายามขยับเข้าใกล้วิสัยทัศน์ของ BOSAGORA ในเรื่อง ‘การสร้างโลกให้ดีขึ้น’ ผ่าน BizNet”

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220629005377/en/

ติดต่อ:

BOSAGORA
Matthew Kim
matthew.kim@bosagora.io

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG ว่าจ้าง De La Rey Venter เป็น CEO ของ MidOcean Energy

Logo

เป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะนำบริษัท LNG ที่ควบคุมโดย EIG

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–28 มิ.ย. 2565

EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศว่า De la Rey Venter ได้เข้าร่วมบริษัทในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MidOcean Energy (“MidOcean”) และในฐานะกรรมการผู้จัดการของ EIG.  MidOcean เป็นบริษัท LNG ที่ควบคุมโดย EIG ที่ต้องการสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG แบบบูรณาการที่หลากหลายของโครงการ LNG ที่ดำเนินการด้วยคุณภาพสูงพร้อมกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง  คุณ Venter มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม 25 ปีด้วยประสบการณ์ในการดำเนินงาน ข้อตกลง และความเป็นผู้นำทางธุรกิจระดับโลกในภาคเหมืองแร่ ต้นน้ำ และ LNG  ในบรรดาบทบาทอื่นๆ เขาดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารของ Integrated Gas Ventures ซึ่งรับผิดชอบ LNG และสินทรัพย์ก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่ของเชลล์ และก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย LNG ระดับโลกของ Shell ด้วย  เขาจะประจำอยู่ที่สำนักงานในลอนดอนของ EIG

“LNG เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และเป็นแหล่งพลังงานเชิงกลยุทธ์ทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น” R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “EIG เป็นผู้ให้บริการเงินทุนรายสำคัญให้กับภาคธุรกิจมาช้านานแล้ว และได้ลงทุนในโครงการ LNG แล้ว 9 โครงการทั่วโลกซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้งการทำแปลงเหลวและการปรับสภาพใหม่ การเพิ่มบุคคลที่มีความสามารถของ De la Rey เพื่อเป็นผู้นำ MidOcean แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราต่อ LNG และการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน เรายินดีต้อนรับ De la Rey และรู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับอนาคตที่เขาจะช่วยพัฒนาให้กับ MidOcean”

คุณ Venter กล่าวเสริมว่า "วิสัยทัศน์ของ EIG สำหรับ MidOcean เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับโลกที่ต้องใช้ LNG เป็นเวลานาน เรามีความเชื่ออย่างแรงกล้าในบทบาทสำคัญของ LNG ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ก๊าซคาร์บอนต่ำและไม่มีคาร์บอนเพื่อช่วยให้โลกเปลี่ยนไปสู่เป้าหมาย Net Zero  ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับทีมงานเพื่อสร้างธุรกิจด้านสารพลังงาน โดยอ้างอิงจากประวัติอันยาวนานของ EIG ในด้าน LNG ทั่วโลก และสำหรับธุรกิจนี้จะมีผลกระทบอย่างแท้จริงในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสูงของอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก”

คุณ Venter เข้าร่วมกับ Shell เป็นครั้งแรกในปี 2545 นอกเหนือจากบทบาทของเขาในฐานะ EVP ของ Integrated Gas Ventures และ Global Head of LNG แล้ว เขายังดำรงตำแหน่งต่างๆ ทั่วโลก รวมถึง EVP Upstream Joint Ventures, EVP Gas & Power Africa และ VP Commercial ในกาตาร์  คุณ Venter ยังรับผิดชอบธีมการผลิต CCUS และ Blue Hydrogen ของเชลล์อีกด้วย คุณ Venter สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจาก IMD ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ปริญญาตรีสาขาพาณิชยศาสตร์ (Cum Laude) จากมหาวิทยาลัย Northwest และปริญญาเกียรตินิยมด้านการจัดการการเงินและการลงทุน (Cum Laude) จากมหาวิทยาลัย Johannesburg ทั้งในแอฟริกาใต้

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 25.0 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565.  EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 40.1 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 380 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศในหกทวีป  ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำหลายแห่ง บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220628005081/en/

ติดต่อ:

สำหรับสื่อ
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกและผู้ปฏิบัติงานที่มีทักษะรวมกันเพื่อปรับปรุงสุขภาพของมหาสมุทรโดยจัดการกับความท้าทายทั่วทั้งระบบด้านการจัดการทางทะเล

Logo

ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ The Nature Conservancy รัฐบาล หน่วยงานวิจัย และภาคเอกชน มารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการปรับปรุงการจัดการทางทะเลอิงตามบทเรียนที่เรียนรู้มาจากทั่วโลก

ลิสบอน โปรตุเกส–(BUSINESS WIRE)–28 มิถุนายน 2565

พื้นที่คุ้มครองทางทะเล (MPA) เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพ การปกป้องแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเลและชายฝั่ง การสร้างโซลูชันสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนความต้องการของมนุษย์ผ่านการใช้งานที่ยั่งยืน กรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลก (Global Biodiversity Framework) ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity) อาจรวมถึงเป้าหมายที่ตั้งใจและมุ่งมั่นในการขยายความครอบคลุม MPA ให้เป็น 30% ภายในปี 2573 อย่างไรก็ตาม พื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่น้อยกว่า 3% บรรลุวัตถุประสงค์ในการเผชิญกับภัยคุกคามระดับท้องถิ่นและระดับโลกที่เร่งขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220628005443/en/

Dr. Lizzie McLeod, Global Reefs Lead for The Nature Conservancy (Photo: Mary Kay Inc.)

Dr. Lizzie McLeod, Global Reefs Lead ของ The Nature Conservancy (ภาพ: Mary Kay Inc.)

เพื่อจัดการกับความท้าทายนี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญได้ประชุมกันในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทรในเดือนมิถุนายน 2565 ที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ในหัวข้อ “เรื่องคุณภาพ: การเสริมสร้างธรรมาภิบาล การจัดการที่มีประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นของพื้นที่คุ้มครองทางทะเลเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันหลายประการ” งานนี้มีวิทยากรจากภาคเอกชน หน่วยงานวิทยาศาสตร์ทางทะเลในท้องถิ่น ตัวแทนจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร รัฐบาล และองค์กรระหว่างรัฐบาล วิทยากรจะแบ่งปันว่าพวกเขาเป็นหัวหอกในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านการจัดการทางทะเลอย่างไร จะเน้นที่เครื่องมือที่มีคุณค่า การเพิ่มการทำงานร่วมกัน การแบ่งปันความรู้ และการเรียนรู้จากบทเรียน Dr. Lizzie McLeod, Global Reefs Lead ของ The Nature Conservancy กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงภาคเอกชน รัฐบาล องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) นักวิจัย และชุมชนท้องถิ่นมีความสำคัญต่อการปรับปรุงสุขภาพของมหาสมุทร การใช้ประโยชน์จากบทเรียนที่ได้รับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดทั่วโลกเพื่อปรับปรุงการจัดการมหาสมุทรคือลำดับความสำคัญในการอนุรักษ์ รวมถึงการร่วมกันสร้างโซลูชันร่วมกับพันธมิตรหลัก”

จากเหตุการณ์นี้ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ The Nature Conservancy และพันธมิตรด้านการอนุรักษ์อื่น ๆ โดยการสนับสนุนจาก Mary Kay Inc. กำลังพัฒนาชุดเครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจสำหรับผู้จัดการทางทะเลที่แก้ไขปรับปรุงการจัดการทางทะเล สนับสนุนการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืนของพื้นที่คุ้มครองทางทะเล และแนะนำการสร้างการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเลตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดทั่วโลก ด้วยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลก ผู้จัดการทางทะเลจะสามารถจัดการกับภัยคุกคามที่สำคัญที่ระบบนิเวศทางทะเลทั่วโลกต้องเผชิญได้ดียิ่งขึ้น “MPAs เป็นกุญแจสำคัญต่อสุขภาพของมหาสมุทรและการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ก็ไม่ได้ผลเสมอไปหากไม่มีการสนับสนุนมากมาย เครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจที่ช่วยให้การออกแบบและการจัดการ MPA ดีขึ้น การแบ่งปันความรู้ และการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางทะเลได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นในการปกป้องมหาสมุทรได้ดียิ่งขึ้น” Ole Vestergard เจ้าหน้าที่โครงการของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ กล่าว

“Mary Kay มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุน TNC โดยร่วมมือกับ UNEP และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ จากทั่วโลก ในความพยายามที่จะปกป้องทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในโลกของเรา นั่นคือ มหาสมุทร” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “องค์กรเหล่านี้อยู่ในแนวหน้าของการต่อสู้เพื่อรักษาแหล่งน้ำของเรา และเราหวังว่าด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay พวกเขาจะมีเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ามหาสมุทรของเรามีสุขภาพที่ดีสำหรับคนรุ่นต่อไป”

ในขณะที่รัฐบาลปรับแต่งเป้าหมายการอนุรักษ์ ก็ถึงเวลาที่จะเน้นย้ำถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ประเทศอื่น ๆ บรรลุเป้าหมายด้านความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลกและการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้จำเป็นต้องมีเครื่องมือในการตัดสินใจและวิทยาศาสตร์พื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของนักวางแผนและผู้จัดการทางทะเลเพื่อจัดการแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเลให้ดีขึ้นเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยคุกคามอื่น ๆ

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เรารังสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP)

UNEP เป็นกระบอกเสียงชั้นนำระดับโลกด้านสิ่งแวดล้อม โดยให้ความเป็นผู้นำและส่งเสริมการเป็นพันธมิตรในการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ นำเสนอข้อมูล และช่วยให้ประชาชาติและผู้คนสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาโดยไม่กระทบต่อคนรุ่นอนาคต

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220628005443/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

Misty Edgecomb
Communications Director, Protect Oceans, Land and Water
The Nature Conservancy
Las Vegas, Nevada (Pacific time zone)
medgecomb@tnc.org, 484-343-3223 cell
pronouns: she/her, Twitter: @mistyedgecomb

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย






The Bangkok Reporter