Trilliant ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเปิดตัวการผลิตในมาเลเซีย

Logo

แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้าที่มีการนำมิเตอร์อัจฉริยะมาใช้มากกว่า 3.5 ล้านเครื่องในภูมิภาค

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–18 กรกฎาคม 2565

Trilliant ผู้ให้บริการด้านโซลูชันสำหรับโครงสร้างมิเตอร์ขั้นสูง (AMI) สมาร์ทกริด เมืองอัจฉริยะ และ IOT ชั้นนำระดับโลก ยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่องด้วยการประกาศเริ่มการผลิตในมาเลเซีย นอกจากนี้บริษัทได้บรรลุถึงจุดสำคัญของการปรับใช้มิเตอร์อัจฉริยะหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยปัจจุบันมีการติดตั้งและใช้งานมิเตอร์อัจฉริยะมากกว่า 3.5 ล้านเครื่อง พร้อมวางแผนเพิ่มเติมอีกหลายล้านรายการ

“เรารู้สึกยินดีที่ความพยายามในการผลิตกำลังดำเนินไปในมาเลเซีย” Andrew C. White ประธานและซีอีโอของ Trilliant กล่าว “โรงงานแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และปรับปรุงเวลาการส่งมอบให้กับลูกค้าคนสำคัญของเรา กระบวนการผลิตของเรานำโดยวิศวกรที่ทุ่มเทและมีประสบการณ์ซึ่งยึดมั่นในการควบคุมคุณภาพและการปฏิบัติตามข้อกำหนดระดับสูงสุด Trilliant ภูมิใจที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะพูดว่า ‘ผลิตในมาเลเซีย’ และเราหวังว่าจะได้สนับสนุนการสร้างงานไฮเทคเพิ่มเติมและเพิ่มความเชี่ยวชาญในท้องถิ่น”

ทีมผู้ผลิตจะมุ่งเน้นไปที่ Trilliant Communications Module (TCM) และ Trilliant Street Light Controller การผลิตในท้องถิ่นไม่เพียงแต่จะลดรอบการจัดส่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้มีการลดค่าคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ในกระบวนการผลิตและการขนส่ง เนื่องจาก Trilliant ส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในท้องถิ่น รวมถึงรายอื่น ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค ค่าคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ประมาณ 119 ตันจะลดลงในช่วงสามปีข้างหน้าในมาเลเซียเพียงประเทศเดียว

พื้นที่ครอบคลุมในภูมิภาคยังคงเติบโต

นอกเหนือจากกิจกรรมการผลิตใหม่แล้ว Trilliant ยังบรรลุจุดสำคัญโดยการนำมิเตอร์อัจฉริยะมาใช้ในอินเดียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในภูมิภาคนี้ ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่กว้างขวาง และโซลูชั่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ลูกค้าได้รับประโยชน์จากระบบที่ยืดหยุ่นของ Trilliant ที่ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ และเปิดกว้างสำหรับการผสานรวมกับอุปกรณ์และแอปพลิเคชันที่หลากหลายได้อย่างง่ายดาย การขยายตัวครั้งล่าสุดในประเทศไทยจะส่งผลให้มีการนำเทคโนโลยีของ Trilliant มาใช้ ช่วยให้ระบบสาธารณูปโภคเข้าถึงไฟฟ้าให้กับลูกค้าได้อย่างน่าเชื่อถือมากขึ้น

บริษัทมีแผนที่จะปรับใช้ในพื้นที่เพิ่มอีก 7 ล้านมิเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือระดับท้องถิ่นในอีกสามปีข้างหน้า

Trilliant ยังคงสร้างนวัตกรรมและกลยุทธ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกตลอดจนทั่วโลก

เกี่ยวกับ Trilliant

Trilliant® เสริมพลังให้แก่อุตสาหกรรมพลังงานระดับโลกด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ใช้ได้กับหลายอุปกรณ์เพียงแห่งเดียวที่ช่วยให้สาธารณูปโภคและเมืองต่าง ๆ สามารถปรับใช้แอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้บนเครือข่ายอันทรงพลังเพียงเครือข่ายเดียว พอร์ตโฟลิโอที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอพลังแห่งการเลือก โดยไม่ต้องเสี่ยงที่ลูกค้าจะถูก “กำหนด” ให้อยู่กับผู้ให้บริการเทคโนโลยีเพียงรายเดียว เราภูมิใจนำเสนอโซลูชันที่มีความสำคัญต่อภารกิจซึ่งสนับสนุนโครงสร้างมิเตอร์ขั้นสูง (AMI) ข้อมูลและการวิเคราะห์ (Data & Analytics) สมาร์ทกริด (Smart Grids) และเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ลูกค้าทั่วโลกได้รับประโยชน์จากการผสมผสานระหว่างความยืดหยุ่น ความยั่งยืน และความสามารถในการปรับขนาดที่เป็นเอกลักษณ์ของ Trilliant ซึ่งเชื่อมโยงสาธารณูปโภคและเมืองต่าง ๆ ให้เข้ากับ IIOT และเส้นทางเชิงกลยุทธ์ที่มากขึ้นในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน สามารถเยี่ยมชมเราได้ที่ www.trilliant.com

ติดต่อ:

Tracey Mitchell
tracey.mitchell@trilliant.com

Cindy Watson/Anita Wong, StrategicAmpersand Inc.
TrilliantPR@stratamp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แพลตฟอร์ม Around the World of Care ของ Hyatt แบ่งปันความคืบหน้าในด้านความมุ่งมั่นและความคิดริเริ่มทางสังคมและธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม

Logo

ความคืบหน้านี้ ยังรวมถึงเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในปี 2573 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องสู่เป้าหมาย DE&I ปี 2568

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–14 ก.ค. 2565

เพื่อแชร์ความคืบหน้าใน World of Care แพลตฟอร์มด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของบริษัท Hyatt Hotels Corporation (NYSE: H) ได้มีการเผยแพร่รายงาน 2021 World of Care Highlights กับรายงาน Diversity, Equity and Inclusion (DE&I) Report เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่  Hyatt กำลังสร้างความก้าวหน้าในด้านการดูแลโลก ผู้คน และธุรกิจต่าง ๆ

“การดูแลผู้คนเพื่อช่วยให้พวกเขาเป็นเวอร์ชันของตนที่ดีที่สุด คือแก่นแท้ของเรื่องราวของ Hyatt ตลอด 65 ปีที่ผ่านมา เราเต็มที่ในด้านความรับผิดชอบและการหาโอกาสในการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อสร้างโลกและอนาคตที่ยั่งยืนผ่านโครงการ World of Care” Margaret Egan รองประธานบริหารและที่ปรึกษาทั่วไปของ Hyatt กล่าว “ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่การขับเคลื่อนความก้าวหน้าตามพันธกิจ ESG หลัก ๆ เช่น กรอบงานด้านสิ่งแวดล้อม และเป้าหมาย Change Starts Here เรากำลังรับผิดชอบต่อการดำเนินการและการสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรม สังคม และโลกของเรา”

Hyatt ส่งเสริมการมีแรงงานที่หลากหลาย

ตามรายงานของ DE&I ครั้งแรกของปีที่แล้ว ข้อมูลความหลากหลายของคนงาน หรือ workforce diversity data ในปี 2564 ของ Hyatt แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนของคนผิวสีเพิ่มขึ้นทั่วภาคแรงงานในสหรัฐฯ ตลอดจนการเติบโตของเพื่อนร่วมงาน ผู้จัดการ และผู้นำในเกือบทุกสีผิวและทุกเชื้อชาติ ความมุ่งมั่นของ Hyatt ที่จะแบ่งปันความคืบหน้าเป็นประจำทุกปีทำหน้าที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่สำคัญในการวัดความก้าวหน้าไปสู่สภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เท่าเทียมกัน และครอบคลุมมากขึ้นสำหรับภาคแรงงาน

Hyatt ยังคงทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย DE&I ในปี 2568 ว่าด้วย ผู้ถูกว่าจ้าง ผู้ได้รับการสนับสนุน และผู้ร่วมทำงาน ซึ่งระบุไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญา Change Starts Here ทั้งนี้ ด้วยการมุ่งเน้นที่การพัฒนาตัวแทนผู้จำหน่ายที่หลากหลายในห่วงโซ่อุปทาน Hyatt ได้ต้อนรับซัพพลายเออร์ผิวดำรายใหม่จำนวน 220 รายในปี 2564 โดยมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในการสร้างความก้าวหน้าจากการมองไปข้างหน้า ตัวอย่างเช่น Revival Baltimore ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ JdV by Hyatt ได้ทำงานร่วมกับ Black Acres Roastery เพื่อจัดหากาแฟให้กับห้องพักในโรงแรมและร้านกาแฟในสถานที่ทั้งหมด ส่วน 'Dashery และ Hyatt Centric The Pike Long Beach ก็เพิ่งได้ให้การต้อนรับโรงเบียร์ที่คนผิวสีเป็นเจ้าของอย่าง Crowns & Hops ณ Watercraft Lounge

“ที่ Hyatt เราเชื่อในพลังของการเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ในการทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในโลก เราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะสะท้อนโลกที่เราห่วงใยด้วยทีมที่จะประสบความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกัน” Malaika Myers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของHyatt กล่าว “เพื่อให้วิสัยทัศน์ของเราก้าวไปสู่โลกแห่งความเข้าใจและความเอาใจใส่ เราต้องจัดลำดับความสำคัญของ DE&I ต่อไปในทุกมิติของธุรกิจของเรา และดำเนินการเพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมายต่อเป้าหมายของเรา”

Hyatt ประกาศการบริจาคเพื่อเปิดตัวกองทุนผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์

ในความพยายามที่จะขยายงานต่อเนื่องของอุตสาหกรรมโรงแรมเพื่อสนับสนุนการการป้องกันการค้ามนุษย์และสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์ มูลนิธิโรงแรม Hyatt ได้ประกาศบริจาคเงินจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อเปิดตัว "กองทุน No Room for Trafficking Survivors Fund" โดยความร่วมมือกับ American Hotel & Lodging Association (AHLA) ด้วยการบริจาคและการสนับสนุนเพิ่มเติมจากอุตสาหกรรมนี้ กองทุน Survivors Fund จะจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับองค์กรในชุมชนในการมีส่วนร่วมและสนับสนุนผู้รอดชีวิต ตั้งแต่การสนับสนุนทางการเงินโดยตรงสำหรับความต้องการพื้นฐานระยะสั้น ไปจนถึงการสนับสนุนด้านอาชีพที่สามารถเสริมศักยภาพและเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับเส้นทางข้างหน้า

Hyatt ทำงานเพื่อส่งเสริมการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

Hyatt เร่งความพยายามในการมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นที่ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์น้ำ ของเสีย และการหมุนเวียนของเสีย การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ และจุดหมายปลายทางที่เจริญรุ่งเรือง

ในปี 2564 Hyatt ได้รับการอนุมัติจากโครงการ Science Based Targets Initiative (SBTi) เกี่ยวกับเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในปี 2573 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายของ Hyatt รวมไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 การมีส่วนร่วมกับซัพพลายเออร์หลักในการกำหนดเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ภายในปี 2568 และลดการปล่อยก๊าซในขอบเขตที่ 3 เพิ่มเติม

Hyatt ยังคงหมั่นเพียรในการส่งเสริมโครงการที่สนับสนุนความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์พลังงาน เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ระบบอัตโนมัติในอาคาร การพิจารณาการออกแบบที่ยั่งยืน และอื่น ๆ อีกมากมาย การมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือการเพิ่มจำนวนโรงแรมที่มีแผงโซลาร์เซลล์ในสถานที่ หรือใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น Hyatt Regency อัมสเตอร์ดัม และ Hyatt Regency ฟีนิกซ์ ความพยายามในโครงการ ณ สถานที่ตั้ง อย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เช่น แล็บความยั่งยืน ที่ Alila Villas Uluwatu

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามและความคืบหน้า ESG ของ Hyatt โปรดไปที่ Hyatt.com/WorldofCare หรือที่ 2021 World of Care Highlights, 2021 DE&I Report กับที่ 2021 GRI Index

คำว่า “Hyatt” ใช้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นไปเพื่อความสะดวกในการอ้างถึง Hyatt Hotels Corporation และ/หรือ บริษัทในเครือ

เกี่ยวกับ Hyatt Hotels Corporation

Hyatt Hotels Corporation ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในชิคาโก เป็นบริษัทด้านการบริการชั้นนำระดับโลกที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อดูแลผู้คนเพื่อให้พวกเขาสามารถทำหน้าที่ของตนได้ดีที่สุด โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 กลุ่มบริษัทมีโรงแรมและที่พักแบบเพรียบพร้อมทุกอย่างมากกว่า 1,150 แห่ง ใน 71 ประเทศ ในหกทวีป ข้อเสนอของบริษัท รวมถึง Park Hyatt®, Miraval®, Grand Hyatt®, Alila®, Andaz®, The Unbound Collection by Hyatt®, Destination by Hyatt™, Hyatt Regency®, Hyatt®, Hyatt Ziva™, Hyatt Zilara™, Thompson Hotels®, Hyatt Centric®, Caption by Hyatt, JdV by Hyatt™, Hyatt House®, Hyatt Place®, UrCove และ Hyatt Residence Club® ตลอดจนแบรนด์รีสอร์ทและโรงแรมภายใต้ AMR™ Collection รวมถึง Secrets® Resorts & Spas, Dreams® Resorts & Spas, Breathless Resorts & Spas®, Zoëtry® Wellness & Spa Resorts, Vivid Hotels & Resorts®, Alua Hotels & Resorts® และ Sunscape® Resorts & Spas บริษัทในเครือของบริษัทดำเนินการโปรแกรมสมาชิก World of Hyatt®, ALG Vacations®, Unlimited Vacation Club®, บริการจัดการปลายทาง Amstar DMC และบริการเทคโนโลยี Trisept Solutions® ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.hyatt.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220713005967/en/

ติดต่ิด:

Megen DiSanto

megen.disanto@hyatt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การกลับมาของ Tommy Hilfiger สู่งาน New York Fashion Week

Logo

การเปิดตัว Tommy Hilfiger Fall 2022 ดึงดูดผู้ชมในการสำรวจแบรนด์ที่เชื่อมโยง IRL และการเชื่อมต่อเมตาเวิร์ส ในความต่อเนื่องของแพลตฟอร์ม “ดูเลย ซื้อเลย” หรือ “See Now, Buy Now” ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม

ประสบการณ์ของแบรนด์แบบเรียลไทม์ปรากฏบนภูมิทัศน์มัลติมีเดียที่มีพลังสูงที่ย้ายผู้เข้าร่วมจากงาน Brooklyn waterfront event ไปยังโลกแห่งเกม Roblox gaming world และเข้าสู่แนวคิด phygital เชิงพาณิชย์แบบใหม่ทั่วโลก

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–14 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] ประกาศการกลับมาที่งาน New York Fashion Week เป็นครั้งแรกในรอบสามปีด้วยงานรันเวย์เชิงประสบการณ์ที่จะเผยโฉมล่าสุด “See Now, Buy Now” คอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ในขณะที่ดึงดูดผู้ชมทั้งทางกายภาพและทางดิจิทัลเข้าสู่โลกของแบรนด์ที่มีชีวิตชีวา

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่:: https://www.businesswire.com/news/home/20220714005034/en/

Tommy Hilfiger (Photo: Business Wire)

Tommy Hilfiger (ภาพ: Business Wire)

โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 11 กันยายน เวลา 19.00 น. ตามเวลาออมแสงตะวันออก (EDT) ประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟได้รับแรงบันดาลใจจากฉากสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใครของนิวยอร์ก ศูนย์กลางของผู้คนและวัฒนธรรมย่อย การปะทะกันของ lo-fi และ hi-tech และการผสมผสานของสไตล์และความคิดสร้างสรรค์ อบอวลไปด้วยบรรยากาศและความเคร่งขรึมของมหานครนิวยอร์กที่เป็นบ้านเกิดของแบรนด์ TOMMY HILFIGER ซึ่งงานนี้จะเชื่อมโยงผู้คนผ่านช่วงเวลาแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติในงานแสดง IRL ที่ Skyline Drive-In ใน Brooklyn และในการเปิดใช้งานเมตาเวิร์สแบบคู่ขนาน

“เมื่อนึกถึงสถานที่ที่จะกลับเข้าสู่แฟชั่นวีคของเรา หัวใจของฉันได้ไปสู่วัฒนธรรมอันสร้างสรรค์ที่โดดเด่นของนิวยอร์กในทันที” Tommy Hilfiger กล่าว “นี่คือจุดที่แฟชั่น ศิลปะ ดนตรี และความบันเทิงมารวมกันเมื่อฉันเริ่มเข้าสู่วงการนี้ครั้งแรก และทุกวันนี้ แนวทางนี้ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันมีส่วนร่วมกับชุมชนอันล้ำสมัยที่สร้างประสบการณ์สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ฤดูกาลนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการปะทะกันของการเก็บประวัติแรงบันดาลใจที่ฉันโปรดปรานด้วยแนวคิดงานไลฟ์สดใหม่และโลกเสมือนจริง ซึ่งเป็นการแสดงออกที่สมบูรณ์แบบของสิ่งที่เรายืนหยัดในขณะที่เราแสดงความเคารพต่อรากเหง้าของเราด้วยการกลับมาที่งาน NYFW”

การเปิดตัวแบรนด์มัลติมีเดียที่เป็นนวัตกรรมจะทำให้ TOMMY HILFIGER คอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 มีชีวิตชีวาขึ้น จากนิวยอร์กซิตี้สู่เมืองหลวงของยุโรปสู่เฉิงตู และสถานที่อื่น ๆ แนวคิดการค้าปลีกแบบใหม่ในร้านของ TOMMY HILFIGER ที่ได้รับการคัดเลือก และการเข้าซื้อกิจการกับพันธมิตรผู้ค้าส่งรายสำคัญทั่วโลกจะช่วยเสริมการแสดงสินค้าแบบ phygital ความร่วมมือกับผู้มีความสามารถระดับโลกจะเปิดตัวทั้งในและนอกรันเวย์ เพื่อเป็นเกียรติแก่รากฐานของ TOMMY HILFIGER

ในรายแรกของอุตสาหกรรม แคทวอล์ก “See Now, Buy Now” จะถูกสตรีมสดไปยังชุมชน Roblox ทั่วโลกที่มีผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านคนต่อวัน พร้อมด้วยอวทาร์ที่แต่งกายใน TOMMY HILFIGER สไตล์ฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ซึ่งจะเข้าครอบครองเมืองเสมือนจริงที่รีมิกซ์ของนิวยอร์ก ทุกสไตล์ที่ฮิตบนรันเวย์แบบ physical จะสามารถซื้อได้ทั่วโลกผ่านแนวคิด “See Now, Buy Now” ของ Tommy Hilfiger รวมถึงผลิตภัณฑ์ดิจิทัลสุดพิเศษบน Roblox การเป็นพันธมิตรของแบรนด์กับแพลตฟอร์มลิขสิทธิ์ระดับโลกที่เปิดตัวในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องผ่านเฟสใหม่

เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ TOMMY HILFIGER

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โดยยกระดับจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริโภคมาตั้งแต่พ.ศ. 2528 แบรนด์ได้สร้างสรรค์สไตล์ที่มีความโดดเด่นมีชีวิตชีวาที่มาบรรจบกันของความคลาสสิกและความแปลกใหม่ ซึ่งสร้างสรรค์ร่วมกับผู้ที่กำลังหล่อหลอมวัฒนธรรมรอบโลก TOMMY HILFIGER เฉลิมฉลองแก่นแท้ของสไตล์อเมริกันคลาสสิกด้วยความทันสมัย Tommy Hilfiger นำเสนอคุณภาพและความคุ้มค่าระดับพรีเมียมแก่ผู้บริโภคทั่วโลกภายใต้ไลฟ์สไตล์ของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ด้วยคอลเลกชันที่หลากหลาย เช่น ชุดกีฬา ยีนส์ เครื่องประดับ และรองเท้าสำหรับสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและเด็ก Tommy Hilfiger มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความยั่งยืนและการรวมความหลากหลาย

ยอดขายปลีกผลิตภัณฑ์ TOMMY HILFIGER ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 9.3 พันล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. 2564 และแบรนด์ขับเคลื่อนโดยพนักงานกว่า 16,000 รายทั่วโลก นำเสนอใน 100 ประเทศและร้านค้าปลีกมากกว่า 2,000 แห่ง รวมถึงร้าน flagship ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดที่ tommy.com  โดย PVH เข้าซื้อกิจการ Tommy Hilfiger ในปี พ.ศ. 2553 และยังคงดูแลแนวทางที่มุ่งเน้นเพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้อง การแสดงตน และการเติบโตในระยะยาวทั่วโลกของแบรนด์

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นแพลตฟอร์มการเติบโตสำหรับ Calvin Klein และ TOMMY HILFIGER ด้วยการผลักดันความแข็งแกร่งและความเกี่ยวข้องของแบรนด์ เรากำลังเชื่อมโยงแบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของเราให้ใกล้ชิดกับที่ที่ผู้บริโภคกำลังไปมากกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งในปัจจุบันและกับคนรุ่นอนาคต ด้วยค่านิยมของเราและเปิดใช้งานโดยขนาดและการเข้าถึงทั่วโลก เรากำลังขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้าให้คงอยู่ถาวร เป็นทีมที่มีวิสัยทัศน์เดียวและแผนเดียว นั่นคือพลังของเรา นั่นคือพลังของ PVH+

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220714005034/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger
Lyndsey Anderson
Senior Manager Global Communications & PR
Lyndsey.anderson@tommy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Transak อำนวยความสะดวกผู้ใช้ในประเทศไทยในการเริ่มต้นใช้คริปโต โดยการเพิ่มการซื้อคริปโตด้วยเงิน fiat ด้วยวิธีการชำระเงินจากภายในประเทศ

Logo

ไมอามี–(BUSINESS WIRE)–13 ก.ค. 2565

Transak ซึ่งเป็น การรวมระบบเอาไว้ที่เดียวสำหรับแอปพลิเคชันเพื่อรับเงินฝากแบบ fiat-to-crypto จากผู้ใช้ทั่วโลก ได้ประกาศในวันนี้ ถึงความพร้อมใช้งานของวิธีการชำระเงินภายในประเทศสำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย โดยปัจจุบันบริการนี้พร้อมใช้งานแล้วในวิดเจ็ต Transak ซึ่งให้ผู้ใช้ซื้อ ซื้อคริปโตผ่านบัตรเดบิต/เครดิต Bangkok Bank iPay และ Mobile Banking ตลอดจนถึง SCB Easy Pay และ โมบายแบ๊งกิ้ง ต่าง ๆ

ในขณะที่คริปโตและ dApps ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  Transak เล็งเห็นความจำเป็นในการทำให้การเริ่มต้นใช้งาน crypto เป็นไปได้ง่ายขึ้น จึงได้เพิ่มวิธีการชำระเงินภายในประเทศ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ออกกฎหมายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล เพื่อควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล และเปิดประตูสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโต การเข้าถึงครั้งนี้จะทำให้ผู้ใช้ชาวไทยสามารถเริ่มต้นใช้เงิน fiat ในการซื้อคริปโต ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยค่าธรรมเนียมที่ลดลง

“Transak ได้ก้าวมาถึงจุดที่การขยายไปสู่ภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสสำหรับผู้ชมใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นซื้อคริปโตด้วยเงิน fiat อย่างง่ายดาย และเราจะดำเนินการภารกิจนี้ต่อไปในฐานะส่วนหนึ่งของแผนงานใหญ่ของเรา” Sami Start, CEO, Transak กล่าว “พร้อม ๆ กับการที่ NFT และเกม คริปโตได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทีมของเราจึงเห็นว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเปิดให้บริการของเราในครั้งนี้”

“นโยบายเชิงรุกที่เพิ่มมากขึ้นของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้ เกิดมาจากการถูกร้องขอมาอย่างมากจากพันธมิตรของเรา” Sharad Agarwal หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Transak กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ผู้ใช้ชาวไทยของเราสามารถทำธุรกรรมในเครื่องมือการชำระเงินที่เลือกเองได้ และเป็นเครื่องมือในการนำเทคโนโลยี Web3 มาใช้ทั่วทั้งภูมิภาค”

Transak มีแผนที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเริ่มต้นใช้งาน Web3 สำหรับภูมิภาคต่าง ๆ มากขึ้นในปี 2022 และกำลังทำงานอย่างแข็งขันเพื่อเพิ่มวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่มีระบบรองรับเพื่อทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงได้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิดเจ็ต Transak โทเค็นของ Transak และวิธีการซื้อคริปโตโดยใช้เงิน fiat กรุณาไปที่ www.transak.com.

เกี่ยวกับ Transak

Transak เป็นการรวมระบบเอาไว้ที่เดียวสำหรับแอปพลิเคชันเพื่อรับเงินฝากแบบ fiat-to-crypto จากฐานผู้ใช้ทั่วโลก ซึ่งทำได้โดยการจัดเตรียมวิธีการชำระเงินแบบ fiat ที่ขับเคลื่อนด้วย API ให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 100 รายการ และขจัดความซับซ้อนของผู้ใช้ KYC การตรวจสอบความเสี่ยงและการปฏิบัติตามข้อกำหนด วิธีการชำระเงิน และการสนับสนุนลูกค้า วิดเจ็ตของ Transak สามารถถูกรวมเข้ากับแอปได้โดยการใช้โค้ดเพียงไม่กี่บรรทัด Transak ได้รับการสนับสนุนจาก VC ชั้นนำ รวมถึง Consensys และเป็นการต่อยอดจากโปรแกรม Accelerator ของ Tachyon สามารถเชื่อมต่อกับ Transak ได้ที่ Twitter หรือ LinkedIn, หรือที่ https://transak.com/ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220712006029/en/

ติดต่อ:

Sofia Coon

sofia.coon@transak.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Quorum Software เปิดเผยวิสัยทัศน์ระดับโลกด้วย Quorum Energy Suite

Logo

ชุดรวมใหม่ที่เชื่อมโยงผู้คน เวิร์กโฟลว์ และระบบทั่วทั้งระบบนิเวศด้านพลังงาน

ฮูสตัน–(BUSINESS WIRE)–12 กรกฎาคม 2565

Quorum Software (Quorum) ผู้นำซอฟต์แวร์ระดับโลกที่อุทิศให้กับอุตสาหกรรมด้านพลังงาน เปิดเผยวิสัยทัศน์ระดับโลกที่ขยายออกไปด้วย Quorum Energy Suite (QES) ที่เป็นพอร์ตโฟลิโอโซลูชันที่ครอบคลุมซึ่งจะทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับนวัตกรรมและการเติบโตของบริษัท

หลังจากการควบรวมธุรกิจระหว่าง Quorum และ Aucerna ในปีที่แล้ว และการเข้าซื้อธุรกิจซอฟต์แวร์น้ำมันและก๊าซของ TietoEVRY ทั้งนี้ Quorum ได้รวมแอปพลิเคชัน 38 รายการไว้ในพอร์ตโฟลิโอเดียว

แอปพลิเคชัน QES มีการกระจายไปยังส่วนการทำงานในเก้าขอบเขตของอุตสาหกรรม ตั้งแต่การวางแผนในกระบวนการต้นน้ำ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และการสำรองผ่านการดำเนินการและการปฏิบัติงานในหลุมเจาะ การบัญชี การจัดการที่ดิน และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ไปจนถึงกระบวนการกลางน้ำและการวัด รวมถึงการขนส่งและการขนส่งสินค้า ชื่อผลิตภัณฑ์ยังคงเหมือนเดิมและกำหนดด้วยภาษากลาง ทำให้ตลาดเข้าใจว่า QES ให้บริการธุรกิจของตนอย่างไร

“Quum Energy Suite แสดงให้เห็นชุดแอปพลิเคชันและการบริการที่กว้างและลึกที่สุดในตลาด และนำความสามารถอันยิ่งใหญ่มาสู่ลูกค้าของเราด้วยการขยายมูลค่าที่พวกเขามีในปัจจุบัน” Tyson Greer ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Quorum Software กล่าว

QES จะจัดลำดับความสำคัญของนวัตกรรมด้วยการขยายความเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนของบริษัท ด้วยการเปิดใช้งานการนำเข้าและส่งออก LNG และส่งมอบเวิร์กโฟลว์แบบบูรณาการทั่วทั้งระบบนิเวศด้านพลังงาน โดยใช้ประโยชน์จากคลาวด์และความสามารถด้านดิจิทัลอื่น ๆ

“Quorum ส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยการให้ข้อมูลที่พร้อมสำหรับการตัดสินใจ การทำงานอัตโนมัติ และการผสานรวมที่ให้ผลลัพธ์ในวันนี้และเส้นทางสู่อนาคตที่เชื่อมต่อกัน” Gene Austin ซีอีโอของ Quorum Software กล่าว “ในขณะที่ลูกค้าของเรากำลังแข่งขันกันเพื่อชิงเงินทุน พลังงาน และความสามารถ Quorum อยู่ที่นั่นในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ซึ่งมอบความเชี่ยวชาญความเชี่ยวชาญเฉพาะบุคคลเชิงลึก และเทคโนโลยีชั้นนำเพื่อขับเคลื่อนผลกำไรและการเติบโต”

ดูรายละเอียดในเว็บไซต์ใหม่ของ Quorum Software ได้ที่ quorumsoftware.com

เกี่ยวกับ Quorum Software

Quorum Software เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมพลังงานชั้นนำทั่วโลก โดยให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,800 รายทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงานใน 55 ประเทศ โซลูชันของ Quorum ขับเคลื่อนการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจพลังงานโดยเชื่อมโยงผู้คน เวิร์กโฟลว์ และระบบเข้ากับข้อมูลที่พร้อมสำหรับการตัดสินใจ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราได้ส่งมอบซอฟต์แวร์ตัวแรกของอุตสาหกรรมสำหรับนักบัญชีโรงงานก๊าซ และในปัจจุบัน โซลูชันของเราทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวด้วยมาตรฐานและการบูรณาการข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกไว้วางใจผู้เชี่ยวชาญและการใช้งานของ Quorum เพื่อนำทางการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานให้ประสบความสำเร็จในขณะที่ส่งมอบคุณค่าทั้งในปัจจุบันและอนาคต สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ quorumsoftware.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220711005692/en/

ติดต่อ:

Lauren Force
Quorum@pancomm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บริษัทรองเท้าที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียดำเนินการกับ Boomi เพื่อเร่งรัด E-commerce และแผนงานการเปลี่ยนแปลง

Logo

  • Munro Footwear Group เชื่อมต่อจุดดิจิทัลเพื่อสร้างระบบส่วนกลางสำหรับข้อเสนอออนไลน์
  • หลังจากความสำเร็จในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เมื่อเร็วๆ นี้ Boomi มีลูกค้าเกิน 20,000 ราย สร้างสถิติอุตสาหกรรมสำหรับ ฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่าย iPaaS

เชสเตอร์บรูก เพนซิลเวเนีย–(BUSINESS WIRE)–11 ก.ค. 2565

Boomi™ผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศในวันนี้ว่า Munro Footwear Group (MFG) ได้สร้างแพลตฟอร์มรากฐานข้อมูลแบบบูรณาการโดยใช้แพลตฟอร์ม Boomi AtomSphere™ เพื่อสนับสนุนวาระการเปลี่ยนแปลงของอีคอมเมิร์ซ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220711005020/en/

Heritage Australian Footwear Group Chooses Boomi to Hasten E-commerce and Growth (Graphic: Business Wire)

Heritage Australian Footwear Group เลือก Boomi เพื่อเร่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการเติบโต (กราฟิก: Business Wire)

Munro Footwear Group (MFG) บริษัทรองเท้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย นำเสนอแบรนด์ที่เชื่อถือได้มากมาย เช่น Midas, Django และ Juliette, Colorado และ Diana Ferrari บริษัทพร้อมสำหรับการเติบโตในขั้นต่อไป ด้วยเครือข่ายค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซที่น่าประทับใจ MFG ได้ระบุกลยุทธ์และเทคโนโลยีที่จำเป็นเพื่อมอบประสบการณ์ผู้นำตลาดด้านรองเท้า

เมื่อโควิด-19 ระบาดและ MFG ถูกบังคับให้ปิดร้านค้าชั่วคราว บริษัทมีความจำเป็นเร่งด่วนในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับข้อเสนอออนไลน์ที่มีอยู่ เพื่อเร่งรัดแผนงานด้านดิจิทัลของบริษัท Keng Ng ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของ MFG ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างแบ็คเอนด์ดิจิทัลอัจฉริยะที่จะเชื่อมโยงทุกแง่มุมของธุรกิจที่จำเป็นเพื่อมอบประสบการณ์เชิงบวกแก่ลูกค้า และแก้ไขความสัมพันธ์ในอดีตระหว่าง อุตสาหกรรมรองเท้าและอีคอมเมิร์ซ

“แม้ว่าเสื้อที่เล็กหรือใหญ่ไปเล็กน้อยอาจไม่ส่งผลเท่าไร แต่ขนาดรองเท้าสำคัญอย่างยิ่ง  ด้วยเหตุนี้ รองเท้าจึงยังคงเป็นหนึ่งในหมวดค้าปลีกสุดท้ายที่เปิดรับยอดขายออนไลน์อย่างเต็มที่ สิ่งนี้ควบคู่ไปกับความซับซ้อนภายในที่ต้องเผชิญหลังจากดำเนินการซื้อกิจการ 8 ครั้งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งกระตุ้นให้เราว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยเชื่อมต่อข้อกำหนดข้อมูลของเรา ผสานรวมระบบหลายระบบ และให้ความยืดหยุ่นแก่เราในเชื่อมต่อแบบใหม่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อไม่ให้เกิดความซับซ้อนในธุรกิจ” Ng กล่าว

MFG ได้เลือกแพลตฟอร์มการรวมระบบคลาวด์ของ Boomi เป็นบริการ (iPaaS) เพื่อรวมระบบที่ประกอบขึ้นเป็นการดำเนินการแก่ร้านและอีคอมเมิร์ซ ซึ่งช่วยให้ MFG สามารถเชื่อมโยงแอปพลิเคชันการค้าปลีกภายในองค์กรกับการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) และระบบการสั่งซื้อได้ภายในเวลาไม่ถึงเดือน

ด้วยเหตุนี้ MFG จึงเปิดใช้ความสามารถในการ 'จัดส่งจากร้านค้า' ในร้านค้านำร่อง 26 แห่งภายในเวลาสี่สัปดาห์ ซึ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องในช่วงการแพร่ระบาด จากรายได้ออนไลน์ของบริษัทที่เกิดจากร้านค้านำร่องเหล่านี้ MFG วางแผนที่จะเปิดตัวบริการนี้ในเครือข่ายค้าปลีกที่เหลืออยู่ภายในสิ้นปี 2565

“แพลตฟอร์ม Boomi AtomSphere ช่วยให้เราเชื่อมต่อการดำเนินงานเพื่อให้เรามองเห็นและควบคุมข้อมูลของเรา ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์และขยายธุรกิจออนไลน์ของเราต่อไป” คุณ Ng กล่าว “การเชื่อมต่อเหล่านี้ยังช่วยให้เราบรรเทาปัญหาห่วงโซ่อุปทานด้วยการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธีอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ตู้สินค้าบางส่วนของเราถูกกักไว้ในเอเชียเป็นเวลาหลายเดือน”

MFG เลือกแพลตฟอร์ม Boomi เนื่องจากมีความอเนกประสงค์ ความเร็วในการพัฒนา และใช้งานง่าย ด้วยการผสานรวมมากกว่า 200 รายการ  ขณะนี้ MFG สามารถให้บริการได้เร็วขึ้นและให้ความยืดหยุ่นสำหรับระบบและแอปพลิเคชันใหม่ในธุรกิจ

ในขณะที่ MFG เดินหน้าเร่งแผนงานดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง บริษัทจะจัดลำดับความสำคัญของการสร้างข้อมูลอัจฉริยะในธุรกิจและในทุกแบนเนอร์เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับความเป็นส่วนตัว

“มีข้อมูลมากมายที่อยู่ในใจของผู้คน เป้าหมายของเราคือการเก็บข้อมูลดังกล่าวในลักษณะที่สอดคล้องกันซึ่งขับเคลื่อนความอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นในสำนักงาน ในคลังสินค้า หรือในร้านค้า” นาย Ng กล่าว

Nathan Gower หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (A/NZ) ของ Boomi กล่าวว่า “ผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิมประสบปัญหาในช่วง COVID-19 เพราะการล็อกดาวน์ได้ทดสอบศักยภาพทางธุรกิจของเจ้าของร้านค้า ด้วยการใช้ Boomi เพื่อสร้างระบบส่วนกลางสำหรับระบบและข้อมูลของ Munro Footwear Group เอาชนะอุปสรรคเหล่านี้และก้าวให้ทันกับเศรษฐกิจดิจิทัล จากนี้ไป บริษัทจะก้าวไปข้างหน้าด้วยรากฐานข้อมูลแบบบูรณาการที่เตรียมไว้เพื่อขับเคลื่อนความอัจฉริยะและฝังการปรับแต่งส่วนบุคคลทั่วทั้งธุรกิจ”

Boomi ผู้บุกเบิก iPaaS บนคลาวด์ และปัจจุบันเป็นบริษัทชั้นนำด้านซอฟต์แวร์ระดับโลก (SaaS) ที่ให้บริการซอฟต์แวร์ (SaaS) ซึ่งมี ลูกค้ามากกว่า 20,000 ราย – นำเสนอชุมชนผู้ใช้ที่กำลังเติบโต สมาชิกมากกว่า 100,000 รายเครือข่ายทั่วโลกที่มีพันธมิตรมากกว่า 800 รายและหนึ่งในเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดของผู้รวมระบบทั่วโลก (GSI) ในพื้นที่ iPaaS Boomi ได้รับตำแหน่งผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant™ สำหรับ Enterprise Integration Platform as a Service (EiPaaS) เป็นเวลาแปดปีติดต่อกัน  บริษัทเพิ่งได้รับรางวัล Gold Globee® Award ในหมวด Platform as a Service (PaaS) และได้รับรางวัลมากมายสำหรับการเป็นนายจ้างที่ได้รับเลือก รวมถึงการได้รับรายชื่อล่าสุดว่าเป็นหนึ่งในของนิตยสาร Inc.

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

Gartner Disclaimer:

Gartner, Magic Quadrant for Enterprise Integration Platform as a Service, Eric Thoo, Keith Guttridge, Bindi Bhullar, Shameen Pillai , Abhishek Singh, 29 กันยายน 2564

Gartner ไม่รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใดๆ ที่ปรากฎในเอกสารงานวิจัย และไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้ขายที่มีคะแนนสูงสุดหรือกำหนดตำแหน่งอื่นๆ สิ่งพิมพ์งานวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ปฏิเสธการรับประกันทั้งหมด ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความสามารถในการซื้อขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ GARTNER และ Magic Quadrant เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและเครื่องหมายบริการของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้ใช้ในที่นี้ สงวนลิขสิทธิ์. หมายเหตุ: Boomi เป็นที่รู้จักในฐานะ Dell Boomi ตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2019

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi เชื่อมต่อทุกคนเข้ากับทุกสิ่งในทันที ทุกที่ด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์เนทีฟ แบบครบวงจร เปิดกว้าง และชาญฉลาด แพลตฟอร์มบูรณาการของ Boomi ในฐานะบริการ (iPaaS) ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 20,000 รายทั่วโลกในด้านความเร็ว ความสะดวกในการใช้งาน และต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ต่ำลง ในฐานะผู้บุกเบิกการขับเคลื่อนการใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด วิสัยทัศน์ของ Boomi คือการทำให้ลูกค้าและคู่ค้าสามารถค้นหา จัดการ และประสานข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ในขณะที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไป http://www.boomi.comที่

© 2022 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B', Boomiverse และ AtomSphere เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทในเครือหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์. ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220711005020/en/

ติดต่อ

สื่อ:
Boomi Australia
boomi@watterson.com.au

Kristen Walker
Global Corporate Communications
kristenwalker@boomi.com
+1-415-613-8320

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Project Twelve ทำลายสถิติในการมีผู้ถือ NFT มากที่สุด พร้อม ๆ ไปกับการระดมทุนได้ถึง 8 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างระบบนิเวศการเล่นเกมแบบ Web3 ที่ยั่งยืน

Logo

ระหว่างที่ความนิยมของแพลตฟอร์มเกม Web3 ของ Project Twelve เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทาง NFT Genesis Soul-Bound  ที่ได้แจก airdrop ออกไปก็ได้รับการเคลมมากกว่า 500,000 รายการ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ส่งผลให้ Project Twelve ทำลายสถิติการเป็นผู้นำ Web3 ที่มีผู้ถือ NFT จำนวนมากที่สุดและการอ้างสิทธิ์จากการแจกออกไปมากที่สุดอีกด้วย

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–11 ก.ค. 2565

ในฐานะผู้บุกเบิกการเล่นเกม Web3 เมื่อเร็ว ๆ นี้ Project Twelve (P12) ได้เปิดตัวการ แจก airdrop  NFT Genesis Soul-Bound  ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากชุมชนเกมทั่วโลก ในสัปดาห์แรกนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน มีการอ้างสิทธิ์ NFT มากกว่า 500,000 รายการ และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เข้าร่วมเกือบร้อยละ 70 เข้าร่วมมาจากการบอกต่อ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220710005022/en/

Project Twelve (P12) Genesis Soul-Bound NFT airdrop met with overwhelming enthusiasm from the global gaming community, receiving over 500,000 claims in under one week since launch. (Graphic: Business Wire)

การแจก airdrop NFT Genesis Soul-Bound ของ  Project Twelve (P12)   ได้รับการตอบรับอย่างกระตือรือร้นและล้นหลามจากชุมชนเกมทั่วโลก โดยได้รับการเคลมไปมากกว่า 500,000 ครั้งภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์นับตั้งแต่เปิดตัว (กราฟิก: Business Wire)

การได้รับความนิยมที่มากกว่าที่คาดไว้เมื่อมีการแจก airdrop ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการเป็นที่จดจำของแบรนด์ที่แข็งแกร่งของ P12 และความมีเสน่ห์ของวิสัยทัศน์ระดับนวัตกรรมใหม่ให้กับชุมชนเกม นอกจากนี้มันยังหมายถึงการที่ P12 เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้ที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในพื้นที่แพลตฟอร์มเกม Web3 ส่วน NFT  Genesis Soul-Bound  ถือเป็นการระลึกและให้เกียรติต่อผู้พัฒนา Steam และนักเล่นเกมด้วยการรวบรวมข้อมูลรับรองนอกเครือข่าย (off-chain credentials) รวมถึงเกมที่เผยแพร่ออกไป จำนวนชั่วโมงที่เล่น  และชุดของข้อมูลนี้ได้พิสูจน์การเล่นจริง ซึ่งจะทำให้ผู้ถือ NFT ได้รับสิทธิ์และผลประโยชน์ในอนาคต นอกจากนี้ นักเล่นเกมใน P12 จะเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้นของผู้บุกเบิกสินทรัพย์เสมือน ปูทางไปสู่ยุคใหม่แห่งอนาคตการเล่นเกม Web3

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Project Twelve ได้ปิดการระดมทุนครั้งใหม่มูลค่า 8 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มนักลงทุน ซึ่งรวมถึง MetaApp, Project Galaxy, Primavera Ventures, CyberConnect, CCV, Smrti Lab และอื่น ๆ ด้วยการระดมทุนครั้งใหม่นี้ P12 จะสามารถจัดการกับความท้าทายที่สำคัญที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมเกม Web3 การลบโมเดลที่มีข้อบกพร่องและที่เป็นแบบแสวงหาผลกำไร P12 มีเป้าหมายที่จะให้บริการผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้นโดยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือที่สมบูรณ์เพื่อให้การสร้างเกมสามารถเข้าถึงได้และใช้ชุดกลไกทางเศรษฐกิจและรัฐบาลเพื่อทำให้เศรษฐกิจของเกมมีความยั่งยืน

มีส่วนร่วมกับโครงการ P12 บน Twitter (@_p12_), Discord (https://discord.com/invite/p12), และที่บล็อก (https://mirror.xyz/p12.eth).

เกี่ยวกับ Project Twelve

Project Twelve(https://p12.network/)เป็นแพลตฟอร์มเกม Web3 และระบบนิเวศของผู้สร้างเกมที่มีเศรษฐกิจที่ยั่งยืน Project Twelve  มีตัว Editor ซึ่งเป็นเอ็นจิ้นเนื้อหา Metaverse ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับการสร้างโลกของเกม ซึ่งเป็น Infra หรือ ชุดของ API/SDK พร้อมกับ พอร์ทัลนักพัฒนาสำหรับการเชื่อมโยงเนื้อหาเกมบนเครือข่าย พร้อมกับมี Econs ซึ่งเป็นชุดของกฎและกลไกทางเศรษฐกิจและรัฐบาลที่นำไปใช้ในสัญญาอัจฉริยะ EVM

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220710005022/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Name: Boyang

โทร: +65-83109131

อีเมล: boyang@p12.dev

เทเลแกรม: @b0yan913

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG ดำเนินการกระจายหุ้น Harbor Energy plc เสร็จสิ้น

Logo

EIG ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Harbour

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2565

EIG ผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้กระจายหุ้นของ Harbor Energy plc (HBR.L หรือ “บริษัท”) ที่ถือโดย Harbor North Sea Holdings Ltd. (“Harbour North Sea”) ให้แก่นักลงทุนกองทุน EIG ผ่านการกระจายหลาย ๆ รอบหลังจากการควบรวมกิจการของ Premier Oil plc และ Chrysaor Holdings Ltd. Harbour North Sea ได้รับ 36.46% ของบริษัท EIG จัดการการถือครองในบริษัทผ่านกองทุนการลงทุนผ่านบริษัทโฮลดิ้งหลายแห่ง (“EIG Holding Structure”) การกระจายหุ้นผ่าน EIG Holding Structure จะส่งผลให้มีกฎเกณฑ์สำหรับการยื่นทำธุรกรรมด้านการซื้อขายหลักทรัพย์จำนวนมาก

EIG ขอชี้แจงให้ชัดเจนดังนี้

  • ไม่มีการขายหุ้นของบริษัทในการกระจายหุ้นครั้งนี้
  • หลังจากการกระจายหุ้นนี้ EIG จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยถือหุ้นประมาณ 16% ของจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่ ผ่านยานพาหนะที่มีการจัดการและการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
  • R. Blair Thomas และ Steven Farris จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานและผู้อำนวยการของบริษัทตามลำดับ
  • ผู้ถือหุ้นในเครือ EIG จะต้องเสียภาษีสำหรับการกระจายหุ้นครั้งนี้ ดังนั้นผู้ถือหุ้นเหล่านี้บางรายอาจขายหุ้นเพื่อให้ครอบคลุมภาระภาษีดังกล่าวเมื่อจำเป็น

R. Blair Thomas ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EIG กล่าวว่า “วันนี้ EIG ได้กระจายหุ้นใน Harbor Energy ให้กับนักลงทุนกองทุน เนื่องจาก EIG ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดหลังจากการกระจาย เราจึงยังคงมุ่งมั่นต่อภาคส่วนนี้ เชื่อมั่นในกลยุทธ์ปัจจุบันของบริษัท และสนับสนุนทีมผู้บริหารของบริษัท”

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 25 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565, EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 40.1 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 380 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรปชั้นนำหลายแห่ง  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปยังเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220707005792/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ร่วมมือกับ Dr. Jack Gilbert เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “ไมโครไบโอม” บนผิวหนังและผลกระทบต่อกระบวนการของความชรา

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–07 กรกฎาคม 2565

Mary Kay Inc. หนึ่งในบริษัทวิจัยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำของโลกได้ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ Dr. Jack Gilbert ศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์ที่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียซานดิเอโก (University of California San Diego School of Medicine) และศาสตราจารย์ด้านสมุทรศาสตร์จุลินทรีย์ที่สถาบันสมุทรศาสตร์สคริปปส์ มหาวิทยาลัยซานดิเอโก (UC San Diego Scripps Institution of Oceanography) โดยความเป็นพันธมิตรนี้นักวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay จะทำงานร่วมกับ Dr. Gilbert เพื่อศึกษาประเด็นที่สำคัญที่สุดด้านหนึ่งแต่เข้าใจน้อยที่สุดคือความชราและสุขภาพผิว นั่นคือไมโครไบโอมบนผิวหนัง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220707005167/en/

Mary Kay Inc. has announced a new partnership with Dr. Jack Gilbert, professor of pediatrics at the University of California San Diego School of Medicine and professor of microbial oceanography at UC San Diego Scripps Institution of Oceanography. Through the partnership, scientists at Mary Kay will work in conjunction with Dr. Gilbert to study one of the most important—but least understood—areas of aging and skin health: the skin Microbiome. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay Inc. ได้ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ Dr. Jack Gilbert ศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์ที่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียซานดิเอโก (University of California San Diego School of Medicine) และศาสตราจารย์ด้านสมุทรศาสตร์จุลินทรีย์ที่สถาบันสมุทรศาสตร์สคริปปส์ มหาวิทยาลัยซานดิเอโก (UC San Diego Scripps Institution of Oceanography) โดยความร่วมมือนี้นักวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay จะทำงานร่วมกับ Dr. Gilbert เพื่อศึกษาประเด็นที่สำคัญที่สุดด้านหนึ่งแต่เข้าใจน้อยที่สุดคือความชราและสุขภาพผิว นั่นคือไมโครไบโอมบนผิวหนัง (ภาพ: Mary Kay Inc.)

“การทำความเข้าใจว่ากระบวนการของความชราของเราส่งผลต่อจุลินทรีย์บนผิวหนังที่อาจเป็นการค้นพบใหม่ที่น่าตกใจซึ่งกำหนดอนาคตในการออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง” Dr. Lucy Gildea ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม ฝ่ายผลิตภัณฑ์และวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ Dr. Gilbert เพื่อให้เข้าใจถึงผลกระทบของไมโครไบโอมบนสุขภาพผิวโดยรวม”

ในปี 2565 นี้ Dr. Gilbert ได้รับตำแหน่งกรรมการบริหารร่วมของศูนย์ไมโครไบโอมและเมตาจีโนมิกส์ที่มหาลัยซานดิเอโก (UC San Diego) ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการโภชนาการเพื่อสุขภาพมูลค่า 175 ล้านดอลลาร์ของสถาบันวิจัยวิทยาศาตร์สาธารณสุข (National Institutes of Health) เมื่อรวมกับความเชี่ยวชาญของ Dr. Gilbert นักวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay หวังว่าจะได้วินิจฉัยคุณลักษณะต่าง ๆ ของผิวสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในผู้หญิงได้อย่างไร “มันมีช่องว่างของความรู้อยู่ตรงนี้” Dr. Gildea กล่าวเสริม “เราหวังว่าจะเป็นสะพานเชื่อมสู่สิ่งนี้”

การวิจัยก่อนหน้านี้ได้ข้อสรุปว่าผิวหนังของมนุษย์มีระบบนิเวศที่ซับซ้อนของแบคทีเรียและจุลินทรีย์อื่น ๆ ซึ่งเป็นรากฐานที่ดีต่อสุขภาพ เช่นเดียวกันกับที่พบในลำไส้ ผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกายที่ต้องการแบคทีเรียเหล่านี้เพื่อการทำงานที่ดีที่สุด เหล่าแบคทีเรียยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตามสถานที่ อายุ เพศ และปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้มีความรู้ที่จำกัดเป็นอย่างมากเกี่ยวกับปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อเหล่าแบคทีเรียบนผิวหนังที่มีความแปรปรวนสูง และผลกระทบต่อกระบวนการของความชรา

ความร่วมมือกับ Dr. Gilbert เป็นเพียงความพยายามครั้งล่าสุดของ Mary Kay ในการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มีมาอย่างยาวนานของแบรนด์ในการวิจัยและพัฒนาสุขภาพผิวให้ก้าวหน้า Mary Kay ถือครองสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการออกแบบบรรจุภัณฑ์มากกว่า 1,600 รายการในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั่วโลก

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220707005167/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ingram Micro Cloud นำเสนอพอร์ตโฟลิโอ Google Cloud Platform Google Workspace และ Chrome Enterprise ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

เครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางของ Ingram Micro Cloud ได้รับโอกาสใหม่ ๆ ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขยายธุรกิจ IaaS ในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย

เออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2565

Ingram Micro Cloud ประกาศในวันนี้ว่ากำลังนำเสนอ Google Cloud Platform (GCP), Google Workspace และ Chrome Enterprise ให้กับเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ทั้งนี้ Ingram Micro Cloud กำลังนำเสนอบริการ Google Cloud ที่โดดเด่น ซึ่งเปิดตัวก่อนหน้านี้ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และฝรั่งเศส – พร้อมใช้งานเฉพาะกับเครือข่ายในตลาดเหล่านี้เป็นครั้งแรก

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสนับสนุนการเสนอ Cloud Marketplace ของ Ingram Micro ทั่วโลก ด้วยพันธมิตรที่มีความสามารถในการใช้ประโยชน์จาก Ingram Micro Cloud เพื่อขยายธุรกิจ Google Cloud Platform, Google Workspace และ Chrome Enterprise

Google Cloud และ Ingram Micro Cloud กำลังทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาทักษะและข้อเสนอในปัจจุบันของพันธมิตรช่องทางจำหน่าย และพัฒนาทรัพยากรใหม่เพื่อสนับสนุนพันธมิตรในการจัดการลูกค้าปลายทาง Ingram Micro Cloud ยังครอบคลุมถึงการรองรับพันธมิตรที่หลากหลายและสนับสนุนความคิดริเริ่ม เพื่อช่วยพันธมิตรสร้างแนวทางปฏิบัติ GCP, Google Workspace และ Chrome Enterprise ผ่านโปรแกรมพันธมิตร ซึ่งจัดให้มีโมเดลการมีส่วนร่วมแบบ end-to-end สำหรับ Ingram Micro Cloud เพื่อเปิดใช้งานผู้รวมระบบ (SIs ) และผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV)

Victor Paradell กรรมการบริหาร ฝ่ายขายช่องทางคลาวด์ ตลาดเกิดใหม่ที่ Ingram Micro Cloud กล่าวว่า “พันธมิตรช่องทางจำหน่ายในภูมิภาคจะได้รับประโยชน์จากความแข็งแกร่งของความร่วมมือนี้ ในการคว้าโอกาสการเติบโตที่สำคัญในข้อเสนอบริการคลาวด์แบบ end-to-end ของ Google” Paradell กล่าวต่อว่า “Ingram Micro Cloud รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Google Cloud และในทางกลับกันก็มอบสิทธิ์เฉพาะแก่พันธมิตรผู้ค้าปลีกของเราทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการเข้าถึงพอร์ตโฟลิโอ Google Cloud Platform, Google Workspace และ Chrome Enterprise ของเรา ด้วยการประกาศนี้ เราแสดงความมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตรของเราที่สามารถเข้าถึงโซลูชันการทำงานร่วมกันและโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์ดีที่สุด การบริการ และผลประโยชน์ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถปลดล็อกโอกาสทางดิจิทัลในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในโลก”

Ingram Micro Cloud คาดว่าเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางจะมีโอกาสใหม่ ๆ ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในขณะที่ขยายธุรกิจ IaaS ของพวกเขา จากผลลัพธ์ของการขยายความสัมพันธ์กับ Google Cloud ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความเฟื่องฟูในตลาด IaaS ระดับโลก โดย Gartner รายงานการเติบโตคิดเป็น 40.7% ของการบริการคลาวด์สาธารณะ IaaS ทั่วโลกในปี 2563 และนักวิจัยตลาดคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมจะมีมูลค่าถึง 74.63 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2568

“เราได้พบกับความต้องการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากธุรกิจต่าง ๆ โดยที่พวกเขาเปิดรับระบบคลาวด์ในการขับเคลื่อนความยืดหยุ่น นวัตกรรม และการเติบโต การปรับใช้ระบบคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นนี้หมายความว่าความต้องการพันธมิตรที่มีทักษะสูงเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของลูกค้าของเราไม่เคยยิ่งใหญ่เท่านี้มาก่อน” Ruma Balasubramanian กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Google Cloud กล่าว “ด้วยประสบการณ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ Ingram Micro Cloud ในการสร้างและปรับขนาดแนวทางปฏิบัติของ Google Cloud ที่ประสบความสำเร็จ SI และ ISV จะได้รับโอกาสที่สำคัญในการส่งมอบการใช้งานที่มีมูลค่าสูงและบริการระดับมืออาชีพ โซลูชันแบบแนวตั้ง และความเชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เราภูมิใจที่พันธมิตรของเราได้เห็นการเติบโตที่น่าประทับใจในแทบทุกด้านของธุรกิจของพวกเขา และความร่วมมือของเรากับ Ingram Micro Cloud เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการจัดหาผลิตภัณฑ์ การบริการ การฝึกอบรม และการสนับสนุนสู่ตลาดให้กับระบบนิเวศของพันธมิตรในภูมิภาคที่จำเป็นในการเร่งแรงผลักดันร่วมกันของเรา”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอ Google Cloud ของ Ingram Micro Cloud สามารถดูได้ที่หน้า IaaS landing page ของเรา

เกี่ยวกับ Ingram Micro Cloud

Ingram Micro Cloud ได้รวบรวมนวัตกรและนักแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้โลกประสบความสำเร็จมากขึ้น และยังช่วยอำนวยความสะดวกและจัดการห่วงโซ่คุณค่าดิจิทัลที่ซับซ้อนของระบบคลาวด์ ซึ่งทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี CloudBlue ด้วยการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ การเข้าถึงที่ง่ายดายในการเข้าสู่ตลาดอัตโนมัติและเครื่องมือบูรณาการ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเชิงลึก และการเลือกโซลูชัน SaaS และ IaaS ที่คัดสรรมาอย่างดี Ingram Micro Cloud ช่วยผู้ขาย ผู้ค้าปลีก และผู้ให้บริการแบบ managed service ได้โดยนำเสนอการบริการแบบ More as a Service ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ingrammicrocloud.com

ติดต่อ:

Megan Binkley
Global Public Relations, Ingram Micro Cloud
Megan.Binkley@ingrammicro.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter