eCloudvalley เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ปี 2565

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2565

eCloudvalley Digital Technology ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียโดย HR Asia ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำด้านทรัพยากรบุคคล วัฒนธรรมของ eCloudvalley แห่งนวัตกรรมของ Day 1  ซึ่งส่งผลให้เกิดสภาพการทำงานไร้ที่ติ นิตยสาร HR Asia ได้แจกจ่ายชุดแบบสอบถามให้กับหลายองค์กรเพื่อให้พนักงานตอบคำถามโดยไม่เปิดเผยตัวตน และจากผลการศึกษาดังกล่าวพบว่า eCloudvalley ได้คะแนนสูงเหนือค่าเฉลี่ยของตลาดมากในด้าน "การส่งเสริมนวัตกรรม การสร้างสภาพแวดล้อมที่ใช้ร่วมกันและยืดหยุ่น และสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร "

บริษัทที่เกิดในคลาวด์แห่งนี้ ได้กำหนดกระบวนการสรรหาเชิงกลยุทธ์เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้ที่มีความสามารถด้านคลาวด์ผ่านกระบวนการสรรหาของตนเองที่เรียกว่า "STAR Principle"  STAR เป็นตัวย่อสำหรับ สถานการณ์ ภารกิจ การดำเนินการ และผลลัพธ์ หรือ Situation, Task, Action, and Result ซึ่งกำหนดให้แผนกสรรหาบุคลากรสามารถถามคำถามที่เข้ากับแต่ละสถานการณ์และประเมินว่าผู้สมัครสามารถให้โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและที่ยืดหยุ่นในระยะเวลาที่จำกัดได้หรือไม่

คุณ MP Tsai ตำแหน่ง Chief Executive Officer (CEO) จาก eCloudvalley ได้กล่าวว่า "อุตสาหกรรมคลาวด์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เฉพาะผู้ที่มีกรอบความคิดที่เป็นไปเพื่อการเติบโต หรือ growth mindset เท่านั้น ที่จะเอาชนะความท้าทายนี้ได้ ทุกคนใน eCloudvalley เป็นผู้เปลี่ยนเกม หรือ game changer ในตลาด ในขณะที่ eCloudvalley เติบโตอย่างต่อเนื่องและกลุ่มผู้มีความสามารถของเราก็ขยายตัวเพิ่ม เราจะยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณของ Day 1 ต่อไปพร้อม ๆ ไปกับการเปิดรับนวัตกรรม ทั้งนี้ ที่ eCloudvalley เรามีคำกล่าวที่ว่า 'มีเพียงสิ่งที่คุณนึกไม่ถึง แต่ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้'”

ภายใต้นโยบาย D&I ตอนนี้อัตราส่วนทางเพศเกือบเท่ากัน โดยทั้งนี้ เพื่อคงความเป็นนวัตกรรมและส่งเสริมกิจกรรมเชิงรุก eCloudvalley ได้เปิดตัว "โปรแกรมฮีโร่" ในปี 2564 โดยมีเป้าหมายในการปลูกฝัง KOLs คลาวด์อย่างมีกลยุทธ์ ในปีนี้ โปรแกรมได้ดึงดูดทีมงานข้ามชาติสี่ทีม และสมาชิกในทีมจะพบปะกับผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกในแต่ละเดือนเพื่อรับประสบการณ์โดยตรง ซึ่ง eCloudvalley เชื่อว่าสามารถก่อให้เกิดสายธารแห่งความรู้ได้

เกี่ยวกับ eCloudvalley

eCloudvalley (ECV) เป็นคู่ค้า AWS Premier Tier Services ที่เกิดบนคลาวด์ที่มุ่งเน้นการให้บริการคลาวด์แบบครบวงจรแก่ลูกค้า ซึ่งเชี่ยวชาญใน Next Generation Managed Services, Cloud Migration, Big Data & Analytics, Cloud Native Development, CDN และ DevOps บนคลาวด์ และ ECV ได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีพนักงานมากกว่า 600 คน มีบริษัท 10 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้รับการรับรองด้านไอทีมากกว่า 1,000 รายการ และให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,800+ ราย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220825005315/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Siaoyu Chien siaoyu.chien@ecloudvalley.com

Cathy Ye cathy.ye@ecloudvalley.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

โครงสร้างพื้นฐานของก๊าซ การรวมพลังงานหมุนเวียนมีความสำคัญต่อการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของเอเชีย: Black & Veatch

Logo

ผู้นำระดับโลกด้านการลดการปล่อยคาร์บอนชี้ให้เห็นถึงโซลูชั่นการผลิต การส่ง และการจำหน่ายแบบบูรณาการมากขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบพลังงานแบบคาร์บอนต่ำของเอเชีย

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–27 ก.ย. 2565

ในปัจจุบันที่การแข่งขันกันที่สูงขึ้นในเอเซียเพื่อขยายการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ผันแปรได้ ดังนั้นเทคโนโลยีการผลิต การส่ง และการจัดจำหน่ายจะต้องมีการบูรณาการมากขึ้นเพื่อสร้างสมดุลให้กับเครือข่ายไฟฟ้า เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน และบรรลุเป้าหมายด้านการลดคาร์บอน

“ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ใช้ไฟฟ้าในระดับที่สูง เช่น ศูนย์ข้อมูลและการใช้พลังงานไฟฟ้าของการขนส่ง กำลังเพิ่มภาระให้กับเครือข่ายไฟฟ้าของเอเชีย อุตสาหกรรมไฟฟ้าสามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของเอเชียได้โดยการปรับใช้โซลูชันการแยกคาร์บอน ไฮโดรเจน พลังงานหมุนเวียน และการจัดเก็บพลังงานที่มีอยู่และเกิดขึ้นใหม่” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Black & Veatch กล่าว

จากรายงาน Black & Veatch 2022 Asia Electric Report  ผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมมองว่าการรวมพลังงานหมุนเวียนเข้ากับระบบเครือข่ายไฟฟ้าเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าของเอเชียกำลังเผชิญอยู่ หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสำรวจในอุตสาหกรรมเปิดเผยว่าพวกเขาไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ อุปสรรคอันดับต้น ๆ ในการให้บริการที่เชื่อถือได้แก่ลูกค้าก็คือการลงทุนที่ต่ำเกินไปในด้านการส่งและการจัดเก็บพลังงานที่ไม่เพียงพอ

ราวครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าในอีกห้าปีข้างหน้าจะมี "การลงทุนมากขึ้น" ในโรงงานก๊าซหรือ LNG สู่พลังงานรวมกับการดักจับคาร์บอน ในขณะที่ 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการผลิตก๊าซธรรมชาติจะยังคงอยู่ ส่วนสำคัญของกริดหลังปี 2578

Chaudhary จะเสนอแนวทางที่เป็นไปได้สำหรับการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนที่งาน Enlit Asia 2022  ในเดือนกันยายน ในระหว่างการประชุมของผู้นำอุตสาหกรรม ชื่อว่า “‘Let’s be Realistic’: How Can ASEAN  Achieve its 2050 Net Zero Emission Targets?” นอกจากนี้ เขายังจะหารือถึงวิธีการบรรลุประสิทธิภาพด้านต้นทุนตลอดจนห่วงโซ่ของก๊าซธรรมชาติทั้งหมด ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของ Black & Veatch คนอื่น ๆ จะนำเสนอเกี่ยวกับ ไฮโดรเจน ระบบกักเก็บพลังงาน และระบบขนส่งพลังงาน

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยยืนหยัดต่อสู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2564 มีมูลค่าเกิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220918005073/en/

ข้อมูลการติดต่อสื่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

สายด่วนสื่อตลอด 24 ชั่วโมง | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย คว้ารางวัล New Business Growth 2022 จากแปซิฟิค ครอส

Logo

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–26 กันยายน 2565

แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย นายหน้าประกันด้านสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านผลประโยชน์ของพนักงานระดับโลก ภาคภูมิใจกับรางวัลล่าสุดที่ได้รับ ซึ่งได้แก่ รางวัล New Business Growth 2022 จาก แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ จำกัด (มหาชน) โดยทีม แปซิฟิค ครอส ได้มอบรางวัลดังกล่าวในวันที่ 9 กันยายน 2565 ในงาน Once in a Blue Moon ที่ทางแปซิฟิค ครอสเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้น ณ โรงแรมดับเบิ้ลยูในย่านสีลมของกรุงเทพมหานคร พร้อมแขกเข้าร่วมงานกว่า 150 คน

Ricky Batten ผู้จัดการทั่วไปแห่งแปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย เป็นตัวแทนขึ้นรับรางวัลพร้อมนำสมาชิกทีมเข้าร่วมงานหลายคน หลังแสดงความขอบคุณไปยัง แปซิฟิค ครอส สำหรับ “การจัดงานอันยอดเยี่ยม” แล้ว Batten กล่าวว่า “เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับรางวัลนี้ และผมรู้ว่าผมได้พูดแทนทุกคนที่ แปซิฟิค ไพรม์ นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับการยกย่องจากผู้นำอุตสาหกรรมรายอื่น ๆ รวมถึงเพื่อนร่วมวงการของเรา ฉะนั้น ผมขอขอบคุณ ขณะที่เรากำลังเดินหน้าเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ พวกเราหวังว่าจะได้สานต่อและสร้างความสัมพันธ์นี้ให้เดินหน้าต่อไป”

แปซิฟิค ไพร์ม เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแปซิฟิค ไพร์ม ที่เป็นเจ้าของรางวัลและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมประกันสุขภาพกว่า 20 ปี บริษัทนายหน้าประกันแห่งนี้ ภาคภูมิใจกับแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและพันธมิตรของตน ผู้ให้คำปรึกษาที่สามารถพูดได้หลายภาษาและผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี ทีมสำหรับงานด้านสินไหมโดยเฉพาะ รวมถึงบริการที่เพิ่มมูลค่า และระบบจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ที่ทันสมัยของบริษัทที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนของกระบวนการด้านการประกันภัยให้กับลูกค้าบุคคลทั่วไปและลูกค้าระดับองค์กร

“Simplifying Insurance” คือคติพจน์ของ แปซิฟิค ไพร์ม สะท้อนผ่านทุกความพยายามของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือเปรียบเทียบแผนที่ใช้ภายในบริษัท หรือการเข้าซื้อบริษัทลูกของธุรกิจเทคโนโลยีประกันภัยอย่าง CXA Group ในฮ่องกงและสิงคโปร์เมื่อปี 2564 เห็นได้ว่า แปซิฟิค ไพร์ม มุ่งลงทุนในการสร้างเครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีของตัวเองเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นหาและเปรียบเทียบโซลูชันด้านประกันสุขภาพที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของตัวเอง เครื่องมือเปรียบเทียบแผนยังให้ลูกค้าเข้าถึงแผนประกันสุขภาพที่อิงคู่แข่งในตลาดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญด้านประกันของบริษัทคอยตอบคำถามและให้การปรึกษาอย่างเป็นกลาง

เกี่ยวกับ แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย

แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย เป็นบริษัทนายหน้าประกันสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านผลประโยชน์ของพนักงานระดับโลก มุ่งเน้นกับการมอบโซลูชันที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าบุคคลทั่วไปและลูกค้าระดับองค์กร แปซิฟิค ไพร์ม ก่อตั้งขึ้นในปี 2543 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในฮ่องกงและสำนักงานกว่า 12 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสิงคโปร์ ดูไบ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ แปซิฟิค ไพร์ม ประเทศไทย ได้ที่ https://www.pacificprime.co.th/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220921005080/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
Stephen Ho ผู้อำนวยการการตลาด – แปซิฟิค ไพร์ม
+852 3589 0508

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยชิงหวาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเถาหยวน

Logo

ซินจู๋, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–22 กันยายน 2565

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ศูนย์การแพทย์ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยชิงหวา ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในอาคารซินกง ย่านชิงผู่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของบริษัทรถไฟฟ้าเถาหยวน โดยพื้นที่สำหรับสร้างโรงพยาบาลจะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียงสถานีเดียว

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220922005421/en/

At the opening ceremony (right to left): NTHU senior vice presidents Tai Nyan-hwa and Lyu Ping-chiang, NTHU president W. John Kao, Taoyuan City mayor Cheng Wen-tsan, former NTHU president Hocheng Hong, Taoyuan Metro chairman Liu Kun-I, and Taoyuan Aerotropolis chairman Chen Si-jhen. (Photo: National Tsing Hua University)

ในพิธีเปิด (จากขวาไปซ้าย): Tai Nyan-hwa และ Lyu Ping-chiang รองประธานอาวุโสแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา W. John Kao ประธานแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา Cheng Wen-tsan นายกเทศมนตรีเมืองเถาหยวน Hocheng Hong อดีตประธานมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา Liu Kun-I ประธานบริษัทรถไฟฟ้าเถาหยวน และ Chen Si-jhen ประธานการพัฒนาเมืองศูนย์กลางการบินเถาหยวน (ภาพ: มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา)

มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาและรัฐบาลท้องถิ่นเมืองเถาหยวนได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงซึ่งระบุแผนการร่วมกันจัดตั้งศูนย์การแพทย์ระดับโลกเพื่อให้บริการชุมชนท้องถิ่น แผนนี้ยังรวมถึงความช่วยเหลือในการฝึกอบรมครูที่พูดได้สองภาษาและการสนับสนุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษาที่เน้นการทดลองในโรงเรียนอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาของเถาหยวน

ศูนย์การแพทย์ได้เปิดอย่างเป็นทางการโดยนายกเทศมนตรีเมืองเถาหยวน Cheng Wen-tsan และประธานแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา W. John Kao

นายกเทศมนตรี Cheng มีบทบาทสำคัญต่อโครงการของโรงพยาบาลในช่วงแรก เขาชี้ให้เห็นว่าไต้หวันเก่งทั้งด้านอิเล็กทรอนิกส์และการแพทย์ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ได้เปิดทำการสอนที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา เขาจึงเป็นผู้สนับสนุนและผลักดันมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาอย่างแข็งขันผ่านความยากลำบากทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการวางแผน

Cheng ย้ำว่ารถพยาบาลจะใช้เวลาเพียงสิบนาทีจากสนามบินนานาชาติเถาหยวนไปยังห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลแห่งใหม่ และนอกเหนือจากการผ่าตัดเสริมความงามและการตรวจสุขภาพแล้ว โรงพยาบาลยังให้บริการดูแลผู้ป่วยวิกฤตและการบำบัดด้วยการจับยึดนิวตรอนจากธาตุโบรอน (BNCT) อีกด้วย

นอกจากนี้ คาดว่าโรงพยาบาลจะเป็นศูนย์กลางชั้นนำในการพัฒนาเทคโนโลยีการสร้างเซลล์ใหม่ขั้นสูงอีกด้วย

ประธาน Kao กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่สำคัญมากของมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา เนื่องจากสถาบันมีจุดมุ่งหมายในการศึกษาวิชาการด้านการแพทย์มาช้านาน และในที่สุดความฝันก็เกิดขึ้นจริง โดยระบุว่า “วันนี้เป็นก้าวใหม่ในการเดินทาง 50 กิโลเมตรจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาสู่เถาหยวน ซึ่งดำเนินมายาวนานถึง 66 ปี”

Kao ยังกล่าวอีกว่า ปีนี้อาจเป็น “ปีของการแพทย์” ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา เนื่องจากมีนักศึกษาแพทย์ชุดแรกที่ได้ทำการลงทะเบียนเรียนเมื่อไม่นานมานี้

โรงพยาบาลจะตั้งอยู่ใกล้สถานีเหิงซาน (A16) ของรถไฟฟ้าสายสนามบินนานาชาติเถาหยวน บนพื้นที่ที่เมืองเถาหยวนจัดหาให้ โดยมีขนาด 7.2 เฮกตาร์ ซึ่งพื้นที่ 5 เฮกตาร์จะใช้สำหรับโรงพยาบาลเอง ในขณะที่อีก 2.2 เฮกตาร์ที่เหลือจะใช้สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการสอนและการวิจัยที่เกี่ยวข้อง

Lyu Ping-chiang รองประธานอาวุโสแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา กล่าวว่า ข้อตกลงการรับสิทธิตามสัญญาสัมปทานจากรัฐบาลในการลงทุนก่อสร้างและดำเนินงาน (BOT) จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ และการก่อสร้างจะเริ่มในปีหน้าไม่นานหลังจากการโอนที่ดินเสร็จสิ้น โดยโรงพยาบาลคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2570 และเปิดในปี 2571

ในช่วงแรก โรงพยาบาลจะมีเตียงผู้ป่วยเฉียบพลันทั่วไป 200 เตียง รวมทั้งแผนกผู้ป่วยหนัก หออภิบาลโรคทางเดินหายใจ ห้องแยกผู้ป่วยติดเชื้อแบบความดันลบ และหน่วยจิตเวชสำหรับทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ซึ่งทั้งหมดจะค่อย ๆ ขยับขยายออกไปเป็นเวลาหลายปีเพื่อให้สามารถจุผู้ป่วยได้ถึง 910 เตียง

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220922005421/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา
(886)3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Chunghwa Telecom ประกาศความสำเร็จของโครงการปรับใช้เครือข่ายส่วนตัว 5G สำหรับ DELTA Thailand โดยร่วมกับโทรคมนาคมแห่งชาติและ The White Space

Logo

ไทเป ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–22 ก.ย. 2565

Chunghwa Telecom ประกาศความสำเร็จในการปรับใช้ 5G Private Network สำหรับโรงงาน DELTA Electronics (Thailand) บางปู (โรงงาน 1) ในปีนี้ ตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือเครือข่ายส่วนตัว 5G โดยโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) WhiteSpace (The WSP) และ DELTA Electronics (ประเทศไทย) และ Chunghwa Telecom ในปี 2564

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220922005411/en/

CHT President Shui-Yi Kuo, Delta Electronics (Thailand) President Jackie Chang, NT President Sanpachai Huvanandana & The WSP Board of Directors Chaiyod Chirabowornku (left to right) at 5G Smart Integral Solutions Day in Thailand. (Photo: Business Wire)

ประธาน CHT Shui-Yi Kuo, Jackie Chang ประธานบริษัท Delta Electronics (ประเทศไทย), ประธาน NT สรรพชัย หุวะนันทน์ และคณะกรรมการ WSP ชัยยศ จิรบวรกุล (ซ้ายไปขวา) ในงาน 5G Smart Integral Solutions Day ในประเทศไทย (ภาพ: Business Wire)

การร่วมมือกับ NT และ WSP ทำให้ Chunghwa Telecom ประสบความสำเร็จในการติดตั้งเครือข่ายส่วนตัว 5G สำหรับ DELTA Electronics (Thailand) ที่โรงงานบางปู (โรงงานที่ 1) โดยตระหนักถึงการทำงานระยะไกลร่วมกันของ AR และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดสำหรับการฝึกอบรมการประกอบ ความช่วยเหลือด้านปฏิบัติการ และการควบคุมอุปกรณ์ด้วยสายตา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่องในยุคหลังโรคระบาด  ในเร็วๆ นี้บริษัทจะทำการทดสอบแอพพลิเคชั่นอัจฉริยะของ AGV ในโรงงานภายใต้สถานการณ์ที่รองรับเครือข่าย 5G โดยคาดว่า DELTA Electronics (Thailand) จะทยอยเปิดตัวเครือข่ายส่วนตัวระดับองค์กร 5G เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารสำหรับแอปพลิเคชันอัจฉริยะเหล่านี้ไปยังโรงงานอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้นี้

Shui-Yi Kuo ประธานของ Chunghwa Telecom กล่าวว่า "Chunghwa Telecom ประสบความสำเร็จในการปรับใช้ 5G, AI, บล็อกเชน และเทคโนโลยีอื่นๆ ข้ามอุตสาหกรรมในไต้หวัน โดยได้รับการพิสูจน์แล้วว่าการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ทำให้ชีวิตของเราสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น และนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ  นอกเหนือจากการดูแลทางการแพทย์ที่ชาญฉลาด Chunghwa Telecom ยังให้บริการแอปพลิเคชันอัจฉริยะ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการจราจร การบังคับใช้กฎหมายที่ใช้เทคโนโลยี และการผลิตอัจฉริยะในการปรับการผลิตให้เหมาะสมและการเพิ่มกำลังการผลิตสูงสุด แอปพลิเคชันเหล่านี้ยังแสดงให้เห็นว่าในอนาคต 5G+AIoT จะนำไปสู่โซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่และการค้นพบครั้งใหม่ในชีวิตของเรา”

ประธาน Kuo กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขอบคุณรัฐบาลกลางและท้องถิ่นสำหรับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของพวกเขาที่ช่วยให้แอปพลิเคชันอัจฉริยะ 5G ของ Chunghwa Telecom สามารถขยายได้อย่างรวดเร็วทั่วโลก ในทำนองเดียวกัน คาดว่าด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย แอพพลิเคชันอัจฉริยะของเราสามารถพัฒนาได้สำเร็จในประเทศไทยเช่นกัน ความร่วมมือข้ามชาติกับโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยและ The WhiteSpace ที่ทำให้โซลูชันโรงงานอัจฉริยะบนคลาวด์ 5G+AIoT+ เป็นจริงสำหรับ DELTA ถือเป็นผู้บุกเบิกและโครงการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและ Chunghwa Telecom ตั้งตารอโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  Chunghwa ตั้งเป้าที่จะมอบสมาร์ทโซลูชั่นสำหรับชีวิตส่วนตัว เมือง หรือโรงงานในทุกสาขาอาชีพและแม้กระทั่งระดับรัฐบาล  Chunghwa Telecom ตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับทุกคนทั่วโลกเพื่อสร้างอนาคตที่ดีนอกไต้หวัน”

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220922005411/en/

ติดต่อสื่อ:
Angela Tsai
โทรศัพท์: +886 2 2344 3252
อีเมล: chofen@cht.com.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Aprecomm สตาร์ตอัปด้านเครือข่ายอัจฉริยะที่เปิดใช้งาน AI ท้องถิ่นของอินเดียลงนามข้อตกลงสู่ระดับโลก

Logo

บังกะลอร์ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–22 กันยายน 2565

Aprecomm บริษัทเครือข่ายอัจฉริยะชั้นนำของอินเดีย ประกาศความร่วมมือกับ Technology Distribution Specialists (TDS) ในสิงคโปร์ เพื่อจัดจำหน่ายเทคโนโลยี Network Intelligence ในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลงนี้ TDS จะเข้าเป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Aprecomm ขณะนี้ TDS จะได้รับอนุญาตให้เผยแพร่โซลูชันเครือข่ายอัจฉริยะของ Aprecomm สำหรับอุตสาหกรรมการสื่อสารทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220921005704/en/

Pramod Gummaraj, CEO, Aprecomm (Photo: Business Wire)

Pramod Gummaraj ซีอีโอของ Aprecomm (ภาพ: Business Wire)

ด้วยการมีส่วนร่วมนี้ Aprecomm จะเข้าถึงฐานผู้ใช้ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ผลิตภัณฑ์ที่เปิดใช้งาน AI ของ Aprecomm จะปฏิวัติการจัดส่งเครือข่ายโดยผู้ให้บริการเครือข่ายรวมถึงเครือข่ายไฟเบอร์ WiFi ภายในบ้านและเครือข่าย WiFi ขององค์กร

Mr. Pramod Babu ซีอีโอของ Aprecomm กล่าวว่า “เรากำลังมองหาการขยายธุรกิจไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วและช่วยเหลือผู้ให้บริการในการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพแก่ลูกค้าปลายทาง เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ TDS เพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคออสเตรเลียนิวซีแลนด์ (ANZ) อย่างจริงจัง”

“เรายินดีที่จะนำ Aprecomm เข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ TDS” Sergio Ferreira กรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดจำหน่ายเทคโนโลยี (TDS) กล่าว โดยเขาเสริมว่าการบริการเครือข่ายอัจฉริยะของ Aprecomm จะเสนอโซลูชันที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าของเราในพื้นที่ Wi-Fi, ISP และ TSP Aprecomm รวบรวมปรัชญาของ TDS ในการผลิตและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ไฮเทคที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าของเราในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียแปซิฟิกอย่างเต็มที่

ด้วยข้อตกลงนี้ Aprecomm จะสามารถเจาะตลาดได้กว้างขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ TDS จะจัดจำหน่าย Aprecomm Virtual Wireless Expert ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างประสบการณ์ที่มีคุณภาพระหว่างเครือข่าย ISP และพันธมิตรในช่องทางต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้จากภูมิภาคที่หลายหลายทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รับประสบการณ์อินเทอร์เน็ตที่ดียิ่งขึ้น

Mr. Guharajan Sivakumar ซีทีโอของ Aprecomm กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นการรองรับที่โซลูชันจากปัญญาประดิษฐ์ของเราได้รับทั่วภูมิภาค และต้องการมอบประสบการณ์อินเทอร์เน็ตที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าทั่วโลกด้วย TDS ในฐานะพันธมิตรด้านการจัดจำหน่ายของเรา”

เกี่ยวกับ Aprecomm

Aprecomm เป็นผู้พลิกสถานการณ์ด้านอุตสาหกรรมด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเปิดใช้งาน Software Stack เพื่อทำความเข้าใจประสบการณ์ Wi-Fi ของลูกค้า เทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรของ Aprecomm ช่วยในการแก้ไขปัญหา Wi-Fi โดยอัตโนมัติและพร้อมรับมือ ด้วยวิธีนี้ ISP และ Enterprises จะสามารถแก้ไขได้ทันทีและลดการหยุดทำงานให้น้อยลง  โซลูชัน Aprecomm ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และผู้ให้บริการเทคโนโลยี (TSP) ปรับปรุงมาตรฐานธุรกิจของตนผ่านความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายที่ลดลง และ ROI ที่รวดเร็ว

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220921005704/en/

ติดต่อ:

Broadnection
Prashant
Email: prashant@broadnection.com
Contact: +91- 9582602429

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

IC Markets เปิดตัวแคมเปญใหม่เพื่อช่วยเทรดเดอร์ไปสู่จุดสูงสุด

Logo

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–21 กันยายน 2565

IC Markets หนึ่งในโบรกเกอร์ Forex CFD ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เปิดตัวแคมเปญการตลาดระดับโลกใหม่ต่อหน้าผู้ชมของเหล่าแฟนรักบี้หลายพันคนในการแข่งขัน Rugby World Cup Sevens ที่จัดขึ้นที่ DHL Stadium Cape Town ประเทศแอฟริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โฆษณาจะออกอากาศไปยัง 10 ประเทศในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและสร้างขึ้นโดยเอเจนซี่โฆษณาและผู้สร้างภาพยนตร์ Silver Bullet Films ชาวแอฟริกาใต้ โฆษณานี้เล่นตามความสนใจที่กลับมาใหม่อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Top Gun ปี 2529 หลังจากที่ภาคต่อของ Top Gun: Maverick ได้ออกฉาย และสนับสนุนให้เทรดเดอร์ ‘เทรดอัป’ และสัมผัสผลประโยชน์ที่เหนือกว่าของ IC Markets

Andrew Budzinski ซีอีโอของแคมเปญ IC Markets กล่าวว่า “Top Gun เป็นภาพยนตร์ที่โดดเด่นและเป็นพื้นฐานเกี่ยวกับการใช้ทักษะและเครื่องมือที่เหมาะสมในการควบคุมศักยภาพและเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เรารู้ว่าเทรดเดอร์ของเรามาที่ IC Markets เพราะพวกเขาสนใจคุณสมบัติและประโยชน์ที่เรานำเสนอซึ่งจะช่วยยกระดับการซื้อขายของพวกเขาไปอีกระดับ”

การถ่ายทำนอกเมืองโจฮันเนสเบิร์กโดยได้รับรางวัล Executive Creative Director Wayne de Lange แคมเปญโฆษณาใหม่นี้เป็นแคมเปญทางทีวีหลักรายการแรกของ IC Markets นับตั้งแต่ปี 2564

IC Markets ดำเนินงานใน 200 ประเทศทั่วโลก เทรดเดอร์ที่มีความเคลื่อนไหวมากกว่า 200,000 รายใช้ประโยชน์จากราคาที่แข่งขันได้ของ IC Markets สเปรดที่ต่ำ และการซื้อขายระดับสถาบันที่รวดเร็วเป็นพิเศษ ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.11 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปริมาณซื้อขาย (มีนาคม 2565)

IC Markets เลือกเมืองหลวงของแอฟริกาใต้เพื่อถ่ายทำโฆษณา เนื่องด้วยความสำเร็จในตลาดนี้นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2563 การตัดสินใจเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของแอฟริกาใต้และตามด้วยการสนับสนุนล่าสุดของ IC Market ในการแข่งขัน Rugby World Cup Sevens ที่จัดขึ้นที่เมืองเคปทาวน์

หากต้องการดูโฆษณาใหม่:

  • สำหรับดินแดนที่เกี่ยวข้องกับ ASIC ของออสเตรเลียและแอฟริกาใต้:
    https://youtu.be/3Dwjl0KUi3s
  • สำหรับดินแดนที่ควบคุมโดย FSA ของสิงคโปร์ เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฮ่องกง และไทย:
    https://youtu.be/FmvUTMJkQIM
  • สำหรับดินแดนที่ควบคุมโดย CYSEC ของโปรตุเกส สเปน และเยอรมนี:
    https://youtu.be/_uPBa6C-a0Q

เกี่ยวกับ IC Markets

IC Markets สร้างขึ้นโดยเทรดเดอร์สำหรับเทรดเดอร์ เป็นโบรกเกอร์ Forex CFD ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อุทิศตนเพื่อเสนอเงื่อนไขการซื้อขายที่ได้รับการยกเว้นและบริการระดับโลกทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงแก่ลูกค้าในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก

นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2550 โดย IC Markets ได้เชื่อมช่องว่างระหว่างลูกค้ารายย่อยและลูกค้าระดับสถาบัน โดยนำเสนอโซลูชันการซื้อขายที่ก่อนหน้านี้มีให้เฉพาะกับธนาคารเพื่อการลงทุนและบุคคลที่มีรายได้สูงเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ IC Markets จึงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับเทรดเดอร์ทั่วโลกที่กำลังมองหาสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่สนับสนุนพวกเขาให้กลายเป็นเทรดเดอร์ที่มีความมั่นใจและมีความสามารถมากขึ้น โดยนำเสนอแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้งานง่ายพร้อมเครื่องมือที่เพิ่มมูลค่าและรองรับกลยุทธ์และรูปแบบการซื้อขายทั้งหมด

IC Markets ทุ่มเทให้กับนวัตกรรม การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อประโยชน์สำหรับลูกค้าของเรา

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถคลิกที่นี่

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220919005908/en/

ติดต่อ:

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:
Holly Clark
holly@bluechipcommunication.com.au
t: (+61) 452 069 936

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Trilliant ใช้โซลูชันการสูบจ่ายน้ำอัจฉริยะในแคนาดา

Logo

โซลูชันไร้สายแก้ปัญหาการเชื่อมต่อและมาตรวัดที่ท้าทายสำหรับทาวน์โฮมในโตรอนโต

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–21 ก.ย. 2022

Enlit Asia 20222 – Trilliant ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันสำหรับโครงสร้างพื้นฐานมิเตอร์ขั้นสูง (advanced metering infrastructure – AMI) สมาร์ทกริด เมืองอัจฉริยะ และ IIOT ประกาศความสำเร็จในการนำโซลูชันการวัดปริมาณน้ำแบบไร้สายไปใช้ในแคนาดา ซึ่งยืนยันจุดยืนในการสนับสนุนโครงการสูบจ่ายที่ท้าทายที่ต้องมีการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้  Provident บริษัทให้บริการด้านพลังงานและการวัดมิเตอร์ในเขตมหานครโตรอนโต ซึ่งเชี่ยวชาญด้านตลาดที่อยู่อาศัยหลายแห่ง ได้เลือกโซลูชัน Smart Water ของ Trilliant สำหรับโครงการในเมืองโตรอนโต รัฐออนแทรีโอ ซึ่งต้องการโซลูชันการวัดมิเตอร์ชั้นใต้ดินสำหรับทาวน์โฮมจำนวนหนึ่ง

การติดตั้งมิเตอร์สาธารณูปโภคมักจะเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนโดยมีข้อพิจารณาหลายประการ รวมถึงความท้าทายในห่วงโซ่อุปทาน การเดินสายไฟของอุปกรณ์ และปัจจัยอื่นๆ

โครงการ Provident ใช้เทคโนโลยี Trilliant เพื่อเปิดใช้งานการเชื่อมต่อมิเตอร์น้ำกับหน่วยเชื่อมต่อมิเตอร์น้ำ (meter interface unit – MIU) ซึ่งสามารถตั้งโปรแกรมให้เชื่อมต่อกับมิเตอร์ใดก็ได้ในหลากหลายแบรนด์  จุดเชื่อมต่อจะอ่าน MIU แบบไร้สาย ทำให้ไม่จำเป็นต้องเดินสายไฟผ่านพื้นและผนัง

“Provident มุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา” Ralph Simone ประธานของ Provident Energy Management Inc. กล่าว “ในการทำเช่นนั้น เราพึ่งพาเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่ทันสมัย ​​เช่น แพลตฟอร์ม Smart Water ของ Trilliant สำหรับการดำเนินงานธุรกิจของเรา ”

โซลูชันสำหรับ Provident ถูกปรับใช้บนแพลตฟอร์ม AMI ของ Trilliant ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ที่เข้าถึงยากและต้องใช้แบตเตอรี่  โซลูชัน Smart Water ของ Trilliant เป็นส่วนสำคัญของโครงการริเริ่มสร้างอัจฉริยะของ Trilliant และกำลังปฏิวัติการเชื่อมต่อในอาคาร ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เจ้าของอาคารสามารถจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องมีการติดตั้งแบบมีสายรบกวนซึ่งต่างจากโซลูชันอื่นๆ  MIU แต่ละรายการไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน เพียงแค่เข้าถึงจุดเชื่อมต่อเท่านั้น

ชั้นใต้ดินมีความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานแบบมีสายและไร้สายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพยายามติดตั้งโซลูชันในภายหลังในกระบวนการก่อสร้าง โดยทั่วไปจะมีระยะการมองเห็นที่ไม่ดี ซึ่งอาจต้องใช้โหนดจำนวนมากขึ้นและจะมีสัญญาณโดยรวมที่อ่อน  โซลูชันของ Trilliant มอบความครอบคลุมและความจุสูงสุด ในขณะที่ให้ความปลอดภัยที่เข้มงวดแก่ลูกค้าตามที่ต้องการและคาดหวัง

“ในการใช้เทคโนโลยีของ Trilliant ในอาคาร ลูกค้าสามารถวางใจในการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่ายและการใช้พลังงานตามปกติของอุปกรณ์ RF อื่นๆ อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ทำให้การติดตั้งง่ายขึ้นและรองรับตัวเลือกมิเตอร์ที่หลากหลาย ทำให้ลูกค้าเช่น Provident สามารถควบคุมทรัพย์สินของตนได้อย่างเต็มที่” Steven Lupo กรรมการผู้จัดการของแคนาดาของ Trilliant กล่าว “โซลูชันของ Trilliant นั้นง่ายต่อการปรับใช้ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ และสามารถให้การเชื่อมต่อไม่เพียงแต่การวัดน้ำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้งานด้านไฟฟ้าและความร้อน ทั้งหมดนี้ช่วยลดหรือขจัดต้นทุน ความเสี่ยง และการบำรุงรักษาที่มาพร้อมกับการติดตั้งแบบมีสาย ”

การปรับใช้ในโตรอนโตแสดงให้เห็นถึงความง่ายและความรวดเร็วในการติดตั้ง ประสิทธิภาพ และความสามารถในการปรับขนาดของเทคโนโลยี และได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับระบบแทบทุกระบบเพื่อจัดหาแหล่งข้อมูลที่ปลอดภัยและทรงพลัง Trilliant ประสบความสำเร็จในการติดตั้งโซลูชันที่คล้ายกันในชิลี สาธารณรัฐโดมินิกัน เปรู ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร

เกี่ยวกับ Trilliant

Trilliant® ให้อำนาจแก่อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ใช้งานได้กับทุกระบบเพียงอุปกรณ์เดียวที่ช่วยให้สาธารณูปโภคและเมืองต่างๆ สามารถปรับใช้แอปพลิเคชันใดๆ ได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้บนเครือข่ายที่ทรงพลังเพียงเครือข่ายเดียว  พอร์ตโฟลิโอที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีตัวเลือก โดยไม่ต้องเสี่ยงที่ลูกค้าจะถูก "ล็อค" กับผู้ให้บริการเทคโนโลยีรายเดียว เราภูมิใจเสนอโซลูชันที่มีความสำคัญต่อภารกิจซึ่งสนับสนุน AMI, Data & Analytics, Smart Grids และ Smart Cities  ลูกค้าทั่วโลกได้รับประโยชน์จากการผสมผสานระหว่างความยืดหยุ่น ความยั่งยืน และความสามารถในการปรับขนาดที่เป็นเอกลักษณ์ของ Trilliant ซึ่งเชื่อมโยงสาธารณูปโภคและเมืองต่างๆ เข้ากับ IIOT และเส้นทางเชิงกลยุทธ์ที่มากขึ้นในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เยี่ยมชมเราได้ที่ www.trilliant.com.

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220920006155/en/

ติดต่อ:

Tracey Mitchell
tracey.mitchell@trilliant.com 

Cindy Watson/Anita Wong
StrategicAmpersand Inc.
TrilliantPR@stratamp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เขตการค้าเสรีนำร่องจีน (ยูนนาน) ยินดีต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ

Logo

คุนหมิง, ประเทศจีน– (BUSINESS WIRE)–21 ก.ย. 2565

เขตการค้าเสรีนำร่องของจีน (ยูนนาน) ตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติด้วยนโยบายเชิงรุกนับตั้งแต่ก่อตั้งในเดือนสิงหาคม 2562

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220920006031/en/

Service Hall of Kunming Area of Yunnan Pilot Free Trade Zone (Photo: Business Wire)

ศูนย์บริการในเขตคุนหมิงของเขตการค้าเสรีนำร่องยูนนาน (ภาพ: Business Wire)

เขตการค้าเสรีนำร่องมณฑลยูนนานเป็นหนึ่งในสามเขตการค้าเสรีแรกของจีนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนของจีน ประกอบด้วย 3 โซน ได้แก่ โซนคุนหมิง โซนหงเหอ และโซนเต๋อหง

เขตคุนหมิง ตั้งอยู่ในเมืองคุนหมิง มีพื้นที่ 76 ตารางกิโลเมตร (รวมเขตการค้าเสรีครบวงจรคุนหมิง 0.58 ตารางกิโลเมตร) และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการผลิตระดับไฮเอนด์ โลจิสติกส์ด้านการบิน เศรษฐกิจดิจิทัล และเป็นพื้นที่สำหรับสำนักงานใหญ่ของบริษัท และอุตสาหกรรมอื่น ๆ

เขตหงเหอตั้งอยู่ในเขตเหอโข่วของจังหวัดหงเหอ มณฑลยูนนาน มีพื้นที่ 14.12 ตารางกิโลเมตรและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการแปรรูปและการค้า บริการด้านสุขภาพ การท่องเที่ยวข้ามพรมแดน และอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

เขตเต๋อหงตั้งอยู่ในเมืองรุ่ยลี่ จังหวัดเต๋อหง มณฑลยูนนาน มีพื้นที่ทั้งหมด 29.75 ตารางกิโลเมตร และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ความร่วมมือด้านการผลิตข้ามพรมแดน การเงินข้ามพรมแดน และอุตสาหกรรมอื่น ๆ

มณฑลยูนนานเป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ตั้งอยู่ที่จีนมาบรรจบกับอีกสองภูมิภาค มณฑลนี้มีท่าเรือ 26 แห่ง รวมถึงท่าเรือชั้นหนึ่ง 20 แห่ง และท่าเรือชั้นสองอีก 6 แห่ง ยูนนานมีพรมแดนติดกับลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ทำให้เป็นหนึ่งในมณฑลของจีนที่มีพรมแดนติดกับหลายประเทศ อันที่จริง ที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่คร่อมหลายประเทศและภูมิภาคนี้เป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของเขตการค้าเสรีของมณฑลยูนนาน

นับตั้งแต่ก่อตั้งมา เขตการค้าเสรีก็ได้เติมพลังให้กับการเปิดการค้าและการพัฒนามณฑลยูนนานทุกส่วน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 ถึงกรกฎาคม 2563 มีการจัดตั้งองค์กรใหม่ 56,000 แห่งในเขตนี้ คิดเป็นประมาณ 12% ของวิสาหกิจใหม่ที่ตั้งขึ้นในจังหวัดในช่วงเวลานี้ มูลค่ารวมของการนำเข้าและส่งออกจากเขตการค้าเสรีในช่วงเวลาเดียวกันคือ 279.14 พันล้านหยวน คิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของการค้าต่างประเทศของมณฑล ในขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศจริงมีมูลค่าถึง 587 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 28.7% ของการลงทุนจากต่างประเทศจริงตลอดทั่วมณฑลยูนนาน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยูนนานยังคงดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นการลงทุนในการพัฒนาอุตสาหกรรมคุณภาพสูง และเพิ่มการสนับสนุนอุตสาหกรรมชั้นนำและรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ แนวทางในอนาคตของเขตการค้าเสรีนำร่องยูนนาน จะยังคงส่งเสริมการลงทุนและพยายามดึงดูดโครงการสำคัญ ๆ ซึ่งยินดีต้อนรับนักลงทุนต่างชาติทุกคนให้สำรวจข้อดีมากมายของเขตการค้าเสรีนำร่องยูนนาน ในฐานะไซต์การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือแบบที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์อย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งภาคธุรกิจและเศรษฐกิจในท้องถิ่น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220920006031/en/

ติดต่อ:

Shelly Wang

info@xinhuaneteurope.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

IDP ประกาศถึงความร่วมมือกับ Intake Education

Logo

สองบริษัทแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ตัดสินใจร่วมงานัน เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกอย่างแท้จริง

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–21 กันยายน 2565

วันนี้ IDP Education รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีต้อนรับ Intake Education, องค์กรแนะแนวศึกษาต่อระหว่างประเทศชั้นนำเข้ามาร่วมงานและเป็นส่วนหนึ่งกับเครือข่ายทั่วโลกของ IDP

ด้วยความสอดคล้องทางด้านวัฒนธรรมองค์กร และเป้าหมายในการสนับสนุนช่วยเหลือแก่นักเรียน และสถาบันการศึกษาต่างๆทั่วโลกอย่างมีคุณภาพ IDP และ Intake Education จึงตัดสินใจทำงานร่วมกันครั้งนี้

Intake จะนำความเชี่ยวชาญกว่าสามทศวรรษ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการบริการแนะแนวศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรเข้าสู่เครือข่ายของ IDP

ปัจจุบัน Intake มีการให้บริการแบบ “Student First” หรือนักเรียนต้องมาเป็นอันดับแรก และมีสาขาครอบคลุมกว่า 10 ประเทศทั่วโลก เจ้าหน้าที่แนะแนวของ Intake ทุกคนจะเป็นกำลังสำคัญ ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ที่หลากหลาย พร้อมเข้ามาเสริมทัพกับทีมงานของ IDP ที่มีพนักงานมากกว่า 5,000 คนทั่วโลก

Murray Walton ประธานเจ้าหน้าที่บริหารชั่วคราวของ IDP เผยถึงปัจจัยในการร่วมมือกับ Intake เพราะต้องการให้ IDP สามารถขยายเครือข่ายการให้บริการ การให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียนต่างชาติ ให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น

“จากการจับมือร่วมกันระหว่าง IDP และ Intake เราจะก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการให้บริการช่วยเหลือที่ต้องการศึกษาต่อต่างประเทศ” คุณ Walton กล่าว

Mr Walton กล่าวถึงนโยบายการให้บริการของ Intake ว่า “IDP ชื่นชอบการบริการที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นที่ตั้ง และความต้องการของลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางของ Intake ซึ่งตลาดในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง และมีองค์กรที่หวังแต่ผลตอบแทน โดยไม่คำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของนักเรียน

“เช่นเดียวกับ IDP ทีมงานของ Intake ให้ความสำคัญในการทำงานเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนและพันธมิตรสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ของพวกเขา” คุณ Walton กล่าว

“องค์ของเราทั้งคู่ มีความภูมิใจอย่างยิ่ง ที่จะให้บริการนักเรียนของพวกเรา ตั้งแต่วันที่นักเรียนเริ่มค้นหาข้อมูล จนได้เข้าไปเรียนในชั้นเรียนหรือสาขาวิชาชีพที่พวกเขาต้องการ”

Pieter Funnekotter, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Intake Education กล่าวว่า Intake จะทำให้ IDP แข็งแกร่งและเติบโตยิ่งขึ้น “การร่วมงานระหว่าง IDP และ Intake จะช่วยขยายตลาดด้านการศึกษาต่อต่างประเทศให้หลากหลาย กว้างขวาง และครอบคลุมพื้นที่ ประกอบกับการมีตัวเลือกสาขาในการศึกษามากขึ้น นอกจากนี้ยังจะช่วยพัฒนาปรับปรุงและสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ในการช่วยเหลือและสนับสนุนนักเรียน ให้บรรลุวัตถุประสงค์ และประสบความสำเร็จในการศึกษาต่อต่างประเทศอย่างที่พวกเขาตั้งใจไว้” คุณ Funnekotter กล่าว

IDP จะควบรวมสำนักงานต่าง ๆ ของ Intake ที่ตั้งอยู่ในประเทศต่างๆ ดังนี้  ไนจีเรีย กานา เคนยา ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย ไต้หวัน อินเดีย และสหราชอาณาจักร

The Bangkok Reporter