การเร่งการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตที่มีคาร์บอนต่ำของ Black & Veatch

Logo

เปิดตัว eBook เล่มใหม่ล่วงหน้าก่อนงาน Gastech 2023 เนื่องจากในภาวะการแข่งขันที่สูงทั่วโลกของการรักษาอุปทานของ LNG

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE )–14 กันยายน 2023

ความต้องการเร่งด่วนในการเพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และปรับปรุงความปลอดภัยของอุปทานจะเป็นประเด็นสำคัญในการประชุม Gastech 2023 ที่สิงคโปร์ เนื่องจากโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความท้าทายในการจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้และมีความยั่งยืน

ใน eBook ใหม่ LNG: Fueling the Future นี้ Black & Veatch จะเจาะลึกบทบาทของ LNG ในอนาคตของพลังงานทั่วโลก โดยให้รายละเอียดว่าอุตสาหกรรมจะต้องขยายขนาดเกินกำลังการผลิตในปัจจุบันอย่างไร เพื่อรักษาสมดุลของระดับพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการพิจารณาโซลูชันพลังงานสะอาดทางเลือกในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงไฮโดรเจน นิวเคลียร์ การจัดเก็บพลังงาน และการดักจับคาร์บอน

"เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจแบบคาร์บอนมาเป็นเศรษฐกิจแบบใช้อิเล็กตรอนและโมเลกุล การค้นหาส่วนผสมพลังงานที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในระยะสั้นและการเปลี่ยนแปลงระยะยาวถือเป็นสิ่งสำคัญ" Mario Azar ประธานและซีอีโอของ Black & Veatch กล่าว

"ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนโลกไปสู่อนาคตที่มีคาร์บอนต่ำอย่างรวดเร็วด้วยการรักษาเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าและเพิ่มความยืดหยุ่น" Narsingh Chaudhary ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าวเสริม

ในประเทศติดทะเล รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิก ความต้องการ LNG กำลังเพิ่มขึ้นในฐานะแหล่งพลังงานสำหรับการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซขนาดใหญ่ LNG เป็นพลังงานพื้นฐานที่สามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างการเลิกใช้พลังงานถ่านหิน ความเร็วของการใช้พลังงานหมุนเวียน และการเกิดขึ้นของโซลูชันพลังงานสะอาดทางเลือกใหม่

การขยายขนาดการผลิต ความรวดเร็วในการออกสู่ตลาด และการรักษาราคาที่แข่งขันได้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมในการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น แนวทางที่เป็นนวัตกรรมในด้านเทคโนโลยีและการดำเนินการ เช่น LNG แบบลอยตัว (FLNG) และการทำให้เป็นโมดูล กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้าและปลดล็อกก๊าซที่ติดอยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมกับโรงงานขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม

Black & Veatch เป็นผู้บุกเบิกในการนำเสนอโซลูชัน FLNG ที่ประสบความสำเร็จ บริษัทมีส่วนร่วมใน 5 โครงการจาก 10 โครงการ FLNG ที่กำลังดำเนินการหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างทั่วโลก โดยรวมถึงการแปลงเรือ MOSS ลำแรกเป็นโรงงาน FLNG นั่นคือเรือ Golar Hilli Episeyo FLNG ซึ่งสร้างเสร็จในสิงคโปร์

เทคโนโลยี FLNG นำเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและทรงประสิทธิภาพในตลาดอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างรายได้จากแหล่งสำรองก๊าซนอกชายฝั่ง และความสามารถในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้ชายฝั่งเพื่อส่งออกก๊าซทางท่อ แนวทางดังกล่าวยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการก่อสร้าง ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงด้วยการออกแบบแบบแยกส่วนและการก่อสร้างในอู่ต่อเรือ นอกจากนี้ เทคโนโลยี FLNG ยังมีการออกแบบที่กะทัดรัดซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกบนบก

ความเป็นผู้นำของ Black & Veatch ในการพัฒนาและสร้างโรงงาน FLNG ได้รับการสนับสนุนโดยเทคโนโลยี PRICO® ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการทำให้เป็นของเหลวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งเหมาะสำหรับการผลิต LNG ที่สามารถใช้กับยานพาหนะที่มีการลดค่ากำลังไฟฟ้าสูงสุด ยานพาหนะขนาดกลางและหนัก การเติมเชื้อเพลิงทางอุตสาหกรรม กำลังไฟฟ้าพื้นฐาน และการใช้งานนอกชายฝั่ง การดำเนินงานที่เรียบง่ายและการกำหนดค่าที่ยืดหยุ่นของ PRICO® ทำให้สามารถปรับขนาดสำหรับการใช้งานในโรงงานขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ และใช้งานโซลูชันโครงการที่เป็นนวัตกรรมสำหรับโรงงาน LNG บนบก นอกชายฝั่ง และใกล้ชายฝั่ง

ที่ Gastech 2023 Azar จะแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลกในการสนับสนุนการพัฒนา การใช้งาน และการขยายขนาดของเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะนำอุตสาหกรรมไปสู่การลดคาร์บอนและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น Chaudhary จะหารือเกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้นี้

ติดต่อ Black & Veatch เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • ดาวน์โหลดสำเนาฟรีของ eBook LNG: Fueling the Future ที่นี่
  • Black & Veatch สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน LNG มานานกว่า 50 ปี โดยผสมผสานเทคโนโลยีและความรู้ความชำนาญในการผลิต LNG การจัดเก็บ การแปลงสภาพเป็นก๊าซ และส่งออกสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยโซลูชันที่ราบรื่นสำหรับการออกแบบ การจัดซื้อ การแปรรูป และการก่อสร้าง
  • ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของ Black & Veatch เป็นส่วนสำคัญในโครงการ FLNG หลายโครงการ รวมถึง Tango FLNG ของ Eni (เดิมชื่อ Exmar) และเรือ FLNG สามลำที่พัฒนาโดย Golar LNG ในโครงการเหล่านี้ Black & Veatch ให้บริการด้านวิศวกรรมและการจัดซื้อจัดจ้างระดับสูง

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราบน www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
อีเมลสำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | Media@bv.com

ที่มา: Black & Veatch

Hillstone Networks ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำ XDR ในรายงาน Frost Radar™ 2023

Logo

Hillstone Networks ได้รับการยกย่องจาก Frost & Sullivan สำหรับกลยุทธ์ XDR

SANTA CLARA, Calif.–(BUSINESS WIRE)–13 กันยายน 2023

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเติบโตในรายงาน Frost Radar™ Extended Detection and Response Report ประจำปี 2023

รายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการวิเคราะห์การตลาดที่ดำเนินการโดย Frost & Sullivan โดยประเมินผู้เข้าร่วมในอุตสาหกรรมตามกลยุทธ์การเติบโต นวัตกรรม ประสบการณ์ของลูกค้า และส่วนแบ่งตลาด รายงานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยองค์กรในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเมื่อเลือกผู้ให้บริการโซลูชัน XDR ที่เชื่อถือได้

“การได้รับการเสนอชื่อในฐานะผู้นำในรายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในการนำเสนอโซลูชันที่ล้ำสมัยที่ต่อต้านภัยคุกคามทางดิจิทัลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง” Tim Liu CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “โซลูชันของเรารวมการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง การตอบสนองต่อเหตุการณ์ และความสามารถด้านนิติวิทยาศาสตร์ไว้ในแพลตฟอร์มแบบครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลในเชิงรุกได้”

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan โซลูชัน XDR ได้เห็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค อุตสาหกรรม และบริษัททุกขนาด เนื่องจากมีการนำเสนอภาพรวม การบูรณาการ การวิเคราะห์ ความยืดหยุ่น และระบบอัตโนมัติที่ลูกค้าต้องการในสภาพแวดล้อมไอทีที่ซับซ้อนในปัจจุบัน Frost ระบุว่า XDR มีสัญญาหลัก 3 ประการ ได้แก่ การตรวจจับและการตอบสนองแบบข้ามเลเยอร์ ระบบอัตโนมัติที่มีความหมาย และการผสานรวมกับสแต็กการรักษาความปลอดภัย

"Hillstone Networks แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อแนวทาง Open XDR ในขณะที่กำลังลงทุนงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญในการเพิ่มการบูรณาการของบุคคลที่สาม และจัดหาชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) เพื่ออำนวยความสะดวกในการบูรณาการกับแพลตฟอร์ม" Lucas Ferreyra นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan กล่าว “Hillstone Networks ได้พัฒนากลยุทธ์การเติบโตที่น่าสนใจ ซึ่งครอบคลุมการใช้ประโยชน์จากความเกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้นของการรักษาความปลอดภัยที่มีการจัดการ เพื่อให้ MSSP สามารถใช้โซลูชัน XDR ของตนได้ ขยายขอบเขตการเข้าถึงในขณะที่กำหนดเป้าหมายภาคส่วนที่มีการเติบโตสูง เช่น ภาครัฐ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการผลิต ความเข้าใจในตลาดดังกล่าวจะช่วยให้ Hillstone Networks สามารถปลดล็อกโอกาสในการเติบโตเพิ่มเติมในตลาด XDR ที่มีการแข่งขันสูง"

ความมุ่งมั่นของ Hillstone ในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและการใช้งานของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จ มีส่วนช่วยให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้าน XDR พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาหลักของ XDR:

  • ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Hillstone สามารถค้นหาและป้องกันการโจมตีได้ ก่อนที่จะมีโอกาสใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดในองค์กร นั่นก็คือ ข้อมูล โซลูชัน Hillstone XDR ใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูง (ML) ผ่านมัลแวร์ที่ไม่รู้จักและการตรวจจับที่ผิดปกติ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของภัยคุกคามขั้นสูง และการบรรเทาภัยคุกคามอัตโนมัติ
  • นอกจากนี้ Hillstone XDR ยังมีการเรียบเรียงและการตอบสนองแบบอัตโนมัติอีกด้วย หากมีการกำหนดค่ากลยุทธ์การแก้ไข เมื่อมีการตรวจพบภัยคุกคามแล้ว Hillstone XDR จะดำเนินการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติตาม Playbook ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
  • ซึ่งรวมถึงการบูรณาการกับข้อมูลที่หลากหลายทั่วทั้งเครือข่ายตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางไปจนถึงระบบคลาวด์ ข้อมูลนี้อาจรวมถึง NetFlow, Sysmon, Syslogs, ข้อมูลอภิพันธุ์ (Metadata) ข้อมูลภัยคุกคาม และบันทึกของบุคคลที่สาม ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการกำหนดมาตรฐาน เชื่อมโยงกัน และวิเคราะห์เพื่อให้มองเห็นได้อย่างสมบูรณ์และทำลายไซโลข้อมูลความปลอดภัย ไม่เพียงแต่ให้การมองเห็นด้านความปลอดภัยเต็มรูปแบบโดยมีจุดบอดน้อยลง แต่ยังปรับปรุงความแม่นยำในการตรวจจับด้วยการลดผลบวกลวงให้เหลือน้อยที่สุด

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone XDR ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมอบการปกป้องทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างแก่บริษัททุกขนาด ตั้งแต่ edge ไปจนถึงคลาวด์ และในทุกปริมาณงาน แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks นำเสนอความครอบคลุม การควบคุม และการรวมระบบมาสู่องค์กรมากกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

Consensys ประกาศเปิดตัว MetaMask Snaps ต่อสาธารณะ: เสริมศักยภาพผู้ใช้ด้วยการปรับแต่งแพลตฟอร์มที่ไม่เคยมีมาก่อน

Logo

MetaMask Snaps จะรวบรวมนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใน Web3 อย่างเต็มรูปแบบ โดยช่วยให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสามารถนำความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาใช้สร้างในแพลตฟอร์ม MetaMask โปรแกรมนวัตกรรมที่ไม่มีกลไกการอนุญาตนี้พร้อมที่จะเปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน MetaMask ของผู้ใช้ทั่วโลก โดยนำเสนอความเป็นไปได้ในการควบคุมและการปรับแต่งที่เหนือชั้น ในระยะเริ่มแรก สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการให้ผู้ใช้ MetaMask ที่เชี่ยวชาญได้ลองใช้ MetaMask Snaps และรวบรวมความเห็นของพวกเขา ขณะที่ทีม MetaMask ยังคงเดินหน้าพัฒนาเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ขั้นสูงสุดของ MetaMask Snaps

ฟอร์ตเวิร์ธ, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2023

วันนี้ Consensys บริษัทซอฟต์แวร์บล็อกเชนและ Web3 ชั้นนำ ได้ประกาศเปิดตัว MetaMask Snaps เวอร์ชันใหม่สู่สาธารณะเป็นครั้งแรก MetaMask Snaps ได้รับการตั้งค่าให้ปฏิวัติวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับ MetaMask ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Web3 ที่กำกับดูแลตนเองชั้นนำของโลก โดยนำเสนอการควบคุมและการปรับแต่งที่ไม่เคยมีมาก่อน Snaps คือคุณสมบัติและฟังก์ชันใหม่ที่สร้างขึ้นโดยนักพัฒนาบุคคลที่สาม ซึ่งผู้ใช้ MetaMask ทั่วโลกสามารถติดตั้งลงในวอลเล็ตของตนได้โดยตรง ซึ่งเดิมทีคุณสมบัติของ MetaMask ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะโดยนักพัฒนา MetaMask ที่ Consensys ว่าจ้าง การเปิดตัวครั้งแรกจะรวม 34 Snaps ที่ให้อรรถประโยชน์เกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกของธุรกรรม การทำงานร่วมกันกับบล็อกเชนที่ไม่ใช่ EVM เช่น Bitcoin และการแจ้งเตือน

การเปิดตัว MetaMask Snaps ต่อสาธารณะถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของวิวัฒนาการของ MetaMask ในฐานะวอลเล็ต ด้วยการมอบชุดเครื่องมือใหม่ที่พัฒนาโดยนักพัฒนาบุคคลที่สามทั่วโลกแก่ผู้ใช้ MetaMask Snaps จะช่วยให้บุคคลสามารถกำหนดประสบการณ์ Web3 ของตนได้ตามความต้องการและความชอบเฉพาะตัว ผู้ใช้ MetaMask ที่เชี่ยวชาญสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการติดตั้ง Snaps แรกที่มีได้จาก เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ กระบวนการแรกจะมุ่งเน้นไปที่การให้ผู้ใช้ MetaMask ที่มีประสบการณ์มาลองใช้ MetaMask Snaps และรวบรวมคำติชมของพวกเขา ขณะที่ทีม MetaMask ยังคงเดินหน้าพัฒนาเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ขั้นสูงสุด

การเปิดตัว Snaps เริ่มต้น: ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรม ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และการแจ้งเตือน

ในช่วงเริ่มต้นของการบรรลุวิสัยทัศน์นี้ MetaMask Snaps จะเปิดตัวพร้อม ชุด Snaps 34 รายการ Snaps เหล่านี้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและถูกรวมไว้ในรายการที่อนุญาตโดยทีม MetaMask MetaMask จะยังคงตรวจสอบและรวม Snaps ไว้ในรายการที่อนุญาตจนกว่าจะบรรลุการเปลี่ยนไปใช้ระบบที่ไม่มีกลไกการอนุญาต โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขั้นตอนนี้

Snaps แรกเหล่านี้จะทำให้เกิดกรณีการใช้งานที่ไม่ซ้ำใครซึ่งรวมถึง:

  • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรม: ปรับปรุงการเดินทางของ Web3 ของผู้ใช้ด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้พวกเขาสามารถระบุข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นและสัญญาอัจฉริยะที่เป็นอันตรายก่อนที่จะทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้น
  • การทำงานร่วมกัน: MetaMask Snaps ขยายการใช้งาน Web3 ให้ครอบคลุมบล็อกเชนที่ไม่ใช่ EVM เช่น Bitcoin, Solana, Cosmos และโซลูชัน EVM Layer 2 เช่น StarkNet
  • การแจ้งเตือน: แจ้งให้ผู้ใช้ทราบและมีส่วนร่วมกับการแจ้งเตือนเฉพาะ Web3 โดยตรงใน MetaMask เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่พลาดการอัปเดตหรือกิจกรรมที่จำเป็น

ดูรายการ Snaps ทั้งหมดได้ใน MetaMask Snaps Directory

วิสัยทัศน์ของ MetaMask เกี่ยวกับนวัตกรรมที่ไม่มีกลไกการอนุญาต

ในปี 2022 MetaMask มีผู้ใช้งานทะลุ 100 ล้านคน ระบบนิเวศของ Web3 มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นำไปสู่กรณีการใช้งานใหม่ๆ ที่หลากหลาย นวัตกรรมที่มอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่เป็นส่วนตัวยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงและอำนวยความสะดวกในการเติบโตของระบบนิเวศของ Web3 โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการเพิ่มผู้ใช้ 1 พันล้านคน แม้ว่าต้นกำเนิดของมันจะมีรากฐานมาจาก Ethereum แต่ MetaMask ก็มีความเชื่อมั่นว่านวัตกรรมนั้นเกิดขึ้นในหลายโดเมนทั่วทั้งระบบนิเวศของ Web3 ด้วย Snaps วอลเล็ต Web3 ชั้นนำหวังว่าจะรวบรวมนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใน Web3 ได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น โดยช่วยให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสามารถนำความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาสร้างแพลตฟอร์มได้ MetaMask จินตนาการถึงระบบนวัตกรรมที่เปิดกว้างและไม่มีกลไกการอนุญาต ซึ่งนักพัฒนา Web3 คนใดก็ตามสามารถสร้าง Snap และเปิดให้ผู้ใช้ใช้งานได้ เป็นแพลตฟอร์มเพื่อชุมชนที่สร้างโดยชุมชน

“ส่วนที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับ Snaps สำหรับฉันคือตอนนี้เรามีระบบที่เป็นหัวใจของวอลเล็ตของเราซึ่งช่วยให้เราสามารถหยุดฟังและเชิญชวนชุมชนให้เสนอวิธีแก้ปัญหาของปัญหาที่ยากที่สุดอย่างนอบน้อม ฉันมีความคิดและความคิดเห็นที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของความปลอดภัยในการทำธุรกรรม แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมมันจะต้องเป็นความคิดเดียวที่ได้รับการพิสูจน์ เรากำลังช่วยนำเสนอกระบวนทัศน์ใหม่ของการประมวลผลแบบกระจาย และมีคำถามมากมายที่ต้องการโซลูชันที่สร้างสรรค์ ดังนั้น ฉันยังคงเชื่อว่าการลดอุปสรรคและค่าใช้จ่ายในการลองสิ่งใหม่ๆ อาจเป็นตัวเร่งสำคัญในการค้นหาคำตอบที่ดีของปัญหาที่ยากลำบากเหล่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเร่งเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ของตัวมันเอง แต่เป็นการเร่งกระบวนการค้นหาการปรับปรุงวิธีที่เราทำสิ่งต่างๆ” Dan Finlay ผู้ร่วมก่อตั้ง MetaMask และ Chief Ethos Officer ของ Consensys กล่าว

นักพัฒนาบุคคลที่สามที่สร้าง Snaps สามารถจัดส่งและดูแลรักษาผลงานสร้างสรรค์ของตนได้อย่างอิสระ โดยแยกจาก MetaMask พวกเขารักษาความเป็นเจ้าของรหัสและสร้างการเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ใช้ Snap ในระยะยาว ผู้ใช้ MetaMask จะได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายและความสามารถรอบด้านของ Snaps จำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งได้รับการปรับให้เหมาะกับกรณีการใช้งานต่างๆ บนโปรโตคอลต่างๆ พวกเขาจะได้เห็นคุณสมบัติที่ยังไม่เคยมีใครจินตนาการมาก่อน ซึ่งพัฒนาขึ้นด้วยความเร็วที่ MetaMask ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

“เรากำลังสร้าง MetaMask Snaps ให้เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดสำหรับนวัตกรรม และเราไม่เรียกเก็บเงินจากนักพัฒนาสำหรับการเผยแพร่ Snaps บนแพลตฟอร์มนี้ เราเชื่อว่านวัตกรรมที่ไม่มีกลไกการอนุญาตเป็นรากฐานสำคัญของระบบกระจายศูนย์ที่ไม่ต้องมีผู้รักษาประตู นวัตกรรมเจริญรุ่งเรืองตามความเร็วของเครือข่าย ไม่ใช่แค่ภายในทีมพัฒนาของ Consensys เท่านั้น" Christian Montoya หัวหน้าผลิตภัณฑ์ของ MetaMask Snaps กล่าวเน้นย้ำ

ด้วยการคาดการณ์อนาคตและสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า MetaMask จึงได้หารือกับนักพัฒนามากกว่า 150 รายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพื่อขยายขอบเขตของ Snaps นักพัฒนาเหล่านี้มาจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงแอฟริกา เอเชีย ยุโรป ลาตินอเมริกา และสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ Consensys

Consensys คือบริษัทซอฟต์แวร์บล็อกเชนและ Web3 ชั้นนำ ตั้งแต่ปี 2014 Consensys เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม โดยบุกเบิกการพัฒนาทางเทคโนโลยีภายในระบบนิเวศของ Web3 ด้วยชุดผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงแพลตฟอร์ม MetaMaskInfuraLineaDiligence และแพลตฟอร์ม NFT ของเรา เราได้กลายเป็นแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ใช้ ผู้สร้าง และนักพัฒนาบนเส้นทางการสร้างและเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่พวกเขาต้องการเห็น ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง dApp, คอลเลกชัน NFT, พอร์ตโฟลิโอ หรืออนาคตที่ดีกว่า สัญชาตญาณในการสร้างสรรค์นั้นเป็นสากล Consensys เป็นแรงบันดาลใจและสนับสนุนสัญชาตญาณการสร้างสรรค์ของทุกคนด้วยการทำให้ Web3 ใช้งานง่ายและพัฒนาอย่างเป็นสากล ดูผลิตภัณฑ์และโซลูชันของเราที่ https://consensys.io/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

pr@consensys.io

ที่มา: Consensys

บริษัท H.I.G. Capital ปิดตัวด้วยสถิติ 5.5 พันล้านดอลลาร์ในกองทุน H.I.G. Middle Market LBO Fund IV

Logo

ไมอามี–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2023

H.I.G. Capital (หรือ H.I.G.) ซึ่งเป็นริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกชั้นนำระดับโลกด้วยทุน 58 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้การจัดการของบริษัท ยินดีในการประกาศปิดกองทุน H.I.G. Middle Market LBO Fund IV (“กองทุน”) กองทุนปิดด้วยจำนวนเงินสูงสุดที่เรียกเก็บจากผู้ถือหุ้นในการลงทุนทั้งหมดจำนวน 5.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากเงินลงทุนร่วมของบัญชีผู้ถือหุ้นแยกจำนวน 450 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมเป็นอย่างมาก

กองทุนจะสร้างจากประวัติผลการดำเนินการที่ยาวนานของทีมด้วยเริ่มจากการลงทุนในตราสารหุ้นที่มีการควบคุมในสถานการณ์อันซับซ้อนในบริษัทที่อยู่ในกลุ่มตลาดขนาดกลางซึ่งมีลักษณะความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่ไม่สมดุล และมีการเสนอคุณค่าของบริษัทที่แตกต่าง

Sami Mnaymneh และ Tony Tamer ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารร่วมแห่ง H.I.G กล่าวว่า “เรายินดีอย่างยิ่งกับการสนับสนุนจากนักลุงทุนที่มีมาตลอดซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสมรรถภาพอันแข็งแกร่งของ ทีมตลาดระดับกลางของ H.I.G. และวิธีการลงทุนอันแตกต่าง เรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มอันเป็นเอกลักษณ์ของเราจะทำให้เราโดดเด่นในพื้นที่นี้ได้ต่อไป”

Keval Patel, หัวหน้าทีมตลาดระดับกลางของ H.I.G. กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สร้างกลยุทธ์ในตลาดระดับกลางที่ประสบความสำเร็จของ H.I.G. สำหรับกองทุนนี้ ด้วยขนาดและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติการที่อุทิศให้กับตลาดระดับกลางนี้ มันได้สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญให้กับเรามาตลอดและทำให้เราผลักดันผลตอบแทนอันสำคัญให้แก่นักลงทุนต่างๆ ไม่ว่าสภาพแวดล้อมด้านภาพรวมทางเศรษฐกิจจะเป็นแบบใดก็ตาม”

Jordan Peer Griffin กรรมการผู้จัดการระดับสูงและหัวหน้าการลงทุนระดับโลก กล่าวเสริมว่า “การสนับสนุนอันทรงพลังของเหล่าห้างหุ้นส่วนจำกัดของเรานำไปสู่การระดมทุนที่สำเร็จซึ่งมีผู้สมัครเข้าร่วมอันล้นหลามซึ่งมีความหมายมากในสภาพแวดล้อมการระดมทุนที่ยากลำบากเช่นนี้ มันเป็นการพิสูจน์ที่ชัดเจนให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างสูงของนักลงทุนต่อ H.I.G. กลยุทธ์การลงทุนของเรา และความสามารถในการเป็นแหล่งที่ดึงดูดการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น”

กองทุนนี้ได้รับการสนับสนุนจากฐานนักลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนมาเป็นเวลานานของ H.I.G. และยังยินดีเปิดรับนักลงทุนใหม่จากทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา ห้างหุ้นส่วนจำกัดของกองทุนเป็นกลุ่มของนักลงทุนสถาบันที่หลากหลายและมีชื่อเสียง ซึ่งประกอบด้วย มูลนิธิ กองทุนการกุศล กองทุนบำนาญของรัฐและเอกชน ที่ปรึกษา กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ และสำนักงานครอบครัว

เกี่ยวกับ H.I.G. Capital

บริษัท H.I.G. Capital เป็นบริษัทการลงทุนทางเลือกชั้นนำระดับโลกซึ่งมีเงินทุน 58 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การจัดการ* มีที่ตั้งหลักอยู่ที่ไมอามีและมีสำนักงานต่างๆ อยู่ใน นิวยอร์ก บอสตัน ชิคาโก ดัลลัส ลอสแองเจลลิส ซานฟรานซิสโก และแอตแลนตา ในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งยังมีสำนักงานในเครืออยู่ในลอนดอน แฮมเบิร์ก แมดริด มิลาน ปารีส โบโกตา รีโอเดจาเนโร และเซาเปาโล H.I.G. เชี่ยวชาญในด้านตลาดตราสารหนี้และตลาดทุนในบริษัทตลาดระดับกลางโดยใช้วิธีการปฏิบัติการที่มุ่งเน้น/เพิ่มมูลค่าและมีความยืดหยุ่น

  1. กองทุนรวมตราสารทุนของ H.I.G. ลงทุนในการซื้อกิจการผู้บริหาร การปรับโครงสร้างการเงิน และการแยกออกจากโครงสร้างธุรกิจเดิมของธุรกิจที่ทั้งมีผลกำไรและธุรกิจบริการและอุตสาหกรรมการผลิตที่ผลดำเนินการต่ำกว่าเกณฑ์
  2. กองทุนรวมตราสารหนี้ของ H.I.G. ลงทุนในแหล่งเงินทุนจากหนี้ไม่ด้อยสิทธิ หนี้ตามหน่วยลงทุน และหนี้ด้อยสิทธิให้กับบริษัทในทุกๆ ขนาด ทั้งในตลาดแรก (โดยตรง) และตลาดรอง H.I.G. ยังจัดการการซื้อขายสาธารณะของ BDC, WhiteHorse Finance อีกด้วย
  3. กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของ H.I.G. ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเพิ่มมูลค่าซึ่งได้ประโยชน์จากการวางแผนการจัดการทรัพย์สินที่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น
  4. โครงสร้างพื้นฐานของ H.I.G. มุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าเพิ่มและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดระดับ core plus ในภาคส่วนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

เริ่มตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทในปี 1993 นั้น H.I.G ได้มีการลงทุนและจัดการมากกว่า 400 บริษัททั่วโลก พอร์ตโฟลิโอของบริษัทในปัจจุบันมีมากกว่า 100 บริษัทซึ่งมียอดขายรวมกันเกินกว่า 52 พันล้านดอลลาร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ H.I.G. ที่ www.higcapital.com

*จากทุนระดมทั้งหมดโดย H.I.G. Capital และบริษัทในเครือ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Jordan Peer Griffin
กรรมการผู้บริหารระดับสูง
jpeer@higcapital.com

Keval Patel,
กรรมการผู้จัดการ
หัวหน้า H.I.G. ตลาดระดับกลาง
kpatel@higcapital.com

ที่มา: H.I.G. Capital

Sazae Japan ร่วมมือกับ Boomi เพื่อแก้ไขปัญหาการบูรณาการที่บริษัทญี่ปุ่นต้องเผชิญ

Logo

โตเกียว และเชสเตอร์บรูค รัฐเพนซิลเวเนีย–(BUSINESS WIRE )–13 กันยายน 2023

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ได้ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ Sazae Japan, Inc ("Sazae") ผู้ให้บริการให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่โดดเด่น Boomi เป็นแพลตฟอร์มบูรณาการแห่งแรกของ Sazae ในฐานะพันธมิตรด้านบริการ (iPaaS) ในญี่ปุ่น

Sazae Japan Partners With Boomi to Tackle Integration Issues Faced by Japanese Companies (Graphic: Business Wire)

Sazae Japan ร่วมมือกับ Boomi เพื่อแก้ไขปัญหาการบูรณาการที่บริษัทญี่ปุ่นต้องเผชิญ (กราฟิก: Business Wire)

ในฐานะบริษัทในเครือของญี่ปุ่น Sazae Pty Ltd นั้น Sazae ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเวียดนาม Sazae จะรวมแพลตฟอร์ม Boomi ที่ใช้โค้ดน้อยและใช้งานง่าย เข้ากับบริการให้คำปรึกษาด้านไอทีขั้นต้นที่ครอบคลุมในทุกอุตสาหกรรม

เนื่องจากความต้องการการประมวลผลแบบคลาวด์เพิ่มขึ้นในหมู่บริษัทญี่ปุ่น iPaaS จึงได้รับความสนใจในฐานะเครื่องมือการบรรลุการบูรณาการระบบในระบบคลาวด์

Sazae มีส่วนร่วมในโครงการระดับโลกมากมายที่ต้องการการบูรณาการระหว่างแอปพลิเคชันและระบบในหลายประเทศ หลังจากประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับ Boomi ในโครงการ ServiceNow Sazae รู้สึกประทับใจกับความง่ายในการใช้งานของแพลตฟอร์ม Boomi การรองรับวงจรการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ ความเสถียร และความสามารถในการปรับขนาด

ความร่วมมือดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือลูกค้าของ Sazae Japan ในการบูรณาการระบบการจัดการเนื้อหา เช่น ServiceNow และ Drupal

"เราคาดหวังว่าการร่วมมือกับ Boomi จะช่วยให้เราสามารถโยกย้ายโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลของลูกค้าปัจจุบันไปยังแพลตฟอร์มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (DX) ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ" Ayumu Mizojiri กรรมการและผู้ก่อตั้ง Sazae Pty Ltd. กล่าว "สำหรับโครงการระดับโลก เราเชื่อว่าการร่วมมือกับ Boomi จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะมีประวัติที่พิสูจน์แล้วในด้านการขจัดความซับซ้อนและการส่งมอบความเร็วและประสิทธิภาพ"

"เนื่องจากความต้องการ iPaaS ยังคงเติบโตในญี่ปุ่น เราจึงวางแผนที่จะทำงานร่วมกับ Sazae ในโครงการระดับโลกของพวกเขา และช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาเชื่อมโยงข้อมูล แอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คน เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นและเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของพวกเขา" Kazunori Hori ผู้อำนวยการ Boomi ประเทศญี่ปุ่น กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi
Boomi ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นโดยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่ง ทุกหนแห่ง ผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มการบูรณาการบริการ (iPaaS) บนคลาวด์ และในตอนนี้เป็นบริษัทบริการซอฟต์แวร์ (SaaS) ชั้นนำระดับโลกในสาขานี้ Boomi ดึงดูดฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มการบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานข้อมูล ในขณะที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเร็วขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ "B" และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือของบริษัท สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53550309/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

Boomi:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสื่อและนักวิเคราะห์สัมพันธ์ APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi, LP

teamLab Planets TOKYO ได้รับรางวัลชนะเลิศ World Travel Awards สาขา “Asia’s Leading Tourist Attraction 2023” (สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียประจำปี 2023)

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2023

 teamLab Planets TOKYO ในโทโยสุ โตเกียว ได้รับประกาศให้เป็นผู้ชนะเลิศรางวัล World Travel Awards 2023 สาขา “Asia’s Leading Tourist Attraction 2023” (สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียประจำปี 2023) เมื่อวันที่ 6 เดือนกันยายน ในพิธีเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นที่เมืองโฮจิมินห์

teamLab Planets, a body immersive museum in Toyosu, Tokyo, wins the World Travel Awards for “Asia’s Leading Tourist Attraction 2023”. (teamLab Planets, Toyosu, Tokyo / Photo: teamLab)

teamLab Planets พิพิธภัณฑ์ที่ผู้ชมสามารถดื่มด่ำงานศิลปะด้วยสัมผัสทางร่างกายในโทโยสุ โตเกียว ได้รับรางวัล World Travel Awards สาขา "Asia’s Leading Tourist Attraction 2023" (สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียประจำปี 2023) (teamLab Planets โทโยสุ โตเกียว/รูปภาพ: teamLab)

หลังจากพิธีนี้เสร็จสิ้น ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศจากแต่ละภูมิภาคทั่วโลกจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “World's Leading Tourist Attraction 2023” (สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียประจำปี 2023) ในเดือนธันวาคม ปี 2023 World Travel Awards ซึ่งจะครบรอบ 30 ปีในปีนี้ จะมีการเฉลิมฉลองสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด ตามคะแนนโหวต ซึ่งไม่เฉพาะเพียงจากผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังมาจากผู้ลงคะแนนเสียงทั่วไปอีกด้วย Wall Street Journal ได้กล่าวถึงงานนี้ว่า เป็นงานที่ “เทียบเท่ากับรางวัลออสการ์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” กันเลยทีเดียว

สถานที่ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Asia’s Leading Tourist Attraction 2023 มีดังต่อไปนี้ (เรียงตามตัวอักษรภาษาไทย):

teamLab SuperNature มาเก๊า (จีน)

กำแพงเมืองจีน

ทัชมาฮาล (อินเดีย)

นครวัด (กัมพูชา)

บุโรพุทโธ (อินโดนีเซีย)

พระราชวังต้องห้าม (จีน)

พระราชวังอิมพีเรียลโตเกียว (ญี่ปุ่น)

พิพิธภัณฑ์ Sengan-en และ Shoko Shuseikan (คาโกชิม่า ญี่ปุ่น)

วิคตอเรียพีค (ฮ่องกง)

สุสานนักรบดินเผา (จีน)

อินทรามูรอส (ฟิลิปปินส์)

ฮาลองเบย์ (เวียดนาม)

https://www.worldtravelawards.com/award-asias-leading-tourist-attraction-2023

เกี่ยวกับ World Travel Awards

World Travel Awards ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1993 เพื่อให้รางวัลและเฉลิมฉลองความเป็นเลิศในทุกภาคส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเดินทาง และการบริการ ปัจจุบันนี้ แบรนด์ของ World Travel Awards™ ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่า เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสูงสุดของความเป็นเลิศในอุตสาหกรรม
คะแนนโหวตจะมาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางและการบริการ รวมถึงผู้บริโภคจากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก
เว็บไซต์: http://www.worldtravelawards.com/

เกี่ยวกับ teamLab Planets TOKYO

teamLab Planets เฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ได้ปรับปรุงพื้นที่แสดงงานศิลปะหลายแห่ง และเปิดตัวงานศิลปะสร้างสรรค์ชุดใหม่ ซึ่งสร้างประสบการณ์ที่น่าดื่มด่ำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เนื่องจากได้รับความนิยมสูง จากหมายกำหนดปิดเดิมในช่วงปลายปี 2023 ทางพิพิธภัณฑ์จึงมีการขยายเวลาออกไปจนถึงสิ้นปี 2027

teamLab Planets เป็นพิพิธภัณฑ์ที่คุณสามารถเดินผ่านน้ำ และมีสวนที่ผสานตัวคุณเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับดอกไม้ โดยมีพื้นที่แสดงผลงานศิลปะขนาดใหญ่ 4 แห่ง และมีสวน 2 แห่งที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยกลุ่มศิลปินของ teamLab

teamLab Planets TOKYO
https://planets.teamlab.art/tokyo/
#teamLabPlanets
7 กรกฎาคม ปี 2018 – ปลายปี 2027
Toyosu 6-1-16, Koto-ku, Tokyo

เอกสารสำหรับสื่อ
https://www.dropbox.com/sh/ir7d2aui794eo6z/AAChbzX5wPsQm8cgkQ2ViFD4a?dl=0

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ
https://www.teamlab.art/contact/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53551940/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

PLANETS Co., Ltd. ฝ่ายประชาสัมพันธ์
อีเมล: pr-info@planets.art
ติดต่อสัมภาษณ์: https://forms.gle/fAtnDKLpQKFME6XR9

ที่มา: PLANETS Co., Ltd.




Hillstone Networks ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำด้านการเติบโตและนวัตกรรมของ NGFW ในรายงาน Frost Radar™ 2023

Logo

รับตำแหน่งผู้นำใน NGFW Arena

ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–8 กันยายน 2023 

Hillstone Networks ผู้ให้บริการโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเติบโตใน รายงาน 2023 Frost Radar™ Next Generation Firewalls

ในรายงาน Frost Radar™ 2023 ซึ่งจัดทำโดย Frost & Sullivan นำเสนอการวิเคราะห์ตลาดเชิงลึกที่ประเมินผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมผ่านมุมมองด้านกลยุทธ์ในการเติบโต นวัตกรรม ประสบการณ์ของลูกค้า และส่วนแบ่งการตลาด รายงานนี้เป็นแหล่งข้อมูลอันมีค่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจในการตัดสินใจพร้อมข้อมูลสำหรับความต้องการโซลูชันไฟร์วอลล์รุ่นต่อไป (NGFW)

เราเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำในรายงาน Frost Radar™ 2023” กล่าวโดย Tim Liu CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks “ในขณะที่ภูมิทัศน์เทคโนโลยีมีการขยายตัวที่กว้างขึ้น จึงมีความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของเราด้วยเช่นกัน การได้รับการยอมรับในรายงาน NGFW Frost Radar เป็นการตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในด้านโซลูชันทางวิศวกรรมขั้นสูง เรามีความภูมิใจที่ได้ยืนอยู่แถวหน้าของการพัฒนาไฟร์วอลล์รุ่นต่อไป พร้อมกับความสามารถด้านเทคนิคของเราที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับความมุ่งมั่นของเราในการสร้างการป้องกันทางไซเบอร์ การได้รับการยอมรับส่งเสริมให้เราสามารถเจาะลึกนวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่ลดละ ก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเครือข่ายให้ครอบคลุมได้ดียิ่งขึ้น"

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan แนวคิดขอบเขตการรักษาความปลอดภัยมีการปรับเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง เนื่องจากการประมวลผลบนคลาวด์ การทำงานระยะไกล อุปกรณ์ระบบ edge และความคิดริเริ่มในการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลอื่น ๆ ปัจจุบันนี้ NGFW ยังมีภาพรวมที่ไม่ชัดเจน ความสามารถในการปรับขนาดและการกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดใหม่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งหมายถึง NGFW จะต้องมีการปรับเปลี่ยนด้านความสามารถในการทำงานด้วยเช่นกัน Frost มีการระบุให้มีการผสานรวมและขยายขอบเขตโซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่เชื่อมโยงกัน รวมถึง “ซอฟต์แวร์กำหนดเครือข่ายบริเวณกว้าง (SD-WAN) สื่อกลางในการเข้าถึงระบบการรักษาความปลอดภัยในระบบคลาวด์ (CASB) เกตเวย์เว็บที่ปลอดภัย (SWG) การเข้าถึงเครือข่ายแบบ zero trust (ZTNA) และ NGFW เข้าเป็นกลุ่ม SASE”

กลุ่มผลิตภัณฑ์ NGFW ที่ได้รับรางวัลของ Hillstone Networks นำเสนอสถาปัตยกรรมระบบความปลอดภัยที่พร้อมสำหรับอนาคต เพื่อปรับให้เข้ากับการขยายโครงสร้างพื้นฐานและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ และเป็นรากฐานสำหรับสถาปัตยกรรมแบบ zero-trust เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ขั้นสูง Hillstone A-Series และ X-Series Next-Generation Firewalls ส่งมอบระบบการป้องกันเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง มีความน่าเชื่อถือ และปรับขนาดได้สำหรับองค์กรและผู้ให้บริการ พร้อมความสามารถในการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมและชาญฉลาด เพื่อปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลขององค์กร

แพลตฟอร์ม Hillstone NGFW ยังเป็นรากฐานสำหรับโซลูชัน Hillstone SD-WAN และ ZTNA ซึ่งครอบคลุม ควบคุม และผสานรวม

ด้วยความช่วยเหลือของกลไก AI ที่ซับซ้อน Hillstone ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์และตรวจจับการรับส่งข้อมูลที่เข้ารหัสโดยไม่ต้องถอดรหัส ปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมและมีความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคาม” กล่าวโดย Martin Naydenov นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมอาวุโส – ความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Frost & Sullivan “Hillstone มีวิสัยทัศน์ที่แข็งแกร่งและมีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ พร้อมครอบคลุม Mega Trends ระดับโลก ตัวอย่างเช่น การประมวลผลบนคลาวด์ ด้วยเหตุนี้ จึงยังคงเปิดตัวโซลูชันใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น Cloud Workload Protection โดยมีการร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์รายใหญ่อย่าง AWS และ Azure เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมไอทีแบบไฮบริด”

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone Next-Generation Firewalls ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมมอบการปกป้องทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างแก่บริษัททุกขนาด ตั้งแต่ edge ไปจนถึง cloud และรองรับปริมาณงานทุกระดับ แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks มีความครอบคลุม พร้อมการควบคุม และสามารถผสานรวมระบบสำหรับองค์กรกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ
Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

Technology Innovation Institute เปิดตัว Falcon 180B โมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังที่สุดในโลก

Logo

  • โมเดลใหม่ครองอันดับ 1 ใน Hugging Face Leaderboard ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์ส
  • โมเดลที่มีพารามิเตอร์ 180 พันล้านได้รับการฝึกฝนบนชุดข้อมูล 3.5 ล้านล้านโทเค็น พร้อมทรัพยากรการประมวลผลของ LLaMA 2 ของ Meta ถึง 4 เท่า
  • Falcon 180B เป็นโมเดลที่เข้าถึงได้แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับนักวิจัยและผู้ใช้เชิงพาณิชย์

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE )–6 กันยายน 2023

Technology Innovation Institute (TII) ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กำลังก้าวข้ามขีดจำกัดของ Generative AI อีกครั้งด้วยการเปิดตัว Falcon 180B ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ขั้นสูงที่เป็นรุ่นเรือธงของพวกเขา การเปิดตัวที่ล้ำสมัยนี้ช่วยเสริมความเป็นผู้นำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในด้าน AI โดยนำเสนอ Falcon 180B ให้เป็นโมเดลการเข้าถึงแบบโอเพ่นซอร์สสำหรับการวิจัยและการใช้เชิงพาณิชย์

Falcon 180B Benchmarks (Photo: AETOSWire)

เกณฑ์มาตรฐาน Falcon 180B (รูปภาพ: AETOSWire)

หลังจากความสำเร็จอันน่าทึ่งของ Falcon 40B ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่ทะยานขึ้นสู่อันดับสูงสุดใน Hugging Face Leaderboard ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 TII ซึ่งเป็นเสาหลักการวิจัยประยุกต์ของ Advanced Technology Research Council (ATRC) ของอาบูดาบียังคงเป็นผู้นำในการพัฒนา Generative AI Falcon 40B ถือเป็นตัวอย่างแรกๆ ของโมเดลโอเพ่นซอร์สสำหรับทั้งนักวิจัยและผู้ใช้เชิงพาณิชย์ และถือเป็นการก้าวกระโดดของการบุกเบิกในสาขานี้

H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการของ Advanced Technology Research Council เน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงบวกของ Falcon ที่มีต่อภูมิทัศน์ของ AI และกล่าวว่า "เรามองเห็นอนาคตที่พลังการเปลี่ยนแปลงของ AI อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมของทุกคน เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเข้าถึง AI ขั้นสูงให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เนื่องจากความเป็นส่วนตัวและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของ AI ต่อมนุษยชาติไม่ควรถูกควบคุมโดยคนเพียงไม่กี่คน แม้ว่าเราอาจไม่มีคำตอบทั้งหมด แต่ความมุ่งมั่นของเรายังคงแน่วแน่ นั่นคือการทำงานร่วมกันและมีส่วนร่วมในชุมชนโอเพ่นซอร์ส เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะได้แบ่งปันประโยชน์ของ AI"

ด้วยพารามิเตอร์ที่น่าทึ่งถึง 180 พันล้านพารามิเตอร์และฝึกฝนบนชุดข้อมูล 3.5 ล้านล้านโทเค็น Falcon 180B ทะยานขึ้นสู่อันดับสูงสุดของ Hugging Face Leaderboard ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว โมเดลนี้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งที่มีชื่อเสียงอย่าง LLaMA 2 ของ Meta ในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ รวมถึงการทดสอบการใช้เหตุผล การเขียนโค้ด ความชำนาญ และการทดสอบความรู้

ในบรรดาโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบปิดที่ดีที่สุด Falcon 180B อยู่ในอันดับที่ตามหลัง GPT 4 ล่าสุดของ OpenAI และทัดเทียมกับประสิทธิภาพของ PaLM 2 Large ของ Google ซึ่งเป็นโมเดลที่ขับเคลื่อน Bard แม้ว่าจะมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของโมเดลก็ตาม กรอบการอนุญาตใช้งานสำหรับโมเดลนี้กำหนดขึ้นโดยใช้ "Falcon 180B TII License" ซึ่งอิงตาม Apache 2.0

Dr. Ebtesam Almazrouei กรรมการบริหารและรักษาการหัวหน้านักวิจัยของ AI Cross-Center Unit ของ TII กล่าวว่า "การเปิดตัว Falcon 180B เป็นตัวอย่างของการอุทิศตนของเราในการพัฒนาขอบเขตของ AI และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้แบ่งปันศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของมันกับโลก Falcon 180B ประกาศศักราชใหม่ของ Generative AI โดยสร้างศักยภาพของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ผ่านการเข้าถึงแบบโอเพ่นซอร์สเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนนวัตกรรมแห่งอนาคต ขณะที่เราเจาะลึกขอบเขตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิสัยทัศน์ของเราขยายไปไกลกว่านวัตกรรม นั่นคือการรักษาความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกผ่านความก้าวหน้าทางการทำงานร่วมกัน"

ด้วยนักพัฒนามากกว่า 12 ล้านคนที่ยอมรับและปรับใช้ Falcon รุ่นแรก การอัปเกรดครั้งสำคัญนี้จึงพร้อมที่จะกลายเป็นโมเดลชั้นนำสำหรับโดเมนต่างๆ ตั้งแต่แชทบอทไปจนถึงการสร้างโค้ด และอื่นๆ อีกมากมาย

Falcon 180B เข้ากันได้กับภาษาหลักต่อไปนี้: อังกฤษ เยอรมัน สเปน และฝรั่งเศส โดยมีความสามารถจำกัดในภาษาอิตาลี โปรตุเกส โปแลนด์ ดัตช์ โรมาเนีย เช็ก และสวีเดน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ FalconLLM.tii.ae

ที่มาAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรบั ชมภาพในรูปแบบมลัติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20230906583274/en

รายชื่อผู้ติดต่อ

Jennifer Dewan ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
jennifer.dewan@tii.ae

ที่มา: The Technology Innovation Institute

ทรงพลังยิ่ง: Mary Kay Inc. ครองตำแหน่งแบรนด์ขายตรง #1 สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางระดับโลก

Logo

DALLAS–(BUSINESS WIRE)–5 กันยายน 2023

เติมสีสันให้ชีวิตของเรา แบรนด์ความงามอันโดดเด่นและบริษัทผู้ประกอบการระดับโลก Mary Kay Inc. ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น แบรนด์ขายตรง #1 สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางระดับโลก* โดย Euromonitor International เราได้รับเกียรตินี้เมื่อบริษัทเฉลิมฉลอง 60 ปีในการดำเนินธุรกิจ โดยสานต่อมรดกการเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้หญิงจากก่อนหน้านี้ จนถึงปัจจุบัน และตลอดไป ของ Mary Kay Ash

The honor comes as the company celebrates its 60th anniversary in business, continuing Mary Kay Ash’s legacy of empowering women then, now, and always. (Graphic: Mary Kay Inc.)

เกียรติภูมิพร้อมเฉลิมฉลองบริษัทครบรอบ 60 ปีในการดำเนินธุรกิจ โดยสานต่อมรดกของ Mary Kay Ash ในการสร้างเสริมศักยภาพแก่กลุ่มผู้หญิงทั้งจากนี้และตลอดไป (ภาพ: Mary Kay Inc.)

Euromonitor International ยืนหยัดในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำด้านข่าวกรองธุรกิจระดับโลก การวิเคราะห์ด้านการตลาด และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค ด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปีในการทำวิจัยตลาดกว่า 100 ประเทศ การที่ Mary Kay ได้รับการยอมรับไม่เพียงเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรากฎตัวบนเวทีระดับโลกอย่างกว้างขวางและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

"นี่เป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่จาก Euromonitor เป็นเสมือนลูกเชอรี่ประดับบนยอดเค้กวันเกิดของเรา” Nathan Moore ประธานฝ่ายขายและการตลาดทั่วโลกของ Mary Kay กล่าว “รายงานนี้กล่าวถึงความมุ่งมั่นของเราในคุณภาพและนวัตกรรม ตลอดจนถึงชุมชนที่ปรึกษาด้านความงามที่น่ายกย่องของเรา ซึ่งยังคงเป็นหัวใจหลักและแรงผลักดันของเรา ความทุ่มเทและหลงใหลเป็นตัวนำความสำเร็จก้าวผ่านอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเราด้วยความสดใส”

Mary Kay มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสุขภาพผิว วิจัยและพัฒนา และโภชนาการมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน แบรนด์ถือครองสิทธิบัตรกว่า 1,600 ฉบับสำหรับผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในผลงานทั่วโลก

เราเพิ่งเริ่มต้น” Moore กล่าวเสริม “แม้ว่านี่จะเป็นความสำเร็จทางธุรกิจที่โดดเด่นและบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งในแบรนด์ของเรา แต่ Mary Kay Ash ได้สอนให้เราไม่หยุดอยู่กับที่ นี่คือก้าวต่อไปในการส่งเสริม นวัตกรรม และความสำเร็จสำหรับในอีก 60 ปีข้างหน้า”

*”แหล่งข้อมูล Euromonitor International Limited; Beauty and Personal Care ฉบับปี 2023 มูลค่ายอดค่าที่ RSP ข้อมูลจากปี 2022”

เกี่ยวกับ Mary Kay

จากก่อนหน้านี้ จนถึงปัจจุบัน และตลอดไป Mary Kay Ash หนึ่งในผู้ริเริ่มฝ่ากำแพงในใจของตัวเอง ก่อตั้งแบรนด์ผลิตภัณฑ์ด้านความงามในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ การทำให้ผู้หญิงมีชีวิตที่ดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนใน 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่ Mary Kay สร้างโอกาสและเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตัวเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ได้ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยซึ่งเป็นเบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการรักษ์โลกเพื่อคนรุ่นใหม่ ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว รวมถึงสนับสนุนให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ที่ FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ Twitter

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53547550/en

ติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.


XEV เปิดตัวโมเดล YOYO รุ่นล่าสุดที่งาน IAA Mobility พร้อมวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4

Logo

MUNICH, Germany–(BUSINESS WIRE)–5 กันยายน 2023

วันที่ 4 เดือนกันยายน ปี 2023 XEV บริษัทเทคโนโลยียานยนต์พลังงานแหล่งใหม่ระดับโลก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ยานยนต์เพื่อการคมนาคมในเมืองที่ได้รับการอัปเกรด YOYO ที่ IAA Mobility โดยโมเดล YOYO ใหม่นี้จะเปิดตัวพร้อมกันในประเทศต่างๆ เช่น อิตาลี เยอรมันี ฝรั่งเศส และสเปน โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในไตรมาสที่สี่ของปี 2023 ราคาตั้งต้นที่ 16,990 ยูโร (ไม่รวมอุปกรณ์เสริม) ปัจจุบัน XEV มีการติดตั้งจุดจำหน่ายมากกว่า 120 แห่งในประเทศอิตาลี เยอรมันี ฝรั่งเศส และสเปน และคาดว่า จะมีจุดจำหน่ายทั้งหมดในยุโรปกว่า 300 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: Business Wire)

ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ทันสมัย ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการคมนาคมภายในเมือง YOYO ผสมผสานเทคโนโลยี สุนทรียภาพ และการใช้งานได้จริง โดยมีการออกแบบที่ล้ำสมัย ซึ่งประกอบด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น หน้าต่างไร้กรอบ กลุ่มไฟ LED แบบสามมิติ และหลังคากระจกแบบพาโนรามา ด้วยหน้าจออัจฉริยะความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว (carplay& androidauto) และฟังก์ชันการควบคุมระยะไกลผ่านแอปมือถือ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมระบบเครื่องปรับอากาศ เปิดปิดหน้าต่าง ปลดล็อครถยนต์ และตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ YOYO ถือเป็นเพื่อนคู่ใจในอุดมคติของคุณสำหรับการคมนาคมาภายในเมือง

ด้วยกำลังไฟเต็มรูปแบบที่ระยะทาง 150 กม. และความเร็วสูงสุดที่ 80 กม./ชม. YOYO มาพร้อมการควบคุมที่แม่นยำและคล่องตัว ช่วยให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสำรวจเมือง นอกจากนี้ ด้วยระบบการเปลี่ยนแบตเตอรี่น้ำหนักเบาอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของ XEV YOYO สามารถสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายใน 3 นาที ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจในการเดินทางโดยไม่หยุดชะงัก

XEV มีการร่วมมือกับ ENI ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ในยุโรป เพื่อปรับใช้และสร้างเครือข่ายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั่วยุโรป ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จไฟได้ที่ปั๊มน้ำมันของ ENI ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของ ENI จึงช่วยให้ XEV สามารถสร้างสถานีได้กว่า 30 แห่งในห้าเมืองของอิตาลี รวมถึงโรม มิลาน ตูริน และโบโลญจน์ และผ่านการพิสูจน์แล้วว่า ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ผู้ใช้งาน พร้อมการเปิดตัวของ YOYO ในประเทศอิตาลี เยอรมันี ฝรั่งเศส สเปน และประเทศอื่นๆ เครือข่ายรองรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ XEV ก็มีการขยายไปทั่วด้วยเช่นกัน เอื้อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การคมนาคมภายในเมืองที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น

ในงาน IAA Mobility ปีนี้ XEV ได้เปิดตัวบริการเฉพาะบุคคล Xpression อย่างเป็นทางการ โดยมีการนำเสนอการออกแบบ YOYO แบบต่างๆ ที่สามารถปรับแต่งได้เฉพาะตัว XEV ยังได้ร่วมมือกับ UAAD ที่เป็นแพลตฟอร์มศิลป์ออนไลน์ที่นิวยอร์ก เพื่อนำเสนอตัวเลือกการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมและน่าดึงดูดใจแก่ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้การคมนาคมภายในเมืองมีความสร้างสรรค์และสนุกสนานยิ่งขึ้น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53548984/en

ติดต่อ

XEV Global
Benjamin Lu
xev-PR@xev-global.com

แหล่งข้อมูล: XEV

The Bangkok Reporter