Kioxia เปิดตัว e-MMC Ver. 5.1 ผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังรุ่นใหม่

Logo

อุปกรณ์ใหม่มีหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นใหม่ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพการอ่านและเขียนข้อมูล

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2023

Kioxia Corporation ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ได้ประกาศการสุ่มตัวอย่าง[1]ของ JEDEC e-MMC Ver. 5.1[2] ผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับการใช้งานของผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ได้รวมหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นใหม่ของบริษัท[3] และตัวควบคุมไว้ในแพ็กเกจเดียว ซึ่งช่วยลดภาระงานของโปรเซสเซอร์และปรับปรุงความสะดวกในการใช้งาน จะมีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้ง 64 และ 128 กิกะไบต์ (GB)

Kioxia: e-MMC Ver. 5.1 Embedded Flash Memory Device (Photo: Business Wire)

Kioxia: e-MMC Ver. 5.1 อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝัง (รูปภาพ: Business Wire)

เนื่องจากตลาดยังคงเปลี่ยนมาใช้ UFS[4] จึงมีบางกรณีที่ e-MMC ยังคงใช้งานได้ ซึ่งรวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลระดับกลาง เช่น แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล อุปกรณ์ ณ จุดขาย และอุปกรณ์มือถือแบบพกพาอื่นๆ ตลอดจนสมาร์ททีวีและ NIC อัจฉริยะ Kioxia ยังคงเสริมความแข็งแกร่งในตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยการนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กว้างขวางและมีประสิทธิภาพสูง และขยายตัวเลือกที่มีให้สำหรับการใช้งานเหล่านี้ อุปกรณ์ Kioxia ใหม่ปรับปรุงประสิทธิภาพการเขียนข้อมูลตามลำดับและแบบสุ่มประมาณ 2.5 เท่า และประสิทธิภาพการอ่านข้อมูลแบบสุ่มประมาณ 2.7 เท่า เมื่อเทียบกับอุปกรณ์รุ่นก่อนหน้า[3] นอกจากนี้ เทราไบต์ที่เขียน (TBW)[5] ได้รับการปรับปรุงประมาณ 3.3 เท่า เมื่อเทียบกับอุปกรณ์รุ่นก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับการตั้งค่าพื้นที่ที่ได้รับการปรับปรุง[6] สำหรับพื้นที่ e-MMC ทั้งหมด

ขณะนี้ Kioxia กำลังสุ่มตัวอย่างอุปกรณ์ e-MMC รุ่นใหม่ โดยคาดว่าจะมีการผลิตจำนวนมากในฤดูใบไม้ผลิปี 2024

หมายเหตุ:

[1]: อุปกรณ์ใหม่ล่าสุดของบริษัทรองรับในสองความจุได้แก่ 64GB และ 128GB การจัดส่งตัวอย่างอุปกรณ์ 64GB เริ่มต้นในเดือนนี้ โดยอุปกรณ์ 128GB มีกำหนดจัดส่งหลังเดือนตุลาคม ข้อมูลจำเพาะของตัวอย่างอาจแตกต่างจากผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์
[2]: e-MMC (การ์ดมัลติมีเดียแบบฝัง): หนึ่งในข้อกำหนดมาตรฐานของหน่วยความจำแฟลชแบบฝังที่กำหนดโดย JEDEC ผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับการจัดคิวคำสั่งและฟังก์ชันการป้องกันการเขียนข้อมูลที่ปลอดภัยซึ่งระบุไว้เป็นตัวเลือกใน JEDEC Ver. 5.1.
[3]: เปรียบเทียบกับอุปกรณ์รุ่นก่อนหน้าของ Kioxia "THGAMSG9T24BAIL", "THGAMST0T24BAIL"
[4]: Universal Flash Storage (UFS) เป็นหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับประเภทผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแบบฝังที่สร้างขึ้นตามข้อกำหนดมาตรฐาน JEDEC UFS เนื่องจากอินเทอร์เฟซแบบอนุกรม UFS จึงรองรับการสื่อสารสองทางเต็มอัตรา (full duplexing) ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านและเขียนข้อมูลพร้อมกันระหว่างโปรเซสเซอร์โฮสต์และอุปกรณ์ UFS
[5]: TBW หรือเทราไบต์ที่เขียนจะวัดจำนวนการเขียนข้อมูลสะสมที่ไดรฟ์คาดว่าจะเสร็จสิ้นตลอดอายุการใช้งาน
[6]: หากตั้งค่า Enhanced Area ความจุที่ผู้บริโภคสามารถใช้งานได้ทั้งหมดที่กำหนดค่าได้จะลดลง

ความเร็วในการอ่าน เขียนข้อมูลและ TBW เป็นค่าที่ดีที่สุดที่ได้รับในสภาพแวดล้อมการทดสอบเฉพาะที่ Kioxia และ Kioxia รับประกันทั้งความเร็วในการอ่านหรือเขียนข้อมูลหรือ TBW ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ความเร็วในการอ่าน เขียนข้อมูล และ TBW อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้และขนาดไฟล์ที่อ่านหรือเขียนข้อมูล

โปรดทราบว่าความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์ Kioxia จะถูกระบุโดยอิงตามความหนาแน่นของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่จำนวนความจุหน่วยความจำที่ผู้ใช้ปลายทางสามารถจัดเก็บข้อมูลได้ ความจุที่ผู้บริโภคใช้งานได้จะลดลงเนื่องจากพื้นที่ข้อมูลโอเวอร์เฮด การจัดรูปแบบ บล็อกที่เสียหาย และข้อจำกัดอื่นๆ และอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์โฮสต์และการใช้งาน สำหรับรายละเอียด โปรดดูข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คำจำกัดความของ 1KB = 2^10 ไบต์ = 1,024 ไบต์ คำจำกัดความของ 1Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต คำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ 1Tb = 2^40 บิต = 1,099,511,627,776 บิต

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นบริษัทชั้นระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายนปี 2017 บริษัท Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจากบริษัท Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย "หน่วยความจำ" โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบหน่วยความจำที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและคุณค่าแก่สังคม BiCS FLASH™ เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในการใช้งานที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ มีความถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53560476/en

รายชื่อติดต่อ

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
สำนักงานขายทั่วโลก
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
แผนกวางแผนกลยุทธ์การขาย
Satoshi Shindo
โทร: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

 

Medisca ดำเนินการเพื่อปกป้องเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมของบริษัท

Logo

Medisca ฟ้อง Fagron, HiperScan และ Gako ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตร

มอนทรีออล–(BUSINESS WIRE)–26 กันยายน 2023

ตลอดหลายทศวรรษของการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเชิงกลยุทธ์ ("R&D") ชื่อของ Medisca ได้กลายเป็นคำพ้องความหมายกับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและมุ่งเน้นลูกค้าเป็นหลัก ยกตัวอย่างด้านการผสมยา Medisca ยังคงให้บริการโซลูชันที่ปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้าด้วยความมุ่งมั่นด้านคุณภาพและนวัดกรรมอย่างแน่วแน่ ซึ่งรวมถึงเครื่องผสม Medisca MAZ ที่เป็นเทคโนโลยีการผสมแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่บริษัทเป็นผู้ริเริ่มหลังจากทำการวิจัยและทดสอบนานหลายปี เครื่องผสม Medisca MAZ เป็นเครื่องผสมยาที่สามารถผสมยาหลายร้อยสูตรได้อย่างสม่ำเสมอ มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง

Medisca ได้เพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาด้วยผลงานที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ("IP") อันแข็งแกร่งของบริษัท เพื่อให้สามารถนำเสนอนวัตกรรมที่อุตสาหกรรมต้องการและจำเป็นต่อไปได้ ซึ่งรวมถึงสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกา ยุโรป แคนาดา และออสเตรเลีย Medisca ได้เผยแพร่เกี่ยวกับผลงานสิทธิบัตรของบริษัทแก่ภาคอุตสาหกรรมมาเป็นเวลานาน ซึ่งรวมถึงสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเครื่องผสม Medisca ที่บริษัทเป็นผู้ริเริ่มด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทบางแห่งก็ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของ Medisca

Medisca จึงมีเจตจำนงที่จะปกป้องเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจากกิจกรรมการละเมิดของคู่แข่ง เพื่อปกป้องสิทธิ์อันมีค่าและเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทต่างๆ แข่งขันอย่างเป็นธรรม Medisca เริ่มต้นความพยายามใช้บังคับสิทธิ์ทั่วโลกในวันนี้ด้วยการยื่นฟ้อง Fagron B.V., HiperScan GmbH และ Gako Deutschland GmbH ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตรหมายเลข 3,538,071 ซึ่งเป็นสิทธิบัตรประเทศเยอรมนีของ Medisca Medisca ได้ยื่นฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลแขวงมิวนิกแห่งประเทศเยอรมนีและขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามและให้มีการเยียวยาทางการเงินเป็นการบรรเทา

"ด้วยความเคารพอย่างยิ่งต่อนวัตกรรมและความรับผิดชอบในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของเรา เราจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายกับการละเมิดสิทธิบัตรนี้" Panagiota Danopoulos รองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมระดับโลกของ Medisca กล่าว "เราเชื่อมั่นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างยุติธรรม ที่ซึ่งนวัตกรรมเจริญเติบโต และคดีนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ และปกป้องจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของเรา"

Medisca หวังว่าการยื่นฟ้องในวันนี้จะทำให้คู่แข่งทุกรายตระหนักถึงความสำคัญในการเคารพทรัพย์สินทางปัญญาของ Medisca อุตสาหกรรมการผสมยา (เช่น ยาและ CBD) ได้พึ่งพาคุณภาพและประสิทธิภาพที่ได้จากเครื่องผสม Medisca MAZ ดังนั้นอุตสาหกรรมต้องสามารถไว้วางใจในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต่อไปได้ รวมถึงบริการลูกค้าที่เหนือชั้นและนวัตกรรมการแก้ปัญหาที่ Medisca นำเสนอ

เกี่ยวกับ Medisca:

Medisca เป็นบริษัทระดับโลกที่มีสำนักงานตั้งอยู่ทั่วอเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และยุโรป ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการดูแลสุขภาพโดยใช้ประโยชน์จากความร่วมมือที่แข็งแกร่งในการนำเสนอโซลูชันที่ปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า ด้วยความมุ่งมั่นด้านคุณภาพและนวัตกรรมอย่างแน่วแน่ Medisca เป็นบริษัทที่ขายสินค้าและบริการให้กับธุรกิจด้วยกันเองที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมโดยมอบคุณค่า ความสม่ำเสมอ การตอบสนอง และความภักดี โดยมีประสบการณ์กว่า 30 ปีและเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในการจัดหาผลิตภัณฑ์สำหรับการผสมยา ในฐานะพันธมิตรในด้านสุขภาพ Medisca มีความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนและตอบสนองทุกความต้องการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.medisca.com และติดตามเราบน LinkedInFacebookTwitter และ YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

Adam Pinsky
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร
apinsky@medisca.com
+1 (438) 304-6756

ที่มา: Medisca

JAIMA: ข้อมูลการประชุมสัมมนาหัวข้อ “สังคมคาร์บอนเป็นกลางและพลังงานชีวมวล” (ที่จัดขึ้นในประเทศไทย)

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 กันยายน 2023

Japan Analytical Instruments Manufacturers' Association (JAIMA ที่อยู่: 2-5-16 Kanda Nishiki-cho, Chiyoda-ku, Tokyo 101-0054 ประธาน: Masayuki Adachi/ประธานบริษัท Horiba, Ltd.) จะจัดการประชุมสัมมนาหัวข้อ "สังคมคาร์บอนเป็นกลางและพลังงานชีวมวล'' ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

สังคมยุคใหม่กำลังเผชิญกับราคาพลังงานที่สูงขึ้นและการขาดแคลนแหล่งพลังงานที่ถือเป็นความท้าทายสำคัญ จึงได้ทำงานอย่างแข็งขันเพื่อให้บรรลุสังคมคาร์บอนเป็นกลางรวมถึงรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ในขณะเดียวกัน ดังนั้น JAIMA จึงได้ตัดสินใจจัดการประชุมสัมมนาในหัวข้อนี้โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันวิจัย รัฐบาล และบริษัทที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นและไทย

หัวข้อเรื่อง: "สังคมคาร์บอนเป็นกลางและพลังงานชีวมวล"
วันที่และเวลา: 20 ตุลาคม 2023 (วันศุกร์) 9.00-17.00 น. ตามเวลาประเทศไทยและ 11.00-19.00 น. ตามเวลาญี่ปุ่น
สถานที่: โรงแรม Best Western Nada DonMueang Airport (สถานที่จัดงานในกรุงเทพฯ ประเทศไทย)
(https://bwnadadonmueang.com)
วิธีการจัดงาน: ห้องประชุมที่โรงแรม Best Western Nada Don Mueang Airport และเชื่อมต่อผ่าน ZOOM
ภาษา: อังกฤษ
ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วม: ฟรี (มีอาหารกลางวันและกาแฟ/เครื่องดื่มให้บริการ)
การสมัครเข้าร่วม: โปรดสมัครเข้าร่วมจาก URL ด้านล่างนี้
https://www.jaima.or.jp/en/event/apply_cnbs/

ความร่วมมือ: JASTIP Japan-ASEAN Science, Technology and Innovation Platform/NEDO New Energy and Industrial Technology Surgery Research Organization/สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)/สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)/สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น (JST)/METI-KANSAI Bureau of Economy, Trade and Industry/JEMIMA Japan Electric Measuring Instruments Manufacturer’s Association/สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย/สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี TPA (ไทย-ญี่ปุ่น)/สมาคมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ญี่ปุ่น-ไทย (JTECS)/มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์/สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC)

โปรแกรม:

กล่าวต้อนรับ:

JAIMA สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (TPA)

การบรรยายสำคัญ:

นโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนและพลังงานชีวมวลในประเทศไทยและญี่ปุ่น โดย สวทช./ENTEC และ NEDO

กรณีศึกษา:

ความพยายามในการใช้พลังงานชีวมวล – โดย ENTEC/สวทช.

"การปรับปรุงกระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊สและก๊าซชีวภาพด้วยกระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊สสามขั้นตอนและก๊าซชีวภาพสองขั้นตอน" โดย วว.

"ไพโรไลซิส เทคโนโลยีทางเลือกในการกลั่นชีวภาพและกิจกรรมหน่วยวิจัยด้านพลังงานชีวภาพและการเร่งปฏิกิริยา (BCRU) แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

"การแปลงขยะลิกโนเซลลูโลสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพลังงานชีวภาพ: ควบคุมการย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจนด้วยจุลินทรีย์เขตร้อน" โดย VISTEC

ประสบการณ์ด้านพลังงานชีวมวลของญี่ปุ่นโดย Maniwa Biomass Power Plant และ J&T Environment Company

การนำเสนอทางเทคนิคโดย JAIMA และ JEMIMA และบริษัทที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลการติดต่อ
JAIMA Dr. Naoki Hamada
อีเมล: hamada@jaima.or.jp  โทร: +81-3-3292-0642

ที่มา: Japan Analytical Instrument Manufacturers Association

SYNTAGMA CAPITAL เข้าร่วมการเจรจาพิเศษเพื่อซื้อแผนกระบบปรับอากาศให้ความร้อนและความเย็น (HVAC) และเครื่องทำความเย็นเชิงพาณิชย์ในยุโรปของ Lennox

Logo

กรุงบรัสเซลส์–(BUSINESS WIRE)–25 กันยายน 2023

Syntagma Capital ได้ประกาศว่าบริษัทได้เข้าร่วมการเจรจาพิเศษกับ Lennox International (NYSE: LII) เพื่อซื้อธุรกิจระบบปรับอากาศให้ความร้อนและความเย็น (HVAC) และเครื่องทำความเย็นเชิงพาณิชย์ในยุโรป แผนกระบบปรับอากาศให้ความร้อนและความเย็น (HVAC) ออกแบบและผลิตอุปกรณ์ทำความร้อน เครื่องปรับอากาศ และเครื่องควมคุมอากาศเชิงพาณิชย์ แผนกเครื่องทำความเย็นเชิงพาณิชย์ออกแบบและผลิตเครื่องระเหย (Evaporator) คอนเดนซิ่งยูนิต (Condensing Unit หรือ CDU) คอนเดนเซอร์ (Condenser) และระบบการทำความเย็นแบบแห้งเชิงพาณิชย์ ธุรกิจต่างๆ นี้ให้บริการลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม การค้าปลีก โลจิสติกส์ ที่พักอาศัย สำนักงาน และกลุ่มธุรกิจ HORECA ในกว่า 40 ประเทศ โดยธุรกิจนี้มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส และมีพนักงานประมาณ 940 คนในไซต์งาน 4 แห่งและองค์กรเชิงพาณิชย์ของพวกเขา ในปี 2023 คาดว่า Lennox EMEA จะสร้างรายได้ได้ประมาณ 200 ล้านยูโร

ข้อเสนอนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2023 โดยดำเนินการภายใต้เงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม (Customary closing conditions) รวมถึงการให้ข้อมูลและปรึกษากับสภาแรงงานและการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ด้วย

เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการลงทุนใน Lennox EMEA และขยายธุรกิจต่อไป การดำเนินการนี้แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของเราในการแยกส่วนองค์กร เนื่องจากประกอบด้วยการดำเนินการสองรายการพร้อมๆ กัน แม้ว่าตลาดการควบรวมกิจการและการเงินยังคงมีความท้าทาย แต่เรายังคงค้นหาโอกาสที่น่าสนใจในการลงทุนเงินทุนของเรา ขณะเดียวกันก็มอบทางออกในการถอนการลงทุนให้กับผู้ขายสำหรับการดำเนินการแยกส่วนที่ซับซ้อน ซึ่งความเร็วและความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญ การดำเนินการนี้ถือเป็นการแยกส่วนองค์กรครั้งที่ 3 ของเราในปี 2023 เพียงปีเดียว และสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของ Syntagma ในการเข้าซื้อธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จากเจ้าของรายใหม่เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในอีกมิติต่อไป” Sebastien Kiekert Le Moult หุ้นส่วนผู้จัดการของ Syntagma กล่าว

ความสามารถของ Syntagma ในการจัดการการแยกส่วนองค์กรที่ซับซ้อนเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแตกต่างให้กับเรา ธุรกิจทั้งสองมอบโอกาสสำคัญสำหรับการเติบโตในปีต่อๆ ไป” Frank Coenen หุ้นส่วนของ Syntagma กล่าวเราคาดหวังที่จะใช้ประโยชน์จากความรู้ด้านเทคนิคที่กว้างขวางของบริษัทและความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับลูกค้า เพื่อเร่งการเติบโตทั้งแบบออร์แกนิกและผ่านการลงทุนในกลยุทธ์ในการควบรวมกิจการของธุรกิจที่ลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์และภูมิศาสตร์หลัก

ทีมงานของ Syntagma ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการครั้งนี้ ได้แก่ Sebastien Kiekert Le Moult (หุ้นส่วนผู้จัดการ), Frank Coenen (หุ้นส่วน), Benjamin Dahan (หุ้นส่วน), João Pilecco (รองประธานอาวุโส), Gabriele Lo Monaco (ผู้ร่วมงานอาวุโส) และ Alicia Azema (นักวิเคราะห์อาวุโส)

Syntagma ได้รับคำแนะนำจาก Willkie Farr & Gallagher (ด้านกฎหมายและการป้องกันการผูกขาดของการควบรวมกิจการ), PwC (ด้านการตรวจสอบสถานะของกิจการและโครงสร้างภาษี), Deloitte (ด้านภาษีและสังคม), Kaiser Associates (ด้านฝ่ายปฏิบัติการ) และ 4Strategies (ด้านกลยุทธ์)

เกี่ยวกับ Syntagma Capital

Syntagma ลงทุนในบริษัทที่สามารถได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานจริง เพื่อเร่งการเติบโตและปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เราเป็นผู้ดำเนินการอย่างแท้จริงซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานและบริหารจัดการบริษัทในระดับโลก โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรภายในของเราเพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ ดำเนินการเพื่อให้บรรลุศักยภาพสูงสุดของบริษัท และสร้างมูลค่าระยะยาวที่ยั่งยืน Syntagma ลงทุนและดำเนินงานบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย โดยมุ่งเน้นเฉพาะในตลาดวัสดุ เคมี อุตสาหกรรม และบริการทางธุรกิจ รวมถึงการผลิต การจัดจำหน่าย การขนส่งและโลจิสติกส์ การเช่าอุปกรณ์ การบริการด้านโลหะ และอุตสาหกรรมอื่นๆ Syntagma ในฐานะผู้ลงนามของ UN PRI มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐาน ESG ระดับสูงในการลงทุนทั้งหมดของบริษัท และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://syntagmacapital.com.

เกี่ยวกับ Lennox

Lennox (NYSE: LII) เป็นผู้นำด้านโซลูชันการควบคุมสภาพอากาศที่ประหยัดพลังงาน มีความทุ่มเทเพื่อความยั่งยืน และการสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายทั้งยังดีต่อสุขภาพสำหรับลูกค้าด้านที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมพร้อมกับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย Lennox เป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมด้วยการทำความเย็น การทำความร้อน คุณภาพอากาศภายในอาคาร และระบบทำความเย็น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Marie Ciparisse
โทรศัพท์: +32 (0)2 315 70 12
อีเมล์ mciparisse@syntagmacapital.com

ที่มา: Syntagma Capital

แอสตร้าเซนเนก้าเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสะอาดและความร้อนของสหราชอาณาจักรด้วยเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์

Logo

ทำข้อตกลงระยะเวลา 15 ปีกับ Future Biogas เพื่อจัดหาก๊าซสีเขียว (ไบโอมีเทน) 100 GWh ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับความต้องการความร้อนของบ้านกว่า 8,000 ครัวเรือน

โครงการนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายก๊าซแห่งชาติ และนับเป็นระบบไบโอมีเทนเชิงพาณิชย์แห่งแรกในสหราชอาณาจักร

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่โรงงานผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรในเมืองแมคเคิลฟิลด์ ผ่านการติดตั้งระบบผลิตความร้อนและไฟฟ้าร่วม

แคมบริดจ์, สหราชอาณาจักร–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2023

แอสตร้าเซนเนก้าเดินหน้าสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ โดยการร่วมมือกับ Future Biogas เป็นเวลา 15 ปี เพื่อจัดหาก๊าซไบโอมีเทนเชิงอุตสาหกรรมแห่งแรกในสหราชอาณาจักรที่ไม่ต้องอาศัยเงินอุดหนุน และลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการดำเนินงานของบริษัท รวมเป็นเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์

A Future Biogas biomethane plant (Photo: Business Wire)

Future Biogas โรงงานก๊าซชีวภาพไบโอมีเทนแห่งอนาคต (รูปภาพ: Business Wire)

พลังงานจากโรงงานผลิตไบโอมีเทนจะจัดหาก๊าซไบโอมีเทน 100 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปีให้กับโรงงานของแอสตร้าเซนเนก้าในเมืองแมคเคิลฟิลด์ แคมบริดจ์ ลูตัน และสเปก ซึ่งเทียบเท่ากับความต้องการพลังงานความร้อนของบ้านกว่า 8,000 ครัวเรือน เมื่อโครงการนี้เริ่มดำเนินการในต้นปี 2025 จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 20,000 ตัน CO เทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) และเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายก๊าซแห่งชาติ

โรงงานย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์และความร่วมมือระยะยาวกับ Future Biogas เป็นต้นแบบสำหรับการนำก๊าซหมุนเวียนมาใช้ในเชิงพาณิชย์ในสหราชอาณาจักร ตลาดไบโอมีเทนที่แข่งขันได้จะมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นศูนย์ii

สำหรับการเปลี่ยนผ่านเพื่อนำไปสู่การใช้ความร้อนสะอาดในสหราชอาณาจักร จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่วิทยาเขตแมคเคิลฟิลด์ของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นสถานที่พัฒนาและผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร รวมถึงการปรับปรุงครั้งใหญ่ของโรงไฟฟ้าผลิตความร้อนและไฟฟ้าร่วม (CHP) ของไซต์ ซึ่งจะประหยัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) เพิ่มเติมได้ 16,000 ตันต่อปี นอกเหนือจากการปรับปรุงอาคารและปรับปรุงพื้นที่สำหรับการผลิตและบรรจุยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพเหล่านี้จะสนับสนุนการดำเนินงานที่ยั่งยืนในระยะยาวของวิทยาเขตแมคเคิลฟิลด์ที่ส่งมอบยามากกว่า 90 ล้านแพ็คไปสู่กว่า 130 ประเทศ

การก้าวสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% เป็นพันธกิจสำคัญในโครงการ Ambition Zero Carbon ที่ผลักดันเป้าหมายของแอสตร้าเซนเนก้ามุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในวงโคจรทั้งหมดของบริษัท (ขอบเขต 1 ถึง 3) ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ตามหลักวิทยาศาสตร์ภายในปี 2045 อย่างช้าที่สุด แอสตร้าเซนเนก้ากำลังดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากการดำเนินงานทั่วโลก (ขอบเขต 1 และ 2) ลง 98% ภายในปี 2026

จูเลียต ไวท์ รองประธานฝ่ายความยั่งยืน ความปลอดภัย สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมระดับโลกของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า "ความมุ่งมั่นจากการทุ่มงบประมาณ 100 ล้านปอนด์แสดงให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนในการคิดค้น พัฒนา และผลิตยา และการสานต่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับไซต์งานของเราทั่วทั้งสหราชอาณาจักรและทั่วโลก โดยการเป็นผู้นำในการนำความร้อนสะอาดมาใช้ในเชิงพาณิชย์ เรากำลังคิดค้นนวัตกรรมเพื่อขยายการใช้พลังงานหมุนเวียน ให้เป็นส่วนหนึ่งในเศรษฐกิจหมุนเวียน และขับเคลื่อนการดำเนินงานของเราสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์"

ฟิลลิป ลูคัส ซีอีโอของ Future Biogas กล่าวว่า “ความร่วมมือของเราและแอสตร้าเซนเนก้าได้ตอกย้ำสถานะผู้นำระดับโลกในการก้าวสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์" ทั้งนี้ประโยชน์ของโครงการนี้ยังนำไปสู่ความมั่นคงอันเกิดจากความร่วมมือทางการเกษตรระยะยาว ยังสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบฟื้นฟู ทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการเกษตรที่ส่งเสริมการดูแลรักษาดินของสหราชอาณาจักร เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะกลายเป็นต้นแบบที่องค์กรนวัตกรรมอื่นๆ จะนำไปปรับใช้ในทิศทางเดียวกัน”

ไซต์นี้จะใช้ประโยชน์จากพืชที่ปลูกในท้องถิ่นเป็นวัตถุดิบ และส่งเสริมฟาร์มด้วยแนวทางการจัดการที่ดินแบบยั่งยืน ซึ่งจะเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรแบบหมุนเวียน การปลูกพืชพลังงานชีวภาพเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกพืชหมุนเวียนที่หลากหลายตามแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งจะช่วยการหมุนเวียนของธาตุและสารอาหาร และปรับปรุงสุขภาพดิน

ใบรับรองการรับประกันแหล่งกำเนิดก๊าซหมุนเวียน (RGGO) จะถูกส่งไปยังแอสตร้าเซนเนก้าเพื่อรับรองว่าจะไม่มีการนับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซ้ำซ้อน

โรงงานแห่งใหม่นี้มีประสิทธิภาพในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนพลังงานชีวภาพ (BECCS) ซึ่งอำนวยความสะดวกการดำเนินงานที่เป็นคาร์บอนลบของโรงงานแอสตร้าเซนเนก้า มีเป้าหมายที่จะแยกคาร์บอนผ่านโครงการ "Northern Lights" ในนอร์เวย์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลนอร์เวย์

ความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในสหราชอาณาจักรล่าสุดในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากความร่วมมือด้านนวัตกรรมอื่นๆ ที่ประกาศไปเมื่อต้นปีนี้ ในสหรัฐอเมริกา แอสตร้าเซนเนก้ากำลังร่วมมือกับ Vanguard Renewables เพื่อเริ่มใช้งานการจัดส่งไบโอมีเทนไปยังไซต์งานทั้งหมดในสหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2026 นอกจากนี้บริษัทยังได้ลงนามในข้อตกลงกับ Statkraft ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดของยุโรป เพื่อเพิ่มการจัดหาไฟฟ้าหมุนเวียนในสวีเดน

หมายเหตุ

ก๊าซชีวภาพและไบโอมีเทนiii

ก๊าซชีวภาพผลิตโดยการหมักอินทรียวัตถุในถังย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจน ไบโอมีเทนเป็นก๊าซชีวภาพที่นำผลพลอยได้ของคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป ส่งผลให้ไบโอมีเทนมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติ และช่วยให้สามารถฉีดเข้าสู่โครงข่ายก๊าซแห่งชาติได้ ในโรงงานของ Future Biogas วัตถุดิบตั้งต้นจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์หรือเป็นลบ และหมายความว่าไบโอมีเทนเป็นพลังงานหมุนเวียน 100% ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก

พืชพลังงานที่ปลูกสำหรับ Future Biogas จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากชั้นบรรยากาศในระหว่างการเจริญเติบโต เมื่อเก็บเกี่ยวและจัดเก็บแล้ว พืชพลังงานจะถูกป้อนเข้าไปในถังย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งแบคทีเรียจะสลายอินทรียวัตถุโดยปราศจากออกซิเจน และปล่อยก๊าซชีวภาพออกมา กากที่เหลือเป็นปุ๋ยอินทรีย์ (ย่อย) ซึ่งร่วมกับการเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนการทำฟาร์มช่วยเร่งการดักจับคาร์บอนในดิน

พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (BECCS)iv

พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (BECCS) เป็นเทคนิคการกำจัดคาร์บอนเพื่อกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศ ชีวมวล (วัสดุอินทรีย์) จะถูกแปลงเป็นความร้อน ไฟฟ้า ของเหลวหรือเชื้อเพลิงก๊าซ และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการแปลงพลังงานชีวภาพนี้จะถูกดักจับและเก็บไว้ในรูปแบบทางธรณีวิทยาหรือฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่อยู่ได้นาน จะไม่ใช้ CO2 ที่ฉีดเข้าไปเพื่อการนำน้ำมันกลับมาใช้ใหม่

เกี่ยวกับ Future Biogas

Future Biogas คือบริษัทอุตสาหกรรมระดับแนวหน้าในการย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจน (AD) บริษัทเป็นผู้พัฒนาและผู้ดำเนินการโรงงาน AD ที่มีประสบการณ์สูงทั่วสหราชอาณาจักร และให้บริการการพัฒนา การก่อสร้าง การดำเนินงาน การปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง และการจัดการสินทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ ให้กับโครงการที่เป็นเจ้าของและแก่บุคคลที่สาม โรงงาน Future Biogas แห่งอนาคตจะเปลี่ยนวัตถุดิบตั้งต้นหลายประเภทให้กลายเป็นพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด ผ่านกระบวนการย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจนซึ่งผลิตก๊าซชีวภาพให้สามารถนำมาใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าสีเขียวหรืออัปเกรดเป็นไบโอมีเทนและฉีดเข้าไปในเครือข่ายก๊าซแห่งชาติของสหราชอาณาจักร

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.futurebiogas.com.*

เกี่ยวกับ Northern Lights

Northern Lights กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบเปิดและยืดหยุ่นในการขนส่ง CO2 จากผู้ปล่อยก๊าซอุตสาหกรรมทางเรือไปยังสถานีรับทางตะวันตกของนอร์เวย์เพื่อจัดเก็บระดับกลาง ก่อนที่จะขนส่งทางท่อเพื่อจัดเก็บถาวรในอ่างเก็บน้ำทางธรณีวิทยาที่ลึก 2,600 เมตรใต้ก้นทะเล โดยการดำเนินการมีกำหนดจะเริ่มในปี 2024 สิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะช่วยให้ Northern Lights สามารถให้บริการขนส่งพร้อมการจัดเก็บที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้แก่ผู้ปล่อยก๊าซอุตสาหกรรมจากทั่วยุโรป ซึ่งให้ความสนใจเพิ่มขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ ความสามารถในการขนส่งและการจัดเก็บเพิ่มเติมจะได้รับการพัฒนาตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://northernlightsccs.com/.*

เกี่ยวกับ AstraZeneca

แอสตร้าเซนเนก้า (ชื่อย่อหลักทรัพย์ AZN ในตลาดหลักทรัพย์ LSE/ STO/ Nasdaq) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก มุ่งเน้นทางด้านการคิดค้น พัฒนา และจำหน่ายยาเพื่อการรักษาโรค โดยเฉพาะในกลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ และกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ แอสตร้าเซนเนก้า มีฐานอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร และดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมยาต่างๆ จากแอสตร้าเซนเนก้า

ด้วยมรดกอันน่าภาคภูมิใจที่มีมายาวนานกว่า 100 ปีในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ปัจจุบันแอสตร้าเซนเนก้าคือบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำของสหราชอาณาจักร แอสตร้าเซนเนก้ามีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในห้าแห่งทั่วประเทศ โดยมีสำนักงานใหญ่ระดับโลกตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ ในสหราชอาณาจักร พนักงานประมาณ 8,700 คนทำงานในด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิต การจัดหา การขาย และการตลาด เราจัดหายาเพื่อการรักษาโรคชนิดต่างๆ ประมาณ 35 รายการให้กับ NHS

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปยังเว็บไซต์ www.astrazeneca.co.uk และช่องทางทวิตเตอร์ @AstraZenecaUK

อ้างอิง

ข่าวประชาสัมพันธ์

1:

ค่าการบริโภคภายในประเทศโดยทั่วไปของ Ofgem (TDCV) อยู่ที่ 12,000 kWh สำหรับอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง

2:

การเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน – การทบทวนพลังงานชีวภาพ (2023) รายงานพลังงานชีวภาพของ IEA ปี 2023

ดูได้ที่: https://www.ieabioenergyreview.org/transitioning-towards-sustainability/ [เข้าถึงล่าสุด: 06 กันยายน 2023]

3:

IEA (มีนาคม 2020) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับก๊าซชีวภาพและไบโอมีเทน ออนไลน์: https://www.iea.org/reports/outlook-for-biogas-and-biomethane-prospects-for-organic-growth/an-introduction-to-biogas-and-biomethane [เข้าถึงล่าสุด: 07 กันยายน 2023 ]

4:

IEA (2023) พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน – ระบบพลังงาน, IEA ดูได้ที่: https://www.iea.org/energy-system/carbon-capture-utilisation-and-storage/bioenergy-with-carbon-capture-and-storage [เข้าถึงล่าสุด: 07 กันยายน 2023]

_________________________________

*บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ที่เป็นผลหรือสืบเนื่องจากการที่ผู้ใช้บริการเข้าใช้เว็บไซต์นี้หรือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์นี้

รายชื่อติดต่อ

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการติดต่อทีมนักลงทุนสัมพันธ์ กรุณาคลิก ที่นี่ สำหรับการติดต่อสื่อ คลิก ที่นี่

ที่มา: AstraZeneca

SC Ventures เปิดตัว audax Financial Technology เพื่อช่วยสถาบันการเงินเร่งพัฒนาความสามารถด้านการทำธุรกรรมดิจิทัล

Logo

  • audax ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธนาคารแข่งขันได้ในยุคดิจิทัลและดำเนินตามโมเดลธุรกิจดิจิทัลใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมระบบหลักที่มีอยู่
  • audax เป็นแพลตฟอร์มการทำธุรกรรมดิจิทัลที่ขับเคลื่อนธนาคารระดับโลกแห่งแรกที่ให้บริการ Banking-as-a-Service (BaaS) ในเอเชีย
  • การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากความสำเร็จของ audax ในการนำเสนอ BaaS ในเชิงพาณิชย์ให้กับ Standard Chartered ร่วมกับ Bukalapak แพลตฟอร์มการค้าครบวงจรชั้นนำของอินโดนีเซีย

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–21 กันยายน 2023

SC Ventures บริษัทร่วมทุนด้านนวัตกรรมและการลงทุนด้านฟินเทคของ Standard Chartered เปิดตัว audax Financial Technology ("audax") ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีด้านการทำธุรกรรมดิจิทัล ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้กับธนาคารและสถาบันการเงินในการเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ส่งมอบโมเดลธุรกิจใหม่ ให้บริการกลุ่มลูกค้าใหม่ และหาแหล่งรายได้ใหม่

ภายในปี 20301 คาดว่าตลาด Business-to-Business to Any-End-User (B2B2X) (ตลาดธุรกิจต่อธุรกิจสู่ผู้ใช้ปลายทาง) จะมีรายได้ต่อปีถึง 440,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้แรงหนุนจากความก้าวหน้าในโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ธนาคารดิจิทัล และพื้นที่การเงินแบบฝังตัว audax จะมีบทบาทในตลาดที่กำลังเติบโตนี้โดยช่วยเหลือธนาคารดั้งเดิมในกรณีการใช้งานที่แตกต่างกันสองกรณีคือ การทำธุรกรรมดิจิทัลและ Banking-as-a-Service (BaaS)

audax นำเสนอแพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัลแบบ end-to-end พร้อมความสามารถแบบแยกส่วนที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการข้อมูลลูกค้านับล้านพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โซลูชัน Plug-and-Play รองรับวงจรชีวิตของลูกค้าทั้งหมด ตั้งแต่อินเทอร์เฟซลูกค้าและพนักงาน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์การฝากและกู้ยืม ไปจนถึงการบริการลูกค้าและการรายงานข้อมูล เนื่องจากสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมระบบหลักของธนาคารดั้งเดิม เทคโนโลยีแบบทำงานข้ามโครงสร้างพื้นฐานของ Audax ยังช่วยให้ธนาคารดำเนินการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลสมัยใหม่ได้โดยไม่จำเป็นต้องพัฒนาหรือโยกย้ายภายในองค์กรที่มีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานาน

ก่อนที่จะเปิดตัว โซลูชันของ audax ขับเคลื่อน Standard Chartered nexus ("SC nexus") ซึ่งเป็นบริการ BaaS แบบ White-Label Plug-and-Play สำหรับสถาบันในระบบนิเวศขนาดใหญ่ Standard Chartered Bank เป็นธนาคารระดับโลกแห่งแรกที่ให้บริการ BaaS ในเอเชียผ่าน SC nexus ความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Bukalapak ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการค้าครบวงจรของอินโดนีเซีย ด้วยการใช้เทคโนโลยีของ audax บริการ Standard Chartered nexus ช่วยให้ BukaTabungan ลดความซับซ้อนของขั้นตอนการเปิดบัญชีดิจิทัลให้รวดเร็วเพียงสองนาที เนื่องจากลูกค้าไม่จำเป็นต้องไปที่สาขาจริงหรือพูดคุยกับนายธนาคารเพื่อกรอกใบสมัคร ซึ่งสามารถทำได้ผ่านระบบอัตโนมัติขั้นสูงของ audax บวกกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ การจดจำใบหน้าแบบไบโอเมตริก และการตรวจสอบ E-KTP (โปรแกรมยืนยันตัวตนที่ใช้งานไบโอเมตริกของอินโดนีเซีย)

ด้วยแพลตฟอร์มของ audax บริการ SC nexus จะช่วย Sociolla ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านความงาม ในการตั้งค่าการทำธุรกรรมดิจิทัลให้กับลูกค้าของพวกเขา นอกจากนี้ audax ยังมีกำหนดจะสนับสนุน SC nexus กับพันธมิตรรายที่สามในตลาดที่สอง โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2023

"โซลูชันการทำธุรกรรมดิจิทัลของ audax จะช่วยให้สถาบันการเงินปลดล็อกโอกาสได้มากขึ้น" Alex Manson ผู้นำ SC Ventures กล่าว "ความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จระหว่าง Standard Chartered และ Bukalapak ในการเปิดตัว BukaTabungan เป็นตัวอย่างหนึ่งของวิธีที่ Audax มอบการเข้าถึงการทำธุรกรรมดิจิทัลแบบไร้กระดาษอย่างแท้จริง โดยให้บริการระบบนิเวศของ Bukalapak ที่มีผู้ใช้มากกว่า 150 ล้านคนและเจ้าของธุรกิจ 20 ล้านคน ในอนาคตข้างหน้า audax จะสามารถบรรลุเป้าหมายเดียวกันนี้สำหรับสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ต้องการเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มใดๆ ก็ตาม"

audax มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เติบโตในประเทศ ฟินเทคนี้มุ่งเน้นไปที่การเร่งพัฒนาระบบนิเวศเทคโนโลยีโดยเริ่มจากภูมิภาค APAC ภารกิจในปัจจุบันคือการช่วยให้ธนาคารและสถาบันการเงินสามารถขยายขนาดและทันสมัยได้อย่างรวดเร็วด้วยความสามารถด้านการทำธุรกรรมดิจิทัลของ audax

Kelvin Tan อดีตกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าระดับโลกของ SC nexus จะเป็นผู้นำของ audax ในตำแหน่ง CEO ร่วมกับทีมงานส่วนใหญ่ของเขา audax จะยังคงให้บริการ Standard Chartered ในด้านเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยขับเคลื่อน SC nexus ที่เป็นบริการ BaaS ต่อไปสำหรับทั้งความร่วมมือในปัจจุบันและอนาคต ด้วยการสำรวจสภาพแวดล้อมทางเทคนิคและกฎระเบียบที่ซับซ้อนภายในระบบนิเวศของธนาคารทั่วโลก และมีประวัติที่พิสูจน์แล้วในการขับเคลื่อนความสำเร็จของลูกค้าผ่านความร่วมมือภายนอก ทีมงานมีความมั่นใจในการช่วยให้ธนาคารดั้งเดิมบรรลุผลการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในลักษณะที่คล้ายกันได้สำเร็จ

"ความหมายของ audax คือ "ความกล้าหาญ" และนั่นคือลักษณะเฉพาะของทีมที่เราสร้างขึ้นและจำเป็นต่อสิ่งที่เรากำลังจะบรรลุผลสำเร็จ" Tan กล่าว "เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะผลักดันขอบเขตของสิ่งที่คิดว่าเป็นไปได้ audax ได้แสดงให้เห็นศักยภาพของ BaaS และวิธีที่บริษัทได้ขยายขนาดธุรกิจดิจิทัลของ Standard Chartered ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถหาลูกค้าหน้าใหม่สู่ธนาคารด้วยต้นทุนเพียงเล็กน้อยในการได้มาซึ่งลูกค้าแบบเดิม ตอนนี้เราพร้อมที่จะขยายขนาดธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ ทั่วโลก ช่วยให้ทุกคนสร้างมูลค่าที่ดีขึ้นให้กับธุรกิจของตนโดยไม่ต้องเสี่ยงกับทรัพย์สินที่มีอยู่"

audax Financial Technology

audax Financial Technology เป็นผู้ให้บริการโซลูชันการทำธุรกรรมดิจิทัลแบบครบวงจรที่เสริมศักยภาพให้กับธนาคารและสถาบันการเงินในการขยายขนาดและทันสมัยได้อย่างรวดเร็ว audax Financial Technology ได้ทำให้เกิดโมเดลธุรกิจและแหล่งรายได้ใหม่สำหรับ Standard Chartered ภายใต้บริการ SC nexus โดย Standard Chartered กลายเป็นธนาคารระดับโลกแห่งแรกที่ให้บริการ Banking-as-a-Service ในเอเชีย

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.audax.io และติดตาม audax บน LinkedIn

SC Ventures

SC Ventures เป็นหน่วยธุรกิจที่ให้บริการแพลตฟอร์มและตัวเร่งปฏิกิริยาแก่ Standard Chartered เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม ลงทุนในเทคโนโลยีทางการเงินที่พลิกโฉม และสำรวจโมเดลธุรกิจทางเลือก SC Ventures ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ในฐานะหน่วยธุรกิจใหม่เพื่อเป็นผู้นำนวัตกรรมดิจิทัลและลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายโมเดลธุรกิจที่ล้ำสมัย โดยเปิดตัวกิจการใหม่กว่า 30 แห่ง ชุมชน Fintech Bridge กว่า 2,700 แห่ง และบริษัทในเครือ 22 แห่ง

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.scventures.io และติดตาม SC Ventures บน LinkedIn

1Reimagining the Future of Finance (BCG & QED, 2023)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ:

สำหรับสื่อ:
Fernn Lim ฝ่ายเสนาธิการ audax
fernn.lim@audax.io

Chi-an Chang หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสาร SC Ventures
chian.chang@sc.com

ที่มา: audax

Mary Kay Inc นำเสนอการค้นพบครั้งใหม่ของการผสานสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถลดริ้วรอยจากผลของมลพิษและริ้วรอยของวัยบนผิวได้

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–21 กันยายน 2023

Mary Kay Inc. ผู้นำด้านนวัตกรรมการดูแลผิวระดับโลก ได้เปิดเผยผลการวิจัยครั้งยิ่งใหญ่สำหรับการบำบัด ที่ช่วยลดริ้วรอยที่เป็นผลจากมลพิษและริ้วรอยของวัยบนผิวมนุษย์ได้ Mary Kay ได้แบ่งปันงานวิจัยนี้ที่การประชุม International Societies for Investigative Dermatology (ISID) โดยงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าสามารถช่วยยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย รวมถึงรอยใต้ตาตลอดช่วงการวิจัยได้อย่างมาก

“Mary Kay scientists have spent years researching the latest ingredient innovations to best defend against free radicals and help delay the onset of premature skin aging," said Dr. Lucy Gildea, Chief Innovation Officer, Product & Science at Mary Kay. (Photo: Mary Kay Inc.)

“นักวิทยาศาสตร์ Mary Kay ใช้เวลาหลายปีในการวิจัยนวัตกรรมของวัตถุดิบล่าสุด เพื่อป้องกันอนุมูลอิสระได้ดีที่สุดและช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนเวลาอันควร” ดร. Lucy Gildea เจ้าหน้าที่หัวหน้าด้านนวัตกรรม ของฝ่ายผลิตภัณฑ์และวิทยาศาสตร์ที่ Mary Kay กล่าว (ภาพ: Mary Kay Inc.)

“นักวิทยาศาสตร์ Mary Kay ใช้เวลาหลายปีในการวิจัยนวัตกรรมส่วนประกอบล่าสุด เพื่อป้องกันอนุมูลอิสระได้ดีที่สุดและช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยของวัยจากความเครียดที่เกิดจากสภาพแวดล้อมและไลฟ์สไตล์ เช่น ผลจากท่อไอเสียรถและมลภาวะทางอากาศ” ดร. Lucy Gildea ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์และวิทยาศาสตร์ ที่ Mary Kay กล่าว งานวิจัยนี้ยังได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Cosmetic Science

นักวิทยาศาสตร์ที่ Mary Kay ได้ตรวจสอบผลของมลภาวะทางอากาศบนผิวหนังผ่านความร่วมมือทางวิชาการตั้งแต่ปี 2016 จากการศึกษาครั้งก่อนมีการวิเคราะห์การตอบสนองทางชีวเคมีของเซลล์ผิวมนุษย์ต่อรูปแบบมลภาวะอันเป็นพิษที่หลากหลาย ทั้งไอเสียดีเซลและมลพิษทางอากาศในเมือง การค้นพบครั้งสำคัญเผยให้เห็นว่า การผสานสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการตอบสนองเหล่านั้นได้

 “ไม่เหลือความกังขาอีกแล้วว่ามลภาวะทางอากาศส่งผลต่ออายุผิวจริง” ดร. Jean Krutmann ผู้บุกเบิกการแพทย์สภาพแวดล้อม ศาสตราจารย์ผิวหนังวิทยาและผู้อำนวยการของ IUF แห่ง สถาบันวิจัย Leibniz Research Institute for Environmental Medicine ใน Düsseldorf ประเทศเยอรมัน กล่าว โดยเขาเป็นผู้นำการวิจัยเพื่อค้นหาผลของมลภาวะทางอากาศบนผิวหนังมนุษย์นับตั้งแต่มีงานตีพิมพ์งานวิจัยสำคัญในปี 2010 ที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของอนุภาคอากาศต่ออายุผิว

งานวิจัยที่นำเสนอที่ ISID 2023 เป็นเพียงความพยายามครั้งล่าสุดโดย Mary Kay ที่จะช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นอันยาวนานของแบรนด์ในการวิจัยและการพัฒนาอันก้าวหน้าของสุขภาพและความงามผิว Mary Kay มีสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และงานออกแบบแพ็คเกจกว่า 1,600 รายการที่เป็นผลงานของบริษัท

เกี่ยวกับ Mary Kay

จากตอนนั้น ถึงตอนนี้ และตลอดไป หนึ่งในผู้ที่ทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครคิดว่าจะทำได้ Mary Kay Ash ได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอที่เท็กซัสในปี 1963 โดยมีเป้าหมายหนึ่งเดียวคือ เพื่อส่งเสริมชีวิตของผู้หญิง ความฝันนั้นเบ่งบานมาเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกการขายอิสระมากกว่า 35 ประเทศ Mary Kay ได้สร้างโอกาสและส่งเสริมผู้หญิงให้กำหนดอนาคตตัวเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรมมาเป็นเวลากว่า 60 ปี Mary Kay ทุ่มเทในการลงทุนวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และเครื่องหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการรักษาโลกของเราเพื่อคนรุ่นหลัง ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและความรุนแรงในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนตามความฝันของพวกเขา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com ค้นหาเราได้ที่ Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ Twitter

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53556797/en

รายชื่อติดต่อ

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารบริษัท
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.

OAG เปิดเผยข้อมูลว่า สนามบินกัวลาลัมเปอร์เป็นสนามบินที่มีการเชื่อมต่อมากที่สุดอันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก

Logo

ข้อค้นพบที่สำคัญ:

  • สนามบินโตเกียวฮาเนดะ (HND) ขยับขึ้น 20 อันดับจากปี 2019 สู่อันดับที่ 2 ในกลุ่ม Megahubs ของเอเชียแปซิฟิก
  • สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) และสนามบินนานาชาติอินชอน (ICN) อยู่ในอันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับในการจัดอันดับกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ หรือ Top 25 Low-Cost Megahubs
  • สายการบิน AirAsia และ All Nippon Airways ครองส่วนแบ่งเที่ยวบินในสนามบินชั้นนำสองแห่งในเอเชียแปซิฟิก

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–20 กันยายน 2023

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำของโลกสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก ได้เปิดตัว Megahubs 2023 ในวันนี้ ซึ่งเป็นการจัดอันดับสนามบินที่มีการเชื่อมต่อระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก 50 อันดับแรกอย่างชัดเจน

Megahubs 20 อันดับแรกของโลกประกอบด้วยสนามบิน 7 แห่งในเอเชียแปซิฟิก ในบรรดาสนามบินที่มีการเชื่อมต่อมากที่สุดนั้น สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) ได้ขยับขึ้นสู่อันดับที่ 4 จากที่อยู่นอก 10 อันดับแรกในปี 2019 ตามมาด้วยสนามบินฮาเนดะ (HND) ของโตเกียวซึ่งอยู่ที่อันดับที่ 5

Megahubs ห้าแห่งจาก 10 อันดับแรกของภูมิภาคนั้นตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึง อินชอน (ICN) ในอันดับที่ #3, กรุงเทพ (BKK) ในอันดับที่ #4 และ สิงค์โปร์ชางงี (SIN) ในอันดับที่ #5 สายการบินแอร์เอเชียนั้นก็ได้ให้บริการเที่ยวบิน 34% ที่กัวลาลัมเปอร์ (KUL) ซึ่งเป็นศูนย์กลางชั้นนำของภูมิภาค

ในบรรดา Megahubs กลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ 25 อันดับแรก (Top 25 Low-Cost Megahubs) เอเชียแปซิฟิกครองอันดับด้วยสนามบิน 13 แห่ง เอเชียใต้มีส่วนแบ่งกำลังการผลิตสูงสุดที่ดำเนินการโดย LCC ในทุกภูมิภาคที่ 63% ตามมาด้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ 53% กัวลาลัมเปอร์ (KUL) อยู่ในอันดับที่ 1 ด้วยการเชื่อมต่อกับกลุ่มต้นทุนต่ำเท่าที่จะเป็นไปได้ 11,188 จุดเชื่อมต่อ เชื่อมโยงจุดหมายปลายทางกว่า 100 แห่ง

“การฟื้นตัวของสนามบินในเอเชียแปซิฟิกสะท้อนให้เห็นถึงตำแหน่งสำคัญของพวกเขาในฐานะศูนย์กลางของเส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดในโลก เช่น ทางเดินทางทางอากาศระหว่างฟุกุโอกะและโตเกียว ฮาเนดะ ซึ่งกลายเป็นสนามบินที่มีผู้คนพลุกพล่านเป็นอันดับสามของโลก” Mayur Patel หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ OAG กล่าว “การเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งของสนามบินเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

หากต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมและระเบียบวิธีวิจัยทั้งหมด โปรดดูการวิเคราะห์ที่นี่

เกี่ยวกับ OAG
OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางทั่วโลก ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศมาตั้งแต่ปี 1929 OAG มีเครือข่ายข้อมูลเที่ยวบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการเดินทางทั้งหมดตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงประสบการณ์ของลูกค้า มีลูกค้าได้แก่ สายการบิน สนามบิน ผู้ใช้เทคโนโลยีการเดินทาง ผู้ให้บริการด้านการบิน หน่วยงานราชการ สถาบันการเงิน และที่ปรึกษาต่างๆ OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร และดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.oag.com และติดตามเราได้ที่ Twitter @OAG Aviation

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Chrissy Azevedo ผู้ประสานงาน Corporate Ink สำหรับ OAG
pressoffice@oag.com

ที่มา: OAG

Huawei และสมาคมวิจัยและอนุรักษ์มหาสมุทร (ORCA) แสดงให้เห็นว่าพวกเขาดำเนินการอย่างไรในการปกป้องชีวิตสัตว์ทะเลในไอร์แลนด์

Logo

ข้อมูลที่รวบรวมใหม่เผยให้เห็นปลาโลมาและวาฬจำนวนมากในเส้นทางเดินเรือนอกชายฝั่งทางใต้ของไอร์แลนด์

ดับลิน–(BUSINESS WIRE)–20 กันยายน 2023

สมาคมวิจัยและอนุรักษ์มหาสมุทร (ORCA) ของไอร์แลนด์และ Huawei Ireland เปิดเผยข้อค้นพบสำคัญล่าสุดเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งมีชีวิตทางทะเลในไอร์แลนด์ ที่ถูกค้นพบระหว่างการทำงานร่วมกันในโครงการ Smart Whales Sound การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอด OceanTech ที่ปราสาทบัลติมอร์ของไอร์แลนด์ในไอร์แลนด์

On September 14, 2023, Huawei and the Ireland Ocean Research and Conservation Association (ORCA) jointly released the latest research on the marine life conservation in Ireland. (Photo: Huawei)

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2023 Huawei และสมาคมวิจัยและอนุรักษ์มหาสมุทรแห่งไอร์แลนด์ (ORCA) ร่วมกันเผยแพร่งานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการอนุรักษ์ชีวิตทางทะเลในไอร์แลนด์ (รูปภาพ: Huawei)

การศึกษาร่วมพบว่าช่องทางเดินเรือในทะเลเซลติกทางตอนใต้ของไอร์แลนด์มีส่วนทำให้เกิดมลพิษทางเสียงในสภาพแวดล้อมทางทะเลอย่างมีนัยสำคัญ การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าเสียงจากมหาสมุทรอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหลายชนิด รวมถึงแมวน้ำ ปลา และแม้แต่ปลาหมึก และอาจคุกคามความอยู่รอดของวาฬได้

จนถึงขณะนี้ ระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิตหลายชนิดแบบเรียลไทม์แสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ทางทะเล โดยสามารถแจ้งเตือนเรือในพื้นที่ที่มีวาฬแบบเรียลไทม์ได้ ด้วยระบบเก็บข้อมูลเสียงแบบใหม่ ระบบนี้อาจช่วยในการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลที่สำคัญ เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานหมุนเวียนนอกชายฝั่ง เพื่อลดผลกระทบทางเสียงต่อชีวิตทางทะเลในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง             

Emer Keaveney ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหารของ ORCA Ireland กล่าวว่า:

เสียงรบกวนจากการเดินเรือและกิจกรรมอื่น ๆ ของมนุษย์ในน่านน้ำของเราอาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น วาฬและโลมา เสียงของเรือ เช่น เสียงฮัมต่ำของเรือคอนเทนเนอร์สามารถบดบังเสียงเรียกของวาฬ ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารของสัตว์ และกลยุทธ์ด้านประวัติชีวิตที่สำคัญ เช่น การให้อาหารที่ประสานกัน หรือการย้ายสัตว์ออกจากแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญ

"ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุดให้โอกาสเพิ่มมากขึ้นในการใช้นวัตกรรมเหล่านี้เพื่อประโยชน์และเพื่อเพิ่มความเข้าใจของเราเกี่ยวกับโลกธรรมชาติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เรากำลังใช้ [แพลตฟอร์มการพัฒนา AI] ModelArts ของ Huawei และพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ของเครื่อง เพื่อทำให้การตรวจสอบสัตว์ป่าเพื่อการอนุรักษ์ทางทะเลเป็นไปโดยอัตโนมัติ”

Luis Neves ซีอีโอของ Global Enabling Sustainability Initiative ได้แสดงความคิดเห็นว่า

งานจับเสียงในมหาสมุทรและควบคุมพลังของ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มความเข้าใจของเราเกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเลและการโต้ตอบที่ซับซ้อนกับภัยคุกคามต่าง ๆ มีความสำคัญอย่างยิ่ง ความพยายามนี้ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการมีส่วนร่วมของสาธารณะในวงกว้างเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประสิทธิผลของความคิดริเริ่มในการอนุรักษ์ ซึ่งท้ายที่สุดก็มีส่วนช่วยในการอยู่รอดและความเป็นอยู่ที่ดีของพันธุ์สัตว์ทะเล

"ที่ GeSI เราภูมิใจที่ได้สมาชิกของ Huawei มาเป็นผู้นำและใช้นวัตกรรมและโมเดล AI/การเรียนรู้เชิงลึกที่ซับซ้อน เพื่อตรวจจับและระบุชนิดของสัตว์จำพวกวาฬโดยอัตโนมัติ และสนับสนุนการอนุรักษ์โลมาและวาฬ"

Luke McDonnell หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Huawei Ireland กล่าว

"Huawei เชื่อว่าไม่มีใครควรถูกทิ้งไว้ข้างหลังในโลกดิจิทัล และเราได้ทำให้ภารกิจของเราคือการนำเอาดิจิทัลมาสู่แถวหน้าและเป็นศูนย์กลางของธุรกิจของเรา นอกเหนือจากการปกป้องสิ่งแวดล้อมแล้ว เราเชื่อว่าเทคโนโลยีดิจิทัลยังมีบทบาทสำคัญในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AI, คลาวด์ และ 5G ได้รับการบูรณาการอย่างรวดเร็วและนำไปใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ สิ่งนี้อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน และนำผลประโยชน์ที่จับต้องได้มาสู่สังคมโดยรวม"

เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 โครงการ ORCA Ireland Smart Whale Sounds ดำเนินการโดยความร่วมมือกับ Rainforest Connection (RFCx) และได้รับการสนับสนุนจาก Huawei Ireland ผ่านโครงการริเริ่ม TECH4ALL โดยถือเป็นการศึกษาชีวอะคูสติกทางทะเลแบบเรียลไทม์ครั้งแรกในไอร์แลนด์ การวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าชายฝั่งทางใต้ของไอร์แลนด์เป็น 'ฮอตสปอต' สัตว์จำพวกวาฬ โลมา และพอร์พอยส์ สัตว์จำพวกวาฬเป็นสัตว์เกือบครึ่งหนึ่งของสัตว์ทั้งหมดที่อยู่ในเขตแดนทางทะเลและทางบกของไอร์แลนด์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลทั่วโลกเป็นหนึ่งในสามของสัตว์บนโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53555531/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Olivia Zhang
corporate.comms@huawei.com

แหล่งที่มา: Huawei

K-Wonderland เชื่อมต่อกับศิลปินเกาหลี Gen Z รัก

Logo

  • ปาร์ตี้แฟน Metaverse กับศิลปินสากลอย่าง Lee Eun-ji, THE BOYZ และ Just Jerk
  • K-Wonderland งานวัฒนธรรมเกาหลีที่ยิ่งใหญ่ที่ก้าวข้ามขอบเขตของออนไลน์/ออฟไลน์

โซล เกาหลีใต้–(บิสิเนสไวร์ )–19 กันยายน 2023

metaverse คลื่นเกาหลี “เค-วันเดอร์แลนด์ ” รวบรวมความบันเทิงคลื่นลูกใหม่ของเกาหลีอย่าง Lee Eun-ji, THE BOYZ และ Just Jerk พร้อมแฟนๆ จากทั่วทุกมุมโลก

2023 K-Wonderland Collaboration Korean Wave Artist (THE BOYZ) (Photo: Business Wire)

ความร่วมมือ K-Wonderland ปี 2023 ศิลปินคลื่นเกาหลี (THE BOYZ) (รูปภาพ: Business Wire)

K-Wonderland คือประสบการณ์และสนามเด็กเล่นเสมือนจริงของเกาหลีที่ดำเนินการโดยกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว และมูลนิธิเกาหลีเพื่อการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ (KOFICE) หลังจากการต่ออายุในเดือนสิงหาคม มีผู้เยี่ยมชมสะสมมากกว่า 500,000 คน

ปาร์ตี้ที่แฟนๆ และศิลปินสื่อสารกันผ่านอวาตาร์ของพวกเขา

K-Wonderland นำเสนอการส่งเสริมการขายโดยความร่วมมือกับดาราคลื่นเกาหลีรุ่นต่อไปในภาค K-Pop ความบันเทิง และการเต้น ด้วยแนวคิด "A Dreamy Korean Wave Wonderland"

คนแรกคือนักแสดงตลกที่กำลังมาแรง อีอึนจี Lee Eun-ji ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแสดงรอบด้านโดยได้รับรางวัล Baeksang Arts Awards ในภาคความบันเทิงทางทีวีสำหรับผู้หญิง จะสื่อสารสดกับแฟน ๆ ทั่วโลกใน K-Wonderland โดยใช้ Zepeto Live Solution ปาร์ตี้แฟนสดกับอีอึนจิจะเปิดในวันที่ 16 กันยายน เวลา 13.30 น. KST

ประการที่สองคือกลุ่มไอดอล K-Pop Generation Z THE BOYZ THE BOYZ ผู้ซึ่งสะสมแฟนด้อมระดับโลกด้วยดนตรีและการแสดงของพวกเขาในคอนเซ็ปต์ที่หลากหลาย จะนำเสนอประสบการณ์ K-Wonderland ที่น่าจดจำ วิดีโอนี้จะเผยแพร่ในเดือนตุลาคมทาง YouTube ช่องทางโซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ K-Wonderland

สุดท้ายนี้ Just Jerk จะมาร่วมเป็นผู้นำในวงการเต้นรำของเกาหลี ในฐานะผู้ชนะ Street Man Fighter เมื่อปีที่แล้ว Just Jerk จะสื่อสารกับแฟน ๆ ทั่วโลกและจัดรายการต่าง ๆ เช่นชาเลนจ์เต้นรำ

เทศกาล K-Wonderland ทั่วโลก รวมถึงอินโดนีเซีย ไทย และเกาหลี

K-Wonderland กำลังนำเสนอเสน่ห์ของ metaverse กระแสเกาหลีสำหรับแฟน ๆ ในวงการเทศกาลระดับโลก เมื่อต้นเดือนกันยายน ศูนย์ประสบการณ์ K-Wonderland ได้เปิดขึ้นในเทศกาลวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเกาหลีในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์เกาหลี-อินโดนีเซีย รวมถึงงาน Asia Song Festival ปี 2023 X Culture Bridge Festa ใน Yeouido Hangang Park เพื่อเปิดโอกาสให้สัมผัสคลื่นเกาหลีในโลกเสมือนจริง

K-Wonderland จะมุ่งหน้าไปยังเทศกาลการท่องเที่ยวเกาหลีที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 30 กันยายน และ 1 ตุลาคม เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองปีการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างเกาหลี-ไทย K-Wonderland วางแผนที่จะแนะนำวัฒนธรรมปาร์ตี้คลื่นเกาหลี โดยแสดงให้วัยรุ่นเกาหลีใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการเปิดในห้องจัดประสบการณ์ที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่ม Millennials และ Generation Z

เชื่อมโยงกิจกรรมการค้นพบเนื้อหาภาษาเกาหลีที่สร้างโดยผู้ใช้โดยตรง

ในขณะเดียวกัน K-Wonderland จะจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการสร้างเนื้อหาโดยผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น ออดิชั่นอวาตาร์เพื่อค้นหาสมาชิกคนที่ 6 ของ “K-Wonderstars” เพื่อเป็นตัวแทนอวาตาร์ของ K-Wonderland และกิจกรรมบูธถ่ายรูป Zepeto โดยใช้ท่าเต้น รางวัล K-Wonderland UGC Awards ครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม ความคาดหวังกำลังก่อตัวขึ้นสำหรับรางวัล UGC เนื่องจากถือว่ามีส่วนช่วยในการเผยแพร่วัฒนธรรมกระแสเกาหลีผ่าน Metaverse เมื่อปีที่แล้ว โดยมีแฟนๆ กลายเป็นผู้สร้าง

ใครๆ ก็สามารถเยี่ยมชม K-Wonderland ได้ผ่านทางแอป ZEPETO และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ K-Wonderland (kwonderland.kr)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/53557335/en

รายชื่อผู้ติดต่อ

มูลนิธิเกาหลีเพื่อการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ คุณ Kim Jun-hyeong หัวหน้าทีมโครงการแลกเปลี่ยน +82 2-3253-1735

แหล่งที่มา: มูลนิธิเกาหลีเพื่อการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ

The Bangkok Reporter