คุณพร้อมหรือยัง “Right Now” ของ Grindr ได้เผยแพร่ทั่วโลกแล้ว

Logo

สถานที่มากขึ้น ผู้คนที่มากขึ้นคุณสมบัติการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์ของ Grindr ทำให้การเชื่อมต่อเร็วขึ้นกว่าที่เคย

เวสต์ ฮอลลีวู้ด, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–30 พฤษภาคม 2025

Grindr เว็บไซต์หาคู่แบบเกย์ระดับโลกที่มีผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 14.6 ล้านคน ได้ประกาศเปิดตัว Right Now ทั่วโลกแล้ว โดยเป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่อิงตามความตั้งใจของบริษัทที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อผู้คนที่กำลังมองหาการพบปะแบบทันที

Grindr's Right Now feature.

ฟีเจอร์ Right Now ของ Grindr

Right Now คือ ฟีดแบบเรียลไทม์ที่แยกออกจากกริดหลักของแอปที่แสดงโปรไฟล์ โดยผู้ใช้ Grindr สามารถโพสต์ข้อความและแชร์รูปภาพที่แสดงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ที่มีแนวคิดเหมือนกันคนอื่นๆ ทราบได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขากำลังมองหาอะไร

“Right Now ช่วยให้ผู้ใช้ของเราสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องคาดเดา” กล่าวโดย AJ Balance ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Grindr “เราได้สร้างฟีเจอร์ตามความตั้งใจนี้ขึ้นโดยอิงจากคำติชมจากชุมชนของเรา เพื่อให้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับผู้ที่มีแนวคิดเดียวกันได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน โดยการตอบรับต่อการเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคมของเรานั้นดีมากจนเราเร่งเปิดตัวทั่วโลกก่อนกำหนด เพราะเห็นได้ชัดว่าผู้คนต้องการสิ่งนี้… ในตอนนี้เลย”

หลังจากประสบความสำเร็จในการนำร่องในออสเตรเลียและวอชิงตัน ดี.ซี. และได้มีการขยายไปยังภูมิภาคต่างๆ ในช่วงต้นปี 2025 ปัจจุบัน Right Now พร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้ทั่วโลกแล้วบน iOS และ Android โดยสามารถเข้าถึง Right Now ได้โดยตรงจากปุ่มเข้าใหม่บนกริดหลัก ผ่านแถบนำทางด้านล่าง หรือจากลิ้นชักด้านข้างโปรไฟล์ของแอป นำไปสู่ฟีดเฉพาะที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการมีส่วนร่วมทันที

เมื่อเปิดขึ้นมา ผู้คนจะได้รับเซสชัน Right Now ฟรีหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์ (รีเฟรชทุกวันศุกร์) ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง พร้อมตัวเลือกในการซื้อเซสชันเพิ่มเติมหลังจากใช้เซสชันฟรีแล้ว

สำรวจแผนงานผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อดูฟีเจอร์ใหม่ที่จะมาถึงใน Grindr ในปี 2025 อย่างใกล้ชิด

เกี่ยวกับ Grindr Inc.

ด้วยจำนวนผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 14.6 ล้านคน Grindr (NYSE: GRND) ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็น Global Gayborhood in Your Pocket™ โดยมีภารกิจในการสร้างโลกที่ชีวิตของชุมชนทั่วโลกเป็นอิสระ เสมอภาค และยุติธรรม โดย Grindr มีให้บริการใน 190 ประเทศ ในเขตพื้นที่ต่างๆ และมักเป็นช่องทางหลักที่ผู้คนในกลุ่ม LGBTQ+ สามารถเชื่อมต่อ แสดงออก และค้นพบโลกที่อยู่รอบตัวพวกเขาได้ ตั้งแต่ปี 2015 Grindr for Equality ได้ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน สุขภาพ และความปลอดภัยของผู้คนในกลุ่ม LGBTQ+ หลายล้านคน โดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ทั่วโลก Grindr มีสำนักงานอยู่ในเวสต์ฮอลลีวูด พื้นที่เบย์แอเรีย ชิคาโก และนิวยอร์ก โดยแอป Grindr มีให้บริการบน App Store และ Google Play

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250530651954/en

Contacts

Hayley Richard
Press@grindr.com

ที่มา: Grindr Inc.

สถาปนิกชั้นนำของอาเซียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเดินทางเยือนประเทศออสเตรเลียเพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–05 พฤษภาคม 2025

สถาปนิกชั้นนำจาก 5 โครงการที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ BlueScope Steel Architectural Awards ASEAN ได้เดินทางมาเยือนออสเตรเลียในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพื่อเฉลิมฉลองความเป็นเลิศด้านการออกแบบ ความสามารถในการก่อสร้าง รวมถึงการแบ่งปันการเรียนรู้ต่างๆ โดยรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นโดย NS BlueScope ร่วมกับองค์กรที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรม อาทิ Association of Siamese Architects under Royal Patronage (ASA), Ikatan Arsitek Indonesia (IAI), University of Architecture Ho Chi Minh City (UAH), ACG Media Group ของมาเลเซีย และ AustCham Singapore

ASEAN winners with Daniel Bourke of fjcstudio at the Warships Pavilion, Australian National Maritime Museum

ผู้ได้รับรางวัลจากอาเซียนกับ Daniel Bourke จาก fjcstudio ที่ Warships Pavilion, Australian National Maritime Museum

โดยสถาปนิกและผู้ชนะจากอาเซียน ได้เยี่ยมชมโครงการโครงสร้างเหล็กที่ทันสมัยที่สุดบางแห่งของออสเตรเลีย อาทิเช่น Darling Quarter และ Australian National Maritime Museum ในเมืองซิดนีย์ และที่เมืองบริสเบน มีการเยี่ยมชมสะพาน Kangaroo Point, Brisbane Convention & Exhibition Centre และ UQ Sustainability Walk ที่ University of Queensland ซึ่งโครงการเหล่านี้หลายๆ โครงการมีการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กของ BlueScope® เช่น เหล็กเคลือบสี COLORBOND® และเหล็ก XLERPLATE® ที่ให้ความทนทาน ความหลากหลาย และความสวยงาม ที่ช่วยให้การออกแบบสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยมเกิดขึ้นได้จริง โดยได้รับความอนุเคราะห์ จาก fjcstudio ในซิดนีย์และ Cox Architecture ในบริสเบน ในการบรรยายและ เยี่ยมชมสถาปตยกรรมดังกล่าว

Richard Coulson ประธานคณะกรรมการบริหาร Cox Architecture และหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรางวัลอาเซียนเมื่อปีที่ผ่านมา กล่าวว่านี่เป็นโอกาสที่ดีในการจัดแสดงการออกแบบของออสเตรเลีย ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้จากบริษัทสถาปัตยกรรมชั้นนำบางแห่งในอาเซียนด้วย

“เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้ต้อนรับสถาปนิกและผู้ชนะจากอาเซียน และนำเสนอขั้นตอนการออกแบบล่าสุดและโซลูชันเหล็กขั้นสูงที่ใช้ในออสเตรเลีย เราสนุกกับการพูดคุยที่สร้างสรรค์ รวมถึงได้มีการแบ่งปันแนวคิดและปรัชญาต่างๆ มากมาย”

นอกจากการเยี่ยมชมสถานที่และพูดคุยกับผู้นำแนวปฏิบัติแล้ว สถาปนิกและผู้ชนะจากอาเซียน ยังได้เข้าร่วมงาน Australian Architecture Conference 2025 ที่ Sydney Opera House อีกด้วย ซึ่งได้พบปะแลกเปลี่ยนกับสถาปนิกชั้นนำจากออสเตรเลียและทั่วโลก โดยได้เข้าร่วมการนำเสนอในหัวข้อต่างๆ อาทิเช่น AI และการออกแบบที่ลดการปล่อยคาร์บอนไปจนถึงอาคารสูงและอนาคตของศูนย์กลางเมือง

Ar. Melvyn J Kanny ผู้อำนวยการของบริษัท MJ Kanny Architect ในมาเลเซีย เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมการเยี่ยมชมครั้งนี้ กล่าวถึงการเยือนครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับ สถาปนิกในอาเซียน

“ทัวร์ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการเรียนรู้จากชุมชนสถาปัตยกรรมของออสเตรเลียและทั่วโลก รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับผลงานที่ยอดเยี่ยมบางส่วนที่เกิดขึ้นในอาเซียน 'Circle of Excellence in Steel Architectural Design' ของเรา ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ชนะรางวัลอาเซียนครั้งแรก โดยจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการจัดงานครั้งต่อไป ซึ่งจะเป็นการสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบสำหรับชุมชนที่แข็งแกร่งที่สามารถมีส่วนสนับสนุนการเรียนรู้ร่วมกันของอุตสาหกรรม ของเราได้มากขึ้น”

ตัวแทนในการเดินทางครั้งนี้ ได้แก่ ผู้แทนจาก:

 – บริษัท Arkiskape Sdn. Bhd. (มาเลเซีย)
 – บริษัท MJ Kanny Architect (มาเลเซีย)
 – บริษัท Razin Architects Sdn. Bhd. (มาเลเซีย)
 – Ar. Naksit Wisetmora (ประเทศไทย)
 – Studio Sifah (ประเทศไทย)

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ NS BlueScope โปรดคลิกที่นี่

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250504099078/en

Contacts

James Li | รองประธาน ฝ่ายการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ, NS BlueScope Pte. Ltd.
โทร. +65 6832 3512 | มือถือ +65 9626 2750
อีเมล james.li@bluescope.com | เว็บไซต์ www.nsbluescope.com
A 238B Thomson Road, #17-01 Novena Square Tower B, Singapore 307685

ที่มา: NS BLUESCOPE



Sephora เผยแคมเปญ “We Belong to Something Beautiful” ของ Lady Gaga และความร่วมมือพิเศษในช่วงเดือนแห่งความภาคภูมิใจ (Pride Month) ของโลก

Logo

Sephora ร่วมกับ Haus Labs By Lady Gaga, Champion Beauty, Belonging และการดูแลสุขภาพจิตสำหรับ Pride กับมูลนิธิ Born This Way

ปารีส–(BUSINESS WIRE)–28 พฤษภาคม 2025

วันนี้ Sephora เปิดตัวแคมเปญอันเป็นเอกลักษณ์ “We Belong To Something Beautiful” อย่างภาคภูมิใจกับ Haus Labs By Lady Gaga ที่เป็นการร่วมมือกับมูลนิธิ Born This Way

วิสัยทัศน์ร่วมกัน: Lady Gaga และ Champion Beauty รวมถึง Belonging ของ Sephora

หัวใจหลักของแคมเปญนี้คือภาพยนตร์ใหม่ที่ Lady Gaga ถ่ายทอดวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความงามของเธอในฐานะส่วนหนึ่งของชุมชนที่ใจดี มีส่วนร่วม สนุกสนาน และสร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งทุกคนสามารถสำรวจและแสดงออกถึงตัวเองได้อย่างปลอดภัย ซึ่งสะท้อนถึงจุดประสงค์และวิสัยทัศน์ของ Sephora โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มุ่งเน้นที่ “Classes for Confidence” ซึ่งเป็นโปรแกรมที่นำสมาชิกในชุมชนซึ่งมีใจรักในความงามและการบอกเล่าเรื่องราวร่วมกันมารวมกัน

ที่ Sephora เราขับเคลื่อนด้วยจุดมุ่งหมายของเราเพื่อสนับสนุนโลกแห่งแรงบันดาลใจและการรวมกันเป็นหนึ่งที่ทุกคนสามารถเฉลิมฉลองกับความงามของตนเองได้” กล่าวโดย Deborah Yeh ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระดับโลกของ Sephora เรื่องราวส่วนตัวของ Lady Gaga เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของค่านิยมที่เราส่งเสริมทุกวัน และการที่เธอแบ่งปันความรู้สึกของเธอเองเกี่ยวกับ Sephora ถือเป็นเครื่องยืนยันที่น่าทึ่งสำหรับเรา

Sephora ร่วมเฉลิมฉลอง Pride ด้วยการสนับสนุนสุขภาพจิตของเยาวชนผ่านกองทุน Kindness in Community

ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 30 มิถุนายน รายได้จากผลิตภัณฑ์ Haus Labs ทุกชิ้นที่ซื้อที่ Sephora จำนวน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือเทียบเท่าในสกุลเงินท้องถิ่น) จะบริจาคให้กับมูลนิธิ Born This Way* ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ก่อตั้งโดย Lady Gaga และ Cynthia Germanotta ผู้เป็นแม่ของเธอ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่สร้างโลกที่ใจดีและกล้าหาญยิ่งขึ้นเพื่อสนับสนุนสุขภาพจิตของพวกเขา

Haus Labs ก่อตั้งขึ้นบนความเชื่อที่ว่าศิลปะและการแสดงออกถึงตัวตนจะเป็นเครื่องมือในการสร้างพลัง” กล่าวโดย Angela Simpson ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Haus Labs by Lady Gaga “แคมเปญนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงตัวตนและร่วมเฉลิมฉลองสิ่งที่ทำให้แต่ละคนไม่เหมือนกัน เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ Sephora เพื่อสนับสนุนคนรุ่นต่อไปในการสร้างความเปลี่ยนแปลง

โดยเงินบริจาคจะถูกมอบให้กับกองทุน Kindness in Community ของมูลนิธิ Born This Way ซึ่งเป็นโครงการมอบทุนระดับโลกที่ขับเคลื่อนโดยเยาวชน โดยให้ทุนแก่องค์กรระดับรากหญ้าที่สนับสนุนกลุ่มสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของเยาวชนด้วยการจัดหาพื้นที่ชุมชนที่ปลอดภัยและทรัพยากรที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งของทั้ง Sephora และมูลนิธิ Born This Way ในการสร้างโลกที่ใจดีและกล้าหาญยิ่งขึ้นสำหรับเยาวชน

มูลนิธิ Born This Way ขับเคลื่อนโดยความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำของเยาวชนมาโดยตลอด ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ลูกสาวของฉัน Lady Gaga และฉันมีส่วนร่วมกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม” กล่าวโดย Cynthia Germanotta ประธานและผู้ก่อตั้งร่วมของมูลนิธิ Born This Way “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับ Sephora และ Haus Labs เพื่อเข้าถึงเยาวชนให้มากขึ้นด้วยข้อความที่ว่าพวกเขาได้รับการมองเห็น มีคุณค่า และได้รับการสนับสนุน

Sephora และมูลนิธิ Born This Way ขอเชิญชวนสาธารณชนเสนอชื่อองค์กรที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน LGBTQIA+ เพื่อรับทุนเหล่านี้ โดยการเสนอชื่อจะเปิดรับผ่านเว็บไซต์ของมูลนิธิ Born This Way จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน และจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุนรอบสุดท้ายภายในเดือนธันวาคม 2025

เราภูมิใจที่ได้ใช้พลังของแบรนด์และชุมชนของเราเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและสนับสนุนภารกิจของกองทุนการกุศลเพื่อชุมชน เราหวังว่าจะสร้างผลกระทบครั้งใหญ่ได้ด้วยการระดมพลของชุมชนของเราที่มีสมาชิกกว่า 74 ล้านคน” กล่าวโดย Deborah Yeh

ด้วยการเข้าถึงทั่วโลกของ Sephora เงินบริจาคจะถูกส่งตรงจาก 20 ตลาดที่ SEPHORA ดำเนินงานอยู่ ได้แก่ บัลแกเรีย แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง อิตาลี โปแลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย เซอร์เบีย สิงคโปร์ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา*

*มูลค่าสูงสุด 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

Brave Spaces

ตลอดเดือนแห่งความภาคภูมิใจ และเป็นปีที่สองติดต่อกัน Sephora จะนำ “Brave Spaces”* กลับมาในร้านค้าที่ได้รับการคัดเลือกทั่วโลก เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรสำหรับสมาชิกชุมชน LGBTQIA+ และพันธมิตรในงาน Pride เพื่อสร้างลุค Pride ของตนเองอย่างปลอดภัย และหากต้องการ ก็สามารถลบลุคเหล่านี้ออกได้หลังจากการเฉลิมฉลอง Pride ที่ปรึกษาความงามที่ผ่านการฝึกอบรมของ Sephora ถือเป็นหัวใจสำคัญของโปรแกรมนี้ และจะให้คำแนะนำและเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมสร้างลุค Pride ของตนเองได้อย่างอิสระ โดย Brave Spaces มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน ไม่เพียงแต่ในช่วง Pride เท่านั้น แต่ตลอดทั้งปี เพื่อเป็นพื้นที่ให้ชุมชน LGBTQIA+ รู้สึกสบายใจที่จะแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร

*Brave Spaces จะปรากฏขึ้นในร้าน Sephora สำคัญๆ ทั่วโลก ครอบคลุม 74 เมืองใน 21 ตลาด ได้แก่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา บราซิล เม็กซิโก ฝรั่งเศส สาธารณรัฐเช็ก โปแลนด์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี สวีเดน เดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ กรีซ อิตาลี สเปน โปรตุเกส ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ไทย และสิงคโปร์

เกี่ยวกับ Sephora

Sephora เป็นแบรนด์ค้าปลีกความงามระดับพรีเมียมชั้นนำของโลก ด้วยพนักงานที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น 56,000 คนที่ปฏิบัติงานใน 35 ตลาด Sephora เชื่อมโยงลูกค้าและแบรนด์ความงามภายในชุมชนความงามที่น่าเชื่อถือและมีพลวัตมากที่สุดในโลก เราให้บริการชุมชนที่มีส่วนร่วมสูงซึ่งประกอบด้วยผู้ติดตามด้านความงามหลายร้อยล้านคนในเครือข่ายออมนิแชนแนลทั่วโลกของเราที่มีร้านค้าและแฟล็กชิปชื่อดังมากกว่า 3,200 แห่ง ตลอดจนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและดิจิทัลของเรา โดยมอบประสบการณ์ที่ปรับแต่งได้และดื่มด่ำในทุกจุดสัมผัส ด้วยการรวบรวมแบรนด์เกือบ 500 แบรนด์และ Sephora Collection ของเราเอง เราจึงสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ความงามระดับพรีเมียมที่มีเอกลักษณ์และหลากหลายที่สุด ซึ่งปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่น้ำหอมไปจนถึงเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และอื่นๆ ขณะที่เราสร้างจินตนาการใหม่ให้กับโลกแห่งความงามระดับพรีเมียมอยู่เสมอ

ตั้งแต่เราเริ่มก่อตั้งในปี 1969 ในเมืองลีมอฌ ประเทศฝรั่งเศส และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม LVMH ตั้งแต่ปี 1997 เราได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีกผลิตภัณฑ์ความงามที่มีชื่อเสียง วันนี้ เราจะยังคงแหกกฎเกณฑ์เดิมๆ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของเราในการขยายขอบเขตการมองเห็นความงามของโลก และส่งเสริมความพิเศษในตัวเราแต่ละคน

เกี่ยวกับมูลนิธิ Born This Way

มูลนิธิ Born This Way ก่อตั้งและนำโดย Lady Gaga และ Cynthia Bissett Germanotta มารดาของเธอ เพื่อส่งเสริมและสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่สร้างโลกที่ใจดีและกล้าหาญยิ่งขึ้น ซึ่งสนับสนุนสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขา มูลนิธิใช้การวิจัย โปรแกรม การมอบทุน และความร่วมมือเพื่อดึงดูดเยาวชนและเชื่อมโยงพวกเขากับแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิตที่เข้าถึงได้ โดยอาศัยความเชื่อมโยงทางวิทยาศาสตร์ระหว่างความเมตตากรุณาและสุขภาพจิต และสร้างขึ้นโดยร่วมมือกับเยาวชน แนวทางนี้เกิดขึ้นจริงผ่านแพลตฟอร์มการเล่าเรื่อง Channel Kindness, หลักสูตรการฝึกอบรมด้านสุขภาพจิต Be There Certificate, โปรแกรมกองทุน Kindness in Community ที่นำโดยเยาวชน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเข้าถึงเยาวชนหลายพันคนทั่วโลกในแต่ละปี เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ bornthisway.foundation

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250528841282/en

Contacts

Sephora
Marion Bouchut
mbouchut@sephora.fr
+33 6 34 45 34 09

Haus Labs By Lady Gaga
Crissy Tang
hauslabspr@cmmpr.com
717-617-9370

ที่มา: Sephora

Kinaxis นำความก้าวหน้าด้านห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่โตเกียวที่งาน Kinexions 25

Logo

ผู้นำระดับภูมิภาคร่วมแชร์ว่าการวางแผนที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยลดระยะเวลาดำเนินการ การปรับปรุงการตอบสนอง และการจัดการความเสี่ยงในระดับขนาดใหญ่ได้อย่างไร

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–29 พฤษภาคม 2025

Kinaxis® (TSX: KXS) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจร ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทจะจัดงาน Kinexions Japan 25 ในวันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2025 ที่โตเกียว โดยงานประจำปีนี้จะเน้นไปที่ความสามารถของผลิตภัณฑ์ใหม่และกลยุทธ์สำหรับลูกค้าที่ออกแบบมาสำหรับสภาพแวดล้อมห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทาง Kinexions Japan ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์งานระดับโลกของ Kinexions ได้รวบรวมผู้นำด้านห่วงโซ่อุปทาน ผู้ตัดสินใจทางธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อเปิดเผยว่าองค์กรต่างๆ จะเร่งกระบวนการตัดสินใจ การปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และการปรับขนาดการดำเนินงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นได้อย่างไร

ด้วยแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ความต้องการด้านความยั่งยืน และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ งานในปีนี้จึงส่งมอบข้อมูลเชิงลึกในเชิงปฏิบัติ เรื่องราวความสำเร็จของลูกค้า และกลยุทธ์ต่างๆ ที่ช่วยให้องค์กรดำเนินการได้ในปัจจุบัน ผู้เข้าร่วมงานจะได้เห็นฟีเจอร์ Maestro™ ก่อนใคร รวมถึงการสร้างแบบจำลองสถานการณ์ที่เร็วขึ้น การวางแผนแบบบูรณาการ และการประสานงานแบบเรียลไทม์ระหว่างการดำเนินงานทั่วโลก

“Kinexions Japan 25 เป็นสถานที่ที่บริษัทที่มีแนวคิดก้าวหน้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดและดูว่าอะไรเป็นไปได้จริงกับการจัดการห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่” กล่าวโดย Masa Kogure ประธาน Kinaxis Japan “งานในปีนี้จะมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่องราวการเปลี่ยนแปลง ความยั่งยืน และการประสานงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง เซสชันปฏิบัติจริง และผลลัพธ์เชิงปฏิบัติสำหรับทีมห่วงโซ่อุปทาน”

ผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำจะร่วมแชร์ว่าพวกเขาปรับปรุงวงจรการวางแผน ลดความเสี่ยง และเพิ่มการมองเห็นห่วงโซ่อุปทานได้อย่างไร ไฮไลท์บางส่วนของงาน รวมถึง:

  • Kazuya Saito, ผู้จัดการทั่วไปของ SCM, Fujirebio Inc. – แชร์เส้นทางการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับกระบวนการวางแผนให้สอดคล้องกัน การปรับกระบวนการตัดสินใจให้มีประสิทธิภาพ และได้รับการมองเห็นแบบครบวงจรโดยใช้ Maestro
  • Masashi Onozuka, พาร์ทเนอร์, Roland Berger – นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตของการจัดการความเสี่ยงและความยั่งยืนผ่านแพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมต่อกัน
  • Masa Kogure, ประธาน, Kinaxis Japan K.K. – กล่าวคำต้อนรับและเปิดงาน
  • Mark Morgan, ประธาน, ฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์, Kinaxis – แชร์ข้อมูลอัปเดตล่าสุดของบริษัทและกลยุทธ์ระดับโลก
  • Phillip Teschemacher, ประธาน, APAC, Kinaxis – ให้มุมมองระดับภูมิภาคและข้อมูลอัปเดตทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
  • Isao Sugiyama, ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาธุรกิจ, Kinaxis Japan – นำการประชุมแผนงานผลิตภัณฑ์ที่เน้นการประสานงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI และนวัตกรรม Maestro ที่กำลังจะเกิดขึ้น

การหารือจะเน้นที่กลยุทธ์ในโลกแห่งความเป็นจริงสำหรับการจัดการความซับซ้อน การปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง และปรับปรุงการทำงานร่วมกันแบบหลายชั้น โดยหัวข้อที่จะสำรวจ ได้แก่:

  • การเปลี่ยนแปลงจากห่วงโซ่อุปทานเชิงเส้นเป็นเครือข่ายบนเว็บที่คล่องตัว
  • การจัดการในด้านการดำเนินงานระดับโลกและระดับภูมิภาคแบบเรียลไทม์
  • การวางแผนพร้อมกันด้วย Maestro จะช่วยปลดล็อกความเร็ว ความคล่องตัว และการทำงานร่วมกันได้อย่างไร
  • การใช้ AI และการแปลงเป็นดิจิทัลเพื่อพัฒนาความยั่งยืนและการจัดการความเสี่ยง

Kinexions Japan 25 จะเน้นย้ำถึงวิธีที่องค์กรต่างๆ ทั่วญี่ปุ่นใช้การสร้างแบบจำลองสถานการณ์แบบเรียลไทม์ การวางแผนพร้อมกัน และการมองเห็นแบบครบวงจรเพื่อตัดสินใจได้เร็วขึ้นและชาญฉลาดขึ้น และสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยงานนี้จะมีการสาธิต Maestro แบบสด เซสชันผลิตภัณฑ์แบบโต้ตอบ และโต๊ะกลมที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อการเรียนรู้และการสร้างเครือข่ายของเพื่อนร่วมงาน

ลงทะเบียนได้แล้วตอนนี้และสำรวจวาระการประชุมทั้งหมด ได้ที่: https://www.kinaxis.com/KinexionsJapan

เกี่ยวกับ Kinaxis

Kinaxis เป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่ ที่ขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่ซับซ้อนและสนับสนุนผู้ที่จัดการห่วงโซ่อุปทานเหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ แพลตฟอร์มการประสานงานห่วงโซ่อุปทานที่ผสาน AI ของเรา Maestro™ ผสมผสานเทคโนโลยีและเทคนิคเฉพาะที่ให้ความโปร่งใสและความคล่องตัวอย่างสมบูรณ์ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์หลายปีไปจนถึงการจัดส่งในระยะสุดท้าย เราได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงในการมอบความคล่องตัวและความสามารถในการคาดเดาที่จำเป็นในการรับมือกับความผันผวนและการหยุดชะงักในปัจจุบัน สำหรับข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ kinaxis.com หรือติดตามเราได้บน LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ฝ่ายสื่อสารมวลชน
Matt Tatham | Kinaxis
Mtatham@kinaxis.com
+1 917-446-7227
 
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
Rick Wadsworth | Kinaxis
rwadsworth@kinaxis.com
+1 613-907-7613

ที่มา: Kinaxis Inc.

EDOTCO และ Sitetracker ร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานภาคสนามทั่วเอเชียสู่ระบบดิจิทัล

Logo

กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และมอนต์แคลร์ นิวเจอร์ซีย์–(BUSINESS WIRE)–29 พฤษภาคม 2025

EDOTCO Group (“EDOTCO”) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อดิจิทัลชั้นนำของเอเชีย และ Sitetracker ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดการวงจรชีวิตสินทรัพย์แบบครบวงจร ได้ประกาศความร่วมมือทางยุทธศาสตร์เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของการดำเนินงานภาคสนามของ EDOTCO ทั่วทั้งภูมิภาคในวันนี้

ความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของเอเชีย โดย EDOTCO เตรียมนำแพลตฟอร์ม Operations & Maintenance (O&M)ที่ได้รับการขยายใหม่ของ Sitetracker ไปใช้กับเสาสัญญาณมากกว่า 55,000 เสาในเก้าตลาดในเอเชีย ซึ่งถือเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมในด้านความสามารถในการปรับขนาดการทำงาน ประสิทธิภาพ และนวัตกรรม

“ที่ EDOTCO เรามุ่งมั่นที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะและยืดหยุ่นที่รองรับอนาคตของการเชื่อมต่อดิจิทัล” กล่าวโดย Adlan Tajudin ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ EDOTCO “ความร่วมมือของเรากับ Sitetracker จะช่วยให้เราปรับมาตรฐานและปรับปรุงการดำเนินงานภาคสนามของเราให้ทันสมัยทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งจะทำให้ทีมงานของเรามีเครื่องมือในการส่งมอบบริการในระดับที่สูงขึ้น ความคล่องตัวในการดำเนินงาน และการตัดสินใจตามข้อมูลในระดับขนาดใหญ่”

แพลตฟอร์ม Sitetracker จะสนับสนุน EDOTCO ในการประสานเวิร์กโฟลว์ภาคสนาม ขับเคลื่อนการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ และปลดล็อกการมองเห็นการทำงานในโครงสร้างพื้นฐานเสาสัญญาณที่ครอบคลุมทั้งหมด โดยเปลี่ยนแปลงวิธีวางแผนป้องกันและแก้ไขงาน รวมถึงการดำเนินการ และติดตาม

การเขียนคู่มือใหม่สำหรับการปฏิบัติงานภาคสนามและการบำรุงรักษา

กลยุทธ์เชิงรุกของ EDOTCO มุ่งเน้นไปที่การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่พร้อมสำหรับอนาคตซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการด้านดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วทั้งเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การใช้งานแพลตฟอร์ม Sitetracker จะช่วยให้ EDOTCO ลดความซับซ้อน ลดขั้นตอนการทำงานด้วยตนเอง และขยายขอบเขตแนวทางการดำเนินงานและการบำรุงรักษาที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันให้ครอบคลุมสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

ด้วยพันธมิตรเชิงกลยุทธ์นี้ EDOTCO จะ:

  •  บำรุงรักษาเชิงป้องกันและเชิงแก้ไขโดยอัตโนมัติ – ระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มั่นใจความน่าเชื่อถือของเครือข่ายและลดระยะเวลาหยุดทำงาน;
     
  •  ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์การตรวจสอบสินทรัพย์ของกองยานและไซต์งาน – กำจัดข้อผิดพลาดในกระบวนการและอำนวยความสะดวกในการจัดการสินค้าคงคลังและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ให้ถูกต้องมากขึ้น;
     
  •  เปิดใช้งานการเช็คอินออนไลน์ที่มีการติดตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์อย่างปลอดภัย – เพิ่มความปลอดภัยและความรับผิดชอบของกำลังคน;
     
  •  ติดตามประสิทธิภาพของข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLA) แบบเรียลไทม์ – ปรับปรุงการส่งมอบและการตอบสนองด้านบริการ;
     
  •  บูรณาการกับระบบที่สำคัญได้อย่างราบรื่น – กำจัดข้อมูลที่ไม่เป็นระเบียบและจัดแนวทีมผ่านแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบรวมศูนย์

“ความมุ่งมั่นของ EDOTCO ในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะทำให้พวกเขาเป็นพันธมิตรที่เหมาะสม” กล่าวโดย Giuseppe Incitti ซีอีโอของ Sitetracker “วิสัยทัศน์ของพวกเขาสอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบกับภารกิจของเราในการส่งมอบการจัดการวงจรชีวิตสินทรัพย์แบบครบวงจรที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นที่สุดของโลก”

กำหนดมาตรฐานสำหรับอนาคตที่ให้ความสำคัญกับดิจิทัลเป็นอันดับแรก

ด้วยการเปิดตัว Sitetracker EDOTCO จะเป็นหนึ่งใน TowerCos แห่งแรกในเอเชียที่นำแพลตฟอร์ม O&M บนอุปกรณ์พกพาที่บูรณาการอย่างเต็มรูปแบบมาปรับใช้ในระดับนี้ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นในการดำเนินงานทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ดียิ่งขึ้น

ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสองบริษัทในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอนาคต ปรับปรุงการดำเนินการภาคสนาม และปรับปรุงคุณภาพของบริการดิจิทัลในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้

เกี่ยวกับ Sitetracker

Sitetracker ช่วยให้เจ้าของ ผู้ประกอบการ ผู้รับเหมา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ปรับกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพวงจรชีวิตสินทรัพย์แบบครบวงจรของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญได้ ในฐานะแพลตฟอร์มการจัดการวงจรชีวิตสินทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำระดับโลก Sitetracker ช่วยให้บริษัทนวัตกรรมต่างๆ เช่น Vodafone, Ericsson, ENGIE, Telefonica, Cypress Creek Renewables, Cox, Iberdrola, EVgo, Vantage Towers, Southern Company, Zayo, Tilson, Nextera, EDOTCO, E.On, Axione และ TEP วางแผน สร้าง ดำเนินการ และบำรุงรักษาโครงการ สถานที่ และสินทรัพย์นับล้านๆ แห่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ Sitetracker มอบความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานและสร้างความโปร่งใสอย่างเต็มรูปแบบในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พลังงานหมุนเวียน การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์ โดยขับเคลื่อนทีมงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ รับรองโครงการที่มีสุขภาพดี และช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถจัดการขนาด การเติบโต และความซับซ้อนได้ Sitetracker ได้รับความไว้วางใจจากผู้นำในอุตสาหกรรมหลายร้อยราย โดยมุ่งพัฒนาอนาคตที่เชื่อมต่อและยั่งยืนมากขึ้นทั่วโลก จัดการสิ่งที่สำคัญด้วย Sitetracker

เกี่ยวกับ EDOTCO Group

EDOTCO Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยเป็นบริษัทผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อดิจิทัลชั้นนำในเอเชีย ซึ่งนำเสนอโซลูชันแบบบูรณาการครบวงจรในภาคส่วนบริการเสาส่งสัญญาณ พันธกิจของบริษัทคือช่วยให้ประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อด้วยโซลูชันที่ล้ำสมัยและบรรลุถึงการเชื่อมต่อที่เท่าเทียมกัน

บริษัทมีเสาส่งสัญญาณมากกว่า 58,000 เสาในเก้าประเทศ ซึ่งดำเนินการอยู่ในมาเลเซีย บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา ปากีสถาน เมียนมาร์ ศรีลังกา และลาว โดยตอบสนองความต้องการด้านการเชื่อมต่ออย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนเพื่อช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรเร่งการเติบโตอย่างยั่งยืน EDOTCO ให้ความสำคัญกับการขยายพอร์ตโฟลิโออย่างรอบคอบสำหรับโอกาสทางธุรกิจทั้งแบบออร์แกนิกและอนินทรีย์ที่มีขนาด เศรษฐกิจ และผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับผู้ถือหุ้น

EDOTCO Group ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทหอส่งสัญญาณโทรคมนาคมแห่งเอเชียแปซิฟิกแห่งปีเป็นเวลาหกปีติดต่อกันจาก Frost & Sullivan และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามบริษัทระดับยูนิคอร์นของอาเซียนที่มีฐานอยู่ในมาเลเซีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.edotcogroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อมวลชน
Kathleen Ojo
Sitetracker
press@sitetracker.com

ที่มา: Sitetracker

โครงการ Smiling Angel ของ OPPO มอบรางวัลให้แก่พนักงานแนวหน้าดีเด่นที่นำสัมผัสแห่งความเป็นมนุษย์มาสู่ประสบการณ์ทางเทคโนโลยี

Logo

เซินเจิ้น, จีน–(BUSINESS WIRE)–26 พฤษภาคม 2025

OPPO แบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกเป็นเจ้าภาพจัดงานพิธีมอบรางวัล Smiling Angel ประจำปี 2025 ที่เมืองเซินเจิ้น เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา โดยมอบรางวัลให้แก่พนักงานแนวหน้าดีเด่น 163 คนจากทีมบริการลูกค้าและทีมขายปลีกที่มีผลงานโดดเด่น ด้วยความเชื่อของ OPPO ที่ว่าเทคโนโลยีไม่ใช่เป้าหมายในตัวเองแต่เป็นวิธีการในการให้บริการผู้คน Smiling Angel จึงเป็นรางวัลประจำปีที่สำคัญที่สุดที่มอบให้แก่พนักงานแนวหน้าที่เป็นแบบอย่างของความมุ่งมั่นของ OPPO ในการสร้างเทคโนโลยีและประสบการณ์ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง

OPPO hosted the 2025 Smiling Angel Awards Ceremony

OPPO เป็นเจ้าภาพจัดงานพิธีมอบรางวัล Smiling Angel Awards ประจำปี 2025

ด้วยการทำงานร่วมกับร้านค้าและศูนย์บริการมากกว่า 300,000 แห่งทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าของ OPPO 77,000 คนไม่เพียงแต่เป็นจุดติดต่อที่สำคัญระหว่าง OPPO และผู้ใช้ทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ที่ช่วยทำให้เทคโนโลยีและแบรนด์ของ OPPO มีชีวิตชีวาขึ้นมาผ่านการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ และเติมเต็มความอบอุ่นผ่านการดูแลเอาใจใส่

นอกเหนือจากข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค: ความเห็นอกเห็นใจและความคิดสร้างสรรค์จะช่วยกำหนดประสบการณ์ของ OPPO

จิตวิญญาณของ Smiling Angel อยู่ที่ “Benfen” (ปรัชญาหลักของ OPPO ในการทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอและก้าวข้ามสิ่งที่คาดหวัง) ทัศนคติเชิงบวก ความเต็มใจที่จะแบ่งปัน และความมุ่งมั่นในการให้บริการที่ยอดเยี่ยม โดยอิงจากค่านิยมเหล่านี้ โปรแกรม OPPO Smiling Angel จึงก้าวข้ามตัวชี้วัดตามประสิทธิภาพทั่วไปเพื่อเน้นย้ำถึงการประเมิน “ผลงานที่โดดเด่นต่อประสบการณ์ผู้ใช้” ของพนักงาน โดยมุ่งหวังที่จะเน้นย้ำถึงผู้ที่สร้างประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาให้กับลูกค้าผ่านบริการที่สร้างสรรค์และการเชื่อมโยงส่วนบุคคล

เรื่องราวดังกล่าวเรื่องหนึ่งมาจาก Trương Thị Hồng Nga ที่ปรึกษาฝ่ายบริการจากเวียดนาม โดยในช่วงฤดูฝนของเวียดนาม Hồng Nga ได้ช่วยเหลือพนักงานส่งอาหารซึ่งโทรศัพท์ OPPO A3x ของเขาหยุดทำงานเนื่องจากโดนฝนเป็นเวลานาน Hồng Nga สามารถระบุสาเหตุของปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทำให้โทรศัพท์ใช้งานได้อีกครั้งภายใน 30 นาที ด้วยการจัดเตรียมกระเป๋าใส่ของกันน้ำและคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการใช้โทรศัพท์ในช่วงฝนตกหนัก ช่วยให้เธอเปลี่ยนสถานการณ์ที่ตึงเครียดให้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความห่วงใยและการเชื่อมโยง การตอบสนองของเธอไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าสามารถกลับมาทำงานได้ในวันเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการในซีรีส์ A ของ OPPO อีกด้วย

เรื่องราวที่คล้ายกันนี้สามารถพบได้ทั่วทั้งภูมิภาค ในมาเลเซีย Lim Chun ได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคอันแข็งแกร่งของเขาในการสำรองข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ไม่ตอบสนองของผู้ใช้ได้สำเร็จ ในบังกลาเทศ Robiul Islam Rana ซึ่งเป็นพนักงานขายปลีกที่มีผลงานยอดเยี่ยม ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าผ่านการให้บริการที่ทุ่มเทและเอาใจใส่ของเขา แม้ว่าจะมาจากครอบครัวที่ด้อยโอกาสและมีรายได้ไม่มากนัก แต่เขาก็ยังให้บริการติดตั้งฟิล์มกันรอยหน้าจอและบริการทำความสะอาดโทรศัพท์ฟรีสำหรับลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยในครั้งหนึ่ง เขาเดินทางด้วยรถลากเป็นระยะทาง 47 กิโลเมตรเพื่อไปส่งมอบโทรศัพท์ให้กับลูกค้า

ผู้ชนะรางวัลอีกรายที่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของ Smiling Angel ด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันยั่งยืนกับลูกค้าของเธอ คือ Niluh Warniasih ผู้ช่วยฝ่ายขายปลีกในบาหลี เธอกล่าวว่า “ฉันรู้ว่าในโลกของการขาย ไม่ใช่แค่เรื่องของสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ด้วย ฉันสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าด้วยการให้บริการที่ดีที่สุด ฉันมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้ได้มากกว่าเดิม ไม่ใช่เพียงแค่การขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าด้วย” Niluh รักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าของเธอและติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์ของพวกเขา

ตามที่ Roy Chen หัวหน้าแผนกช่องทางการจำหน่ายและค้าปลีกต่างประเทศของ OPPO กล่าวไว้ว่า “เราไม่ได้นั่งรออยู่ในร้านอีกต่อไป แต่เราโต้ตอบกับผู้บริโภคอย่างแข็งขันผ่านโซเชียลมีเดีย มอบคุณค่าทั้งในด้านการใช้งานและอารมณ์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการขายของเราในที่สุด” ซึ่งพนักงานแนวหน้าของ OPPO ทุกคนต่างยึดมั่นในความเชื่อเดียวกันนี้ในทุกวันไม่เพียงแต่จะเกินความคาดหวังเท่านั้น แต่ยังยกระดับการโต้ตอบกับลูกค้าทุกคนด้วยความเห็นอกเห็นใจ ความทุ่มเท และสัมผัสแห่งความเป็นมนุษย์ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของ Smiling Angel

การอยู่เคียงข้างลูกค้าตลอดเส้นทาง ตั้งแต่แนวหน้าจนถึงหัวใจของประสบการณ์

ในอุตสาหกรรมที่มักมองว่าข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่แท้จริงเพียงอย่างเดียว โครงการ Smiling Angel ได้สะท้อนถึงแนวทางระยะยาวของ OPPO ในการนำปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์จริงมาเป็นศูนย์กลางของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยมีศูนย์บริการออฟไลน์มากกว่า 3,300 แห่งและพนักงานบริการที่ติดต่อกับลูกค้า 12,000 คนทั่วโลก โดยเครือข่ายบริการของ OPPO คือจุดที่บริษัทนำความเชื่อนี้ไปปฏิบัติจริงผ่านบริการที่สม่ำเสมอและเป็นมืออาชีพพร้อมสัมผัสแห่งความเป็นมนุษย์

OPPO เข้าใจดีว่าประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีเยี่ยมนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว “ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบมาตรฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความสามารถในการเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้แต่ละรายไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม” Samuel Fang หัวหน้าฝ่ายบริการหลังการขายทั่วโลกของ OPPO กล่าว

เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ทั่วโลกจะได้รับประสบการณ์ที่เชื่อถือได้ ทาง OPPO จึงได้สร้างกรอบการบริการที่ครอบคลุมโดยเน้นมาตรฐานการบริการ 6S เป็นหลัก มาตรฐานนี้จะควบคุมกระบวนการทั้งหมดของลูกค้า ตั้งแต่การเตรียมบริการและการต้อนรับไปจนถึงการติดตามผลหลังการขาย เพื่อให้แน่ใจว่าทุกรายละเอียดจะได้รับการจัดการอย่างรอบคอบ

นอกจากนี้ OPPO ยังได้จัดทำกรอบการพัฒนาบุคลากรที่มีโครงสร้างชัดเจนโดยยึดตามปรัชญาการให้บริการระดับโลกของบริษัทที่เรียกว่า “Care & Reach” ตั้งแต่การสรรหาและฝึกอบรมไปจนถึงการสร้างความสามารถในระยะยาวและโปรแกรมจูงใจเช่น Smiling Angel ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และความเป็นเลิศในระดับมืออาชีพเข้าด้วยกัน

ด้วยความหลากหลายของตลาดทั่วโลก OPPO จึงมอบบริการที่ปรับแต่งให้เหมาะกับท้องถิ่นโดยอิงจากการเยี่ยมชมตลาดบ่อยครั้งและข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า บริษัทได้เป็นผู้นำในการเปิดตัวชุดโครงการ “Care & Reach Service” เช่น เครื่องดื่มเย็นฟรีในภูมิภาคที่มีสภาพอากาศร้อนกว่า รายละเอียดที่ปรับแต่งให้เหมาะกับท้องถิ่นเหล่านี้ช่วยให้บริการของ OPPO เหมาะกับชีวิตและนิสัยของผู้ใช้ในตลาดต่างๆ มากขึ้น ทำให้การเดินทางทุกครั้งไปยังศูนย์บริการของ OPPO กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจกับแบรนด์

แนวทางที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้เป็นอันดับแรกนี้ยังคงได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ในปี 2024 ทีมบริการของ OPPO ในอินโดนีเซียได้รับรางวัลประสบการณ์การบริการลูกค้าที่ดีที่สุดและรางวัลคุณภาพบริการจากงาน SWA ในปีเดียวกัน ทีมของ OPPO ในมาเลเซียได้รับรางวัลประสบการณ์ลูกค้าที่ดีที่สุดของ CXP และทีมบริการของบังกลาเทศได้รับรางวัล Deep to Award อันทรงเกียรติในประเภทการคุ้มครองผู้บริโภค

จากการได้รับการยอมรับนี้ OPPO จึงยังคงให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ต่อไปผ่าน Smiling Angel และโครงการริเริ่มอื่นๆ โดยโครงการ Smiling Angel ไม่เพียงแต่เป็นโครงการมอบรางวัลให้กับพนักงานเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่กว้างขึ้นของ OPPO ที่ว่าเทคโนโลยีที่ดีที่สุดนั้นต้องมาจากการเชื่อมโยงและการดูแลเอาใจใส่ของมนุษย์เสมอ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Xuening Gong
gongxuening@oppo.com

ที่มา: OPPO

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250525200035/en

การประชุมสภาบริหาร APO ครั้งที่ 67 ในอินโดนีเซีย กำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์สำหรับวิสัยทัศน์ด้านผลิตภาพที่เป็นหนึ่งเดียว

Logo

จาการ์ตา, อินโดนีเซีย–(BUSINESS WIRE)–26 พฤษภาคม 2025

องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) จัดการประชุมสภาบริหาร (GBM) ครั้งที่ 67 ระหว่างวันที่ 20–22 พฤษภาคม 2025 ที่จาการ์ตา โดยมีรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ โดยการประชุมประจำปีครั้งนี้มีผู้แทนจากรัฐบาลสมาชิก APO มากกว่า 50 คนเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ APO และรับรองความน่าเชื่อถือ ประสิทธิผล และความเกี่ยวข้องขององค์กรอย่างต่อเนื่องท่ามกลางภูมิทัศน์ด้านผลิตภาพที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

Heads of delegations and the Minister of Manpower of the Republic of Indonesia (center, seated) at the 67th GBM.

หัวหน้าคณะผู้แทนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกำลังคนของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (นั่งตรงกลาง) ในการประชุม GBM ครั้งที่ 67

การประชุม GBM ครั้งที่ 67 มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำที่สำคัญมากมาย ผู้อำนวยการ APO ประจำอินเดีย Amardeep Singh Bhatia เข้ารับตำแหน่งประธาน APO ประจำปี 2025–26 แทนผู้อำนวยการ APO ประจำฟิจิ Jone Maritino Nemani นอกจากนี้ Agung Nur Rohmad ผู้อำนวยการ APO ประจำอินโดนีเซีย และ Dr. Mohammad Saleh Owlia ผู้อำนวยการ APO ประจำสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ยังได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานคนแรกและคนที่สองตามลำดับ

คณะกรรมการบริหารแสดงความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องต่อความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้าของ Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการคนปัจจุบัน ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยเลือกให้เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการเป็นสมัยที่สองตั้งแต่เดือนกันยายน 2025 ถึงเดือนกันยายน 2028

ในคำกล่าวเปิดงาน ประธาน APO Bhatia ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของอินเดียที่มีต่อวิสัยทัศน์ของ APO ที่จะเติบโตอย่างครอบคลุม ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้ง APO นอกจากนี้ เขายังยืนยันถึงความมุ่งมั่นของอินเดียในการเสริมสร้างประสิทธิภาพของสถาบันและแนวทางเชิงกลยุทธ์ของ APO ผ่านการดำรงตำแหน่งประธาน และชื่นชมความคืบหน้าที่สำคัญที่เกิดขึ้นในการพัฒนาระบบนิเวศ Green Productivity (GP) 2.0

การประชุมเปิดงาน GBM ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกำลังคนของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ศาสตราจารย์ Yassierli โดยในสุนทรพจน์เปิดงาน รัฐมนตรีศาสตราจารย์ Yassierli ได้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการตอบสนองร่วมกันต่อภูมิทัศน์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีลักษณะเด่นคือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การหยุดชะงักของเทคโนโลยี และแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ไม่ควรมองผลผลิตเป็นการแข่งขันระหว่างประเทศ แต่ควรมองเป็นการเดินทางร่วมกันที่หยั่งรากลึกในความเคารพซึ่งกันและกัน ความรู้ร่วมกัน และความสามัคคี ศาสตราจารย์ Yassierli ได้กล่าวถึงบทบาทสำคัญของ APO ในการอำนวยความสะดวกให้เกิดความสามัคคีในหมู่สมาชิกโดยทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับความร่วมมือในทางปฏิบัติผ่านโซลูชันที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่นและได้รับข้อมูลระดับโลก เช่น GP

การประชุม GBM ครั้งที่ 67 นำเสนอการหารือเชิงลึกในประเด็นสำคัญเชิงกลยุทธ์หลายประการเพื่อกำหนดทิศทางของ APO ในปีต่อๆ ไป โดยประเด็นสำคัญในการประชุมนี้ คือ การหารือเกี่ยวกับกรอบวิสัยทัศน์ของ APO หลังปี 2025 ซึ่งจะวางรากฐานสำหรับกิจกรรมของ APO ต่อจากปี 2025 นอกจากนี้ ยังมีการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาระบบนิเวศ GP 2.0 และคณะกรรมการบริหารยินดีกับคำแนะนำจากการประชุมประจำปีของ Green Productivity Advisory Council ซึ่งจัดขึ้นที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 14 ถึง 15 เมษายน 2025

หัวข้อสำคัญอื่นๆ รวมถึงการแก้ไขที่เสนอต่อสูตรการสนับสนุนสมาชิกตามคำแนะนำของคณะทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าการจัดหาเงินทุนของ APO จะยุติธรรมและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีการหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการเสริมสร้างความสามารถด้านดิจิทัลของสำนักงานเลขาธิการผ่านระบบที่ได้รับการปรับปรุงและขยายการเข้าถึงบริการของ APO นอกจากนี้ GBM ยังได้ทบทวนความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขตามการประเมินของบุคคลภายนอกที่เป็นอิสระ ซึ่งยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ APO ที่มีต่อธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และประสิทธิภาพของสถาบัน นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์สำคัญอื่นๆ อีก ได้แก่ การรับรองสถาบันรับรองการพัฒนาของฟิลิปปินส์ให้ดำเนินการตามแผน Productivity Specialist และการขยายขอบเขตของสถาบันรับรองระดับชาติของอินโดนีเซีย GBM ยังต้อนรับผู้สังเกตการณ์จากองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติและกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ซึ่งแสดงถึงการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นของ APO กับองค์กรที่ไม่ใช่สมาชิกและองค์กรระหว่างประเทศที่ดำเนินการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

การประชุม GBM ครั้งที่ 67 ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงได้สิ้นสุดลงด้วยข้อความแสดงความยินดี โดยคณะกรรมการบริหารได้ต้อนรับการประกาศของประธาน APO Bhatia อย่างอบอุ่นเกี่ยวกับความพร้อมของอินเดียในการเป็นเจ้าภาพการประชุม GBM ครั้งที่ 68 ในปี 2026

เกี่ยวกับ APO

APO เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่มุ่งมั่นในการปรับปรุงเพื่อเพิ่มผลผลิตและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านบริการให้คำแนะนำด้านนโยบาย ความคิดริเริ่มในการสร้างศักยภาพ การแบ่งปันความรู้ และความร่วมมือ โดยเป็นองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่แสวงหากำไร และไม่เลือกปฏิบัติ

APO ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้ง 8 ประเทศ ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 21 ประเทศ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: 
https://www.businesswire.com/news/home/20250526891094/en

Contacts

องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO)
ติดต่อ: pr@apo-tokyo.org
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

ที่มา: The Asian Productivity Organization

ศาลฎีกาของจอร์เจียยกฟ้องคำอุทธรณ์ของ SPRIBE ยืนยันชัยชนะในคดีทรัพย์สินทางปัญญาของ Aviator LLC

Logo

ทบิลิซี จอร์เจีย–(BUSINESS WIRE)–27 พฤษภาคม 2025

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2025 ศาลฎีกาของจอร์เจียได้ยกฟ้องคำอุทธรณ์ของ SPRIBE เนื่องจากไม่สามารถรับฟังได้ ส่งผลให้เครื่องหมายการค้าของ SPRIBE ในจอร์เจียกลายเป็นโมฆะในที่สุด ศาลยืนยันว่าเครื่องหมายการค้าของ SPRIBE ได้รับการจดทะเบียนด้วยความไม่สุจริตและละเมิดลิขสิทธิ์ของ Aviator LLC คำตัดสินนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Aviator LLC ในความพยายามบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากจอร์เจียซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดของทรัพย์สินทางปัญญาของ Aviator ได้ให้การยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วแก่ Aviator LLC ในฐานะเจ้าของที่ถูกต้องตามกฎหมายของทั้งเครื่องหมายการค้า Aviator และรูปภาพเครื่องบินที่เกี่ยวข้อง

การตัดสินดังกล่าวถือเป็นชัยชนะทางยุทธศาสตร์แก่ Aviator LLC และเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางกฎหมายของบริษัทในข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องซึ่งเกิดขึ้นในเขตอำนาจศาลหลายแห่ง การยอมรับสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาแต่เพียงผู้เดียวของ Aviator LLC ในประเทศบ้านเกิดอาจใช้เป็นบรรทัดฐานที่น่าเชื่อถือในกระบวนการที่กำลังดำเนินการอยู่ในที่อื่น

ขณะนี้มีการดำเนินการสำคัญดังกล่าวที่สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของสหภาพยุโรป (EUIPO) ซึ่งบริษัท Aviator LLC ได้ยื่นฟ้องขอให้ยกเลิกเครื่องหมายการค้า Aviator ของ SPRIBE จนถึงขณะนี้ SPRIBE ได้ขอขยายระยะเวลาการยื่นคำตอบออกไปสามครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการพยายามชะลอคดีและหลีกเลี่ยงการแก้ไขข้อกล่าวหาเบื้องต้น นั่นคือการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาตในตลาดยุโรป

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและข้อสงสัยเกี่ยวกับสื่อ โปรดติดต่อตัวแทนของ Aviator LLC ได้ที่info.aviator@mikadze.ge.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Nikoloz Gogilidze
info.aviator@mikadze.ge

ที่มา: Aviator LLC

ซาอุดีอาระเบียเปิดตัว TOURISE: แพลตฟอร์มระดับโลกที่กล้ากำหนดนิยามใหม่และสร้างอนาคตใหม่สำหรับการท่องเที่ยวในวงกว้าง

Logo

  • TOURISE เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกแห่งแรกที่รวมผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในภาคส่วนสาธารณะและเอกชนในระบบนิเวศการท่องเที่ยว เทคโนโลยี การลงทุน และความยั่งยืน
  • ภายใต้การนำของคณะที่ปรึกษาระดับสูงจากผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลก TOURISE มีเป้าหมายที่จะปลดล็อกกระแสการลงทุนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและโอกาสการลงทุนที่มีมูลค่าสูงที่จะรีเซ็ตอุตสาหกรรม
  • โปรแกรมรางวัล TOURISE จะมอบรางวัลให้กับจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่มีจุดมุ่งหมาย น่าประทับใจ และสอดคล้องกับความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางในปัจจุบัน
  • การประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรกเฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้นจะจัดขึ้นที่ริยาดระหว่างวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025 และจะขยายเป็นแพลตฟอร์มตลอดทั้งปีเพื่อกำหนดทิศทางการเดินทาง การเชื่อมต่อ และการเติบโตของโลก

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–22 พฤษภาคม 2025

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb เปิดตัว TOURISE อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกใหม่ที่กล้าออกแบบมาเพื่อสร้างอนาคตใหม่และวางแผนงานร่วมกันสำหรับการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า

TOURISE สร้างขึ้นด้วยความทะเยอทะยานและสนับสนุนด้วยวิสัยทัศน์ โดยจะรวมเอากลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคส่วนสาธารณะและเอกชนเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว เทคโนโลยี การลงทุน ความยั่งยืน และวัฒนธรรม จะเชื่อมโยงกันเพื่อรับมือกับความท้าทายที่สำคัญ ปลดล็อกโอกาสที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และกำหนดวาระสำหรับภาคส่วนที่ยั่งยืน ยุติธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

โดยร่วมกับพันธมิตรระดับโลกจากสถาบันพหุภาคีไปจนถึงผู้นำภาคเอกชน TOURISE ถูกออกแบบมาเพื่อปลดล็อกกระแสข้อตกลงที่สำคัญที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมด้วยโอกาสการลงทุนที่มีมูลค่าสูงและการเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เตรียมประกาศและเปิดใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม

TOURISE ไม่ใช่กิจกรรมธรรมดา แต่เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่จัดโครงสร้างให้ส่งผลกระทบตลอดทั้งปีผ่านความร่วมมือทางดิจิทัล กลุ่มการทำงานตามหัวข้อ และความร่วมมือข้ามภาคส่วนซึ่งมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงภาคส่วนในระยะยาว ซึ่งจะรวมถึงการเขียนเอกสารเผยแพร่และดัชนีระดับโลกที่เน้นด้านการท่องเที่ยว ความยั่งยืน และเศรษฐกิจโลก ซึ่งพัฒนาร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศชั้นนำ โดยกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับภาคส่วนการท่องเที่ยว

การประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรกจะจัดขึ้นที่ริยาดระหว่างวันที่ 11 ถึง 13 พฤศจิกายน 2025 โปรแกรมดังกล่าวซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดด้วย จะมุ่งเน้นไปที่หัวข้อหลักสี่หัวข้อ ได้แก่ อนาคตของการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วย AI – สร้างสรรค์นวัตกรรมหรือจางหายไป การรีเซ็ตการท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ – รูปแบบธุรกิจและการลงทุนที่พลิกโฉมใหม่ การรีบูตประสบการณ์การเดินทาง – การอัปเกรดที่กำลังดำเนินอยู่ และการท่องเที่ยวที่ได้ผล – เพื่อผู้คน โลก และความก้าวหน้า โซนนวัตกรรมเฉพาะจะจัดแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันที่ก้าวล้ำจาก SMEs และองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ครอบคลุมถึง AI การเดินทาง ความยั่งยืน และอื่นๆ จากผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมในภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน

ตามรายงานของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) ปีนี้ การท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์ว่าภาคส่วนนี้จะมีส่วนสนับสนุนต่อเศรษฐกิจโลก 11.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.3 ของ GDP ทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่างๆ เช่น พลวัตของตลาดที่เปลี่ยนไป ความต้องการของนักเดินทางที่เปลี่ยนไป และข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตยังคงเป็นความเสี่ยงต่อการรักษาความก้าวหน้า ในช่วงเวลาสำคัญนี้ TOURISE ให้การสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ที่จำเป็นในการฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้และรักษาโมเมนตัมเอาไว้ได้

ในการกล่าวเปิดตัวเสมือนจริงในวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธาน TOURISE ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb กล่าวว่า:การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนที่เชื่อมโยงและพลวัตมากที่สุดในเศรษฐกิจโลก โดยสนับสนุนการจ้างงานหนึ่งในสิบตำแหน่งทั่วโลก แต่เมื่อโลกพัฒนาไป ภาคส่วนต่างๆ ก็ต้องพัฒนาตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทาง ไปจนถึงการตอบสนองความต้องการเร่งด่วนเพื่อความยั่งยืนและแนวทางการเดินทางที่เท่าเทียมกันมากขึ้น โดย TOURISE จะเป็นแพลตฟอร์มที่จำเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยว ที่ได้รวมเอาบุคลากรที่เหมาะสมมาเพื่อพัฒนาโซลูชันที่สร้างสรรค์และสร้างความร่วมมือ ทำให้ภาคส่วนการท่องเที่ยวมีความยืดหยุ่น เชื่อมโยง และครอบคลุมมากกว่าที่เคย”

Julia Simpson ประธานและซีอีโอของ World Travel & Tourism Council และสมาชิกคณะที่ปรึกษา TOURISE ซึ่งเข้าร่วมงานกับ ฯพณฯ ในการเปิดตัว TOURISE อย่างเป็นทางการ กล่าวว่า: “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดับโลกนี้และสานต่อความร่วมมืออันยาวนานของเราในระบบนิเวศการท่องเที่ยวทั้งหมด เพื่อให้ภาคส่วนนี้พัฒนาและบรรลุศักยภาพสูงสุด ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวทั่วโลก เราสามารถร่วมกันรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันได้ ขณะเดียวกันก็ร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและสร้างสรรค์สำหรับวันพรุ่งนี้

TOURISE ได้รับการสนับสนุนจากคณะที่ปรึกษาซึ่งมีท่านเป็นประธาน พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจากบริษัททัวร์ออนไลน์ บริษัททัวร์ โรงแรม หน่วยงานการท่องเที่ยวระดับโลก ความบันเทิง และสื่อต่างๆ รวมถึง: Mario Enzesberger ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Liberty International Tourism Group; Mo Gawdat ผู้ก่อตั้ง One Billion Happy; Stephane Lefebvre ประธาน Cirque du SoleiMo Gawdatl Entertainment Group; Luis Maroto ซีอีโอของ Amadeus; และ Julia Simpson ซีอีโอของ World Travel & Tourism Council (WTTC); และ Thomas Woldbye ซีอีโอของสนามบินฮีทโธรว์

วันนี้ได้มีการประกาศรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรก ซึ่งเป็นโครงการยกย่องสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในระบบนิเวศการท่องเที่ยวทั่วโลก รางวัลนี้จะเน้นที่ความสำเร็จที่โดดเด่นในด้านความยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการพัฒนากำลังคน การส่งข้อเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจะเปิดในวันที่ 2 มิถุนายน และผู้ชนะรางวัลจะประกาศในคืนเปิดงาน TOURISE Summit

TOURISE สร้างขึ้นบนบทบาทที่เพิ่มขึ้นของซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้มีส่วนสนับสนุนหลักและผู้ขับเคลื่อนในภูมิทัศน์การท่องเที่ยวระดับโลกควบคู่ไปกับองค์กรอุตสาหกรรมหลักๆ เช่น การท่องเที่ยวของสหประชาชาติ WTTC และฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) ในปี 2024 เพียงปีเดียว ซาอุดีอาระเบียบรรลุเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2030 ที่ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยว 100 ล้านคนต่อปี เร็วกว่ากำหนด 7 ปี และภาคการท่องเที่ยวมีส่วนสนับสนุนเกือบ 5% ต่อ GDP ของประเทศ รองจากการผลิตน้ำมันเท่านั้น สิ่งนี้เน้นย้ำถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นและความมุ่งมั่นในระยะยาวของซาอุดีอาระเบียในการสนับสนุนการท่องเที่ยวในฐานะตัวขับเคลื่อนความก้าวหน้าและการเติบโตระดับโลก ในการสร้าง TOURISE ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก ตั้งแต่สถาบันพหุภาคีไปจนถึงผู้นำภาคเอกชน ซาอุดีอาระเบียจะมั่นใจว่าความเป็นผู้นำของตนจะสร้างผลกระทบไปทั่วโลก

หากต้องการลงทะเบียนแสดงความสนใจและเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มที่จะกำหนดบทต่อไปของการท่องเที่ยวระดับโลก ให้ไปที่ www.tourise.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับคำถามของสื่อ โปรดติดต่อ: media@tourise.com

ที่มา: TOURISE

TII ผู้นำด้านการพัฒนา AI ในตะวันออกกลางเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ Falcon Arabic ที่เป็นโมเดลอาหรับรุ่นแรกในซีรีส์ Falcon และ Falcon-H1 ที่เป็นโมเดลประสิทธิภาพสูงที่ดีที่สุดในกลุ่ม

Logo

Falcon Arabic: นอกเหนือจากภาษาอังกฤษและภาษาต้นกำเนิดของยุโรปแล้ว Falcon ยังผสานภาษาอาหรับเข้าไปอีกด้วย ซึ่งจะช่วยขยายขอบเขตการใช้งานทั่วโลกสำหรับประเทศที่ใช้ภาษาอาหรับให้กลายเป็นโมเดล AI ภาษาอาหรับที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในภูมิภาค

Falcon-H1 กำหนดนิยามใหม่ให้กับประสิทธิภาพและความสามารถในการพกพา เหนือกว่า LlaMA ของ Meta และ Qwen ของ Alibaba เพื่อเปิดใช้งาน AI ในโลกแห่งความเป็นจริงบนอุปกรณ์ทั่วไปและในการตั้งค่าที่มีทรัพยากรจำกัด

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2025

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยประยุกต์ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี เปิดตัวความก้าวหน้าทาง AI ที่สำคัญ 2 รายการในวันนี้: Falcon Arabic ที่เป็นโมเดลภาษาอาหรับรุ่นแรกในซีรีส์ Falcon โดยในปัจจุบันเป็นโมเดล AI ภาษาอาหรับที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในภูมิภาค และ Falcon-H1 ที่เป็นโมเดลใหม่ที่จะมานิยามประสิทธิภาพและความสะดวกในการพกพาผ่านการออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ ในหมวดหมู่ขนาดเล็กถึงขนาดกลางของโมเดล AI (30 ถึง 70 พันล้านพารามิเตอร์) Falcon-H1 เหนือกว่าผลิตภัณฑ์ที่เทียบเคียงได้จาก LlaMA ของ Meta และ Qwen ของ Alibaba โดยช่วยให้สามารถใช้ AI ในโลกแห่งความเป็นจริงได้บนอุปกรณ์ทั่วไปและในสภาพแวดล้อมที่มีทรัพยากรจำกัด การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการกล่าวปราศรัยสำคัญโดย H.E. Faisal Al Bannai ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเลขาธิการ ATRC ในงาน Make it in the Emirates

Falcon Arabic ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ Falcon 3-7B (7 พันล้านพารามิเตอร์) เป็นหนึ่งในโมเดล AI ที่เป็นภาษาอาหรับที่ได้รับการพัฒนามากที่สุดจนถึงปัจจุบัน ได้รับการฝึกฝนบนชุดข้อมูลภาษาอาหรับพื้นเมืองคุณภาพสูง (ไม่ได้รับการแปลมา) ครอบคลุมภาษาอาหรับมาตรฐานสมัยใหม่และภาษาถิ่นตามภูมิภาค โดยสามารถจับภาพความหลากหลายทางภาษาทั้งหมดของโลกอาหรับ จากผลการประเมินประสิทธิภาพของ Open Arabic LLM Leaderboard พบว่า Falcon Arabic เหนือกว่าโมเดลภาษาอาหรับอื่นๆ ที่มีอยู่ทุกภูมิภาค ซึ่งช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้าน AI หลายภาษาที่เป็นอิสระ ถือเป็นโมเดลอาหรับที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในระดับเดียวกัน โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโมเดลที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 10 เท่า ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าสถาปัตยกรรมอัจฉริยะสามารถให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าขนาดที่แท้จริงได้

นอกจากนี้ โมเดล Falcon-H1 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อขยายการเข้าถึง AI ประสิทธิภาพสูงด้วยการลดพลังการประมวลผลและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคแบบเดิมเพื่อใช้สำหรับการประมวลผลระบบขั้นสูง โดยการประกาศนี้สร้างขึ้นจากความสำเร็จของซีรีส์ Falcon 3 ของ TII ซึ่งติดอันดับโมเดล AI ระดับโลกชั้นนำที่สามารถทำงานบนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ตัวเดียว ความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่ช่วยให้นักพัฒนา สตาร์ทอัพ และสถาบันต่างๆ ที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานระดับไฮเอนด์สามารถปรับใช้ AI ล้ำสมัยได้ในราคาที่เอื้อมถึง

“เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ในที่สุดเราก็ได้นำภาษาอาหรับมาสู่ Falcon และภูมิใจยิ่งกว่าที่โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลกอาหรับถูกสร้างขึ้นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” กล่าวโดย H.E. Faisal Al Bannai ในงาน Make it in the Emirates ในอาบูดาบี เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Falcon-H1 เขากล่าวว่า “ปัจจุบัน ความเป็นผู้นำด้าน AI ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเพียงเพื่อให้เกิดขนาดเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการสร้างเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพให้เป็นประโยชน์ ใช้งานได้ และเป็นสากล โดย Falcon-H1 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งมอบ AI ที่เหมาะกับทุกคน ไม่ใช่แค่เพียงไม่กี่คน”

Falcon-H1 ยังคงรองรับภาษาที่มีต้นกำเนิดจากยุโรปและมีความสามารถปรับขนาดเพื่อรองรับได้มากกว่า 100 ภาษาเป็นครั้งแรก ขอบคุณโทเค็นไนเซอร์หลายภาษาที่ได้รับเทรนจากชุดข้อมูลที่หลากหลาย

ฉลาดกว่า เรียบง่ายกว่า และครอบคลุมมากขึ้น

Falcon-H1 ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่น และใช้งานง่าย และมีการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก Falcon-H1 ที่มีชื่อว่า “H” เนื่องมาจากสถาปัตยกรรมไฮบริดที่ผสมผสานจุดแข็งของ Transformers และ Mamba เข้าด้วยกัน ทำให้ความเร็วในการอนุมานเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและใช้หน่วยความจำน้อยลง ในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพสูงในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ

“เราพิจารณา Falcon-H1 ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญด้านการวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นความท้าทายด้านวิศวกรรมอีกด้วย: จะส่งมอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมโดยไม่มีใครเทียบเคียงได้อย่างไร” กล่าวโดย ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอ ของ TII “โมเดลนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างระบบที่มีความเข้มข้นทางเทคนิคพร้อมประโยชน์ใช้สอยในโลกแห่งความเป็นจริง Falcon ไม่ใช่แค่โมเดลเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานที่ส่งเสริมนักวิจัย นักพัฒนา และนักประดิษฐ์ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ทรัพยากรมีจำกัดแต่ความทะเยอทะยานกลับไม่มี”

โมเดลตระกูล Falcon-H1 มีหลายขนาด ได้แก่ 34B, 7B, 3B, 1.5B, 1.5B-deep และ 500M โมเดลเหล่านี้มอบอัตราส่วนประสิทธิภาพต่อประสิทธิผลที่หลากหลายแก่ผู้ใช้ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเลือกโมเดลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์การปรับใช้ของตนได้ แม้ว่าโมเดลที่มีขนาดเล็กกว่าจะทำให้สามารถปรับใช้กับอุปกรณ์ขอบที่มีข้อจำกัดได้ แต่โมเดลเรือธง 34B ก็มีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดลที่คล้ายกันจาก LlaMA ของ Meta และ Qwen ของ Alibaba ในงานที่ซับซ้อน

“ซีรีส์ Falcon-H1 แสดงให้เห็นว่าสถาปัตยกรรมใหม่สามารถปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ ในการเทรน AI ได้อย่างไร ในขณะเดียวกันก็สามารถแสดงศักยภาพของโมเดลในขนาดกะทัดรัดพิเศษได้อีกด้วย” กล่าวโดย ดร. Hakim Hacid หัวหน้านักวิจัยศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์และวิทยาศาสตร์ดิจิทัล TII “การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานนี้ทำให้สิ่งที่เป็นไปได้ในระดับเล็กที่สุดเกิดขึ้นได้ ช่วยให้เกิด AI ที่ทรงพลังบนอุปกรณ์ Edge ที่มีความเป็นส่วนตัว ประสิทธิภาพ และมีเวลาแฝงต่ำอย่างมีนัยสำคัญ โดยเรามุ่งเน้นที่การลดความซับซ้อนโดยไม่กระทบต่อความสามารถใดๆ”

โมเดลแต่ละรุ่นในตระกูล Falcon-H1 มีประสิทธิภาพเหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่าสองเท่า นับเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านอัตราส่วนประสิทธิภาพต่อประสิทธิผล นอกจากนี้ โมเดลเหล่านี้ยังมีความโดดเด่นในด้านคณิตศาสตร์ การให้เหตุผล การเขียนโค้ด การเข้าใจบริบทระยะยาว และงานหลายภาษาอีกด้วย

ผลกระทบระดับนานาชาติ

โมเดล Falcon กำลังถูกใช้เป็นพลังงานให้กับแอปพลิเคชันในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ด้วยความร่วมมือกับ Bill & Melinda Gates Foundation, Falcon ได้สนับสนุนการพัฒนา AgriLLM ซึ่งเป็นโซลูชันที่ช่วยให้เกษตรกรตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้นภายใต้สภาพภูมิอากาศที่ท้าทาย โดยระบบนิเวศ Falcon ของ TII ถูกดาวน์โหลดมากกว่า 55 ล้านครั้งทั่วโลก และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นตระกูลโมเดล AI แบบเปิดที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพสูงอย่างต่อเนื่องมากที่สุดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ในขณะที่โมเดล AI จำนวนมากมุ่งเน้นไปที่กรณีการใช้งานของผู้บริโภคในวงแคบ TII ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างแบบจำลองพื้นฐานที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่เข้มข้นของอุตสาหกรรม การวิจัย และสาธารณประโยชน์ โดยไม่กระทบต่อการเข้าถึงต่างๆ โมเดลเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำไปใช้กับสถานการณ์จริงในโลกที่หลากหลาย โดยยังคงสามารถเข้าถึงได้ ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันได้

โมเดล Falcon ทั้งหมดเป็นโอเพ่นซอร์สและพร้อมใช้งานบน Hugging Face และ FalconLLM.TII.ae ภายใต้ใบอนุญาต TII Falcon ที่เป็นใบอนุญาตที่ใช้ Apache 2.0 ซึ่งส่งเสริมการพัฒนา AI ที่มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม

ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20250521901857/en

Contacts

Jennifer Dewan
Jennifer.Dewan@tii.ae

ที่มา: Technology Innovation Institute

The Bangkok Reporter