Cargill และ Hafnia ได้เปิดตัว Seascale Energy เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงบริการจัดซื้อเชื้อเพลิงทางทะเล

Logo

บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่นี้จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพในการรับประกันการเข้าถึงเชื้อเพลิงทางทะเลคุณภาพสูงที่น่าเชื่อถือในราคาที่แข่งขันได้

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2025

ธุรกิจการขนส่งทางทะเลของ Cargill และบริษัท Hafnia ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งทางเรือชั้นนำได้ร่วมมือกันเปิดตัว Seascale Energy ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ผสมผสานธุรกิจบังเกอร์ที่มีอยู่ของ Cargill Pure Marine Fuels และ Bunker Alliance ของ Hafnia ด้วยการรวมจุดแข็งของบริษัทระดับโลกทั้งสอง โดย Seascale Energy นั้นตั้งเป้าที่จะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการจัดหาเชื้อเพลิงทางทะเลโดยการส่งมอบความคุ้มค่า ความโปร่งใส และการเข้าถึงนวัตกรรมเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน

ด้วยการรวมปริมาณการจัดซื้อบังเกอร์เข้าด้วยกัน การร่วมทุนครั้งนี้จะสามารถรักษาราคาและเงื่อนไขที่แข่งขันได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถนำเสนอโซลูชั่นการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรับให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า นอกจากนี้ยังนำเสนอเครือข่ายท่าเรือทั่วโลกที่มีอยู่มากมาย ทำให้ลูกค้าสามารถจัดหาเชื้อเพลิงคุณภาพสูงได้ทั่วทั้งโลก

การเข้าถึงทั่วโลกและความแข็งแกร่งทางการค้าของ Cargill และ Hafnia ควบคู่ไปกับความเป็นเลิศในการดำเนินงานทางทะเล สร้างโซลูชันชั้นนำสำหรับการจัดการบังเกอร์ Jan Dieleman ประธานธุรกิจการขนส่งทางทะเลของ Cargill กล่าว“วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในการขนส่ง ปลดล็อกคุณค่าสำหรับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา ในขณะเดียวกันก็สามารถจัดการกับความท้าทายในอุตสาหกรรมในด้านความโปร่งใส คุณภาพ และการลดการปล่อยคาร์บอน โดยเรากำลังร่วมกันกำหนดอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับการจัดหาเชื้อเพลิงทางทะเล”

การร่วมทุนนี้ช่วยให้เจ้าของเรือและผู้เช่าเหมาลำได้รับการปรับปรุงความโปร่งใสและขนาด ทำให้พวกเขาได้รับข้อตกลงที่แข่งขันได้และประสิทธิภาพที่เป็นมาตรฐาน บริการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรับให้เหมาะสมจะช่วยลดต้นทุนภายใน ทำให้ลูกค้ามีทรัพยากรมากขึ้นเพื่อมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานหลักของตน

Seascale Energy แสดงถึงวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันของเราในการลดความซับซ้อนและสร้างสรรค์ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในส่วนบังเกอร์” Mikael Skov ซีอีโอของ Hafnia กล่าว “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริการที่ใหญ่ที่สุดในประเภทนี้ ที่นำโดยผู้ใช้เชื้อเพลิงรายใหญ่สองราย เรามุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพและจัดการกับความท้าทายในอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราในภาคส่วนการเดินเรือ”

บริษัทร่วมทุนจะใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของความเชี่ยวชาญในการพัฒนากฎระเบียบและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงต่างๆ ในขั้นต้น Seascale Energy จะมีปริมาตรบังเกอร์เกือบแปดล้านเมตริกตัน และจะสานต่อความปรารถนาอันแรงกล้าในการเติบโตเพื่อเพิ่มขนาด

Seascale Energy จะเป็นเจ้าของร่วมกันและเท่าเทียมกันโดย Cargill และ Hafnia โดยหน่วยงานใหม่นี้จะถูกควบคุมร่วมกันและจะดำเนินงานภายใต้โครงสร้างซีอีโอคู่ (Olivier Josse, Cargill และ Peter Grünwaldt, Hafnia) ซึ่งการดำเนินธุรกิจนี้จะเริ่มในไตรมาสที่สองของปี 2025 ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบ

สมาชิกในทีมกว่า 25 คนจาก Cargill และ Hafnia จะดำเนินงานภายใต้ Seascale Energy จากสิงคโปร์ เจนีวา โคเปนเฮเกน และฮูสตัน

เกี่ยวกับ Cargill: Cargill มุ่งมั่นที่จะจัดหาอาหาร ส่วนผสม โซลูชั่นทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อหล่อเลี้ยงโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย รับผิดชอบ และยั่งยืน โดยเราเป็นหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทานที่ร่วมมือกับเกษตรกรและลูกค้าในการจัดหา ผลิต และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต

พนักงานประมาณ 160,000 คนของเราได้ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างมีเป้าหมาย โดยมอบสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตแก่ลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต ชุมชนเจริญรุ่งเรือง และผู้บริโภคมีชีวิตที่ดี ด้วยประสบการณ์กว่า 160 ปีในฐานะบริษัทครอบครัว เรามองไปข้างหน้าในขณะที่ยังคงยึดมั่นในค่านิยมของเรา เราให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก เราเข้าถึงได้สูงขึ้น เราทำสิ่งที่ถูกต้อง ในวันนี้และสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ Cargill.com และศูนย์ข่าวของเรา

เกี่ยวกับ Hafnia: Hafnia เป็นบริษัทเรือบรรทุกน้ำมันชั้นนำระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันและเคมีภัณฑ์ ในฐานะหนึ่งในเจ้าของและผู้ดำเนินการเรือบรรทุกน้ำมันรายใหญ่ที่สุด Hafnia เป็นเจ้าของและบริหารจัดการกองเรือที่ทันสมัยกว่า 200 ลำในเชิงพาณิชย์ เพื่อให้มั่นใจถึงโซลูชั่นการขนส่งที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และมีความรับผิดชอบ Hafnia ได้นำเสนอแพลตฟอร์มการขนส่งแบบครบวงจร รวมถึงการจัดการด้านเทคนิค บริการเชิงพาณิชย์และการเช่าเหมาลำ การจัดการสระว่ายน้ำ และโต๊ะบังเกอร์ขนาดใหญ่

ด้วยความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ความยั่งยืน และนวัตกรรม Hafnia ได้ให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงบริษัทน้ำมันรายใหญ่ระดับชาติและระดับนานาชาติ บริษัทเคมีภัณฑ์ ตลอดจนบริษัทการค้าและสาธารณูปโภค โดย Hafnia มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ดำเนินงานโดยมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าเพื่อกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากค่านิยมหลักของความร่วมมือ ความทะเยอทะยาน ความน่าเชื่อถือ และความยั่งยืน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54203833/en

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ :

Cargill: Nicole Marlor (ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสัมพันธ์และการสื่อสารในภาวะวิกฤตในภูมิภาค APAC, EMEA และ LATAM), nicole_marlor@cargill.com

Hafnia: Sheena Williamson-Holt (หัวหน้าฝ่ายสื่อสารและการสร้างแบรนด์), swh@hafnia.co

ที่มา: Cargill

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวระบบนำทางไร้ GPS รุ่นใหม่และระบบควบคุมการบินที่ปลอดภัยเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยด้านการบิน

Logo

VentureOne และ ADASI ร่วมมือกันบูรณาการเทคโนโลยีการบินอัตโนมัติขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดย TII – เปิดตัว Perceptra และ Saluki ที่งาน IDEX 2025

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2025

เนื่องจากเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้สองแบบผลักดันให้เกิดการลดขนาดมากขึ้นทั่วโลก ADASI ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตระบบ UAV จึงได้ประกาศนำเทคโนโลยีการบินอัตโนมัติขั้นสูงสองรายการมาใช้โดย VentureOne จาก Abu Dhabi นั่นคือ Perceptra ซึ่งเป็นเทคโนโลยีนำทางไร้ GPS ที่ล้ำสมัยใหม่ล่าสุด และ Saluki ซึ่งเป็นเทคโนโลยีควบคุมการบินที่มีความปลอดภัยสูงสำหรับระบบอัตโนมัติ

UAE Launches Next-Gen GPS-Less Navigation and Secure Flight Control to Strengthen Aviation Security (Photo: AETOSWire)

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวระบบนำทางไร้ GPS รุ่นใหม่และระบบควบคุมการบินที่ปลอดภัยเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยด้านการบิน (ภาพ: AETOSWire)

เทคโนโลยีทั้งสองนี้ได้รับการพัฒนาโดยสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีและได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ปฏิบัติการอย่างปลอดภัยและยืดหยุ่นในสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทายสูง เทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับผู้ผลิต UAV โดยให้ความยืดหยุ่น ความแม่นยำ และความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปฏิบัติการทางอากาศอัตโนมัติ ข้อตกลงระหว่าง VentureOne, ADASI และ TII ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในงาน IDEX 2025 ซึ่งเป็นนิทรรศการด้านการป้องกันประเทศที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ซึ่งได้มีการเปิดตัว Saluki และ Perceptra

เทคโนโลยี Global Positioning System (GPS) ถือเป็นเสาหลักที่สำคัญของระบบนำทางมาช้านาน โดยรองรับการใช้งานตั้งแต่การใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันไปจนถึงการป้องกันประเทศและการปฏิบัติการทางทหารที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม การพึ่งพา GPS อย่างแพร่หลายนี้ทำให้มีช่องโหว่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ผ่านเทคนิคต่างๆ เช่น การรบกวนสัญญาณและการปลอมแปลง การรบกวนสัญญาณเกิดขึ้นเมื่อสัญญาณในความถี่เดียวกันล้นเครื่องรับ GPS ทำให้ไม่สามารถติดตามตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่การปลอมแปลงเกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณปลอมเพื่อหลอกเครื่องรับให้คำนวณตำแหน่งหรือเวลาที่ไม่ถูกต้อง ช่องโหว่เหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญในทุกภาคส่วนที่ต้องพึ่งพาการนำทางที่แม่นยำ รวมถึงโดรนไร้คนขับ การบินพาณิชย์ และเครื่องบินทหาร

ในการป้องกันประเทศและความปลอดภัย สัญญาณ GPS ที่ถูกบุกรุกอาจส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของภารกิจและความปลอดภัยของบุคลากร ในขณะที่ในด้านการบิน ข้อผิดพลาดในการนำทางอาจทำให้เส้นทางการบินเบี่ยงเบนและเกิดการหยุดชะงักในการปฏิบัติงาน ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้ภาคการบินและหน่วยงานกำกับดูแลระหว่างประเทศ เช่น IATA และ EASA ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรป กำลังแสวงหาวิธีแก้ไขอย่างเร่งด่วนสำหรับการรบกวนสัญญาณ GPS ตามรายงานฉบับหนึ่งรายงานจาก Reuters ในปี 2024

สำหรับระบบอัตโนมัติ เช่น โดรนและยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หากไม่สามารถรักษาตำแหน่งที่แม่นยำได้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหรือมีความเสี่ยงสูง ตั้งแต่การบินไปจนถึงการป้องกันประเทศ เนื่องจากการใช้ระบบที่ขึ้นอยู่กับ GPS ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการโซลูชันการนำทางแบบทางเลือกที่ยืดหยุ่นจึงมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น Perceptra และ Saluki เอาชนะความท้าทายมากมายในปัจจุบันด้วยการนำทางตามวิสัยทัศน์ขั้นสูงซึ่งมอบประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้และยืดหยุ่น

Dr. Najwa Aaraj, CEO ของ TII กล่าวว่า “Perceptra ซึ่งมีขีดความสามารถในการไม่ต้องใช้ GPS และ Saluki ซึ่งมีสถาปัตยกรรม Zero Trust ที่ซับซ้อน ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในระบบนำทางอัตโนมัติที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงหลายภาคส่วน ตั้งแต่การสนับสนุนการเดินทางที่ปลอดภัยในเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ภารกิจค้นหาและกู้ภัยด้วยการนำทางที่แม่นยำ ไปจนถึงการทำให้การขนส่งโดยใช้โดรนในเมืองมีประสิทธิภาพสำหรับการจัดส่งในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น เทคโนโลยีเหล่านี้มีการใช้งานจริงในวงกว้าง ความสามารถในการปรับตัวยังทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้มีคุณค่าอย่างยิ่งในการป้องกันประเทศ ช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยสำหรับการปฏิบัติการและยืดหยุ่นแม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายที่สุด ความร่วมมือนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงแบบใช้งานได้สองแบบที่ตอบสนองความต้องการของทั้งพลเรือนและการป้องกันประเทศ ขณะเดียวกัน เสริมให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำในระบบอัตโนมัติรุ่นต่อไป”

Perceptra เป็นระบบที่ใช้การมองเห็น โดยสามารถช่วยให้การนำทางมีความน่าเชื่อถือโดยไม่ต้องใช้ GPS ช่วยให้แพลตฟอร์มทางอากาศสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่มี GNSS ได้ ระบบนี้มีคุณสมบัติการล็อกภาพใหม่ ข้อผิดพลาดในการนำทางต่ำ และบูรณาการได้ง่ายบนแพลตฟอร์มต่างๆ สำหรับการข่าวกรอง การเฝ้าระวัง การลาดตระเวน และสงครามอิเล็กทรอนิกส์

Saluki คือตัวควบคุมการบินและคอมพิวเตอร์ในการดำเนินภารกิจอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงพร้อมสถาปัตยกรรม Zero Trust ด้วยความเข้ากันได้กับ PX4 ความสามารถของ Gen AI และพลังประมวลผล 300 TOPS จึงรองรับการจัดการยานพาหนะหลายคันสำหรับการใช้งานด้านการป้องกันที่สำคัญต่อภารกิจ

“ที่ ADASI เราผสานรวมเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูงที่พิสูจน์แล้วในภาคสนามเท่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่าโดรนของเราทำงานได้อย่างแม่นยำ ทนทาน และปลอดภัยอย่างไม่มีใครเทียบได้ แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงที่สุด” Juma Al Kaabi, CEO ของ ADASI กล่าว “Perceptra และ Saluki มาพร้อมคุณสมบัติที่โดรนรุ่นต่อไปต้องการอย่างแท้จริง นั่นคือ การนำทางที่ปลอดภัย ไม่ขึ้นกับ GPS และการควบคุมภารกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI”

“VentureOne มุ่งมั่นเพื่อการวิจัยที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม” Reda Nidhakou รักษาการ CEO ของ VentureOne กล่าว “Saluki และ Perceptra เป็นเพียงสองนวัตกรรมใหม่จากหลาย ๆ นวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการปฏิบัติการโดรนในภาคส่วนต่าง ๆ จะมีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น โดยเริ่มจากการป้องกันประเทศ เรากำลังเตรียมการเพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอความปลอดภัยและการบินอัตโนมัติที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติการโดยใช้โดรนในอนาคต”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว TII ได้ประกาศเกี่ยวกับความร่วมมือกับสำนักงานการบินพลเรือนทั่วไป (GCAA) เพื่อสนับสนุนความพยายามด้านกฎระเบียบโดยการพัฒนาวิธีการขั้นสูงสำหรับการออกแบบทางเดินอากาศ วิธีการเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางการบินและลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ทางอากาศในพื้นที่อากาศที่ซับซ้อนในเมือง เพื่อให้แน่ใจว่าการนำทางของโดรนแท็กซี่ทั้งแบบมีนักบินและแบบไร้คนขับมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ Perceptra และ Saluki จะช่วยเสริมวิสัยทัศน์ของ Abu Dhabi ในการเป็นผู้นำด้านระบบนำทางรุ่นต่อไปและระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

VentureOne และ TII เป็นส่วนหนึ่งของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ซึ่งดูแลระบบนิเวศการวิจัยและพัฒนาของ Abu Dhabi เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงซึ่งมีผลกระทบต่อระดับโลก ADASI เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม EDGE ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและการป้องกันประเทศ

แหล่งข้อมูล: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54208729/en

Contacts

 Amy Robertson
+971 504788319

ที่มา: VentureOne

ROSHN Group เปิดตัวการขายสำหรับ ALMANAR ชุมชนบูรณาการเต็มรูปแบบแห่งแรกในมักกะห์ อัล มุการ์รามะฮ์

Logo

  • ALMANAR จะนำการใช้ชีวิตในชุมชนแบบบูรณาการของ ROSHN มาสู่มักกะห์ อัล มุการ์รามะฮ์ โดยนำเสนอบ้านใหม่มากกว่า 700 หลังสำหรับการขายในชุดแรก
  • ด้วยบ้านหลากหลายสไตล์ที่ตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเดินไปยังสิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญต่างๆ ได้ ALMANAR รับรองว่าผู้พักอาศัยจะได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ริยาด ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2025

ROSHN Group ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ชั้นนำของซาอุดีอาระเบียและบริษัท PIF ได้เปิดตัวการขายชุดแรกสำหรับ ALMANAR ซึ่งเป็นชุมชนแห่งแรกในมักกะห์ โดย ALMANAR ได้นำเสนอวิถีชีวิตใหม่ ผสมผสานกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญรวมถึงไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยตั้งอยู่ในเขตอัลฮารามที่ห่างจากมัสยิดอัลฮารามเพียง 20 นาที และ ALMANAR จะขยายโครงการต่างๆ ของ ROSHN ไปทั่วราชอาณาจักร

ROSHN Group launches sales for ALMANAR, its first fully integrated community in Makkah Al-Mukarramah (Photo: AETOSWire)

ROSHN Group เปิดตัวการขายสำหรับ ALMANAR ชุมชนบูรณาการเต็มรูปแบบแห่งแรกในมักกะห์ อัล มุการ์รามะฮ์ (ภาพ: AETOSWire)

โดย ALMANAR นำเสนอการขายครั้งแรกด้วยบ้านเดี่ยว 727 หลังในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ทาวน์เฮาส์ 3 ถึง 4 ห้องนอน และดูเพล็กซ์ ไปจนถึงวิลล่า 4 ถึง 5 ห้องนอน รวมถึงวิลล่า C10 ที่ใหญ่ที่สุดของ ROSHN Group โดยบ้านทุกหลังใน ALMANAR มีห้องครัวทันสมัยพร้อมสีสันที่เข้ากันรวมถึงที่จอดรถที่ร่มรื่นและสะดวกสบาย โดยลูกค้าสามารถเยี่ยมชมวิลล่าตัวอย่างของ ALMANAR ได้ที่ศูนย์การขายในสถานที่จริง

ชุมชน ALMANAR ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่ติดกับประตูมักกะห์ ห่างจากมัสยิดอัลฮารามเพียง 20 นาที และห่างจากสนามบินนานาชาติ King Abdulaziz ในเมืองเจดดาห์ไม่ถึง 1 ชั่วโมง โดยชุมชน ALMANAR มีพื้นที่สีเขียวขจีเป็นศูนย์กลาง และมีพื้นที่สาธารณะเปิดโล่งมากกว่า 18% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่ง ALMANAR ได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนแบบไดนามิก และส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีและกระตือรือร้นด้วยเส้นทางเฉพาะสำหรับการเดินและปั่นจักรยาน

ชุมชนแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและมีชีวิตชีวาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการพัฒนาของ ROSHN Group ที่เข้าถึงได้ง่ายจากทุกบ้านบนถนนที่มีคนเดินได้ รวมถึงศูนย์ขายปลีกและศูนย์การค้า โรงเรียน และมัสยิดในท้องถิ่นและมัสยิดจูมาห์ โดยชุมชน ALMANAR ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมที่ประตูตะวันตกของมักกะห์ ระหว่างทางด่วนเก่าและใหม่ที่เชื่อมระหว่างเมืองกับเจดดาห์ที่เชื่อมต่อกันได้อย่างดีเยี่ยม

ชุมชน ALMANAR ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิภาค โดยบ้านมีสไตล์สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและการประดับตกแต่งที่ทำจากวัสดุสมัยใหม่ที่ถ่ายทอดแก่นแท้และมรดกของภูมิภาคได้อย่างสวยงาม โดยความยั่งยืนยังเป็นหัวใจสำคัญของชุมชน ALMANAR ด้วยบ้านที่ให้การอนุรักษ์พลังงานและน้ำอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมด้วยเทคโนโลยีประหยัดพลังงานชั้นนำของอุตสาหกรรม รวมถึงฉนวนกันความร้อนที่ทันสมัย ​​และเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ

Dr. Khalid Johar รักษาการซีอีโอของ ROSHN Group กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้นำวิสัยทัศน์ของเราเกี่ยวกับวิถีชีวิตใหม่มาสู่มักกะห์เป็นครั้งแรก โดยนำเสนอมาตรฐานสูงสุดสำหรับชุมชนที่มีชีวิตชีวาและบูรณาการที่หน้าประตูเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยทุกคน ด้วยชุมชน ALMANAR เราให้เกียรติการออกแบบสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าของภูมิภาคในขณะที่โอบรับธรรมชาติ ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีโอกาสโอบรับวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี การเปิดตัวชุมชน ALMANAR ชุดแรกเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นซึ่งตอบสนองความต้องการและความปรารถนาที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัยในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2030 สำหรับการเป็นเจ้าของบ้านและคุณภาพชีวิตที่ดี”

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54208053/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Abeer Alqahtani
aalqahtani@apcoworldwide.com

ที่มา: ROSHN Group

Flowchem เสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมผู้นำ ด้วยการแต่งตั้ง COO ทีมเทคโนโลยี และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอาวุโสในอุตสาหกรรม

Logo

ฮูสตัน–(BUSINESS WIRE)–13 กุมภาพันธ์ 2025

Flowchem (“Flowchem” หรือ “บริษัท”) และ SCF Partners (“SCF”) มีความยินดีที่จะประกาศการเพิ่มบุคลากรจำนวนมาก Flowchem คือบริษัทชั้นนำระดับโลกในตลาดสารลดแรงต้าน (“DRA”) โดยรับจัดหาสารเคมีพิเศษที่ออกแบบตามกำหนด เพื่อช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะสมที่สุด การแต่งตั้งครั้งสำคัญเหล่านี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมผู้บริหารที่มีอยู่แล้วในช่วงเวลาที่บริษัทเข้าซื้อกิจการในปี 2024 ซึ่งจะทำให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเติบโตอย่างได้ต่อเนื่องและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

  •  Shivali Agarwal ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (“COO”) Shivali มีประสบการณ์การทำงานในอุตสาหกรรมมาหลายสิบปีในตำแหน่งต่างๆ ทั่วโลก โดยล่าสุดดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปกลุ่มระบบการผลิตที่ SLB (NYSE:SLB) Shivali สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก Harvard Business School และปริญญาโทวิทยาศาสตร์สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิศวกรรมเคมีจาก Birla Institute of Technology & Science ในเมืองปิลานี ประเทศอินเดีย
     
  •  Flowchem ได้เสริมความแข็งแกร่งทีมเทคโนโลยีของตนด้วยการจ้างงานด้านเทคนิคที่สำคัญหลายตำแหน่ง ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ Dr. Lu-Chien Chou เป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในสาขานี้ โดยเป็นผู้นำการวิจัย DRA อันล้ำสมัยที่ Baker Hughes (NASDAQ:BKR) และผู้ให้บริการ DRA รายอื่นๆ John Stephens เข้าร่วม Flowchem หลังจากมีประสบการณ์หลายสิบปีในงานวิจัย การพัฒนา และการผลิตสารเคมีในอุตสาหกรรม รวมถึงที่ Siege Engineering และ PPG Industries (NYSE:PPG) ผู้นำด้านวิทยาศาสตร์เหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่า Flowchem ยังคงอยู่ในแถวหน้าของเทคโนโลยี DRA ในขณะเดียวกันก็รักษาคุณภาพและประสิทธิภาพระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมในการลดต้นทุนและการปล่อยมลพิษสำหรับลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ
     
  •  บริษัทได้รวบรวมคณะกรรมการบริหารชั้นนำ ที่ประกอบด้วยผู้นำระดับสูงในอุตสาหกรรมที่มีประสบการณ์ด้านพลังงานและสารเคมี:
     
    •  Cris Gaut (ประธาน) – ประธานและอดีต CEO ของ Forum Energy Technologies (NYSE:FET); อดีต CFO ของ Halliburton (NYSE:HAL); อดีต CFO และประธานร่วมของ Ensco International
       
    •  Joe Blount – อดีตประธานและ CEO ของ Colonial Pipeline; อดีต CEO ของ Century Midstream LLC; อดีตนายกสมาคมท่อส่งน้ำมัน (AOPL)
       
    •  Scott Rogan – CFO ของ Eagle LNG Partners; อดีตรองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรของ Targa; อดีตหุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายการลงทุนธุรกิจกลางน้ำของ Energy Capital Partners
       
    •  Chris Oversby – อดีต CEO ของ Optum Energy Solutions ซึ่งเป็นธุรกิจเทคโนโลยี DRA; อดีตผู้บริหารด้านเคมีภัณฑ์ที่ Baker Hughes, Clariant & Univar
       
    •  Sean Rice – หุ้นส่วนผู้จัดการของ SCF Partners
       
    •  Dan West – กรรมการผู้จัดการของ SCF Partners

Jon Blair CEO ของ Flowchem ให้ความเห็นว่า “ผมมีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Shivali Agarwal ให้เป็น COO โดย Shivali เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมประวัติความสำเร็จที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว ความเชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการของเธอจะช่วยส่งเสริมความพยายามของเราให้ก้าวไปข้างหน้า ทีมเทคโนโลยีและคณะกรรมการบริหารเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นของเราจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงโซลูชัน DRA ของเราและช่วยเพิ่มมูลค่าที่เราจะมอบให้กับลูกค้าทั่วโลก”

Dan West กรรมการผู้จัดการของ SCF Partners กล่าวว่า “ทีมงานของเราที่ Flowchem ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างมากในการสร้างมูลค่าให้ทั้งลูกค้าและผู้ถือหุ้น โดยทำให้การดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานมีความปลอดภัยมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการปล่อยมลพิษลง เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เพิ่มผู้นำคนสำคัญเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างและเร่งการเติบโตของบริษัท”

เกี่ยวกับ Flowchem, Val-Tex และ Sealweld

Flowchem เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำของสารลดแรงลาก (“DRA”) ซึ่งปรับการไหลของท่อให้เหมาะสมและเพิ่มกำลังการผลิต การใช้ Flowchem DRA ช่วยให้ผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกสามารถลดการใช้พลังงานในการดำเนินการสูบน้ำ ซึ่งช่วยลดทั้งต้นทุนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้อง และเพิ่มผลกำไรโดยรวมของการดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นฐานให้สูงสุด Flowchem ให้บริการคำปรึกษาเกี่ยวกับการไหลและโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับการใช้งานท่อทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.flowchem-dra.com

Val-Tex ก่อตั้งขึ้นในปี 1962 เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาวาล์วคุณภาพสูงชั้นนำของอุตสาหกรรม เช่น สารซีลแลนท์ น้ำมันหล่อลื่น ข้อต่อ และอุปกรณ์ฉีด ความมุ่งมั่นอันยาวนานของ Val-Tex ในด้านความเป็นเลิศของผลิตภัณฑ์และความพึงพอใจของลูกค้าได้รับความไว้วางใจและคำแนะนำจากผู้ผลิตวาล์วชั้นนำของโลก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.valtex.com

Sealweld มอบผลิตภัณฑ์และบริการดูแลวาล์วคุณภาพเยี่ยมมาตั้งแต่ปี 1969 โดยมุ่งเน้นที่การลดและขจัดการรั่วไหลของวาล์วในท่ออย่างปลอดภัย ประสบการณ์หลายสิบปีและการพัฒนาโซลูชันที่ใช้งานได้จริงทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ดูแลวาล์วประสิทธิภาพสูงที่เหมาะกับท่อส่งก๊าซหรือของเหลว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.sealweld.com

เกี่ยวกับ SCF Partners

SCF ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 โดยให้บริการเงินทุนและความช่วยเหลือด้านการเติบโตเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างและขยายบริษัทด้านบริการพลังงาน อุปกรณ์ และเทคโนโลยีชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วโลก SCF ได้ลงทุนในบริษัทแพลตฟอร์มมากกว่า 80 แห่งและเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมมากกว่า 400 แห่งเพื่อพัฒนาบริษัทด้านบริการพลังงานและอุปกรณ์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 18 แห่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส และมีสำนักงานในเมืองคาลการี อเบอร์ดีน และออสเตรเลีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.scfpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Paul Bateman
(713) 227-7888
pbateman@scfpartners.com

ที่มา: Flowchem

ผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า “วิทยาศาสตร์เป็นรากฐานที่ช่วยให้เราสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” ในระหว่างการปราศรัยเปิดงาน การประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูงครั้งที่ 16

Logo

 ชีค ซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี:

  • 'ราสอัลไคมาห์มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และมีส่วนสนับสนุนการสนทนาในระดับโลกเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูง

ราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2025

ชีค ซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี สมาชิกสภาสูงสุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานในวันแรกของการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติเรื่องวัสดุขั้นสูง (IWAM) ที่จัดขึ้นเป็นระยะเวลาสามวัน โดยพระองค์ได้กล่าวถึงวิทยาศาสตร์ที่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น รวมถึงวิธีที่ราสอัลไคมาห์มุ่งมั่นต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์

His Highness Sheikh Saud bin Saqr Al Qasimi, UAE Supreme Council Member and Ruler of Ras Al Khaimah, delivering the opening keynote address at the International Workshop on Advanced Materials today (Photo: AETOSWire)

ชีค ซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี สมาชิกสภาสูงสุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูงวันนี้ (ภาพ: AETOSWire)

ชีค ซาอุด กล่าวว่า “การเป็นเจ้าภาพงาน IWAM ประจำปีนี้ แสดงให้เห็นว่า ราสอัลไคมาห์มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และมีส่วนร่วมในการสนทนาในระดับโลกเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูง”

“ด้วยการพัฒนาวัฒนธรรมแห่งการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และการลงทุนในวัสดุขั้นสูง เรากำลังวางรากฐานสำหรับวันพรุ่งนี้ที่สดใสยิ่งขึ้น ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการวิจัยวัสดุขั้นสูงนั้นจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการปฏิวัติการผลิตพลังงาน การขนส่ง รวมถึงการผลิตต่างๆ”

วิทยาศาสตร์คือการแสวงหาความรู้อย่างเป็นระบบและมีเป้าหมาย เป็นเสมือนเลนส์ที่เราใช้ตรวจสอบจักรวาล กล่าวเสริมโดยชีค ซาอุด

“วิทยาศาสตร์จะต้องเป็นรากฐานที่เราใช้สร้างอนาคตที่ยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองต่างๆ โดยคนรุ่นใหม่ของเรานั้นจะมีบทบาทอย่างแข็งขันในการแสวงหาความรู้ของเราต่อไป” ชีค ซาอุด กล่าวสรุป

IWAM จัดขึ้นเป็นปีที่ 16 แล้ว โดยรวมผู้เข้าร่วมกว่า 200 รายจาก 20 ประเทศ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ นักศึกษา และวิทยากรต่างๆ เพื่อการบรรยาย การอภิปราย และจัดแสดงโปสเตอร์เกี่ยวกับวิธีที่วัสดุขั้นสูงมีส่วนช่วยกำหนดทิศทางของอนาคต

ฟอรั่มดังกล่าวมีนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงเข้าร่วม อาทิเช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และออกซ์ฟอร์ด (สหราชอาณาจักร) และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) (สหรัฐอเมริกา)

ในงาน IWAM ยังให้เหล่านักวิทยาศาสตร์มอบรางวัลให้แก่นักศึกษาผู้ชนะการแข่งขัน Ras Al Khaimah Innovation and Sustainability Challenge ซึ่งประกอบด้วยการแข่งขัน 7 รายการเพื่อพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายในชีวิตจริง

นอกจากนี้ ยังมีเซสชั่นทางวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมปลายในระหว่างการประชุม IWAM อีกด้วย ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์จะไปเยี่ยมชมบริษัทต่างๆ ในราสอัลไคมาห์ เพื่อเน้นย้ำถึงวิธีการใช้วัสดุขั้นสูงในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

โดยงาน IWAM นี้ได้รับการสนับสนุนจาก Stevin Rock จากราสอัลไคมาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเหมืองหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 80 ล้านตันต่อปี

*ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54208079/en

Contacts

Steven McCombe
media@rakmediaoffice.ae

ที่มา: Ras Al Khaimah Government Media Office

NIQ จะนำทางลูกค้าไปข้างหน้าด้วยโซลูชันการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และข้อมูลเชิงลึก

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–12 กุมภาพันธ์ 2025

NielsenIQ (NIQ) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค ได้ประกาศเปิดตัวองค์กร Strategic Analytics & Insights ใหม่ ด้วยการรวบรวมการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ขั้นสูง ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคและการตลาด และ BASES เข้าด้วยกัน และใช้ประโยชน์จากชุดข้อมูลที่ครอบคลุมของ NIQ โดยกลุ่มองค์กรใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นของ NIQ ที่จะมอบคุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ให้กับลูกค้าผ่านการวิจัยตลาดและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคอย่างครอบคลุม ที่ช่วยเน้นย้ำถึงความทุ่มเทของบริษัทในการมอบ Full View™ ให้กับลูกค้า

Strategic Analytics & Insights จะพัฒนาแผนงานการเติบโตที่มีประสิทธิภาพและสามารถดำเนินการได้จริงด้วยหลักสี่ประการ:

  •  พฤติกรรมผู้บริโภคและข้อมูลเชิงลึก: แปลข้อมูลเชิงลึกของมนุษย์ให้เป็นกลยุทธ์การเติบโตที่ทรงพลัง
  •  นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดย BASES: สร้างนวัตกรรมจากแนวคิด ผลิตภัณฑ์ และการเปิดใช้งานที่ทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต
  •  แบรนด์และสื่อ: สร้างการเชื่อมต่อที่ยั่งยืนและจัดการแบรนด์ของคุณอย่างแม่นยำ
  •  การวิเคราะห์และการเปิดใช้งาน: เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของคุณและตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีขึ้นเพื่อบรรลุความเป็นเลิศในด้านการดำเนินการ

Ramon Melgarejo ผู้นำองค์กร Strategic Analytics & Insights ผู้เชี่ยวชาญของ NIQ และอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงในด้านแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์และประวัติผลงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมีกำไรในด้านการวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึก ตลอดอาชีพการทำงานของเขา Ramon มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมในข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค โดยตระหนักถึงบทบาทสำคัญของข้อมูลในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของเขาเกี่ยวกับความคิดและการกระทำของผู้บริโภคเป็นรากฐานของแนวทางของเขาในด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมเชิงคาดการณ์ และวางตำแหน่งให้เขาขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กรใหม่นี้

“เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะแนะนำกลุ่ม Strategic Analytics & Insights ใหม่ของเรา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบ Full View™ ให้กับลูกค้า” กล่าวโดย Melgarejo ประธานฝ่ายการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และข้อมูลเชิงลึกของ NIQ “ที่ NIQ ภารกิจของเราคือการเปิดเผยสิ่งที่ผู้คนต้องการรวมถึงเหตุผล โดยการรวมจุดแข็งของเราในการจัดการการเติบโตของรายได้ กลยุทธ์ของแบรนด์ ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค การใช้งานที่แม่นยำ รวมถึงนวัตกรรม ด้วยการนำความสามารถเหล่านี้มารวมกัน เราจะส่งเสริมให้ธุรกิจต่างๆ ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น รับมือกับความซับซ้อน และก้าวไปสู่ขั้นต่อไปที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างมั่นใจ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่มอบคุณค่าที่มากขึ้นให้กับลูกค้าของเราเท่านั้น แต่ยังถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเดินทางของเราไปสู่อนาคตที่น่าตื่นเต้นและมีชีวิตชีวาอีกด้วย”

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดตัวกลุ่ม Strategic Analytics & Insights Jeremy Benhammou ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลเชิงลึกระดับโลกของ AB InBev กล่าวว่า “เราถือว่า NIQ เป็นพันธมิตรของเราในการทดสอบบรรจุภัณฑ์ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกที่คมชัดยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ และ KPI ที่จัดทำขึ้นอย่างดี ประสิทธิภาพของพวกเขาเหนือกว่าพันธมิตรรายอื่นๆ ที่เราร่วมงานด้วย ทีมวิเคราะห์ของเราได้ตรวจสอบความแม่นยำและความเสถียรของผลการทดสอบบรรจุภัณฑ์ของ NIQ อย่างเป็นอิสระ ทำให้พวกเขากลายเป็นมาตรฐานทองคำในอุตสาหกรรม”

NIQ Strategic Analytics & Insights ไม่ใช่เพียงแค่ความร่วมมือแบบธรรมดา แต่ยังทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของทีมงานของลูกค้าตั้งแต่การเสนอแนวคิดไปจนถึงการนำไปใช้จริงและต่อจากนั้น การเข้าถึงชุดข้อมูลเฉพาะที่ครอบคลุม วิธีการระดับโลก และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในระดับท้องถิ่นและระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ของ NIQ ได้ช่วยให้เราสามารถนำทางลูกค้าในสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่มีความซับซ้อนได้อย่างมั่นใจ การใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ Strategic Analytics & Insights ได้ช่วยให้ลูกค้าได้รับโซลูชันและข้อมูลเชิงลึกที่ปรับแต่งให้เหมาะกับความท้าทายเฉพาะตัวของพวกเขา โดยแนวทางแบบองค์รวมของ NIQ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมต่ออย่างมีความหมายมากขึ้นกว่าที่เคย

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่ค้นพบความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ครั้งต่อไปของคุณด้วยข้อมูลเชิงลึกด้านผู้บริโภคที่ครอบคลุมของเรา!

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำด้านการวิเคราะห์ผู้บริโภคที่มอบความเข้าใจที่ครอบคลุมที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต NIQ ได้รวมตัวกับ GfK ในปี 2023 โดยนำผู้นำอุตสาหกรรมสองรายที่มีการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้มาอยู่ร่วมกัน การเข้าถึงทั่วโลกของเราครอบคลุมกว่า 90 ประเทศ ครอบคลุมประมาณ 85% ของประชากรโลกและการใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลกมากกว่า 7.2 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยการอ่านข้อมูลค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด รวมถึงการส่งมอบพร้อมการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัยที่ NIQ ได้ส่งมอบผ่าน Full View™

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.niq.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

Kao Corporation เปิดเผย “ความคิดเห็นของคณะกรรมการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้น และกลยุทธ์ของ Kao ในการเพิ่มมูลค่าองค์กร”

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 กุมภาพันธ์ 2025

Kao Corporation (TOKYO:4452) เปิดเผยความคิดเห็นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2025 เกี่ยวกับข้อเสนอของผู้ถือหุ้นที่ส่งโดย Oasis Japan Strategic Fund Ltd. (“Oasis”) สำหรับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 119
ประกาศเรื่องความคิดเห็นของคณะกรรมการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีการเผยแพร่การตอบรับต่อแถลงการณ์ที่ Oasis นำเสนอเมื่อเดือนเมษายน ปี 2024 ในเอกสารที่มีหัวข้อ “ความคิดเห็นของคณะกรรมการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้น และกลยุทธ์ของ Kao ในการเพิ่มมูลค่าองค์กร”
ความคิดเห็นของคณะกรรมการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้นและกลยุทธ์ของ Kao ในการเพิ่มมูลค่าองค์กร

Kao จะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินการตามแนวทางการกำกับดูแลที่มีความโปร่งใสและมีประสิทธิผลสูง พร้อมกันนี้ ยังมีการดำเนินการตามกลยุทธ์ K27 และพยายามทุกวิถีทางในการเพิ่มมูลค่าองค์กร

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

หากมีข้อสอบถามเกี่ยวกับมีเดีย โปรดติดต่อ:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Kao Corporation
corporate_pr@kao.com

ที่มา: Kao Corporation

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เริ่มการทำแผนที่เส้นทางการบินสำหรับแท็กซี่อากาศและโดรนขนส่งสินค้า เพื่อเปลี่ยนแปลงการขนส่งในเมือง

Logo

  • กฎระเบียบเบื้องต้นเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ทางอากาศขั้นสูง (AAM) ที่กำลังพัฒนาสำหรับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • GCAA และหน่วยงาน ATRC – TII และ ASPIRE ร่วมมือกันในการให้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและการจัดการอากาศยาน

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–14 กุมภาพันธ์ 2025

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้ก้าวไปข้างหน้าด้วยการกำหนดทิศทางใหม่สำหรับการขนส่งในเมือง โดยเริ่มต้นจากการทำแผนที่ทางอากาศและการพัฒนาโครงสร้างทางกฎหมายสำหรับแท็กซี่อากาศที่มีนักบินและโดรนขนส่งสินค้าที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ความริเริ่มนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ช่วยผลักดันพันธกิจของประเทศในการเป็นผู้นำด้านอนาคตของการเคลื่อนย้าย ด้วยการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่างสำนักงานการบินพลเรือนทั่วไป (GCAA) และหน่วยงานคณะกรรมการวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) โดยมีสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) และ ASPIRE เป็นส่วนร่วม UAE กำลังก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ผู้คนและสินค้าเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ในเมือง

ด้วยการกำหนดทางเดินทางอากาศและกฎระเบียบที่มีกำหนดภายใน 20 เดือนข้างหน้า ความพยายามครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ไม่เคยสั่นคลอนของ UAE ในการนำเสนอการขนส่งที่ปลอดภัย ทันสมัย และยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปัญหาความแออัด แต่ยังตั้งมาตรฐานระดับโลกสำหรับระบบการเคลื่อนย้ายในเมืองในอนาคต เส้นทางเหล่านี้จะเชื่อมโยงสนามบินนานาชาติสำคัญและสถานที่สำคัญใน UAE โดยขยายออกไปเพื่อให้การเชื่อมต่อของแท็กซี่อากาศที่มีนักบินและโดรนขนส่งสินค้าทั้งที่มีและไม่มีนักบินเป็นไปอย่างราบรื่นในภูมิทัศน์เมืองของประเทศ

UAE Begins Mapping Air Corridors for Air Taxis and Cargo Drones to Transform Urban Transportation (Photo: AETOSWire)

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เริ่มทำการกำหนดเส้นทางอากาศสำหรับแท็กซี่อากาศและโดรนขนส่งสินค้า เพื่อเปลี่ยนแปลงการคมนาคมในเมือง (ภาพ: AETOSWire)

ท่าน Saif Mohammed Al Suwaidi อธิบดีของ GCAA กล่าวว่า: “การทำแผนที่ทางเดินอากาศสำหรับแท็กซี่อากาศที่มีนักบินและโดรนอัตโนมัติเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้การนำระบบการเคลื่อนย้ายทางอากาศขั้นสูง (AAM) เข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานของ UAE เป็นไปอย่างราบรื่น การริเริ่มนี้จะรับประกันการนำการเคลื่อนย้ายทางอากาศที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมาใช้ ส่งมอบโซลูชันที่เปลี่ยนแปลงการขนส่งในเมือง และเปิดทางไปสู่อนาคตที่ชาญฉลาดและเชื่อมโยงกันมากขึ้น”

แนวทางที่ก้าวหน้าของ UAE ในการขนส่งในเมืองจะได้รับการสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญของ TII ในการจัดการอากาศยาน ซึ่งจะช่วยรับประกันการผสมผสานแท็กซี่อากาศที่มีนักบินและโดรนอัตโนมัติให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในเมืองได้อย่างปลอดภัย ทางเดินอากาศใหม่เหล่านี้จะมอบโซลูชันที่สร้างสรรค์สำหรับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้ากระจายความกดดันจากเครือข่ายถนนดั้งเดิม และเพิ่มการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น

Dr. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII กล่าวไว้ว่า “ความร่วมมือที่เปลี่ยนแปลงนี้กับ GCAA กำลังเปลี่ยนแปลงอนาคตของการขนส่งในเมือง โดยการพัฒนาการจัดการอากาศยานและการผสมผสานแท็กซี่อากาศที่มีนักบินและโดรนอัตโนมัติ เรากำลังไม่เพียงแค่เพิ่มการเชื่อมต่อในเมืองเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนโซลูชันการเคลื่อนย้ายที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นอนาคต”

Stephane Timpano จาก ASPIRE กล่าวว่า “การแก้ไขปัญหาการเคลื่อนย้ายในเมืองแบบเรียลไทม์ด้วยโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม เช่น แท็กซี่บินและโดรน เป็นก้าวสำคัญไปข้างหน้า โครงการนี้สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนโดยการสร้างระบบขนส่งที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย ซึ่งช่วยลดความกดดันจากโครงสร้างพื้นฐานในเมืองและส่งเสริมเมืองที่ชาญฉลาดและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น”

ข้อตกลงนี้ได้รับการประกาศระหว่างการประชุมสุดยอดรัฐบาลโลก 2025

Advanced Air Mobility (AAM) หมายถึงการใช้ยานพาหนะอัตโนมัติในเขตเมืองและชานเมืองเพื่อมอบโซลูชันการขนส่งที่ทันสมัยสำหรับผู้คนและสินค้า โดยที่ TII เป็นผู้นำในการพัฒนาแง่มุมทางเทคนิคของ AAM และ ASPIRE เน้นการสร้างเครือข่ายของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแล ผู้นำอุตสาหกรรม และนักวิจัย ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายในการสร้างกรอบกฎระเบียบที่ครอบคลุมเพื่อรับประกันความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

Prof. Enrico Natalizio หัวหน้านักวิจัยจากศูนย์วิจัยหุ่นยนต์อัตโนมัติที่ TII กล่าวไว้ว่า “ที่ TII เรากำลังพัฒนาอัลกอริธึมควบคุม การมองเห็น และการสื่อสารที่ใช้เทคโนโลยี AI สำหรับระบบอัตโนมัติที่ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์สำหรับแท็กซี่อากาศและโดรน หลังจากที่เรามีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีนี้แล้ว เราสามารถนำเสนอแนวทางในการออกแบบทางเดินอากาศ AAM เพื่อปรับเส้นทางให้เหมาะสม รับประกันการหลีกเลี่ยงการชน และทำให้การผสานเข้ากับอากาศยานในเมืองได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การเดินทางทางอากาศที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมเมืองที่ซับซ้อน”

เหล่าองค์กรเหล่านี้จะร่วมกับ GCAA ในการกำหนดกฎระเบียบการใช้พื้นที่อากาศและพัฒนาระบบการจัดการพื้นที่อากาศ ซึ่งจะทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กลายเป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับการคมนาคมในเมืองที่ทันสมัย

 *ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54206257/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Thushara Mohanan
thushara.mohanan@tii.ae

ที่มา: Technology Innovation Institute

ผู้ประกอบการสตรีจากอาเซียนและญี่ปุ่นร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรม ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมในการประชุมสุดยอดผู้ประกอบการสตรีอาเซียน-ญี่ปุ่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์

Logo

กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย–(BUSINESS WIRE)–13 กุมภาพันธ์ 2025

ASEAN-Japan Centre (AJC) ร่วมมือกับองค์การเยาวชนอาเซียน และได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการด้านวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยอาเซียน (ACCMSME) รวมถึงมูลนิธิผู้นำสตรีแห่งมาเลเซีย ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้ประกอบการสตรีอาเซียน-ญี่ปุ่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยการประชุมสุดยอดนี้ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของผู้ประกอบการสตรีในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน-ญี่ปุ่น งานสำคัญนี้จัดขึ้นสอดคล้องกับวาระที่มาเลเซียจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2025 ซึ่งช่วยเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของผู้ประกอบการสตรีในการพัฒนานวัตกรรมทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมทั้งภูมิภาค เลขาธิการอาเซียน Kao Kim Hourn ผู้อำนวยการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของญี่ปุ่น (METI) Yumiko Hata และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาผู้ประกอบการและสหกรณ์มาเลเซีย Ewon Benedick ได้กล่าวคำกล่าวต้อนรับ คำกล่าวเปิดงาน และข้อความสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีตามลำดับผ่านข้อความวิดีโอ

Speakers and organizers during the ASEAN-Japan Women Entrepreneurs Summit (Photo: Business Wire)

วิทยากรและผู้จัดงานในการประชุมสุดยอดผู้ประกอบการสตรีอาเซียน-ญี่ปุ่น (ภาพ: Business Wire)

การประชุมสุดยอดครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบการสตรี นักลงทุน ผู้เร่งรัดธุรกิจ และผู้สนับสนุนระบบนิเวศมากกว่า 100 รายจากสิบประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการหารืออย่างเข้มข้นเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสในภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่กำลังพัฒนา การประชุมสุดยอดครั้งนี้จะประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของเราในการช่วยให้ผู้ประกอบการสตรี 60 ล้านคนในภูมิภาคอาเซียนให้สามารถขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม

ดาโต๊ะ Munirah Looi สมาชิกคณะกรรมการของ MyDigital Corp และที่ปรึกษาและซีอีโอ ระดับภูมิภาคของ BlueOnion กล่าวปาฐกถาพิเศษที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยเน้นย้ำถึงความคล่องตัว ความยืดหยุ่น ประสบการณ์ของลูกค้า และการมีส่วนร่วมของพนักงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสามารถในการปรับตัวทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก เช่น การระบาดของโควิด-19

เซสชั่นสำคัญ “การควบคุม AI และทักษะดิจิทัล” จะช่วยสำรวจว่าเทคโนโลยีสามารถขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับองค์กรที่นำโดยผู้หญิงได้อย่างไร โดย Lennise Ng ซีอีโอของ Borong ประเทศมาเลเซีย ได้เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลจะต้องเกิดขึ้นก่อนการนำ AI มาใช้ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยวิทยากรได้กล่าวถึงบทบาทของรัฐบาลในการกำหนดนโยบายเพื่อให้นวัตกรรมสามารถเข้าถึงได้และพร้อมใช้งานสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วขอบเขตทางภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจสังคม

เซสชั่นในหัวข้อ “การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการลงทุนตามเพศภาวะเชิงกลยุทธ์” ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ยังเหลืออยู่ของความรู้ด้านการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการสตรี ตั้งแต่การทำความเข้าใจทุนสนับสนุนและกองทุนในรูปแบบต่างๆ ไปจนถึงการเข้าถึงเครือข่ายนักลงทุนและผู้เร่งรัดธุรกิจที่เหมาะสมซึ่งสามารถขยายการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ สิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ การเป็นตัวแทนของผู้หญิงภายในบริษัทการลงทุน ซึ่งช่วยให้เข้าใจอย่างแท้จริงถึงความท้าทายทางการเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจที่นำโดยผู้หญิง

เซสชั่นในหัวข้อ “การบรรเทาภาระของผู้หญิง: นวัตกรรมในเศรษฐกิจการดูแล” นำเสนอโซลูชั่นที่เปลี่ยนแปลงซึ่งกำลังพลิกโฉมบริการดูแล ตัวอย่างเช่น Kiddocare ในมาเลเซียที่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อจับคู่ผู้ให้บริการดูแลกับครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยลดเวลาในการค้นหาลงอย่างมาก และรับประกันคุณภาพในส่วนของการดูแลเด็ก โดยสิ่งที่มีความสำคัญพอๆ กันคือการยอมรับบทบาทของพ่อในการแบ่งปันความรับผิดชอบในการดูแลเด็กของพ่อแม่ในครอบครัว ดังที่ได้เน้นย้ำในงานของ Better Dads Malaysia ซึ่งเป็นชุมชนของพ่อที่ส่งเสริมให้พ่อมีส่วนร่วมในภาระการดูแลเด็กอย่างแข็งขัน และเปลี่ยนเรื่องเล่าไปสู่การเลี้ยงดูและการดูแลที่ครอบคลุม

เซสชั่น “การใช้ประโยชน์จากความยั่งยืนเพื่อการเติบโตและผลกระทบ” เผยให้เห็นถึงคุณค่าของที่ปรึกษาทางธุรกิจและเครือข่ายสำหรับผู้หญิงในการสร้างธุรกิจให้เติบโต และการให้คำปรึกษาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการสตรีได้อย่างไร ปิดท้ายด้วยการประชุมสุดยอด เซสชั่น “การปิดช่องว่างทางเพศและส่งเสริมให้ธุรกิจที่เป็นเจ้าของโดยผู้หญิงสามารถขยายขนาดได้” ได้สรุปขั้นตอนที่เหลือในการขยายขนาดวิสาหกิจที่สตรีเป็นเจ้าของในภูมิภาค การเงิน การเข้าถึงตลาด และการให้คำปรึกษาเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับผู้หญิงในการขยายธุรกิจ โดยวิทยากรได้เสนอว่ากรอบความคิดของผู้ประกอบการและนวัตกรรมควรเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการศึกษาเพื่อเปลี่ยนแปลงการเล่าเรื่องทางสังคมวัฒนธรรม และสร้างวัฒนธรรมของการเสริมพลังสตรี

การประชุมสุดยอดผู้ประกอบการสตรีอาเซียน-ญี่ปุ่น ได้เน้นย้ำถึงพลังของความร่วมมือระหว่างธุรกิจ นักลงทุน รัฐบาล และชุมชนในการเพิ่มศักยภาพให้กับ MSME ที่นำโดยผู้หญิง ด้วยการส่งเสริมการมีส่วนร่วม นวัตกรรม และแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน การประชุมสุดยอดครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุการบูรณาการทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและการเติบโตในระยะยาวในภูมิภาค

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดและโครงการริเริ่มอย่างต่อเนื่องของ ASEAN-Japan Centre เกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรี โปรดติดต่อ: info_rpa@asean.or.jp

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54205996/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ทีมวิจัยและสนับสนุนนโยบาย
ASEAN-Japan Centre
โทร.: +81-(0)3-5402-8001
อีเมล: info_rpa@asean.or.jp

ที่มา: ASEAN-Japan Centre

การแข่งขันกีฬานานาชาติ SFA ครั้งแรกสิ้นสุดลง โดยมีผู้เข้าชม SFA Expo มากกว่า 35,000 ราย และผู้เข้าร่วม Riyadh Marathon มากกว่า 40,000 ราย

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–12 กุมภาพันธ์ 2025

Saudi Sports for All Federation (SFA) กำลังเฉลิมฉลองความสำเร็จของการแข่งขันกีฬานานาชาติ SFA ประจำปี 2025 ซึ่งรวม SFA Expo และ Riyadh Marathon เข้าด้วยกัน โดย SFA Expo จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ JAX District ในขณะที่ Riyadh Marathon ได้จัดขึ้นตามมาในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2025

Inaugural SFA International Sporting Events concludes, with more than 35,000 SFA Expo visitors and over 40,000 Riyadh Marathon participants (Photo: AETOSWire)

การแข่งขันกีฬานานาชาติ SFA ครั้งแรกได้สิ้นสุดลง โดยมีผู้เข้าชม SFA Expo มากกว่า 35,000 ราย และผู้เข้าร่วม Riyadh Marathon มากกว่า 40,000 ราย (ภาพ: AETOSWire)

SFA Expo ดึงดูดผู้เข้าชมได้ 35,359 ราย โดยมีโซนกีฬาแบบอินเทอร์แอคทีฟ คลาสออกกำลังกาย การจัดแสดงด้านสุขภาพ และการอภิปรายแบบกลุ่มที่มีส่วนร่วม และเลานจ์ B2B สำหรับมืออาชีพในอุตสาหกรรม โดยมีการแข่งขันฟิตเนสแบบฟังก์ชันของ Primal Race ที่จัดขึ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันที่สำคัญอีกรายการหนึ่ง

Riyadh Marathon ปี 2025 นี้มีผู้เข้าร่วม 40,494 คนจาก 131 ประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจจากนักวิ่ง 20,000 คนในปี 2024 ซึ่งงานนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือกับกระทรวงกีฬา คณะกรรมการโอลิมปิกและพาราลิมปิกแห่งซาอุดีอาระเบีย สหพันธ์กีฬาซาอุดีอาระเบีย และ Amanat AlRiyadh

โดยมีการแข่งขัน 4 ประเภท ได้แก่ การวิ่งมาราธอนแบบเต็มระยะทาง (42 กม.) ฮาล์ฟมาราธอน (21 กม.) การแข่งขันวิ่ง 10 กม. และการวิ่ง 4 กม. สำหรับครอบครัว โดยสัดส่วนสำคัญของผู้เข้าร่วม 67% เป็นชาวซาอุดิอาระเบีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกระตือรือร้นด้านกีฬาที่เพิ่มมากขึ้นในราชอาณาจักร และนอกจากนี้ 40% ยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย

โดยผู้เข้าเส้นชัยชายและหญิงอันดับแรกในประเภทอีลีทมาราธอนได้รับเงินรางวัลคนละ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมรางวัลเพิ่มเติมสำหรับอันดับที่สองและสาม ส่วนผู้ชนะในการแข่งขันฮาล์ฟมาราธอนระดับอีลีทก็ได้รับรางวัลเป็นเงินสดอีกด้วย โดยมีเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับอันดับที่หนึ่ง

Saudi Awwal Bank (SAB) เป็นพันธมิตรที่นำเสนอการวิ่งมาราธอน โดยมี ASICS, Tawuniya, Aquafina และ Gatorade เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์สำหรับทั้งสองกิจกรรม การสนับสนุนทางการแพทย์ที่ SFA Expo ได้ดำเนินการโดย Dr. Sulaiman Al Habib Medical Services Group (HMG) โดยมี Ford, Calo, JP Morgan, Centrum, KAFD, Kayanee และ Joe & the Juice ที่ล้วนเป็นพันธมิตรที่สนับสนุนในการวิ่งมาราธอน โดยพันธมิตรอย่างเป็นทางการของการแข่งขันมาราธอนนี้ ประกอบด้วย Kudu, MDLBEAST Radio และ BAE Systems พร้อมด้วย Kayanee และ Delta Sports ที่เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของ SFA Expo รวมถึง SPIMACO และ Huawei และ JAX District ที่เป็นพันธมิตรสำหรับสถานที่จัดงาน SFA Expo

SFA ตั้งตารอที่จะสร้างความสำเร็จนี้ในครั้งต่อๆ ไป ที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในราชอาณาจักรและผู้มาเยือนให้มีชีวิตที่มีสุขภาพดีและกระตือรือร้นมากขึ้น

เกี่ยวกับสหพันธ์กีฬาซาอุดีอาระเบีย (SFA)

สหพันธ์กีฬาซาอุดีอาระเบีย (SFA) ซึ่งเป็นองค์กรด้านกีฬาและสุขภาพชุมชนเชิงรุกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย มีเป้าหมายที่จะให้โอกาสแก่สมาชิกทุกคนในสังคมในการฝึกฝนกิจกรรมทางกายภาพ SFA ร่วมมือกับองค์กรภาครัฐ หน่วยงานที่จัดการกีฬา สหพันธ์กีฬา ตลอดจนภาคส่วนสาธารณะและเอกชนทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆ โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มกิจกรรมทางกายภาพ และตัวชี้วัดด้านสุขภาพ รวมถึงความสมบูรณ์ของร่างกายทั่วประเทศ กิจกรรมทางกายภาพจะประสบความสำเร็จได้โดยการส่งเสริมความสำคัญเชิงกลยุทธ์ 4 ประการ ได้แก่ การศึกษา ชุมชนและการอาสาสมัคร การออกกำลังกายและความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงการรณรงค์และการส่งเสริมการขาย SFA ได้ดำเนินการนี้โดยการออกแบบและการปรับใช้โปรแกรมกีฬาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจที่เหมาะกับผู้หญิง ผู้ชาย เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการทั่วประเทศซาอุดีอาระเบีย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54204846/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ที่มา: AETOSWire

Contacts

Malek Abdelrahman
mabdelrahman@apcoworldwide.com

ที่มา: Saudi Sports for All Federation
 


The Bangkok Reporter