Kolmar BNH องค์กรชั้นนำของเกาหลีที่เชี่ยวชาญด้านการผลิต HemoHIM ทุ่มยอดขายมากกว่า 2% ต่อปีให้กับฝ่ายวิจัยและพัฒนา

Logo

SEJONG, South Korea–(BUSINESS WIRE)–10 พฤษภาคม 2024

Kolmar BNH (KOSDAQ: 200130) ผู้ผลิต HemoHIM ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ได้กลายเป็นผู้นำในตลาด Original Development Manufacturing (ODM) ระดับโลก จากการบุกเบิกการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา

A researcher from Kolmar BNH Health Food Lab. (Photo: Kolmar BNH)

นักวิจัยจาก Kolmar BNH Health Food Lab (ภาพถ่าย: Kolmar BNH)

Kolmar BNH ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 เป็นบริษัท ODM สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ องค์กร ODM ครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่การวิเคราะห์แนวโน้มไปจนถึงการวิจัยและการพัฒนา การวางแนวความคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การผลิต และการรับประกันคุณภาพ ตอบสนองลูกค้าที่มีแรงบันดาลใจในการเป็นผู้ประกอบการ โดยเฟรมเวิร์กนี้จะเอื้อในการสร้างโอกาสสำหรับบุคคลที่มีความหลงใหลในการทำธุรกิจและไอเดียใหม่ๆ

รากฐานสำคัญของความสามารถในการแข่งขันของ Kolmar BNH อยู่ที่ความชำนาญด้านเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการสนับสนุนการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาเป็นสำคัญ บริษัทมีการจัดสรรรายได้จากยอดขายมากกว่า 2% ในแต่ละปีให้กับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งส่งเสริมขีดความสามารถของบริษัทด้วยการจ้างพนักงานตำแหน่งนักวิจัยมากกว่า 30% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด Health Food Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญของ Kolmar BNH ประกอบด้วยนักวิจัยกว่า 100 คนที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก พร้อมทุ่มเทให้กับการบุกเบิกสูตรและฟังก์ชันใหม่ๆ

Kolmar BNH รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 300 ราย โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาที่มีการส่งเสริมและปรับปรุงกันมาอย่างยาวนาน หนึ่งในลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ Haleon ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลก สาขาในเกาหลี ซึ่ง Kolmar BNH เป็นผู้ผลิตวิตามินหลัก 'Centrum' ซึ่งจัดจำหน่ายในเกาหลี

HemoHIM ซึ่งจัดจำหน่ายโดย Atomy เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบของ Kolmar BNH โดยส่วนผสมหลัก ‘สารสกัดเชิงซ้อนจาก Angelica gigas สำหรับ HemoHIM เป็นต้น’ เป็นส่วนผสมรายการแรกที่ได้รับการยอมรับของเกาหลีว่า เป็นส่วนผสมที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบการคุ้มกัน ได้รับการพัฒนาร่วมกันกับสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูของเกาหลี (Korea Atomic Energy Research Institute) ผลิตภัณฑ์นี้มีการจัดจำหน่ายใน 19 ประเทศ รวมถึง ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ไทย ไต้หวัน เอเชียกลาง และอเมริกาใต้

‘HemoHIM G’ ซึ่งได้รับการปรับแต่งสำหรับตลาดยุโรป เป็นข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งถึงขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาของ Kolmar BNH ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการส่งออกนี้ได้รับการออกแบบสูตรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบข้อบังคับด้านอาหารที่หลากหลายทั่วประเทศในยุโรป โดยมีการผสมผสานนส่วนผสมที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เช่น Angelica sinensis, Ligusticum chuanxiong และ Paeonia lactiflora พร้อมปรับแต่งรสชาติและกลิ่นเพื่อตอบสนองความชื่นชอบของผู้บริโภคชาวยุโรป

ยอดขายที่โดดเด่นของ Kolmar BNH ในกลุ่มบริษัท ODM ด้านอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี เป็นผลมาจากความสำเร็จของ HemoHIM ด้วยยอดขายสูงกว่า 6 แสนล้านวอนภายในหนึ่งทศวรรษครึ่งตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา บริษัทยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ‘200 Million Dollar Export Tower’ ในพิธีเฉลิมฉลอง ‘Trade Day’ ของสมาคมการค้าระหว่างประเทศแห่งเกาหลี (Korea International Trade Association) ในปี 2021

Kolmar BNH ตั้งเป้าที่จะส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยให้ความสำคัญในการวิจัยและการพัฒนาในการพัฒนาวัตถุดิบ โดยเน้นการค้นหาประสิทธิภาพเพิ่มเติมผ่านการวิจัยเชิงลึกเพื่อ Hemohim G

เจ้าหน้าที่จาก Kolmar BNH กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นบริษัท ODM ชั้นนำในภาคส่วนอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี Kolmar BNH ยังคงมุ่งมั่นด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างแน่วแน่ โดยมุ่งเน้นบริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เราตั้งมั่นที่จะดึงดูดลูกค้าทั่วโลกโดยการนำเสนอความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่สั่งสมมาจากนวัตกรรมที่ผ่านการทุ่มเทมานานหลายปี”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53978813/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar BNH
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งข้อมูล: Kolmar BNH

APO ดำริความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และพันธมิตรระดับโลกเพื่อพัฒนาความสามารถด้านการผลิตให้สูงขึ้น

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–09 พฤษภาคม 2024

องค์การเพิ่มผลผลิคแห่งเอเชีย (The Asian Productivity Organization – APO) ยืนยันในเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นในการรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตที่เร่งด่วน โดยการดำริความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และพันธมิตรหลายประการ โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญระดับโลกและความร่วมมือกันระดับโลกเพื่อเพิ่มผลผลิตและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

OECD Secretary-General Mathias Cormann (L) and APO Secretary-General Dr. Indra (R) (Photo: Business Wire)

Mathias Cormann เลขาธิการ OECD (L) และ Dr. Indra เลขาธิการ APO (R) (ภาพถ่าย: Business Wire)

ในความร่วมมือครั้งสำคัญเมื่อไม่นานมานี้ APO ผนึกกำลังกับ Institut Européen d'Administration des Affaires (INSEAD) เพื่อริเริ่มโครงการผู้นำระดับผู้บริหากแบบเต็มรูปแบบ และมีการปรับให้เหมาะสมกับ National Productivity Organizations (NPOs) โดยโปรแกรมนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 เดือนเมษายน ถึงวันที่ 3 เดือนพฤษภาคม ปี 2024 ที่แคมปัส Europe ของ INSEAD ที่ Fontainebleau ประเทศฝรั่งเศส โปรแกรมนี้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร 12 คน ซึ่งเป็นผู้นำ NPOs เข้าร่วม ภายใต้แนวความคิดจากหัวหน้าและผู้ปฏิบัติงานระดับโลกแปดคน โดยมีบุคคลที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Alexandra Roulet อดีตที่ปรึกษาของ Emmanuel Macron  ประธานาธิบดีประเทศฝรั่งเศส  และ Philippe Aghion ผู้ก่อตั้งทฤษฏีการเติบโตใหม่ ซึ่งกล่าวถึงความท้าทายด้านการผลิตที่เกิดขึ้นใหม่และวิธีการเชิงกลยุทธ์สำหรับการแก้ไขปัญหา โดยมุ่งเน้นความเจริญรุ่งเรืองผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

คำกล่าวเปิดงานของ Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการของ APO ในช่วงต้นของโครงการ ตอกย้ำถึงความจำเป็นสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตด้วยความยืดหยุ่นและนวัตกรรม เฟรมเวิร์กความเป็นผู้นำกำหนดใช้มุมมองที่มุ่งเน้นธุรกิจเป็นศูนย์กลางในการกำหนดความคิดริเริ่มเพื่อประสิทธิภาพการผลิตที่ยั่งยืนและการเติบโตอย่างครอบคลุม กลุ่มผู้นำ NPO ที่เข้าร่วมโครงการจะจัดทำข้อเสนอริเริ่มด้านการผลิตให้เสร็จสิ้นภายในสามเดือน ภายใต้คำแนะนำและการช่วยเหลือจากศาสตราจารย์ Philip Parker จาก INSEAD

การประชุมเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Dr. Indra เลขาธิการ APO และ Mathias Cormann เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development – OECD) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เดือนพฤษภาคม ณ กรุงปารีส การอภิปรายดังกล่าว ยังมีเจ้าหน้าที่ OECD ท่านอื่นๆ เข้าร่วมด้วยเช่นกัน อาทิเช่น Andreas Schaal ผู้อำนวยการฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือระดับโลก, Paul Schreyer ผู้อำนวยการฝ่ายสถิติและข้อมูล และ Thomas Schnöll รองเสนาธิการ โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต ความยั่งยืน และนวัตกรรม โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผสานร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง APO และ OECD โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการดำเนินโครงการร่วมกันด้านการวัดผลผลิตภาพและสถิติ

จากการเป็นสมาชิกใน Global Forum on Productivity (GFP) ของ OECD ตั้งแต่ปี 2020 APO มีความมุ่งมั่นและเสริมสร้างความร่วมมือกับฝ่ายบริหาร GFP เมื่อวันที่ 2 เดือนพฤษภาคม โดยตั้งเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่สมาชิก APO ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพด้านการผลิตและการกำหนดนโยบาย ทั้งสองฝ่ายยืนยันในความมุ่งมั่นทีจะใช้ GFP เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนนโยบายและความร่วมมือกันด้านการวิจัย

การประชุมระดับสูงหลายวาระสิ้นสุดลงด้วยการอภิปรายที่มีประสิทธิผลระหว่าง Dr. Indra เลขาธิการ และโฆษกของ National Council of Productivity Alain Durre แห่งประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 3 เดือนพฤษภาคม โดยมีการสำรวจช่องทางในการทำงานร่วมกัน รวมถึงการสนับสนุนโครงการให้คำปรึกษาด้านนโยบายและอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนด้านการวิจัยผลิตภาพ

ความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือกันเหล่านี้เน้นย้ำถึงความทุ่มเทของ APO ในการจัดหาเครื่องมือและความเชี่ยวชาญให้แก่สมาชิก เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตที่ซับซ้อน ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และความเจริญรุ่งเรืองทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เกี่ยวกับ APO

Asian Productivity Organization (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่อุทิศตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการผลิตในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยเน้นการทำงานร่วมกัน ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่เลือกปฏิบัติ APO ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้งแปดคน ปัจจุบันประกอบด้วยประเทศสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังคลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ไอ.อาร์.อิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย เตอร์กิเย และเวียดนาม

APO ดำเนินการวางแผนอนาคตสำหรับภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสมาชิกผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ ทำหน้าที่เป็นคลังความคิด ริเริ่มการสร้างขีดความสามารถระดับสถาบัน และการแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิต

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53978778/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม:
Digital Information Unit, APO: pr@apo-tokyo.org
โทรศัพท์: +81-3-3830-0411
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

แหล่งข้อมูล: Asian Productivity Organization

RunPod ระดมทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐในการระดมทุน Seed ที่นําโดย Intel Capital และ Dell Technologies Capital

Logo

RunPod ผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกสําหรับแอปพลิเคชัน AI กําลังดึงดูดนักพัฒนาจากหลากหลายอุตสาหกรรม และเร่งการเติบโตของแพลตฟอร์ม

MT. LAUREL, N.J.–( BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

RunPod ซึ่งเป็น Launchpad ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับใช้แอปพลิเคชัน AI แบบฟูลสแตกแบบกําหนดเอง ประกาศในวันนี้ว่าได้ระดมทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการระดมทุน Seed ซึ่งนําโดย Intel Capital และ Dell Technologies Capital โดยมีความร่วมมือจาก Julien Chaummond, Nat Friedman และ Adam Lewis ร่วมกับการจัดหาเงินทุน Mark Rostick รองประธานและกรรมการผู้จัดการอาวุโสของ Intel Capital จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ RunPod

RunPod เป็นบริการประมวลผลบนคลาวด์ GPU ที่กระจายทั่วโลกสําหรับการฝึกอบรม การปรับใช้ และการปรับขนาดโมเดล AI ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์หลักสองรายการของ RunPod ได้แก่ GPU Cloud และ Serverless นักพัฒนาสามารถหมุนอินสแตนซ์ GPU ตามความต้องการได้ในไม่กี่คลิก และสร้างจุดสิ้นสุด API ที่ปรับขนาดอัตโนมัติสําหรับการอนุมานแบบปรับขนาดบนโมเดล AI ในการผลิต

“ความสามารถในการสร้างและปรับใช้แอปพลิเคชัน AI ในวงกว้างจะเป็นสิ่งสําคัญยิ่งต่อการนําไปใช้และการใช้งาน” Amjad Masad นักลงทุน RunPod กล่าว “ทีม RunPod ได้ให้ความสําคัญกับประสบการณ์นักพัฒนาอย่างชัดเจน เพื่อสร้างโซลูชันที่สวยงามซึ่งช่วยให้บุคคลสามารถพัฒนาแอป AI ที่กําหนดเองได้อย่างรวดเร็ว หรือการบูรณาการ ในขณะเดียวกันก็ปูทางให้องค์กรต่างๆ สามารถปฏิบัติตามคํามั่นสัญญาของ AI ได้อย่างแท้จริง”

RunPod ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเรียกใช้เวิร์กโหลด GPU ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้พวกเขามุ่งเน้นไปที่การทํางานของแมชชีนเลิร์นนิงน้อยลง และให้ความสําคัญกับการสร้างแอปพลิเคชันมากขึ้น ความสามารถเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์สําหรับนักพัฒนาและส่งผลให้ RunPod ขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยการเติบโตของรายได้ 10 เท่าทุกปี

“RunPod เริ่มต้นจากการเป็นสนามเด็กเล่นสําหรับนักพัฒนาและนักนวัตกร ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาไปทําวิจัย พัฒนา และปรับแต่งโครงการของพวกเขา ตอนนี้มีชุมชนนักพัฒนามากกว่า 100,000 คน” Zhen Lu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ RunPod กล่าว “เราเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะ RunPod สร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างการให้อิสระแก่นักพัฒนา ในการเปิดตัวสิ่งที่พวกเขาต้องการ ในขณะที่ยังคงมีโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือที่จําเป็นเพื่อช่วยในการปรับแต่ง การพัฒนา และการปรับใช้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง”

การเกิดขึ้นของปริมาณงานเฉพาะด้าน AI ทําให้เกิดความต้องการด้านการคํานวณที่เพิ่มขึ้น เมื่อโซลูชั่นท่ใช้งานได้จริงแล้ว แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่พร้อมใช้งานทันที จะไม่คุ้มค่าหรือเร็วพอที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างแบบกําหนดเองได้อีกต่อไป ด้วย RunPod นักพัฒนาสามารถพัฒนา ฝึกอบรม ปรับขนาด และเปิดตัวแอปพลิเคชัน AI แบบฟูลสแตกแบบกําหนดเอง หรือการบูรณาการในระบบคลาวด์ในระดับโลกได้อย่างน่าเชื่อถือและง่ายดาย

“RunPod เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งฐานลูกค้าและรายได้ ด้วยการนําเสนอแพลตฟอร์มที่กว้างขวาง รวดเร็ว และใช้งานง่าย ซึ่งตอบสนองความต้องการของนักพัฒนาและแอปพลิเคชันโมเดลสามมิติของพวกเขา” Mark Rostick รองประธานและหุ้นส่วนผู้จัดการอาวุโสของ Intel Capital กล่าว “ผมได้ดูโมเมนตัมของ RunPod ตั้งแต่สตาร์ทอัพขนาดเล็กที่นำเสนอระบบนิเวศให้กับนักพัฒนาแต่ละราย เพื่อเริ่มต้นการวิจัยและพัฒนาไปจนถึงข้อเสนอแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ ที่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถปรับขนาดผลิตภัณฑ์และโซลูชันคุณภาพสูงที่กําหนดเองได้”

การเติบโตอย่างรวดเร็วและการยอมรับของนักพัฒนาทําให้เกิดความจําเป็นในการขยายทีมเกือบ 10 เท่าในปีที่ผ่านมา โดยสร้างตัวเองให้เป็นผู้นําในการบุกเบิกการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย GPU AI แพลตฟอร์มดังกล่าวเพิ่งเปิดตัวความสามารถในการปรับใช้อินสแตนซ์การประมวลผลของ CPU ซึ่งเป็นก้าวสําคัญในการสร้างโซลูชันระบบคลาวด์แบบองค์รวม การระดมทุน Seed นี้จะช่วยให้ RunPod สามารถยกระดับชีวิตประจําวันของนักพัฒนา สร้างพันธมิตรใหม่และการบูรณาการ เพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่น และนําเสนอรากฐานที่สมบูรณ์แบบสําหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน สําหรับการพัฒนาโมเดล AI แบบกําหนดเอง

“ในขณะที่องค์กรปรับใช้แอปพลิเคชัน AI ในการผลิตมากขึ้น กุญแจสู่ความสําเร็จคือการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปรับขนาดได้ นี่คือสิ่งที่ Zhen, Pardeep และทีมงานสร้างขึ้นด้วยแพลตฟอร์ม RunPod” Radhika Malik หุ้นส่วนของ Dell Technologies Capital กล่าว “พวกเขามุ่งมั่นที่จะรักษาประสบการณ์การพัฒนาเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่พวกเขาทํา ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกอย่างท่วมท้นจากชุมชน และการเติบโตของผู้ใช้ที่น่าประทับใจและยั่งยืน”

เกี่ยวกับ RunPod:

RunPod เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ GPUที่กระจายทั่วโลก ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับใช้แอปพลิเคชัน AI แบบฟูลสแตกแบบกําหนดเองได้ง่ายๆ ทั่วโลก และในวงกว้าง ด้วยข้อเสนอหลักของ RunPod อินสแตนซ์ GPU และ GPU แบบไร้เซิร์ฟเวอร์ นักพัฒนาสามารถพัฒนา ฝึกฝน และปรับขนาดแอปพลิเคชัน AI ในระบบคลาวด์เดียวภายในไม่กี่วินาที RunPod มุ่งมั่นที่จะทําให้การประมวลผลบนคลาวด์สามารถเข้าถึงได้และราคาไม่แพง โดยไม่กระทบต่อคุณสมบัติ การใช้งาน หรือประสบการณ์ มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคคลและองค์กรด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย  ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถปลดล็อกศักยภาพของ AI และการประมวลผลบนคลาวด์ได้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ RunPod โปรดไปที่ https://www.runpod.io/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ
Chris Love
press@runpod.io

ที่มา: RunPod

การวิจัยวัคซีนที่ใช้ LC-Plasma ได้รับเลือกสำหรับโครงการ SCARDA

Logo

– มุ่งเน้นการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ –

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings)(TOKYO:2503) และ National Institute of Infectious Diseases (NIID) ร่วมมือกันดำเนินการศึกษาเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในการป้องกันของพลาสม่าสายพันธุ์ L. lactis [โพสต์ไบโอติก] (LC-Plasma) สำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ เราขอประกาศว่า ข้อเสนอสำหรับการร่วมมือในการวิจัยของเราได้รับการยอมรับให้เป็นโครงการสำหรับการวิจัยและการพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาวัคซีนโดยศูนย์ยุทธศาสตร์การวิจัยและการพัฒนาวัคซีนขั้นสูงทางชีวการแพทย์เพื่อการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (Strategic Center of Biomedical Advanced Vaccine Research and Development for Preparedness and Response – SCARDA) ในหน่วยงานของญี่ปุ่น สำหรับการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ (Medical Research and Development – AMED)

ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการวิจัย

หัวข้อ: การพัฒนาวัคซีนโดยใช้พลาสม่าสายพันธุ์ Lactococcus ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นความจำโดยธรรมชาติ

ตัวแทน: Tetsuro Matano รองอธิบดี NIID

ตัวแทน: Daisuke Fujiwara เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ผู้จัดการทั่วไป สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ Kirin Holdings

หัวข้อเฉพาะ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาวัคซีนโดยใช้ LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ

ภูมิหลัง
SCARDA ก่อตั้งขึ้นที่ AMED เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2022 ตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อเสริมเงินทุนการวิจัยเชิงกลยุทธ์และเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์การวิจัยและการพัฒนาระดับโลก (https://www.amed.go.jp/en/program/list/21/index.html) SCARDA สนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาสำหรับวัคซีนรุ่นใหม่ มีความคาดหวังว่า วัคซีนแบบดั้งเดิมจะสามารถกระตุ้นการตอบสนองภูมิคุ้มกันแบบปรับสภาพ รวมถึงการตอบสนองของแอนติบอดีและทีเซลล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสและแบคทีเรีย เมื่อไม่นานมานี้ มีการพูดคุยกันถึงแนวคิดการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผ่านการฝึก และมีการทดลองพัฒนาวัคซีนที่มีการกระตุ้นการตอบสนองโดยธรรมชาติต่อโรคติดเชื้อให้มีประสิทธิผล ซึ่งยังไม่บรรลุผลสำเร็จ

LC-Plasma มีคุณลักษณะที่โดดเด่นในความสามารถกระตุ้นเซลล์พลาสมาซีตอยด์เดนไดรติก (plasmacytoid dendritic cells – pDCs) และกระตุ้นการผลิตอินเตอร์เฟอรอน ซึ่งนำไปสู่การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น จากการวิจัยร่วมกันกับ NIID ทาง Kirin Holdings มีการยืนยันว่า สามารถยับยั้งตัวจำลองแบบ SARS-CoV-2 ได้โดย pDC ส่วนลอยเหนือตะกอนจากการเพาะเลี้ยง ที่ได้รับการกระตุ้นด้วย LC-Plasma (Ishii et al, BBRC 662:26, 2023)

ในขณะนี้ Kirin Holdings และ NIID มีการดำเนินการวิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนาวัคซีนที่กระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติต่อการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ โดยใช้ LC-Plasma สำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ โครงการนี้มีขึ้นเพื่อสำรวจศักยภาพของการฉีดวัคซีน LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ รวมถึง SARS-CoV-2 และไวรัสไข้หวัดใหญ่

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจยา) และภาพส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทมีการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจยาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ซึ่งยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 มีการก่อตั้ง Kirin Holdings ขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันมุ่งเน้นการขยายภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้ วิสัยทัศน์ของ Kirin Group ปี 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่ม จนถึงด้านเภสัชกรรม นับจากนี้เป็นต้นไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถเติบอย่างยั่งยืนในองค์กร

* สร้างเสริมคุณค่าร่วมกัน ผสานรวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53976235/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Press Contact
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

National Institute of Infectious Diseases Contact
1-23-1 Toyama, Shinjuku-ku, Tokyo
+81-3-5285-1111
info@nih.go.jp

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

Tradu เปิดตัวการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโต ช่วยให้ลูกค้าสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมการซื้อขายได้สูงถึง 95%

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

Tradu แพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์หลายรายการอันทรงพลัง เปิดตัวการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตใหม่ พร้อมค่าธรรมเนียมต่ำและมีความโปร่งใส ซึ่งเหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนที่มองหาแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยสำหรับสินทรัพย์สกุลเงินคริปโตที่มีอยู่ของตัวเอง นับตั้งแต่วันนี้ เทรดเดอร์สกุลเงินคริปโตสามารถลงทุนในเหรียญมากกว่า 40 รายการได้อย่างปลอดภัย รวมถึง Bitcoin และ Ethereum ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์หลายรายการของ Tradu Tradu เป็นส่วนหนึ่งของ Stratos Group International, LLC (“Stratos”) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Jefferies Financial Group Inc. (NYSE: JEF)

Tradu ใช้แนวทางใหม่สำหรับคริปโต โดยนำเสนอโครงสร้างต้นทุนที่เรียบง่ายและโปร่งใส ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถประหยัดค่าธรรมเนียม ซึ่งมีการเรียกเก็บในการซื้อขายสกุลเงินคริปโตได้สูงถึง 95% แพลตฟอร์มจะมีการแสดงคอมมิชชั่นและสเปรดแบบเรียลไทม์ก่อนที่จะมีการส่งคำสั่งซื้อขาย และเทรดเดอร์สามารถเห็นความโปร่งใสในต้นทุนการทำธุรกรรมทั้งหมด Tradu คิดค่าคอมมิชชั่นเพียง 0.1% โดยมีส่วนลดในทันที 0.02% และ 0.05% สำหรับการซื้อขายจำนวนมาก ค่าคอมมิชชั่นสำหรับการซื้อขาย 1 BTC (ที่ราคา 60,000 เหรียญสหรัฐ) มีเพียง 30 เหรียญสหรัฐที่ Tradu เมื่อเทียบกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนอื่นๆ ถึง 600 เหรียญสหรัฐ*

ลูกค้าของ Tradu ยังสามารถเลือกที่จะซื้อขายผ่านโปรไฟล์ที่ไม่คิดค่าคอมมิชชั่น โดยสามารถเพิ่มค่าธรรมเนียมสำหรับสเปรดแทน ลูกค้าสามารถคลิกเพื่อเปลี่ยนระหว่างตัวเลือกโปรไฟล์ Zero Commission และ Raw Spreads ในแพลตฟอร์มได้อย่างง่ายดาย ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการเลือกโปรไฟล์ที่เหมาะสมกับสไตล์การซื้อขายของตัวเองมากที่สุด

คุณสมบัติที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่:

ค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่เหมือนกันTradu รักษาค่าธรรมเนียมที่เท่าเทียมกันสำหรับธุรกรรมผู้ซื้อและผู้ขาย นำเสนอความเป็นธรรม ความเรียบง่าย และความโปร่งใสในการซื้อขาย

สามารถฝากสกุลเงินคริปโตได้ฟรีและถอนได้ง่ายดาย: ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากสกุลเงินคริปโตกับ Tradu ในขณะที่สามารถถอนได้อย่างง่ายดาย และมีความโปร่งใสในค่าธรรมเนียม

มีการสนับสนุนอย่างครอบคลุม: สามารถเข้าถึงฝ่ายสนับสนุนลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงอีเมล แชท และโทรศัพท์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความช่วยเหลือทันทีหากผู้ใช้มีข้อสอบถามใดๆ

Brendan Callan, CEO ของ Tradu กล่าวว่า “ที่ Tradu เราเป็นผู้สนับสนุนสกุลเงินคริปโตอย่างแท้จริง เป็นตลาดขนาดใหญ่พร้อมสนับสนุนนักลงทุนที่มีความสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์หลายรายการอย่างแท้จริง สิ่งสำคัญสำหรับเราคือ การนำเสนอให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงทั้งสินทรัพย์แบบดั้งเดิมและสินทรัพย์ใหม่แบบดิจิทัล เรามีการกำหนดราคาและโครงสร้างพื้นฐานระดับสถาบันสำหรับตลาดสกุลเงินคริปโตรายย่อย โดยเทรดเดอร์สามารถดูรายละเอียดค่าใช้จ่ายล่วงหน้า พร้อมสเปรดที่โปร่งใส ช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนสูงสุด Tradu มุ่งเน้นที่การสร้างการซื้อขายสกุลเงินคริปโตที่มั่นคง ปลอดภัย และราบรื่นผ่านเทคโนโลยี นำเสนอบริการที่ดีกว่า ปลอดภัยยิ่งขึ้น และต้นทุนที่ต่ำลง ลูกค้าสามารถติดต่อทีมฝ่ายสนับสนุนเพื่อขอคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการโอนพอร์ตโฟลิโอสกุลเงินคริปโตไปยัง Tradu”

นอกเหนือจากสกุลเงินคริปโตแล้ว ผู้ใช้ Tradu ยังสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อขายกว่า 10,000 รายการ ทั้งในตราสารทุน forex และ CFD ในสินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น ทรัพย์สิน และดัชนีทั้งหมดได้จากพอร์ทัลทรงพลังเพียงพอร์ทัลเดียว โดยสามารถใช้แอปมือถือและแพลตฟอร์มเว็บที่ใช้งานได้ง่าย

สามารถลงทะเบียนและเข้าถึงสินทรัพย์ที่หลากหลายที่ crypto.tradu.com**

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ

* มีการคำนวณต้นทุนจากการซื้อ Bitcoin หนึ่งรายการที่ราคา 60,000 เหรียญสหรัฐ ต้นทุน Tradu รวมส่วนลด 0.05% ตามขนาดคำสั่งซื้อ ราคาเปรียบเทียบตามประเภทบัญชีมาตรฐานและข้อมูลจากเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ ณ วันที่ 1 เดือนพฤษภาคม ปี 2024 โดยไม่สะท้อนสถานการณ์ตลาดทั้งหมด ค่าธรรมเนียมจริงอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทบัญชี ส่วนลด ปริมาณ และสภาวะตลาด

**ผลิตภัณฑ์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง สามารถเข้าไปที่ tradu.com เพื่อตรวจสอบว่า มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใดบ้างในภูมิภาคของคุณ

เกี่ยวกับ Tradu

Tradu มีสำนักงานใหญ่ใน London และมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก ทีม Tradu ทั่วโลกสามารถพูดได้มากกว่ายี่สิบสี่ภาษาและมีความภาคภูมิใจในฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่มีการตอบสนองและช่วยเหลือลูกค้าเป็นอย่างดี

Stratos ยังมีการดำเนินงาน FXCM ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม FX และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 Stratos จะยังคงให้บริการ FXCM ควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์หลายรายการของ Tradu

บริษัทในเครือของ Stratos ได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การควบคุมในสหราชอาณาจักร ยุโรป ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Chatsworth Communications
+44 (0) 20 7440 9780
TraduPR@chatsworthcommunications.com

แหล่งข้อมูล: Tradu

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นเปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยเพิ่มฐานข้อมูลใหม่และเนื้อหาการสัมภาษณ์

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 พฤษภาคม 2024

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) ต่ออายุเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (https://www.asean.or.jp/) ในหน้าแรกของเว็บไซต์แสดงสโลแกนใหม่ของ AJC: “Building Bridges, Connecting Heart to Heart” พร้อมภาพประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและจิตวิญญาณของความร่วมมือระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น

The ASEAN-Japan Centre relaunches official website: New database and interview content added (Graphic: Business Wire)

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นเปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง: เพิ่มฐานข้อมูลใหม่และเนื้อหาการสัมภาษณ์ (กราฟิก: Business Wire)

นอกจากการจัดแสดงและรายงานกิจกรรมของ AJC แล้ว เว็บไซต์ใหม่ยังนำเสนออินโฟกราฟิก 'ASEAN-Japan Basic Information at a Glance' ซึ่งเป็นฐานข้อมูลอาเซียนที่ให้การเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนของอาเซียน รวมถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน และค่าดัชนีความได้เปรียบที่ปรากฏRCA) รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ภาพรวมของจํานวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาค  และเนื้อหาสัมภาษณ์ 'The People of ASEAN-Japan' ที่นําเสนอเรื่องราวของผู้คนที่เชื่อมโยงผู้คนในภูมิภาคอาเซียน-ญี่ปุ่น เว็บไซต์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้คนจํานวนมากขึ้นมีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นบน พื้นฐานของความไว้วางใจจากมุมมองที่แตกต่างกัน เนื้อหาจะได้รับการอัปเดตเป็นครั้งคราว

เป็นเวลากว่า 40 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1981 AJC ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองภูมิภาคผ่านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน การเปิดตัวเว็บไซต์อีกครั้งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบหกปี AJC ได้ถือเอามิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นปีที่ 50 ในปี 2023 เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ตามคําแถลงวิสัยทัศน์ “หุ้นส่วนที่เชื่อถือได้” ที่ผู้นําของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นนํามาใช้ในการประชุมสุดยอดที่ระลึก AJC มีเป้าหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์ “จากใจถึงใจ” ระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และร่วมกันสร้างสังคมที่สงบสุข ยั่งยืน ครอบคลุม และเจริญรุ่งเรือง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53966401/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) PR Unit

Tomoko Miyauchi (MS)

URL: https://www.asean.or.jp/
TEL: +81 (0)3-5402-8118

Email: toiawase_ga@asean.or.jp

ที่มา: ASEAN-Japan Centre

ATMECS Global เร่งสร้างนวัตกรรม AI ด้วยการเข้าร่วมเครือข่ายพันธมิตร NVIDIA ในฐานะที่ปรึกษาของ Solution Advisor

Logo

ซานโฮเซ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–06 พฤษภาคม 2024

ATMECS Global ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้และโซลูชันทางวิศวกรรม ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าเครือข่ายพันธมิตร NVIDIA ในฐานะที่ปรึกษาของ Solution Advisor แล้ว โดยความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของ ATMECS เพื่อกำหนดนิยามใหม่ของภูมิทัศน์ AI และ ML พร้อมเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมและความเป็นเลิศในการนำเสนอโซลูชัน AI ยุคถัดไป

Lori Banas-Chief AI/ML Officer (Photo: Business Wire)

Lori Banas-หัวหน้าเจ้าหน้าที่ AI/ML (รูปภาพ: Business Wire)

ATMECS จะสนับสนุนลูกค้าในการสร้างและปรับใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนโดย NVIDIA ที่หลากหลาย — รวมถึงผ่านการใช้ NVIDIA Omniverse ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการพัฒนาสำหรับแบบจำลองเสมือนจริงของวัตถุทางกายภาพ, AI ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ที่ประกอบกับไมโครเซอร์วิสแบบอินเฟอเรนซ์ต่าง ๆ NVIDIA NIM และ แพลตฟอร์ม NVIDIA AI Enterprise สำหรับการปรับใช้บนระบบคลาวด์และในสถานที่ รวมทั้งแพลตฟอร์ม NVIDIA Jetson สำหรับ AI และวิทยาการหุ่นยนต์แบบ Edge ที่เร่งความเร็ว

ลอรี บานัส ซึ่งเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ AI/ML ของ  ATMECS ได้เล่าความตื่นเต้นที่มีต่อการประกาศนี้ว่า “พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ NVIDIA ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของเราในการใช้พลังการเปลี่ยนแปลงของ AI และ ML เรามุ่งมั่นที่จะปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ และนำเสนอโซลูชัน AI ที่ล้ำสมัยซึ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันสำหรับลูกค้าของเรา”

ความร่วมมือกับ NVIDIA ช่วยให้ ATMECS สามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและเทคโนโลยี AI และ ML ที่หลากหลาย รวมถึง GPU ที่ล้ำสมัย เครือข่ายความเร็วสูง และแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุม  ผลงานเครื่องมือและความเชี่ยวชาญของ NVIDIA นี้ช่วยให้ ATMECS ออกแบบและใช้งานโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูง ซึ่งตอบสนองกรณีการใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรม ตั้งแต่สื่อและความบันเทิงไปจนถึงการดูแลสุขภาพ การเงิน การค้าปลีก และการผลิต

“ด้วย NVIDIA เราไม่เพียงแค่ยอมรับอนาคตของ AI เท่านั้น;  เรากำลังกำหนดรูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยสร้างมูลค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ให้กับลูกค้าและอุตสาหกรรมของเราทั่วโลก” ราวี เวลากาปุดี ผู้ก่อตั้งและประธานของ ATMECS กล่าว

ด้วย AI ลูกค้าของ ATMECS เปลี่ยนวิธีดำเนินการและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ จึงเกิดความได้เปรียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด AI ที่มีการแข่งขันสูง  ด้วยการบูรณาการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของ NVIDIA เข้ากับความเชี่ยวชาญในด้าน AI และการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางของ ATMECS ความร่วมมือดังกล่าวจึงพร้อมนำเสนอโซลูชั่นที่ไม่เพียงแต่พัฒนากระบวนการทางธุรกิจ แต่ยังสร้างมูลค่าที่สำคัญให้กับลูกค้าด้วย

กายาทรี มาโลลัน ซีอีโอของ ATMECS กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ NVIDIA นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มคุณค่าที่เรานำเสนอ  แต่ยังเป็นตัวเร่งในการส่งเสริมและขยายกลุ่มผู้มีความสามารถของเรา ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเติบโต”

การประกาศนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ATMECS ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและส่งมอบคุณค่าที่โดดเด่นผ่าน AI การสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ และการขับเคลื่อนคลื่นแห่งความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าและอุตสาหกรรมในวงกว้างของพวกเขาต่อไป

คุณสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ ATMECS และโครงการริเริ่มด้าน AI ได้ที่ www.atmecs.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53971471/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ลอรี บานัส- หัวหน้าเจ้าหน้าที่ AI/ML
lori.banas@atmecs.com
info@atmecs.com

ที่มาข้อมูล: ATMECS Global

MOGAS ร่วมไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ Vincent Louis Mogas ประธานผู้ก่อตั้งอันเป็นที่รักของพวกเขา

Logo

HOUSTON–(BUSINESS WIRE)–04 พฤษภาคม 2024

MOGAS ร่วมไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ Vincent Louis Mogas ประธานผู้ก่อตั้งอันเป็นที่รักของพวกเขา ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 เดือนพฤษภาคม ปี 2024 ในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส Louis ใช้เวลาทั้งชีวิตในการสร้างธุรกิจการผลิตวาล์วและวัฒนธรรมบริษัทที่ยึดมั่นในความดี

V. Louis Mogas, Founder and Chairman of MOGAS Industries (1939 - 2024) (Photo: MOGAS Industries Inc.)

V. Louis Mogas ผู้ก่อตั้งและประธานของ MOGAS Industries (1939 – 2024) (ภาพถ่าย: MOGAS Industries Inc.)

MOGAS Industries ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 1973 เมื่อ Louis Mogas ซื้อร้านขายเครื่องจักรขนาดเล็กในเมืองฮูสตัน อีกไม่นาน เขาก็ได้รับสิทธิ์ในการให้บริการและผลิตวาล์วลูกกลมจาก Cameron Iron Works ภายใต้การนำของ Louis บริษัทได้ศึกษาความล้มเหลวของวาล์วและก่อตั้งแผนก R&D เพื่อปรับแต่งวาล์วสำหรับการใช้งานเฉพาะด้าน ตั้งแต่ปี 2000 MOGAS ได้จัดตั้งสำนักงานขายและบริการในออสเตรเลีย จีน ยุโรป แคนาดา อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และอินเดีย

ในช่วงต้น Louis Mogas มีการแนะนำพฤติกรรมทางธุรกิจที่กลายเป็นรากฐานค่านิยมหลักของบริษัท –ทุกคนเป็น CEO ในแต่ละส่วน ทำให้งานเป็นเรื่องสนุก ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และอื่นๆ อีกมากมาย เขาเชื่อมั่นว่า สามารถทำให้งานเป็นเรื่องที่สนุกและมีเกียรติได้ และมีทีมงานเพียงทีมเดียวที่ MOGAS ที่ขับเคลื่อนหลักการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน

ในขณะที่ Louis ได้รับรางวัลของบริษัทมากมาย รวมถึง The Inc. 500 Fastest Growing Private Companies, multiple Best Companies to Work For in Texas, vendor excellence, Texas Family Large Business of the Year Finalist และ Best Quality Product เขามีความภูมิใจในความใจบุญสุนทานของตัวเองและครอบครัว และการระดมทุนของพนักงาน และการเป็นอาสาสมัคร โดยรวมถึง Ronald McDonald House HoustonThe Periwinkle FoundationCamp for AllNational Multiple Sclerosis Association และโรงเรียนประจำเขตฮูสตันหลายแห่ง ในปี 2017 Louis Mogas ได้รับเกียรติยกย่องให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่นของ Texas A&M University ที่ Kingsville จากการก่อตั้ง Mogas Family Perseverance Scholarship Endowment. MOGAS Industries ยังมีการมอบทุนการศึกษาและเงินสมทบเพื่อการศึกษาให้กับพนักงานและบุตรหลานของพนักงาน และให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาฝึกงานภาคฤดูร้อน

ครอบครัวของ Louis Mogas ทีมผู้บริหารระดับสูงของ MOGAS และพนักงานบริษัททั่วโลกต่างร่วมกันไว้อาลัยในการสูญเสียชายผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งความเป็นผู้นำของเขาสอดคล้องกับความหลงใหลและความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิตและการรับใช้ผู้อื่น เราทุกคนจะเก็บบทเรียนที่ได้รับการแบ่งปันจาก Louis ไว้ในใจ และเราจะแบ่งปันมรดกของเขาให้โลกได้รับรู้ผ่านผลงานและการใช้ชีวิตของพวกเรา

“ดำเนินชีวิตตามค่านิยมของคุณในการทำงานอยู่เสมอ เพื่อว่า เมื่อคุณขับรถกลับบ้านในแต่ละวัน คุณจะมีความภาคภูมิใจในตัวเอง” Louis Mogas

เกี่ยวกับ MOGAS INDUSTRIES, INC.

MOGAS Industries เป็นบริษัทเทคโนโลยีการบริการระดับสูงที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด พร้อมนำเสนอวิศวกรรม/การเคลือบพื้นผิว หน่วยกระบวนการโมดูลารฺ และการสนับสนุนหลังการขาย ผลิตภัณฑ์และบริการเฉพาะทางที่มีชื่อเสียงระดับโลกของเราเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับระบบการใช้งานที่สำคัญในอุตสาหกรรมพลังาน เหมืองแร่ น้ำมันและก๊าซ การกลั่น เคมี/ปิโตรเคมี เยื่อกระดาษและกระดาษ และอุตสาหกรรมเฉพาะทาง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่

https://www.businesswire.com/news/home/20240503919754/en/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20240503919754/en/

ติดต่อ

marketing@mogas.com

แหล่งข้อมูล: MOGAS Industries, Inc.


NPCI International ร่วมมือกับ Bank of Namibia เพื่อปรับใช้ UPI Stack ของอินเดียในนามิเบีย

Logo

มุมไบ, อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–03 พฤษภาคม 2024

NPCI International Payments Limited (NIPL) ซึ่งเป็นหน่วยงานระหว่างประเทศของ National Payments Corporation of India (NPCI) ได้ลงนามในข้อตกลงกับ Bank of Namibia (BoN) เพื่อสนับสนุนพวกเขาในการพัฒนาระบบการชําระเงินทันที เช่น Unified Payment Interface (UPI) ในนามิเบีย

Mr. Johannes !Gawaxab, Hon'ble Governor of the Bank of Namibia (left) and Mr. Ritesh Shukla, CEO, NPCI International (Photo: Business Wire)

Mr. Johannes !Gawaxab ผู้ว่าการธนาคารแห่งนามิเบีย (ซ้าย) และ Mr. Ritesh Shukla, ซีอีโอ, NPCI International (ภาพ: Business Wire)

ความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวกระโดดเชิงกลยุทธ์ในการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของนามิเบีย และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและประสบการณ์จาก UPI ของอินเดีย ความร่วมมือนี้มุ่งมั่นที่จะช่วยให้นามิเบียปรับปรุงระบบนิเวศทางการเงินให้ทันสมัย ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงการเข้าถึง ความสามารถในการจ่าย การเชื่อมต่อกับเครือข่ายการชําระเงินทั้งในและต่างประเทศ และความสามารถในการทํางานร่วมกัน

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับบริการทางการเงินดิจิทัล และสนับสนุนธุรกรรมการชําระเงินแบบบุคคลต่อบุคคล (P2P) และผู้ค้า (P2M) แบบเรียลไทม์ในประเทศแอฟริกา คุณลักษณะด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่มีอยู่ในแพลตฟอร์ม UPI ไม่เพียงแต่สัญญาว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเท่านั้น แต่ยังรับประกันความสามารถในการปรับขนาดสําหรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอนาคตและความต้องการของตลาด ด้วยความร่วมมือนี้ BoN จะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึกที่ดีที่สุดจาก NIPL ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างแพลตฟอร์มที่คล้ายกันในนามิเบีย เพื่อสวัสดิการดิจิทัลของพลเมือง

Mr. Johannes !Gawaxab ผู้ว่าการธนาคารแห่งนามิเบียกล่าวว่าเป้าหมายของเราคือการเพิ่มการเข้าถึงและความสามารถในการจ่ายให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาส บรรลุความสามารถในการทํางานร่วมกันของเครื่องมือการชําระเงินได้อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2025 ปรับปรุงภาคการเงินให้ทันสมัย และรับประกันระบบการชําระเงินแห่งชาติที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ความพยายามนี้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของธนาคาร และวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ NPS ปี 2025 โดยจงใจใช้แนวทางที่นําโดยธนาคารกลางเพื่อลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานสําหรับสถาบันการเงิน  ซึ่งจะทําให้มั่นใจได้ถึงความยั่งยืนและความสามารถในการจ่ายของโซลูชันการชําระเงินทันทีสําหรับผู้ใช้ปลายทาง ระบบนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงบุคคล ธุรกิจ และหน่วยงานของรัฐทั่วนามิเบีย รวมถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือทางสังคม ทําให้ปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการดิจิทัล

Mr. Ritesh Shukla ซีอีโอของ NPCI International กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ Bank of Namibia เพื่อเปิดใช้ระบบการชําระเงินแบบเรียลไทม์แบบ UPI ในนามิเบีย เพื่อประโยชน์สาธารณะดิจิทัลของพลเมือง เรารู้สึกตื่นเต้นกับความร่วมมือครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้พลเมืองนามิเบียสามารถทําธุรกรรมได้ทันทีโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและประสบการณ์จาก UPI ของอินเดียได้ทันที ด้วยการใช้เทคโนโลยีนี้ประเทศจะได้รับอํานาจอธิปไตยในภูมิทัศน์การชําระเงินดิจิทัล และได้รับประโยชน์จากการทํางานร่วมกันของการชําระเงินที่เพิ่มขึ้น และการเข้าถึงทางการเงินที่ดีขึ้นสําหรับประชาชนที่ด้อยโอกาส นอกจากนี้ยังช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการขยายขนาดและความสามารถในการปรับตัวเพื่อรองรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอนาคตและความต้องการของตลาด ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

เมื่อเปิดใช้งานแล้ว แพลตฟอร์มจะอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมดิจิทัลในนามิเบีย ขับเคลื่อนการเข้าถึงทางการเงิน และลดการพึ่งพาเงินสด ด้วยการให้บริการกับประชาชนที่ด้อยโอกาส ความพยายามในการทํางานร่วมกันนี้ พยายามจะนําเสนอบริการทางการเงินที่จําเป็นและราคาไม่แพงแก่ทุกคน โดยมุ่งเน้นที่ภาคชนบทและนอกระบบเป็นพิเศษ

สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NPCI International คลิกที่นี่

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53971411/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สําหรับคําถามของสื่อ: corporate.communications@npci.org.in

โทรศัพท์: +91 22 4050 8500

ที่มา: NPCI International Payments Limited

KLDiscovery ดำเนินการเพื่อเสริมสร้างงบดุลและรากฐานทางการเงินระยะยาว

Logo

บรรลุข้อตกลงในหลักการกับผู้ถือหุ้นกู้และผู้ให้กู้ยืมเงินระยะยาวเพื่อลดหนี้

โครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งจะสนับสนุนรูปแบบการเติบโตของ KLDiscovery และการลงทุนในโซลูชันลูกค้าชั้นนำของตลาด

คาดว่าจะปิดธุรกรรมได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้

อีเดน แพรรี, มินนิโซตา–(BUSINESS WIRE)–03 พฤษภาคม 2024

KLDiscovery Inc. (“KLDiscovery” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการจัดการข้อมูล การกำกับดูแลข้อมูล eDiscovery และบริการให้คำปรึกษา ได้ประกาศวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงในหลักการกับผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพหลักและเงินต้น ผู้ให้กู้ยืมระยะยาวจะช่วยลดหนี้ระยะยาวของบริษัทได้อย่างมาก และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของบริษัท ส่งผลให้ KLDiscovery สามารถมุ่งเน้นไปที่รูปแบบการเติบโตของบริษัท และขับเคลื่อนการลงทุนในโซลูชันลูกค้าชั้นนำของตลาดได้

“การประกาศในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทของเราในขณะที่เราก้าวไปสู่อนาคตด้วยโครงสร้างเงินทุนที่สนับสนุนทีมงานชั้นนำในอุตสาหกรรมของเรา และวัตถุประสงค์การเติบโตและผลกำไรในระยะยาว” Chris Weiler ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ KLDiscovery กล่าว “KLDiscovery เป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งโดยมีตำแหน่งทางการตลาดชั้นนำ มีแบรนด์ชั้นนำ และมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต ข้อตกลงนี้เน้นย้ำความเชื่อของพันธมิตรทุนรายสำคัญของเราในวิสัยทัศน์นั้น และจะทำให้บริษัทของเรามีความยืดหยุ่นทางการเงินที่จำเป็นในการส่งมอบนวัตกรรม การคิดขั้นสูง และข้อเสนอที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันที่ลูกค้าของเราคาดหวังจากเรา ทีมงาน KLDiscovery ทั่วโลกมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม และกำลังก้าวไปข้างหน้าโดยมุ่งเน้นที่การช่วยเหลือลูกค้าของเราในจัดการกับข้อมูลที่ท้าทายที่สุด ความต้องการด้านกฎหมาย และกฎระเบียบ”

ภายใต้การดำเนินการตามเอกสารขั้นสุดท้าย ธุรกรรมดังกล่าวทำให้เกิดการแปลงหุ้นกู้แปลงสภาพคงเหลือของบริษัทให้เป็นประมาณ 96% ของส่วนของหุ้นสามัญคงค้างเสมือนของ KLDiscovery นอกจากนี้ ระยะเวลาครบกำหนดของเงินกู้ของบริษัทจะขยายไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2027

ข้อตกลงในหลักการนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของผู้ถือหุ้นกู้ของ KLDiscovery รวมถึงผู้ให้กู้ยืมระยะยาวของ KLDiscovery อีกทั้งยังทำให้บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในการเติบโตและบริการและซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยี การแบ่งส่วนทุนโดยประมาณที่อธิบายไว้ข้างต้นอาจมีการปรับเปลี่ยนอันเป็นผลมาจากการหารืออย่างต่อเนื่องและเอกสารสรุปของการทำธุรกรรม

ข่าวนี้มาพร้อมกับผลการดำเนินงานทางการเงินที่ทำลายสถิติของ KLDiscovery ในปี 2023 ซึ่งสะท้อนถึงรายได้ทั้งปีที่แข็งแกร่ง EBITDA และ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว บริษัทกำลังสร้างแรงผลักดันนี้ด้วยการขยายขนาดอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการกับเรื่องที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุดแทนฐานลูกค้าทั่วโลกที่กำลังเติบโต KLDiscovery ยังคงลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งนำโดย Nebula ซึ่งเป็นโซลูชันขับเคลื่อน AI / ML แบบ end-to-end ระดับเรือธงของบริษัท ซึ่งทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มเดียวในการมีส่วนร่วมสำหรับข้อมูลทางกฎหมายและข้อมูลประเภทอื่น ๆ

ที่ปรึกษา KLDiscovery

Gibson, Dunn & Crutcher LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย Guggenheim Securities, LLC ทำหน้าที่เป็นวาณิชธนากร AlixPartners ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ C Street Advisory Group ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการสื่อสารเชิงกลยุทธ์

เกี่ยวกับ KLDiscovery

KLDiscovery ให้บริการและซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยบริษัทกฎหมาย องค์กร และหน่วยงานภาครัฐในการแก้ปัญหาความท้าทายด้านข้อมูลที่ซับซ้อน ด้วยสำนักงานในสถานที่ตั้ง 26 แห่งใน 17 ประเทศ KLDiscovery เป็นผู้นำระดับโลกในการนำเสนอโซลูชั่นการจัดการข้อมูล การกำกับดูแลข้อมูล และ eDiscovery ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน เพื่อสนับสนุนความต้องการในการดำเนินคดี การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการตรวจสอบภายในของลูกค้า KLDiscovery ให้บริการแก่องค์กรต่างๆ มานานกว่า 30 ปี โดยนำเสนอการรวบรวมข้อมูลและการสืบสวนทางนิติเวช การประเมินกรณีเบื้องต้น การประมวลผลข้อมูล แอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ และการโฮสต์ข้อมูลสำหรับการตรวจสอบเอกสารบนเว็บ และบริการตรวจสอบเอกสารที่ได้รับการจัดการ นอกจากนี้ ด้วยธุรกิจการจัดการข้อมูลแบบ Ontrack ระดับโลก KLDiscovery ได้มอบการกู้คืนข้อมูลระดับโลก การกู้คืนระบบในกรณีที่ระบบหลักเกิดความเสียหาย การสกัดและกู้คืนอีเมล การทำลายข้อมูล และการจัดการเทปสำรองข้อมูล KLDiscovery ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในอเมริกาเหนือจากทั้ง Inc. Magazine (Inc. 5000) และ Deloitte (Deloitte's Technology Fast 500) อีกทั้ง CEO Chris Weiler ยังได้รับรางวัล Ernst & Young Entrepreneur of the Year™ ประจำปี 2014 อีกด้วย นอกจากนี้ KLDiscovery ยังเป็นพันธมิตรที่ได้รับการรับรองด้านสัมพัทธภาพและรักษาศูนย์ข้อมูลที่ได้รับการรับรอง ISO/IEC 27001 ทั่วโลก เยี่ยมชม www.kldiscovery.com เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้

บทความคาดการณ์ในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วย “ข้อความคาดการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของมาตรา 27A ของกฎหมายหลักทรัพย์ปี 1933 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21E ของกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ปี 1934 และกฎหมายการปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลของสหรัฐอเมริกาปี 1995 ข้อความทั้งหมดอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ นอกเหนือจากแถลงการณ์ข้อเท็จจริงในอดีต ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความเกี่ยวกับข้อกำหนดและระยะเวลาของธุรกรรมการแปลงหนี้ วิสัยทัศน์ของบริษัทในอนาคต และความเชื่อของพันธมิตรทุนรายสำคัญในวิสัยทัศน์ดังกล่าว ประโยชน์ของความยืดหยุ่นทางการเงินในอนาคต ที่จะมอบให้กับบริษัท การขยายบริษัท และการลงทุนของบริษัทในการเติบโตและบริการและซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า เมื่อใช้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ คำว่า “ประมาณการ” “คาดหวัง” “คาดคะเน” “คาดการณ์” “เชื่อ” “อาจ” “จะ” “ควร” “อนาคต” และรูปแบบต่างๆ ของคำเหล่านี้หรือ สำนวนที่คล้ายกัน (หรือคำหรือสำนวนเชิงลบดังกล่าว) มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ไม่ได้รับประกันผลการดำเนินงาน เงื่อนไข ผลลัพธ์ หรือเหตุการณ์ในอนาคต และเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน ข้อสมมติฐาน และปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ทราบและไม่ทราบหลายประการ ซึ่งหลายปัจจัยอยู่นอกเหนือการควบคุมของฝ่ายบริหารของ KLDiscovery ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริง หรือผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมากจากที่กล่าวถึงในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่แท้จริง ได้แก่: ผลที่ตามมาของระดับหนี้ที่มีนัยสำคัญของ KLDiscovery ซึ่งรวมถึงระยะเวลาครบกำหนดที่รอดำเนินการและศักยภาพในการเร่งของสิ่งนั้นในเดือนมิถุนายน 2024 และความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระหนี้เมื่อถึงกำหนดหรือเพื่อรักษาหลักประกัน แหล่งเงินทุนทางเลือก การเข้าสู่ข้อตกลงขั้นสุดท้ายในส่วนที่เกี่ยวกับและการปิดธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงในหลักการที่อธิบายไว้ข้างต้นกับผู้ถือหุ้นกู้หลักของ KLDiscovery และผู้ให้กู้ยืมเงินกู้ยืมระยะยาวของ KLDiscovery ความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นของ KLDiscovery ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลที่ควบคุมชุดข้อมูลไคลเอนต์ที่ประมวลผลและจัดเก็บ ความสามารถของ KLDiscovery ในการดำเนินงานในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการแข่งขันครั้งนี้ ความเสี่ยงที่รายได้จะลดลงหาก KLDiscovery ไม่ปรับรูปแบบการกำหนดราคา ความสามารถในการดึงดูด จูงใจ และรักษาพนักงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม รวมถึงสมาชิกของทีมผู้บริหารอาวุโสของ KLDiscovery ความสามารถในการรักษาระดับการบริการลูกค้าและขยายการดำเนินงาน ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ KLDiscovery ที่อาจก่อให้เกิดการเปิดเผยทางกฎหมาย ความเสียหายต่อชื่อเสียง และการไม่สามารถให้บริการได้ ความสามารถของ KLDiscovery ในการพัฒนาและประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น Nebula ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ และปรับรูปแบบธุรกิจให้ทันกับแนวโน้มของอุตสาหกรรม ความเสี่ยงที่ผลิตภัณฑ์และบริการของ KLDiscovery ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบของบุคคลที่สามได้ อาจไม่มีเทคโนโลยีของบุคคลที่สามที่ KLDiscovery ใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการของตน; การหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ ข้อเสนอ เว็บไซต์ และเครือข่ายของ KLDiscovery ปัญหาที่เกิดจากการนำระบบธุรกิจรวมแบบใหม่ของ KLDiscovery ไปใช้ ความสามารถในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการหลังเกิดภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ความต่อเนื่องทางธุรกิจ โรคหรือภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่คล้ายคลึงกัน เช่น โควิด-19 การใช้ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของเราโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยบุคคลที่สามและ/หรือการละเมิดความปลอดภัยของข้อมูลและเหตุการณ์อื่น ๆ การเรียกร้องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่อาจเกิดขึ้น และความสามารถในการปฏิบัติตามข้อจำกัดทางการค้าต่างๆ เช่น การคว่ำบาตรและการควบคุมการส่งออก ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานระหว่างประเทศของ KLDiscovery ความเสี่ยงเหล่านี้และปัจจัยอื่นๆ ที่มีการกล่าวถึงในส่วน “ปัจจัยความเสี่ยง” ของรายงานประจำปีของ KLDiscovery ในแบบฟอร์ม 10-K และรายงานรายไตรมาสในแบบฟอร์ม 10-Q ที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“SEC”) และรายงานอื่นใดที่ KLDiscovery ยื่นต่อ SEC อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่แสดงหรือบอกเป็นนัยในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่จัดทำโดย KLDiscovery หรือในนามของบริษัท เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้ นักลงทุนไม่ควรใช้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้ามากเกินไปในการคาดการณ์ผลลัพธ์หรือผลลัพธ์ที่แท้จริง ข้อความทั้งหมดกล่าวถึง ณ วันที่จัดทำเท่านั้น และเว้นแต่จะกำหนดไว้ตามกฎหมาย KLDiscovery ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออย่างอื่น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Danny Zambito
888.811.3789
danny.zambito@kldiscovery.com

แหล่งที่มา: KLDiscovery Inc.

The Bangkok Reporter