BlueScopeX สนับสนุนความคิดริเริ่มเพื่อพัฒนานวัตกรรมในการก่อสร้างที่ไม่สร้างมลภาวะทั่วอาเซียน

Logo

SINGAPORE–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2024

BlueScopeX บริษัทร่วมลงทุนระดับองค์กรของ BlueScope เข้าร่วมโครงการ Australia Green Economy Innovation Challenge (AGEIC) ซึ่งจัดขึ้นโดย Enterprise Singapore ในการขับเคลื่อนการระดมทุนและการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนถ่ายอย่างยั่งยืนในธุรกิจก่อสร้าง BlueScope เป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์เคลือบและพ่นสีโลหะสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างอาคาร

AGEIC มีการเปิดตัวเมื่อปลายเดือนเมษายน ปี 2024 โดยมีการรวมกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพและ SME ต่างๆ เข้ามาร่วมมือกับบริษัทรายใหญ่จากออสเตรเลีย โดยมีภาคส่วนสำคัญต่างๆ รวมถึง ภาคส่วนสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง อาหารและการเกษตร ตลอดจนการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาที่ท้าทายด้านความยั่งยืนที่สำคัญ BlueScopeX จะพิจารณาข้อเสนอสำหรับโซลูชันใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการระบายความร้อน การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และความยั่งยืนโดยทั่วไปของอาคารเพื่อภาคส่วนอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์โดยพื้นฐาน ผ่านการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ ระบบ และวิธีการติดตั้งที่ดียิ่งขึ้น โดยครอบคลุมทุกขั้นตอนในกระบวนการก่อสร้างอาคาร ตั้งแต่การออกแบบแนวความคิดตลอดไปจนถึงการก่อสร้าง การดำเนินงาน และแม้กระทั่งการรื้อถอนโครงสร้าง

บริษัทสตาร์ทอัพและ SME ที่สนใจสามารถเข้าร่วมแสดงข้อเสนอโดยละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดของตัวเอง แสดงวิธีที่เทคโนโลยีใหม่ของบริษัทจะสามารถปฏิวัติดีไซน์และการก่อสร้างอาคารเพื่อภาคส่วนอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ได้อย่างไร เพื่อให้อาคารเหล่านี้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก BlueScopeX เพื่อดำเนินการและได้รับการเปิดตัวสำหรับการพัฒนานวัตกรรมดังกล่าว พร้อมทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมของ BlueScope และเครือข่าย ตลอดจนถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ของบริษัท

ในประเทศในกลุ่มอาเซียน BlueScope เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการขยับขยายการเปลี่ยนถ่ายเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น บริษัทมีการปรับปรุงสีที่ใช้ในโรงงานผลิต เพื่อให้สามารถนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่และประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น ในทำนองเดียวกัน ก็มีการออกแบบสายการผลิตใหม่ ซึ่งช่วยให้ BlueScope สามารถนำไอน้ำจากหม้อต้มกลับมาใช้ใหม่ได้เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถประหยัดน้ำได้ถึง 5,000 ตันต่อปีโดยประมาณจากระบบกักเก็บน้ำฝนภายในโรงงานผลิต และมีการติดตั้งกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์โดยรวม 20 เมกกะวัตต์เพื่อช่วยในการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้

BlueScope มีการสร้างสรรค์และเป็นแรงบันดาลใจในโซลูชันอัจฉริยะด้านเหล็กกล้า มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย และบริษัทมีสำนักงานและโรงงานกว่า 160 แห่งใน 16 ประเทศ โดยมีพนักงานทั่วโลก 16,500 คน ในภูมิภาคอาเซียน บริษัทมีฐานการผลิตในท้องถิ่นมาตั้งแต่ปี 1965 โดยรวมถึงการดำเนินงานในอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม BlueScope มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่หลากหลาย รวมถึงเหล็กกล้าเคลือบสีสำเร็จรูป COLORBOND® เหล็กเคลือบสังกะสี/อลูมิเนียมอัลลอยด์ ZINCALUME® รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับการก่อสร้างอาคารต่างๆ ของ LYSAGHT®

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

James Li | Vice President, Business Transformation, NS BlueScope Pte. Ltd.
โทร +65 6832 3512 | มือถือ +65 9626 2750
อีเมล์ james.li@bluescope.com | เว็บไซต์ www.nsbluescope.com
A 238B Thomson Road, #17-01 Novena Square Tower B, Singapore 307685

แหล่งข้อมูล: BlueScopeX

GIGABYTE จัดแสดงพลังการประมวลผลเต็มรูปแบบที่งาน COMPUTEX โดยนำวิวัฒนาการใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้

Logo

TAIPEI–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2024

GIGABYTE Technology ผู้นำด้านนวัตกรรมด้านไอที อยู่ในแนวหน้าของการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านระบบคลาวด์และคอมพิวเตอร์ AI ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ผ่านนวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์  GIGABYTE เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำซึ่งพร้อมที่กำหนดยุค AI ในงาน COMPUTEX 2024

GIGABYTE Showcases a Whole Lot of Computing Power at COMPUTEX, Taking the AI-driven New Evolution Head-On (Graphic: Business Wire)

GIGABYTE จัดแสดงพลังการประมวลผลเต็มรูปแบบที่งาน COMPUTEX โดยนำวิวัฒนาการใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ (กราฟิก: Business Wire)

จากความสำเร็จในปีที่แล้ว GIGABYTE มุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งในความเป็นผู้นำด้าน AI ด้วยธีม “ACCEVOLUTION” ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการด้านการประมวลผลที่เพิ่มขึ้น และความสามารถของ GIGABYTE ในการ “เร่งการวิวัฒนาการครั้งต่อไป” ด้วยการปรากฏตัวครั้งแรกที่งาน COMPUTEX บูธของ GIGABYTE ถือเป็นนิทรรศการแบรนด์เดียวที่ใหญ่ที่สุด GIGABYTE มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และแอปพลิเคชันที่หลากหลาย โดยสอดคล้องกับเทรนด์ AI โดยครอบคลุมเทรนด์เทคโนโลยีที่สำคัญ รวมถึง การประมวลผล AI การเชื่อมต่อขั้นสูง ความคล่องตัวในอนาคต ความเป็นจริง ความยั่งยืน และนวัตกรรม

ความก้าวหน้าที่โดดเด่นของ GIGABYTE ในการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ AI ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เมื่อ GIGABYTE มีการเปิดตัว G593-SD0 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ 5U AI ตัวแรกและตัวเดียวของโลกที่ได้รับการรับรองจาก NVIDIA เพื่อรองรับ HGX™ H100 8 x SXM5 อย่างมีประสิทธิภาพ GIGABYTE ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ super AI ด้วยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ใช้ ARM พร้อมซุปเปอร์ชิป Grace Hopper™ รุ่นต่อไป และเซิร์ฟเวอร์ AI ที่รองรับซุปเปอร์ชิปรุ่นถัดไปของ AMD MI300X GPU และ MI300A APU ในปีนี้ นอกเหนือจาก H200 GPU ที่มีการอัปเกรดแล้ว โดย NVIDIA มีการเปิดตัวสถาปัตยกรรม Blackwell และ GIGABYTE จะมีการจัดแสดงเซิร์ฟเวอร์ความหนาแน่นสูงรุ่นล่าสุดที่สามารถใช้ด้วยกันได้กับ GPU เช่น B100 และ B200 จะมีการสาธิต GB200 รุ่นล่าสุดในตู้ระบายความร้อนด้วยของเหลวในชื่อ GB200 NVL72 ซึ่งทำหน้าที่เป็น GPU ขนาดใหญ่ตัวเดียวที่สามารถบรรลุประสิทธิภาพการอนุมานถึง 30 เท่าของ H100 GPU ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าเยี่ยมชมไม่เพียงจะได้เห็นนวัตกรรมเหล่านี้ แต่ยังสามารถมีส่วนร่วมในการอภิปรายกับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอนาคตของการพัฒนา AI และการใช้งานระบบประมวลผล

เมื่อ AI เริ่มแพร่หลายในการใช้งาน ความต้องการการประมวลผลก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่และบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ในงาน COMPUTEX ของปีนี้ GIGABYTE นำเสนอ GIGA POD ซึ่งเป็นโซลูชันการผสานรวมแร็คที่ปรับขนาดได้ โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของการใช้งานระดับศูนย์ข้อมูล นอกเหนือจากการแสดงการบูรณาการฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมของ GIGA POD และสถาพแวดล้อมการเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกอบรม AI การสาธิตยังเน้นย้ำความเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการปรับใช้งาน

การพัฒนา AI ของ GIGABYTE ครอบคลุมการประมวลผลแบบขนานชอง GPU การจัดเก็บข้อมูล และการส่งผ่านเครือข่ายในศูนย์ข้อมูล ความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและการพัฒนาของ GIGABYTE แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในการออกแบบด้านความร้อนและกลไกชั้นนำของอุตสาหกรรม ในขณะที่การออกแบบโมดูลาร์ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย ช่วยให้สามารถเปิดตัวสู่ตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น คุณจะได้พบกับเซิร์ฟเวอร์สำหรับการประมวลผลแบบ cloud to edge ได้ที่บูธของเรา รวมถึงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงถึงความหนาแน่นสูง และตัวเลือกการประมวลผลสำหรับ SMB และองค์กรขนาดเล็ก รวมถึงเมนบอร์ดสำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบ DIY ที่มีการปรับแต่งสำหรับการพัฒนา AI ในระด้บต่างๆ

ระบบการประมวลผลเริ่มต้นของ GIGABYTE ช่วยเสริมความก้าวหน้าของ AI ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นวัตกรรม เช่น Direct Liquid Cooling และ Immersion Cooling กำหนดนิยามใหม่ให้กับประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยนำเสนอการตั้งค่าที่ครอบคลุมสำหรับเซิร์ฟเวอร์และตู้ ช่วยให้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดในระบบการระบายความร้อนแบบดั้งเดิมสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีชิปรุ่นล่าสุดของ AMD, Intel และ NVIDIA เพิ่มการกระจายความร้อนและความหนาแน่นในการคำนวณ พร้อมความเสถียร ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ GIGABYTE เห็นได้ชัดในโซลูชันการระบายความร้อนแบบจุ่ม ซึ่งรองรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพร้อมการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม

GIGABYTE นำเสนอทั้งความสามารถในการฝึกอบรมโมเดล AI ที่เสถียร และแอปพลิเคชัน AI ที่ใช้งานได้จริงผ่านคอมพิวเตอร์แบบฝังตัวระดับอุตสาหกรรม การสาธิตครอบคลุมโรงงานอัจฉริยะที่มีวิชันซิสเต็มที่ใช้ AI และคอมพิวเตอร์ฝังตัวที่มีความเสถียรสูงสำหรับการควบคุมระยะไกล รวมถึงบาร์ร้านค้าปลีกที่ใช้แผงพีซีผสานรวมกับระบบการจดจำ AI และการวิเคราะห์ big data ความก้าวหน้าใน AI และ CPU/GPU รุ่นต่อไปยังสนับสนุนแอปพลิเคชันยานยนต์อัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพ ADAS และอุปกรณ์เทเลเมติกส์ภายในยานยนต์

ในตลาดพีซีสำหรับผู้บริโภค GIGABYTE เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่มีการปรับแต่งพร้อม AI เช่น เมนบอร์ด กราฟิกการ์ด และแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม AI โดยฟีเจอร์เหล่านี้มาพร้อมพลังการประมวลผล AI ที่เสถียร และความสามารถเชิงนวัตกรรม เช่น AI Nexus ในแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม AORUS 16X ที่นำเสนอแอปพลิเคชัน เช่น AI Power Gear และ AI Boost ในบริเวณพื้นที่เพื่อแสดงประสบการณ์ของ AI ในบูธของเรา ผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถสำรวจแอปพลิเคชัน AI ล่าสุด และการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ รวมถึง NVIDIA ACE และ ChatRTX ที่มีการเจาะลึกเข้าในเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัย

GIGABYTE นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่น่าประทับใจมาแสดงในงาน COMPUTEX ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถเพื่อเร่งวิวัฒนาการขั้นต่อไปของเทคโนโลยีในภูมิทัศน์ AI ที่มีการเปลี่ยนแปลง และโซชูชันการประมวลผลที่ขับเคลื่อนโดยการเชื่อมต่อและความเร็วของข้อมูล และ AI สามารถยกระดับธุรกิจและให้อำนาจแก่แต่ละบุคคลในการเติบโตและมีการพัฒนาที่รวดเร็วเป็นพิเศษ

สามารถเข้าเยี่ยมชมหน้าเพจอีเว้นท์ เกี่ยวกับ COMPUTEX ของ GIGABYTE

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54001049/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อด้านสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

แหล่งข้อมูล: GIGABYTE Technology


Hytera ผู้นำด้านการสื่อสารที่สำคัญระดับโลก ฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทในเครือในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

Logo

  • ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารที่สำคัญระดับโลกเฉลิมฉลองการเติบโตครั้งสำคัญร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและพันธมิตรที่การประชุมสุดยอดในดูไบ
  • Hytera ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในฐานะผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเพื่อความปลอดภัยสาธารณะและอุตสาหกรรมในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกามานานกว่าทศวรรษ
  • แบรนด์ Hytera ส่องสว่างบนตึก Burj Khalifa อันโดดเด่นเพื่อเฉลิมฉลองทศวรรษแห่งการเติบโต นวัตกรรม และความร่วมมือในอุตสาหกรรมต่างๆ

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–20 พฤษภาคม 2024

Hytera ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทในเครือในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วยการแสดงแสงสีที่น่าประทับใจที่ Burj Khalifa ในระหว่างการประชุม
สุดยอดพันธมิตรของภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา (MEA) ในเมืองดูไบ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม

Hytera Lights Up Burj Khalifa to Celebrate 10th Anniversary of Subsidiary in UAE (Photo: Business Wire)

Hytera ส่องสว่างขึ้นบนตึก Burj Khalifa เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทในเครือในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (รูปภาพ: Business Wire)

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Hytera เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในธุรกิจต่างๆ ในตะวันออกกลาง โดยมีสาขาในสหรัฐอาหรับ
เอมิเรตส์เป็นโรงไฟฟ้าระดับภูมิภาค ปฏิวัติระบบการสื่อสารความปลอดภัยสาธารณะ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและประสิทธิภาพของสาธารณูปโภค การขนส่ง และภาคพลังงานที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับการสื่อสารที่สำคัญ ห้องควบคุม กล้องติดตัว (BWC) และการจัดการหลักฐานดิจิทัล (DEM) เป็นต้น

Hytera สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปรับโฉมภูมิทัศน์การสื่อสารวิทยุเคลื่อนที่ระดับมืออาชีพ (PMR) เป็นเวลาสิบปีติดต่อกัน ได้ต้อนรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม พันธมิตร และแขกให้เข้าร่วม Hytera Global Partner Summit (HGPS)-MEA ที่ Atlantis The Palm นอกเหนือจากการเฉลิมฉลองความร่วมมือ โครงการ และความสำเร็จที่สำคัญตั้งแต่ปี 2014 แล้ว งานนี้ยังมีการแสดง
แบรนด์ Hytera บนจอแสดงผล LED ของตึก Burj Khalifa อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทศวรรษแห่งความร่วมมือในท้องถิ่น ความก้าวหน้า และนวัตกรรมทั่วดินแดน MEA

Stanley Song รองประธานของ Hytera และหัวหน้าของ Hytera สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า “วันครบรอบ 10 ปีของสำนักงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ของเราไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นที่ยั่งยืนของเราในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมความร่วมมือทั่วทั้งภูมิภาคด้วย ตั้งแต่แรกเริ่ม การปฏิบัติงานของ Hytera ทั่วตลาดตะวันออกกลางมุ่งตอบสนองความต้องการด้านการสื่อสารที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภาคส่วนหลักๆ กลับมาที่ปัจจุบัน เราภาคภูมิใจสุดๆ กับวิธีที่เราทำงานร่วมกับระบบนิเวศของหุ้นส่วนของเราเพื่อส่งมอบคุณค่าที่เป็นรูปธรรมและเพื่ออนาคตให้กับภูมิภาค ซึ่งขับเคลื่อนโดยความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมร่วมกัน”

ในทศวรรษที่ผ่านมา Hytera ประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดที่สำคัญด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม โดยเป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์สื่อสารประมาณ 50% เช่น วิทยุสองทาง วิทยุสองโหมด LTE และ PMR และสมาร์ทโฟนที่ทนทาน ซึ่งหน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะในภูมิภาคใช้กัน นอกจากนี้บริษัทยังมีส่วนสำคัญในภาคส่วนต่างๆ ด้วย เช่น พลังงาน (70%) และการขนส่งมวลชน (50%) และเป็นส่วนสำคัญในการอัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัยและการเชื่อมต่อด้วยการให้บริการซีรีส์วิทยุป้องกันการระเบิดที่ปลอดภัยจากภายใน (IS) ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การกู้ภัยดับเพลิง น้ำมันและก๊าซ โรงกลั่น สารเคมี และเหมืองแร่

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มดำเนินการโครงการใหม่ๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบการยอมรับการฝึกอบรมและโรงงานในดูไบ (2022) และการลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Omantel ผู้ให้บริการในโอมาน (2023)

Stanley ที่กำลังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงบันดาลใจในอนาคตของ Hytera ในตะวันออกกลางกล่าวเสริมว่า “เรายังคงมุ่งมั่นให้บริการโซลูชั่นการสื่อสารที่ล้ำสมัยล่าสุดแก่พันธมิตรระดับภูมิภาคของเรา ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับองค์กรและเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน ตะวันออกกลางคือตัวอย่างที่ดีสำหรับทั้งโลกในแง่ของการปรับใช้การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และด้วยโอกาสอีกมากมายในอนาคต เราจึงกำลังตั้งตารอช่วงเวลาในอีก 10 ปีต่อจากนี้”

Hytera ก่อตั้งขึ้นที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีนในปี 1993 และได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในการนำเสนอโซลูชั่นที่พลิกโฉมการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันด้านความปลอดภัยสาธารณะ โซลูชั่นที่ได้รับการพัฒนาด้วยแนวทางปฏิบัติสุดล้ำและกระบวนการทางวิศวกรรมที่พิถีพิถันจาก Hytera ได้แสดงความมุ่งมั่นของบริษัทในการนำเสนอโซลูชั่นการสื่อสารชั้นนำของตลาดที่ปรับให้เหมาะกับอุตสาหกรรมในตะวันออกกลางและทั่วโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54001771/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เราจึงมอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัย และหลากหลายยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้ทางธุรกิจและผู้ใช้ที่มีภารกิจที่สำคัญได้ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่

ติดต่อ

lele.yao@hytera.com

แหล่งที่มา: Hytera Communications Corporation Limited

Pacific Prime Thailand คว้ารางวัล International Broker Award ที่มียอดขายสูงสุดจาก AXA

Logo

BANGKOK–(BUSINESS WIRE)–17 พฤษภาคม 2024

Pacific Prime บริษัทนายหน้าประกันภัยระหว่างประเทศ ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะคว้ารางวัลยอดขายสูงสุดจาก AXA – International Broker Award 2024 ในวันที่ 25 เดือนเมษายน ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ประเทศไทย โดยมีการจัดพิธีมอบรางวัล AXA Awards 2024 ในธีม “Journey to the Everest” พร้อมนักแสดงชั้นนำทุกคนมาร่วมเฉลิมฉลองช่วงเวลานี้แห่งปี

From left to right: Claude Seigne (CEO of AXA Thailand), Naambo Shivute (Key Account Manager of Pacific Prime), Ricky Batten (General Manager of Pacific Prime) (Photo: Business Wire)

จากซ้ายไปขวา: Claude Seigne (CEO ของ AXA Thailand), Naambo Shivute (ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าหลักของ Pacific Prime), Ricky Batten (ผู้จัดการทั่วไปของ Pacific Prime) (ภาพถ่าย: Business Wire)

รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นการยกย่องความมุ่งมั่นของ Pacific Prime ในการสร้างยอดขายสูงสุดในตลาด ประกันสุขภาพส่วนบุคคล  (IPMI) ตลอดปีที่ผ่านมา โดยแสดงถึงความรู้ การบริการ และความเป็นมืออาชีพที่ไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรม

Ricky Batten ผู้จัดการทั่วไป และ Naambo Shivute ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าหลักของ Pacific Prime รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลนี้ในนามของทีมงานทุกคน ผมขอขอบคุณทีมงาน AXA ทุกคนที่ให้การสนับสนุน รางวัลนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการนำเสนอโซลูชันการประกันภัยที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการรักษาพยาบาลสำหรับลูกค้าของเรา แต่อย่างไรก็ตาม นี่ยังห่างไกลจากจุดหมายปลายทางของเรา โดยเราจะยังคงปรับปรุงกระบวนการประกันภัยสำหรับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับ AXA และก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการบริการลูกค้าเฉพาะด้าน เพื่อบรรลุความสำเร็จตามที่เราตั้งมั่นไว้

การเฉลิมฉลองในครั้งนี้ไม่เพียงเฉพาะมีการประดับสายรุ้งและดอกไม้เท่านั้น แต่ยังเป็นงานการมอบตำแหน่ง CEO โดย Claude Seigne จะอำลาตำแหน่ง และมอบตำแหน่งให้กับ Guillaume Mirabud การเปลี่ยนแปลงในระดับผู้บริหารนี้เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่ความร่วมมือระหว่าง Pacific Prime และ AXA จะยังคงมั่นคงอยู่เสมอ โดยจะมีการนำพาทั้งสององค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน

เกี่ยวกับ Pacific Prime

Pacific Prime ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 โดยเป็นนายหน้าประกันภัยและผู้เชี่ยวชาญด้านผลประโยชน์สำหรับพนักงานระดับโลกที่ได้รับรางวัล ซึ่งนำเสนอโซลูชันการประกันภัยส่วนบุคคลและองค์กร ด้วยเบี้ยประกันภายใต้การบริหารมูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปัจจุบัน Pacific Prime กลายเป็นตัวแทนด้านผลประโยชน์สำหรับพนักงานรายใหญ่อันดับสามในเอเชียแปซิฟิก หลังจากการเข้าซื้อกิจการตัวแทนของ CXA Group ในปี 2021 บริษัทนายหน้านี้มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และมีสำนักงาน 15 แห่งทั่วโลก รวมถึงฮ่องกง สิงคโปร์ จีน ไทย มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pacific Prime ได้ที่: https://www.pacificprime.com/corporate

เกี่ยวกับ AXA Group

AXA เป็นบริษัทประกันภัยและบริการทางการเงินระดับโลกที่มีการดำเนินงานในกว่า 60 ประเทศ ด้วยการมุ่งเน้นที่นวัตกรรมและการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง AXA นำเสนอโซลูชันการประกันภัย การลงทุน และการจัดการสินทรัพย์ที่หลากหลายและครอบคลุมสำหรับลูกค้าส่วนบุคคลและลูกค้าธุรกิจ ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการดำเนินงานตามแนวทางปฏิบัติด้านการลงทุนที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ AXA มีการให้บริการลูกค้ากว่าหลายล้านรายทั่วโลก โดยให้คำแนะนำและให้การสนับสนุนส่วนบุคคลผ่านเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ตัวแทน และพันธมิตรอย่างกว้างขวาง

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.axa.co.th

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53989006/en

ติดต่อ

Stephen Ho
Chief Marketing Officer
Pacific Prime
+852 3589 0508

แหล่งข้อมูล: Pacific Prime

Zycus เปิดตัวระบบการสั่งซื้อทรงพลังยุคใหม่พร้อมนวัตกรรม GenAI ที่งาน Horizon 2024

Logo

MIAMI–(BUSINESS WIRE)–20 พฤษภาคม 2024

Zycus ผู้บุกเบิก โซลูชันระบบการสั่งซื้อทรงพลังที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดประกายนวัตกรรมในงานประชุมระบบจัดซื้อประจำปี Horizon 2024 อีเว้นท์นี้มีการจัดแสดงชุดการพัฒนา GenAI ที่ก้าวล้ำซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับระบบอัตโนมัติที่มีความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพตลอดกระบวนการ Source-to-Pay (S2P)

Zycus ปฏิวัติระบบการสั่งซื้อร่วมกับ Merlin

Zycus นำเสนอแนวทางสองรูปแบบในระบบการจัดซื้อที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI:

  • Merlin Assist Chatbot: ระบบผู้ช่วย AI นี้มีการทำงานร่วมกับ Microsoft Teams โดยทำหน้าที่เป็น “แนวหน้า” สำหรับระบบการจัดซื้อ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถาม แยกรายละเอียดสัญญา สร้างข้อมูลสรุป พัฒนากลยุทธ์ และปรับปรุงเวิร์กโฟลว์—โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อม Teams ที่คุ้นเคย อย่างที่เราพูดกันใน Zycus AI คือ UI ใหม่
  • Merlin GenAI Power Apps: นำเสนอ AppXtend ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านี้ปลดล็อกประสิทธิภาพและประสิทธิผลถึง 10 เท่า โดยสามารถจัดการกับงานที่สำคัญ เช่น การปรับปรุงการอนุมัติ การจัดการความเสี่ยงตามสัญญาโดยอัตโนมัติ ลดความซับซ้อนในการจัดหา ปรับปรุงบัญชีเจ้าหนี้ ทำให้การจัดการโครงการเป็นระบบอัตโนมัติ อำนวยความสะดวกในการจัดการความเสี่ยงของซัพพลายเออร์ และการตรวจสอบรายงานโดยใช้ Insight Studio

“Merlin GenAI ของ Zycus มีการจัดการปัญหาร้ายแรงในกระบวนการ S2P ซึ่งเหนือกว่าระบบอัตโนมัติขั้นพื้นฐาน เช่น การประมวลผลใบแจ้งหนี้ หรือการมอบหมายงานสำหรับผู้ใช้” หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อสำหรับบริษัทที่ติดอันดับ Global 500 ที่ Horizon กล่าว

Aatish Dedhia ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Zycus เน้นย้ำว่า “ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงห้าปีในแพลตฟอร์ม Merlin AI นั้น Zycus ได้มีการสร้างชุดข้อมูลที่ละเอียด มีการจัดการที่ดี เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่า การฝึกอบรมโมเดล GenAI มีประสิทธิภาพและมีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างละเอียดลึกซึ้ง เฟรมเวิร์ก AppXtend API ของเราช่วยให้สามารถดำเนินการพัฒนา ปรับใช้งาน และบูรณาการ GenAI ในกระบวนการ S2P ได้อย่างรวดเร็ว”

การตรวจสอบความถูกต้องทางอุตสาหกรรม: Microsoft ยกย่องความเป็นผู้นำของ Zycus

“AI จะแปลงวิธีการทำงานของบุคคล ทีมงาน และองค์กร” Samik Roy กรรมการบริหาร ธุรกิจองค์กร ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ของ Microsoft India กล่าว “Zycus มีการบูรณาการ Azure OpenAI เพื่อรวม AI เข้ากับการดำเนินงานในแต่ละวัน ผลลัพธ์เชิงปริมาณถือเป็นผลลัพธ์ที่ดียิ่ง จากประสบการณ์ส่วนบุคคลไปจนถึงการทำงานที่ปรับปรุงให้ง่ายดาย AI จะช่วยเสริมเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จของ Zycus ได้เป็นอย่างดี”

Zycus Horizon: สปริงบอร์ดสำหรับความเป็นผู้นำของ GenAI

Horizon 2024 เป็นแพลตฟอร์มทรงพลังสำหรับ Zycus ในการแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านโซลูชันระบบการจัดซื้อที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI สามารถเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ มีความคล่องตัว ประหยัดต้นทุน และมีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ

เกี่ยวกับ Zycus:

Zycus เป็นผู้นำในโซลูชันด้าน Source-to-Pay (S2P) โดยเป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI แพลตฟอร์มแรกของโลกที่ช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างบรรลุความเร็วและประสิทธิภาพได้สูงถึง 10 เท่า เป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรขนาดใหญ่ระดับโลก และได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำอย่าง Gartner และ Forrester มาโดยตลอด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Arnish Shah
Associate Director – Marketing
arnish.shah@zycus.com

แหล่งข้อมูล: Zycus

ACT Abu Dhabi เปิดให้บริการแล้ว

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2024

Arabian Chemical Terminals LLC ในอาบูดาบี (ACTAD) มีความภูมิใจที่จะประกาศการเริ่มต้นการดำเนินงานของคลังถังเก็บสารเคมีที่สร้างขึ้นใหม่ในท่าเรือคาลิฟา เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาคารนี้เป็นคลังถังเก็บสารเคมีเชิงพาณิชย์แห่งแรกในเอมิเรต

ACT Abu Dhabi open for business (Photo: AETOSWire)

ACT Abu Dhabi เปิดให้บริการแล้ว (ภาพ: AETOSWire)

ACTAD ตั้งอยู่ในท่าเรือคาลิฟาระดับโลกแห่งใหม่และอยู่ติดกับเขตเศรษฐกิจ Khalifa Abu Dhabi (KEZAD) ที่ทันสมัยและกว้างขวาง โดยมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ๆ ในเอมิเรต

ACTAD ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นอย่างทันสมัยตามมาตรฐานสากลสูงสุด และมีถังที่มีคุณสมบัติต่างๆ รวมทั้งหมด 40 ถัง (เหล็กกล้าคาร์บอน 20 ถัง รวมถึง IFR 10 ถัง และสแตนเลส 20 ถัง รวมถึงถังหุ้มฉนวน พร้อมระบบทําความร้อน/ทําความเย็น10 ถัง) รวมความจุ 100,000 CBM ถังแต่ละถังมีท่อส่งเฉพาะไปยังท่าเทียบเรือขนาด 16 เมตรและช่องโหลดรถบรรทุกโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนข้ามผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมประสิทธิภาพการทํางานสูงสุดและความยืดหยุ่นให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ ไซต์งานยังมีคลังสินค้าขนาด 500 ตารางเมตรสําหรับสินค้าอันตราย และจัดเตรียมถังบรรจุ/IBC

อาคารมีห้องปฏิบัติการสํารวจที่มีอุปกรณ์ครบครันของบุคคลที่สาม ที่ดําเนินการอย่างอิสระสําหรับการสุ่มตัวอย่างและการทดสอบ

ACTAD ดําเนินงานด้วยระบบการจัดการแบบบูรณาการตามมาตรฐานสากล ISO-9000, 14000, 18000, CDI-T และ ISGOTT

ท่าเทียบเรือจะช่วยให้อุตสาหกรรมในท้องถิ่นนําเข้าความต้องการสารเคมีเหลวจํานวนมาก หรือส่งออกผลิตภัณฑ์เคมีเหลวไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังสามารถทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางการจัดเก็บและ/หรือการดําเนินงานแบบแบ่งกลุ่มสําหรับบริษัทระหว่างประเทศได้ เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตทัณฑ์บนภายในท่าเรือคาลิฟา

ACTAD เป็นส่วนขยายของ Arabian Chemical Terminals Ltd ในซาอุดิอาระเบีย (ACT-KSA) ACT-KSA เป็นเจ้าของ/ผู้ดําเนินการท่าเทียบเรืออีกสองแห่ง แห่งหนึ่งใน Yanbu บนชายฝั่งทะเลแดง และอีกหนึ่งแห่งในท่าเรือพาณิชย์ Jubail บนอ่าวอาหรับ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในยานบูในปี 1986 ACT-KSA เป็นคลังเก็บถังเชิงพาณิชย์แห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในซาอุดิอาระเบียโดยเริ่มด้วยคามจุ 13,000 CBM ในปี 2012 ACT-KSA ได้สร้างสถานที่จัดเก็บสินค้าเชิงพาณิชย์แห่งแรกจำนวนมากใน Jubail โดยเพิ่มความจุในการจัดเก็บอีก 70,000 CBM โดยมีถังตามข้อกําหนดและขนาดที่แตกต่างกัน ขณะนี้ท่าเทียบเรือ Jubail อยู่ระหว่างการขยายเพื่อเพิ่มความจุอีก 70,000 CBM

ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/53993781/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Manuel Pereira
m.pereira@act-uae.com

ที่มา: Arabian Chemical Terminals

Hytera คว้ารางวัล ICCAs Award ประจำปี 2024 ด้วยโซลูชัน MCS

Logo

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2024

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพ ได้รับรางวัล ICCAs 2024 Award สาขา “การใช้การสื่อสารที่สำคัญในอุตสาหกรรม การผลิต การขุดทรัพยากร การสำรวจน้ำมันและก๊าซ” เพื่อเป็นการให้เกียรติ MCS และ TETRA Systems ที่เชื่อมต่อกันของ Hytera Communications สำหรับผู้ผลิตเหล็กชั้นนำ โดยพิธีมอบรางวัล International Critical Communications Awards (ICCAs) ประจำปี 2024 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ Intercontinental Festival City ในดูไบ

ICCAs 2024 Award displayed at CCW exhibition (Photo: Business Wire)

ICCAs 2024 Award แสดงที่ CCW exhibition (รูปภาพ: Business Wire)

รางวัลนี้เชิดชู MCS และ TETRA Systems ที่เชื่อมต่อกันของ Hytera ซึ่งถูกนำไปใช้งานโดย Baoshan Iron & Steel Co., Ltd. (Baosteel) โดยก่อนหน้านี้ Baosteel ซึ่งเป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 ปฏิบัติงานด้วยระบบ TETRA ที่ติดตั้งในปี 2007 ไม่สามารถตอบสนองความต้องการประยุกต์ใช้บรอดแบนด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่อุตสาหกรรมก้าวหน้าในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ โดย Hytera ได้อัปเกรดระบบของ Baosteel ด้วยเทคโนโลยี TETRA ล่าสุด และผสานรวมระบบ TETRA ที่ได้รับการอัปเดตเข้ากับบริการสำหรับภารกิจสำคัญแบบผสานการทำงาน (MCS) ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและความปลอดภัยให้กับพนักงานมากกว่า 3,000 คน การผสานรวมนี้ทำให้มีความครอบคลุมของการสื่อสารที่ครบถ้วนกระบวนความ ช่วยให้สามารถสื่อสารตามความต้องการได้ ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการระดับสูงสำหรับการส่งข้อมูลมัลติมีเดียด้วย

Hytera มอบเทอร์มินัลสองโหมดและอุปกรณ์อัจฉริยะ 5G XSecure ให้กับ Baosteel เพื่อขยายการใช้งานของการเชื่อมต่อโครงข่ายสองเครือข่ายเพิ่มเติม อุปกรณ์เหล่านี้สามารถลงทะเบียนได้ทั้งบนเครือข่าย LTE และเครือข่าย TETRA พร้อมกัน ซึ่งทำให้สามารถมีบริการการสื่อสารแบบเรียลไทม์บนเครือข่ายสาธารณะ MCS และเครือข่าย TETRA ส่วนตัว การดำเนินการนี้ช่วยลดภาระของบุคลากรฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษาที่อาจต้องพกพาอุปกรณ์หลายเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิทยุที่ทนทานนี้จะสลับระหว่างเครือข่ายแนร์โรว์แบนด์และบรอดแบนด์โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงด้วยตนเอง รองรับบริการต่างๆ เช่น การโทรส่วนตัวและการโทรแบบกลุ่ม ข้อความ และแอปพลิเคชันมัลติมีเดีย

อุปกรณ์อัจฉริยะ 5G XSecure PNC560 ของ Hytera (Hytera 5G XSecure Smart Device PNC560) เพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพของผู้ใช้ ตั้งแต่พนักงานออฟฟิศไปจนถึงพนักงานแนวหน้า ด้วยระบบ MCS ของ Hytera PNC560 สามารถสื่อสารกับวิทยุ PDT, DMR หรือ TETRA ผ่านเครือข่าย LTE หรือ 5G ซึ่งช่วยให้สามารถสื่อสารแบบตัวต่อตัวหรือแบบตัวต่อกลุ่มได้ทันทีทุกที่ในโลกเพื่อแบ่งปันข้อความ รูปภาพ และคลิปวิดีโอ

ระบบ MCS ของ Hytera ปรับปรุงประสิทธิภาพการสื่อสารและการผลิตของ Baosteel โดยการทำให้แน่ใจว่าการสื่อสารและการทำงานร่วมกันจะเป็นไปอย่างราบรื่นระหว่างพนักงาน ที่สำคัญกว่านั้นคือระบบ MCS ของ Hytera สอดคล้องกับมาตรฐานภารกิจสำคัญของ 3GPP อย่างสมบูรณ์ โดยครอบคลุม MCPTT, MCVideo และ MCData แนวทางนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงการสื่อสารที่เชื่อถือได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต Hytera ทำให้สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การประยุกต์ใช้บรอดแบนด์ได้อย่างง่ายดายผ่านการเชื่อมต่อระหว่าง MCS และ TETRA Systems ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการทำงาน และสนับสนุนความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน.

Dylan Liu ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Hytera กล่าวว่า “การได้รับรางวัล ICCA ปี 2024 เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราต่อนวัตกรรมทางเทคโนโลยี Hytera เป็นผู้นำในด้านการใช้งาน MCS ในหลายอุตสาหกรรม เช่น รถไฟและสาธารณูปโภค ทีมงานจะยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาสายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของเราต่อไป”

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัยยิ่งขึ้น และหลากหลายยิ่งขึ้นให้ผู้ใช้ทางธุรกิจและผู้ใช้ที่มีภารกิจที่สำคัญ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยการช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53994318/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

lele.yao@hytera.com

แหล่งที่มา: Hytera Communications Corporation Limited

Netmore Group ขยายสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยการส่งมอบบริการเครือข่าย LoRaWAN ที่มุ่งเน้นช่องทาง

Logo

แพลตฟอร์มในรูปแบบบริการได้รับการวางตำแหน่งเพื่อรองรับการเปิดตัว IoT จำนวนมากในตลาดยูทิลิตี้ เทศบาล และองค์กร

สตอกโฮล์ม, สวีเดน–(BUSINESS WIRE)–15 พฤษภาคม 2024

Netmore Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย LoRaWAN ชั้นนำระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้ว่าจะขยายธุรกิจ IoT ไปสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการตรวจสอบสาธารณูปโภคที่ใช้เซ็นเซอร์และโครงสร้างพื้นฐานของเทศบาลและโซลูชันการจัดการพลังงาน การขยายธุรกิจนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทเข้าซื้อกิจการ Senet ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ LoRaWAN ในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งเป็นการเพิ่มเครือข่ายของ Senet เข้าไปในการดำเนินงานของเครือข่ายระดับผู้ให้บริการในตลาดยุโรป 11 แห่ง

Netmore กำลังเข้าใกล้ภูมิภาค APAC ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นช่องทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการส่งมอบการเชื่อมต่อเครือข่ายที่รองรับอนาคตผ่าน Platform-as-a-Service (PaaS) ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อรองรับการเปิดตัว IoT ขนาดใหญ่ ด้วยประสบการณ์เชิงลึกในโดเมนแนวดิ่ง ความน่าเชื่อถือระดับผู้ให้บริการ และโมเดลราคาที่เอื้อมถึงและปรับขนาดได้ Netmore นำเสนอโครงสร้างที่คุ้มค่าและคาดการณ์ได้สำหรับ MNO, OEM และผู้รวมระบบที่ต้องการขยายข้อเสนอเพื่อสร้างรายได้จากความคิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพื่อลดต้นทุนเครือข่ายอย่างต่อเนื่องในขณะที่ปรับปรุงการให้บริการ Netmore ยังร่วมมือกับบริษัททาวเวอร์และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ในกิจกรรมการพัฒนาธุรกิจร่วมกันในตลาดที่เลือก

ด้วยการขยายธุรกิจนี้ Netmore ได้แต่งตั้ง Lim Perng ให้เป็นหัวหน้าฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย Lim ได้นำมาซึ่งความสำเร็จมายาวนานกว่า 15 ปีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และประวัติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Lim Perng กล่าวว่า “Netmore อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากที่จะกลายเป็นผู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลักในการส่งมอบการเชื่อมต่อ IoT ในช่วงเวลาที่มีการปรับใช้ทั่วโลก ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับองค์กรในขณะที่บริษัทขยายตัว ฉันตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับทีม Netmore และพันธมิตรของเราทั่วทั้งระบบนิเวศเพื่อมอบโซลูชันการเชื่อมต่อที่จะช่วยให้ลูกค้าบรรลุความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืน”

Ove Anebygd ผู้เป็นซีอีโอของ Netmore Group AB กล่าวว่า “ในอีกหลายปีข้างหน้าจะเป็นปีที่พิเศษสำหรับตลาด IoT และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ Lim มาร่วมมือกับเราเพื่อสนับสนุนการเติบโตขั้นต่อไปของเรา ประสบการณ์ของ Lim ในการจัดการทีมที่มีประสิทธิภาพสูงในหลายประเทศและความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานและลูกค้าองค์กรผ่านเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของลูกค้าจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับองค์กรของเรา”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.netmoregroup.com หรืออีเมล lim.perng@netmoregroup.com เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการเป็นพันธมิตร

Netmore Group คือผู้ให้บริการเครือข่าย IoT ที่สร้างเครือข่ายข้ามชาติชั้นนำเพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน เรานำเสนอแพลตฟอร์มเครือข่ายที่เชื่อถือได้และความเชี่ยวชาญด้านการเชื่อมต่อชั้นนำเพื่อการวัดผล การตรวจสอบ และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์ 10 ปีในอุตสาหกรรมนี้ เรามีประวัติที่ดี ดำเนินงานอย่างไร้ขอบเขตในตลาดยุโรป และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำระดับโลก เจ้าของหลักของกลุ่ม Netmore คือ Polar Structure ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานชาวนอร์ดิก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสื่อมวลชน:
James Gerber
Crackle Communications
+1 508-233-3391
netmore@cracklepr.com

ข้อมูลติดต่อ Netmore:
Ken Lynch
VP, Global Marketing
+1 617-877-5393
ken.lynch@netmoregroup.com

แหล่งที่มา: Netmore Group

ลิปสติกสีชมพูและนิ้วหัวแม่มือสีเขียว: Mary Kay Inc. เฉลิมฉลอง 60 ปีแห่งความงามที่ยั่งยืนด้วยกิจกรรมปลูกต้นไม้สุดพิเศษในลูอิสวิลล์

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้นำองค์กรในด้านความยั่งยืนระดับโลกกำลังเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานในลูอิสวิลล์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม บริษัทได้ร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation และ Keep Lewisville Beautiful เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่สวน Railroad Park เพื่อเฉลิมฉลองมารดาของธรรมชาติและวันแม่แห่งชาติ

Trees planted at Railroad Park directly impact Lewisville communities by providing important ecosystem benefits in the Trinity River watershed. (Photo: Mary Kay Inc.)

ต้นไม้ที่ปลูกใน Railroad Park ส่งผลโดยตรงต่อชุมชนลูอิสวิลล์ด้วยการให้ประโยชน์ทางระบบนิเวศที่สำคัญในลุ่มแม่น้ำ Trinity River (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

“ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น Arbor Day Foundation Mary Kay สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ทั่วโลก” Ryan Rogers ผู้เป็น CEO ของ Mary Kay, Inc. และหลานชายของ Mary Kay Ash กล่าว “แต่การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่สวนหลังบ้านของคุณเอง เราสนุกกับการ 'ดูแล' ชุมชนด้วยการปลูกต้นไม้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวในท้องถิ่นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป”

อาสาสมัครของ Mary Kay ปลูกต้นไม้พื้นถิ่น 60 ต้นตามเส้นทางและทางน้ำใน Railroad Park ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวันครบรอบ 60 ปีของบริษัทในการยกระดับชีวิตของผู้หญิงและครอบครัวของพวกเธอทั่วโลกและการปกป้องโลก สวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ห่างจากศูนย์การผลิต/วิจัยและพัฒนา Richard R. Rogers (R3) Manufacturing/R&D Center อันล้ำสมัยของ Mary Kay เป็นระยะทางสี่ไมล์ ต้นไม้ที่ปลูกในสถานที่นี้ส่งผลโดยตรงต่อชุมชนลูอิสวิลล์ด้วยการให้ร่มเงาที่จำเป็นมากในพื้นที่ชุมชน ปรับปรุงทัศนียภาพความสวยงามของพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ และให้ประโยชน์ต่อระบบนิเวศที่สำคัญในลุ่มแม่น้ำ Trinity River

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็น Mary Kay มีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ในลูอิสวิลล์” TJ Gilmore นายกเทศมนตรีของลูอิสวิลล์กล่าว “โครงการริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นอากาศบริสุทธิ์ให้กับเมืองของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงความร่วมมือที่เจริญรุ่งเรืองระหว่างชุมชนของเราและบริษัทที่ได้ตอบแทนกลับคืนอย่างต่อเนื่อง เรากำลังทำให้ลูอิสวิลล์ เป็นสถานที่ที่น่าอยู่และเหมาะกับการยิ่งขึ้น”

ความร่วมมือระหว่าง Mary Kay และมูลนิธิ Arbor Day Foundation มีมาอย่างยาวนานมากกว่า 16 ปี และในช่วงระหว่างนั้นบริษัทได้ช่วยปลูกต้นไม้ 1.4 ล้านต้นทั่วทั้งโลก มูลนิธิ Arbor Day Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีสมาชิกรายใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งอุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้

Dan Lambe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Arbor Day Foundation กล่าวว่า “มูลนิธิ Arbor Day Foundation มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือพันธมิตรด้านการปลูกในท้องถิ่นของเราปลดล็อกพลังการเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ในชุมชนของพวกเขา” “ต้นไม้ทำให้อากาศของเราสะอาด ทำให้เมืองของเราเย็นลง และทำให้ชีวิตของผู้คนรอบตัวดีขึ้น เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับ Mary Kay และ Keep Lewisville Beautiful อีกครั้งเพื่อเพิ่มผลกระทบของพื้นที่ร่มไม้ (Urban Canopy) ในเมืองและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นมีส่วนร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความหมาย”

Keep Lewisville Beautiful เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นที่ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ในการปลูกต้นไม้และมอบโอกาสให้แก่ผู้อยู่อาศัยในการดูแลพื้นที่ร่มไม้ในลูอิสวิลล์บนพื้นที่สาธารณะ

“การปลูกต้นไม้เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของชุมชนของเรา” Amy Wells กรรมการบริหารของ Keep Lewisville Beautiful กล่าว “ต้นไม้เหล่านี้จะช่วยสร้างร่มเงาให้กับครอบครัวที่มาเยือนสวน Railroad Park เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในท้องถิ่น และจะให้ประโยชน์ทางนิเวศมากมายแก่สภาพแวดล้อมในท้องถิ่นของเรา Keep Lewisville Beautiful รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Mary Kay และ Arbor Day Foundation เพื่อพื้นที่ร่มไม้ในลูอิสวิลล์และสร้างความแตกต่างที่มองเห็นได้ในชุมชนของเราด้วยอาสาสมัคร Mary Kay การบริจาคของเขาให้กับชุมชนของเราและ KLB จะช่วยรักษาความสวยงามของลูอิสวิลล์ต่อไป”

หลังจากการปลูก กรมอุทยานลูอิสวิลล์มุ่งมั่นที่จะบำรุงรักษาและดูแลรักษาต้นไม้ในระยะยาวด้วยการรดน้ำ การตัดแต่งกิ่ง และการดูแลเพิ่มเติมต่อไป

คุณทราบหรือไม่:

  • ศูนย์การผลิตและค้นคว้าวิจัย R3 Manufacturing/R&D Center ในลูอิสวิลล์ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ร่วมก่อตั้งของ Mary Kay Inc. และ Richard R. Rogers  ผู้เป็นลูกชายของ Mary Kay Ash
  • R3 สร้างขึ้นบนพื้นที่ 26 เอเคอร์ มีห้องปฏิบัติการ R&D ที่ล้ำสมัยและเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย
  • 57% ของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตที่ R3 ถูกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศของ Mary Kay
  • กำลังการผลิตของ R3 สูงถึง 1.1 ล้านผลิตภัณฑ์ต่อวัน โรงงานแห่งนี้มีสายการผลิตบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ 20 สาย และภาชนะแปรรูปและถังผสม 21 ใบ
  • R3 เป็นอาคารที่ได้รับการรับรองระดับเงินด้านการออกแบบและการก่อสร้างอาคาร

เกี่ยวกับ Mary Kay

Then. Now. Always. (ตั้งแต่ก่อนนั้น ตอนนี้และตลอดไป)  Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกเดิม เธอได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของตัวเองในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ เพื่อทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางตกแต่งแบบมีสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com ค้นหาเกี่ยวกับเราใน Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราใน Twitter

เกี่ยวกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 เป็นองค์กรสมาชิกไม่แสวงหากำไรที่ใหญ่ที่สุดซึ่งได้อุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้ เราได้ช่วยปลูกต้นไม้มากกว่า 500 ล้านต้นในละแวกใกล้เคียง ชุมชน เมือง และป่าไม้ทั่วโลกร่วมกับพันธมิตรของเรา วิสัยทัศน์ของเราคือการนำไปสู่โลกที่ต้นไม้ถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาที่สำคัญต่อการอยู่รอด มูลนิธิ Arbor Day Foundation เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกในการปลูก บำรุงเลี้ยง และเฉลิมฉลองต้นไม้ผ่านทางสมาชิก พันธมิตร และโครงการต่างๆ ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ arborday.org

เกียวกับ Keep Lewisville Beautiful

Keep Lewisville Beautiful (KLB) เป็นองค์กรในเครือที่ไม่แสวงหาผลกำไรและได้รับรางวัลของ Keep America Beautiful และ Keep Texas Beautiful ภารกิจของ KLB คือ “ให้พลเมืองของลูอิสวิลล์มีส่วนร่วมผ่านบริการและการศึกษาเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชน” วิสัยทัศน์ของเราคือการร่วมมือกับชุมชนเพื่อส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทำให้ลูอิสวิลล์เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการอยู่อาศัย ทำงาน และพักผ่อน ในแต่ละปีอาสาสมัครของ KLB ได้อุทิศชั่วโมงอาสาสมัครมากกว่า 10,000 ชั่วโมงในการลดขยะ การให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม และโครงการเสริมความงาม และกำจัดขยะมากกว่า 25 ตันออกจากพื้นที่สีเขียวของชุมชนและทางน้ำ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ keeplewisvillebeautiful.org

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53988232/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.



NielsenIQ เปิดตัวเครื่องมือที่ใช้ GenAI NIQ Ask Arthur เข้าสู่ NIQ Discover เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ในการปลดล็อกพลังของข้อมูล

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

NielsenIQ (NIQ) ผู้นําระดับโลกด้านการวัดและวิเคราะห์ข้อมูล รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศว่า 'NIQ Ask Arthur' ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI ที่ก้าวล้ำ ได้ถูกรวมเข้ากับ NIQ Discover แล้ว โซลูชันการเปลี่ยนแปลงนี้นําเสนอการค้นหาทั่วโลกที่ใช้ AI นำทางและคําแนะนําส่วนบุคคล เพิ่มความคล่องตัวในการวิเคราะห์ข้อมูล และอํานวยความสะดวกในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลประกอบ การเปิดตัว “NIQ Ask Arthur” ถือเป็นก้าวสําคัญของ NIQ Labs ด้วยการที่อยู่ในตําแหน่งขุมพลังด้านนวัตกรรม NIQ Labs พร้อมที่จะเร่งสร้างอนาคตของนวัตกรรม ด้วยการแก้ปัญหาของลูกค้าและค้นพบเส้นทางใหม่สู่การเติบโต ควบคู่ไปกับการลงทุน NIQ Labs ใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ข้อมูลที่หลากหลาย โดยใช้เครื่องมือข่าวกรองธุรกิจที่ใช้งานง่าย และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนโดย Generative AI (GenAI) และวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่เชื่อถือได้ซึ่งบุกเบิกยุคต่อไปของผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์

ด้วยฟีเจอร์ AI แบบสนทนา 'NIQ Ask Arthur' ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเจาะลึกเข้าไปในชุดข้อมูล  ปฏิวัติตัวเลือกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NielsenIQ ในการวิเคราะห์ที่ล้ำสมัย

NIQ Discover ซึ่งเป็นโซลูชันการแสดงภาพข้อมูลที่ล้ำสมัย เร่งการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกสําหรับผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก CPG สร้างเส้นทางสู่ข้อมูลเชิงลึกที่สดใหม่ และเป็นมิตรกับผู้ใช้ โดยใช้ประโยชน์จากพลังของข้อมูลตามความต้องการจากชุดข้อมูลหลายชุด NIQ Discover ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก CPG ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่มีความหมายเร็วขึ้น รวมถึงวัดผลและติดตาม สิ่งที่สําคัญที่สุดต่อธุรกิจของตนภายในแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์เดียว

NIQ Ask Arthur ใน NIQ Discover ช่วยให้สามารถค้นพบข้อมูลเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปิดเผยข้อมูลที่มีค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มคุณค่าให้กับเรื่องราวของแบรนด์ และทําให้การเข้าถึงข้อมูลอย่างเป็นประชาธิปไตย ผู้ใช้ปัจจุบันและผู้ใช้ใหม่สามารถค้นพบข้อมูลที่มีความหมาย แนวโน้ม และรูปแบบซึ่งอาจไม่มีใครสังเกตเห็น ซึ่งนําไปสู่การวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ที่ NIQ เราให้บริการ Full View™ และเรารักษามาตรฐานสูงสุดของความถูกต้องและคุณภาพของข้อมูล GenAI จะช่วยให้ผู้ใช้ NIQ Discover ถอดรหัสรูปแบบที่หลากหลายและจัดการกับคําถามทางธุรกิจที่ซับซ้อน

“วิสัยทัศน์ของการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล และการเล่าเรื่องนั้นทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เป็นประชาธิปไตยเป็นสิ่งสําคัญในการช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจโดยมีข้อมูลประกอบ และขับเคลื่อนนวัตกรรม 'NIQ Ask Arthur' ปลดล็อกพลังของการวิเคราะห์บนแพลตฟอร์ม Discover” Troy Treangen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ NIQ กล่าว

NIQ Ask Arthur ใน Discover ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาด้วยการแนะนําข้อมูลเชิงลึกในเชิงรุก และทําให้การนําทางข้อมูลง่ายขึ้นผ่านประสบการณ์การสนทนาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ราบรื่น

ด้วยการลงทุนของ NIQ ในแพลตฟอร์ม NIQ Discover ที่ทันสมัย ผสมผสานกับประเภทข้อมูลที่หลากหลาย และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง NIQ Ask Arthur มอบคุณค่าที่เหนือชั้นให้กับลูกค้า

NIQ อยู่ในตําแหน่งที่ดีที่สุดในการทําความเข้าใจข้อมูลและคําถามทางธุรกิจที่ช่วยให้แบรนด์เปิดเผยเรื่องราวของพวกเขา ความคล่องตัวและกลยุทธ์การปรับใช้ที่รวดเร็วของบริษัทได้อํานวยความสะดวกให้กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่โดดเด่น ในปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์ม NIQ Discover มีการเติบโตที่ไม่ธรรมดา โดยเพิ่มขึ้นจาก ผู้ใช้ 2,500 ราย ในเดือนมกราคม 2023 เป็น 40,000 รายที่น่าประทับใจใน 71 ประเทศในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวทางเทคโนโลยีในวงกว้างของ NIQ  ความสามารถในการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ และสร้างสถานะทั่วโลก ตอกย้ำความคล่องตัวและนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ของ NIQ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรม ช่องทาง  และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกอย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อส่งมอบ Full View™

เกี่ยวกับ NIQ

NIQ เป็นบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนําของโลก ที่มอบความเข้าใจที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต NIQ รวมกับ GfK ในปี 2023 เพื่อนำผู้นําในอุตสาหกรรมทั้งสองมารวมตัวกันพร้อมการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ มีการดําเนินงานในกว่า 95 ประเทศซึ่งคิดเป็น 97% ของ GDP โลก ด้วยการอ่านขัอมูลการค้าปลีกแบบองค์รวม และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด—นําเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย—NIQ มอบ Full ViewTM.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jill Saletta – หัวหน้าระดับสากล – ฝ่ายสื่อสารภายนอก
jill.saletta@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

The Bangkok Reporter